ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย