อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าการสบถ สาบานแรงๆ พวกนี้จะให้ประโยชน์เสมอไปนะครับ เพราะสตีเฟนส์บอกว่า ยิ่งทำบ่อยเท่าไร ผลที่ได้ (อันที่จะลดความเจ็บปวด) ก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น พวกที่ Toxic ทางวาจาเป็นประจำ อาจต้องพิจารณาตัวเองกันหน่อยนะครับ ก่อนที่จะไปบอกใครๆ ว่าจำเป็นต้องทำเพื่อผลทางการแพทย์
สตีเฟนส์บอกด้วยว่า งานวิจัยของเขาเสนอว่า การสบถ สาบานเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้เราแสดงอารมณ์รุนแรงออกมา แต่ทำบ่อย และทำในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ล่อแหลมอันตราย ก็ไม่ใช่เรื่องดี
Toxic ขี้เมาท์
ใครๆ ก็เบื่อพวกขี้เมาท์ ชอบซุบซิบ นินทา แต่รู้ไหมครับ ว่าเคยมีงานวิจัย (น่าเสียดายที่เป็นงานวิจัยที่ทำเฉพาะในสาวๆ เท่านั้น) ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (ดูที่นี่) โดย สเตฟานี บราวน์ ซึ่งตีพิมพ์ผลงานร่วมกับคณะลงในวารสาร Hormones and Behavior
เธอบอกว่า การที่สาวๆ ชอบซุบซิบ นินทา จับกลุ่มเมาท์กันนั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเธออยู่ไม่น้อย นั่นคือทำให้อารมณ์ของพวกเธอดีขึ้น
ที่อารมณ์ดีขึ้นนั้น ไม่ใช่แค่ได้พ่นพล่อยลับหลังคนอื่นเท่านั้นนะครับ แต่เพราะการเมาท์ (โดยเฉพาะเรื่องแซ่บๆ) ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายที่ชื่อ โปรเจสเทอโรน (Progesterone) เพิ่มปริมาณขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดลงได้
บราวน์บอกว่า สิ่งที่เธอทำคือ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลไกทางชีววิทยากับพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกขึ้นว่า ทำไมคนที่มีชีวิตทางสังคมจึงมีความสุข หรือมีสุขภาวะที่ดี และมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่โดดเดี่ยว โดยการซุบซิบ นินทา เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยสร้างพันธะระหว่างคนในกลุ่มให้แน่นแฟ้น ด้วยการสร้าง ‘ศัตรูร่วม’ ขึ้นมา
โปรเจสเทอโรนเป็นฮอร์โมนที่ทำงานคล้ายๆ กับออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก แต่ออกซิโตซินวัดค่าได้ยาก ต้องวัดจากไขสันหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่แพงและเจ็บ ส่วนโปรเจสเทอโรนวัดค่าได้ง่ายกว่ามาก แค่ตรวจตัวอย่างน้ำลายก็ใช้ได้แล้ว และโปรเจสเทอโรนก็สัมพันธ์กับออกซิโตซินด้วย