หลงเลยกุ 55
Last posted
Total of 1000 posts
หลงเลยกุ 55
มู้เม้าาาาา
อันนี้นะ
Ky สนพกุ้งม่วง(ที่เคลมว่าเป็น)วายน้ำดี ทุกวันนี้เป็นไงบ้างอ่ะ เห็นเงียบหายจากไทม์ไลน์กุไปเลย
Ky สนพบกรไม่ตอบเมล์วันเสาร์-อาทิตย์ใช่เปล่ามึง
KY
https://twitter.com/LocationUnkn0wn/status/1373522057447809024?s=19
ต้องขนาดนี้เลยเหรอวะ
กูขอนักเขียนได้ไหม ได้โปรดอย่าโยงการเมืองโดยไม่จำเป็นเลย T_T
คือใส่ไว้นิดหน่อยตรงทอลค์ท้ายตอน กูก็ยังพอไหว แต่นอกนั้นไปแสดงพลังทีอื่นเถอะ
>>410 +10000 กูจะเลิกอ่านคนไทยแต่งก็เพราะโยงการเมืองเยอะเกินนี่แหละ คือมึงใส่มาได้พอกรุบกริบแต่เล่นมาทั้งดุ้นกุเบื่อว่ะ โดยเฉพาะการขายตรงไปม็อบโดยไม่จำเป็นกุแบบอิหยังวะในทวิต เฟสก็มีไหมเพ่ยังแสดงพลังกันไม่พออิรึ!!! กูอ่านนิยายหาความบันเทิงไม่ได้ต้องการหาเรื่องชวนปสดเสียใส่สมองเพิ่ม
กูเห็นอันไหนหนักเกินปุ้บอันฟอลปั้บเลย อยากให้เขารู้ว่าอันฟอลเพราะทวิตไหน 555
รีหรือบ่นเนี่ยกูโอเคนะ แต่บางอันมันเป็นพวกแอคเห็บพ่นขยะพ่นความคิดเชิงลบยังจะรีมา
แมร่ง นักเขียนคนไหนเอาการเมืองมาใส่ในนิยายหรือเปิดตอนใหม่เฉพาะการเมือง กูเลิกอ่านเลย บางทีมันก็ไม่ต้องขนาดนั้นป่าววะ ทวิตเอย เฟสเอ่ยมีก็โพสก็รีไป แต่ลงในนิยายนี่ไม่ใช่เหมือนกันว่ะ บาร์สูงบาร์ต่ำบ้าบอแมร่งเหอะ บางทีก็เยอะไป แทรกมาในนิยายจนกูงงว่าอ่านอะไรอยู่นิยายหรือบทความทางการเมือง อันฟอลเลิกอ่านแมร่งหมดจริงๆ
เรื่องของมึงจ้า
นักเขียนส่วนใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หล่อเลี้ยงด้วยอารมณ์แล้วก็ชอบถ่ายทอดความคิดตัวเองอยู่แล้วอะ ไม่งั้นคงไม่ชอบการเขียน ทีนี้ถ้านักเขียนจะอินการเมืองจนระบายออกมาในพื้นที่เขา มันก็ปกตินะมึง ถ้าเครียดก็แค่เลิกอ่าน แรกเริ่มสุดคือมึงไปตามอ่านเขาเองนะ มึงเคยมีความสุขเพราะสิ่งที่เขาเขียน พอมาตอนนี้เขาไม่ได้สร้างความบันเทิงให้มึงแล้ว มึงก็แค่ถอยปะ ไม่เห็นต้องไปทำร้ายจิตใจเขาส่งท้ายเลย
มันเป็นสิทธิ์ของนักเขียน กูรู้ ต่อให้ไม่ชอบกูก็ไม่เคยไปพิมพ์ด่าหรือบอกให้เขาเลิกเขียนแบบนี้เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเขาเป็นพื้นที่ของเขา กูก็ไม่คิดจะไปแกว่งตีนหาเสี้ยนให้ตัวเองโดนด่าเล่นหรอ ที่กูมาบ่นในโม่งเพราะกูแค่รำคาญความบ้าการเมืองของนข.บางคนที่พยายามโยงทุกอย่างเข้าการเมืองหมด ต่อให้มันจะไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรเลยก็ตาม ยิ่งเดี๋ยวนี้เหมือนแม่งเป็นเทรนไปแล้วว่าต้องยัดการเมืองสักส่วนลงในนิยายตัวเอง ซึ่งส่วนตัวกูไม่ชอบและรำคาญกับอิแนวคิดเชี่ยนี่มากแต่ถึงกูไม่ชอบกูก็แค่กดเลิกติดตามแล้วถอดออกจากชั้น จบ!!! แบบต่างคนต่างอยู่
เอาจริงเวลาเจอคนอ่านเป็นแนวร่วมการเมืองขั้วเดียวกันมันฟินดีนะ รู้สึกคลิกถึงกันยิ่งกว่าตอนเค้ามาเมนต์นิยาย 555
ทีนี้ถ้าพวกมึงรู้สึกเกะกะสายตา คือใครบังคับให้เข้ามาอ่านเหรอ หรือมึงเข้ามาอ่านนิยายฟรีๆ แล้วจะชี้นิ้วว่าไม่ให้เขียนเรื่องไร
ปากบอกประชาธิปไตย แต่แค่มีออกความเห็นเรื่องการคอลเอ้าท์ของนักเขียน ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองในนิยายเลย จู่ๆ มีพวกโพล่งออกมา ไม่คิดจะรับฟังความเห็นอื่นก็ข้ามไปจ้า เกะกะมากก็ข้ามไป เหมือนที่มึงบอกป่าวๆอ่ะ ยอมรับความคิดเห็นคนอื่นมั่ง เสร่อมาแย้งมั่วๆ แล้วมาฟินกับนิยายการเมือง แค่เคารพความเห็นคนอื่ยังทำไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้่ด่า หรือไปก้าวก่ายคนเขียนสักคน
กูไม่ได้อ่านวายไทยนานละ สมัยก่อนคนยังไม่อินการเมืองเลยไม่เจอแบบนี้ แต่เก็ทฟีลนะ เหมือนตอนกูอ่านวายจีน/เกาที่ยัดเนื้อหาเหยียดญป. คือมันเป็นเรื่องธรรมดาของคนกลุ่มนึงแต่น่ารำคาญสำหรับคนอีกกลุ่มที่ไม่อิน
กูงง นิยังไม่ได้ด่าอะไรนักเขียนเลยด้วยซ้ำแค่มาบ่นในโม่ง ทำไมบางคนต้องออกมาดิ้นเป็นปลาโดนน้ำร้อนลวกขนาดนั้น555อิทธิพลการเมืองแม่งแรงจริง แค่ออกมาแสดงความเห็นไม่ตรงใจก็มีแววโดนโขกสับมาแต่ไกล/บอกก่อนกูไม่ใช่ซาหริ่มนะ แต่ถ้ามึงไม่เชื่อก็รขม.คะ กูแค่เห็นต่างจากพวกมึงเฉยๆ
อีพวกอปตสมาโทรลเปล่า ให้เมิงตีกัน
>>419 ข้างบนๆมีคนบอกปะ ว่าอยากให้นขรู้ว่าโดนอันฟอลเพราะทวิตไหน อันนี้เหมือนจะโอเคแต่ไม่โอนะ เพราะมันคือการบอกว่า เพราะเธอทวิตอันนี้ ไม่ถูกใจชั้น เธอทำผิด ชั้นเลยอันฟอล ทั้งๆที่อิการเมืองนี่มันก็เกี่ยวกับทุกคนนั่นแหละ ถ้าเขาจะอินจนพยายามแสดงออกทุกทาง มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นต้องพยายามไปบั่นทอนน่ะนะ โดยเฉพาะคนอ่านที่อย่างน้อยๆก็เคยหลบวันแย่ๆเข้าไปมีความสุขในนิยายเขา
>>432 นี่น่ารังเกียจแล้วพวกที่เมนชั่นไปด่าไม่เป็นขี้เลยหรอวะ บาร์เมิงสูงดีจัง หรือต้องเรียกบาร์ต่ำวะเริ่มงง
แล้วคนอ่านที่ไปฟอลเพราะหวังจะได้ตามอะไรดีๆได้อ่านนิยายดีๆตรงปกตรงคำโปรยแต่เข้าไปเจอขยะที่คขยัดเยียดเข้าไปเพราะอินการเมืองนี่ไม่มีสิทธิทำไรเลยเหรอวะ แค่จะอันฟอลยังต้องอันฟอลด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์เลย โดนยัดเยียดให้แดกขี้แต่ก็ต้องยิ้มขอบคุณ ขนาดไม่ได้เมนชั่นไปด่านะเนี่ย
นิพูดถึงในทวิตหรอ นึกว่า refer ถึงนข.ที่ยัดการเมืองในนิยาย+ปลุกระดมในทอล์ค ถ้าในทวิตกูไม่อะไรเพราะกูไม่ฟอลอยู่แล้ว ที่กูรำคาญน่ะอย่างหลัง
ถ้าไม่พอใจแล้วอันฟอลมันก็ไม่อะไรหรอก แต่ต้องมากระเหี้นยกระหือรืออยากให้นักเขียนรู้ด้วยเหรอว่าโดนอันฟอลเพราะอะไร ถ้ามึงบอกด่านักเขียนว่าปสดอินการเมืองลงโม่งได้ ทำไมกูด่าว่าพวกมึงคิดอะไรใจแคบน่ารังเกียจ ถึงได้ดิ้นกันล่ะ แล้วแรกสุดเลยกูไม่ได้ด่าด้วยนะ กูแค่บอกว่าไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายจิตใจเขา พวกมึงนึกว่าโม่งนี่ลับมาก นักเขียนไม่รู้จักหรือไง กูไม่ได้ด่าการกระทำเขา กูด่าความคิดที่เอามาพ่นลงในนี้ มึงย้อนขึ้นไปอ่าน หลายคำโคตรใจร้ายเลยกูว่า
>>440 คืองี้ กูว่ากูคงไม่เคลียร์ กูไม่ได้ด่าการกระทำของเขา (ที่อันฟอล หรือเลิกอ่าน) และกูไม่เห็นด้วยกับการบ่นด้วยคำแรงๆ (ของบางคน) แต่สิ่งที่กูคิดว่าน่ารังเกียจคือ คห ที่อยากให้นักเขียนรู้(สำนึกสักที)ว่าโดนฟอลเพราะอะไร (คราวหน้าจะได้ไม่กล้าทำอีก) เก็ตมะ ถ้าไม่ได้หวังให้นีกเขียนปรับปรุงตัวทำตามที่ตัวเองชอบ ทำไมต้องอยากให้เขารู้ และกูรู้ว่าเขาไม่ได้ทำจริง แต่ในเมื่อเขาพ่นลงโม่ง กูก็มีสิทธิ์พ่นเหมือนกันว่ากูไม่ชอบความคิดแบบนี้ ไหนบอกว่าแค่บ่นไง ไม่ได้ดีเอ็มไปด่านักเขียนซักหน่อย นี่กูก็แค่บ่นเหมือนกันไง ไม่ได้ตามแหกโม่งใครเพื่อแฉว่าเคยพ่นอะไรไว้สักหน่อย
เอาตรงๆนะ เจ้าของทวิตเป็นของใคร เขาจะอันฟอลตอนไหนก็เรื่องของเขามั้ย พื้นที่ก็พื้นที่ของเขา ชีวิตบางคนเครียดจะตายห่าเขาก็อยากให้หน้าเทเลมีแต่ที่เขาสนใจเปล่า แล้วไม่ต้องมาว่าคนอิกนอนะ คนที่เขาอันฟอลไม่ใช่เขาไม่รู้เขารู้แต่ก็ไม่ได้อยากเสพเรื่องพวกนี้ติดๆให้เครียดกว่าเดิม มึงทำตัวเหมือนแบบ"ตัวเองๆ เราตามฟอลตัวเองเพราะ(ชื่อสินปิน)แต่ตัวเองรีคนอื่นทำไม" ทั้งที่หน้าเทเลตัวเองก็จัดการตัวเองดิ
>>446 ตามสบายเลย กูไม่ได้รู้จักมึงนี่ กูแค่อยากแสดงความเห็นเท่านั้นแหละ ว่าความคิดบางคนก็น่ารังเกียจในสายตากู อันที่จริงกูจะคิดยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยนะ แค่คิดว่าถ้ามีใครเขาเห็นแบบกูแล้วผ่านมาอ่าน เขาจะได้รู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่คิด ส่วนใครที่คิดแบบมึงก็แล้วแต่เลย อย่าเผลอติดนิสัยไปหลุดบนบกแล้วกัน
ดันทุรังชิบหาย ถถถถถ
เออๆ ก็ปสดจริงแหละ สุดท้ายกูก็อันฟอลอยู่ดี เถียงไปเหอะมึง 555
>>447 อ่ะ กูเข้าใจมึงละ แต่มึงพอเหอะ พวกกูไม่ได้อยากมีศีลธรรมสูงส่งอะไร แค่อยากบ่นให้สะใจแบบที่จิกด่าออกหน้าไม่ได้อ่ะมึงเข้าใจมะ ไม่เห็นเหรอว่าไม่มีใครสนใจเรื่องใจร้ายใจดีอะไรของมึง ด่ารวมๆ ไม่ได้เจาะจงใครก็ถือว่าไม่ได้ด่าปะวะ นักเขียนที่ไหนจะมาเห็นแล้วนอยด์ไปเองก็เรื่องของมันดิ แต่ก็ขอบใจนะที่เตือน กูทำตัวต่ำแค่ในนี้ค่า~
คราวหน้าก่อนเอาออกจากชั้นกูเม้นไปด่าด้วยดีกว่า อ่านนิยายอีดอกอย่าสาระแนสอดใส้มาให้อ่าน กูไปหาอ่านตามทวิตได้ อยากเห็นนขดิ้นๆๆ
น่าจะเป็นคนที่อยากให้นขออกมาคอลเอ้าเยอะๆมั้ง เดี๋ยวนขมาอ่านเจอพวกเมิงด่าๆกันเห็นแล้วใจฝ่อ
กูโอเคกับนิยายเนื้อหาการเมืองนะ ชอบด้วย แต่นิยายฉอดการเมืองที่เขียนๆกันแม่งไร้ชั้นเชิงมากกก สักแต่เอาเนื้อหาที่ฉอดในทวิตเตอร์มายัดใส่ปากตัวละครทื่อๆ ให้ตัวละครมันฉอดตามสคริปท์อย่างไม่แนบเนียน บางเรื่องก็ยัดเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย มันอ่านไม่สนุก ตัวอย่างนิยายการเมืองที่เขียนออกมามีชั้นเชิงก็โน่นเลย ฮังเกอร์เกม ถ้าทำได้แบบนั้นใครจะด่าวะ สรุปคือนักเขียนไทยที่ฉอดการเมืองผ่านนิยายมีแต่คนมือไม่ถึงอะ
สรุปคือเขียนห่วยเอง มาโทษนักอ่านได้ไงวะ ส่วนอันฟอล ก็เพราะรำคาญที่รีแต่พวกท็อกซิคมานั่นแหละ กูไม่อยากเห็น แล้วถ้าเป็นกู กูก็อยากจะให้อินักเขียนรู้เหมือนกันว่าทวิตไหนทำให้กูอันฟอล เผื่อจะสำนึกบ้างว่านี่ทวิตนักเขียน คนเขาตามก็เพราะงานเขียน จะไปคอลเอ้าท์ก็เปิดทวิตใหม่หรือไปทวิตส่วนตัวสิวะ กูอยากอ่านนิยายเพลินๆ กูตามเพราะนิยาย ไม่ได้ตามเพราะการเมือง
>>452 ฝ่ายซ้ายก็ดิ้น สาววายเป็นหริ่ม ไม่สนใจการเมือง
>>455 ฮังเกอร์เกมแนวเรื่องมันการเมืองอยู่แล้ว แต่ที่เห็นคือแนวรักวัยรุ่นแต่ยัดการเมืองโต้งๆแบบไม่เนียน ถ้าเนียนมันต้องมีสถานการณ์ที่เทียบกันได้ ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกคุ้นๆ แต่ขขแบบ กูขี้เกียจคิดค่ะละกูก็อินมาก ยัดมาเลย
ส่วนตัวกูชอบแนวมุกสารเลว แต่ไม่มีใครแต่งแบบนั้น เพราะทุกคน take it serious
อย่างเรื่องเมื่อไรจะเลิกเป็นหลิ่ม ถือว่าสอบผ่านสำหรับพวกมึงมั้ยวะ ?
อันนี้ถามแบบไม่ได้จะแหย่หาเรื่องนะโว้ย แค่อยากรู้เทสแต่ละคนเฉยๆ เห็นนักเขียนคนนี้มีคนแอนตี้เยอะเลยไม่รู้จะถามดีป่าว
ส่วนตัวกูนะ เรื่องนี้ช่วงแรกที่ลงกูชอบฟอนต์ชื่อเรื่องมาก (เวอร์ชั่นก่อนคนเขียนเปลี่ยนอะ ไม่รู้มีใครทันเคยเห็นป่าว มันจะเป็นฟอนต์ที่เหมือนเขียนด้วยสีชอล์กอะ สีหลิ่มๆ ดี กูชอบความครีเอทจุดนี้)
เนื้อเรื่องก็บ่นๆ ด่าๆ อ่านแล้วนึกถึงเคียวน์เรื่องฮารุฮิ ประเด็นที่เอามาฉอดมันปัจจุบันไปหน่อย ผ่านไปปีหนึ่งก็กลายเป็นนิยายหมดอายุแล้ว พาร์ทความรักกับการแก้โรคหลิ่มของพอ. ก็ง่ายไปนิด แต่โดยรวมกูุอ่านรอดว่ะ ไม่ถึงกับขว้างทิ้ง
สมัยช่วงปี56-57กูเห็นต่างโดนด่าว่าเป็นกระบือแดง สมัยนี้ช่วงปี64 กูเห็นต่างโดนด่าว่าเป็นซาหริ่ม ...นิสัยคนไทยมันก็ไม่ได้ต่างกันมากนักหรอก เหยียดคนเห็นต่าง ด่าคนเห็นต่างเหมือนกันทุกยุคทุกสมัยนั้นแหละ ถ้าไม่อยากมีปัญหาปสด.ก็เบี่ยงประเด็นเถอะ กูไม่อยากให้มู้เม้าท์กลายเป็นมู้การเมืองไปอีกมู้
กูอ่านเรื่องแนวสอนแนวฉอดไม่ค่อยรอดเลยว่ะ รู้สึกว่า นข. หลายคนไม่มีศิลปะในการสอดแทรกการเมืองอะ
อยู่ๆ ก็ให้ตัวละครร่ายบทพูดการเมืองมายาวมากเหมือนอยู่บนเวทีปราศรัย บางทีกำลังสวีทอยู่ก็โยงเข้าอะไรแบบนี้เฉยเลย
Ky งานหนังสือไบเทค ใครมีที่กินแนะนำไหม จากรถไฟฟ้าเดินไกลม่ะ
>>471 มันเป็น food court ไม่ใช่หรอ ตอนไปดูงาน(ไม่ใช่งานหนังสือ) ทำไมจำได้ว่าไม่แพง ด้านล่างมีเซเว่นด้วยเผื่อประทังหิวได้ ปกติเดินกันเต็มวันเลยหรอ ของกูไปงานอย่างน้อยสองวัน วันแรกๆ (รอหนังสือครบ) คือสอยตามลิสหยิบๆ ขนกลับบ้าน แล้วไปอีกทีใกล้ๆ วันสุดท้าย เดินเรื่อยๆ หาเก็บตกประปราย แต่อย่างมากก็ไม่เกิน 3 ชมอะ กูชอบออกมาหาร้านนั่งกินชิลๆ มากกว่า ในงานทีไรคนเยอะทุกที ยิ่งช่วงนี้ยิ่งกลัวที่แออัด
KY นอกเรื่องสัดๆ
โม่งในนี้แยกร่างไปเล่นในไลน์กันเยอะมั้ยวะ
กูก็สิงอยู่ที่นั่นนะ แต่เป็นคนอ่านซะส่วนใหญ่เลย กูพิมพ์คีย์บอร์ดมือถือไม่ถนัด (; _ ;)
กลัวห้องโม่งนี้จะร้างจัง (ถึงแม้ประเด็นนข. โยงการเมืองเมื่อคืนจะคึกคักมากก็ตาม 555+)
>>472 ไม่รู้แฮะ เห็นโม่งไลน์คุยกัน กูไม่ได้ร่วมวงเพราะไม่เคยไปงานไบเทค
กูก็ไปสองวัน ตอนไปสิริกิตกับเมืองทองกูอยู่เต็มวันเลย ประมาณ 11 โมงถึง 6 โมงเย็น เมื่อก่อนกูตามทั้งมังงะทั้งนิยายด้วยเลยแวะหลายบูธ ฟินกับการเก็บของพรีเมียมยิบย่อย(เอามารกบ้าน) บางทีมีอีเวนต์อีก บวกกับความต๊ะต่อนยอนของกูเองด้วยเวลาเลยไม่พอ ถถถถ
กูแวบมาดูที่นี่ตลอดแหละ ในไลน์ก็อยู่ แต่ตอนโทรลล์ลงหนักๆกูก็ไปคุยในไลน์เอา เพราะตอนนั้นแทบจะหามู้และเนื้อหาไม่เจอเลย มีแต่โทรลล์ปั่นอิหยังไม่รู้
กูว่าที่นี่ไม่ร้างหรอก ก็เห็นมีเรื่องคุยกันอยู่ตลอดนะถ้าไม่นับช่วงโทรลล์ลง
ky เห็น ด ประกาศโปรเจ็กต์นิยายรวมนักเขียน พวกนี้แกงค์อิติปิโสใช่ป่ะ
>>478 คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "fanboi.ch#801" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
https://line.me/ti/g2/A4eG2eEkOndRZWgR_eounw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
เหยแป๊บ มึงถามหาห้องไหนนะ
ด้านบนคือห้องรวม
ถ้าห้องสาวฟุนักเม้าท์ เป็นอันนี้
คุณได้รับคำเชิญให้เข้าร่วม "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ถ้าอิงชีวิตจริงที่ประสบมา ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดเพราะแค่เทศน์เรื่องรฐบเฉยๆ หรอก คนที่อยู่ฝั่งนั้นเขามีชุดความเชื่อของเขาอยู่แล้ว ก็เหมือนคนอยู่อีกฝั่ง ต่างคนต่างมีชุดความเชื่อ กุกะแฟน คนนึงเป็นรยล อีกคนเป็นอตรยล ยังไม่คิดจะเปลี่ยนความคิดกันเลย เวลาอีกคนแชร์ข้อมูลของตัวเองให้อีกคนฟังหรืออ่าน แค่ฟังขำๆ แต่สุดท้ายก็เลือกเชื่อตัวเองอยู่ดี ไม่มีหรอกที่ว่าเปลี่ยนความคิดแค่เพราะแฟนเทศน์ให้ฟัง ยกเว้นแต่เขาไม่ได้บีลีฟในความเชื่อตัวเองแต่แรกอยู่แล้ว
โดนเซนเซอร์คำว่ะ ขก ตอบละ 55
ลบได้มั้ยนิ เซนคำกุซะอ่านไม่ออกเลย -_-"
“อันนินทา กาเร เหมือนเทส้วม ถ้ารวบรวม รับไว้ ย่อมได้เหม็น หากไม่รับ กลับหาย คลายประเด็น ย้อนไปเหม็น ปากเน่า ของเขาเอง ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ขวัญใจโลก คนยังโขก ยังสับ งับเหยงเหยง ถ่มน้ำลาย รดฟ้า ด่าบรรเลง ใครจะเก่ง เกินลิ้น คนนินทา”
ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็ได้กล่าวไว้ว่า “ในโลกนี้…ถูกเขาสรรเสริญก็ตัวลอยฟุ้งเฟ้อไป ถูกเขาก็นินทาด่าว่าก็มาขัดใจโกรธแค้นอยู่ เหมือนคนบ้า ได้รับสรรเสริญก็บ้าไปอย่าง ได้รับนินทาก็บ้าไปอย่าง เพราะมันไม่รู้ว่าในโลกมันเป็นเช่นนั้นเอง”
ดังนั้นการนินทาเป็นเรื่องธรรมดาของโลกดีเสียอีกที่ว่าคนนินทาก็แสดงว่าเขายังเห็นเรามีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ แต่จะเห็นเราเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็เป็นเรื่องของเขาไม่ใช่เรื่องของเรา ตราบเท่าที่เราคิดว่าได้ทำตามหน้าที่ดีพอแล้วเกิดอะไรจากนั้นก็ต้องทำใจเท่านั้นเอง
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: โดนใส่ร้าย นินทา จนคนอื่นเข้าใจเราผิด ควรทำอย่างดี
ถาม: โดนพูดจาใส่ร้าย นินทา จนคนอื่นเข้าใจเราผิด ยิ่งไม่แก้ตัว คนอื่นก็ยิ่งเข้าใจผิด ควรจะทำอย่างไร
ตอบ:
หลวงพ่อชา เคยสอนว่า คนมีปัญญาอาจหาประโยชน์ได้แม้จากกองขยะ คำนินทาว่าร้ายเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจแต่หากพิจารณาให้ดีแล้วอาจเป็นประโยชน์ต่อเราได้มาก ไม่ต่างจากขยะที่ถูกแปรให้กลายเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้
พระไพศาล วิสาโล กล่าวถึงผู้ชอบนินทาไว้ว่า คนที่ชอบนินทาคนอื่นให้เสียหายนั้น เป็นเพราะเขาเองมีความทุกข์อยู่ก่อนแล้ว เช่น อิจฉาคนอื่น หรือมองคนอื่นในแง่ลบ ทำให้ใจเขาเป็นอกุศล จึงแสดงออกด้วยการนินทาว่าร้ายคนอื่น และเมื่อทำไปแล้ว ย่อมต้องได้รับผลกระทบ(หรือวิบาก)จากกรรมนั้น ๆ เช่น ได้รับความเชื่อถือไว้วางใจจากคนอื่นน้อยลง หรือเสียภาพพจน์ไปเลย อีกทั้งยังมีศัตรูมากขึ้น ทำอะไรก็ยากจะสำเร็จ ไม่ได้รับความเจริญ ทั้งหมดนี้ย่อมทำให้ชีวิตของเขาไม่ได้รับความสุข หรือถึงจะมีสุขก็ชั่วคราว
ส่วนพระอาจารย์มานพ อุปสโม แนะนำวิธีแก้ไขไว้ว่า หากมีการใส่ร้าย เราควรชี้แจงว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ใครจะเชื่อนั้นเป็นเรื่องสุดวิสัย เราไม่ควรทุกข์ใจ เพราะเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาใส่ร้าย ปุถุชนย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา เราต้องทำใจให้หนักแน่นด้วยการนั่งสมาธิให้มาก สักวันเขาจะเข้าใจเราเอง ขอเพียงเราอย่าเป็นอย่างที่เขาใส่ร้ายเท่านั้นพอ
เช่นเดียวกับที่ ท่านปิยสีโลภิกขุ กล่าวไว้ว่า ท่าทีที่พึงมีต่อคำนินทา คือ น้อมนำมาใคร่ครวญ เพราะอาจทำให้เห็นข้อบกพร่องที่ตนไม่เคยมองมาก่อน แม้คำนินทานั้นจะไม่จริง เรายังอาจวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้มีผู้มองเราในแง่ลบได้เช่นกัน และหากอยู่ในวิสัยจะแก้ไขปรับปรุงได้ เราย่อมมีโอกาสพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น มองในแง่นี้ ควรขอบคุณผู้นินทาเสียด้วยซ้ำ
ที่สุดแล้ว คำนินทาควรทำให้ตระหนักได้ว่า ไม่มีใครเป็นที่พอใจของทุกคนได้ ต่อให้ปฏิบัติดีเพียงใด ย่อมไม่แคล้วมีผู้มองในแง่ลบ ความเข้าใจนี้ช่วยให้คลายความคาดหวังต่อการกระทำของตนเองลง สามารถทำความดีโดยไม่ต้องเกร็งกับคำพิพากษาของใคร
นินทาว่าร้าย
เพราะอิจฉาริษยาเป็นเหตุ
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมกาสังฆปริณายก
นินทาและสรรเสริญ อันเป็นกระแสแห่งกรรม แห่งโลกธรรม ที่สำคัญอย่างยิ่ง
เป็นเหตุแห่งทุกข์โทษภัยนานาประการ แก่จิตใจที่ขาดสติ ขาดปัญญา
เมื่อผจญกับกระแสเสียงสรรเสริญก็ตาม กระแสเสียงนินทาก็ตาม
ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาปิดกั้น ปล่อยให้เข้าไปทำร้ายจิตใจ
หนักหนาเพียงไรก็ได้ เพียงไม่หนักหนานักก็มี
กระแสเสียงนินทาน่าจะหนักหนารุนแรงกว่ากระแสแห่งการยกย่องสรรเสริญ
ดังที่เห็นอยู่ก็เช่นนี้ คือโบราณท่านว่าไว้ว่าจะถึงสมัยหนึ่งที่
คนดีจะต้องเดินตรอก ขี้ครอกจะได้เดินถนน
กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
ผู้ใหญ่ ในสมัยโบราณ ท่านอธิบายให้ลูกหลานเข้าใจความหมายของคำที่ว่านี้คือ
คนดีจะถูกเหยียบย่ำ จนไม่อาจเผยอหน้าให้ใครเห็นได้
คนชั่วร้ายจะได้รับการยกย่อง จนแทบจะล่องลอยฟ้า
ผู้ใหญ่สมัยก่อนที่ ท่านเป็นผู้ดี เป็นคนดี ท่านสอนลูกสอนหลาน
ให้มีเหตุผลในการพูดในการฟัง นั่นก็คือ อย่าไม่มีเหตุผล ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา
ในการพูด ในการฟัง ใครพูดอะไร ใครบอกอะไร ได้ยินก็เชื่อ ก็ฟังก็พูดต่อ
ท่านว่านี้เป็นเหตุสำคัญให้ถึงสมัยผู้ดีต้องเดินตรอก
น่าจะหมายความว่า ผู้ดีหรือคนดี ถูกประณามหยามเหยียด จนอับอายขายหน้า
ไม่อาจให้เห็นหน้าค่าตาได้ พิจารณาให้เห็นเหตุผล น่าจะเห็นได้ว่า
เสียงนินทามีความสำคัญไม่น้อย ทำให้คนดีกลายเป็นคนไม่ดี
หรือคนถูกกลายเป็นคนผิดไปได้มากมายยิ่งขึ้น ในทุกวันนี้
จนเป็นเหตุให้มีคำกล่าวว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
หรือผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน นั่นเอง
ได้ยินใครพูดถึงใครอย่างไร ถ้าเป็นผู้ได้ยิน ที่ไม่เคยพบเคยผ่านเรื่องราว
ที่ฟังเสียงบอกเสียงเล่าด้วยตนเอง ไม่รู้จักผู้ที่ถูกกล่าวถึง ไม่เคยรู้เคยเห็นด้วยตนเอง
ในการพูดการทำของแต่ละคน เขาจะเป็นคนดีคนชั่วหรือเป็นคนถูกคนผิดอย่างไร
แม้ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟัง จากปากเขา
เป็นภาพเป็นเสียงจากคนอื่นทั้งสิ้น
แม้คนอื่นนั้นเราพอรู้จักอยู่ แต่ก็จงมั่นคงในสติปัญญาของตน
จงรอบคอบให้อย่างยิ่ง ในการเชื่อ
ผู้รอบคอบในการเชื่อ ก็คือรอบคอบในการฟัง
เมื่อเป็นผู้รอบคอบในการเชื่อ ก็ย่อมเป็นผู้รอบคอบในการพูดด้วยเป็นธรรมดา
การนินทาว่าร้ายที่เต็มไปทุกแห่งทั่วโลกก็ว่าได้
มิได้เกิดแต่เหตุใดอื่น แต่เกิดจากความเชื่อและนอกจากความเชื่อ ก็คือความอิจฉาริษยา
ที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า -ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย-
จะกล่าวว่าการนินทาว่าร้าย เป็นเหตุให้โลกฉิบหาย ก็น่าจะไม่ผิด
น่าจะเหมือนกันกับที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า -ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย-
เพราะการนินทาว่าร้ายจะไม่เกิด แม้ไม่มีความริษยาเป็นเหตุ
เมื่อได้ฟังการนินทาว่าร้าย ก็ไม่ควรลืมพระพุทธภาษิตที่ว่า
-ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย-
ได้ยินเสียงนินทาว่าร้าย ไม่ว่าจะจากผู้ใดก็ตาม ให้นึกถึงพพระพุทธภาษิตทันทีที่ว่า
-ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย- อย่ายอมเข้าร่วมในการนินทาว่าร้าย
หรือในความริษยา แม้เพียงด้วยการเชื่อ โดยมิได้บอกกล่าวเล่าขานต่อไปก็ตาม
แต่ถ้าเชื่อตามเสียงนินทาว่าร้ายและเป็นการเชื่อด้วยจริงใจ
เชื่ออย่างปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่าของคนอื่น
ซึ่งอาจจะป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ น่าไว้ใจ
มีความจริงใจ มีความหวังดี ในการนำเรื่องมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง
จงรอบคอบให้อย่างยิ่งในการฟัง ไม่ว่าผู้พูดผู้เล่าจะเป็นใครก็ตาม นึกไว้อย่างหนึ่งว่า
การนินทาว่าร้าย ถ้าจริงก็เสียหายแก่ผู้พูดผู้ฟังพอสมควร
แต่ถ้าไม่จริง ไม่เพียงแต่ผู้พูดเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฟังผู้เชื่อก็จะเสียหายมาก
มีบัญชีอยู่แล้ว?เข้าสู่ระบบ
หรือลงทะเบียน
ฝึกใจไปกับธรรมะ
•
ติดตาม
12 เม.ย. 2020 เวลา 20:59 • ไลฟ์สไตล์
คนนั่งนิ่งก็ถูกนินทา คนพูดมากก็ถูกนินทา คนพูดน้อยก็ถูกนินทา คนไม่พูดเลยก็ถูกนินทา คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก ดังนั้น จึงควรยอมรับคำนินทาอย่างเต็มใจ และพยายามแก้ไขตามเหตุตามผลกันไป
แต่ไม่ควรยึดมั่นกับคำนินทาเป็นจริงเป็นจังนัก เพราะจะทำให้สุขภาพจิตเสียเปล่า ๆ เอาเวลาที่จะเสียไปเปล่า ๆ นั้น ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ดีกว่า อย่าให้คำนินทาของคนอื่นรกสมองเลย ชอบคำพูดของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ว่าด้วยความจริงหรือเรื่องเหลวไหล เขากล่าวไว้น่าคิดว่า
"ความจริงก็คือความจริง ต่อให้คนพันคนเชื่อเรื่องเหลวไหล มันก็ยังเป็นเรื่องเหลวไหลอยู่ดี เพราะความเป็นจริงไม่เคยต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เราพบว่าการทำตามความจริงโดยลำพัง ก็ยังดีกว่าการไหลไปตามเสียงอื้ออึงของฝูงห่านโง่ ๆ ที่สุดท้ายลงเอยด้วยความธรรมดาสามัญ"
วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการนินทาได้ ก็คือปล่อยมันไปตามกระแสสักพัก เมื่อความจริงปรากฏก็จะหยุดไปเอง แต่ถ้ายังไม่หยุด มีวิธีให้ลองนำไปใช้ดู คือ
ทะเบียน
ฝึกใจไปกับธรรมะ
•
ติดตาม
12 เม.ย. 2020 เวลา 20:59 • ไลฟ์สไตล์
คนนั่งนิ่งก็ถูกนินทา คนพูดมากก็ถูกนินทา คนพูดน้อยก็ถูกนินทา คนไม่พูดเลยก็ถูกนินทา คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก ดังนั้น จึงควรยอมรับคำนินทาอย่างเต็มใจ และพยายามแก้ไขตามเหตุตามผลกันไป
แต่ไม่ควรยึดมั่นกับคำนินทาเป็นจริงเป็นจังนัก เพราะจะทำให้สุขภาพจิตเสียเปล่า ๆ เอาเวลาที่จะเสียไปเปล่า ๆ นั้น ไปทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ดีกว่า อย่าให้คำนินทาของคนอื่นรกสมองเลย ชอบคำพูดของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ว่าด้วยความจริงหรือเรื่องเหลวไหล เขากล่าวไว้น่าคิดว่า
"ความจริงก็คือความจริง ต่อให้คนพันคนเชื่อเรื่องเหลวไหล มันก็ยังเป็นเรื่องเหลวไหลอยู่ดี เพราะความเป็นจริงไม่เคยต้องขึ้นอยู่กับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ เราพบว่าการทำตามความจริงโดยลำพัง ก็ยังดีกว่าการไหลไปตามเสียงอื้ออึงของฝูงห่านโง่ ๆ ที่สุดท้ายลงเอยด้วยความธรรมดาสามัญ"
วิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงการนินทาได้ ก็คือปล่อยมันไปตามกระแสสักพัก เมื่อความจริงปรากฏก็จะหยุดไปเอง แต่ถ้ายังไม่หยุด มีวิธีให้ลองนำไปใช้ดู คือ
1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอดพ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจ ว่าการถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย
2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผา ถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และคำนินทาฉันนั้น
3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทา ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่าคนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา
อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียดหรือชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปรกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้
4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทา คนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริง แต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้น เราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง
5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคม สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือ เน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่า 500 ปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเราเวลาเห็นใครทำดีก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือ ทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่า
สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดวิเคราะห์ได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้วกัน มันเป็นเช่นนั้นเอง
ในอนาคตไม่แน่ ถ้ามีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก "แนวดิ่ง" ให้เป็น " แนวราบ" คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้น สังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า
"สังคมเสื่อมถอย เพราะคนดีท้อแท้" หรือ "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย" จะได้เลิกใช้กันเสียที
#ถูกนินทาว่าร้ายคิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์
1. ฝึกมองตัวเองให้เล็กเข้าไว้ หมายความว่า จงเป็นคนตัวเล็ก อย่าเป็นคนตัวใหญ่ จงเป็นคนธรรมดา อย่าเป็นคนสำคัญ เวลามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา อย่าไปให้ความสำคัญกับตัวเองมากไป
2. ฝึกให้ตัวเองเป็นนักไม่สะสม หมายความว่า การสะสมอะไรสักอย่างนั้นเป็นภาระไม่มีอะไรที่เราสะสมแล้วไม่เป็นภาระยกเว้นความดี นอกนั้นล้วนเป็นภาระทั้งหมดไม่มากก็น้อย
3. ฝึกให้ตนเองเป็นคนสบายๆ หมายความว่า อย่าไปบ้ากับความสมบูรณ์แบบ เพราะความสมบูรณ์แบบมันไม่มีจริงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่มองว่า ความสมบูรณ์แบบมีจริง
4. ฝึกให้ตัวเองเป็นคนนิ่งๆ หรือไม่ก็พูดในสิ่งที่ดีๆ หมายความว่าถ้าอะไรไม่ดีก็อย่าไปพูดมากไม่ว่าสิ่งนั้นจะถูกหรือผิด แต่ถ้ามันไม่ดีเป็นไปได้ก็ไม่ต้องพูด เพราะการพูด หรือวิจารณ์ในทางเสียหายนั้น มีแต่ทำให้จิตใจตนเองตกต่ำ และขุ่นมัว
5. ฝึกให้ตัวเองรู้ธรรมชาติว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ หมายความว่า เวลามีความสุข ก็ให้รู้ว่าเดี๋ยวความสุขมันก็ผ่านไป เวลามีความทุกข์ ก็ให้รู้ว่า เดี๋ยวความทุกข์ก็ผ่านไป เวลามีสถานการณ์แย่ๆ เกิดขึ้น ก็ให้รู้ทันว่า เรื่องราวเหล่านี้ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย
6.ฝึกให้ตัวเองเข้าใจเรื่องของการนินทา หมายความว่า เราเกิดมาก็ต้องรู้ตัวว่า เราต้องถูกนินทาแน่นอน ดังนั้น เมื่อถูกนินทาขอให้รู้ว่า "เรามาถูกทางแล้ว" แปลว่า เรายังมีตัวตนอยู่บนโลก คนที่ชอบเต้นแร้งเต้นกา กับคำนินทาก็คือคนไม่รู้เท่าทันโลกแม้แต่คนเป็นพ่อแม่ก็ยังนินทาลูกคนเป็นลูกก็ยังนินทาพ่อแม่ นับประสาอะไรกับคนอื่น ถ้าเราห้ามตัวเองไม่ให้นินทาคนอื่นได้เมื่อไหร่ ค่อยมาคิดว่า เราจะไม่ถูกนินทา
7.ฝึกให้ตัวเองพ้นไปจากความเป็นขี้ข้าของเงิน หมายความว่า เราต้องหัดพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ รถยนต์ใช้อะไรอยู่ก็หัดพอใจกับมัน นาฬิกาใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน เสื้อผ้าใช้อะไรอยู่ ก็หัดพอใจกับมัน การที่คนเราจะเลิกเป็นขี้ข้าเงินได้ต้องเริ่มจากการรู้จักเพียงพอก่อน เมื่อรู้จักพอแล้ว ก็ไม่ต้องหาเงินมาก เมื่อไม่ต้องหาเงินมาก ชีวิตก็มีโอกาสทำอะไรที่มากกว่าการหาเงิน
เชื่อว่าไม่ว่าใครก็คงต้องเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับ "คน" แน่นอน โดยเฉพาะคนขี้อิจฉา แต่จะให้มัวแต่มานั่งเครียดกับคนจำพวกนี้ก็ชวนให้เสียสุขภาพจิตเสียมากกว่า แม้ว่าคนขี้อิจฉา จะเป็นคนจำพวกที่นิยมชอบพูดจาส่อเสียด ใส่ร้ายให้คนอื่นหรือตัวเราเสียหาย แต่การที่คุณจะ "ลดตัว" ลงไปต่อเถียง หรืออธิบายความจริงแก่คน "หูเบา" ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะคนพวกนี้มักจะมีนิสัยชอบเถียงข้างๆคูๆ
พบกับบทความภาษาอังกฤษน่าสนใจกันอีกครั้งครับ ครั้งนี้เราจะมาคำว่า ‘ขี้ขลาด’ กันนะครับว่าในภาษาอังกฤษจะใช้คำว่าอะไร คำที่ให้ความหมายว่า ‘ขี้ขลาด’ ในภาษาอังกฤษมีกันอยู่หลายคำทีเดียว อาทิคำที่หลายๆ คนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี อย่าง
Coward หมายถึง ขี้ขลาด ขี้กลัว สามารถเป็นได้ทั้งคำนาม (Noun) และ คำคุณศัพท์(Adjective) เช่น
Tom called me a coward.
-ทอมเรียกฉันว่าไอ้ขี้ขลาด
อย่างไรก็ดีสำหรับคำคุณศัพท์ส่วนมากจะนิยมใช้คำว่า ‘Cowardly’ เสียมากกว่า เช่น
Only cowardly warriors ran from the battle.
-มีเพียงแค่นักรบผู้ตาขาวเท่านั้นที่จะวิ่งออกจากสมรภูมิ
Timid หมายถึง คนขลาด เป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์ และคำนาม เช่นกัน เช่น
Fortune repulses the timid.
-โชคลาภย่อมปฏิเสธคนขลาด
หากเป็นคำคุณศัพท์คำว่า timid นั้นหลายๆ คนอาจจะมองว่า สงบเสงี่ยม สุขุม แต่ทว่าจะสื่อไปในทาง ขี้อาย กระดาก ขี้ขลาด เสียมากกว่าครับ
A mouse is a timid creature.
-หนูเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขี้กลัว
Timorous หมายถึง ขี้กลัว สำหรับคำนี้ดูอลังการขึ้นมาบ้าง ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช่ในกรณีที่เราเกิดความวิตกกังวลจนทำให้ขาดความมั่นใจและไม่กล้าที่จะทำอะไร
Everything is impossible to the timorous man.
-ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น สำหรับคนขี้ขลาดตาขาว
Sasha spoke in a timorous tone.
-ซาช่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นๆ.
เรายังไม่จบกันเท่านี้นะครับสำหรับขี้ขลาดตาขาวเดี๋ยวเราจะมาดูต่อในครั้งหน้ายังมีคำใดอีกบ้างที่ให้ความหมายว่าขี้ขลาดครับ
ความหมายของคำว่า ' หมาลอบกัด '
หมาลอบกัด หมายถึง (สำ) น. คนที่ลอบทำร้ายหรือกลั่นแกล้งผู้อื่นลับหลัง.
คำที่ใกล้เคียงกัน
หมาไล่เนื้อ
(สำ) น. คนที่รับใช้ผู้อื่นเมื่อเวลายังทำประโยชน์ให้ได้ ผู้เป็นนายก็เมตตาเลี้ยงดู แต่เมื่อทำประโยชน์ไม่ได้แล้ว ผู้เป็นนายก็ทอดทิ้งไม่ไยดีหรือหาเรื่องลงโทษขับไล่ไสส่งเป็นต้น เปรียบเสมือนหมาไล่เนื้อเมื่อแก่สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บ ใช้ไล่ล่าสัตว์ไม่ได้ เจ้าของก็ไม่เมตตาเลี้ยงดูอีกต่อไป.
หมาสองราง
(สํา) น. คนที่ทำตัวเข้าด้วยทั้ง ๒ ฝ่าย.
หมาหมู่
(ปาก) น. กลุ่มคนที่กลุ้มรุมทําร้ายคนคนเดียว.
หมาหยอกไก่
(สํา) น. เรียกอาการที่ชายหยอกล้อหญิงในทำนองชู้สาวเป็นทีเล่นทีจริง.
หมาหวงก้าง
(สํา) น. คนที่หวงของที่ตนไม่มีสิทธิ์, คนที่กันท่าคนอื่นในสิ่งที่ตนได้ใช้ประโยชน์แล้วหรือใช้ประโยชน์ไม่ได้.
หมาหวงราง
(สำ) น. คนที่หวงแหนสิ่งที่ตนเองกินหรือใช้ไม่ได้ แต่ไม่ยอมให้คนอื่นกินหรือใช้, หมาในรางหญ้า ก็ว่า.
หมาหัวเน่า
(สํา) น. คนซึ่งเป็นที่รังเกียจของคนอื่นจนไม่สามารถเข้ากับใครได้, คนที่ไม่มีใครรักหรือคบหา
สำนวน หมาลอบกัด ใช้ในการเปรียบเปรยถึง คนที่ลอบทำร้าย หรือ คอยกลั่นแกล้งผู้อื่นลับหลัง ในทีเผลอ
ที่มาของสำนวน หมาลอบกัด ในภาษาไทยมีสำนวนที่เกี่ยวกับสุนัขหลายสำนวน เนื่องจากคนไทยมักจะเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน มักจะสังเกตอาการพฤติกรรมต่าง ๆ ของสุนัขได้ดี จึงนำข้อสังเกตนั้นมาเป็นสำนวนเพื่อสั่งสอนคนหลายสำนวน และในสำนวนนั้นใช้คำว่า หมา โดยเปรียบคนที่ทำอาการไม่ดีต่าง ๆ ว่าเป็นหมา เช่น คนที่เข้ากับคน ๒ ฝ่ายที่ไม่ถูกกัน เรียกว่า หมาสองราง. ชายที่หยอกล้อหญิงสาวอย่างทีเล่นทีจริง ในทำนองชู้สาว เรียกว่า หมาหยอกไก่. คนที่หวงสิ่งที่ตนใช้ประโยชน์ไม่ได้ เรียกว่า หมาหวงก้าง. คนที่มีข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดแล้วชวนคนอื่นให้ทำตาม เรียกว่า หมาหางด้วน. คนที่เดือดร้อนกระวนกระวาย เรียกว่า หมาถูกน้ำร้อน. เปรียบคนที่ไม่สามารถได้ของที่ต้องการว่า เหมือนหมาเห็นข้าวเปลือก. เปรียบคนที่ไม่มีคนรักว่าเป็นหมาหัวเน่า. ส่วนคนที่ชอบยกตนเองโดยไม่มีใครเห็นด้วย จะถูกล้อว่า หมาขี้ไม่มีใครยกหาง.
สำนวนที่เกี่ยวกับสุนัขมีอีกหลายสำนวน เป็นสำนวนที่เปรียบอาการต่าง ๆ ของสุนัขกับคนเมื่อต่อสู้หรือเผชิญกับศัตรู เช่น หมาลอบกัด หมายถึง คนที่แอบทำร้ายผู้อื่นลับหลัง.
หมา หมายถึง น. ชื่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหลายชนิดหลายสกุล ในวงศ์ Canidae มีรูปร่างและสีสันแตกต่างกัน ลำตัวมีขนปกคลุม หัวอาจยาวและแหลม หรือกลมและสั้น มีเขี้ยว ๒ คู่ ตีนหน้ามี ๕ นิ้ว ตีนหลังมี ๔ นิ้ว ซ่อนเล็บไม่ได้ อวัยวะเพศของตัวผู้มีกระดูกอยู่ภายใน ๑ ชิ้น หางค่อนข้างยาว ที่ยังคงเป็นสัตว์ป่า เช่น หมาใน [Cuon alpinus (Pallas)] ที่เลี้ยงเป็นสัตว์บ้าน คือ ชนิด Canis familiaris (Linn.) บางพันธุ์สามารถนำมาฝึกหัดให้ช่วยงานของมนุษย์ได้ เช่นสุนัขสงครามหรือสุนัขตำรวจ.
ลอบ หมายถึง ก. แอบทำโดยไม่ให้ผู้อื่นรู้เห็น เช่น ลอบทำร้าย ลอบเข้าไปในหมู่ข้าศึก.
กัด หมายถึง (๑) ก. เอาฟันกดไว้โดยแรง เพื่อไม่ให้สิ่งที่กดไว้หลุดไป เช่น กัดสำลีไว้ให้แน่น หรือเพื่อให้เข้าไป ให้ทะลุ ให้ฉีกขาด เป็นต้น เช่น สุนัขกัดเข้าไปถึงกระดูก หนูกัดผ้าเป็นรู, โดยปริยายหมายความว่า ทำให้กร่อนสลายหรือจางไป เช่น สนิมกัดเหล็ก กัดสิวกัดฝ้าออกให้หมด, ทำให้เปื่อยเป็นแผล เช่น ปูนกัดปาก น้ำกัดเท้า
ตัวอย่างการใช้งาน สำนวน หมาลอบกัด ในประโยค
1. ที่มาของคำว่า “หมาลอบกัด” โจ๋สุดเถื่อน คว้าขวดเบียร์ฟาดหัวอริ ก่อนเผ่นแน่บ ให้คนอื่นรับเคราะห์
2. “หนุ่ม กรรชัย”เดือดด่าคู่แข่งทำรายการหมาลอบกัด. 1 ปีที่แล้ว ... อย่าไปออกโหนกระแสนะ เพราะรายการนั้นชอบเอาคนมาทะเลาะกันและกรรชัยห้ามไม่ได้เอาไม่อยู่
3. คนอย่างผม ใครจะแน่กว่า ไอ้หมาลอบกัด มาวัดกันให้รู้ไป ว่าสุดท้าย ใครจะชั่วดี พี่ๆ ครับ บุคคลที่ผมกำลังพูดถึง อาจจะเป็นคนที่คุณรู้จัก
4. “ หมาลอบกัด ” ก็คือ หมาที่แอบซ่อนมากัดโดยที่เราไม่รู้ตัว ... ครับผม โดยปรกติธรรมดาธรรมชาติของหมา ถ้ามันจะกัดใครมันจะกัดซึ่งๆหน้า ชนิดที่เห็นตัวกันเลย
5. ด่าโจรใต้ หมาลอบกัดฆ่าผู้บริสุทธิ์ ลั่น หาก อ.หาดใหญ่ เกิดเหตุรุนแรง ... 103 ปี โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะศิษย์เก่ามาร่วมงาน พร้อมกันนี้
6. ถ้าเป็น "หมาลอบกัด" คงประสบความสำเร็จมากกว่านี้ ไม่มีใครระวังเรา ไม่มีใครป้องกัน ... พูดถึงรวมทุกด้านนะ ใช้กำลัง เอาผิดทางกฎหมาย
การนินทา หรือ การกล่าวถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดีนั้น จัดเป็นกลไกการป้องกันทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยปกป้องจิตใจให้หลุดพ้นจากความรู้สึกมีปมด้อย หากนินทาอย่างสร้างสรรค์ก็จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกคับข้องใจได้ แต่หากนินทาเพื่อทำร้ายคนอื่นก็ดูเหมือนจะมีปัญาหาทางสุขภาพจิตหน่อยๆ ตามหลักจิตวิทยาให้เหตุผลของคนขี้นินทาไว้ ดังนี้
1. เป็นคนที่มีปมด้อย รู้สึกด้อยค่า การนินทาว่ากล่าวผู้อื่นในทางที่ไม่ดีเป็นการชดเชยความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าคนที่กำลังกล่าวถึง
2. มีความอิจฉาอยู่ภายใน เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ จะต้องหาเรื่องมานินทาเขาในทางที่เสียๆ หายๆ เพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเองดีกว่าเขา
3. เป็นพวกที่ชอบเรียกร้องความสนใจ เพราะลึกๆ นั้นเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ การนินทาเป็นเครื่องมือที่จะดึงดูดให้คนอื่นหันมาสนใจ แต่จะสนใจได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว
4. เป็นการปลดปล่อยความโกรธหรือความทุกข์ที่มีอยู่ภายในจิตใจ บางคนไม่เคยรู้เท่าทันอารมณ์ภายใน ไม่มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ที่เป็นลบ จึงมักเลือกวิธีการจัดการด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด คือการพูดระบายออกมา หากจะระบายเรื่องความทุกข์ใจของตัวเองก็กลัวคนอื่นจะตำหนิ ยิ่งจะทำให้รู้สึกด้อยค่ามากขึ้น กระนั้นการพูดระบายในเรื่องของคนอื่นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
การนินทา เป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการเกิด เมื่อปล่อยให้เกิดพฤติกรรมซ้ำๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัย ก็จะพัฒนาเป็นบุคลิกภาพของคนๆ นั้น
หากจะมองให้ลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึกของบุคคลที่มีพฤติกรรมชอบนินทาผู้อื่นเราจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ไม่สามารถจัดการกับปมด้อยของตัวเองได้ บางคนรู้ว่าการนินทาเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้
เมื่อเป็นบ่อยๆ ก็จะเกิดปัญหาตามมา เกิดความขัดแย้ง มีปากเสียงกับคู่กรณีที่นินทาไว้ เมื่อเกิดเรื่องบ่อยๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกด้อยค่ามากขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
ดังนั้นเมื่อเข้าใจกลไกกระบวนการเกิดพฤติกรรมการนินทาแล้ว ก็ควรเปลี่ยนวิธีการจัดการกับปมด้อยของตัวเองให้เป็นวิธีที่สร้างสรรค์ ไม่นำปัญหามาสู่ตนเองและคนรอบข้างนะครับ
ด่าอีพวกหมาหมู่เหรอวะ ทั้งนัดกันมารุมกัดพชพ รุมกัดจล แอบสุบสิบๆกันพอเปิดหน้าตบก็ออกมารับส่งลูกกัน เก่งทั้งนินทา วางแผน ลอบกัด
กูอึ้งอิโทรลพวกนี้มาก มันต้องว่างขนาดไหนว่ะถึงป่วนได้ทุกสามมื้ออาหาร จนกูสงสัยละว่าวันๆมีงานมีการทำบ้างรึป่าว ถึงมีเวลามาป่วนมู้บ่อยขนาดนี้
ถถถถถถถถถ โทรลได้ก็โทรลไปสิ เมื่อเช้าพวกโม่งยังยอมรับหน้าชื่นตาบานอยู่เลยว่ากูมาอยู่โม่งเพื่อด่าคนเอาสะใจ ใครเก็บไปนอยด์เองก็โง่ แต่ก่อนมันยังพอมีพวกกระแดะศีลธรรมสูงมาคุยจริงจังอยู่บ้างหรอก มาทีก็เราต้องว่ากันตามหลักฐานนะ พูดงั้นพูดงี้เสียมารยาทนะ ความคิดมึงใจร้ายนะ โถ แม่คุณแม่คนดีศรีแผ่นดิน แถมคนพวกนี้ยังดันทุรังเถียงอยู่ได้ตั้งหลายเม้น กูอ่านแล้วจะอ้วก แต่ตอนนี้แม่งคงรู้ตัวแล้วว่าไม่เหมาะกับโม่ง อีโทรล เดี๋ยวมึงก็รายต่อไป
ใคร่ครวญก่อนทำ...ทำดีที่สุดเต็มความสามารถของตัวเองในทุกเหตุการณ์...
ก็คงไม่ต้องกังวลว่าใครจะพูดว่าอย่างไร
ถือเสียว่า...การที่เราได้เป็นหัวข้อนินทาของคนอื่น ให้เขามีความสุขจากการได้นินทาเรา ก็เป็นการสร้างกุศลอย่างหนึ่งก็แล้วกัน...ขำขำ นะ
(โลกธรรม 8 ก็อย่างนี้ ลาภ เสื่อมลาภ ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ มันเป็นธรรม/ของคู่โลก)
กรรม คือการกระทำ ..การคิดนึก ก็ถือว่าเป็นกรรม
การแค่เพียงคิดนึกในทางอกุศลต่อผู้อื่น เพียงชั่วขณะจิต ก็เป็น อกุศลกรรมแล้ว
ผล(อกุศลวิบาก) ก็ต้องตามมา หากสั่งสมมาก(ย้ำคิดนึกบ่อยๆ) ก็ยิ่งมาก จนอาจจะ
แสดงออกทาง วาจา และกาย ก็ยิ่งตอกย้ำ อกุศลกรรม ให้ส่งผลเร็ว และแรงขึ้น
กว่าเดิม
ดังนั้น สิ่งที่เราได้รับผลปัจจุบัน จึงเป็น วิบากกรรมในอดีตแน่นอน
อดีต เราแก้ไขไม่ได้ ให้ยอมรับในผลกรรมที่ปรากฎอยุ่ด้วยความเข้าใจ
แล้วแผ่เมตตาต่อเขาคนนั้น ด้วยความไม่โกรธ ไม่เกลียด นั้นคือ ใช้ "เมตตาธรรม"
ต่อเขา ยิ้มเสมอ เมื่อเจอคนนินทา มธุรสวาจาเมื่อได้เจรจาด้วย ด้วยความจริงใจ
(เท่ากับเราหยุดก่อเวรต่อไป เมื่อเราหยุด ก็เท่ากับหยุดกรรมในส่วนนี้ได้)
อย่าลืมว่า เมื่อเขาใส่ร้าย นินทาเรา เขาก็ต้องคอยรับผลกรรมอันเจ็บแสบ และ
เผ็ดร้อนอย่างไร อยู่ที่ความแรงของจิต และการกระทำของเขาที่จะย้ำคิดบ่อยๆ
กระทำบ่อยๆ หรือยิ่งถ้าไปกระทำกับคนดีๆ มีศีล เท่ากับก่อบาปอกุศลกรรมที่ยิ่งแรง
เหตุนี้เขาจึงยิ่งน่าสงสาร เพราะความเขลา ความไม่รู้ในเรื่องกรรม วิบากกรรมโดยแท้
..นี้คือเหตุที่เราต้องทำใจ เมตตาต่อเขาเถิด
กระทำบุญครั้งใด ก็อุทิศบุญให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่เราเคยก่อกรรมด้วยวาจา ด้วยใจ
ต่อเขาเหล่านั้น
หมั่นสวดมนต์ หมั่นภาวนา(สมาธิ) ฟังธรรม ทำทาน รักษาศีลเมื่อมีโอกาส
โมทนา
แม้แต่องค์พระปฏิมา ยังราคิน
เป็นมนุษย์ หรือจะสิ้น คนนินทา
กรรมเก่า อะไรก็ไม่สำคัญ อย่าไปสนใจมันเลย ถึงมี คุณก็แก้ไขอะไรไม่ได้
สิ่งที่คุณทำได้ คือ ทำปัจจุบันให้ดีทึ่สุด
ความหมายของคำว่า ดีที่สุด คิดว่าน่าจะสมบูรณ์ แล้ว
ที่ "ทุกข์เพราะเกิด" ก็เพราะ"เกิดทุกข์""มีทุกข"์
หากมีความสุข ถึงเกิดก็ไม่เป็นไร
อย่ามัวแต่คิดว่า "ทำอย่างไร ถึงจะพ้นทุกข์ "
แต่ให้คิดว่า "ทำอย่างไร เราถึงจะสามารถมีความสุขได้ ในทุกๆสถานะการณ์ ทุกๆวัน ทุกๆเวลา"
เพราะหากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่เสียดายที่ต้องเกิด
ทำใจครับ เพราะการนินทา มีอยู่คู่กับโลกนี้มานานแล้ว
การนินทา เป็น 1 ในโลกธรรม8 เป็นของคู่โลก เราไม่ต้องเกรงกลัวกับสิ่งนั้น
การที่คุณถูกนินทา เป็นเพราะคุณอยู่สูงกว่าเขา เหมือนกับการอิจฉา
การที่คนจะอิจฉาใครนั้น คนผู้ถูกอิจฉาย่อมอยู่สูงกว่าผู้ที่อิจฉาเสมอ
เขานินทาคุณเพราะเขาอิจฉาคุณ คุณไม่ควรกังวลกับสิ่งไร้สาระนี้
เพราะมันเป็นปกติของโลกที่ มีคนชอบ ย่อมมีคนชัง มีสรรเสริญ ย่อม มีนินทา
ปุจฉา : กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ หนูอยากทราบว่าจะใช้หลักธรรมอะไรมาช่วยบรรเทาจิตใจที่รู้สึกร้อนรน เพราะ "ถูกเข้าใจผิด ถูกใส่ร้าย โดยที่ไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย" ทั้งๆ ที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด อย่างที่เขาคิด แล้วหนูต้องทำอย่างไรกับคนที่เขาใส่ร้ายกับหนูดีคะ พระอาจารย์ช่วยชี้แนะทางสว่างให้หนูด้วยนะคะ
วิสัชนา : อย่างแรกที่ควรมีคือ "ขันติ" ได้แก่ความอดกลั้น ไม่ลุแก่โทสะ หาไม่คนที่เป็นทุกข์คนแรกก็คือคุณ ประการต่อมา "สติ" ซึ่งช่วยให้คุณไม่มัวคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ หาไม่คุณจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย "สติ" ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบัน และไม่เก็บเอาอะไรต่ออะไรมาคิดให้รกหัวหรือหนักใจ
นอกจาก "ขันติ" และ "สติ" แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรมีคือ "ปัญญา" หรือ ความเข้าใจในโลกธรรมว่า ชอบหรือชัง สรรเสริญหรือนินทา เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น ในเมื่อมีคนที่รักคุณ เข้าใจคุณ ก็ต้องมีคนที่เกลียดคุณ เข้าใจผิดในตัวคุณ จึงควรมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าคุณอยากให้ทุกคนเข้าใจถูกในตัวคุณ พูดถึงคุณในทางที่ดี คุณจะมีแต่ความทุกข์และความผิดหวัง เพราะไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นได้ มองในอีกแง่หนึ่ง คนที่เกลียดคุณ ใส่ร้ายคุณ เข้าใจผิดในตัวคุณนั้น เขาคือ "ครู" ที่กำลังสอนคุณให้เข้าใจในสัจธรรมดังกล่าว เพื่อฝึกใจให้ปล่อยวาง ไม่ทุกข์เพราะมัน
พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณ "ทำใจ" อย่างเดียวเท่านั้น หากการใส่ร้ายคุณนั้น ก่อให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาทั้งต่องานการและคนอื่น คุณก็ไม่ควรนิ่งเฉย ควรหาทางแก้ไข เช่น พยายามชี้แจงให้เขามีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือให้ผู้อื่นรู้ว่าความจริงคืออะไร อาตมาชอบคำพูดของท่านทะไลลามะเมื่อท่านต้องเจอปัญหาคล้ายๆ กับของคุณ
ท่านกล่าวว่า “รัฐบาลจีนกำลังสร้างภาพให้ข้าพเจ้าเป็นคนชั่วร้าย โดยส่วนตัวในฐานะที่เป็นชาวพุทธ มันคือโอกาสดีที่ข้าพเจ้าจะได้ฝึกฝนขันติอดกลั้นต่อความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ในฐานะของผู้นำประชาชนชาวทิเบต ข้าพเจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องบอกว่าจีนกำลังกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง”
ทำอย่างไรจะอยู่กับคนที่จิตใจคับแคบและร้ายกาจได้อย่างมีความสุข
คมชัดลึกออนไลน์Thailand Web Stat
หน้าแรก
ไลฟ์สไตล์
ถูกใส่ร้ายใช้หลักธรรมใด...
ถูกใส่ร้ายใช้หลักธรรมใดช่วยบรรเทา
ถูกใส่ร้ายใช้หลักธรรมใดช่วยบรรเทา
17 พฤษภาคม 2556 - 00:53 น.
6k
widget-line
ติดตามข่าวสารผ่าน 'คมชัดลึก' Line Official
ถูกใส่ร้ายใช้หลักธรรมใดช่วยบรรเทา : ปุจฉา -วิสัชนากับพระไพศาล วิสาโล
ผิวเนียนใส ไร้หลุมสิว เพียงแค่ทำสิ่งนี้วันละ 2 ครั้ง!
MALIYA
ปุจฉา : กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ หนูอยากทราบว่าจะใช้หลักธรรมอะไรมาช่วยบรรเทาจิตใจที่รู้สึกร้อนรน เพราะ "ถูกเข้าใจผิด ถูกใส่ร้าย โดยที่ไม่สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้เลย" ทั้งๆ ที่เรื่องราวที่เกิดขึ้นเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด อย่างที่เขาคิด แล้วหนูต้องทำอย่างไรกับคนที่เขาใส่ร้ายกับหนูดีคะ พระอาจารย์ช่วยชี้แนะทางสว่างให้หนูด้วยนะคะ
วิสัชนา : อย่างแรกที่ควรมีคือ "ขันติ" ได้แก่ความอดกลั้น ไม่ลุแก่โทสะ หาไม่คนที่เป็นทุกข์คนแรกก็คือคุณ ประการต่อมา "สติ" ซึ่งช่วยให้คุณไม่มัวคิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้ หาไม่คุณจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย "สติ" ช่วยให้คุณอยู่กับปัจจุบัน และไม่เก็บเอาอะไรต่ออะไรมาคิดให้รกหัวหรือหนักใจ
นอกจาก "ขันติ" และ "สติ" แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรมีคือ "ปัญญา" หรือ ความเข้าใจในโลกธรรมว่า ชอบหรือชัง สรรเสริญหรือนินทา เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหนีพ้น ในเมื่อมีคนที่รักคุณ เข้าใจคุณ ก็ต้องมีคนที่เกลียดคุณ เข้าใจผิดในตัวคุณ จึงควรมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา
ถ้าคุณอยากให้ทุกคนเข้าใจถูกในตัวคุณ พูดถึงคุณในทางที่ดี คุณจะมีแต่ความทุกข์และความผิดหวัง เพราะไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้นได้ มองในอีกแง่หนึ่ง คนที่เกลียดคุณ ใส่ร้ายคุณ เข้าใจผิดในตัวคุณนั้น เขาคือ "ครู" ที่กำลังสอนคุณให้เข้าใจในสัจธรรมดังกล่าว เพื่อฝึกใจให้ปล่อยวาง ไม่ทุกข์เพราะมัน
พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณ "ทำใจ" อย่างเดียวเท่านั้น หากการใส่ร้ายคุณนั้น ก่อให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาทั้งต่องานการและคนอื่น คุณก็ไม่ควรนิ่งเฉย ควรหาทางแก้ไข เช่น พยายามชี้แจงให้เขามีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือให้ผู้อื่นรู้ว่าความจริงคืออะไร อาตมาชอบคำพูดของท่านทะไลลามะเมื่อท่านต้องเจอปัญหาคล้ายๆ กับของคุณ
ท่านกล่าวว่า “รัฐบาลจีนกำลังสร้างภาพให้ข้าพเจ้าเป็นคนชั่วร้าย โดยส่วนตัวในฐานะที่เป็นชาวพุทธ มันคือโอกาสดีที่ข้าพเจ้าจะได้ฝึกฝนขันติอดกลั้นต่อความคิดเห็นของผู้อื่น แต่ในฐานะของผู้นำประชาชนชาวทิเบต ข้าพเจ้ามีหน้าที่ที่จะต้องบอกว่าจีนกำลังกล่าวหาโดยไม่มีมูลความจริง”
ทำอย่างไรจะอยู่กับคนที่จิตใจคับแคบและร้ายกาจได้อย่างมีความสุข
ปุจฉา : กราบนมัสการท่านอาจารย์ ทำอย่างไรจะอยู่กับคนที่จิตใจคับแคบและร้ายกาจได้อย่างมีความสุข
วิสัชนา: คุณควรวางระยะห่างจากเขาทั้งในทางกายภาพและความรู้สึก เพราะถ้าอยู่ใกล้กันมาก ก็ย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันมาก ขณะเดียวกันถ้าไปยึดติดถือมั่นกับพฤติกรรมของเขาก็จะเป็นทุกข์ได้ง่าย การรู้จักและเข้าใจเขาตามที่เป็นจริง ไม่คาดหวังมากเกินกว่าที่เขาเป็น จะช่วยบรรเทาความโกรธเกลียดเขาได้ และทนต่อพฤติกรรมของเขาได้มากขึ้น
ความโกรธเกลียดและความรู้สึกทนไม่ได้นั้น คือสิ่งที่จะรบกวนจิตใจคุณจนอยู่ไม่เป็นสุข หากบรรเทาความรู้สึกนั้นได้ คุณก็สามารถจะอยู่กับเขาได้ แต่ที่ไม่ควรลืมคือ ควรบอกหรือส่งสัญญาณให้เขารู้ว่าคุณขีดเส้นไว้ที่ตรงไหนเพื่อไม่ให้เขามาล่วงเกินหรือเอาเปรียบคุณ
คำพูด” เป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะการพูดสิ่งใดออกไป ถือเป็นการกระทำที่จะส่งผลต่อตนเองและผู้อื่นในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ คำพูดจึงสามารถทำให้คนรักกันได้ หรือเกลียดกันได้ หากพูดในสิ่งที่ดีก็ย่อมทำให้คนรักกัน สามัคคีกัน แต่ถ้าพูดในสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ พูดจาส่อเสียดให้คนอื่นต้องแตกแยกกัน ก็ย่อมมมาซึ่งกรรมที่ไม่ดี
ในทางพระพุทธศาสนา การพูดในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นแตกแยกกันด้วยความจงใจหรือมีเจตนาเป็นที่ตั้ง ปรารถนาให้เขาไม่เป็นมิตรกัน ต้องการให้เขาแตกแยกกัน โดยมีมูลเหตุเป็นโลภะก็ดี หรือเป็นโทสะก็ดี เรียกว่า “พูดส่อเสียด” ซึ่งเป็นหนึ่งใน ๔ วจีทุจริต คือ การทำชั่วทางวาจา ๔ อย่าง อันได้แก่ การพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ส่งผลให้เกิดกรรมต่อผู้กระทำหลายประการ โดยจะหนักเบาไปตามเจตนาและความสม่ำเสมอในการกระทำนั้นๆ
สำหรับผลกรรมของวจีทุจริต ๔ ประการอัน พระพุทธเจ้าแสดงไว้ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต สัพพลหุสสูตร
กรรมชั่ วที่สร้างนี้ก็จะสนองเขาอย่างหนักทั้งในภพนี้และภพหน้า ในภพนี้เวลาที่กรรมดีแต่ปางก่อนจะส่งผลให้มีความสุขหรือมีโชคลาภ ก ร ร ม ชั่ วก็จะเข้ามา ตั ด รอนกรรมดี เหมือนอย่างเขาผู้นั้นซื้อหวยเลข 56 หวยก็จะออกเลข 55 หรือ 57 บางทีก็ติดต่อการค้าหรือง า นต่าง มองเห็นอยู่ว่าง า นนี้ได้แน่นอน แต่พอถึงเวลาก็ไปไม่ทันบ้าง ไปแล้วไม่เจอหรือมีเหตุต่าง มาทำให้มีอุปสรรคอยู่เสมอ
ซึ่งที่จริงแล้วผู้นั้นจะมีโชคที่ควรได้ประมาณเป็นล้าน เขาก็จะได้แ ค่หมื่นสองหมื่น หรือโชคครั้งนี้จะได้หลายหมื่นแต่เขากับได้เพียงไม่กี่พันบาท หรือเพียงได้ไม่กี่ร้อยเท่านั้นเอง นี้เป็นเพราะกรรม ชั่ วเข้ามาตั ดรอนกรรมดีและรวมถึงญาติพี่น้องลูกหลาน เขาเหล่านั้นก็จะทำความเดือดร้อนเสียหายมาให้ มีพี่น้องหรือญาติไปจ นถึงเพื่อนฝูง ก็จะโกงทรัพย์สินเงินทองของเราบ้าง บางครั้งก็พูดใส่ร้ า ยให้โทษ ด่าว่าทะเลาะวิวาท ทำให้เราไม่สบายกายและสบายใจเป็นอย่างมาก มีเรื่องเดือดร้อนต่าง อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่จบสิ้น
พวกมึงพูดถึงมัน มันกลับมาอย่างไวเลยเห็นปะ
การนินทา หรือ การกล่าวถึงผู้อื่นในทางที่ไม่ดีนั้น จัดเป็นกลไกการป้องกันทางจิตอย่างหนึ่ง ซึ่งช่วยปกป้องจิตใจให้หลุดพ้นจากความรู้สึกมีปมด้อย หากนินทาอย่างสร้างสรรค์ก็จะช่วยปลดปล่อยความรู้สึกคับข้องใจได้ แต่หากนินทาเพื่อทำร้ายคนอื่นก็ดูเหมือนจะมีปัญาหาทางสุขภาพจิตหน่อยๆ ตามหลักจิตวิทยาให้เหตุผลของคนขี้นินทาไว้ ดังนี้
1. เป็นคนที่มีปมด้อย รู้สึกด้อยค่า การนินทาว่ากล่าวผู้อื่นในทางที่ไม่ดีเป็นการชดเชยความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าคนที่กำลังกล่าวถึง
2. มีความอิจฉาอยู่ภายใน เห็นคนอื่นดีกว่าไม่ได้ จะต้องหาเรื่องมานินทาเขาในทางที่เสียๆ หายๆ เพื่อทำให้รู้สึกว่าตนเองดีกว่าเขา
3. เป็นพวกที่ชอบเรียกร้องความสนใจ เพราะลึกๆ นั้นเป็นคนที่ขาดความมั่นใจ การนินทาเป็นเครื่องมือที่จะดึงดูดให้คนอื่นหันมาสนใจ แต่จะสนใจได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราว
4. เป็นการปลดปล่อยความโกรธหรือความทุกข์ที่มีอยู่ภายในจิตใจ บางคนไม่เคยรู้เท่าทันอารมณ์ภายใน ไม่มีทักษะในการจัดการกับอารมณ์ที่เป็นลบ จึงมักเลือกวิธีการจัดการด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด คือการพูดระบายออกมา หากจะระบายเรื่องความทุกข์ใจของตัวเองก็กลัวคนอื่นจะตำหนิ ยิ่งจะทำให้รู้สึกด้อยค่ามากขึ้น กระนั้นการพูดระบายในเรื่องของคนอื่นจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
การนินทา เป็นพฤติกรรมที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจกระบวนการเกิด เมื่อปล่อยให้เกิดพฤติกรรมซ้ำๆ ก็จะกลายเป็นนิสัย เมื่อเป็นนิสัย ก็จะพัฒนาเป็นบุคลิกภาพของคนๆ นั้น
หากจะมองให้ลึกลงไปถึงจิตใต้สำนึกของบุคคลที่มีพฤติกรรมชอบนินทาผู้อื่นเราจะเห็นว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร ไม่สามารถจัดการกับปมด้อยของตัวเองได้ บางคนรู้ว่าการนินทาเป็นสิ่งที่ไม่ดีแต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ เมื่อเป็นบ่อยๆ ก็จะเกิดปัญหาตามมา เกิดความขัดแย้ง มีปากเสียงกับคู่กรณีที่นินทาไว้ เมื่อเกิดเรื่องบ่อยๆ ยิ่งทำให้เขารู้สึกด้อยค่ามากขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
ดังนั้นเมื่อเข้าใจกลไกกระบวนการเกิดพฤติกรรมการนินทาแล้ว ก็ควรเปลี่ยนวิธีการจัดการกับปมด้อยของตัวเองให้เป็นวิธีที่สร้างสรรค์ ไม่นำปัญหามาสู่ตนเองและคนรอบข้างนะคะ.
ชื่อภาษาไทย / เหี้ย,เหี้ยลายดอก(ตัวเงิน ตัวทอง)
ชื่อภาษาอังกฤษ / Common Water Monitor
ชื่อทางวิทยาศาสตร์ / Varanus salvator
สิ่งที่น่าสนใจ :
ตัวสีดำ ลิ้นสีม่วงปลายแฉก มีลายดอกสีขาวหรือเหลืองเป็นแถวพาดขวางตัว หางเป็นปล้องสีดำสลับกับเหลืองอ่อน หนังหยาบเป็นเกล็ด ลำตัวมีขนาดใหญ่กว่าสัตว์อื่นในจำพวกเดียวกัน แต่เล็กกว่ามังกรโคโมโด
ถิ่นอาศัย :
พบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดียและศรีลังกา ในประเทศไทยพบได้ทุกภาค
อาหาร :
เหี้ยไม่เลือกอาหาร กินทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ สัตว์ปีก เช่น ไก่ นก ปลา กบ เขียด หนู กินได้ทั้งของสดและของเน่า
พฤติกรรม :
ดุ ใช้หางเป็นอาวุธฟาดศัตรูแล้วใช้ปากกัด ชอบอยู่ใกล้น้ำว่ายน้ำ ดำน้ำเก่ง และขึ้นต้นไม้เก่งด้วย
สถานภาพปัจจุบัน :
สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการสูญพันธุ์
วัยเจริญพันธุ์ :
เหี้ยวางไข่ครั้งละ 15-30 ฟอง ขุดหลุมหรือทำโพรงเป็นที่วางไข่ ไม่ฟักไข่ คือพ่อแม่ไม่ต้องกกไข่ ลูกฟักตัวออกมาเองจากไข่โดยธรรมชาติ เมื่อลูกออกมาจากไข่แล้วก็หากินเอง เปลือกไข่นิ่มแต่เหนียว
“เหี้ย” ในความเชื่อของคนไทยทั่วไปเป็นสัญลักษณ์ของความไม่ดี อัปมงคล เข้าบ้านไหนเป็นวอดวายถึงความเชื่อที่ว่าจะจริงเท็จแค่ไหน ไม่อาจพิสูจน์ความอัปมงคลของมันได้ แต่มักมีการยืมชื่อของมันมาใช้เป็นคำก่นด่ากันอย่างหนาหู
เหี้ยในความเชื่อพื้นบ้านของแต่ละภาค ไม่เป็นที่เล่าขานให้ได้ยินนัก แต่ทางภาคใต้มีการนำเข้าไปเกี่ยวกับชีวิตและวัฒนธรรมหลายอย่าง โดยเรียกกันภายใต้ชื่อว่า “แลน” ครอบคลุมทั้งเหี้ยและตะกวด
สารานุกรมวัฒนธรรมภาคใต้ ๒๕๒๙ เล่ม ๘ ให้ความหมาย “แลน” ไว้ว่า
“แลน” ในความรู้สึกของชาวภาคใต้เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจด้วย ๒ สาเหตุ คือ แลนชอบกินของเน่าเหม็น โดยเฉพาะซากศพของสัตว์ แม้กระทั่งซากศพของคน และชอบกินสัตว์ เช่น อึ่งอ่าง คางคก เขียด และตัวหนอน
บางแห่งถึงกับไม่ให้นำแลนเข้าบ้านเพราะเชื่อกันว่าถ้าแลนขึ้นบ้านใคร บ้านนั้น “โส้ย” (ซวย) เป็นอัปมงคล
เรื่องราวของแลนในภาคใต้นั้นปรากฏในรูปแบบนิทานพื้นบ้านเรื่อง “แลนทองกับแลนเถื่อน” เล่ากันในเขต อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง เป็นนิทานให้คติสอนใจว่าด้วยโทษของความอิจฉาริษยา โดยเล่าว่า
มีหญิงสาว ๒ คน คนหนึ่งยากจน แต่ชอบเอื้อเฟื้อชาวบ้าน อีกคนร่ำรวย แต่เย่อหยิ่ง ดูถูกชาวบ้าน ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งหญิงยากจนพบแลนทองตัวหนึ่ง จึงนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านด้วยความอารี วันหนึ่งเธอจึงจูบที่หัวแลน ทำให้แลนทองตัวนั้นพ้นจากคำสาปแม่มดกลายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ซึ่งเป็นลูกชายของเจ้าเมืองคนหนึ่ง ทั้งสองจึงแต่งงานกันอย่างมีความสุขสืบมา ต่อมาหญิงผู้ร่ำรวยทราบข่าว เกิดความอิจฉาริษยา ต้องการจะได้ดีกว่าเพื่อนที่อดีตเคยยากจน จึงจ้างให้คนใช้ไปจับแลนตัวโตมาให้ตัวหนึ่ง นางกอดจูบแลนเถื่อน (แลนธรรมดา) หวังจะให้กลายเป็นหนุ่มรูปงาม แต่แลนเถื่อนตกใจ ข่วนหน้าตาหญิงสาวคนนั้นเป็นแผล ตั้งแต่นั้นมาหญิงสาวคนนั้นก็ไม่มีใครขอแต่งงานด้วย
นอกจากนี้เรื่องของแลนยังปรากฏในเรื่อง “นายแรง” เป็นตำนานการเกิดแม่น้ำ ภูเขาบางแห่งในจังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา เช่น การเกิดเขารุนคลองห้วยแลน เขาหัวหมา เขาแดง เขาเก้าแสนหรือเก้าเส้ง เป็นต้น โดยนิทานเรื่องนายแรงได้จากการเอาลักษณะของภูมิประเทศมาผูกแต่งเป็นเรื่องราว เพื่อให้คนรุ่นต่อมาได้เรียนรู้และเกิดความรักความภูมิใจในท้องถิ่นตนเอง
แม้ว่าแลนในความรู้สึกของผู้คนเป็นสิ่งไม่ดีนัก แต่ในทางเศรษฐกิจ แลนเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สามารถทำรายได้ให้กับผู้ล่าเป็นอย่างดีซึ่งหนังแลนสามารถนำไปทำเครื่องหนังประเภทของใช้ และทำเครื่องประดับได้อย่างสวยงามไม่แพ้หนังจระเข้เลยทีเดียว
เพื่อนโม่งว่าตอนนี้มีด้อมไหนปสดท็อปฟอร์มเท่า ด้อมปรมจอีกไหม กูว่าตั้งแต่ซีรี่ย์เป็นกระแสจนเริ่มแปลสวรรค์กูยังไม่เห็นด้อมในปสดเท่าด้อมนี้มาก่อนเลย เหมือนแหล่งรวมค.ปสดทั้งร้อยแปดอะ ทั้งคลั่งกริบ สายฉอดไร้สมอง พวกคลังศัพท์น้อยที่ขอด่าไว้ก่อน สายแบนไปเลื่อย สายเปย์ของแฟนเมด(ผิดกฎแม่โม่) เป็นด้อมที่กูส่องทวิตกี่ทีก็รู้สึกท็อปฟอร์มมากในเรื่องความปสด
อีด้อมคลั่งรักเนี่ย วันดีคืนดีไอด้อลก็ผีเข้าผีออกทำโม่งไม่ได้คุยกันหมด
กูขอถามโม่งที่ชอบอ่านทับศัพท์หน่อย คือถ้ามึงเจอแปลไทยนี่ถึงขึ้นอ่านไม่ได้กันไหม อันนี้กูสงสัยเพราะกูเพิ่งไปเจอคนบอกว่า "เจอแปลไทยคนชอบอ่านทับศัทพ์คืออ่านไม่ได้เลย" กูเลยแบบขนาดนั้นเลยหรอ รังเกียจถึงขั้นอ่านไม่ได้? //จากเม้นท์เรื่องปรมจ.
ขอโทษทุกคนล่วงหน้า แต่ขอวิ่งมาร้องไห้ตรงนี้หน่อย อัดอั้นล้นใจหลาย นี่อ่านปีนั้นฯ ก่อนนอนแล้วฝันว่าสอบภาษาจีนมาสองสามวันแล้ว ไม่ไหวแล้ว จะทับศัพท์เบอร์นี้เพื่ออะไร คำไหนแปลได้ทำไมไม่แปล๊ ทำไมอ่านนิยายคลายเครียดกลายเป็นเครียดกว่าเดิม จะให้ปล่อยผ่านก็ไม่ได้เพราะไม่ได้อ่านเมาโมเม้นอย่างเดียว นี่อ่านเอาเนื้อเรื่องด้วย เชื่มโยงเรื่องผิดๆ ถูกๆ ต้องพลิกหน้าพลิกหลัง พลิกเทียบไปเทียบมา เสียเวลาเสียอารมณ์เปลืองพลังสมองมาก นึกว่าอ่านแบบเรียนภาษาจีน ถ้าอยากเรียนจีนเดี๋ยวไปซื้อคู่มือมาเองได้ ไม่ต้องใช้นิยาย
มีคนบอกไม่อยากให้พลาด เรื่องมันดีจริงๆ นะ พยายามอ่านเข้า แต่ไม่ไหวไหม อ่านให้จบยังทำไม่ได้แล้วเอาที่ไหนมารู้สึกว่าดี แปลและเรียบเรียงให้คนอ่านได้จบเล่มก่อนนนนนนนนน ขอร้องสนพ. ขอร้องคนแปล ขอร้องแค่แปลให้มันอ่านรู้เรื่องได้ก็พอ มันใช่เหรอที่อ่านนิยายคลายเครีดแล้วต้องมาเครียดกว่าเดิม
แล้ววันนี้อ่านตัวอย่างฮัสกี้ฯ แรกๆ ก็เออว่าเรียบเรียงดีขึ้น พอมาตอน 6 ประทานโทษฉายาปรมจารย์ฉู่ยาวเป็นวลีสองวรรค ไม่แปลเหรอวะ มันน่าจะหาคำแปลสวยๆ มาลงได้ปะ ทับศัพท์วลียาวสองวรรคได้เหรอวะ ไม่มีใครเห็นจริงเหรอ
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ให้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ นี่ก็ไปเม้นแจ้งสนพ.นะ แต่ดูทรงคงไร้ประโยชน์ ไปขายหนังสือทิ้งก่อนแล้ว ไม่ไหวจะสู้ สนพ.ไหนนโยบายแปลทับศัพท์ทุกสิ่งแบบนี้เอาใบแดงไปเลยค่ะ ไว้ถึงวันที่ไม่เหลือหนังสือแปลที่อ่านให้จบได้อย่างราบรื่นแล้วค่อยว่ากันใหม่ อยากร้องไห้
>>521 อ่านได้ที่สุดคือรำคาญลดความสนุกหรือสะดุดขมวดคิ้วเป็นระยะ คือว่าด้วยอาชีพนางสนม พิจารณาแต่การแปลชื่อไทยนะ ไม่เกี่ยวกับสำนวนหรือ แปลผิด แปลชื่อยศตำแหน่ง เทียบกับของไทย อ่านแล้วไม่เก็ท แถมให้บรรยากาศลิเกมากกว่า. หรือชื่อตำหนัก หรือแปลกระทั่งเกี้ยว จะนึกไปถึงวรรณคดีไทยไปโน่น
หมวดที่กูว่าใช้ทับศัพท์แล้วดีกว่าแปลคือขั้นนางใน ขั้นบัณฑิต+การสอบขุนนาง ขั้นเซียน
เท่าที่อ่านมานักแปลสายวายส่วนใหญ่ก็ทับแค่นี้ปะ
>>530 ตอนนี้เค้าปรับแปลเป็นภาษาไทยแล้ว กูเองก็เคยเทเพราะไม่ไหวเหมือนกัน น้องสี่ น้องห้า กลายเป็น อี๋ เอ๋อ ซาน ซื่อ ลูกเมียเอก ลูกอนุก็ทับศัพท์ ป้า น้า อา เขย สะใภ้ ญาติฝั่งสะใภ้ ทับศัพท์หมด แต่ตอนนี้เค้าปรับเป็นภาษาไทยหมด แต่ยังคงทับศัพท์เรียกลูกเมียเอก ลูกอนุไว้ และเปิดตอนให้อ่านเพิ่ม กูไปอ่านมาแล้วเค้าควรแปลจริงๆ ญาติแม่มวุ่นวายไปหมดยังมีเรื่องในวังอีก แปลเป็นไทยแล้วอ่านง่ายขึ้นเยอะ
>>531 ทับศัพท์จีนกลาง
ช่วงนี้กูเห็นมู้นักเขียนถกราคาค่าวาดปกแล้วกูอดเอาไปเปรียบเทียบขึ้นมาไม่ได้ ปกสองใบคือหมื่นกว่าๆ(เรทนักวาดชั้นกลางค่อนไปหน้าๆแล้ว)ใช่ไหมวะ แล้วอย่างมังงะเล่มนึงงี้ คนวาดจะได้สักกี่บาทวะ วาดทั้งเล่มเป็นร้อยหน้า เรื่องก็ต้องแต่ง เนมก็วางเอง คือรู้สึกว่าเปลี่ยนงานไปรับวาดปกน่าจะรวยกว่า ชีวิตดีกว่า ไม่ต้องโดนไพเรทด้วย
อยากเป็นนักวาดการ์ตูน ไม่ได้อยากเป็นนักวาดปก
เมตตาพรหมวิหาระภาวนา (มหาเมตตาใหญ่)
เอวัมเม สุตังฯ เอกัง สะมะยัง ภะคะวา สาวัตถิยัง วิหะระติ เชตะวะเน อะนาถะปิณฑิกัสสะ อารา เมฯ
ตัตตระ โข ภะคะวา ภิกขู อามันเตสิ ภิกขะโวติ ภะทันเตติ เต ภิกขู ภะวะโต ปัจจัสโสสุงฯ
ภะคะวา เอตะทะโวจะ เมตตายะ ภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเส วิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ ยานีกะตายะ
วัตถุกะตายะ อะนุฏฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ กะตะเม เอกาทะสะ?
(๑) สุขัง สุปะติ (๒) สุขัง ปะฏิพุชฌะติ (๓) นะ ปาปะกัง สุปินัง ปัสสะติ (๔) มะนุสสานัง ปิโย โหติ
(๕) อะมะนุสสานัง ปิโย โหติ (๖) เทวะตา รักขันติ (๗) นาสสะ อัคคิ วา วิสัง วา สัตถัง วา กะมะติ (๘) ตุวะฏัง จิตตัง สะมาธิยะติ
(๙) มุขะวัณโณ วิปปะสีทะติ (๑๐) อะสัมมุฬฬะโห กาลัง กะโรติ (๑๑) อุตตะริง อัปปะฏิวิชฌันโต พรหมมะโลกูปะโค โหติฯ
เมตตายะภิกขะเว เจโตวิมุตติยา อาเสวิตายะ ภาวิตายะ พะหุลีกะตายะ
ยานีกะตายะ วัตถุกะตายะ อะนุฏิฐิตายะ ปะริจิตายะ สุสะมารัทธายะ อิเม เอกาทะสานิสังสา ปาฏิกังขาฯ
อัตถิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
อัตถิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ
อัตถิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตีหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
กะตีหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
กะตีหาการเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุติฯ
สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตะเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
(๑) สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๒) สัพเพ ปาณา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ อัตตะภาวะปะริยาปันนา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตูติ
อิเมหิ ปัญจะหากาเรหิ อะโนธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตะเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
(๑) สัพเพ อิตถิโย อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๒) สัพเพ ปุริสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ อะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ อะนะริยา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ เทวา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๖) สัพเพ มะนุสสา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๗) สัพเพ วินิปาติกา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตูติ
อิเมหิ สัตตะหากาเรหิ โอธิโส ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติฯ
กะตะเมหิ ทะสะหากาเรหิ ทิสา ผะระณา เมตตาเจโตวิมุตติ?
๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๘) สัพเพ ทักขะณายะ อะนุทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ สัตตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑) สัพเพ ปุรัตถิยายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๘) สัพเพ ทักขินายะ อะนุทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปาณาอะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑๐)สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ภูตา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑) สัพเพ ปุรัตถิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๒) สัพเพ ปัจฉิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๓) สัพเพ อุตตะรายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๔) สัพเพ ทักขิณายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๕) สัพเพ ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๖) สัพเพ ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๗) สัพเพ อุตตะรายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๘) สัพเพ ทักขิณายะ อะนุทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๙) สัพเพ เหฏฐิมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
(๑๐) สัพเพ อุปะริมายะ ทิสายะ ปุคคะลา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุฯ
ข้าพเจ้าได้ฟังมาอย่างนี้ว่า ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นอารามของท่านอนาถบิณฑิกมหาเศรษฐี ใกล้เมืองสาวัตถีฯ ณ โอกาสนั้นและรพผู้มีพระภาคตรัสเรียกพระภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายฯ พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ได้ตอบรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญฯ พระผู้มีพระภาคได้ประทานพระดำรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย (คนผู้เจริญเมตตาภาวนาเป็นประจำ) หวังได้แน่นอน (ที่จะรับ) อานิสงส์ ๑๑ ประการ ของเมตตาเจโตวิมุติ ที่ตนต้องเสพ (ทำให้ชำนาญ) แล้ว ทำให้เจริญขึ้นแล้ว ทำให้มากแล้ว สั่งสม (ด้วยวสี ๕ ประการ) ดีแล้ว ทำให้บังเกิดขึ้นด้วยดีแล้วฯ อานิสงส์ ๑๑ ประการ (ของเมตตาเจโตวิมุติ) คืออะไรบ้าง? (อานิสงส์ ๑๑ ประการ ของเมตตาเจโตวิมุติ คือ)
(๑) นอนหลับเป็นสุข
(๒) ตื่นเป็นสุข
(๓) ไม่ฝันร้าย
(๔) เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
(๕) เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
(๖) เทวดาทั้งหลายเฝ้ารักษา
(๗) ไฟ ยาพิษ หรือ ศัสตรา ไม่กล้ำกราย (ในตัว) ของเขา
(๘) จิตเป็นสมาธิเร็ว
(๙) ผิวหน้าผ่องใส
(๑๐) ไม่หลงตาย
(๑๑) ยังไม่บรรลุคุณธรรมเบื้องสูง ก็จะบังเกิดในพรหมโลก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนผู้เจริญเมตตาภาวนาเป็นประจำ หวังได้แน่นอนที่จะได้รับ อานิสงส์ ๑๑ ประการของเมตตาเจโตวิมุติ ที่ตนส้องเสพ ทำให้ชำนาญ แล้วทำให้เจริญขึ้นแล้ว ทำให้มากแล้ว สั่งสม ด้วยวสี ๕ ประการดีแล้ว ทำให้บังเกิดขึ้นด้วยดีแล้วฯ
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปไม่เจาะจง (บุคคล) มีอยู่
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปเจาะจง บุคคล มีอยู่
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปในทิศที่มีอยู่ฯ
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปโดยไม่เจาะจง (บุคคล) มีกี่อย่าง?
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปโดยเจาะจง (บุคคล) มีกี่อย่าง?
เมตตาเจโตวิมุติ ที่แผ่ไปในทิศ มีกี่อย่าง?
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปไม่เจาะจง (บุคคล) มี ๕ อย่าง
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปโดยเจาะจง (บุคคล) มี ๗ อย่าง
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปในทิศมี ๑๐ อย่างฯ
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปไม่เจาะจง (บุคคล) ๕ อย่างมีอะไรบ้าง?
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปไม่เจาะจง (บุคคล) ๕ อย่าง คือ
(๑) ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัยเถิดฯ
(๒) ขอปาณะทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัย เถิดฯ
(๓) ขอภูตทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัยเถิดฯ
(๔) ขอบุคคลทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัยเถิดฯ
(๕) ขอผู้มีอัตตภาพทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัยเถิดฯ
เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปโดยเจาะจง (บุคคล) ๗ อย่าง มีอะไรบ้าง? (เมตตาเจโตวิมุติที่แผ่ไปโดยเจาะจง (บุคคล) ๗ อย่าง คือ)
(๑) ขอสตรีทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัย เถิดฯ
(๒) ขอบุรุษทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัย เถิดฯ
(๓) ขอพระอริยเจ้าทั้งหลายทั้งปวง จงอย่ามีเวรต่อกันและกัน จงอย่าเบียดเบียนกัน จงอย่ามีทุกข์ จงมีสุข ประคับประคองตนให้รอดพ้นภัย เถิดฯ
มาแว้ว อตปส
เพราะพวกมึงไปเมาท์คุณภาพปกของบทอ.ป่าววะ กูจะทักก็ไม่ทัน
คำบูชาพระรัตนตรัย
โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
นมัสการพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
๑. พุทธคุณ
อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะ สัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู
อนุตตะโร ปุริสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวมนุสสานัง พุทโธภะคะวาติ
๒. ธรรมคุณ
สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหิติ
๓. สังฆคุณ
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทังจัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ
ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกมีดังนี้
๑.
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู วัจจะโส ภะคะวา
๒.
อะระหัง ตัง สะระณัง คัจฉามิ
อะระหัง ตัง สิระสา นะมามิ
สัมมาสัมพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
สัมมาสัมพุทธัง สิระสา นะมามิ
วิชชาจะระณะสัมปันนัง สิระสา นะมามิ
สุคะตัง สะระณัง คัจฉามิ
สุคะตัง สิระสา นะมามิ
โลกะวิทัง สะระณัง คัจฉามิ
โลกะวิทัง สิระสา นะมามิ
๓.
อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะธัมมะสาระถิ วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สัตถา เทวะมะนุสสานัง วัจจะโส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา พุทโธ วัจจะโส ภะคะวา
๔.
อะนุตตะรัง สะระณัง คัจฉามิ
อะนุตตะรัง สิระสา นะมามิ
ปุริสะทัมมะสาระถิ สะระณัง คัจฉามิ
ปุริสะทัมมะสาระถิ สิระสา นะมามิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง สะระณัง คัจฉามิ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง สิระสา นะมามิ
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
พุทธัง สิระสา นะมามิ
๕.
อิติปิ โส ภะคะวา รูปะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา เวทะนาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สัญญาขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา สังขาระขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา
อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณะขันโธ อะนิจจะลักขะณะปาระมี จะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา
๖.
อิติปิ โส ภะคะวา ปะถะวีจักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา
ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา เตโชจักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา
ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา วาโยจักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา
ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อาโปจักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา
ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อากาสะจักกะวาฬะ จาตุมะหาราชิกา ตาวะติงสา
ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
๗.
อิติปิ โส ภะคะวา ยามาธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา ตุสิตาธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา นิมมานะระติธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา กามาวะจะระธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
๘.
อิติปิ โส ภะคะวา รูปาวะจะระธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา ปะฐะมะฌานะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา ทุติยะฌานะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา ตะติยะฌานะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา จะตุตถะฌานะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะมาฌานะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
๙.
อิติปิ โส ภะคะวา อากาสานัญจายะตะนะเนวะสัญญานา
สัญญายะตะนะอะรูปาวะจะระธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา วิญญาณัญจายะตะนะ เนวะสัญญานา
สัญญายะตะนะอะรูปาวะ จะระธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อากิญจัญญายะตะนะ เนวะสัญญานา
สัญญายะตะนะ อะรูปาวะ จะระธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
๑๐.
อิติปิ โส ภะคะวา โสตาปะฏิมัคคะธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะปะฏิมัคคะ ธาตุสัมมาทิยานะ สัมปันโน
๑๑.
อิติปิ โส ภะคะวา โสตาอะระหัตตะ ปะฏิผะละธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา สะกิทาคาอะระหัตตะ ปะฏิผะละธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
อิติปิ โส ภะคะวา อะนาคาอะระหัตตะ ปะฏิผะละธาตุ สัมมาทิยานะ สัมปันโน
๑๒.
กุสะลา ธัมมา
อิติปิ โส ภะคะวา
อะ อา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ชมภูทีปัญจะอิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
นะโม พุทธายะ
นะโม ธัมมายะ
นะโม สังฆายะ
ปัญจะ พุทธา นะมามิหัง
อา ปา มะ จุ ปะ
ที มะ สัง อัง ขุ
สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ
อุ ปะ สะ ชะ สุ เห ปา สา ยะ
โส โส สะ สะ อะ อะ อะ อะ นิ
เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว
อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ
อิ สวา สุ สุ สวา อิ
กุสะลา ธัมมา
จิตติวิอัตถิ
๑๓.
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง
อะ อา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
สา โพธิ ปัญจะ อิสาะโร ธัมมา
๑๔.
กุสะลา ธัมมา
นันทะวิวังโก
อิติ สัมมาพุทโธ
สุ คะ ลา โน ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
จาตุมะหาราชิกา อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
อิติ วิชชาจะระณะสัมปันโน
อุ อุ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตาวะติงสา อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
นันทะ ปัญจะ สุคะโต โลกะวิทู
มะหาเอโอ ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ยามา อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
พรหมมาสัททะ
ปัญจะ สัตตะ
สัตตาปาระมี
อะนุตตะโร
ยะมะกะขะ
ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
๑๕.
ตุสิตา อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
ปุ ยะ ปะ กะ
ปุริสะทัมมะสาระถิ
ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
๑๖.
นิมมานะระติ อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
เหตุโปวะ
สัตถา เทวะมะนุสสานัง
ตะถา ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
๑๗.
ปะระนิมมิตะ อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
สังขาระขันโธ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา
รูปะขันโธ พุทธะปะผะ
ยาวะชีวัง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
๑๘.
พรหมมา อิสสะโร
กุสะลา ธัมมา
นัจจิปัจจะยา วินะปัญจะ ภะคะวะตา ยาวะนิพพานัง สะระณัง คัจฉามิ
นะโม พุทธัสสะ
นะโม ธัมมัสสะ
นะโม สังฆัสสะ
พุทธิลา โลกะลา กะระกะนา
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ ฯ
๑๙.
นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ
วิตติ วิตติ วิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ
อัตติ อัตติ มะยะสุ สุวัตถิ โหนตุ
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ
๒๐.
อินทะสาวัง มะหาอินทะสาวัง
พรหมะสาวัง มะหาพรหมะสาวัง
จักกะวัตติสาวัง มะหาจักกะวัตติสาวัง
เทวาสาวัง มะหาเทวาสาวัง
อิสิสาวัง มะหาอิสิสาวัง
มุนีสาวัง มะหามุนีสาวัง
สัปปุริสาวัง มะหาสัปปุริสาวัง
พุทธะสาวัง ปัจเจกะพุทธะสาวัง
อะระหัตตะสาวัง สัพพะสิทธิวิชชาธะรานังสาวัง สัพพะโลกา
อิริยานังสาวัง เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหตุ
๒๑.
สาวัง คุณัง วะชะพะลัง เตชัง วิริยัง สิทธิกัมมัง นิพพานัง
โมกขัง คุยหะกัง
ถานัง สีลัง ปัญญานิกขัง ปุญญัง ภาคะยัง ตัปปัง สุขัง
สิริรูปัง จะตุวีสะติเสนัง
เอเตนะ สัจเจนะ สุวัตถิ โหนตุ
หุลู หุลู หุลู สะวาหายะ
๒๒.
นะโม พุทธัสสะ นะโม ธัมมัสสะ นะโม สังฆัสสะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ
สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ
นะโม อิติปิโส ภะคะวา
๒๓.
นะโม พุทธัสสะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ
สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ
นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
๒๔.
นะโม ธัมมัสสะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ
สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ
นะโม สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
๒๕.
นะโม ธัมมัสสะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ
สัญญาขันโธ สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ
นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
๒๖.
นะโม สังฆัสสะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา รูปะขันโธ เวทะนาขันโธ สัญญาขันโธ
สังขาระขันโธ วิญญาณะขันโธ
นะโม สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ วาหะปะริตตัง
๒๗.
นะโม พุทธายะ
มะอะอุ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา
ยาวะ ตัสสะ หาโย
นะโม อุอะมะ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา
อุ อะมะ อาวันทา
นะโม พุทธายะ
นะ อะ กะ ติ นิ สะ ระ นะ
อา ระ ปะ ขุ ธัง มะ อะ อุ
ทุกขัง อะนิจจัง อะนัตตา
พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก (แปล)
๑. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ไกลจากกิเลส
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้เสด็จไปดีแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้รู้แจ้งโลก
๒. ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นพระอรหันต์ว่า เป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็นพระอรหันต์ ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ทรงตรัสรู้เองโดยชอบว่า เป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ทรงตรัสรู้เอง ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เสด็จไปดีแล้ว ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เสด็จไปดีแล้ว ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้รู้แจ้งโลก ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้รู้แจ้งโลก ด้วยเศียรเกล้า
๓. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นอนุตตะโร คือ ยอดเยี่ยม
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นผู้ตื่นจากกิเลส
๔. ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ยอดเยี่ยม ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ยอดเยี่ยม ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็นนายสารถีผู้ฝึกบุรุษ
ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้เป็น
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยเศียรเกล้า
ข้าพเจ้าขอถึงพระองค์ผู้ตื่นจากกิเลส ว่าเป็นที่พึ่งกำจัดภัยได้จริง ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระองค์ผู้ตื่นจากกิเลส ด้วยเศียรเกล้า
๕. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น รูปขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เวทนาขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น สัญญาขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น สังขารขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึงพร้อมแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น วิญญาณขันธ์ เป็นอนิจจลักษณะ แต่พระบารมีถึง
๖. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ดินจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ไฟจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ลมจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ น้ำจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ อากาศจักรวาล เทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาและชั้นดาวดึงส์
๗. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นยามา
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นดุสิต
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ สวรรค์ชั้นนิมมานรดี
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในกามาวจรภูมิ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในรูปาวจรภูมิ
๘. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ปฐมญาน
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ทุติยญาน
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ตติยญาน
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ จตุตถญาน
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ ปัญจมญาน
๙. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ อากาสานัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ วิญญาณัญจายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ อันเป็นไปในอรูปาวจรภูมิ คือ อากิญจัญญายตนะและเนวสัญญานาสัญญายตนะ
๑๐. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระโสดาปัตติมรรค
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระสกิทาคามิมรรค
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอนาคามิมรรค
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอรหัตตมรรค
๑๑. พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระโสดาปัตติผล และ พระอรหัตตผล
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระสกิทาคามิผล และ พระอรหัตตผล
พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงถึงพร้อมด้วยธรรมที่เป็นธาตุ คือ พระอนาคามิผล และ พระอรหัตตผล
๑๒. ธรรมะฝ่ายกุศล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า ว่าเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นอิสสระแห่งชมภูทวีป
ธรรมะฝ่ายกุศล ขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระธรรมเจ้า ขอนอบน้อมแด่พระสังฆเจ้า
ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ด้วยหัวใจพระวินัยปิฎก ด้วยหัวใจพระสุตตันตปิฎก ด้วยหัวใจพระอภิธรรมปิฎก
ด้วยมนต์คาถา ด้วยหัวใจมรรคสี่ ผลสี่ และ นิพพานหนึ่ง ด้วยหัวใจพระเจ้าสิบชาติทรงแสดงการบำเพ็ญบารมีสิบ
ด้วยหัวใจพระพุทธคุณเก้า ด้วยหัวใจพระไตรรัตนคุณ ธรรมะฝ่ายกุศล
คาถาสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
พุทธมังคลคาถาถือเป็นอีกหนึ่งบทคาถาของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
คำว่าพุทธมังคลคาถานี้ คือการนมัสการบูชาพระอรหันต์แปดทิศซึ่งล้วนแต่เป็นพระมหาเถระที่ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น
พุทธมังคลคาถา
สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
โกณฑัญโญ ปุพพะภาเค จะ อาคเณยเย จะ กัสสะโป
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ หะระติเย อุปาลิ จะ
ปัจฉิมเมปิ จะ อานันโท พายัพเพ จะ คะวัมปะติ
โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร อีสาเนปิ จะ ราหุโล
อิเม โข มังคะลา พุทธา สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
วันทิตา เต จะ อัมเหหิ สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
เอเตสัง อานุภาเวนะ สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน
อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยัง ยัง
ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโยฯ
--------------------------------------------------------------------------------
คาถาบูชาพระสมเด็จ
ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง
ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง
อัตถิ กาเย กายะญายะ
เทวานัง ปิยะตัง สุตะวา
คาถาอารธนาพระสมเด็จ
โตเสนโต วะระธัมเมนะ
โตสัฏฐาเน สิเว วะเร
โตสัง อะกาสิ ชันตูนัง
โตสะจิตตัง นะมามิหัง
คาถาสืบสร้างทางสวรรค์และนิพพาน
พุทธะ พุทธา พุทเธ พุทโธ พุทธัง อะระหัง พุทโธ อิติปิโส ภะคะวา นะโมพุทธายะ
อิสัส ช่วงนี้วงการหนังสือเป็นไรกันหมดว่ะ ทั้งนักแปลเถื่อนชุบตัว นักเขียนขี้ก็อป นักอ่านปสดบางคนอวยแปลเถื่อนทับศัพท์ดีกว่าแปลแท้ถูกลิขสิทธิ์ นักอ่านเถื่อนเรียกร้องสิทธิผู้บริโภค แบนสนพ.ด้วยปัญหาเท่า ีมด ดราม่าปกคู่ปสด ลูกหาบนักเขียน/นักแปลไร้สมองอวยคนที่ชอบแบบหลับหูหลับตาทำผิดเหี้ยไรมาไม่เคยสน ด่าคนออกมาเตือน ด่าคนเห็นต่าง ด่าทุกอย่างยกเว้นนักแปล/นักเขียนที่ตัวเองชอบ วงการนี้แม่งเปลี่ยนไปเยอะจริงๆว่ะ
กูกำลังอ่านปรารถนาเพียงรักแล้วสบายใจมาก แปลแบบ 98% เลย จะมีบางคำที่เป็นเฉพาะจริง ๆ เช่น จุดต่างๆ บนร่างกาย ซึ่งในเรื่องก็พูดครั้งเดียว นอกนั้นแปลหมด คำว่าพี่ชายก็แปลจังหวะที่เรียกก็ให้ความรู้สึกอ้อนอะ พอกูเห็นบ่นเรื่องทับศัพท์แล้วคือแบบไม่มีใจอยากหยิบอ่านเลย
กราบพระรัตนตรัย
กราบครั้งที่ ๑ กราบพระพุทธ
กราบครั้งที่ ๒ กราบพระธรรม
กราบครั้งที่ ๓ กราบพระสงฆ์
คำบูชาพระ
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ*
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ*
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ*
(*หากสวดพร้อมกับผู้อื่น ให้เปลี่ยนเป็น มะ)
บทสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)
บทสวดมนต์ สรรเสริญพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
บทสวดมนต์ อาราธนาศีล 5
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
บทสวดมนต์ ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
บทสวดมนต์ สมาทานศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (กล่าว 3 จบ)
บทสวดมนต์ บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด
บทสวดมนต์ บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทสวดมนต์ บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
วิธีสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกด้วย ๑
ให้เริ่มสวดตั้งแต่บท บูชาพระรัตนตรัย บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย สวด 3 จบ ขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ) ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) ชัยปริตร (มหากาฯ) บทอิติปิโส เท่าอายุ บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ บทแผ่ส่วนกุศล อธิฐานตามสิ่งที่ปรารถนา สวดพระคาถาชินบัญชร
สารบัญ
บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ
สารบัญ
บทกราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
สารบัญ
นมัสการพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
สารบัญ
ขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต
วิธีสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกด้วย ๑
ให้เริ่มสวดตั้งแต่บท บูชาพระรัตนตรัย บทกราบพระรัตนตรัย นมัสการพระรัตนตรัย สวด 3 จบ ขอขมาพระรัตนตรัย ไตรสรณคมน์ ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ) ชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ) ชัยปริตร (มหากาฯ) บทอิติปิโส เท่าอายุ บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ บทแผ่ส่วนกุศล อธิฐานตามสิ่งที่ปรารถนา สวดพระคาถาชินบัญชร
สารบัญ
บูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อภิปูชะยามิ
สารบัญ
บทกราบพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
สารบัญ
นมัสการพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (สวด ๓ จบ)
สารบัญ
ขอขมาพระรัตนตรัย
วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,
วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต
สารบัญ
ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
สารบัญ
ถวายพรพระ (อิติปิโสฯ)
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (พุทธคุณ)
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ (อ่านว่า วิญญูฮีติ) (ธรรมคุณ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (สังฆคุณ)
สารบัญ
พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงฯ)
พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
นาฬาคิริง คะชะวะรังอะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะ สุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
กัตตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปัญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัหมัง (อ่านว่า พรัมมัง) วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โยวาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปัญโญ
(* ถ้าสวดให้คนอื่น ให้เปลี่ยนจากคำว่า เม เป็น เต)
สารบัญ
ชัยปริตร (มหากาฯ)
มะหาการุณิโก นาโถ หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม* ชะยะมังคะลัง ฯ
ชะยันโตโพธิยา มูเล สักยานัง นันทิ วัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ (ถ้าสวดให้คนอื่นเปลี่ยนเป็น ตะวัง วิชะโย โหหิ) ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล
อะปะราชิตะ ปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโมทะ ติฯ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฏ ฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะ (อ่านว่า พรัมมะ) จาริสุ ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณิธีเต ปะทักขิณา ปะ ทักขิณา นิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณ ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะ เทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวัน ตุ เม* ฯ
สารบัญ
อิติปิโส เท่าอายุ
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ
(ให้สวดเกินอายุ ๑ จบ เช่น อายุ ๔๒ ปี ต้องสวด ๔๓ จบ)
สารบัญ
บทแผ่เมตตาแก่ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์กายทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
สารบัญ
บทแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
มนุษย์ Toxic มีหลายแบบ เลยอยากชวนมาดูมนุษย์ Toxic 2 แบบยอดนิยม นั่นคือ Toxic แบบขี้บ่น ก่นด่า สบถ สาบาน ทัศนคติไม่ค่อยจะดี กับอีกแบบคือ Toxic ขี้เมาท์ขี้นินทา
การสบถสาบานแรงๆ จะไปกระตุ้นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เพราะฉะนั้นการพูดหยาบๆ แรงๆ จึงเป็นเหมือนการ ‘เกา’ สมองส่วนที่คันยุบๆ ยิบๆ อยู่ เป็นเหมือนการจัดการทางอารมณ์ของสมอง หรือเป็นการจัดการอารมณ์ทางกายภาพ
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกนบอกว่า การที่สาวๆ ชอบซุบซิบนินทาจับกลุ่มเมาท์กันนั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเธออยู่ไม่น้อย นั่นคือ ทำให้อารมณ์ของพวกเธอดีขึ้น
คำฮิตใหม่ที่เอาไว้บ่นว่าคนอื่นคือคำว่า ‘Toxic’
คนที่มีความ Toxic หรือสภาพแวดล้อมที่ Toxic หมายถึงอยู่แล้วไม่มีความสุข มีแต่ปัญหาโน่นนั่นนี่สารพัด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วความ Toxic มักมีจากการพูดจานี่แหละครับ
ที่จริงแล้วมนุษย์ Toxic มีหลายแบบ แต่ถ้าให้พูดถึงมนุษย์ Toxic ทุกแบบ คงต้องเขียนกันเป็นเล่มๆ เลยอยากชวนมาดูมนุษย์ Toxic 2 แบบยอดนิยม นั่นคือ Toxic แบบขี้บ่น ก่นด่า สบถ สาบาน ทัศนคติไม่ค่อยจะดี กับอีกแบบคือ Toxic ขี้เมาท์ขี้นินทา รวมไปถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความ Toxic เหล่านี้กัน
Toxic ขี้บ่น สบถ สาบาน
คนแบบนี้เวลาอยู่ใกล้ๆ บางทีจะรู้สึก Toxic จริงๆ เพราะแทบไม่มีอะไรในโลกนี้ดีงามเลย มีแต่สบถ สาบาน ใช้คำหยาบด่าโน่นนั่นนี่เต็มไปหมด คำที่หลุดออกมาจากปากมักจะเป็นคำในแง่ลบเสมอ โดยเฉพาะคำหยาบและคำสบถ สาบานทั้งหลายแหล่
แต่รู้ไหมครับ ว่าเคยมีงานวิจัยของ ริชาร์ด สตีเฟนส์ จากภาควิชาจิตวิทยาในมหาวิทยาลัยคีล ของสหรัฐอเมริกา ตีพิมพ์ในวารสารชื่อ The Journal of Pain ซึ่งเป็นวารสารทางการแพทย์ บอกว่า การบ่น ก่นด่า อะไรทำนองนี้ มันช่วยลดความเจ็บปวดได้
เราเชื่อกันมานานแล้วนะครับ ว่าการได้ปลดปล่อยระเบิดระบายอะไรออกมาแรงๆ นั้น จะทำให้เราคลายความเครียดลงไปได้ สตีเฟนส์ก็บอกแบบเดียวกัน เขาบอกว่า การสบถ สาบาน พูดหยาบคาย มีผลในทางการแพทย์แบบ Analgesia คือเป็นเหมือนยาแก้ปวด (ดูรายละเอียดได้ที่ www.jpain.org และ www.keele.ac.uk) โดยเขาให้ผู้เข้าทดลองเอามือวางบนน้ำแข็งจนเย็นเฉียบ แล้วก่นด่าออกมากับไม่ก่นด่าออกมา จากนั้นก็ดูกิจกรรมทางสมอง
เขาอธิบายว่า ภาษาโดยทั่วไปจะเกี่ยวข้องกับสมองชั้นคอร์เทกซ์ (Cortex) หรือเปลือกสมองของสมองซีกซ้าย แต่การสบถ สาบานแรงๆ นั้น จะไปกระตุ้นสมองส่วนที่ลึกกว่า คือสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ (ซึ่งจริงๆ แล้วมีหลายส่วน) เพราะฉะนั้น การพูดหยาบๆ แรงๆ จึงเป็นเหมือนการ ‘เกา’ สมองส่วนที่คันยุบๆ ยิบๆ อยู่ คือกำลังเจ็บปวดกับเรื่องหนึ่งเรื่องใด แล้วพูดโพล่งหยาบๆ ออกมา ก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในสมองได้ มันจึงเป็นเหมือนการจัดการทางอารมณ์ของสมอง หรือเป็นการจัดการอารมณ์ทางกายภาพ
แต่แน่นอน นี่เป็นคนละเรื่องกับการจัดการอารมณ์ในทางสังคม นั่นคือคนอื่นเขาอาจจะไม่ได้ ‘หายคัน’ ไปกับคุณด้วย แต่เหมือนเป็นการผลักความเจ็บปวดนั้นไปใส่สมองของคนอื่นแทน ทำให้เขาอยากจะสบถสาบานกลับใส่คุณแทน
อย่างไรก็ตาม อย่าคิดว่าการสบถ สาบานแรงๆ พวกนี้จะให้ประโยชน์เสมอไปนะครับ เพราะสตีเฟนส์บอกว่า ยิ่งทำบ่อยเท่าไร ผลที่ได้ (อันที่จะลดความเจ็บปวด) ก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น พวกที่ Toxic ทางวาจาเป็นประจำ อาจต้องพิจารณาตัวเองกันหน่อยนะครับ ก่อนที่จะไปบอกใครๆ ว่าจำเป็นต้องทำเพื่อผลทางการแพทย์
สตีเฟนส์บอกด้วยว่า งานวิจัยของเขาเสนอว่า การสบถ สาบานเป็นประโยชน์ เพราะช่วยให้เราแสดงอารมณ์รุนแรงออกมา แต่ทำบ่อย และทำในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่ล่อแหลมอันตราย ก็ไม่ใช่เรื่องดี
Toxic ขี้เมาท์
ใครๆ ก็เบื่อพวกขี้เมาท์ ชอบซุบซิบ นินทา แต่รู้ไหมครับ ว่าเคยมีงานวิจัย (น่าเสียดายที่เป็นงานวิจัยที่ทำเฉพาะในสาวๆ เท่านั้น) ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (ดูที่นี่) โดย สเตฟานี บราวน์ ซึ่งตีพิมพ์ผลงานร่วมกับคณะลงในวารสาร Hormones and Behavior
เธอบอกว่า การที่สาวๆ ชอบซุบซิบ นินทา จับกลุ่มเมาท์กันนั้น แท้จริงแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายของพวกเธออยู่ไม่น้อย นั่นคือทำให้อารมณ์ของพวกเธอดีขึ้น
ที่อารมณ์ดีขึ้นนั้น ไม่ใช่แค่ได้พ่นพล่อยลับหลังคนอื่นเท่านั้นนะครับ แต่เพราะการเมาท์ (โดยเฉพาะเรื่องแซ่บๆ) ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายที่ชื่อ โปรเจสเทอโรน (Progesterone) เพิ่มปริมาณขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะช่วยลดความวิตกกังวลและความเครียดลงได้
บราวน์บอกว่า สิ่งที่เธอทำคือ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลไกทางชีววิทยากับพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกขึ้นว่า ทำไมคนที่มีชีวิตทางสังคมจึงมีความสุข หรือมีสุขภาวะที่ดี และมีชีวิตยืนยาวกว่าคนที่โดดเดี่ยว โดยการซุบซิบ นินทา เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยสร้างพันธะระหว่างคนในกลุ่มให้แน่นแฟ้น ด้วยการสร้าง ‘ศัตรูร่วม’ ขึ้นมา
โปรเจสเทอโรนเป็นฮอร์โมนที่ทำงานคล้ายๆ กับออกซิโตซิน (Oxytocin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมา เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก แต่ออกซิโตซินวัดค่าได้ยาก ต้องวัดจากไขสันหลัง ซึ่งเป็นวิธีที่แพงและเจ็บ ส่วนโปรเจสเทอโรนวัดค่าได้ง่ายกว่ามาก แค่ตรวจตัวอย่างน้ำลายก็ใช้ได้แล้ว และโปรเจสเทอโรนก็สัมพันธ์กับออกซิโตซินด้วย
ในการทดลอง บราวน์ใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาหญิง 160 คน โดยวัดระดับของโปรเจสเทอโรนและฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อ คอร์ติซอล (Cortisol) ในน้ำลาย ร่วมกับข้อมูลเกี่ยวกับรอบประจำเดือน และการใช้ยาคุมกำเนิดกับยาประเภทฮอร์โมนอื่นๆ
พบว่า ผู้หญิงที่อยู่ในกลุ่มที่ขี้เมาท์กว่า จะมีระดับของโปรเจสเทอโรนสูงกว่า จึงเป็นหลักฐานให้กับสมมติฐานในทางชีววิทยาวิวัฒนาการ ที่บอกว่า เมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนแล้ว มนุษย์เราพัฒนาการนินทามาเป็นอาวุธ เพื่อช่วยควบคุมฝูง และการนินทานี่เองที่มีส่วนทำให้สมองของเราพัฒนามากขึ้น และอาจเป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดภาษาขึ้นมาด้วย
เพราะฉะนั้นก็เลยเข้าใจได้นะครับ ว่าการซุบซิบ นินทา เมาท์แตกนั้น มีประโยชน์อย่างนี้นี่เอง และแม้มันจะ Toxic ต่อผู้ถูกนินทา แต่ถ้าพอทำใจได้ก็ต้องถือว่าได้บุญไม่น้อย
วางเฉย ไม่ร่วมวงสนทนา
เมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมงานของคุณกำลังนินทาคนในออฟฟิศ ให้คุณรีบลุกหนีและไม่ร่วมวงสนทนาด้วย เพื่อเป็นการแสดงออกว่าไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้ และที่สำคัญการลุกหนีอาจทำให้คุณเป็นเป้าหมายต่อไปในการนินทาของพวกเขาก็ไม่ต้องไปสนใจ เพราะคนขี้นินทาไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนินทาอยู่แล้ว จงจำไว้ว่าคนที่นินทาเรานั้นก็เพราะเราไปอยู่ในความสนใจของเขา ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ดีกว่า หรือเราสวยกว่าเขาจึงหันมาสนใจและพยายามหาข้อบกพร่องของเรา เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น และอย่าลืมว่าคนขี้นินทามักจะก้าวช้ากว่าเราเสมอจึงมีคำว่า “ นินทาลับหลัง ” ดังนั้นจึงควรวางเฉยไม่ต้องไปสนใจและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด
ถามตัวเองว่าเราทำผิดอะไร?
เมื่อถูกพิษจากการเมืองในออฟฟิศหรือคนขี้นินทา เราควรมองที่ตัวเองก่อนว่าเราทำผิดอะไร? เช่น มาทำงานสายหรือไม่ ส่งงานตรงเวลาหรือเปล่า หรือมีเรื่องชู้สาวกับใครหรือเปล่า เมื่อทบทวนตัวเองอย่างนี้แล้วพบว่าผิดจริงก็ควรทำการแก้ไขปรับปรุงตัวเองเสียใหม่ นำคำนินทาเหล่านั้นมาพัฒนาตนเองและคิดเสียว่าเป็นการติเพื่อก่อ แต่ถ้าเราสำรวจตัวเองแล้วยังไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ จากการทำงานก็ควรปล่อยผ่านและทำงานตัวเองต่อไป เพราะบางครั้งการนินทาก็เป็นแค่เรื่องที่พูดขึ้นเพื่อความสนุกของชาวออฟฟิศขี้นินทาเท่านั้นเอง
เอาเวลาคิดมากไปพัฒนาตัวเอง
ปัญหาความเครียดในที่ทำงาน ส่วนมากจากพิษของการเมืองในออฟฟิศนั้นมาจากการนำคำพูดของเพื่อนร่วมงานมาคิดวกไปวนมา จนเป็นปัญหาต่อสุขภาพจิตที่ส่งผลหลายด้าน ๆ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งตัวเอง ดังนั้นจึงไม่ควรเสียเวลาไปกับการคิดทบทวนซ้ำ ๆ โดยนำเวลาว่างจากการทำงานไปใช้ในการพัฒนาตัวเองในด้านอื่น ๆ หรือหาช่องทางหาเงินใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และความภาคภูมิใจในตัวเอง
วิธีการรับมือกับเพื่อนร่วมงานขี้นินทาและการเมืองในออฟฟิศก็คือการวางเฉยและไม่ต้องสนใจ พยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด นอกจากนี้ควรนำเวลาว่างไปพัฒนาตัวเองเพื่อให้มีความรู้หรือรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะดีกว่า และปล่อยให้คนนินทาลับหลังอยู่แต่ข้างหลังในขณะที่เราเดินนำไปไกลแล้วก็น่าจะเป็นการดีที่สุด
เชี่ย55555555555 นี่ขนาดโม่งมันไม่มีค่าให้ใส่ใจนะเนี่ย เข้ากี่ทีโทรลลงตลอด ปังสัส
สมาธิ จิตใจสงบ ผ่องใส อีกทั้งยังเป็นการแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้ทำมาในแต่ละวันให้กับเพื่อนมนุษย์ หรือสรรพสัตว์ต่างๆ บนโลก เมื่อเรามีสมาธิ จิตใจเย็นลง จะทำให้เรานอนหลับสบาย ตื่นเช้ามาจะรู้สึกสดใส พร้อมที่จะสู้ไปกับงาน หรือการเรียนได้อย่างมีความสุข
ซึ่งใน บทสวดมนต์ก่อนนอน นั้นไม่ว่าจะเป็นบทใดก็ตามล้วนแล้วแต่มีอานุภาในตัวเองอยู่มากมาย อีกทั้งยังแฝงไปด้วยข้อคิดดีๆ ที่จะเป็นหลักนำทางให้เราดำเนินชีวิตในทุกๆ วันไปได้อย่างราบรื่น ฉะนั้น การสวดมนต์ก่อนนอนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งปฏิบัติทุกวันก็จะส่งผลที่ดีในเรื่องของสมาธิ ปัญญา ทำให้ใจของเราสามารถพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างละเอียด รอบคอบ และใจเย็นมากขึ้น
เริ่มต้นบทสวดมนต์ กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (3 ครั้ง) แล้วจึงเริ่มต้นกล่าวบทสวดตามปกติ
คำบูชาพระ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ
อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ
บทสวดมนต์ บูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ ฯ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ ฯ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ)
บทสวดมนต์ นะโมสรรเสริญพระพุทธเจ้า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
บทสวดมนต์ อาราธนาศีล 5
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
บทสวดมนต์ ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
บทสวดมนต์ สมาทานศีล 5
ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
บทสวดมนต์ อธิษฐานรักษาศีล 5
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิษฐานว่า ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจะขอรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ดังเดิม
บทสวดมนต์ก่อนนอน ศีล 5
อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ (กล่าว 3 จบ)
บทสวดมนต์ แผ่เมตตาแก่ตนเอง
กราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
นิททุกโข โหมิ ปราศจากความทุกข์
อะเวโร โหมิ ปราศจากเวร
อัพยาปัชโฌ โหมิ ปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
อะนีโฆ โหมิ ปราศจากความทุกข์การทุกข์ใจ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ มีความสุขกายสุขใจรักษาตนให้พ้นจากทุกภัยทั้งสิ้นเถิด
บทสวดมนต์ แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทสวดมนต์ บทแผ่ส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่บิดามารดาของข้าพเจ้า ขอให้บิดามารดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของรข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
คำแปล: ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.
การสวดมนต์นั้น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับทุกคนในยุคนี้ สะดวกมากในทุกเพศ ทุกวัยและไม่ใช่เรื่องของคนแก่ อีกต่อไปเหมือนที่เคยเป็นและเราเข้าใจผิดกันอย่างนั้น บทสวดมนต์ต่างๆ มีการเผยแพร่ออกมามากมายในรูปแบบต่างๆ ที่เห็นกันและได้ยินกันจนเคยชินมากมาย
จนกระทั่งในปัจจุบัน การสวดมนต์เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มเด็กหรือวันรุ่น ก็หันมาสนใจการสวดมนต์กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสวด สวดมนต์ก่อนนอนด้วยบทสวดตามปกติ จนไปถึง คาถาชินบัญชร บทสวดยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก และบทสวดอื่นๆ อีกมากมาย
คาถาแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
หลังจากที่ทุกคนสวด “บทแผ่เมตตา” จบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเป็นการสวดที่วัด พระท่านก็จะนำสวดในส่วนของ “บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร” ต่อ แต่หากสวดอยู่ที่บ้าน อาจจะหาต้นไม้ พร้อมกับน้ำใส่ขวด จากนั้นเริ่มกรวดน้ำและมกล่าวคำตามนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
สะดวกกว่าเมื่ออ่านด้วยแอปฯ
เปิดแอปฯ
ข่าว ดูดวง เพลง Joox หวย ผลบอล ดูทีวีออนไลน์ เกม
ดูดวง
หมวดอื่นๆ
5 คาถาเด็ด ถอนของ ไล่ผี ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย!
5 คาถาเด็ด ถอนของ ไล่ผี ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย!
07 เม.ย. 60 (11:18 น.)listen กดฟัง
S! Horoscope
สนับสนุนเนื้อหา
วันนี้ Sanook! Horoscope มีเรื่องราวของคาถาเด็ดๆ มาฝากกัน เป็นเรื่องของคาถาด้านมืดที่มีความลึกลับกว่าเดิม เป็นคาถาถอนของ ไล่ผี ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ซึ่งเรารวบรวมมาไว้ที่นี่
คาถาถอนของ
ตั้งนะโม 3 จบ บูชาพระรัตนตรัย 3 จบก่อนภาวนาคาถานี้
นะโมเม สุขคะโต นะโมเม โสปัตติ นะโมสุคะโต โหติ อะสัญญัตตา จะ สัมภะวา ปัจจุปันนา ปัญจะพุทธา เสติ นะโมสุคะโต จะ อะนาคะตา นะมามิหัง สัพเพ เทวา ยักขา เปตา ภูตา ปะริตา ปะโรคะตา อัคคะเน วา ชาเมตะยะมัง มะนุสสานัง สัพเพ โกทะวิทา วินาสสันติ ทะสา ตันจะ ปิยัง มุกขัง มุกคะปัตโต เอหิ สะเนโท สะเนทา สะเนหา นะเนโห จะ สัพเพ ชะนะมาเร ปะระชายา ชายะ มะหาโภโค มะหาโทโส พายะสะเต กัมเมนะ วินาสสันติ
หากรู้ว่าของเข้าตัว จงใช้คาถาบทนี้ถอนออก และสามารถขับของให้ผู้อื่นได้
คาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา ถอนศาล ถอนของ ฯลฯ
สมุหะเนยยะ สมุหะคะติ สมุหะคะตา พัทธะเสมายัง เอวัง เอหิ นะเคลื่อน โมถอน พุทคลอน ธาถอน ยะหลุด ลอยเลื่อน เคลื่อนด้วย นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ พุทธัง ปัจจกขามิ ธัมมัง ปัจจักขามิ สังฆัง ปัจจักขามิ เอกาเสติ ปะสิทธิ เม เอหิ คัจฉะมุมหิ เปหิ เปหิ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
คาถาถอนโบสถ์ ถอนเสมา ถอนศาล ถอนของ ทั้งหลายได้ทั้งปวง
คาถาแก้อาคม
นะโมพุทธายะ
นะรา นะระ รัตตัง ญานัง
นะรา นะระ รัตตัง หิตัง
นะรา นะระ รัตตังเขมัง วิปัสสิตัง นะมามิหัง
ใช้สวดภาวนากับน้ำแล้วนำมาดื่มและอาบ ถ้าหากรู้สึกว่าร่างกายจิดใจไม่เป็นปรกติ กระวนกระวายวซึ่งอาจจะถูกของ
สัพเพทวาปีสาเจวะ อาฬะวะกาทะโยปิยะ
ขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขา
ปะลายันติ สักกัสสะ วะชิราวุธัง
เวสสุวัณณัสสะ คะธาวุธัง
อะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง
ยะมะนัสสะ นะยะนาวุธัง
อิเมทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
ใช้สวดภาวนาเมื่อเกิดความกลัวผีขึ้นมา วิญญาณจะไม่มารบกวนเข้าใกล้
คาถาขับไล่สิ่งชั่วร้าย
มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ
มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนัน
ภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา
สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ
ใช้ท่องกับน้ำบริสุทธิ์แล้วนำมาประพรมให้ทั่วสถานที่นั้นๆ จะช่วยแก้อาถรรพ์ต่างๆ ณ ที่นั้นได้
คาถาที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีจิตศรัทธาแล้วแน่วแน่ให้การภาวนา คาถาจึงจะเกิดผลมากที่สุด ซึ่งก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน
อิสัตว์สวดแผ่เมตตาให้พ่อแม่มึงที่นอนเป็นผักอยู่เหรอสมพรปากของมึงนะอิเหี้ย
ไม่ว่างจริงทำไม่ได้น่ะ ป่วนโม่งเหมือนทั้งชีวิตไม่มีงานทำ
มู้นี้ธรรมะธรรมโมดีว่ะ สวดมนต์กรวดน้ำทุกวัน
ตัวเดียวกับที่ป่วนมู้จีนปะวะ ถ้าใช่เขาเป็นหาบจงหยวน เคยโป๊ะที่ห้องมูู้้จีนจ้า
น่าจะพวกอปตส มาแนวๆนี้ ว่างๆก็โผล่มาป่วนที
ความบังเอิญแม่งน่ากลัวว่ะ บังเอิญโทรลลงทุกรอบที่มีเรื่องเกี่ยวกับแก๊งหมาหมู่
เห็นพวกคลั่งกริบมาหาพวกนี้ห้องสปอยล์แล้วกระแสตีกลับ สะใจชะมัด
วันก่อนมีใครหักไม้ผีพูดเรื่องปกนิยายอีแก๊งนี้ ไม่ทันไรแม่งก็มาเลย
ปกล่าสุดของบทอ. ฝีมือไลล่าดร็อปลงเยอะเลยว่ะ ปกติขึ้นชื่อเรื่องค.คงเส้นคงวานะ
หรือเพราะมาเป็นภาพปกให้นิยายนี่วะ งานดร็อปทันตาเห็น😂
>>588 +1 ปกนี้ไม่ดูชื่อกูเดาไม่ออกจิงว่ะ
ขอโทษแฟนอจ.ตรงนี้เลย (กูก็ไม่ได้เกลียดแกนะ) แต่ไม่รู้จะเรียกเผาหรืออัดเทคนิคมาจนล้นดี ฉากหลังรกรุงรัง แสงเงางงๆ มืดไปหมด
กูสังเกตไลล่าช่วงหลังเพิ่งค้นพบเอ็ฟเฟกต์ทำภาพย้อนแสงในโฟโต้ช็อปหรือไงไม่รู้ เอะอะเอามายัดใส่รูปแล้วแปะอวดฝีมือ (ใช่ กูตามเผือกเพจไลล่าด้วย) บางอันดูรู้เลยว่าร้อนวิชา
กูว่าบางเทคนิคที่แกใช้ยังไม่คล่อง ไม่ควรเอามายัดใส่ในงานคอมมิชว่ะ ราคาตกเปล่าๆ
ราคาไม่ตกหรอกมึงยังไงคนก็จ้างเรื่อยๆ มันคุ้มกับราคาเมื่อเทียบกับนักวาดคนอื่น ใครโชคดีปังก็ดีไป
>>592 คนอื่นไม่รู้ แต่ของกูจากเมษาถึงธันวา อันนี้กุให้หนักสุดในทุกปกที่เคยเห็นเลย ลองเสิร์ชดู กูโกรธเลยตอนเห็นเพราะชอบลายเส้นเค้าจากปกแจ่มใสมากกกกก กุเก็บทุกเล่มทุกที่คั่น แต่เล่มนี้ออกมาเหมือนไม่ตั้งใจวาดเท่าวาดนิยายชายหญิง(เค้าดูถนัดวาดผู้หญิงกว่าอยู่แล้ว) แล้วพี่แกไม่เอาปกเรื่องนี้ลงเพจตัวเองด้วยเลยคิดว่าคงรู้ตัวว่าเผาจริง เวลาใครพูดถึงพี่วิคกูนึกภาพปกนี้ขึ้นมาตลอดเลย เห้อ
KY พูดถึงลวด.ทำไมกูรู้สึกว่าหลังๆ นิยายออกกับที่นี่เยอะจังวะเหมือน บก.แม่งไปจีบดะมาหมดเลย
เห็นพูดกันจนกูชักอยากไปหามาอ่านละ5555
กูขอด่าได้ไหม อิพวกคลังศัพท์น้อยแล้วค่อยโทษนักแปลอะ คือไม่รู้จักคำว่าอิหลักอิเหลื่อ กับ ขนด 55555 มึงเรียนจบมาได้ไง ยังงี้ถ้าต่อไปมึงรู้จักแต่คำว่า กิน มึงไม่ด่านักแปลเลยหรอ ถ้าใช้รับประทาน ทาน ฉัน แดก
กุหลาบคงงง แปลชุ่ยก็ด่า แปลพิถีพิถันก็โดนด่าอีก ถถถถถ
ในชีวิตหนึ่งของมนุษย์เรานั้น... สิ่งที่ทุกคนปรารถนาเป็นอย่างมากนั้นก็คือ "ความสุข" เพราะไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งไหน สิ่งที่เราหวังให้เกิดขึ้นตามมานั้นก็คือความสุข ถึงแม้ว่าความสุขของคนเราจะมีหน้าตาและมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ไม่ว่า "ความสุข" จะมาในรูปแบบไหน เชื่อเลยค่ะว่าทุกคนต้องเต็มใจรับมันอย่างแน่นอนใช่ไหมล่ะคะ
และในฐานะพุทธศาสนิกชนมองความสุขว่า... เป็นการได้มาซึ่งความอิ่มเอมและสบายใจ และที่สำคัญความสุขของเรานั้นจะต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น แต่ทั้งนี้บางทีเราอาจจะเบียดเบียนผู้อื่นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือทำไปเพราะการไม่รู้ ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ทุกคนมีจิตใจเมตตาต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนมนุษย์ ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก สัตว์เดรัจฉาน ตลอดจนเทพเทวา เจ้ากรรมนายเวร เพื่อให้ทุกสรรพชีวิตมีความสุขเสมอกันด้วยการ "แผ่เมตตา" นั่นเอง
ส่วนในวันนี้ กระปุกดอทคอมก็ขอรวมบทแผ่เมตตามาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้แบ่งปันความเมตตาไปยังทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ ... ทั้งนี้ หลายคนอาจจะคิดว่าการแผ่เมตตาจะต้องท่องบทสวดเป็นภาษาบาลีเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว เพียงแต่ตั้งสมาธิ ทำจิตให้ว่าง เราก็สามารถแผ่เมตตาได้แล้วล่ะค่ะ เพราะว่าหากไม่ตั้งจิตให้ว่าง ถึงแม้จะท่องบทแผ่เมตตาถูกต้อง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอย่างแน่นอน
บทแผ่เมตตาให้แก่ตัวเราเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข)
อะหัง นิททุกโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์)
อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร)
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง)
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด)
บทแผ่เมตตาไปสู่ผู่อื่น
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นิททุกขา อะเวรา อัพยาปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
ขอสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งปวงเถิดฯ
บทแผ่เมตตาทั่วไป
สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
คาถาแผ่ส่วนกุศลแผ่เมตตาทั่วไป
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนาบุญแก่ข้าพเจ้า ด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดนมัสการบูชาพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
เป็นการรำลึกถึงพระพุทธคุณเบื้องต้นก่อนสวดมนต์ บูชาพระ หรือทำพิธีการต่าง ๆ
บทสวดขอขมาพระรัตนตรัย
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต, อะระหะโต, สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ )ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง โดยชอบ (กราบ) แบบที่ 1
อุกาสะ อัจจะโย โน ภันเต อัชชะขะมามิ ยะถาพาเล ยะถามุฬเห ยะถาอะกุสะเล เย มะยัง กะรัมหา เอวัง ภันเต มะยัง อัจจะโย โน ปะฎิคคัณหะถะ อายะติง สังวะเรยยามิ เถเรปะมาเทนะ ทะวารัตตะเยนะกะตัง สัพพัง อะปะราทังขะมามิภันเต
ณ โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอขมาโทษ ต่อพระรัตนตรัย ที่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ได้สบประมาทพลาดพลั้ง ต่อพระพุทธ ต่อพระธรรม ต่อพระสงฆ์ สมัยเป็นคนพาลคนหลง อกุศลเข้าสิงจิต ให้ทำความผิดต่อพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผิดต่อคุณครูอาจารย์ ผิดต่อหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงน้า หลวงอา หลวงพี่ทั้งหลาย ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามีเวร เกิดชาติหนึ่งภพใด ขอให้ได้สร้างแต่กรรมดี สร้างบารมีของตน ให้พ้นภัยพาล ลุล่วงบ่วงมาร ในชาติปัจจุบันกาลนี้เทอญฯ
(บางที่กล่าวบทสวดนี้ว่า : อุกาสะ อุกาสะ อัจจะโยโนภันเต อัจจักคะมา ยะถาพาเล ยะถามูลเห ยะถาอะกุสะเล เยมะยัง กะรัมหา เอวัง ภัณเต มะยัง อัจจะโยโน ปะฏิคคัณหะถะ อายะติง สังวะเรยยามะฯ )
แบบที่ 2
วันทามิ พุทธัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ ธัมมัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต
วันทามิ สังฆัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเม ภันเต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระพุทธเจ้า เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระองค์จงประทานอภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าแต่พระธรรมอันเจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระธรรมเพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระธรรมจงให้อภัยโทษแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าขอกราบไหว้พระสงฆ์เพื่อขอขมาโทษทั้งปวง ขอพระสงฆ์จงให้อภัยโทษแก่้ข้าพเจ้าด้วยเถิด
แบบที่ 3
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ (ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ.... , ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ ) หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดลดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ
แบบที่ 4
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง, ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า, ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระธรรม, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป
แบบที่ 3
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ (ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ.... , ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ ) หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดลดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ
แบบที่ 4
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง, ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า, ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระธรรม, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป
แบบที่ 3
สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต ฯ (ถ้าหลายคนว่า.....ขะมะตุ โน ภันเต, ฯลฯ.... , ขะมะตุ โน ภันเต , อุกาสะ ขะมามะ ภันเต ฯ ) หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ด้วยทางกายหรือวาจาก็ดี และด้วยเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดลดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ ฯ
แบบที่ 4
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มายา ยัง, ธัมโม ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม,
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา,สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง, สังโฆ ปฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง,กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ. ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระพุทธเจ้า, ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระพุทธเจ้าในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระธรรม, ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระธรรมในกาลต่อไป
ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี กรรมน่าติเตียนอันใดที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ในพระสงฆ์, ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น เพื่อสำรวมระวัง ในพระสงฆ์ในกาลต่อไป
ต้องมีเวลาว่างขนาดไหนวะ
กูไปส่องปกที่พวกข้างบนเมาท์กันแล้วก็สงสารจริงว่ะ ปล่อยมันไปเหอะ
เอ๊ะ หรือไม่ได้มาเพราะเรื่องนี้
กูเข้าใจว่าเป็นอีอกไม่ก็อีดพนะ ช่วงนั้นด่ามันบ่อย ดิ้นแรงชิบหาย
อันนี้เหมือนหมาแวะมาขี้หน้าบ้านเฉยๆ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
แวะขี้=2ก้อน
ขี้จริง=3ก้อน
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
ความบังเอิญก็คือพวกมึงขี้ขลาด กล้าเห่าแต่ในที่ลับ
เห็นป่ะ ปกติมันเหมือนแค่แวะมาขี้เฉยๆ แต่พอพูดถึงอีดพอีอกแล้วมันขี้ราดเลย
บทสวดธัมมะจักร
ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา
จาตุมมะหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ตาวะติงสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ตาวะติงสานัง เทวานัง สัททัง สุตวา
ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ยามานัง เทวานัง
ตุสิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา นิมมานะระตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง นิมมานะระตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี เทวา สัททะ มะนุสสาเวสุง ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา พรหมะกายิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง พรหมะกายิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา พรหมะปาริสัชชา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง พรหมะปาริสัชชานัง เทวานัง สัททัง สุตวา พรหมะปุโรหิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง พรหมะปุโร หิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา มะหาพรหมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง มะหาพรหมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะริตตาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตาภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อัปปะมาณาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณาภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อาภัสสะระ เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อาภัสสะรานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะริตตะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อัปปะมาณะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุภะกิณหะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุภะกิณหะกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อสัญญะสัตตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อสัญญะสัตตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา เวหัปผะลา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เวหัปผะลานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะวิหา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะวิหานัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะตัปปา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะตัปปานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุทัสสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสานัง เทวานัง สัททัง สุตวา สุทัสสี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา อะกะนิฏฐะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสสะมินติ . อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสสะมินติ
บทสวดทำวัตรเช้า
หมายเหตุ คำบาลีในวงเล็บใช้สำหรับผู้สวดภาวนาที่เป็นสตรี
เริ่มด้วยการบูชาพระรัตนตรัยว่า
โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง
อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ
ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
(แต่ถ้าแบบธรรมยุตพระเถระจะเริ่มจากที่นี่)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สังฆัง นะมามิ (กราบ)
(เฉพาะแบบธรรมยุต-ผู้สวดนำกล่าวผู้เดียวว่า ยะมัมหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา โย โน ภะคะวา สัตถา ยัสสะ จะ มะยัง ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจมะ อิเมหิ สักกาเรหิ ตัง ภะคะวันตัง สะสัทธัมมัง สะสาวะกะสังฆัง อะภิปูชะยามะ)
ปุพพภาคนมการ
(ผู้สวดนำเริ่มว่า หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส)
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
พุทธาภิถุติ
(ผู้สวดนำเริ่มว่า หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส)
โย โส ตะถาคะโต อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร
ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง
พุทโธ ภะคะวา โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมาระกัง
สะพรหมะกัง สัสสะมะณะพราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง
สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ โย ธัมมัง เทเสสิ อาทิกัลยาณัง
มัชเฌกัลยาณัง ปะริโยสานะกัลยาณัง สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง
ปะริสุทธัง พรหมะจะริยัง ปะกาเสสิ ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ (กราบ)
ธัมมาภิถุติ
(ผู้สวดนำเริ่มว่า หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส)
โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ
ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ (กราบ)
สังฆาภิถุติ
(ผู้สวดนำเริ่มว่า หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส)
โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ
ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ (กราบ แล้วนั่งราบ)
รตนัตตยัปปณามคาถา
(ผู้สวดนำเริ่มว่า หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สังเวคะวัตถุปะริทีปะกะปาฐัญจะ ภะณามะ เส)
พุทโธ สุสุทโธ กะรุณามะหัณณะโว
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก
วันทามิ พุทธัง อะหะมาทะเรนะ ตัง
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน โย
มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง
สังโฆ สุเขตาภยะติเขตตะสัญญิโต
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก
โลลัปปะหีโน อะริโย สุเมธะโส
วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง
อิจเจวะเมกันตะภิปูชะเนยยะกัง วัตถุตตะยัง
วันทะยะตาภิสังขะตัง ปุญญัง มะยา ยัง
มะมะ สัพพุปัททะวา มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา
สังเวคปริกิตตนปาฐะ
อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
ธัมโม จะ เทสีโต นิยยานิโก
อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต
มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ ชาติปิ ทุกขา ชะราปิ ทุกขา มะระณัมปิ ทุกขัง
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา
เสยยะถีทัง
รูปูปาทานักขันโธ เวทะนูปาทานักขันโธ
สัญญูปาทานักขันโธ สังขารูปาทานักขันโธ วิญญาณูปาทานักขันโธ
เยสังปะริญญายะ ธะระมาโน โส ภะคะวา
เอวัง พะหุลัง สาวเก วิเนติ
เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ
อะนุสาสะนี พะหุลา ปะวัตตะติ
รูปัง อะนิจจัง เวทะนา อะนิจจา สัญญา อะนิจจา
สังขารา อะนิจจา วิญญาณัง อะนิจจา
รูปัง อะนัตตา เวทะนา อะนัตตา สัญญา อะนัตตา
สังขารา อะนัตตา วิญญาณัง อะนัตตา
สัพเพ สังขารา อะนิจจา สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ
เต (ตา) มะยัง โอติณณามหะ ชาติยา ชะรามะระเณนะ
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ
ทุกโขติณณา ทุกขะปะเรตา อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ
ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง
ภะคะวันตัง สะระณังคะตา
ธัมมัญจะ ภิกขุสังฆัญจะ
ตัสสะ ภะคะวะโต สาสะนัง ยะถาสะติ ยะถาพะลัง
มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ
สา สา โน ปะฏิปัตติ
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ
*จบทำวัตรเช้า แต่อาจต่อด้วยคาถากรวดน้ำตอนเช้าดังนี้ (มีข้อสังเกตุว่ามีหลายสำนวนด้วยกันและจะไม่เหมือนกัน)
สัพพปัตติทานคาถา (กรวดน้ำระลึกพระคุณ)
(ผู้นำสวดเริ่มว่า หันทะ มะยัง สัพพะปัตติทานะคาถาโย ภะณามะ เส)
ปุญญัสสิทานิ กะตัสสะ ยานัญญานิ กะตานิ เม
เตสัญจะ ภาคิโน โหนตุ สัตตานันตาปปะมาณะกะ
เย ปิยา คุณะวันตา จะ มัยหัง มาตาปิตาทะโย
ทิฏฐา เม จาปยะทิฏฐิ วา อัญเญ มัชฌัตตะเวริโน
สัตตา ติฏฐันติ โลกัสมิง เต ภุมมา จะตุโยนิกา
ปัญเจกะจะตุโวการา สังสะรันตา ภะวาภะเว
ญาตัง เย ปัตติทานัมเม อะนุโมทันตุ เต สะยัง
เย จิมัง นัปปะชานันติ เทวา เตสัง นิเวทะยุง
มะยา ทินนานะ ปุญญานัง อะนุโมทะนะ เหตุนา
สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน
เขมัปปะทัญจะ ปัปโปนตุ เตสาสา สิชฌะตัง สุภา (จบแล้วกล่าวเพิ่มว่า)
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ (กราบ)
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง อะหัง วันทามิ (กราบ)
คะรุอุปัชฌายะอาจาริยะคุณัง อะหัง วันทามิ (กราบ)
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
สำหรับแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
สำหรับแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
ขี้ไหลใหญ่เลย
รู้เลยนะอีดอก เหมือนติ่งจะรักแต่จริงๆแล้ว......ครุคริ
ของมันไม่ดีจะให้อวยว่าดี กูทำไม่ได้อะนะ กูอยู่บนพื้นฐานความจริง รูปมันห่วยก้ต้องบอกว่าห่วยเมื่อเทียบกับงานที่ผ่านมา สวยกว่านี้ ดีกว่านี้ มากกกกมายนัก
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
สำหรับแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
สำหรับแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
สำหรับแผ่ให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่มารดา บิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดา บิดาของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจริยา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเทวา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพเวรี
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงมีความสุข
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา
ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
คำแปล
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
เป็นคาถาที่ใช้ในการแผ่เมตตาให้กับตัวเรา เพื่อปราศจากอุปสรรคต่างๆ ให้มีความสุขกาย สุขใจ
บทสวดแผ่เมตตาตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
คำแปล
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
เป็นคาถาที่ใช้ในการแผ่เมตตาให้กับตัวเรา เพื่อปราศจากอุปสรรคต่างๆ ให้มีความสุขกาย สุขใจ
บทสวดแผ่เมตตาตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
คำแปล
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
เป็นคาถาที่ใช้ในการแผ่เมตตาให้กับตัวเรา เพื่อปราศจากอุปสรรคต่างๆ ให้มีความสุขกาย สุขใจ
บทสวดแผ่เมตตาตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
คำแปล
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
เป็นคาถาที่ใช้ในการแผ่เมตตาให้กับตัวเรา เพื่อปราศจากอุปสรรคต่างๆ ให้มีความสุขกาย สุขใจ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
พระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
อิมัสมิง มงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่ว
อะนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ สังฆะชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ
คาถามงคลจักรวาฬทั้งแปดทิศ มีพุทธานุภาพด้าน แคล้วคลาดและคุ้มครองป้องกันภัย ป้องกันภัยได้ทั้งแปดทิศ
โอ้ยยยยยย
สวดแผ่เมตตาให้ยอดขายนิยายดีๆนะมึงอย่าได่ออกแค่เล่มเดียว
ของมันไม่ดีจะให้อวยว่าดี กูทำไม่ได้อะนะ กูอยู่บนพื้นฐานความจริง รูปมันห่วยก้ต้องบอกว่าห่วยเมื่อเทียบกับงานที่ผ่านมา สวยกว่านี้ ดีกว่านี้ มากกกกมายนัก
สวดแผ่เมตตาให้ยอดขายนิยายดีๆนะมึงอย่าได่ออกแค่เล่มเดียว
ของมันไม่ดีจะให้อวยว่าดี กูทำไม่ได้อะนะ กูอยู่บนพื้นฐานความจริง รูปมันห่วยก้ต้องบอกว่าห่วยเมื่อเทียบกับงานที่ผ่านมา สวยกว่านี้ ดีกว่านี้ มากกกกมายนัก
ฝากหลุมหลบภัยจ้า ห้องหลัก "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝากห้องสับนิยายด้วยจ้า "[Yaoi Room] นินทานักเขียน - สับนิยาย 🪓".
https://line.me/ti/g2/Mop2LOOswje7uUDdAeBt1w?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ฝากหลุมหลบภัยจ้า ห้องหลัก "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝากห้องสับนิยายด้วยจ้า "[Yaoi Room] นินทานักเขียน - สับนิยาย 🪓".
https://line.me/ti/g2/Mop2LOOswje7uUDdAeBt1w?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ฝากหลุมหลบภัยจ้า ห้องหลัก "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝากห้องสับนิยายด้วยจ้า "[Yaoi Room] นินทานักเขียน - สับนิยาย 🪓".
https://line.me/ti/g2/Mop2LOOswje7uUDdAeBt1w?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ฝากหลุมหลบภัยจ้า ห้องหลัก "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
กุฝากห้องสับนิยายด้วยจ้า "[Yaoi Room] นินทานักเขียน - สับนิยาย 🪓".
https://line.me/ti/g2/Mop2LOOswje7uUDdAeBt1w?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
อัพพะยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
คำแปล
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย
จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ
บทสวดแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ
อะหัง นิททุกโข โหมิ
อะหัง อะเวโร โหมิ
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร
ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พันจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด
บทกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร
บทสวดแผ่เมตตาพรหมวิหารสี่
แผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
อะเวรา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีเวรแก่กันและกันเถิด
อัพยาปัชฌา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
อะนีฆา โหนตุ
จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กาย ทุกข์ใจเถิด
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงเป็นผู้มีสุข พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
บทกรุณา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
จงพ้นจากทุกข์เถิด
บทมุทิตา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น
มา ลัทธะสัมปัตติโต วิมุจจันตุ
จงอย่าไปปราศจากสมบัติอันตนได้แล้วเถิด
บทอุเบกขา
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น
กัมมัสสะกา
เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน
กัมมะทายาทา
เป็นผู้รับผลของกรรม
กัมมะโยนิ
เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด
กัมมะพันธุ
เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
กัมมะปะฏิสะระณา
เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
ยัง กัมมัง กะริสสันติ
กระทำกรรมอันใดไว้
กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
ดีหรือชั่ว
ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ
จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
เมื่อเสร็จพิธีทำบุญและพระสงฆ์กล่าวรับแล้วให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราโดยว่าดังนี้
ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนานี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ
หือ ไม่ได้เข้าม่อาทิตย์นึง โทรลตัวนี้ยังอยู่อีกหรอ เทิดทูลแก๊งค์สัตว์หมานี่เหนียวแน่นจริงๆ
เห็นปกแล้ววงวารเลย
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
มาแล้วเว้ย
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้โรคทั้งหมดพินาศไป
อาราธนาศีลห้า
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ, ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
(ถ้าคนเดียวขึ้นต้นว่า "อะหัง ภันเต วิสุง วิสุง" และลงท้ายว่า "ยาจามิ")
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอศีลห้า พร้อมทั้งพระรัตนตรัย เพื่อรักษาเป็นข้อๆ แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3
สมาทานศีลห้า
ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการฆ่าสัตว์ และเบียดเบียนสัตว์
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการลักทรัพย์
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการประพฤติผิดในกาม
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการพูดเท็จ พูดยุยงให้เขาแตกกัน พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าของดเว้น จากการดื่มสุรา และของมึนเมาต่างๆ
อาราธนาธรรม
พรหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันธีตะ สัตตาป ปะรักชักขะ ชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมปิมัง ปะชัง
ท้าวสหัมบดีแห่งโลก ได้ประคองอัญชลีทูลวิงวอนพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐว่า สัตว์ผู้มีธุลีในดวงตาน้อย มีอยู่ในโลกนี้ ขอพระคุณเจ้าโปรดแสดงธรรม อนุเคราะห์ด้วยเถิด
อาราธนาพระปริตร
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะทุกขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
วิปัตติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มังคะลัง
ขอท่านทั้งหลาย จงสวดพระปริตรอันเป็นมงคลเพื่อป้องกันความวิบัติ เพื่อความสำเร็จแห่งสมบัติทั้งปวง เพื่อให้ทุกข์ทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้ภัยทั้งหมดพินาศไป เพื่อให้พวกมึงทั้งหมดพินาศไป
ทำไมสนพ.งุบงิบเรื่องช่องทางติดตามนักวาดวะ กูเลื่อนหานิยายพอดีเห็นคนถามช่องทางติดตามสนพ.บอกชาวเกาหลีไม่มีช่องทาง แต่ในทวิตกูก็ตามเขาอยู่??
เออกูพึ่งเห็นว่าเป็นของแก้งค์นั้นด้วย
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ น้ำพริกแบบง่ายๆ อาหารท้องถิ่นของคนภาคกลาง เรียก น้ำพริกปลาสลิด เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และการปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกปลาสลิด สูตรน้ำพริก อาหารไทยประเภทเครื่องจิ้ม อร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับน้ำพริกปลาสลิด
เนื้อปลาสลิดตากแห้ง 1 ตัว
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
กระเทียม 6-8 กลีบ
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับน้ำพริก เช่น แตงกวา มะเขือ ถั่วฝักยาว ถั่วพลู เป็นต้น สำหรับผักสามารถเลือกได้ตามใจชอบ
วิธีทำน้ำพริกปลาสลิด
เริ่มจากการนำปลาสลิดลงไปทอดให้หอมสุกก่อน
นำกะปิห่อด้วยใบตองนำไปย่างให้สุก
นำกระเทียมและพริกขี้หนูสวนลงไปคั่วในกระทะให้หอม
เริ่มทำน้ำพริก โดย โขรกกะปิ พริกขี้หนูสวน และ กระเทียม ให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และ น้ำมะเปียก
เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำพริกปลาสลิดแสนอร่อย ทานพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆและผักสด
เคล็ดลับการทำน้ำพริกปลาสลิด
การเลือกใช้ปลาสลิดให้เลือกใช้ปลาสลิดบางบ่อ เลือกใช้ ปลาสลิดตากแห้ง
การนำปลาสลิดตากแห้งมาทำอาหารให้นำไปทอดให้เหลืองกรอบก่อนจะได้ความหอมและอร่อยของอาหาร
น้ำมันสำหรับใช้ทอดปลาสลิด ต้องใช้น้ำมันใหม่ที่ไม่ผ่านการทอดมาก่อน เนื่องจากน้ำมันเก่าไม่ดีต่อสุขภาพ และ มีกลิ่นของอาหารอื่นทำให้เนื้อปลาเสียรสชาติ
ไฟที่ใช้ในการทอดปลาสลิดเลือกใช้ไฟปานกลางแต่น้ำมันร้อน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำน้ำพริก แนะนำให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับนำมาทำน้ำพริก
การเลือกใช้กะปิ ให้เลือกใช้ กะปิคลองโคลน เนื่องจาก กะปิคลองโคลน มีรสชาติหอม และความเค็มพอดีสำหรับทำน้ำพริก
เทคนิคการย่างกะปิ ด้วยการนำไปห่อใบตอง มีประโยชน์ ทำให้กะปิสุก ให้กลิ่นหอม และ กะปิที่สุก จะทำให้อาหารเน่าบูดยากขึ้น การเผากะปิ นั้นเป็นภูมิปัญญา วัฒนธรรมการทำอาหาร ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ หากเราหาเหตุผลดูนั้น เนื่องจากกะปิ หากทำให้สุก อาหารจะเสียช้าลง เป็นต้น
กระเทียมให้เลือกใช้กระเทียมไทย กลีบเล็กและมีความหอมหวาน เหมาะสำหรับทำน้ำพริก
เทคนิคการคั่วกระเทียมให้หอมก่อน ทำให้กระเทียมหวานขึ้นและให้กลิ่นหอม เพิ่มรสชาติของอาหารอย่างเหมาะสม
การปรุงรสเปรี้ยวของน้ำพริก เลือกใช้ ความเปรี้ยวของน้ำมะขามเปียก เนื่องจากน้ำมะขามเปียก มีความเปรี้ยวอมหวาน เหมาะสำหรับเมนูนี้
ผักสดๆ นั้น สามารถเลือกผักตามใจชอบ โดย แนะนำว่า ให้แช่เย็น ผักที่เย็นๆ จะกรอบ อร่อยๆ เมื่อจิ้มกับน้ำพริก หอมๆ จะทำให้ สูตรอาหาร เมนูนี้ อร่อยมากขึ้น
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารสำหรับวันนี้ ขอนำเสนออาหารปิ้งย่าง เมนูเพื่อสุขภาพ คือ หมูย่างใบชะพลู เคล็ดลับความอร่อยเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
หมูย่างใบชะพลู อาหารว่าง สไตล์อาหารเวียดนาม รสชาติกลมกล่อมจากเนื้อหมู หอมกลิ่นใบชะพลู วิธีทำหมูย่างใบชะพลู นำหมูมาหมัก ห่อใบชะพลู และนำไปย่าง
สูตรหมูย่างใบชะพลู ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำหมูย่างใบชะพลู
หมูบด 1 ถ้วย
มันหมูบด 1/2 ถ้วย
เนื้อหมูเด้ง 3 ช้อนโต้ะ
รากผักชี กระเทียม พริกไทย โชลกละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้โขลกละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
ใบชะพลู 10 ใบ
เส้นหมี่ลวก 1 ถ้วย
ผักสด เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง กระเทียม พริกสด แตงกวา
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะเวียดนาม
วิธีทำหมูย่างใบชะพลู
นำหมูบดมาผสมกับมันหมูบดและหมูเด้งผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้นปรุงรสด้วย รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำตาล ตะไคร้บด ซอสน้ำมันหอบ ซอสปรุงรส นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักไว้ 30 นาที
ล้างใบชะพลูให้สะอาด เช็ดให้แห้งจึงนำ หมูหมัก มาห่อด้วย ใบชะพลู เสียบไม้ไว้ หรือ เอาไม้จิ้มฟันยึดไว้ให้แน่น
นำไปย่างให้สุก พร้อมผักสด หมี่ลวก และ น้ำจิ้มปอเปี๊ยเวียดนาม
เคล็ดลับการทำหมูย่างใบชะพลู
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำ สามารถใช้ หมูเป็นชิ้น หรือ หมูแบบบดก็ได้ เคล็ดลับการเลือก หมูให้เลือกใช้ หมูสันใน เนื้อหมูสันใน จะเป็น หมูส่วนที่นุ่ม อร่อยๆ
การผสมเนื้อหมูบดต้องนำมาผสมกับมันหมูด้วย จะช่วยเพิ่มความนุ่มของเนื้อหมู เพิ่มความอร่อยให้มากขึ้น
เนื้อหมูเด้ง จะทำให้เนื้อหมูมีความนุ่มหนึบ เพิ่มความอร่อยของเมนูนี้
เทคนิคการห่อเนื้อหมู นำหมูหมักมาห่อใบชะพลู ให้นำไม่จิ้มฟัน เสียบหมู เพื่อให้ ใบชะพลูไม่หลุดออกจากเนื้อหมู จะได้ เนื้อหมูย่าง ที่หอมกลิ่นใบชะพลู รสชาติหมัก ถึงเครื่อง
หมูย่างใบชะพลู ต้องทานคู่กับน้ำจิ้มหวานๆ โดยน้ำจิ้มปอเปี๊ยะ เหมาะสำหรับนำมาทานคู่กับ หมูย่าง
เส้นหมี่ สำหรับ ทานคู่กับหมูย่าง ให้นำไปแช่น้ำ และ ลวกก่อน จะได้เส้นที่เหนียว นุ่ม น่ารับประทาน
การรับประทานร้อนๆ จะอร่อยที่สุด เนื่องจาก ยังคงมีน้ำหมักฉ่ำๆ หอมใชพลู หากทิ้งให้เย็น เนื้อหมูจะแข็ง ไม่น่ารับประทาน
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารจานเดียว เมนูอาหารยอดนิยม คือ ข้าวมันไก่ เคล็ดลับความอร่อยของข้าวมันไก่ อยู่ที่วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ ข้าวมันต้องสุกพอดีมีรสชาติไม่มันมาก เนื้อไก่นุ่ม เน่น อร่อยๆ พร้อมกับน้ำราดไก่ และ น้ำจิ้มรสเด็ด
สูตรข้าวมันไก่สิงค์โปร์ อาหารแสนอร่อย ส่วนผสมและขัันต้อนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวมันไก่สิงค์โปร์
ไก่ 2 ตัว
โครงไก่ 10 โครง
น้ำเปล่า 30 ลิตร
ขิง 100 กรัม
น้ำตาลกรวด 500 กรัม
เกลือ 500 กรัม
น้ำมันไก่ 100 กรัม
ขิง 100 กรัม
ตะไคร้ 100 กรัม
ใบเตย 50 กรัม
กระเทียมไทย 100 กรัม
เครื่องผัดข้าว 300 กรัม (กระเทียมจีน 100 กรัม ขิง 100 กรัม และ หอมแดง 100 กรัม นำมาโขรกใหเเข้ากัน)
ข้าวหอมมะลิเก่า 4 กิโลกรัม
ซีอิวขาว 100 กรัม
น้ำซุปไก่ 100 กรัม
น้ำตาลอ้อย 100 กรัม
ซอสพริก 100 กรัม
พริกชี้ฟ้า 100 กรัม
กระเทียม 100 กรัม
น้ำส้มสายชู 100 กรัม
วิธีทำข้าวมันไก่สิงค์โปร์
เริ่มจากการเตรียมต้มน้ำซุปไก่ก่อน ตั้งหม้อต้มน้ำไฟปานกลาง ใส่โครงไก่ลงไป ปรุงรสด้วย น้ำตาลกรวด เกลือ และ ขิง เคี่ยวและคอยช้อนฟองออก เคี้ยวประมาณ 6 ชั่วโมง
เตรียมทำข้าวมัน โดย ต้ังกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันไก่ ขิง ตะไคร้ และใบเตย ผัดให้หอม เมื่อได้ที่ให้ใส่ เกลือ น้ำตาล กระเทียมไทย และเครื่องผัดข้าว ลงไปผัดให้กระเทียมสุก
จากนั้นเติมน้ำซุปลงไป ประมาณ 2 กระบวย ใส่ข้าวลงไป 4 กิโลกรัม ข้าวจะปริ่มน้ำซุปพอดี ต้มทิ้งไว้ด้วยไฟอ่อนๆ อีก 30 นาที และ ปิดผาอบไว้จะได้ข้าวมันที่พร้อมรับประทาน
เตรียมไก่ โดยการนำไก่ลงไปสะดุ้งในน้ำร้อนก่อน 3 ครั้ง และ ต้มในน้ำร้อน 1 ชั่วโมง จากนั้นนำไปแช่ในน้ำเย็น เพียงเท่านี้ก็ได้ได่ที่พร้อมรับประทาน
เตรียมน้ำราดไก่ โดย ใส่ซีอิ้วขาว น้ำตาลอ้อย และ น้ำซุปไก่ ผสมให้ส่วนผสมละลาย เพียงเท่านี้ก็ได้น้ำราดแสนอร่อย
เตรียมน้ำจิ้มโดย ใส่ พริกชี้ฟ้าแดง น้ำส้มสายชูและกระเทียม ปั่นรวมกัน และ เคี้ยวให้พริกหายกลิ่นเหม็นเขียว
หั่นเนื้อไก่ใส่จาน ราดด้วยน้ำมันงา และ น้ำราด ทานคู่กับ ข้าวมัน และ น้ำจิ้ม
เคล็ดลับการทำข้าวมันไก่สิงค์โปร์
ข้าวให้เลือกใช้ข้าวหอมมะลิกลางปี จะได้ข้าวที่ไม่เละ
ไก่ให้เลือกไก่ที่สดใหม่ ขนาดไก่ 1.5 kg จะได้เนื้อที่มากน่ารับประทาน
การต้มไก่ให้นำไก่ลงไปสะดุ้งน้ำร้อนก่อน หนังไก่จะตึง จากนั้นนำไปต้มให้สุกพอดี และ นำไปปรับอุณหภูมิกด้วยน้ำเย็น จะได้เนื้อไก่ที่อร่อย
น้ำจิ้มที่มีพริกชี้ฟ้า ให้นำไปเคี้ยวในหม้อก่อน ให้พริกคลายความเหม็นเขียวก่อน
สูตรไก่สิงค์โปร์ให้ราดน้ำราด และ น้ำมันงา จะเพิ่มรสชาติให้ไก่
ข้าวมันไก่สิงค์โปร์ เป็นอาหารขึ้นชื่อของสิงค์โปร์ เนื้อไก่หนานุ่ม ข้าวมันอร่อยๆ พร้อมกับน้ำจิ้มรสเด็ด วิธีทำข้าวมันไก่สิงค์โปร์ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้ คือ ไก่ที่อร่อยๆ และ ข้าวมันที่รสชาติอร่อย
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เพื่อคนกินคลีน คือ น้ำพริกขี้กา เคล็ดลับการทำน้ำพริกขี้กา คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกขี้กา เหมาะสำหรับคนลดความอ้วน กากใยอาหารสูง ผักสดๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกขี้กา
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
หอมหัวแดง 1 หยิบมือ
มะเขือพวง 1 หยิบมือ
มะเขือเทศ 4 ผล
กระเทียม 1 หยิบมือ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
ปลาทู 1 ตัว
วิธีทำน้ำพริกขี้กา
เริ่มจากการนำปลาทู ไปต้มให้สุก จากนั้นนำมาแกะและโขรกเนื้อให้แตกบุบ และ พักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเตรียม พริกขี้หนูสวน หอมหัวแดง และ กระเทียม โดยการไปคั่วให้หอม หรือ เอาไปเผาไฟก็ได้ จากนั้นให้นำ หอมแดง พริกขี้หนูสวน และ กระเทียม ไปโขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้น นำ เนื้อปลาทู มาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หอมหัวแดง พริก และ กระเทียม
ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว น้ำปลา เติมน้ำเปล่าลงไปพอให้น้ำพริกไม่เหนียวมากเกินไป
ใส่ มะเขือเทศ และ มะเขือพวง ลงไปโขรก ให้แตกแบบเหลือชิ้นเนื้อ เพียงเท่านี้ก็พร้อมรับประทาน
เสริฟ น้ำพริกขี้กา ทานกับผักสด และ ข้าวสวย
เคล็ดลับการทำน้ำพริกขี้กา
เทคนิคการเผาหรือคั่ว หอมหัวแดง พริกขี้หนูสวน และ กระเทียม ช่วยให้สมุนไพรหอมมากขึ้น เนื่องจากความร้อนช่วยเพิ่มรสชาติของสมุนไพร และ ลดความเหม็นเขียวลงได้
การเลือกใช้กระเทียม แนะนำให้ใช้ กระเทียมไทย กลีบเล็กและให้ความหอมหวาน
การเตรียมน้ำมะนาว ให้คั้นน้ำมะนาวเอาไว้ ไม่ควรบีบน้ำจากผลมะนาว เพราะ เม็ดมะนาวจะตกลงไป ทำให้อาหารไม่น่ารับประทาน
การเลือกใช้น้ำตาล ให้ใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานหอม ของน้ำตาาลปี๊บ เหมาะสำหรับนำมาทำน้ำพริก
การโขรกมะเขือพวง และ มะเขือเทศ ไม่ให้ละเอียดมาก เพื่อให้ มีเนื้อของมะเขือ เวลารับประทานจะได้มีเนื้อด้วย เพิ่มความอร่อยของน้ำพริก
การนำเอาปลาทูไปต้มก่อน เพื่อให้เนื้อปลาทูนุ่มขึ้น และ คลายความเค็มของเนื้อปลาลง ทำให้อาหารรสชาติไม่เค็มเกินไป
น้ำพริกขี้กา อาหารพื้นบ้าน แบบง่ายๆ วิธีทำน้ำพริกขี้กา มีปลาทูเป็นส่วนประกอบ สามารถทำกินเองได้ กับข้าวจากปลาทู ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักน้ำพริก
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
สูตรแกงบวดมันม่วง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงกะทิ
ส่วนผสมสำหรับทำกล้วยบวดมันม่วง
มันเทศสีม่วง 6-8 ลูก
หางกะทิ 1 ถ้วย
หัวกะทิ 1 ถ้วย
เม็ดสาคู 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 3 ใบ
น้ำปูนใส
วิธีทำแกงบวดมันม่วง
เริ่มจากการเตรียมน้ำกะทิก่อน โดย นำ หัวกะทิ ใบเตย และ หางกะทิ ลงไปต้ม ให้ร้อน
จากปรุงรสด้วย น้ำตาลทราย น้ำตาลปี๊บ และ เกลือ ลงไป ปิดไฟ ปล่อยให้น้ำตาลละลาย จากนั้นำมาพักเอาไว้ก่อน
นำเม็ดสาคูไปแช่น้ำ ให้สาคูอิ่มน้ำจากนั้นนำเม็ดสาคูลงไปต้ม ให้สุกก่อน และ แช่น้ำพักเอาไว้ก่อน
นำมันเทศม่วง มาปลอกเปลือก และ นำมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ และ นำไปแช่น้ำปูนใส ประมาณ 10 นาที และ ล้างน้ำให้สะอาด
จานนั้นต้มน้ำเปล่าให้เดือด นำมันเทศม่วงไปต้ม ให้สุก โดยสังเกตุว่ามันเริ่มใส และ ลองชิมดูว่าสุกรับประทานได้หรือไม่
เมื่อสุกได้ที่ ก็นำมันม่วงไปแช่น้ำเย็น ให้มันคายความร้อนก่อน
เปิดไฟกะทิ อีกครั้ง ใส่มันม่วงต้มลงไป และ เม็ดสาคูสุก และปิดไฟให้แกงบวดร้อน เสริฟใส่ถ้วย รับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงบวดมันม่วง
การเลือกกะทิ ต้องเป็น กะทิคั้นสด ผสมกันในอัตราส่วน หัวกะทิ 1 ส่วน หางกะทิ 3 ส่วน ใส่เกลือเพื่อช่วยตัดความมันของกะทิ ซึ่งการที่ไม่แนะนำให้ใช้กะทิสำเร็จ เนื่องจากรสชาติและความหวานมันแบบธรรมชาติมันต่างกัน
การเลือกมันม่วง ให้เลือกมันม่วงที่เนื้อแน่น ผิวเรียบ จะได้มันม่วงที่สดๆ น่ารับประทาน
การต้มมันม่วงต่างหาก จะช่วยให้ เราสามารถควบคุมความสุกของมันได้ และ เป็นการต้มเอาสีม่วงออกไปบ้าง หากใส่มันม่วงลงไปต้มในกะทิเลย กะทิอาจแตกมันก่อนที่มันม่วงจะสุก และ น้ำกะทิจะมีสีม่วงมากเกินไป
สำหรับการทำแกงบวด ให้ปรุงรสของกะทิให้เสร็จก่อน จึงจะใส่มันลงไป
การแช่มันม่วงในน้ำปูนใส ช่วยให้เนื้อของมันม่วงไม่เละ เวลานำมาต้ม
น้ำตาลสำหรับนำมาต้มกะทิ ใช้ น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บ ผสมกัน จะได้ความหวานที่กลมกล่อม
เม็ดสาคู ก่อนนำมาต้มให้นำไปแช่น้ำก่อน และ นำไปต้มต่างหาก จะทำให้เราสามารถควบคุมความสุกของสาคูได้
แกงบวดมันม่วง คือ ขนมไทย ประเภทขนมกะทิ โดยมีมันม่วง เป็นวัตถุดิบหลัก วิธีทำแกงบวดมันม่วง ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ เมนูมันม่วง เมนูกะทิ อร่อยๆ มันม่วงทำอะไรกินได้บ้าง มีมันม่วงทำอะไรกินดี
เจ้าที่แรงจริง แต่จะทำเพื่อไรค้าบบ?
สูตรแกงส้มปลาช่อนผักรวม อาหารไทย อร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำแกงส้มปลาช่อนผักรวม
ปลาช่อน 1 ตัว (หั่นเป็นท่อนๆ แบ่งเป็น 2 ส่วน)
น้ำพริกแกงส้ม 1 ช้อนโต้ะ ( พริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนูแห้ง พริกจินดาแดง หอมแดง กระเทียม กระชาย เกลือ และ กะปิ)
ผักกระเฉด 1 กำมือ หั่นเป็นท่อนๆ
หัวไชเท้า 2 ชิ้น
ดอกแค 1 กำมืิิอ
ฟักทอง 1 กำมือ (หั่นเป็นชื้น)
มะละกอดิบ 1 กำมือ (หั่นเป็นชิ้น)
ถั่วฝักยาว 2 เส้น (หั่นพอคำ)
น้ำเปล่า 2 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
ผักกาดขาว หั่นเป็นชิ้นพอคำ
วิธีทำแกงส้มปลาช่อนผักรวม
เริ่มจากการเตรียมเนื้อปลาก่อน ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือดใส่ปลาช่อนลงไปต้ม กับตะไคร้และใบมะกรูด เพื่อช่วยดับคาว ต้มจนสุก
จากนั้นนำปลาช่อนที่ต้มสุกแล้ว นำมาแกะเนื้อเฉพาะเนื้อ จากนั้นนำน้ำพริกแกงส้มมาโขรกรวมกับเนื้อปลาช่อนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
ส่วนเนื้อปลาอีกครึ่งหนึ่งให้นำมาคลุกแป้งมัน ตั้งกระทะนำมันให้ไฟร้อน ใส่เนื้อปลาช่อนลงไปทอดให้ผิวภายนอกเหลืองสุก ไม่ต้องทอดนาน เราทอดให้เนื้อปลาช่อนเกาะตัวไม่เละ จากนั้นให้พักปลาช่อนทอดเอาไว้ก่อน
เริ่มทำแกง โดยใส่น้ำลงหม้อต้ม ต้มให้น้ำเดือด ใส่น้ำพริกส้มที่โขรกกับเนื้อปลาช่อนลงไปต้ม ช่วงนี้ให้ใช้ไฟแรงให้พริกแกงหอม
ใส่หัวไชท้าว มะละกอดิบ และ ฟักทองลงไปต้ม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และ น้ำมะขามเปียก
จากนั้นใส่ เนื้อปลาช่อนทอด ดอกแค ผักกระเฉดและถั่วฝักยาว ลงไปต้ม ไม่ต้องต้มนาน ปิดไฟ
เสริฟใส่ชามพร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำแกงส้มปลาช่อนผักรวม
ปลาช่อนให้เลือกใช้ปลาช่อนนา ขนาด 7 ขีด จะเป็นปลาช่อนขนาดที่ใหญ่พอดี มีเนื้อมากพอ และ เลือกซื้อปลาช่อนที่สดๆ เทคนิคการเลือกซื้อปลาช่อน ให้ดูที่เหงือกปลาต้องแดงสด ตาปลาใส ไม่ขุ่น ลักษณะของตัวปลาสมบูรณ์ ไม่มีแผล เกร็ดสมบูรณ์ ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
เทคนิคการเตรียมปลาช่อน ให้ขอดเกร็ดออก เอาเหงือกออก ผ่าท้องเอาไส้และขี้ออก ล้างให้สะอาด เทคนิคการล้างปลาให้ใช้เกลือ และ แป้งมันในการถูตัวปลาให้เมือกของตัวปลาออก
เนื้อปลาช่อนเมื่อสุกจะเละไม่น่ารับประทาน ยิ่งการนำปลามาทำแกงด้วยแล้ว เทคนิคการทำให้เนื้อปลาคงรูปไม่เละ ให้นำปลาไปทอดก่อน เนื้อปลาทอดจะไม่เละ คงรูปเนื้อปลา
เนื้อปลาในแกงจะมี 2 ส่วน คือ เนื้อปลาต้ม นำมาโขรกให้ละเอียดผสมในน้ำแกง และ เนื้อปลาทอด ใส่ลงไปในแกงให้รสชาติของเนื้อปลา
แกงส้มหากทิ้งน้ำแกงให้เย็นค้างไว้หนึ่งคืน น้ำแกงส้มจะหวานอร่อยเค้มข้น น่ารับประทาน
การปรุงรสเปรี้ยวของแกงส้มจะใช้ความเปรี้ยวของมะขามเปียก จะได้ทั้งความหวานและเปรี้ยว เหมาะสำหรับเมนูแกงส้ม
หัวไชท้าวและฟักทอง สุกยากให้ใส่ลงไปต้มก่อนและรอให้สุกก่อน จึงค่อยปรุงรสและใส่ส่วนผสมที่เหลือ
ผักที่สุกง่ายให้ใส่ขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากผักอาจเละไม่น่ารับประทาน
แกงส้มปลาช่อน อาหารพื้นบ้าน ยอดนิยม ขั้นตอนการทำเข้าใจง่ายไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารไทย เมนูอาหารสุดโปรด กับข้าวจากปลาช่อน
สูตรแกงตูนปลา เมนูแกงปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำแกงตูนปลา
ปลาช่อน 1 ตัว นำมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ
ก้านบอน หั่นเป็นท่อน 2 ก้าน
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ
ใบโหระพา 1 กำมือ
มะเขือเทศ 5 ลูก นำมาหั่นครึ่ง
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป 4 ถ้วย
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
พริกสด 10 เม็ด
หอมหัวแดง 5 หัว
กระเทียม 2 หัว
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
ปลาร้าสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น 2 ช้อนชา
วิธีทำแกงตูนปลา
เริ่มจากการเตรียมเครื่องแกงสำหรับทำแกงตูน โดยโขลก พริก หอมหัวแดง กระเทียม กะปิ ปลาร้า และขมิ้น ให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
ล้างปลาให้สะอาด จากนั้นต้มน้ำให้เดือด นำเนื้อปลาลงไปลวก จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
ต้มน้ำให้เดือดจากนั้นนำก้านบอนลงไปต้มให้ยางบอนออกให้หมด และนำไปแช่น้ำเย็น พักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมัน นำเครื่องแกงที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้สุกส่งกลิ่นหอม
เติมน้ำซุปลงไปต้ม ใส่ก้านบนอ และมะเขือเทศลงไป เมื่อน้ำเดือดจัด ให้ใส่ปลาลงไปต้ม ตามด้วย ตูน ใบโหระพา มะเขือเทศ
ลดความร้อนลง ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ น้ำมะกรูด
จากนั้นจึงใส่ปลาที่ลวกเอาไว้แล้วลงไปต้มต่อให้สุก
ปิดไฟและใส่ใบโหระพาลงในขั้นตอนสุดท้าย เพียงเท่านี้ก็สามารถเสริฟแกงตูนเพื่อรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงตูน
เนื้อปลา สำหรับเมนูนี้ เลือกใช้ ปลาช่อน ให้เลือกใช้ปลาช่อนนา เนื้อปลาช่อนนา จะเน่นกว่าปลาช่อนเลี้ยง ใหเลือกปลาที่สดๆ โดยสังเกตุจาก ความสมบูรณ์ของตัวปลา ลักษณะสีของปลา เหงือก แดง ตาปลาใส เนื้อไม่ยุ่ย ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การล้างปลา เป็น ขั้นตอนสำหรับการเตรียมอาหาร ต้องล้างปลาให้สะอาด จะทำให้ปลาไม่คาว การล้างปลา นั้น ให้ใช้แป้งมันถูที่ตัวปลา แป้งมันจะจับเมือกปลา ทำให้ล้างออกง่าย จากนั้นนำไปล้างด้วยเกลืออีกครั้งหนึ่ง
เนื้อปลาหากต้มนานเกินไป เนื้อปลาจะเละไม่น่ารับประทาน หากต้องการให้เนื้อปลาคงตัวไม่เละ สามารถใช้เทคนิคการนำเนื้อปลาไปทอดก่อนได้
เทคนิคอีกหนึ่งเทคนิคในการลดความคาวของปลา คือ การลวกเนื้อปลาก่อน เพื่อให้ความคาวของปลาออก และ กลิ่นคาวอยู่ในน้ำต้มปลา ที่ไม่นำมาปรุงอาหารจะทำให้ความคาวของน้ำจากการต้มปลาลดลง
พริกแกงสำหรับใส่ในแกงปลา ส่วนประกอบสำคัญ คือ ขมิ้น ซึ่งหากต้องการขมิ้นกลิ่นหอมแบบพิเศษ ใช้ขมิ้นใต้ จะมีกลิ่นหอมที่พิเศษ กว่าขมิ้นทั่วไป
หอมแดง และ กระเทียม ก่อนนำมาโขรกพริกแกง นั้น ให้นำไปคั่วในกระทะก่อน ความร้อนของกระทะ ช่วยให้ หอมแดงและ กระเทียม ส่งกลิ่นหอมมากขึ้น และทำให้อาหารมีความหวานมากขึ้น
กระเทียม ใช้ กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำแกงตูน
การต้มปลาช่อน นั้น เป็น ขั้นตอนสำคัญ เนื้อปลาต้องไม่เละ การนำไปต้มนั้น ให้เพิ่มไฟให้เดือด และใส่ปลาลงไปต้ม ให้สุก โดยไม่ต้องคลนน้ำ ด้วยเหตุผล ไม่ให้เนื้อปลาเละ และ ไม่ให้มีความคาว
ใบโหระพา คุณสมบัติพิเศษ คือ ความหอมของใบโหระพา และ หากโดนความร้อนความหอนจะคลายตัวจนหมดกลิ่นหอม ดังนั้นการนำใบโหระพามาปรุงอาหาร เพื่อให้รักษาความหอมของใบโหรพา เราจะไม่ต้มนานเกินไป ให้ปิดไฟและใส่ใบโหระพาในขั้นตอนสุดท้ายของการทำอาหาร
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ น้ำพริกแบบง่ายๆ คือ น้ำพริกกลางดง เคล็ดลับความอร่อยของน้ำพริกกลางดง คือ วัตถุดิบคุณถาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เอกลักษณ์ของน้ำพริกกลางดง คือ กระเทียม หอมแดง พริกแห้ง กุ้งแห้ง ที่ต้องกับน้ำตาลปี๊ปและน้ำมะขามเปียก น้ำพริกกลางดงจะต้องรสเปรี้ยวอมหวาน
สูตรน้ำพริกกลางดง อาหารไทย กับข้าวกินไม่อ้วน ส่วนผสมและวิธีการทำอาหารไม่ยุ่งยาก เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกกลางดง
กุ้งแห้งตัวใหญ่ 1 ถ้วยตวง
กระเทียม 3 หัว นำมาซอย
พริกแห้ง 1 หยิบมือ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปึก 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 3 หัว นำมาซอย
น้ำมันพืช สำหรับทอดประมาณ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำน้ำพริกกลางดง
เริ่มจากการเจียมหอมแดง และ เจียวกระเทียม ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำหอมแดงลงไปเจียวก่อน เจียวจนหอมแดงเหลือง สุก ให้นำมาพักให้เย็น และ นำไปอบอีกครั้งให้หอมเจียวแห้ง จะได้หอมเจียวกรอบๆ
จากนั้นตั้งกระทะน้ำมันใหม่ ใส่กระเทียมลงไปเจียว จนเหลืองกรอบ ก็ให้นำมาพักเอาไว้ก่อน
เม่ื่อวัตถุดิบต่างๆพร้อมแล้ว ให้นำ กระเทียมเจียว และ หอมเจียวส่วนหนึ่ง แบ่งมาสักครึ่งหนึ่งก่อน นำมาโขรก ร่วมกับ กุ้งแห้ง และ พริกแห้ง โดยโขรกส่วนผสมเข้ากันไม่ต้องละเอียดมาก พอให้มีชิ้นเนื้อของส่วนผสมต่างๆ
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่น้ำตาลปึกลงไปผัด ให้ละลายและออกสีน้ำตาล จากนั้นจึงใส่ น้ำมะขามเปียก ลงไปปรุงรส
เติม ส่วนผสมที่โขรกไว้ก่อนหน้านี้ ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากับซอส และ จึงใส่ หอมเจียว และ กระเทียมเจียว ลงไปผสมให้หมดเพียงเท่านี้ก็ เสริฟน้ำพริกพร้อมรับประทานได้ ทานกับผักสดๆ ปลานึ่ง และ ข้าวสวย
เคล็ดลับการทำน้ำพริกกลางดง
เทคนิคการเลือกกุ้งแห้ง ให้เลือกกุ้งแห้งอย่างดี ตัวโตๆ เพราะ เวลากินจะได้ชิ้นเนื้อกุ้ง โดยการเตรียมกุ้งแห้ง เทคนิค คือ ให้ล้างกุ้งแห้งให้สะอาดก่อน จากนั้นนำไปอบให้แห้งก่อน นำมาปรุงอาหาร
การทอดหอมเจียวและกระเทียมเจียว ให้แยกทอด เพราะ หอมแดง และ กระเทียม สุกไม่พร้อมกัน และ กลิ่นของหอมแดงและกระเทียมจะดีกัน ทำให้เสียรสชาติ ให้แยกน้ำมัน และ แยกทอด
เทคนิคการเจียวหอมแดงให้กรอบอร่อย ให้เจียวหอมแดงด้วยน้ำมันท่ีร้อน แต่ใช้ไฟอ่อน ค่อยๆทอดจนไม่มีฟอง จากนั้นนำมาพักให้หอมเจียวเย็น หอมเจียวจะเหี่ยวและไม่กรอบ เทคนิคสำคัญ คือ ต้องนำไปอบให้แห้งอีกครั้ง จะได้หอมเจียวแห้งกรอบ อร่อย
การเจียวกระเทียม ให้ใช้น้ำมันร้อน ไฟอ่อน ค่อยๆเจียวจนเหลืองกรอบ
การผัดน้ำพริก และ การปรุงรส เป็น เทคนิคของความอร่อย น้ำตาล ให้ใช้น้ำตาลปี๊บ และ น้ำมะขามเปียก น้ำพริกสูตรนี้ ไม่เหมือนน้ำพริกทั่วไป ที่เผ็ด และ รสเค็มนำ รสชาติจะออก หวานๆ เปรี้ยวๆ หอมกระเทียม และ หมอเจียว เป็น อาหารจานหลัก หรือ อาหารทานเล่นก็ได้ทั้งนั้น
น้ำพริกกลางดง อาหารพื้นบ้าน เมนูน้ำพริกแสนอร่อยๆ วิธีทำน้ำพริกกลางดง ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก สามารถทำกินเองได้ น้ำพริกแบบโบราณ หอมๆอร่อยๆ พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ น้ำพริกพื้นบ้าน โดยใช้เนื้อกบเป็นวัตถุดิบหลัก ขอเสนอ น้ำพริกกบ เนื้อกบลักษณะคล้ายกับเนื้อไก่ ไม่ใช่อาหารที่เป็นที่รู้จักของคนกรุง เคล็ดลับการทำน้ำพริกกบ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกกบ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกกบ
กบ 1 ตัว
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
หอมแดง 3 หัว
ข่าซอย 1 ช้อนโต้ะ
มะเขือยาว 1 ลูก
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำพริกกบ
เริ่มจากการล้างกบให้สะอาด นำไปย่างให้สุก จากนั้นแกะเอาเฉพาะเนื้อกบ และนำมาพักเอาไว้ก่อน
นำพริกขี้หนูสวน หอมแดง กระเทียม และ มะเขือยาวมาเผา ให้หอม
เตรียมครก ใส่ พริกขี้หนูสวน กระเทียม หอมแดง ข่า และ มะเขือยาว โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
จากนั้นนำมาปรุงรสในครกด้วย น้ำตาลปี๊บ และ เกลือป่น
ใส่เนื้อกบย่างลงไปคลุกเคล้า ให้เข้ากับส่วนผสมของน้ำพริก เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น เสริฟน้ำพริกกบทานกับผักสดหรือข้าวหุงสุก ร้อนๆ กับข้าวไทย เมนูน้ำพริก
เคล็ดลับการทำน้ำริกกบย่าง
กบ สำหรับการเลือกกบในหารนำมาทำน้ำพริก ให้เลือกกบตัวโตๆ ขาใหญ่ๆ เพราะ ขากบเป็นส่วนที่มีเนื้อมากที่สุด ให้เลือกกบสดๆ ลอกหนังออก ล้างให้สะอาด อย่าให้เหลือเมือก ที่ผิวกบ นำไปย่างให้สุก และแกะเนื้อออกมาสำหรับเตรียมโขรกน้ำพริก
สำหรับ พริกขี้หนูสวน หอมแดง มะเขือยาว และ กระเทียม ให้นำไปย่างหรือคั่วในกระทะก่อย เพื่อให้สมุนไพร ให้กลิ่นหอม
หอมแดงและกระเทียม เมื่อโดนความร้อน จะให้เกิดความหวาน
พริกขี้หนูสวนหากโดนความร้อนจะลดกลิ่นเหม็นเขียวของพริก
มะเขือยาว ให้นำไปเผาเพื่อให้เนื้อมะเขือนิ่ม เวลานำมาโขรกจะได้เนื้อน้ำพริกที่เนียนๆ
ข่า เนื่องจากเนื้อข่าแข็ง ก่อนนำมาโขรกน้ำพริกให้ซอยแบบละเอียด
น้ำตาล ที่เหมาะสำหรับนำมาทำน้ำพริก คือ น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากมีความหวานที่พอดี เหมาะสำหรับอาหารไทย
น้ำพริกกบ อาหารพื้นบ้าน เมนูน้ำพริก วิธีทำน้ำพริกกบ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ กบทำอะไรกินดี กบทำอะไรได้บ้าง อาหารไทย เมนูกบ สำหรับคนกินคลีน กับข้าวง่ายๆ ดีกับสุขภาพ
สูตรต้มแซ่บ อาหารอร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกง
ส่วนผสมสำหรับทำต้มเนื้อวัว
เนื้อวัวส่วนติดมันและติดเอ็น 1 กิโลกรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ข่าแก่ หั่นบางๆ 4 ชิ้น
มะเขือเทศหั่น 3-4 ชิ้น
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ต้นตะไคร้ หั่นเป็นท่อน 3-4 ท่อน
ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง บุบหัว 3 หัว
ใบมะกรูดฉีก 2 ใบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
พริกสดบุบ 4-5 เม็ด
พริกป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำต้มแซ่บเนื้อวัว
เริ่มจากการต้มน้ำซุป โดยต้มน้ำให้เดือด ใส่ รากผักชี และ เนื้อวัว ลงไปต้มในน้่ำ เติมเกลือลงไป ต้มให้เนื้อวัวสุกนุ่ม และ น้ำซุกหอม
นำเนื้อวัวมาหั่นเป็นชื้นขนาดหนา พอดีคำ และ นำมาพักเอาไว้ก่อน
เริ่มการทำต้มเนื้อ โดย นำหม้อต้ม เติมน้ำซุปเนื้อ และ เนื้อวัวต้มลงไป
จากนั้นใส่ มะเขือเทศ หอมแดง ข่า ตะไคร้ และ ใบมะกรูด ลงไป ต้มให้กลิ่นหอมของสมุนไพรออกมาอย่างเต็มที่
ปรุงรสด้วย พริกสด พริกป่น น้ำปลา น้ำมะขามเปียกและน้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้รสชาติที่พอใจ
ใส่ผักชีฝรั่งลงไปด้วย ปิดไฟ เสริฟใส่ถ้วยพร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำต้มแซ่บเนื้อวัว
วิีธีทำต้มแซ่บ เทคนิคความอร่อยอยู่ที่ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ การเตรียมอาหาร และการปรุงรส เทคนิคการทำที่เพิ่มความอร่อยของอาหาร รายละเอียด มีดังนี้
เนื้อวัว ต้องเลือกเนื้อวัวสดๆ ส่วนเนื้อติดมัน และ มีเอ็นผสม วิธีการเลือกซื้อเนื้อวัว ให้ดูที่สีเนื้อแดงสด เนื้อไม่แห้งมีความมัน เนื้อแน่น ตึง เด้ง ไม่มีกลิ่นเน่า หรือ เป็นสีม่วง
น้ำซุป ให้ใช้น้ำซุปสำหรับเนื้อวัว โดยเทคนิคการทำน้ำซุปวัว คือ ใช้เนื้อวัว กับ เกลือ ต้มให้ความหวานของน้ำซุปออกมา
น้ำซุปที่ใช้ในการทำต้มแซ่บ ให้ใช้น้ำซุปเนื้อ ความหอมหวานของน้ำซุป เพิ่มความกลมกล่อมของอาหาร
เทคนิคการต้ม ข่า ตะไคร้ และ ใบมะกรูด ให้ใช้ไฟอ่อนๆ ค่อยๆต้มให้ความหอมของสมุนไพรออกมาอย่างเต็มที่
ใบมะกรูด ให้เอาส่วนของแกนใบออก เนื่องจากแกนใบจะทำให้มีรสขม ไม่น่ารับประทาน
ความเปรี้ยวของเมนูนี้ เลือกใช้น้ำมะขามเปียก ที่มีความหวานและเปรี้ยว ไม่เปรี้ยวจี้ดเหมือนน้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก เหมาะสำหรับทำแกงอีสานมากที่สุด
ต้มแซ่บเนื้อวัว เมนูแกงง่ายๆ อาหารไทย เมนูเนื้อวัว วิธีทำต้มแซ่บเนื้อวัว ง่ายๆ ทำกินเองที่บ้านได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่เนื้อวัวสดๆ น้ำซุปรสเข้มค้น หอมสมุนไพร ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
สูตรยำไหลบัวกุ้งสด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำยำไหลบัวกุ้งสด
ไหลบัว 2-3 เส้น นำมาหั่นเป็นท่อนพอดีคำ
กุ้งขาว 6-10 ตัว แกะเปลือก ผ่าหลัง แกะหัว
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
พริกขี้หนูสวน 3 ช้อนโต้ะ ซอยเล็กๆ
คื่นฉ่าย 1 ต้น ซอยเล็กๆ
ถั่วลงสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ปลาเล็กกรอบ 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำยำไหลบัวกุ้งสด
ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด จากนั้น ไหลบัวลงไปลวกให้สุก จากนั้นนำไปแช่น้ำแข็ง
เปลี่ยนน้ำต้ม และ ต้มน้ำให้เดือด และ นำเนื้อกุ้งลงไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
ปรุงน้ำยำ โดย ผสม น้ำตาลปี๊บ น้ำพริกเผา น้ำปลา พริกขี้หนูสวน และ น้ำมะนาว ผสมให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
ใส่ ถั่วลิงสงคั่ว ปลากรอบ คื่นฉ่าย หอมแดง กระเทียม กุ้งลวก และ ไหลบัวลวก ลงไปคลุกเคล้าผสมกับน้ำยำให้ส่วนผสมเข้ากัน
เสริฟใส่จาน จัดหน้าจานให้สวยงาม พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำยำไหลบัวกุ้งสด
ไหลบัว ให้เลือกใช้ไหลบัวที่สดๆ ลักษณะของไหลบัวแน่นตึ่ง ไม่อ่อน เลือกไหลบัวขาวๆ
การลวกไหลบัว เมื่อลวกไหลบัวสุกแล้ว ให้นำไปแช่น้ำเย็น ให้ไหลบัวกรอบและไม่ดำ
กุ้ง ให้เลือกกุ้งแม่น้ำขนาดไม่ใหญ่เกินไป พอดีคำ โดยให้เลือกกุ้งที่สดๆ เทคนิคการเลือกกุ้งที่สด คือ ดูลักษณะของตัวกุ้งสมบูรณ์ เนื้อแน่น หัวไม่หลุดจากตัว เปลือกไม่หลุดลอก
การปรุงอาหารจากกุ้ง เนื่องจากกุ้งต้องปรุงอย่าให้สุกเกินไป หากกุ้งสุกเกินไป เนื้อกุ้งจะแข้ง และ ไม่หวาน หยาบ ไม่น่ารับประทาน
ถั่วลิงสงคั่ว ให้ใช้ถั่วคั่วแบบสดใหม่ จะได้ถั่วที่หอม กรอบ อร่อย น่ารับประทาน ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
การปรุงรสน้ำยำ สำหรับคนที่ไม่ชอบ ไขมันจากน้ำพริกเผา สามารถเอาน้ำพริกเผาออกจ่ากส่วนผสมได้ แต่อาจต้องเพิ่มรสหวาน โดย อัตราส่วนของน้ำยำที่เหมาะสม คือ น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำมะนาว อัตราส่วนเท่ากัน
ยำไหลบัว สามารถเปลี่ยนวัตถุดิบอื่นๆแทนได้ สำหรับคนไม่ชอบกินกุ้ง สามารถใช้วัตถุดิบอื่นๆ ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น หมู ปลา ปลาหมึก เนื้อวัว เนื้อไก่
ยำไหลบัวกุ้งสด คือ อาหารไทย เมนูยำ โดยใช้ไหลบัวและเนื้อกุ้งเป็นวัตถุดิบหลักของยำ วิธีทำยำไหลบัวกุ้งสด ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ เมนูกุ้ง เมนูไหลบัว แสนอร่อย ไหลบัวทำอะไรกินได้บ้าง มีไหลบัวทำอะไรกินดี
สูตรอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทยโบราณ เมนูทอด ชื่อ หมูโสร่ง ภาษาอังกฤษ เรียก Fried pork ball with noodle ลักษณะเหมือนลูกชิ้นทอด ใช้หมูหมักปั้นเป็นลูกกลมๆ ห่อและพันด้วยเส้นบะหมี่ให้รอบๆ และ ทอด ให้เส้นกรอบ เนื้อหมูจับตัวเป็นก้อนนุ่ม จิ้มด้วยน้ำจิ้มไก่ หรือ น้ำจิ้มอาจาดแสนอร่อย เคล็ดลับความอร่อยของหมูโสร่ง คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด
สูตรหมูโสร่ง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำหมูโสร่ง
หมูบะช่อ 2 ขีด
หมูสับ 1 ขีด
มันหมูบด 1 ขีด
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เส้นบะหมี่ 2 ก้อน
รากผักชี 2 ราก
กระเทียม 4 กลีบ
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำจิ้มอาจาด
แตงกวา 1 ลูกหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ
พริกหนุ่มซอย 3 เม็ด
หอมแดงซอย 1 ลูก
ถั่วลิงสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำจิ้มไก่
น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำหมูโสร่ง
เตรียมครก นำ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย โขรกให้ละเอียด
เริ่มหมักหมู โดย นำ หมูบะช่อ หมูสับ และ มันหมูบด ผสมให้เข้ากัน จากนั้นปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน
ตอกไข่ไก่ลงในเนื้อหมู 1 ฟองนวดผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน นำไปหมักในตู้เย็น ให้เนื้อหมูเซ็ตตัวประมาณ 2 ชั่วโมง
จากนั้นนำเนื้อหมูมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ และใช้เส้นบะหมี่มาพันให้รอบๆ ให้เป็นก้อน ทำจนหมดหรือตามที่ต้องการ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ลดไฟลงให้ได้ขนาดไฟอ่อน จากนั้นนำหมูโสร่งลงไปทอด ใช้ไปอ่อน ทอดปเรื่อยๆจนหมูสุกและบะหมี่กรอบพอดี
นำขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน จักใส่จาน ทานกับน้ำจิ้มอาจาด แตงกวา พริก และถั่วลิสงค์ หรือ น้ำจิ้มไก่
เคล็ดลับการทำหมูโสร่ง
ไข่ไก่ จะเป็นส่วนผสมที่ช่วยให้เนื้อหมูจับตัวเป็นก้อน เวลานำมาทอดไม่แตกตัว
น้ำมัน ต้องเลืิอกใช้น้ำมันใหม่ ใช้น้ำมันร้อน ไฟอ่อน ค่อยๆทอด ให้หมูและเส้นบะหมี่สุกพร้อมกัน ได้เนื้อหมูนุ่มเส้นบะหมี่กรอบอร่อย
เนื้อหมูต้องผสมกัน ระหว่างหมูสับและมันหมู เพื่มความเนียนของเนื้อหมูด้วยการใช้หมูบะช่อด้วย จะได้เนื้อหมูที่นุ่มเด่งอร่อย
เนื้อหมู ต้องเลือกใช้หมูสดๆ จะได้อาหารรสชาติที่อร่อยที่สุด
เพื่อป้องกันปัญหาการทอดหมูไม่สุก สามารถนำหมูมาปั้นเป็นก้อนและนึ่งให้สุกก่อน จึงนำมาพันเส้นบะหมี่ก็จะได้เส้นบะหมี่ที่กรอบง่ายกว่า การที่ทอดหมูดิบๆ
การทอดเพื่อไม่ให้หมูโสร่งอมน้ำมัน ต้องทอดขณะที่น้ำมันร้อน หากทอดขณะที่น้ำมันยังไม่ร้อนจะทำให้หมูอมน้ำมันไม่น่ารับประทาน
หมูโสร่ง จัดเป็นอาหารไทยโบราณ รสชาติอร่อย วิธีทำหมูโสร่ง ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ เป็นทั้งอาหารว่างและอาหารหลักได้ เคล็ดลับการทำหมูโสร่งง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่ายเหมาะสำหรับ คนรักการทำอาหาร เมนูหมู
อาหารไทย สำหรับวันนี้ นำเสนอ เมนูอาหาร แบบง่ายๆ เป็น ขนมไทย ขนมหวานจากกะทิ คือ ขนมครก เคล็ดลับความอร่อยของขนมครก ต้องมาจากวัตถุดิบคุณภาพ การผสมแป้ง และ การผสมกะทิ รวมถึงเทคนิคการทำขนม ต้องได้แป้งที่สุกกรอบบอดี และ น้ำกะทิที่อร่อย เพิ่มความอร่อยมากขึ้น ใน อาหาร ด้วย ท๊อปปิ้ง อย่างต้นหอม ข้าวโพด หรือ เผือก
สูตรขนมครก ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกะทิ
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งขนมครก
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำกะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง
น้ำปูนใส 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำกะทิขนมครก
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา
เม็ดข้าวโพด , ใบต้นหอม , ฟักทอง ( สำหรับโรยหน้าขนมครก )
น้ำมันพืช
วิธีทำขนมครก
เริ่มผสมแป้ง โดยเตรียมภาชนะสำหรับผสมแป้ง ใส่น้ำปูนใสและกะทิลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ เกลือป่น น้ำสะอาด และ แป้งข้าวเจ้า ผสมให้ส่วนผสมทั้งหมดละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ทิ้งไว้ 30 นาทีให้แป้งดูดน้ำให้อิ่มตัวเต็มที่
เริ่มผสมกะทิ โดยเตรียมภาชนะ ผสมหัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และ แป้งข้าวเจ้า ผสมให้ส่วนผสมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ทิ้งเอาไว้ 30 นาที
เตรียมกระทะหลุมสำหรับทอดขนมครกให้ใช้ผ้าชุบน้ำมัน เช็ดหลุมกระทะ เพื่อเวลาเทกะทิลงไปกะทิจะไม่ติดกระทะ สามารถแกะขนมออกง่ายขึ้น
เมื่อกระทะหลุมเริ่มร้อน ให้เทน้ำแป้งลงไปก่อน ให้แป้งเต็มขอบหลุม เพื่อให้แป้งกรอบเป็นทรงขนมครก จากนั้นปิดฝาให้แป้งขนมเซ็ตตัวก่อน ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
เมื่อแป้งเซ็ตตัวได้ที่ประมาณ 50% แล้ว ให้เติมน้ำกะทิลงไปให้เต็มหลุม และปิดฝาอบต่อให้ขนมครกเต็มหลุมและเป็นชิ้น
เมื่อกะทิเริ่มเซ็ตตัว ให้ใส่ท๊อปปิ้งลงไปได้ ตามใจชอบ เมื่อท๊อปปิ้งสุกเต็มที่ ก็แกะขนมครก และ วางประกบกันให้สวยงาม
เคล็ดลับการทำขนมครก
กะทิสำหรับทำขนม ให้ใช้กะทิคั้นสด ความสดของกะทิจะให้ความหอมอร่อยแบบธรรมชาติ
แป้งข้าวเจ้า จะช่วยให้ขนมสามารถจับตัวเป็นชิ้นได้ แต่ต้องใส่แป้งไม่มากเกินไปจึงจะให้ความนุ่มของขนม
ไฟที่ใช้ในการทอดขนมครก ให้เลือกใช้ไฟอ่อนๆ และ ต้องได้ความร้อนที่ทั่วและเท่ากันทั้งกระทะหลุม
ท๊อปปิ้ง สามารถเลือกใช้ตามใจชอบ เพื่อให้เครื่องสุกอรอ่ย สามารถทำให้ท๊อปปิ้งสุกก่อนก็สามารถทำได้
ในการผสมแป้งและกะทิ ต้องกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อให้ขนมสะอาดไม่มีเศษสกปรกติดมาด้วย
การผสมแป้ง สามารถใส่สีผสมอาหารแบธรรมชาติ เช่น น้ำใบเตย หรือ น้ำอัญชัน เพื่อเพิ่มสีสันให้ขนมครกได้
น้ำปูนใส เป็นส่วนผสมที่ทำให้แป้งกรอบเวลานำไปทอด หากไม่ใส่น้ำปูนใสแป้งจะนุ่มไม่อร่อย ต้องให้กรอบนอกนุ่มใน หวานกะทิ จึงได้ขนมที่อร่อย
น้ำตาลที่ใช้ในการผสมขนม ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับทำขนมไทยที่สุด
ขนมครก ขนมไทย เมนูกะทิ วิธีทำขนมครก ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ เป็นขนมทอดบนกระทะหลุม เคล็ดลับความอร่อยของขนมไทย ชนิดนี้ค คือ แป้งและกะทิ ที่แป้งต้องเหนียวนุ่น ส่วนกะทิได้รสชาติที่กลมกล่อม พอดีไม่หวานเกินไป
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
ถ้าว่างมีเวลามาโทรล ไปหาช่วยนข.ที่รักมึงหาไฟล์นิยายเถื่อนบ้างก็ดีนะ เห็นหลายเรื่องละ ทั้งเสียเงินซื้อและโหลดฟรี แต่จะเข้าได้รึเปล่านั้นอีกเรื่องนึง
นิยายแมสสมใจ
แกะอบ อาหารอร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูอบ
ส่วนผสมสำหรับทำเนื้อแกะอบ
เนื้อแกะ ส่วนขาแกะ 1 ชิ้น
ขิงบด 3 ช้อนโต้ะ
กระเทียม บด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ผงยี่หร่า 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำเนื้อแกะอบ
นำ หมักเนื้อแกะ ด้วย ขิง กระเทียม ซอสมะเขือเทศ ผงยี่หร่า และ พริกไทย หมักไว้ 2 ชั่วโมง
นำไปอบด้วยความร้อน 220 F นาน 20 นาที
เสริฟ ขาแกะอบ ทานกับ ซอสมะเขือเทศ
เคล็ดลับการทำเนื้อแกะอบ
เนื้อแกะ ส่วนมากแล้ว ไม่มีการเพาะเลี้ยงขายในประเทศไทย เนื้อแกะ จะเป็น เนื้อแกะนำเข้า โดยเข้ามาในลักษณะของ เนื้อแกะแช่แข็ง การทำ อาหารแช่แข็ง นั้น ต้องพักให้ เนื้อนุ่ม คลายตัวจาก น้ำแข็ง ก่อน จนสามารถนำมา หมัก
ขั้นตอน การอบ ความร้อน และ เวลาในการอบ ต้อง ความร้อนที่ 240 อาศาฟาเรนไฮ และ เวลา 20 นาที โดย เมื่อผ่านไป 10 นาที ให้กลับด้าน เนื้อแกะ ให้ความสุก เท่ากัน
สูตรแกะอบ การหมักเนื้อแกะ เนื้อแกะหมักอย่างไร อาหารอร่อยๆ เมนูแกะ นำมาอบ ขาแกะ เป็น เนื้อนำเข้า ราคาแพง ไม่นิยม รักประทาน ในประเทศไทย เป็น สูตรอาหาร แบบนานาชาติ รสชาติ ของเนื้อแกะ คล้ายๆ กับเนื้อวัว
ขาแกะอบ เนื้อแกะอบ เมนูแกะ อาหารประเภทอบ แสนอร่อย วิธีทำขาแกะอบ สามารถทำกินเองได้ อาหารง่ายๆ จากเนื้อแกะ ขาแกะอบ อาหารที่ทำไม่ยาก แกะอบแบบง่ายๆ วิธีทำเนื้อแกะอบ
แกะอบ อาหารอร่อยๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูอบ
ส่วนผสมสำหรับทำเนื้อแกะอบ
เนื้อแกะ ส่วนขาแกะ 1 ชิ้น
ขิงบด 3 ช้อนโต้ะ
กระเทียม บด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
ผงยี่หร่า 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำเนื้อแกะอบ
นำ หมักเนื้อแกะ ด้วย ขิง กระเทียม ซอสมะเขือเทศ ผงยี่หร่า และ พริกไทย หมักไว้ 2 ชั่วโมง
นำไปอบด้วยความร้อน 220 F นาน 20 นาที
เสริฟ ขาแกะอบ ทานกับ ซอสมะเขือเทศ
เคล็ดลับการทำเนื้อแกะอบ
เนื้อแกะ ส่วนมากแล้ว ไม่มีการเพาะเลี้ยงขายในประเทศไทย เนื้อแกะ จะเป็น เนื้อแกะนำเข้า โดยเข้ามาในลักษณะของ เนื้อแกะแช่แข็ง การทำ อาหารแช่แข็ง นั้น ต้องพักให้ เนื้อนุ่ม คลายตัวจาก น้ำแข็ง ก่อน จนสามารถนำมา หมัก
ขั้นตอน การอบ ความร้อน และ เวลาในการอบ ต้อง ความร้อนที่ 240 อาศาฟาเรนไฮ และ เวลา 20 นาที โดย เมื่อผ่านไป 10 นาที ให้กลับด้าน เนื้อแกะ ให้ความสุก เท่ากัน
สูตรแกะอบ การหมักเนื้อแกะ เนื้อแกะหมักอย่างไร อาหารอร่อยๆ เมนูแกะ นำมาอบ ขาแกะ เป็น เนื้อนำเข้า ราคาแพง ไม่นิยม รักประทาน ในประเทศไทย เป็น สูตรอาหาร แบบนานาชาติ รสชาติ ของเนื้อแกะ คล้ายๆ กับเนื้อวัว
ขาแกะอบ เนื้อแกะอบ เมนูแกะ อาหารประเภทอบ แสนอร่อย วิธีทำขาแกะอบ สามารถทำกินเองได้ อาหารง่ายๆ จากเนื้อแกะ ขาแกะอบ อาหารที่ทำไม่ยาก แกะอบแบบง่ายๆ วิธีทำเนื้อแกะอบ
เห็นดราม่านิทานพันดาวที่มีเซเลบนกฟ้ารีวิววิจารณ์แล้วนักเขียนลงรูปกรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรกันปะ 555555 กูเวทมากจ้า นักเขียนวายไทย มีคนวิจารณ์ก็ไปด่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวร แล้วก็มาคร่ำครวญกันว่าไม่มีใครอ่านวายไทยเลย วายไทยโดนเหยียด แงๆๆ ถุย ก็มึงไม่รับคำวิจารณ์ไปปรับปรุงกันแบบนี้ ใครมันจะอยากอ่านวะ
โดนฉอดการเมืองป่ะ ถ้าแบบนั้นก็น่ากรวดน้ำอยู่ ช่วงทำซรใหม่ๆกูยังงงว่าทำไมไม่มีคนฉอด
>>718 ไม่เชิงว่ะ คือมีคนรีวิวงานของนางเป็นคลิป แล้วคนรีวิวค่อนข้างดังในทวิตเตอร์ แต่รีวิวจุดบกพร่องเป็นฉากๆว่ามันไม่เมคเซนส์ตรงไหนยังไงบ้าง ออกแนววิจารณ์วรรณกรรมอย่างมีหลักการแหละ แต่ตัวคนเขียนนางคงไม่ชอบให้ใครติผลงานมั้ง
>>717 มึงไปเสือกเอาจากโควททวีตนี้ละกันนะ ในแท็กนิยายมีแต่คนอวยกับหวีดซีรีส์ https://twitter.คอม/Kmaf616/status/1376471590607581189
นักเขียนวายไทยส่วนมากวิจารณ์ไม่ได้อยู่แล้ว ติทีขึ้นTalkดราม่าท้ายเรื่อง ตัดพ้อลงทวิต ลากลูกหาบมารุมสรุปจบด้วยการไม่จบก็ไม่ต้องอ่าน พล็อต พอไม่มีคนติ วิจารณ์ก็เข้าใจว่างานตัวเองดี เนื้อเรื่องวายแต่งไทยถึงไม่ไปไหน วนอยู่กับความรัก คาร์แล็ตเตอร์ตัวละครแบน พอขายไม่ออกก็บ่น ทั้งที่กระแสวายแปลจีนขายดีเป็นสุดๆ นานๆวายแต่งถึงจะมีกระ
กูไม่ใช่ติ่งแบคทีเรียนะบอกก่อน แต่กูไม่ชอบท่าทางของนักรีวิวคนนี้มาตั้งแต่เห็นเขารีวิวเรื่องคู่กันแล้ว พูดไปหัวเราะคิกคักกลอกตามองบนเหมือนหัวเราะเยาะอยู่ตลอดเวลา คนอ่านวิจารณ์ได้ตามความรู้สึกก็จริง แต่ท่าทางนางไม่ให้เกียรติคนที่ถูกพูดถึงเลย ดูข่มๆกดๆ
>>721 นิยายมันอวยอยู่แล้วเมิง กูไม่ได้อ่านเรื่องนี้แต่เมื่อก่อนเห็นคนรีวิวบ่อย นิยายนางก็เรื่องเดิมแต่งมาเกือบสิบปี ยุคนั้นมีแต่คนอวยเพราะคนส่วนมากยังอวยกันอยู่ มายุคนี้นิยายเรื่องเดิมที่คนอวยกันเยอะๆดันโดนเอามาฉอด นิยายก็เรื่องเดิมแต่ความเห็นคนอ่านเปลี่ยนเพราะความคิดคนเปลี่ยนไป นิยายแนวนี้ตอนอ่านเมิงต้องใส่ฟิลเตอร์ยุคที่เขาเขียนด้วย ไม่งั้นก็แบบนี้แหละ
กูไม่เห็นด้วยอยู่แล้วนะที่ไปขุดเรื่องนี้มาทำซร นิยายแนวนี้พอเวลาผ่านไปก็บ้งกันหมด
อ่อต้นเรื่องจากนี่เองหรอ กูก็ว่าทำไมนักเขียนหลายคนมาดิ้นๆเรื่องวิจารณ์งานแบบนู้นแบบนี้ สุดท้ายถ้ามึงไมถูกใจเองมึงก็เขียนไม่รับคำติวิจารณ์ก็จบ พอบอกรีวิวก็ดิ้นคำว่ารีวิวอีกเลื่อนเจอ'เรานึกว่ารีวิวหมายถึงคำชมซะอีก' 🙄 อ่อนไหวมากมึงก็ปิดไม่ให้คอมเม้นต์ไป
กูไปฟังคลิปเต็มจนจบละ สรุปคือเขารีวิวว่ามึงใส่มาเพื่ออวยแค่นี้มึงจะใส่มาทำไมเฉยๆ ไม่ได้ว่าเรื่องอยู่ฝ่ายไหน
ต่อให้ตัดเรื่องอวยเจ้าไป กุก็ยังขำที่คนรีวิวขีดไฮไลท์การย้ำรอบที่28ว่าพ่อกุใหญ่พ่อกุเป็นตะหานของนายเอกมาก 55555555555555
คนไทยไม่ชินกับการวิจารณ์วรรณกรรมแรงๆ มึงไปอ่านรีวิวใน goodreads จะพบว่ายิ่งเป็นเรื่องดังยิ่งมี top review ที่ฉอดแรงๆอะ รีวิวนิทานพันดาวรอบนี้กูว่าเบามาก เบากว่าตอนคำผกาวิจารณ์ความสุขของกะทิเยอะ อันนั้นแรงเหมือนตบหน้ากรรมการซีไรท์กลางสี่แยก แต่นักเขียนไทย---โดยเฉพาะนักเขียนวาย---เซนสิทีฟกับคำวิจารณ์ รับคำตำหนิไม่ค่อยได้ ชอบให้อวยอย่างเดียว ลูกหาบก็เหมือนกัน ขยันกางปีกปกป้องกันเหลือเกิน วงการวายไทยมันถึงไม่ไปไหนซะทีไง
ไหนวะนขกรวดน้ำ เจอแต่คนอ่าน
ถ้าติเฉยๆ กูว่าก็มีประโยชน์ดีแหละ แต่ก็อย่างที่โม่งบนๆ ว่าจริตจก้านที่ทำอะ มีคนไม่ชอบก็ไม่แปลกหรอก กูยังไม่ชอบเลย 55555555 ถ้าจะติเพื่อก่อก็ให้มันเพื่อก่อจริง อย่าทำตัวเหมือนแค่อยากแซะแล้วเอาคำว่าวิจารณ์บังหน้า 55555 อยากรู้ว่าไม่บ้งเลยของนางจะขนาดไหนอะ เห็นมีคนเคยอ่านฟิคที่นางแต่งก็บอกว่าเฉยๆ ยัดนู่นนี่เหมือนกัน แต่กูคงไม่หาอ่านอะเสียเวลา แง
ย้ำอีกทีว่ากูเห็นด้วยกับการวิจารณ์ แต่ถ้าตั้งใจ๊ตั้งใจจะวิจารณ์แบบมีอคติในใจมันก็แปลกๆ อะ ไม่ได้ว่านะแต่ถ้ากูเป็นนักเขียนเห็นแล้วก็คงรำคาญเหมือนกัน ขนาดกูไม่ได้ชอบสักเรื่องที่นางหยิบมารีวิวกูยังรู้สึกอิ๋วเลยอะ
คำวิจารณ์ของนางไม่ได้แย่นะ แต่จริตในการวิจารณ์ค่อนข้างแย่จิกกัดเกินเหตุ เหมือนวัลลาบีอยากดัง
กูฟังแต่เสียง นางก็มีเหตุผลของนาง อาจจะต้องเปลี่ยนวิธีวิจารณ์ใหม่ไม่ให้เจ็บช้ำน้ำใจเกินไป
ขุ่นพระ เข้าโม่งมาเจอโม่งสอนมารยาท บอกกูทีว่าเอพริลฟูลส์
กูว่าสายวิจารณ์บางคนก็ดูร้อนวิชาอะมึง อยากอวดว่าตัวเองรู้ตัวเองแน่น มาแบบปังๆเปรี้ยงๆ แต่จะทำให้ใครเสียใจรึเปล่านี่ไม่แคร์
เออ แต่เดี๋ยวนี้บางคนมาแนวใหม่นะมึง พรีเซนต์แบบซอฟท์ๆ พูดจาสุภาพแต่แซะตลอด วลีเด็ดคือ "สะดุดตรง..." แล้วก็สะดุดแม่งตั้งแต่หน้าปกสีไม่สวย ตัวละครหน้าตานุ่มนิ่มไป หน้าดุไป ไม่หล่อ ทำไมใช้คำนี้ๆๆ อ่านแล้วตะหงิดๆๆ คอมเมนท์ถี่มากหลายรอบแต่ไม่เคยมีคำชม ขนาดกูเป็นนักอ่านแวะเข้าไปส่องกูยังงงว่าอีนี่คนเดิมนี่นา มึงสะดุดอีกแล้วเรอะ เรื่องนี้มึงสะดุดไปสิบแปดรอบแล้วนะ เหมือนซื้อหนังสือไปเพื่อเรียงจุดสะดุด ทั้งที่กูอ่านเล่มเดียวกัน มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
เหมือนพวก “แต่..” ป่ะ 555
-กูชอบxxxนะ แต่..
-ไม่ได้ว่านะ แต่...
>>747 เออ จริงว่ะ เหมือนมาเม้นต์เยอะๆบ่อยๆในกรุ๊ป ทำตัวเหมือนเป็นแฟนนิยาย แต่ไม่เคยชมเลยมึง เหมือนอยากให้คนเห็นว่าเรื่องนี้มันแย่ๆๆยังไงมากกว่า
>>748 อันนี้ไม่แม้แต่จะเกริ่น 5555555 มาถึงก็ "อ่านมาถึงตรงนี้ๆๆค่ะ สะดุดนิดนึงตรงที่ทำไมตัวละครพูดว่าบั๊กคะ ทำไมไม่ใช้ bug พูดแบบนี้เหมือนพูดถึงแมลงเลยค่ะ ไม่ใช่ bug เกม" อะไรเงี้ย นี่เหตุการณ์สมมุตินะ แต่ก็ไร้สาระประมาณนี้แหละ แล้วสะดุดบ่อยมากมึง ถ้าเป็นการสะดุดในโลกจริงๆกูว่าหมอต้องจับตรวจน้ำในหูแล้วแหละ อะไรจะขนาดนั้น
ไม่รู้ทำไมนักวิจารณ์ที่วิจารณ์แบบมีเหตุผลพูดดีๆ ไม่ได้แดกดันแซะจิกกัดคนเขียน ถึงชอบไปเจอนักเขียนสายลูกหาบถล่มคนวิจารณ์ ทีนักเขียนที่รับฟังคำวิจารณ์ก็ชอบเจอพวกนักวิจารณ์ร้อนวิชาที่พูดดีๆไม่เป็น แดกดันประชดเหมือนเกลียดคนเขียนมาแต่ชาติปางก่อนแล้วอ้างว่า ก็แค่วิจารณ์ค่ะ
กูเห็นมาทั้งสองแบบนะ ทั้งนักเขียนที่ไม่รับคำติเอามาฟ้องลูกหาบมาโอ๋มารุมถล่ม และนักอ่านที่ปสด อยากด่าเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบแล้วไปจิกกัดคนเขียนแบบไม่ได้มีเหตุผลวิจารณ์เนื้อเรื่องเหี้ยไรเลย
สำหรับกูถ้าโดนวิจารณ์แบบแบดกายกูเฉยๆ พูดมีประเด็นดี ไม่ลามปามไปวิจารณ์ตัวบุคคลเอาแค่เนื้อหาในหนังสือกูว่ายังถือว่าวิจารณ์ซอฟ เคยเจอปสด กว่านี้อ่ะ
รีวิวแบบแบดกายคนไทยน่าจะไม่ชินจริงๆว่ะ ฝรั่งทำกันเยอะนะ ทั้งรีวิวหนัง รีวิวหนังสือ เวลาบ่นก็จะออกอินเนอร์กันแบบนี้แหละ กูว่าต้องดูที่เนื้อหาด้วยอะว่าโอเคแค่ไหน อย่างแบดกายก็เรสประเด็นมีหลักการ ไม่ได้หลุดคำด่าประเภท กลวง อ่านกันเข้าไปได้ไง อะไรแบบนี้ออกมา กูว่าเป็นการวิจารณ์ที่มีประโยชน์ แค่คนเขียนกับลูกหาบน่าจะรู้สึกออฟเฟนส์เพราะจริตนาง 55555555 แต่อย่างน้อยนางก็รีวิวในพื้นที่นางนะ และกูมองว่าถ้าแบดกายวิจารณ์หนังสือได้ ทุกคนก็วิจารณ์คลิปแบดกายได้เหมือนกัน ตรงไหนดีไม่ดีก็ว่ากันไปเป็นเรื่องๆ แค่อย่าว่าที่ตัวบุคคลเพราะเหม็นขี้หน้า แบบนั้นคืออคติแล้ว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
อาหาร สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารง่ายๆ เมนูไก่ คือ ไก่อบเต้าเจี้ยว เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เมนูเหลา แบบอร่อยๆ สบายกระเป๋า
สูตรไก่อบเต้าเจี้ยว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่
ส่วนผสมสำหรับทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เนื้อไก่ ส่วนสะโพก 2 ชิ้น
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต้ะ
ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 5 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
ผักกวางตุ้ง 1 ต้น ประมาณ 3-4 ใบ
วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว
เริ่มจากการเตรียมไก่ก่อน ล้างไก่ให้สะอาด และ ตัดส่วนข้อไก่ออกก่อน จากนั้นักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้ไดกลิ่นหอม
จากนั้นใส่น้ำตาลลงไปผัด ผัดพอให้น้ำตาลเปลี่ยนสีออกน้ำตาลอ่อน จึงใส่เต้าเจี้ยวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และ เติมน้ำเปล่าลงไป
จากนั้นจึงใส่ สะโพกไก่ ลงไปต้ม ให้สุก เมื่อสะโพกไก่สุกได้ที่ จึงปิดไฟ และ ใส่ผักกวางตุ้งลงไป
อบทิ้งไว้สัักพัก ก็สามารถเสริฟใส่จาน พร้อมรับประทาน
เคล็ดลับการทำไก่อบเต้าเจี้ยว
การเลือกไก่ ให้เลือกส่วนของสะโพกไก่ เป็นส่วนที่มีเนื้อนุ่มและมัน ติดหนัง เหมาะสำหรับทำเมนูนี้ เทคนิคการเลือกซื้อสะโพกไก่ ให้ดูที่สะโพกสดๆ เนื้อแน่ สีไม่คล้ำ ไม่มีกลิ่นเน่า
การล้างไก่ให้สะอาด ช่วยลดกลิ่นคาวของไก่ลงได้
เต้าเจี้ยวบด ต้องเลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี จะได้รสชาติที่ไม่เค็มเกินไป
ขั้นตอนการผัดน้ำตาล เป็นขั้นตอนที่สำคัญ ต้องผัดให้น้ำตาลเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และ อย่าให้ไหม เพราะ หากน้่ำตาลไหม้ จะให้รสขม ซึ่งทำให้รสชาติอาหารเสียไปเลย ไม่สามารถรับประทานได้
สำหรับการปรุงรสชาติ ต้องให้มีความหอมของรากผักชี กระเทียม และ พริกไทย และ ความหวาน ความเค็ม เท่ากัน หากใส่ส่วนผสมต่างๆแล้วยังไม่สมดุลย์ของรสาติให้ปรุงเพิ่มเติมได้
ขั้นตอนการเคี้ยวไก่ หากน้ำน้อยเกินไป สามารถเติมน้ำเข้าไปได้ และ เคี้ยวจะน้ำลดลงในปริมาณที่พอคลุกขลิก
ไก่อบเต้าเจี้ยว เมนูอาหาร แสนอร่อยๆ รสไม่เผ็ด เมนูไก่ วิธีทำไก่อบเต้าเจี้ยว ง่ายๆ สามารถทำกินเองได้ น้ำซอสหวานกลมกล่อม สะโพกไก่ทำอะไรกินได้บ้าง มีสะโพกไก่ทำอะไรกินดี เมนูเต้าเจี้ยว
สูตรปีกไก่ทอดน้ำแดง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำปีกไก่น้ำแดง
ปีกไก่ 6-7 ชิ้น
แป้งข้าวโพด 1 จาน
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย โขรกละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 5 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอดไก่ 2 ถ้วย
วิธีทำปีกไก่น้ำแดง
เริ่มจากการทอดไก่ก่อน นำปีกไก่มาคลุกหับแป้งข้าวโพด จากนั้นนำมาทอดในน้ำมันที่ร้อน โดยไฟปากลาง
นำปีกไก่ลงไปทอด ให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำปีกไก่ทอดมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน และจัดจานสำหรับรับประทาน
เริ่มการผัดซอสน้ำแดง โดย ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันนอดหน่อย ใส่รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้มีกลิ่นหอม
จากนั้น ใส่น้ำซุปลงไป ปรุงรสด้วย ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา น้ำตาลทราย และ เหล้าจีน ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
หากแห้งเกินไปให้เติมน้ำซุปลงไป ใส่งาขาวคั่วลงไป จากนั้นก็ ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต้ะ และใส่ลงไปในน้ำแดง ผัดให้ซอสเหนียวค้น
ราดน้ำแดงบนปีกไก่ทอด โรยหน้าด้วยผักชี
เคล็ดลับการทำปีกไก่ทอดน้ำแดง
การทอดไก่นั้น ให้ใช้น้ำมันที่ร้อน แต่ไฟปานกลาง จะทำให้หนังไก่กรอบ ในขณะที่เนื้อสุกพอดี
หากต้องการให้ไก่มีรสชาติ สามารถหมักปีกไก่ก่อนได้ โดบการหมักปีกไก่ ให้ใส่ ซอสปรุงรส ซอสน้ำมันหอย น้ำตาลทราย ผสมให้เข้าเนื้อ และหมักประมาณ 30 นาที ในตู้เย็น จะช่วยให้รสชาติของไก่มีมากขึ้น
งาขาวคั่ว ให้เลือกใช้งาขาวและนำมาคั่วเองแบบสดๆ จะได้งาที่มีความหอมน่ารับประทาน
ซอสน้ำแดงเหนีวด้วยแป้งข้าวโพดผสมน้ำ เทคนิคการทำน้ำแดงให้เหนียว คือ เร่งไฟให้แรงๆ และใส่น้ำแป้งลงไป กวนอย่างรวดเร็ว อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อนจะได้น้ำแดงเหนียวๆ
น้ำมันที่ใช้ในการทอดไก่ ให้ใช้น้ำมันใหม่ ที่ไม่ผ่านการทอดมาก่อน จะได้ไก่ทอดที่มีกลิ่นและรสชาติของไก่อย่างเต็มที่
ปีกไก่ ให้เลือกไก่ที่มีความสดใหม่ ชิ้นใหญ่ๆ จะทำให้ไก่อร่อย
เมนูน้ำแดง เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากเทคนิคการทำอาหารของอาหารจีน ซึ่งเข้ามาในประเทศไทย โดยชาวจีนที่มาอาศัยในประเทศไทย และได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยน จนมาถึงปัจจุบัน ความอร่อยของเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้น อยู่ที่การทอดไก่ให้กรอบนอก นุ่มใน และน้ำซอสที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไป เทคนิคการทำอาหารเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้นไม่ยาก ส่วนผสมและวิธีทำ ทำกันอย่างไร
สูตรปีกไก่ทอดน้ำแดง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำปีกไก่น้ำแดง
ปีกไก่ 6-7 ชิ้น
แป้งข้าวโพด 1 จาน
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย โขรกละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 5 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอดไก่ 2 ถ้วย
วิธีทำปีกไก่น้ำแดง
เริ่มจากการทอดไก่ก่อน นำปีกไก่มาคลุกหับแป้งข้าวโพด จากนั้นนำมาทอดในน้ำมันที่ร้อน โดยไฟปากลาง
นำปีกไก่ลงไปทอด ให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำปีกไก่ทอดมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน และจัดจานสำหรับรับประทาน
เริ่มการผัดซอสน้ำแดง โดย ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันนอดหน่อย ใส่รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้มีกลิ่นหอม
จากนั้น ใส่น้ำซุปลงไป ปรุงรสด้วย ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา น้ำตาลทราย และ เหล้าจีน ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
หากแห้งเกินไปให้เติมน้ำซุปลงไป ใส่งาขาวคั่วลงไป จากนั้นก็ ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต้ะ และใส่ลงไปในน้ำแดง ผัดให้ซอสเหนียวค้น
ราดน้ำแดงบนปีกไก่ทอด โรยหน้าด้วยผักชี
เคล็ดลับการทำปีกไก่ทอดน้ำแดง
การทอดไก่นั้น ให้ใช้น้ำมันที่ร้อน แต่ไฟปานกลาง จะทำให้หนังไก่กรอบ ในขณะที่เนื้อสุกพอดี
หากต้องการให้ไก่มีรสชาติ สามารถหมักปีกไก่ก่อนได้ โดบการหมักปีกไก่ ให้ใส่ ซอสปรุงรส ซอสน้ำมันหอย น้ำตาลทราย ผสมให้เข้าเนื้อ และหมักประมาณ 30 นาที ในตู้เย็น จะช่วยให้รสชาติของไก่มีมากขึ้น
งาขาวคั่ว ให้เลือกใช้งาขาวและนำมาคั่วเองแบบสดๆ จะได้งาที่มีความหอมน่ารับประทาน
ซอสน้ำแดงเหนีวด้วยแป้งข้าวโพดผสมน้ำ เทคนิคการทำน้ำแดงให้เหนียว คือ เร่งไฟให้แรงๆ และใส่น้ำแป้งลงไป กวนอย่างรวดเร็ว อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อนจะได้น้ำแดงเหนียวๆ
น้ำมันที่ใช้ในการทอดไก่ ให้ใช้น้ำมันใหม่ ที่ไม่ผ่านการทอดมาก่อน จะได้ไก่ทอดที่มีกลิ่นและรสชาติของไก่อย่างเต็มที่
ปีกไก่ ให้เลือกไก่ที่มีความสดใหม่ ชิ้นใหญ่ๆ จะทำให้ไก่อร่อย
เมนูน้ำแดง เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากเทคนิคการทำอาหารของอาหารจีน ซึ่งเข้ามาในประเทศไทย โดยชาวจีนที่มาอาศัยในประเทศไทย และได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยน จนมาถึงปัจจุบัน ความอร่อยของเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้น อยู่ที่การทอดไก่ให้กรอบนอก นุ่มใน และน้ำซอสที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไป เทคนิคการทำอาหารเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้นไม่ยาก ส่วนผสมและวิธีทำ ทำกันอย่างไร
สูตรปีกไก่ทอดน้ำแดง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำปีกไก่น้ำแดง
ปีกไก่ 6-7 ชิ้น
แป้งข้าวโพด 1 จาน
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย โขรกละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 5 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอดไก่ 2 ถ้วย
วิธีทำปีกไก่น้ำแดง
เริ่มจากการทอดไก่ก่อน นำปีกไก่มาคลุกหับแป้งข้าวโพด จากนั้นนำมาทอดในน้ำมันที่ร้อน โดยไฟปากลาง
นำปีกไก่ลงไปทอด ให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำปีกไก่ทอดมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน และจัดจานสำหรับรับประทาน
เริ่มการผัดซอสน้ำแดง โดย ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันนอดหน่อย ใส่รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด ให้มีกลิ่นหอม
จากนั้น ใส่น้ำซุปลงไป ปรุงรสด้วย ซอสมะเขือเทศ ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา น้ำตาลทราย และ เหล้าจีน ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
หากแห้งเกินไปให้เติมน้ำซุปลงไป ใส่งาขาวคั่วลงไป จากนั้นก็ ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่า 1 ช้อนโต้ะ และใส่ลงไปในน้ำแดง ผัดให้ซอสเหนียวค้น
ราดน้ำแดงบนปีกไก่ทอด โรยหน้าด้วยผักชี
เคล็ดลับการทำปีกไก่ทอดน้ำแดง
การทอดไก่นั้น ให้ใช้น้ำมันที่ร้อน แต่ไฟปานกลาง จะทำให้หนังไก่กรอบ ในขณะที่เนื้อสุกพอดี
หากต้องการให้ไก่มีรสชาติ สามารถหมักปีกไก่ก่อนได้ โดบการหมักปีกไก่ ให้ใส่ ซอสปรุงรส ซอสน้ำมันหอย น้ำตาลทราย ผสมให้เข้าเนื้อ และหมักประมาณ 30 นาที ในตู้เย็น จะช่วยให้รสชาติของไก่มีมากขึ้น
งาขาวคั่ว ให้เลือกใช้งาขาวและนำมาคั่วเองแบบสดๆ จะได้งาที่มีความหอมน่ารับประทาน
ซอสน้ำแดงเหนีวด้วยแป้งข้าวโพดผสมน้ำ เทคนิคการทำน้ำแดงให้เหนียว คือ เร่งไฟให้แรงๆ และใส่น้ำแป้งลงไป กวนอย่างรวดเร็ว อย่าให้แป้งจับตัวเป็นก้อนจะได้น้ำแดงเหนียวๆ
น้ำมันที่ใช้ในการทอดไก่ ให้ใช้น้ำมันใหม่ ที่ไม่ผ่านการทอดมาก่อน จะได้ไก่ทอดที่มีกลิ่นและรสชาติของไก่อย่างเต็มที่
ปีกไก่ ให้เลือกไก่ที่มีความสดใหม่ ชิ้นใหญ่ๆ จะทำให้ไก่อร่อย
เมนูน้ำแดง เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลมาจากเทคนิคการทำอาหารของอาหารจีน ซึ่งเข้ามาในประเทศไทย โดยชาวจีนที่มาอาศัยในประเทศไทย และได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยน จนมาถึงปัจจุบัน ความอร่อยของเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้น อยู่ที่การทอดไก่ให้กรอบนอก นุ่มใน และน้ำซอสที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไป เทคนิคการทำอาหารเมนูปีกไก่ทอดน้ำแดง นั้นไม่ยาก ส่วนผสมและวิธีทำ ทำกันอย่างไร
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
กิมจิผัดเส้นบุก เมนูเส้น เมนูผัด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเกาหลี เมนูผัด สำหรับคนกินคลีน เส้นบุกผัดกิมจิ หรือ กิมจิผัดเส้นบุก เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่การเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ และ การเตรียมอาหาร ที่สำคัญที่สุดการปรุงรสชาติให้อร่อย
สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ อาหารผัด เมนูเส้น อาหารคลีน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร อาหารคลีน
ส่วนผสมสำหรับทำเส้นบุกผัดกิมจิ
กิมจิ 1 ถ้วย
เส้นบุก 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ลูกชิ้นปลา ผ่าครึ่ง 5 ลูก
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมัน สำหรับผัด 1 ช้อนชา
วิธีทำเส้นบุผัดกิมจิ
ลวกเส้นบุก ให้สุก จากนั้นนำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่ไข่ลงไปผัด จากนั้นใส่เส้นบุกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล พริกไทย
จากนั้นใส่ ลูกชิ้นปลา และ กิมจิ ลงไปผัด ให้ส่วนผสมเข้ากัน เส้นบุผัดกิมจิ กับข้าวง่ายๆ เมนูเส้นบุก
เคล็ดลับการทำเส้นบุกผัดกิมจิ
เส้นบุก ให้แช่น้ำก่อน ให้เส้นอมน้ำ เวลานำไปลวกจะทำให้เส้นนุ่มอร่อยมากขึ้น
เส้นบุก เมื่อลวกเสร็จแล้ว ให้นำไปแช่ในน้ำแข็ง ให้เส้นมันหดตัว จะได้เส้นบุกที่ เหนียวนุ่ม อร่อย
น้ำมันที่ใช้ในการผัด ให้ใช้น้ำมันที่ใหม่ ไม่ให้นำน้ำมันเก่ามาใช้ผัด เนื่องจากน้ำมันเก่า มีกลิ่นของอาหาร ทำให้เสียรสชาติ ของ ผัดเส้นบุก
ลูกชิ้นปลา ที่ใช้ในการนำมาผัด ใน เมนูผัดเส้นบุก นั้น ให้นำไปลวกก่อนนำมา ผัด เนื่องจาก บางครั้ง ลูกชิ้นปลาจะมี เมือกไขมัน ติดมาด้วย มีกลิ่น ทีีทำให้ รสชาติของ ผัดเส้นบุกกิมจิ เปลี่ยน
วิธีทำเส้นบุกผัดกิมจิ เส้นบุกผัดกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเส้น นำเส้นบุกมาผัดกับกิมจิ อาหาร สำหรับลดน้ำหนัก อาหารสุขภาพ ไม่ทำให้อ้วน สามารถกินได้ดี บุก เป็น สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับ คนเป็นโรคเบาหวาน
บุก เป็น สมุนไพร ชนิดหนึ่ง ซึ่ง หัวของบุก จะเป็นแป้ง ซึ่ง นักวิทยาศาสตร์ศึกษาและพบว่า หัวบุก มีสารที่ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ได้ดี บุก จึงจักเป็น อาหารสุขภาพ ที่เหมาะกับ คนลดความอ้วน และ ผู้เป็นโรคเบาหวาน เส้นบุกผัดกิมจิ สูตรเส้นบุกผัดกิมจิ เป็น อาหาร เมนูประยุกต์ แบบง่ายๆ สำหรับ คนรักสุขภาพ และ ชอบกินกิมจิ เมนูบุกลดความอ้วน เส้นบุกผัดกิมจิ เมนูสไตล์เกาหลี ให้ความรู้สึกไม่น่าเบื่อกับรสชาติที่ดูจัดจ้าน แถมยังให้ อาหารพลังงานต่ำ สูตรอาหารสำหรับ คนชอบทำอาหาร ทำอาหารกิน ในครอบครัว
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆ เมนูหมู กับ ซอสสูตรพิเศษ หมูม้วนอบซอส คือ อาหารประเภทอบ เมนูเนื้อหมู ใช้ หมูสามชั้นอย่างดี นำมาหมัก ปรุงรส และ ใช้การม้วนให้เป็น ทรงแท่ง จากนั้น นำไปอบ หมูจะจับตัวเป็นกลมๆ เหมือน แยมโรล แต่นั้นคือ หมูอบ เทคนิคการทำอาหาร แบบนี้ เห็น ที่ประเทศญี่ปุ่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้อาหาร มีหน้าตาหน่ารับประทาน เป็น หมูอบ แบบธรรมดา ที่หน้าตา น่ารับประทาน
สูตรม้วนหมูอบซอส อาหารง่ายๆ เมนูหมูสามชั้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจ่ง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้นแผ่นใหญ่
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต้ะ
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บด 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำหมูม้วนอบซอส
หมักหมูสามชั้น ด้วย ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล รากผักชี กระเทียม พริกไทย
จากนั้นนำ หมูสามชั้น มา ม้วนเป็นวงกลม เอา ฟลอยห่อไว้ให้เป็นทรงแท่งม้วน
นำไป อบ ด้วยความร้อน ปานกลาง ประมาณ 45 นาที ให้ เนื้อหมูเซ็ตต้ว และ สุก จากนั้นนำออกมาหั่นเป็นชิ้น จะได้หมูทรงกลม
จัดเรียงใส่จาน ราดด้วยน้ำซอส ที่ได้จาก การอบหมู กับข้าวง่ายๆ
เคล็ดลับการทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้น ให้เลือกใช้ หมูสามชั้น ที่มี เนื้อ 8 ส่วน มันหมู 2 ส่วน เนื่องจาก หมูสามชั้น มี เนื้อมากพอสมควร มากพอที่จำทำให้ ได้สัมผัสของเนื้อหมู
การเลือกเนื้อหมูสามชั้น ให้เลือกเนื้อหมูสดๆ สังเกตุจาก สีของเนื้อหมู สีไม่เข้มเกินไป เนื้อหมูเด้ง และตึง ไม่มีสีคล้ำ หรือ สีอื่น นอกจากสีของเนื้อหมู ไม่มีกลิ่นเหม็น
การหมักหมู ให้ ผสมส่วนผสมและ นวดกับเนื้อหมู ให้น้ำหมัก ซอส ซึมเข้าไปเนื้อหมูจน แห้ง และ การหมัก นั้น ให้ ม้วนหมูสามชั้น เป็น แท่ง ใช้ไม้จิ้มฟัน เสียบ เพื่อให้เป็นทรง ห่อด้วยฟลอย และ หมักไว้ในตู้เย็น ความเย็น จะช่วยให้ น้ำหมักหมู เข้าเนื้อ
การอบหมู ใชให้ใช้ไฟที่เหมาะสม และ เวลาที่พอดี จะได้เนื้อหมูที่สุก ถึงด้านใน และไม่ไหม้
หมูม้วนอบซอส เป็น อาหารง่ายๆ อร่อยๆ กับข้าวจากหมูสามชั้น อาหารไทย เมนูหมูอบ
หมูม้วนอบซอส หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง เมนูอบ เมนูหมู วิธีทำหมูม้วนอบซอส สามารถทำกินเองได้ สูตรอาหาร เมนูอาหาร หมูอบ หมูม้วนอบซอส กับข้าวง่ายๆ หมูทำอะไรกินดี อยากกินหมูอบ กับข้าวง่ายๆ
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆ เมนูหมู กับ ซอสสูตรพิเศษ หมูม้วนอบซอส คือ อาหารประเภทอบ เมนูเนื้อหมู ใช้ หมูสามชั้นอย่างดี นำมาหมัก ปรุงรส และ ใช้การม้วนให้เป็น ทรงแท่ง จากนั้น นำไปอบ หมูจะจับตัวเป็นกลมๆ เหมือน แยมโรล แต่นั้นคือ หมูอบ เทคนิคการทำอาหาร แบบนี้ เห็น ที่ประเทศญี่ปุ่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้อาหาร มีหน้าตาหน่ารับประทาน เป็น หมูอบ แบบธรรมดา ที่หน้าตา น่ารับประทาน
สูตรม้วนหมูอบซอส อาหารง่ายๆ เมนูหมูสามชั้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจ่ง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้นแผ่นใหญ่
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต้ะ
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บด 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำหมูม้วนอบซอส
หมักหมูสามชั้น ด้วย ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล รากผักชี กระเทียม พริกไทย
จากนั้นนำ หมูสามชั้น มา ม้วนเป็นวงกลม เอา ฟลอยห่อไว้ให้เป็นทรงแท่งม้วน
นำไป อบ ด้วยความร้อน ปานกลาง ประมาณ 45 นาที ให้ เนื้อหมูเซ็ตต้ว และ สุก จากนั้นนำออกมาหั่นเป็นชิ้น จะได้หมูทรงกลม
จัดเรียงใส่จาน ราดด้วยน้ำซอส ที่ได้จาก การอบหมู กับข้าวง่ายๆ
เคล็ดลับการทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้น ให้เลือกใช้ หมูสามชั้น ที่มี เนื้อ 8 ส่วน มันหมู 2 ส่วน เนื่องจาก หมูสามชั้น มี เนื้อมากพอสมควร มากพอที่จำทำให้ ได้สัมผัสของเนื้อหมู
การเลือกเนื้อหมูสามชั้น ให้เลือกเนื้อหมูสดๆ สังเกตุจาก สีของเนื้อหมู สีไม่เข้มเกินไป เนื้อหมูเด้ง และตึง ไม่มีสีคล้ำ หรือ สีอื่น นอกจากสีของเนื้อหมู ไม่มีกลิ่นเหม็น
การหมักหมู ให้ ผสมส่วนผสมและ นวดกับเนื้อหมู ให้น้ำหมัก ซอส ซึมเข้าไปเนื้อหมูจน แห้ง และ การหมัก นั้น ให้ ม้วนหมูสามชั้น เป็น แท่ง ใช้ไม้จิ้มฟัน เสียบ เพื่อให้เป็นทรง ห่อด้วยฟลอย และ หมักไว้ในตู้เย็น ความเย็น จะช่วยให้ น้ำหมักหมู เข้าเนื้อ
การอบหมู ใชให้ใช้ไฟที่เหมาะสม และ เวลาที่พอดี จะได้เนื้อหมูที่สุก ถึงด้านใน และไม่ไหม้
หมูม้วนอบซอส เป็น อาหารง่ายๆ อร่อยๆ กับข้าวจากหมูสามชั้น อาหารไทย เมนูหมูอบ
หมูม้วนอบซอส หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง เมนูอบ เมนูหมู วิธีทำหมูม้วนอบซอส สามารถทำกินเองได้ สูตรอาหาร เมนูอาหาร หมูอบ หมูม้วนอบซอส กับข้าวง่ายๆ หมูทำอะไรกินดี อยากกินหมูอบ กับข้าวง่ายๆ
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆ เมนูหมู กับ ซอสสูตรพิเศษ หมูม้วนอบซอส คือ อาหารประเภทอบ เมนูเนื้อหมู ใช้ หมูสามชั้นอย่างดี นำมาหมัก ปรุงรส และ ใช้การม้วนให้เป็น ทรงแท่ง จากนั้น นำไปอบ หมูจะจับตัวเป็นกลมๆ เหมือน แยมโรล แต่นั้นคือ หมูอบ เทคนิคการทำอาหาร แบบนี้ เห็น ที่ประเทศญี่ปุ่น การใช้ความคิดสร้างสรรค์ ทำให้อาหาร มีหน้าตาหน่ารับประทาน เป็น หมูอบ แบบธรรมดา ที่หน้าตา น่ารับประทาน
สูตรม้วนหมูอบซอส อาหารง่ายๆ เมนูหมูสามชั้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจ่ง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้นแผ่นใหญ่
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 2 ช้อนโต้ะ
รากผักชี กระเทียม พริกไทย บด 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำหมูม้วนอบซอส
หมักหมูสามชั้น ด้วย ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล รากผักชี กระเทียม พริกไทย
จากนั้นนำ หมูสามชั้น มา ม้วนเป็นวงกลม เอา ฟลอยห่อไว้ให้เป็นทรงแท่งม้วน
นำไป อบ ด้วยความร้อน ปานกลาง ประมาณ 45 นาที ให้ เนื้อหมูเซ็ตต้ว และ สุก จากนั้นนำออกมาหั่นเป็นชิ้น จะได้หมูทรงกลม
จัดเรียงใส่จาน ราดด้วยน้ำซอส ที่ได้จาก การอบหมู กับข้าวง่ายๆ
เคล็ดลับการทำหมูม้วนอบซอส
หมูสามชั้น ให้เลือกใช้ หมูสามชั้น ที่มี เนื้อ 8 ส่วน มันหมู 2 ส่วน เนื่องจาก หมูสามชั้น มี เนื้อมากพอสมควร มากพอที่จำทำให้ ได้สัมผัสของเนื้อหมู
การเลือกเนื้อหมูสามชั้น ให้เลือกเนื้อหมูสดๆ สังเกตุจาก สีของเนื้อหมู สีไม่เข้มเกินไป เนื้อหมูเด้ง และตึง ไม่มีสีคล้ำ หรือ สีอื่น นอกจากสีของเนื้อหมู ไม่มีกลิ่นเหม็น
การหมักหมู ให้ ผสมส่วนผสมและ นวดกับเนื้อหมู ให้น้ำหมัก ซอส ซึมเข้าไปเนื้อหมูจน แห้ง และ การหมัก นั้น ให้ ม้วนหมูสามชั้น เป็น แท่ง ใช้ไม้จิ้มฟัน เสียบ เพื่อให้เป็นทรง ห่อด้วยฟลอย และ หมักไว้ในตู้เย็น ความเย็น จะช่วยให้ น้ำหมักหมู เข้าเนื้อ
การอบหมู ใชให้ใช้ไฟที่เหมาะสม และ เวลาที่พอดี จะได้เนื้อหมูที่สุก ถึงด้านใน และไม่ไหม้
หมูม้วนอบซอส เป็น อาหารง่ายๆ อร่อยๆ กับข้าวจากหมูสามชั้น อาหารไทย เมนูหมูอบ
หมูม้วนอบซอส หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง เมนูอบ เมนูหมู วิธีทำหมูม้วนอบซอส สามารถทำกินเองได้ สูตรอาหาร เมนูอาหาร หมูอบ หมูม้วนอบซอส กับข้าวง่ายๆ หมูทำอะไรกินดี อยากกินหมูอบ กับข้าวง่ายๆ
สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ เราขอนำเสนอ ไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารยอดนิยม ที่เริ่มมีการนำมาขายในประเทศไทน เมนูไก่ทอด สูตรบอนชอน สูตรไก่ทอด การหมักไก่ทอด แบบเกาหลี แนะนำส่วนผสมและวิธีทำ โดยละเอียด ไก่ทอดบอนชอน เมนูไก่ทอดบอนชอน ไก่ทอดยอดนิยม จากเกาหลี ไก่จะหอมเครื่องเทศ รสอร่อย ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ทำให้ ไก่ทอดบอนชอนเป็นที่นิยม ทั่วไป
สูตรไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารทอด เมนูยอดนิยม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำ ไก่ทอดบอนชอน
ปีกไก่ 5 – 8 ชิ้น
แป้ง สำหรับทอด 3 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
หอมใหญ่ซอย 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
ขิงบด 1 ช้อนชา
ซีอิ้วชาว 2 ช้อนโต้ะ
มิริน 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต้ะ
งาคั่ว
วิธีทำไก่ทอดบอนชอน
หมักไก่ โดยเครื่องหมักไก่ ประกอบด้วย เกลือ และ พริกไทย จากนั้นโรยแป้งให้ทั่ว
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำ ไก่ ลงไป ทอด ให้เหลืองสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
การเตรียมซอส สำหรับ ไก่บอนชอน ให้นำ น้ำตาล ลงไปคั่วให้เหลือง จากนั้นใส่ มิริน และ ซีอิ้วขาว ลงไป ตามด้วย หอมใหญ่ ขิง และ งาคั่ว ให้ส่วนผสมเข้ากัน
ราดซอส ลงบน ไก่ทอด ไว้แล้ว เป็นอันเสร็จ
เคล็ดลับ การทำไก่ทอดบอนชอน
เนื้อไก่ เราจะใช้เนื้อไก่ที่สด ใหม่ ขนาดไม่ใหญ่ หรือ แก่เกินไป จะใช้ ไก่ส่วน ปีก โดย ใช้ที่ปีกบน และน่องปีก
การเลือกซื้อไก่ สามารถสังเกตุได้ที่ ลักษณะโดยรวมของเนื้อไก่ สีของไก่ ความแน่นตึงของเนื้อไก่ และ กลิ่นของไก่ไท่มีความเหม็นเน่า
น้ำมัน ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ อย่าใช้น้ำมันเก่ามาทอด จะทำให้เสียรสชาติ
ไก่ทอดเกาหลี เมนูไก่ ที่คนทั่วไปรู้จัก ในชื่อ เมนูไก่ทอดบอนชอน เป็นอาหารอร่อยๆ ไก่ทอดคลุกซอส ซึ่งเป็น สูตรพิเศษ รสจัด สามารถทำกินเองได้ โดยไม่ต้องง้อ ร้านอาหารชื่อดัง วิธีทำไก่ทอดเกาหลี สูตรนี้เราขอแนะนำรับรอง ความอร่อย สูตรอาหารง่ายๆ สำหรับวันว่านๆ สูตรต้นตำรับ แบบเกาหลี อาหารเกาหลีแท้ๆ สำหรับ คนชอบกินไก่ทอด
ไก่ทอดบอนชอน อาหารเกาหลี เมนูไก่ทอด แบบเกาหลี คงไม่มีใครไม่รู้จัก วิธีทำไก่ทอดบอนชอน ง่ายๆทำกินเองที่บ้านได้ นำไก่ไปทอด ในแป้งหมักสูตรพิเศษ ราดซอสแสนอร่อย อาหารเกาหลี เมนูไก่
สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ เราขอนำเสนอ ไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารยอดนิยม ที่เริ่มมีการนำมาขายในประเทศไทน เมนูไก่ทอด สูตรบอนชอน สูตรไก่ทอด การหมักไก่ทอด แบบเกาหลี แนะนำส่วนผสมและวิธีทำ โดยละเอียด ไก่ทอดบอนชอน เมนูไก่ทอดบอนชอน ไก่ทอดยอดนิยม จากเกาหลี ไก่จะหอมเครื่องเทศ รสอร่อย ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ทำให้ ไก่ทอดบอนชอนเป็นที่นิยม ทั่วไป
สูตรไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารทอด เมนูยอดนิยม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำ ไก่ทอดบอนชอน
ปีกไก่ 5 – 8 ชิ้น
แป้ง สำหรับทอด 3 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
หอมใหญ่ซอย 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
ขิงบด 1 ช้อนชา
ซีอิ้วชาว 2 ช้อนโต้ะ
มิริน 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต้ะ
งาคั่ว
วิธีทำไก่ทอดบอนชอน
หมักไก่ โดยเครื่องหมักไก่ ประกอบด้วย เกลือ และ พริกไทย จากนั้นโรยแป้งให้ทั่ว
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำ ไก่ ลงไป ทอด ให้เหลืองสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
การเตรียมซอส สำหรับ ไก่บอนชอน ให้นำ น้ำตาล ลงไปคั่วให้เหลือง จากนั้นใส่ มิริน และ ซีอิ้วขาว ลงไป ตามด้วย หอมใหญ่ ขิง และ งาคั่ว ให้ส่วนผสมเข้ากัน
ราดซอส ลงบน ไก่ทอด ไว้แล้ว เป็นอันเสร็จ
เคล็ดลับ การทำไก่ทอดบอนชอน
เนื้อไก่ เราจะใช้เนื้อไก่ที่สด ใหม่ ขนาดไม่ใหญ่ หรือ แก่เกินไป จะใช้ ไก่ส่วน ปีก โดย ใช้ที่ปีกบน และน่องปีก
การเลือกซื้อไก่ สามารถสังเกตุได้ที่ ลักษณะโดยรวมของเนื้อไก่ สีของไก่ ความแน่นตึงของเนื้อไก่ และ กลิ่นของไก่ไท่มีความเหม็นเน่า
น้ำมัน ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ อย่าใช้น้ำมันเก่ามาทอด จะทำให้เสียรสชาติ
ไก่ทอดเกาหลี เมนูไก่ ที่คนทั่วไปรู้จัก ในชื่อ เมนูไก่ทอดบอนชอน เป็นอาหารอร่อยๆ ไก่ทอดคลุกซอส ซึ่งเป็น สูตรพิเศษ รสจัด สามารถทำกินเองได้ โดยไม่ต้องง้อ ร้านอาหารชื่อดัง วิธีทำไก่ทอดเกาหลี สูตรนี้เราขอแนะนำรับรอง ความอร่อย สูตรอาหารง่ายๆ สำหรับวันว่านๆ สูตรต้นตำรับ แบบเกาหลี อาหารเกาหลีแท้ๆ สำหรับ คนชอบกินไก่ทอด
ไก่ทอดบอนชอน อาหารเกาหลี เมนูไก่ทอด แบบเกาหลี คงไม่มีใครไม่รู้จัก วิธีทำไก่ทอดบอนชอน ง่ายๆทำกินเองที่บ้านได้ นำไก่ไปทอด ในแป้งหมักสูตรพิเศษ ราดซอสแสนอร่อย อาหารเกาหลี เมนูไก่
สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ เราขอนำเสนอ ไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารยอดนิยม ที่เริ่มมีการนำมาขายในประเทศไทน เมนูไก่ทอด สูตรบอนชอน สูตรไก่ทอด การหมักไก่ทอด แบบเกาหลี แนะนำส่วนผสมและวิธีทำ โดยละเอียด ไก่ทอดบอนชอน เมนูไก่ทอดบอนชอน ไก่ทอดยอดนิยม จากเกาหลี ไก่จะหอมเครื่องเทศ รสอร่อย ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ทำให้ ไก่ทอดบอนชอนเป็นที่นิยม ทั่วไป
สูตรไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารทอด เมนูยอดนิยม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำ ไก่ทอดบอนชอน
ปีกไก่ 5 – 8 ชิ้น
แป้ง สำหรับทอด 3 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
หอมใหญ่ซอย 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
ขิงบด 1 ช้อนชา
ซีอิ้วชาว 2 ช้อนโต้ะ
มิริน 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต้ะ
งาคั่ว
วิธีทำไก่ทอดบอนชอน
หมักไก่ โดยเครื่องหมักไก่ ประกอบด้วย เกลือ และ พริกไทย จากนั้นโรยแป้งให้ทั่ว
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำ ไก่ ลงไป ทอด ให้เหลืองสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
การเตรียมซอส สำหรับ ไก่บอนชอน ให้นำ น้ำตาล ลงไปคั่วให้เหลือง จากนั้นใส่ มิริน และ ซีอิ้วขาว ลงไป ตามด้วย หอมใหญ่ ขิง และ งาคั่ว ให้ส่วนผสมเข้ากัน
ราดซอส ลงบน ไก่ทอด ไว้แล้ว เป็นอันเสร็จ
เคล็ดลับ การทำไก่ทอดบอนชอน
เนื้อไก่ เราจะใช้เนื้อไก่ที่สด ใหม่ ขนาดไม่ใหญ่ หรือ แก่เกินไป จะใช้ ไก่ส่วน ปีก โดย ใช้ที่ปีกบน และน่องปีก
การเลือกซื้อไก่ สามารถสังเกตุได้ที่ ลักษณะโดยรวมของเนื้อไก่ สีของไก่ ความแน่นตึงของเนื้อไก่ และ กลิ่นของไก่ไท่มีความเหม็นเน่า
น้ำมัน ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ อย่าใช้น้ำมันเก่ามาทอด จะทำให้เสียรสชาติ
ไก่ทอดเกาหลี เมนูไก่ ที่คนทั่วไปรู้จัก ในชื่อ เมนูไก่ทอดบอนชอน เป็นอาหารอร่อยๆ ไก่ทอดคลุกซอส ซึ่งเป็น สูตรพิเศษ รสจัด สามารถทำกินเองได้ โดยไม่ต้องง้อ ร้านอาหารชื่อดัง วิธีทำไก่ทอดเกาหลี สูตรนี้เราขอแนะนำรับรอง ความอร่อย สูตรอาหารง่ายๆ สำหรับวันว่านๆ สูตรต้นตำรับ แบบเกาหลี อาหารเกาหลีแท้ๆ สำหรับ คนชอบกินไก่ทอด
ไก่ทอดบอนชอน อาหารเกาหลี เมนูไก่ทอด แบบเกาหลี คงไม่มีใครไม่รู้จัก วิธีทำไก่ทอดบอนชอน ง่ายๆทำกินเองที่บ้านได้ นำไก่ไปทอด ในแป้งหมักสูตรพิเศษ ราดซอสแสนอร่อย อาหารเกาหลี เมนูไก่
สูตรอาหาร สำหรับวันนี้ เราขอนำเสนอ ไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารยอดนิยม ที่เริ่มมีการนำมาขายในประเทศไทน เมนูไก่ทอด สูตรบอนชอน สูตรไก่ทอด การหมักไก่ทอด แบบเกาหลี แนะนำส่วนผสมและวิธีทำ โดยละเอียด ไก่ทอดบอนชอน เมนูไก่ทอดบอนชอน ไก่ทอดยอดนิยม จากเกาหลี ไก่จะหอมเครื่องเทศ รสอร่อย ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ ทำให้ ไก่ทอดบอนชอนเป็นที่นิยม ทั่วไป
สูตรไก่ทอดบอนชอน เป็น อาหารทอด เมนูยอดนิยม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูไก่ทอด
ส่วนผสมสำหรับทำ ไก่ทอดบอนชอน
ปีกไก่ 5 – 8 ชิ้น
แป้ง สำหรับทอด 3 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
หอมใหญ่ซอย 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
ขิงบด 1 ช้อนชา
ซีอิ้วชาว 2 ช้อนโต้ะ
มิริน 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 3 ช้อนโต้ะ
งาคั่ว
วิธีทำไก่ทอดบอนชอน
หมักไก่ โดยเครื่องหมักไก่ ประกอบด้วย เกลือ และ พริกไทย จากนั้นโรยแป้งให้ทั่ว
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำ ไก่ ลงไป ทอด ให้เหลืองสุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน
การเตรียมซอส สำหรับ ไก่บอนชอน ให้นำ น้ำตาล ลงไปคั่วให้เหลือง จากนั้นใส่ มิริน และ ซีอิ้วขาว ลงไป ตามด้วย หอมใหญ่ ขิง และ งาคั่ว ให้ส่วนผสมเข้ากัน
ราดซอส ลงบน ไก่ทอด ไว้แล้ว เป็นอันเสร็จ
เคล็ดลับ การทำไก่ทอดบอนชอน
เนื้อไก่ เราจะใช้เนื้อไก่ที่สด ใหม่ ขนาดไม่ใหญ่ หรือ แก่เกินไป จะใช้ ไก่ส่วน ปีก โดย ใช้ที่ปีกบน และน่องปีก
การเลือกซื้อไก่ สามารถสังเกตุได้ที่ ลักษณะโดยรวมของเนื้อไก่ สีของไก่ ความแน่นตึงของเนื้อไก่ และ กลิ่นของไก่ไท่มีความเหม็นเน่า
น้ำมัน ที่ใช้ใน การทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ อย่าใช้น้ำมันเก่ามาทอด จะทำให้เสียรสชาติ
ไก่ทอดเกาหลี เมนูไก่ ที่คนทั่วไปรู้จัก ในชื่อ เมนูไก่ทอดบอนชอน เป็นอาหารอร่อยๆ ไก่ทอดคลุกซอส ซึ่งเป็น สูตรพิเศษ รสจัด สามารถทำกินเองได้ โดยไม่ต้องง้อ ร้านอาหารชื่อดัง วิธีทำไก่ทอดเกาหลี สูตรนี้เราขอแนะนำรับรอง ความอร่อย สูตรอาหารง่ายๆ สำหรับวันว่านๆ สูตรต้นตำรับ แบบเกาหลี อาหารเกาหลีแท้ๆ สำหรับ คนชอบกินไก่ทอด
ไก่ทอดบอนชอน อาหารเกาหลี เมนูไก่ทอด แบบเกาหลี คงไม่มีใครไม่รู้จัก วิธีทำไก่ทอดบอนชอน ง่ายๆทำกินเองที่บ้านได้ นำไก่ไปทอด ในแป้งหมักสูตรพิเศษ ราดซอสแสนอร่อย อาหารเกาหลี เมนูไก่
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
สูตรอาหารแนะนำ สำหรับวันนี้ เราของเสนอ ข้าวผัด ที่ผสมกับ กิมจิ อาหารยอดนิยมของเกาหลี คือ ข้าวผัดกิมจิ ภาษาอังกฤษ เรียก Fried Rice with Kim-chi เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดกิมจิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาตื
ข้าวผัดกิมจิ เมนูข้าวผัด ที่สร้างความหลากหลาย เมื่อเรานำ กิมจิมาผัดกับข้าว แทนที่จะกิน ข้าวผัด ธรรมดาๆ อาหารทำง่าย ๆและ อร่อย ได้ที่บ้านด้วย เมนูกิมจิ เมนูข้าวผัดสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในกระทะร้อน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวผัดกิมจิ
หมูหั่นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียม บด 1 ช้อนชา
กิมจิ 1 ถ้วย
ไข่ไก่ 1 ฟอง
โคชูจัง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมันงา 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
ข้าวสวย 1 จาน
วิธีทำข้าวผัดกิมจิ
ตั้งกระทะน้ำมันนำ กระเทียม ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อหมู เมื่อ ผัดเนื้อหมูสุก แล้วนำ ไข่ไก ลงไปผัดต่อ
จากนั้นนำ กิมจิ ลงไปผัดต่อ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากน้ันนำข้าวลงไปผัด ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย น้ำมันงา น้ำตาล ซอสปรุงรส และ โคชูจัง ผัดให้เข้ากัน
เสริฟใส่จาน ข้าวผัดกิมจิ อาหาร เมนูง่ายๆ
เคล็ดลับการทำข้าวผัดกิมจิ
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ใช้ ข้าวหอมมะลิ เก่า เนื่องจาก ข้าวหอมมะลิเก่า เม็ดจะแข็ง เวลาหุงแล้ว ข้าว จะเป็น เม็ดสวย
ข้าว ที่ใช้ใน การผัด ต้องทำให้แห้งก่อน ไม่แนะนำให้ใช้ข้าวหุงสุกใหม่ๆ เนื่องจากข้าวมีความชื้นสูง เวลานำไปผัดข้าวจะเละ และไม่น่ารับประทาน
ให้นำ ข้าว ผึ่งให้แห้ง และเย็น หรือ นำข้าวหุงสุกไปแช่เย็นเลย ให้ข้าวแข็ง สัก หนึ่งคืน ก่อน นำมาผัด
การผัดข้าวผัด นั้น ไม่ต้องบี้ข้าว แค่คลุกไปคลุกมาก็พอ เนื่องจากข้าว เมื่อเวลาโดนความร้อน ข้าวจะแตกตัวออกมาเอง และ ข้าว จะนุ่มพอดี สำหรับเมนูนี้ กิมจิ มีน้ำมาก ไม่ต้องใส่น้ำเพิ่ม
สำหรับ ข้าวผัดกิมจิ สามารถเสริฟ ร่วมกับผักเคียง แบบไทยๆ ได้ เช่น แตงกวา หรือ ต้นหอม
สูตรข้าวผัดกิมจิ เป็น อาหาร ง่ายๆ เมนูข้าวผัด ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด วิธีทำข้าวผัดกิมจิ ข้าวผัดสไตล์เกาหลี อาหารเกาหลี สูตรวิธีการทำอาหาร เมนูข้าวผัดกิมจิ สูตรอาหาร นี้น่าลองทำมาก
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอยำเสนอ อาหารเมนูข้าวปั่น แบบซูชิ ในแบบของเกาหลี คือ การนำข้าวหุงสุก ใส่ส่วนผสมในแบบของชาวเกาหลี ใส่ไส้ และห่อด้วยสาหร่าย
สูตรข้าวห่อสาหร่าย อาหารเกาหลี สูตรง่ายๆ ข้าวเกาหลี นำมาห่อสาหร่าย ไส้ไข่ และส่วนผสมอีกหลายอย่าง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูซูชิ
สูตรอาหารเกาหลี ส่วนผสมสำหรับทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
สาหร่าย แผ่นใหญ่ 3 แผ่น
ข้าวเกาหลี ( หุงสุก ) 1 ถ้วย
แครอท หั่นยาวๆ 3 ชิ้น
แตงล้าน หั่นเป็นท่อนยาวๆ 3 ชิ้น
ใบกวางตุ้ง 3 ต้น
ปูอัด 6 แท่ง
ไข่เจียว ทอดแบบบางๆ 3 แผ่น
หัวผักกาดดอง หั่น 3 ชิ้น
งาขาว คั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงา 3 ช้อนชา
สูตรอาหารเกาหลี ขั้นตอนการทำ ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ kimbap sushi
วาง แผ่นสาหร่าย บนแผ่นไม้ไผ่สำหรับทำ ซูชิ ตัก ข้าวเกาหลี คลุกกับ น้ำมันงา เล็กน้อยวางลง แผ่นสาหราย เกลี่ยให้ทั่ว แผ่นสาหร่าย นำ ไข่เจียว วางลง ปูอัด 2 ชิ้น แครอท แตงล้าน ใบกวางตุ้ง ผักกาดดอง
ม้วน แผ่นไม้ไผ่ขึ้นกดให้ได้ รูปทรงกลมให้แน่น โรยงา และ ตัดให้เป็นคำเสริฟกับ น้ำจิ้ม ข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
เคล็ดลับการทำข้าวห่อสาหร่ายคิมบับ
ข้าวหุงสุก สามารถใช้ข้าวเกาหลี หรือ ข้าวญี่ปุ่นก็ได้ เนื่องจากข้าวมีความเหนียว นำมาปันเป็นทรงได้
ข้าวปันแบบเกาหลี ใช้สุตรพิเศษ ใช้น้ำมันงาคลุกกับข้าว จะทำให้ข้าวมีความหอม เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มทำให้ได้รสชาติที่เหมาะสม
ไส้ของข้าวห่อสาหร่าย สามารถใช้ไส่ต่างๆได้ตามใจชอบ แต่ไส้ต้องเป็นอาหารแห้ง หากมีน้ำมากข้าวจะไม่จับตัวเป็นก้อน
การทอดไข่เจียวให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถปรุงรสไข่ได้ ให้ทาน้ำมันที่กระทะให้ทั่ว ใช้ไฟอ่อนๆ ใส่ไข่ลงไปทอด เมื่อไข่สุก ค่อยๆ แกะออกมา จะได้ไข่เจียวแผ่นบางๆ นารับประทาน
ผักกาดดอง ให้บีบน้ำออกให้หมด ให้ข้าวแห้งๆ จะสามารถปั่นเป็นก้อนได้
ข้าวห่อสาหร่าย เป้น สูตรอาหารง่ายๆ เมนูแนะนำ สำหรับวันนี้
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านไทย ภาคเหนือ คือ แกงกระด้าง หรือ หมูหนาว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรแกงกระด้าง หรือ สูตรหมูหนาว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูแกงพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำแกงกระด้าง
ขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย
หอมหัวใหญ่ 1 หัว
เห็ดหูหนูแห้ง 6 ดอก
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชี 2 ต้น
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำแกงกระด้าง
เริ่มจากการตั้งหม้อต้มขาหมู ใส่เกลือลงไปนิดหน่อย ต้มลงไปให้เนื้อขาหมูเริ่มเปื่อย
จากนั้นจึงค่อยใส่ รากผักชี หอมหัวใหญ่ พริกไทยป่น เห็ดหูหนูแห้งแช่น้ำซอยเป็นเส้น เคี้ยวจนน้ำซุปหวานอร่อย
จากนั้นให้เอาหอมหัวใหญ่ และรากผักชีออก กรองน้ำซุปอีกครั้งหนึ่งใส่พิมพ์
ใส่ เนื้อขาหมู เห็ดหูหนู ลงไปตามให้สวยงาม
นำไปแช่ในตู้เย็น 1 คืน ให้น้ำแกงเซ็ตตัวเป็นวุ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำแกงกระด้าง
เนื้อหมูสำหรับนำมาทำแกงกระด้างให้เลือกใช้ ขาหมู ซึ่งมีทั้งเนื้อและหนังให้ความอร่อย โดยเทคนิคการเลือกซื้อขาหมู นั้น ให้ดูจาก ลักษณะของเนื้อหมู สีออกชมพู ไม่มีกลิ่นเหม็น ไม่มีสีคล้ำ และ เนื้อแน่น เด้ง
ก่อนนำไปแช่เย็น นั้น ให้ทำการกรอง น้ำซุปก่อน เอาเศษ ต่างๆออก และ ไม่ให้มีตะกอน ให้เสียรสชาติ และ เลือกเอา เฉพาะ เนื้อหมูใส่ลงไป และนำไปแช่เย็น จะได้ หมูหนาว หรือ แกงกระด้าง ที่อร่อย ไม่มีเศษ ของอะไรมากวนใจ
ไม่นำส่วนผสมของผักสดลงไปแช่ในแกงกระด้าง ให้ใส่เฉพาะ น้ำแกง เนื้อหมู และ เห็ดหนูหนูแห้งที่ไม่เนา ส่วนผักอื่นที่ใช้ในการต้มน้ำซุป เช่น หอมหัวใหญ่ และ รากผักชี ให้เอาออก เนื้องจากอาจเน่าได้
แกงกระด้างให้เสริฟเย็น และ กินเร็วๆ หากทิ้งไว้นานในสภาพอากาศร้อน แกงกระด้างจากคลายตัวจากวุ้นเป็นน้ำแกงแทน ซึ่งทำให้ไม่น่ารับประทาน
แกงกระด้าง คือ อาหารพื้นเมืองเหนือ อาหารเมืองหนาว หรือเรียกว่า หมูหนาว วิธีทำแกงกระด้าง ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เป็นน้ำแกงหมูที่โดนความเย็น ทำให้แกงจับตัวเหมือนวุ้น เมนูขาหมูแสนอร่อย พร้อมเคล็ดลับการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม เมนูหมูสับ เป็น มะเขือม่วงย่างกับหมูสับ ภาษาอังกฤษ เรียก Eggplant grilled with minced pork ภาษาเวียดนาม เรียก Cà tím nướng mỡ hành sốt thịt băm เคล็ดลับการทำอาหาร เมนูนี้ อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการย่าง
หมูหมักอย่างไรให้อร่อย เนื้อหมูนุ่ม มีรสชาติอร่อย ต้องเข้ากันกับมะเขือม่วง สูตรมะเขือม่วงหมูสับ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำมะเขือม่วงหมูสับ
มะเขือม่วง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเฉียงๆ ขนาด 0.5 เซ็นติเมตร
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
มันหมูสับ 50 กรัม
แป้งมัน 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชีบดละเอียด 2 ราก
เห็ดหูหนูซอย 3-4 ดอก
ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 หยิบมือ
พริกขี้หนูสวนบด 2 เม็ด
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
วิธีทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมักหมูสับ โดย ผสม หมูสับ มันหมูบด พริกไทยป่น รากผักชี เห็ดหูหนูซอย และ แป้งมัน นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักในตู้เย็น 45 นาที
จากนั้นนำเอาหมูสับ ทาบนมะเขือม่วง ให้มีความหนาพอสมควร ไม่หนา หรือ บางเกินไป จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
นำมะเขือม่วงที่ใส่หมูสับแล้ว ไปนึ่งประมาณ 3 นาที ให้เนื้อหมูพอสุก แต่มะเขือไม่สุกเกินไป
จากนั้นจึงนำไปย่างบนเตา ให้สุกทั้งสองด้าน ให้มีความหอม จากนั้นจัดใส่จานให้สวยงาม
ทำน้ำราด โดย เคี้ยว น้ำตาลทราย กับ เกลือ ใส่น้ำลไปนิดหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกขี้หนูสวน และ น้ำมะนาว เคี้ยวจนได้รสชาติ น้ำราดเหนียวๆ เมื่อเหนียวได้ที่ ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟ
ราดน้ำลงบน มะเขือม่วงย่าง จัดจานให้สวยงามด้วยผักต่างๆ พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมูสับ ต้องเลือกหมูที่สด ใหม่ โดยสังเกตุจากสีของเนื้อแดง สด ไม่มีสีคล้ำ และ ไม่มีกลิ่น
นำมะเขือม่วงหมูสับไปนึ่งก่อน เพื่อให้หมูสับสุกก่อน จะทำให้อาหารจับตัวเป้นชิ้น เวลานำไปย่างจึงเป็นชิ้นสวยงาม
สำหรับคนที่ไม่ชอบการย่าง สามารถนำไปทอดก็ได้ หรือ ย่างบนกระทะก็ได้
เห็ดหูหนูให้ซอยให้เล็กหน่อย โดยต้องนำไปแช่น้ำให้นุ่มก่อน และ ซอยให้เล็ก ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อน จึงนำมาผสมกับหมูสับ
การหั่นมะะเขือม่วง ให้หั่นให้ขนาดพอดี ไม่บางหรือหนาเดินไป โดยสามารถดัดแปลงโดยเจาะรูกลาง และ ใส่หมูหมักตรงกลางเหมือนโดนัดได้
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม เมนูหมูสับ เป็น มะเขือม่วงย่างกับหมูสับ ภาษาอังกฤษ เรียก Eggplant grilled with minced pork ภาษาเวียดนาม เรียก Cà tím nướng mỡ hành sốt thịt băm เคล็ดลับการทำอาหาร เมนูนี้ อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการย่าง
หมูหมักอย่างไรให้อร่อย เนื้อหมูนุ่ม มีรสชาติอร่อย ต้องเข้ากันกับมะเขือม่วง สูตรมะเขือม่วงหมูสับ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำมะเขือม่วงหมูสับ
มะเขือม่วง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเฉียงๆ ขนาด 0.5 เซ็นติเมตร
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
มันหมูสับ 50 กรัม
แป้งมัน 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชีบดละเอียด 2 ราก
เห็ดหูหนูซอย 3-4 ดอก
ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 หยิบมือ
พริกขี้หนูสวนบด 2 เม็ด
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
วิธีทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมักหมูสับ โดย ผสม หมูสับ มันหมูบด พริกไทยป่น รากผักชี เห็ดหูหนูซอย และ แป้งมัน นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักในตู้เย็น 45 นาที
จากนั้นนำเอาหมูสับ ทาบนมะเขือม่วง ให้มีความหนาพอสมควร ไม่หนา หรือ บางเกินไป จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
นำมะเขือม่วงที่ใส่หมูสับแล้ว ไปนึ่งประมาณ 3 นาที ให้เนื้อหมูพอสุก แต่มะเขือไม่สุกเกินไป
จากนั้นจึงนำไปย่างบนเตา ให้สุกทั้งสองด้าน ให้มีความหอม จากนั้นจัดใส่จานให้สวยงาม
ทำน้ำราด โดย เคี้ยว น้ำตาลทราย กับ เกลือ ใส่น้ำลไปนิดหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกขี้หนูสวน และ น้ำมะนาว เคี้ยวจนได้รสชาติ น้ำราดเหนียวๆ เมื่อเหนียวได้ที่ ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟ
ราดน้ำลงบน มะเขือม่วงย่าง จัดจานให้สวยงามด้วยผักต่างๆ พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมูสับ ต้องเลือกหมูที่สด ใหม่ โดยสังเกตุจากสีของเนื้อแดง สด ไม่มีสีคล้ำ และ ไม่มีกลิ่น
นำมะเขือม่วงหมูสับไปนึ่งก่อน เพื่อให้หมูสับสุกก่อน จะทำให้อาหารจับตัวเป้นชิ้น เวลานำไปย่างจึงเป็นชิ้นสวยงาม
สำหรับคนที่ไม่ชอบการย่าง สามารถนำไปทอดก็ได้ หรือ ย่างบนกระทะก็ได้
เห็ดหูหนูให้ซอยให้เล็กหน่อย โดยต้องนำไปแช่น้ำให้นุ่มก่อน และ ซอยให้เล็ก ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อน จึงนำมาผสมกับหมูสับ
การหั่นมะะเขือม่วง ให้หั่นให้ขนาดพอดี ไม่บางหรือหนาเดินไป โดยสามารถดัดแปลงโดยเจาะรูกลาง และ ใส่หมูหมักตรงกลางเหมือนโดนัดได้
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม เมนูหมูสับ เป็น มะเขือม่วงย่างกับหมูสับ ภาษาอังกฤษ เรียก Eggplant grilled with minced pork ภาษาเวียดนาม เรียก Cà tím nướng mỡ hành sốt thịt băm เคล็ดลับการทำอาหาร เมนูนี้ อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการย่าง
หมูหมักอย่างไรให้อร่อย เนื้อหมูนุ่ม มีรสชาติอร่อย ต้องเข้ากันกับมะเขือม่วง สูตรมะเขือม่วงหมูสับ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำมะเขือม่วงหมูสับ
มะเขือม่วง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเฉียงๆ ขนาด 0.5 เซ็นติเมตร
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
มันหมูสับ 50 กรัม
แป้งมัน 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชีบดละเอียด 2 ราก
เห็ดหูหนูซอย 3-4 ดอก
ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 หยิบมือ
พริกขี้หนูสวนบด 2 เม็ด
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
วิธีทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมักหมูสับ โดย ผสม หมูสับ มันหมูบด พริกไทยป่น รากผักชี เห็ดหูหนูซอย และ แป้งมัน นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักในตู้เย็น 45 นาที
จากนั้นนำเอาหมูสับ ทาบนมะเขือม่วง ให้มีความหนาพอสมควร ไม่หนา หรือ บางเกินไป จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
นำมะเขือม่วงที่ใส่หมูสับแล้ว ไปนึ่งประมาณ 3 นาที ให้เนื้อหมูพอสุก แต่มะเขือไม่สุกเกินไป
จากนั้นจึงนำไปย่างบนเตา ให้สุกทั้งสองด้าน ให้มีความหอม จากนั้นจัดใส่จานให้สวยงาม
ทำน้ำราด โดย เคี้ยว น้ำตาลทราย กับ เกลือ ใส่น้ำลไปนิดหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกขี้หนูสวน และ น้ำมะนาว เคี้ยวจนได้รสชาติ น้ำราดเหนียวๆ เมื่อเหนียวได้ที่ ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟ
ราดน้ำลงบน มะเขือม่วงย่าง จัดจานให้สวยงามด้วยผักต่างๆ พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมูสับ ต้องเลือกหมูที่สด ใหม่ โดยสังเกตุจากสีของเนื้อแดง สด ไม่มีสีคล้ำ และ ไม่มีกลิ่น
นำมะเขือม่วงหมูสับไปนึ่งก่อน เพื่อให้หมูสับสุกก่อน จะทำให้อาหารจับตัวเป้นชิ้น เวลานำไปย่างจึงเป็นชิ้นสวยงาม
สำหรับคนที่ไม่ชอบการย่าง สามารถนำไปทอดก็ได้ หรือ ย่างบนกระทะก็ได้
เห็ดหูหนูให้ซอยให้เล็กหน่อย โดยต้องนำไปแช่น้ำให้นุ่มก่อน และ ซอยให้เล็ก ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อน จึงนำมาผสมกับหมูสับ
การหั่นมะะเขือม่วง ให้หั่นให้ขนาดพอดี ไม่บางหรือหนาเดินไป โดยสามารถดัดแปลงโดยเจาะรูกลาง และ ใส่หมูหมักตรงกลางเหมือนโดนัดได้
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม เมนูหมูสับ เป็น มะเขือม่วงย่างกับหมูสับ ภาษาอังกฤษ เรียก Eggplant grilled with minced pork ภาษาเวียดนาม เรียก Cà tím nướng mỡ hành sốt thịt băm เคล็ดลับการทำอาหาร เมนูนี้ อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการย่าง
หมูหมักอย่างไรให้อร่อย เนื้อหมูนุ่ม มีรสชาติอร่อย ต้องเข้ากันกับมะเขือม่วง สูตรมะเขือม่วงหมูสับ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู
ส่วนผสมสำหรับทำมะเขือม่วงหมูสับ
มะเขือม่วง 1 ผล หั่นเป็นชิ้นเฉียงๆ ขนาด 0.5 เซ็นติเมตร
เนื้อหมูสับ 100 กรัม
มันหมูสับ 50 กรัม
แป้งมัน 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
รากผักชีบดละเอียด 2 ราก
เห็ดหูหนูซอย 3-4 ดอก
ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 หยิบมือ
พริกขี้หนูสวนบด 2 เม็ด
น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา
วิธีทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมักหมูสับ โดย ผสม หมูสับ มันหมูบด พริกไทยป่น รากผักชี เห็ดหูหนูซอย และ แป้งมัน นวดให้ส่วนผสมเข้ากัน หมักในตู้เย็น 45 นาที
จากนั้นนำเอาหมูสับ ทาบนมะเขือม่วง ให้มีความหนาพอสมควร ไม่หนา หรือ บางเกินไป จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน
นำมะเขือม่วงที่ใส่หมูสับแล้ว ไปนึ่งประมาณ 3 นาที ให้เนื้อหมูพอสุก แต่มะเขือไม่สุกเกินไป
จากนั้นจึงนำไปย่างบนเตา ให้สุกทั้งสองด้าน ให้มีความหอม จากนั้นจัดใส่จานให้สวยงาม
ทำน้ำราด โดย เคี้ยว น้ำตาลทราย กับ เกลือ ใส่น้ำลไปนิดหน่อย ปรุงรสด้วย น้ำปลา พริกขี้หนูสวน และ น้ำมะนาว เคี้ยวจนได้รสชาติ น้ำราดเหนียวๆ เมื่อเหนียวได้ที่ ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป ปิดไฟ
ราดน้ำลงบน มะเขือม่วงย่าง จัดจานให้สวยงามด้วยผักต่างๆ พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะเขือม่วงหมูสับ
หมูสับ ต้องเลือกหมูที่สด ใหม่ โดยสังเกตุจากสีของเนื้อแดง สด ไม่มีสีคล้ำ และ ไม่มีกลิ่น
นำมะเขือม่วงหมูสับไปนึ่งก่อน เพื่อให้หมูสับสุกก่อน จะทำให้อาหารจับตัวเป้นชิ้น เวลานำไปย่างจึงเป็นชิ้นสวยงาม
สำหรับคนที่ไม่ชอบการย่าง สามารถนำไปทอดก็ได้ หรือ ย่างบนกระทะก็ได้
เห็ดหูหนูให้ซอยให้เล็กหน่อย โดยต้องนำไปแช่น้ำให้นุ่มก่อน และ ซอยให้เล็ก ทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำก่อน จึงนำมาผสมกับหมูสับ
การหั่นมะะเขือม่วง ให้หั่นให้ขนาดพอดี ไม่บางหรือหนาเดินไป โดยสามารถดัดแปลงโดยเจาะรูกลาง และ ใส่หมูหมักตรงกลางเหมือนโดนัดได้
วันนี้ทำไรกินดีน้า
สูตรอาหาร อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม ปากหม้อ ภาษาเวียดนาม เรียก แบ๋งก๋วน เคล็ดลับการทำปากหม้อ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู สูตรปากหม้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สูตรแป้ง สูตรไส้หมูสับ และ สูตรน้ำจิ้ม รายละเอียดดังนี้
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งปากหม้อ
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 4 ช้อนโต้ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือ 2 ช้อนชา
กะทิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีการทำแป้งปากหม้อ
เตรียมภาชนะ สำหรับใส่แห้งก่อน นำ แป้งข้าวจ้าว แป้งท้าว และ แป้งมัน ผสมกัน จากนั้นเทน้ำลงไปตามอัตราส่วน และ ทิ้งค้างคืนเอาไว้ก่อน เพื่อให้แป้งอิ่มตัว
จากนั้น นำ กะทิ ผสม น้ำตาล และ เกลือ ละลายให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
นำกะทิ มาผสมกับ แป้งที่หมักเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ แป้งสำหรับปากหม้อ หอม เหนียว นุ่ม
ไส้หมูสับต้นหอม ปากหม้อ ไส้ปากหม้อ อาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำไส้ปากหม้อ
เนื้อหมูสับ 1 กิโลกรัม
ต้นหอม ครึ่งกิโลกรัม นำมาซอยเล็กๆ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้หมูสับ
เริ่มจากการซอยต้นหอม ก่อน ส่วนโคนต้นหอมขาวๆ ให้นำมาสับให้ละเอียด หรือ ไม่นำมารับทำอาหาร เพราะส่วนนี้ กลิ่นฉุนแรง
ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำ หมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะสำหรับผัด ใส่หมูสับลวกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากันกับเนื้อหมูสับ
ใส่ใบหอมซอยลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ไฟแรง เมื่อใบหอมเข้ากับเนื้อหมูสับแล้วก็ปิดไป เตรียมใส่หม้อเตรียมอาหาร และ พักเอาไว้ให้เย็น
น้ำจิ้มปากหม้อ น้ำจิ้มข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารเวียดนาม น้ำจิ้ม
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มปากหม้อ
น้ำเชื่อม 10 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกสด 10 – 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำจิ้มปากหม้อ
เริ่มจากการต้มพริกให้สุกก่อน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด หรือ เข้าเครื่องปั่นก็ได้
ผสม น้ำเชื่อม เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ พริก ตามอัตราส่วนที่กำหนด แต่พริก สามารถเลือกใส่ตามความพอใจได้
เมื่อเราได้ส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ แป้งปากหม้อ ไส้ปากหม้อ และ น้ำจิ้มปากหม้อ เราก็พร้อมสำหรับทำปากหม้อแล้ว โดยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ มีดังนี้
ส่วนผสมของปากหม้อ
แป้งสำหรับทำปากหม้อ
ไส้หมูสับ
หอมเจียว
หมูยอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ตามใจชอบ
หม้อต้มสำหรับนึ่ง โดยใช้ ผ้าร่ม ห่อปากหม้อต้ม และ เจาะรูให้ไอน้ำระบายออกได้ และ มีฝาสำหรับปิดหม้อต้ม
วิธีทำปากหม้อ
ต้มหม้อนึ่งให้เดือด มีไอน้ำออกมามาก และ หม้อร้อนระอุ
เทแป้งลงไปบนผ้าปากหม้อนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วหม้อ ขั้นตอนนี้ทำเร็วๆก่อนที่แป้งจะสุก และ ปิดฝาหม้อนึ่ง รอให้แป้งสุก
จากนั้น วางไส้ลงบนแป้งนึ่ง และ ห่อให้เป็น แท่ง และ เสริฟใส่จาน
ทำตามจำนวนที่ต้องการ โรยหน้าด้วยหอมเจียว ทานร่วมกับ หมูยอ และ น้ำจิ้มปากหม้อ
เคล็ดลับการทำปากหม้อ
แป้ง ต้องหมักก่อน 1 คืน ให้แป้งอิ่มตัว และ แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
การปรุงแป้ง มีส่วนผสมของกะทิ ให้ใส่กะทิก่อนที่จะนำมาทำอาหาร ไม่ต้องใส่ลงไปพร้อมขั้นตอนการหมักแป้ง
แป้ง ไม่ควรเก็ยไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง เพราะ แป้งจะบูด
หมูสับ ให้นำไปลวกก่อน และ ทำให้สะเด็ดน้ำ เพราะไส้ปากหม้อต้องการไส้ที่แห้งๆ ไม่ชุ่มน้ำ และ การลวกหมูสับก่อน จะช่วยให้เราสามารถล้างหมูสับก่อน และ ผัดปรุงรสได้ง่าย ลดกลิ่นคาว
ผ้าสำหรับขึงปากหม้อ ต้องใช้ผ้าเนื้อละเอียด ผ้าร่ม หรือ ผ้าโทเล
หม้อนึ่ง ต้องใช้ไฟแรง ให้เกิดไอน้ำดันแป้งทำให้แป้งสุก
พริกสำหรับทำน้ำจิ้ม ให้นำไปต้มก่อน เพื่อให้พริกหมดกลิ่นเหม็นเขียว
ปากหม้อญวน แบ๋งก๋วน อาหารเวียดนาม แสนอร่อย วิิธีทำปากหม้อญวน ค่อนข้างเยอะ เพราะ เครื่องสำหรับทำอาหาร เยอะ ทั้ง การเตียมแป้ง การทำไส้ และ น้ำจิ้ม ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารจานหลัก แป้งปากหม้อทำอย่างไร
สูตรอาหาร อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม ปากหม้อ ภาษาเวียดนาม เรียก แบ๋งก๋วน เคล็ดลับการทำปากหม้อ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู สูตรปากหม้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สูตรแป้ง สูตรไส้หมูสับ และ สูตรน้ำจิ้ม รายละเอียดดังนี้
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งปากหม้อ
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 4 ช้อนโต้ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือ 2 ช้อนชา
กะทิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีการทำแป้งปากหม้อ
เตรียมภาชนะ สำหรับใส่แห้งก่อน นำ แป้งข้าวจ้าว แป้งท้าว และ แป้งมัน ผสมกัน จากนั้นเทน้ำลงไปตามอัตราส่วน และ ทิ้งค้างคืนเอาไว้ก่อน เพื่อให้แป้งอิ่มตัว
จากนั้น นำ กะทิ ผสม น้ำตาล และ เกลือ ละลายให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
นำกะทิ มาผสมกับ แป้งที่หมักเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ แป้งสำหรับปากหม้อ หอม เหนียว นุ่ม
ไส้หมูสับต้นหอม ปากหม้อ ไส้ปากหม้อ อาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำไส้ปากหม้อ
เนื้อหมูสับ 1 กิโลกรัม
ต้นหอม ครึ่งกิโลกรัม นำมาซอยเล็กๆ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้หมูสับ
เริ่มจากการซอยต้นหอม ก่อน ส่วนโคนต้นหอมขาวๆ ให้นำมาสับให้ละเอียด หรือ ไม่นำมารับทำอาหาร เพราะส่วนนี้ กลิ่นฉุนแรง
ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำ หมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะสำหรับผัด ใส่หมูสับลวกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากันกับเนื้อหมูสับ
ใส่ใบหอมซอยลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ไฟแรง เมื่อใบหอมเข้ากับเนื้อหมูสับแล้วก็ปิดไป เตรียมใส่หม้อเตรียมอาหาร และ พักเอาไว้ให้เย็น
น้ำจิ้มปากหม้อ น้ำจิ้มข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารเวียดนาม น้ำจิ้ม
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มปากหม้อ
น้ำเชื่อม 10 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกสด 10 – 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำจิ้มปากหม้อ
เริ่มจากการต้มพริกให้สุกก่อน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด หรือ เข้าเครื่องปั่นก็ได้
ผสม น้ำเชื่อม เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ พริก ตามอัตราส่วนที่กำหนด แต่พริก สามารถเลือกใส่ตามความพอใจได้
เมื่อเราได้ส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ แป้งปากหม้อ ไส้ปากหม้อ และ น้ำจิ้มปากหม้อ เราก็พร้อมสำหรับทำปากหม้อแล้ว โดยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ มีดังนี้
ส่วนผสมของปากหม้อ
แป้งสำหรับทำปากหม้อ
ไส้หมูสับ
หอมเจียว
หมูยอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ตามใจชอบ
หม้อต้มสำหรับนึ่ง โดยใช้ ผ้าร่ม ห่อปากหม้อต้ม และ เจาะรูให้ไอน้ำระบายออกได้ และ มีฝาสำหรับปิดหม้อต้ม
วิธีทำปากหม้อ
ต้มหม้อนึ่งให้เดือด มีไอน้ำออกมามาก และ หม้อร้อนระอุ
เทแป้งลงไปบนผ้าปากหม้อนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วหม้อ ขั้นตอนนี้ทำเร็วๆก่อนที่แป้งจะสุก และ ปิดฝาหม้อนึ่ง รอให้แป้งสุก
จากนั้น วางไส้ลงบนแป้งนึ่ง และ ห่อให้เป็น แท่ง และ เสริฟใส่จาน
ทำตามจำนวนที่ต้องการ โรยหน้าด้วยหอมเจียว ทานร่วมกับ หมูยอ และ น้ำจิ้มปากหม้อ
เคล็ดลับการทำปากหม้อ
แป้ง ต้องหมักก่อน 1 คืน ให้แป้งอิ่มตัว และ แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
การปรุงแป้ง มีส่วนผสมของกะทิ ให้ใส่กะทิก่อนที่จะนำมาทำอาหาร ไม่ต้องใส่ลงไปพร้อมขั้นตอนการหมักแป้ง
แป้ง ไม่ควรเก็ยไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง เพราะ แป้งจะบูด
หมูสับ ให้นำไปลวกก่อน และ ทำให้สะเด็ดน้ำ เพราะไส้ปากหม้อต้องการไส้ที่แห้งๆ ไม่ชุ่มน้ำ และ การลวกหมูสับก่อน จะช่วยให้เราสามารถล้างหมูสับก่อน และ ผัดปรุงรสได้ง่าย ลดกลิ่นคาว
ผ้าสำหรับขึงปากหม้อ ต้องใช้ผ้าเนื้อละเอียด ผ้าร่ม หรือ ผ้าโทเล
หม้อนึ่ง ต้องใช้ไฟแรง ให้เกิดไอน้ำดันแป้งทำให้แป้งสุก
พริกสำหรับทำน้ำจิ้ม ให้นำไปต้มก่อน เพื่อให้พริกหมดกลิ่นเหม็นเขียว
ปากหม้อญวน แบ๋งก๋วน อาหารเวียดนาม แสนอร่อย วิิธีทำปากหม้อญวน ค่อนข้างเยอะ เพราะ เครื่องสำหรับทำอาหาร เยอะ ทั้ง การเตียมแป้ง การทำไส้ และ น้ำจิ้ม ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารจานหลัก แป้งปากหม้อทำอย่างไร
สูตรอาหาร อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม ปากหม้อ ภาษาเวียดนาม เรียก แบ๋งก๋วน เคล็ดลับการทำปากหม้อ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู สูตรปากหม้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สูตรแป้ง สูตรไส้หมูสับ และ สูตรน้ำจิ้ม รายละเอียดดังนี้
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งปากหม้อ
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 4 ช้อนโต้ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือ 2 ช้อนชา
กะทิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีการทำแป้งปากหม้อ
เตรียมภาชนะ สำหรับใส่แห้งก่อน นำ แป้งข้าวจ้าว แป้งท้าว และ แป้งมัน ผสมกัน จากนั้นเทน้ำลงไปตามอัตราส่วน และ ทิ้งค้างคืนเอาไว้ก่อน เพื่อให้แป้งอิ่มตัว
จากนั้น นำ กะทิ ผสม น้ำตาล และ เกลือ ละลายให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
นำกะทิ มาผสมกับ แป้งที่หมักเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ แป้งสำหรับปากหม้อ หอม เหนียว นุ่ม
ไส้หมูสับต้นหอม ปากหม้อ ไส้ปากหม้อ อาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำไส้ปากหม้อ
เนื้อหมูสับ 1 กิโลกรัม
ต้นหอม ครึ่งกิโลกรัม นำมาซอยเล็กๆ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้หมูสับ
เริ่มจากการซอยต้นหอม ก่อน ส่วนโคนต้นหอมขาวๆ ให้นำมาสับให้ละเอียด หรือ ไม่นำมารับทำอาหาร เพราะส่วนนี้ กลิ่นฉุนแรง
ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำ หมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะสำหรับผัด ใส่หมูสับลวกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากันกับเนื้อหมูสับ
ใส่ใบหอมซอยลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ไฟแรง เมื่อใบหอมเข้ากับเนื้อหมูสับแล้วก็ปิดไป เตรียมใส่หม้อเตรียมอาหาร และ พักเอาไว้ให้เย็น
น้ำจิ้มปากหม้อ น้ำจิ้มข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารเวียดนาม น้ำจิ้ม
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มปากหม้อ
น้ำเชื่อม 10 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกสด 10 – 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำจิ้มปากหม้อ
เริ่มจากการต้มพริกให้สุกก่อน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด หรือ เข้าเครื่องปั่นก็ได้
ผสม น้ำเชื่อม เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ พริก ตามอัตราส่วนที่กำหนด แต่พริก สามารถเลือกใส่ตามความพอใจได้
เมื่อเราได้ส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ แป้งปากหม้อ ไส้ปากหม้อ และ น้ำจิ้มปากหม้อ เราก็พร้อมสำหรับทำปากหม้อแล้ว โดยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ มีดังนี้
ส่วนผสมของปากหม้อ
แป้งสำหรับทำปากหม้อ
ไส้หมูสับ
หอมเจียว
หมูยอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ตามใจชอบ
หม้อต้มสำหรับนึ่ง โดยใช้ ผ้าร่ม ห่อปากหม้อต้ม และ เจาะรูให้ไอน้ำระบายออกได้ และ มีฝาสำหรับปิดหม้อต้ม
วิธีทำปากหม้อ
ต้มหม้อนึ่งให้เดือด มีไอน้ำออกมามาก และ หม้อร้อนระอุ
เทแป้งลงไปบนผ้าปากหม้อนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วหม้อ ขั้นตอนนี้ทำเร็วๆก่อนที่แป้งจะสุก และ ปิดฝาหม้อนึ่ง รอให้แป้งสุก
จากนั้น วางไส้ลงบนแป้งนึ่ง และ ห่อให้เป็น แท่ง และ เสริฟใส่จาน
ทำตามจำนวนที่ต้องการ โรยหน้าด้วยหอมเจียว ทานร่วมกับ หมูยอ และ น้ำจิ้มปากหม้อ
เคล็ดลับการทำปากหม้อ
แป้ง ต้องหมักก่อน 1 คืน ให้แป้งอิ่มตัว และ แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
การปรุงแป้ง มีส่วนผสมของกะทิ ให้ใส่กะทิก่อนที่จะนำมาทำอาหาร ไม่ต้องใส่ลงไปพร้อมขั้นตอนการหมักแป้ง
แป้ง ไม่ควรเก็ยไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง เพราะ แป้งจะบูด
หมูสับ ให้นำไปลวกก่อน และ ทำให้สะเด็ดน้ำ เพราะไส้ปากหม้อต้องการไส้ที่แห้งๆ ไม่ชุ่มน้ำ และ การลวกหมูสับก่อน จะช่วยให้เราสามารถล้างหมูสับก่อน และ ผัดปรุงรสได้ง่าย ลดกลิ่นคาว
ผ้าสำหรับขึงปากหม้อ ต้องใช้ผ้าเนื้อละเอียด ผ้าร่ม หรือ ผ้าโทเล
หม้อนึ่ง ต้องใช้ไฟแรง ให้เกิดไอน้ำดันแป้งทำให้แป้งสุก
พริกสำหรับทำน้ำจิ้ม ให้นำไปต้มก่อน เพื่อให้พริกหมดกลิ่นเหม็นเขียว
ปากหม้อญวน แบ๋งก๋วน อาหารเวียดนาม แสนอร่อย วิิธีทำปากหม้อญวน ค่อนข้างเยอะ เพราะ เครื่องสำหรับทำอาหาร เยอะ ทั้ง การเตียมแป้ง การทำไส้ และ น้ำจิ้ม ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารจานหลัก แป้งปากหม้อทำอย่างไร
สูตรอาหาร อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม ปากหม้อ ภาษาเวียดนาม เรียก แบ๋งก๋วน เคล็ดลับการทำปากหม้อ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู สูตรปากหม้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สูตรแป้ง สูตรไส้หมูสับ และ สูตรน้ำจิ้ม รายละเอียดดังนี้
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งปากหม้อ
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 4 ช้อนโต้ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือ 2 ช้อนชา
กะทิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีการทำแป้งปากหม้อ
เตรียมภาชนะ สำหรับใส่แห้งก่อน นำ แป้งข้าวจ้าว แป้งท้าว และ แป้งมัน ผสมกัน จากนั้นเทน้ำลงไปตามอัตราส่วน และ ทิ้งค้างคืนเอาไว้ก่อน เพื่อให้แป้งอิ่มตัว
จากนั้น นำ กะทิ ผสม น้ำตาล และ เกลือ ละลายให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
นำกะทิ มาผสมกับ แป้งที่หมักเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ แป้งสำหรับปากหม้อ หอม เหนียว นุ่ม
ไส้หมูสับต้นหอม ปากหม้อ ไส้ปากหม้อ อาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำไส้ปากหม้อ
เนื้อหมูสับ 1 กิโลกรัม
ต้นหอม ครึ่งกิโลกรัม นำมาซอยเล็กๆ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้หมูสับ
เริ่มจากการซอยต้นหอม ก่อน ส่วนโคนต้นหอมขาวๆ ให้นำมาสับให้ละเอียด หรือ ไม่นำมารับทำอาหาร เพราะส่วนนี้ กลิ่นฉุนแรง
ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำ หมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะสำหรับผัด ใส่หมูสับลวกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากันกับเนื้อหมูสับ
ใส่ใบหอมซอยลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ไฟแรง เมื่อใบหอมเข้ากับเนื้อหมูสับแล้วก็ปิดไป เตรียมใส่หม้อเตรียมอาหาร และ พักเอาไว้ให้เย็น
น้ำจิ้มปากหม้อ น้ำจิ้มข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารเวียดนาม น้ำจิ้ม
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มปากหม้อ
น้ำเชื่อม 10 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกสด 10 – 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำจิ้มปากหม้อ
เริ่มจากการต้มพริกให้สุกก่อน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด หรือ เข้าเครื่องปั่นก็ได้
ผสม น้ำเชื่อม เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ พริก ตามอัตราส่วนที่กำหนด แต่พริก สามารถเลือกใส่ตามความพอใจได้
เมื่อเราได้ส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ แป้งปากหม้อ ไส้ปากหม้อ และ น้ำจิ้มปากหม้อ เราก็พร้อมสำหรับทำปากหม้อแล้ว โดยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ มีดังนี้
ส่วนผสมของปากหม้อ
แป้งสำหรับทำปากหม้อ
ไส้หมูสับ
หอมเจียว
หมูยอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ตามใจชอบ
หม้อต้มสำหรับนึ่ง โดยใช้ ผ้าร่ม ห่อปากหม้อต้ม และ เจาะรูให้ไอน้ำระบายออกได้ และ มีฝาสำหรับปิดหม้อต้ม
วิธีทำปากหม้อ
ต้มหม้อนึ่งให้เดือด มีไอน้ำออกมามาก และ หม้อร้อนระอุ
เทแป้งลงไปบนผ้าปากหม้อนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วหม้อ ขั้นตอนนี้ทำเร็วๆก่อนที่แป้งจะสุก และ ปิดฝาหม้อนึ่ง รอให้แป้งสุก
จากนั้น วางไส้ลงบนแป้งนึ่ง และ ห่อให้เป็น แท่ง และ เสริฟใส่จาน
ทำตามจำนวนที่ต้องการ โรยหน้าด้วยหอมเจียว ทานร่วมกับ หมูยอ และ น้ำจิ้มปากหม้อ
เคล็ดลับการทำปากหม้อ
แป้ง ต้องหมักก่อน 1 คืน ให้แป้งอิ่มตัว และ แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
การปรุงแป้ง มีส่วนผสมของกะทิ ให้ใส่กะทิก่อนที่จะนำมาทำอาหาร ไม่ต้องใส่ลงไปพร้อมขั้นตอนการหมักแป้ง
แป้ง ไม่ควรเก็ยไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง เพราะ แป้งจะบูด
หมูสับ ให้นำไปลวกก่อน และ ทำให้สะเด็ดน้ำ เพราะไส้ปากหม้อต้องการไส้ที่แห้งๆ ไม่ชุ่มน้ำ และ การลวกหมูสับก่อน จะช่วยให้เราสามารถล้างหมูสับก่อน และ ผัดปรุงรสได้ง่าย ลดกลิ่นคาว
ผ้าสำหรับขึงปากหม้อ ต้องใช้ผ้าเนื้อละเอียด ผ้าร่ม หรือ ผ้าโทเล
หม้อนึ่ง ต้องใช้ไฟแรง ให้เกิดไอน้ำดันแป้งทำให้แป้งสุก
พริกสำหรับทำน้ำจิ้ม ให้นำไปต้มก่อน เพื่อให้พริกหมดกลิ่นเหม็นเขียว
ปากหม้อญวน แบ๋งก๋วน อาหารเวียดนาม แสนอร่อย วิิธีทำปากหม้อญวน ค่อนข้างเยอะ เพราะ เครื่องสำหรับทำอาหาร เยอะ ทั้ง การเตียมแป้ง การทำไส้ และ น้ำจิ้ม ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารจานหลัก แป้งปากหม้อทำอย่างไร
สูตรอาหาร อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารเวียดนาม ปากหม้อ ภาษาเวียดนาม เรียก แบ๋งก๋วน เคล็ดลับการทำปากหม้อ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมู สูตรปากหม้อ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ สูตรแป้ง สูตรไส้หมูสับ และ สูตรน้ำจิ้ม รายละเอียดดังนี้
ส่วนผสมสำหรับทำแป้งปากหม้อ
แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วยตวง
แป้งมัน 4 ช้อนโต้ะ
แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
เกลือ 2 ช้อนชา
กะทิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีการทำแป้งปากหม้อ
เตรียมภาชนะ สำหรับใส่แห้งก่อน นำ แป้งข้าวจ้าว แป้งท้าว และ แป้งมัน ผสมกัน จากนั้นเทน้ำลงไปตามอัตราส่วน และ ทิ้งค้างคืนเอาไว้ก่อน เพื่อให้แป้งอิ่มตัว
จากนั้น นำ กะทิ ผสม น้ำตาล และ เกลือ ละลายให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
นำกะทิ มาผสมกับ แป้งที่หมักเอาไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ แป้งสำหรับปากหม้อ หอม เหนียว นุ่ม
ไส้หมูสับต้นหอม ปากหม้อ ไส้ปากหม้อ อาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำไส้ปากหม้อ
เนื้อหมูสับ 1 กิโลกรัม
ต้นหอม ครึ่งกิโลกรัม นำมาซอยเล็กๆ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทยป่น 2 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้หมูสับ
เริ่มจากการซอยต้นหอม ก่อน ส่วนโคนต้นหอมขาวๆ ให้นำมาสับให้ละเอียด หรือ ไม่นำมารับทำอาหาร เพราะส่วนนี้ กลิ่นฉุนแรง
ต้มน้ำให้เดือด จากนั้นนำ หมูสับไปลวกให้สุก จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำ
ตั้งกระทะสำหรับผัด ใส่หมูสับลวกลงไป ปรุงรสด้วย ซอสน้ำมันหอย ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทยป่น คลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้ากันกับเนื้อหมูสับ
ใส่ใบหอมซอยลงไป คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน โดยไม่ต้องใช้ไฟแรง เมื่อใบหอมเข้ากับเนื้อหมูสับแล้วก็ปิดไป เตรียมใส่หม้อเตรียมอาหาร และ พักเอาไว้ให้เย็น
น้ำจิ้มปากหม้อ น้ำจิ้มข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารเวียดนาม น้ำจิ้ม
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำจิ้มปากหม้อ
น้ำเชื่อม 10 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกสด 10 – 20 เม็ด
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต้ะ
วิธีทำน้ำจิ้มปากหม้อ
เริ่มจากการต้มพริกให้สุกก่อน จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด หรือ เข้าเครื่องปั่นก็ได้
ผสม น้ำเชื่อม เกลือ น้ำปลา น้ำมะนาว และ พริก ตามอัตราส่วนที่กำหนด แต่พริก สามารถเลือกใส่ตามความพอใจได้
เมื่อเราได้ส่วนประกอบทั้ง 3 ส่วน คือ แป้งปากหม้อ ไส้ปากหม้อ และ น้ำจิ้มปากหม้อ เราก็พร้อมสำหรับทำปากหม้อแล้ว โดยการทำข้าวเกรียบปากหม้อ มีดังนี้
ส่วนผสมของปากหม้อ
แป้งสำหรับทำปากหม้อ
ไส้หมูสับ
หอมเจียว
หมูยอ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ตามใจชอบ
หม้อต้มสำหรับนึ่ง โดยใช้ ผ้าร่ม ห่อปากหม้อต้ม และ เจาะรูให้ไอน้ำระบายออกได้ และ มีฝาสำหรับปิดหม้อต้ม
วิธีทำปากหม้อ
ต้มหม้อนึ่งให้เดือด มีไอน้ำออกมามาก และ หม้อร้อนระอุ
เทแป้งลงไปบนผ้าปากหม้อนึ่ง เกลี่ยให้ทั่วหม้อ ขั้นตอนนี้ทำเร็วๆก่อนที่แป้งจะสุก และ ปิดฝาหม้อนึ่ง รอให้แป้งสุก
จากนั้น วางไส้ลงบนแป้งนึ่ง และ ห่อให้เป็น แท่ง และ เสริฟใส่จาน
ทำตามจำนวนที่ต้องการ โรยหน้าด้วยหอมเจียว ทานร่วมกับ หมูยอ และ น้ำจิ้มปากหม้อ
เคล็ดลับการทำปากหม้อ
แป้ง ต้องหมักก่อน 1 คืน ให้แป้งอิ่มตัว และ แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน
การปรุงแป้ง มีส่วนผสมของกะทิ ให้ใส่กะทิก่อนที่จะนำมาทำอาหาร ไม่ต้องใส่ลงไปพร้อมขั้นตอนการหมักแป้ง
แป้ง ไม่ควรเก็ยไว้นานเกิน 48 ชั่วโมง เพราะ แป้งจะบูด
หมูสับ ให้นำไปลวกก่อน และ ทำให้สะเด็ดน้ำ เพราะไส้ปากหม้อต้องการไส้ที่แห้งๆ ไม่ชุ่มน้ำ และ การลวกหมูสับก่อน จะช่วยให้เราสามารถล้างหมูสับก่อน และ ผัดปรุงรสได้ง่าย ลดกลิ่นคาว
ผ้าสำหรับขึงปากหม้อ ต้องใช้ผ้าเนื้อละเอียด ผ้าร่ม หรือ ผ้าโทเล
หม้อนึ่ง ต้องใช้ไฟแรง ให้เกิดไอน้ำดันแป้งทำให้แป้งสุก
พริกสำหรับทำน้ำจิ้ม ให้นำไปต้มก่อน เพื่อให้พริกหมดกลิ่นเหม็นเขียว
ปากหม้อญวน แบ๋งก๋วน อาหารเวียดนาม แสนอร่อย วิิธีทำปากหม้อญวน ค่อนข้างเยอะ เพราะ เครื่องสำหรับทำอาหาร เยอะ ทั้ง การเตียมแป้ง การทำไส้ และ น้ำจิ้ม ข้าวเกรียบปากหม้อ อาหารจานหลัก แป้งปากหม้อทำอย่างไร
เออ พูดถึงเรื่องวิจารณ์แรงกับนักแซะเงาแค้นแล้วกูสงสัย มีคนไม่ซื้อนิยายเพราะคำวิจารณ์พวกนี้มั้ยอ่ะ หรือว่าอ่านตัวอย่างกันเอง
>>794 พวกซื้อ/ไม่ซื้อตามคำวิจารณ์ก็คงมีมั้ง แต่โดนส่วนตัวอ่านรีวิวแค่จะดู tag warning หลักๆอย่างรีบะไม่รีบะ นอกกายนอกใจ จบเศร้า
เดี๋ยวนี้คนส่วนหนึ่งคงรู้ว่ารีวิวบางแอคก็ประหนึ่งร่างอวตารสนพ. แปลอ่านไม่รู้เรื่องก็ยังอวยว่าอ่านไม่ยาก คงไม่โดนชักจูงง่ายขนาดนั้นหรอก
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม เมนูเมี่ยงทอด ไส้เนื้อปลากราย คือ เมี่ยงทอดปลากราย เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ นำปลากรายมาทำไส้เมี่ยงทอด กับน้ำจิ้มรสเด็ด
สูตรอาหารทอด เมนูยอดนิยม เมนูหนึ่งที่อยากจะแนะนำ เป็น อาหารที่หาทายาก เมนูปลากราย เมนูทอด น้ำเนื้อปลากรายมาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ปรุงรสให้อร่อย นำมาห่อกับใบเมี่ยง และนำไปทอด เกิดเป็น เมี่ยงทอดปลากรายสุดแสนอร่อย
ส่วนผสมสำหรับทำเมี่ยงทอดปลากราย
ใบเมี่ยง 2 แผ่น
เนื้อปลากราย 1 ถ้วย
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย บด 2 ช้อนโต้ะ
เห็ดหูหนูซอย 1 ถ้วย
วุ้นเส้นแช่น้ำและหั่นพอคำ 1/2 ถ้วย
ซอสถั่วเหลืง 2 ช้อนโต้ะ
ผักสด สำหรับทานกับ ทอดมันปลาเมี่ยงทอด เช่น ผักกาดหอม ผักชีฝรั่ง ผักแพรว
น้ำจิ้มปอเปี้ยะทอด วิธีทำน้ำจิ้มเมี่ยงทอด
วิธีทำเมี่ยงทอดปลากราย
นำ เนื้อปลากราย มาผสมกับ รากผักชี กระเทียม พริกไทย เห็ดหูหนู วุ้นเส้น ซอสถั่วเหลือง ผสมให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นปั้นเนื้อปลาเป็นแผ่นบางๆ สี่เหลี่ยม พอคำ ลักษณะเหมือนเต้าหู้แผ่น
จากนั้นนำ เนื้อปลาหมัก ไปนึ่ง ให้สุก
เอาน้ำทา แผ่นเมี่ยง ให้นิ้ม จากนั้นนำ แผ่นเมี่ยง ไปห่อเนื้อปลาที่นึ่งไว้แล้ว ห่อ 2 ชั้น
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นผ่อนไฟให้ปานกลาง นำเมี่ยงที่ห่อไว้ลงไปทอด ทอดให้เหลืองกรอบ จากนั้นก็นำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
เสริฟ เมี่ยงปลากรายทอด ทานคู่กับ น้ำจิ้มเมี่ยงทอด และ ผักสด
เคล็ดลับการทำเมี่ยงทอดปลากราย
เนื้อปลากราย สำหรับนำมาทำเมี่ยงทอดปลากราย ให้ใช้ เนื้อปลากรายสดๆ บดละเอียด
น้ำมันสำหรับนำมาทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ห้ามใช้น้ำมันเก่า เนื่องจากน้ำมันเก่าทำให้ อาหารมีกลิ่น เสียรสชาติความอร่อย
การห่อแผ่นเมี่ยง นั้น ให้ใช้ ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ทาที่ใบเมี่ยง แล้วเมี่ยงจะเริ่มอ่อน สามารถพับได้ เคล็ดลับ คือ อย่าถูกให้เปียกเกินไป เนื่องจากจะทำให้ แผ่นเมี่ยงอมน้ำเกินไป แป้งจะขาด เวลาทอดจะแตก ไม่น่ารับประทาน
เทคนิคการทอดแป้งเมี่ยง นั้น ให้ทอด 2 ครั้ง เพื่อให้กรอบ โดย ให้ใช้ไปอ่อนๆ น้ำมันร้อน เมื่อแป้งเมี่ยงเริ่มสุด ให้นำออกมาพักให้เย็นก่อน แล้ว จึงนำกลับไปทอดใหม่ จะทำให้แป้งกรอบ
น้ำจิ้มสำหรับทานคู่กับเมี่ยงทอดปลากราย นั้น ใช้น้ำจิ้มปอเปี๊ยะทอด สูตรเดียวกัน หวานๆ ถั่วกรอบๆ หอมอร่อย
เมียงทอดปลากราย อาหารเวียดนาม เมนูทอด ไส้ปลากราย ห่อด้วย แผ่นเมี่ยง นำมาทอด ทานกับน้ำจิ้มอร่อยๆ สูตรเมี่ยงทอดปลากราย อาหารเวียดนาม เมนูเมี่ยงทอด อาหารทอด เมนูปลา เมนูทอด น้ำจิ้มปอเปี๊ยะ ผักสด เมี่ยงทอดแบบเวียดนาม
เมี่ยงทอดปลากราย อาหารเวียดนาม อร่อยๆ วิธีทำเมี่ยงทอดปลากราย ง่ายๆสามารถทำกินเเองได้ เมนูเมี่ยงทอด อาหารทอด เมนูปลา เมนูทอด น้ำจิ้มปอเปี๊ยะ ผักสด เมี่ยงทอด เวียดนาม กับน้ำจิ้มรสเด็ด
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆของ สปป ลาว และ เวียดนาม ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ ภาษาเวียดนามเรียก บั๋นหมี่ หลายคนสงสัยว่า ขนมปัง ไม่ใช่อาหารหลักของคนเอเชีย แต่ทำไม ขนมปังฝรั่งเศส จึง เป็นอาหารหลักของลาวและเวียดนาม เนื่องจากจะเห็น เมนูบั๋นหมี่ ขายอยู่ทั่วไปของ ลาว และ เวียดนาม ก็เพราะว่า สองประเทศนี้ อยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน จึงเกิดการซิมซับ วัฒนาธรรมทางอาหาร จากฝรั่งเศส สูตรบั๋นหมี่ อาหารเวียดนาม แป้งขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ผักต่างๆ ราดซอสมะเขือเทศแสนอร่อย เป็น อาหารเมนูผัก กับ ขนมปัง อาหารแบบลาว แบบเวียดนาม ที่เราเอาสูตรมานำเสนอ
เมนูบั๋นหมี่ สูตรอาหารเวียดนาม เมนูง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคน ชอบทำอาหาร เมนูอาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำบั๋นหมี่
ขนมปังฝรั่งเศส 1 ชิ้น
เนื้อหมู ซอยเป็นชิ้นพอคำ 1 ชิ้น ( หมักด้วย น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ พริกไทย 1 ช้อนชา )
ผักกาดหอมซอย 3 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
แครอท ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
หัวไชเท้า ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมายองเนส 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำบั๋นหมี่
หมักเนื้อหมู ตามส่วนผสมที่บอกไว้แล้ว นำไปผัดให้สุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน จากนั้นนำ หมูสับ ไปผัดให้สุก
นำ ขนมปังฝรั่งเศส ไปอบให้อุ่น จากนั้นตัดเป็นท่อนประมาณเท่าฝ่ามือ และ ผ่าตรงกลางอย่าให้ขาดจากกัน
ใส่ ผักกาดหอม แครอท หัวไชเท้า หมูผัด หมูสับ ราดด้วย ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ มายองเนส และ พริกไทย
เคล็ดลับการทำบั๋นหมี่
แป้ง ขนมปังฝรั่งเศส ใช้แป้งที่อบใหม่ๆ จะได้ บั๋นหมี่ ที่อร่อยๆ
ผักที่ใช้ใส่ ไส้ของ บั๋นหมี่ สามารถ ปรับตามใจชอบ ซึ่ง ส่วนใหญ่ ไส้จะใช้ไส้แบบแห้งๆ ไม่แฉะ
เมนูบั๋นหมี่ ขนมปังฝรั่งเศส เป็น อาหารเวียดนาม ที่ได้รับ วัฒนธรรมการกินจากฝรั่งเศส ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ สามารถพบเห็นได้ตามทุกมุมเมืองของ ประเทศเวียดนาม แต่ในประเทศไทย จะสามารถพบเห็นได้ในแถบจังหวัดติดแม่น้ำโขง ขนมปังเวียดนาม เป็น อาหารว่าง ทานง่าย ๆ นิยมทานเป็น อาหารเช้า หลากหลายไส้หรือขายเฉพาะตัวขนมปัง เป็น อาหารราคาถูกของชาวเวียดนาม เรียกว่าเป็น Vietnamese Street Food หาทานได้ง่าย ๆ เหมือนกับข้าวราดแกง ของบ้านเรา
บั๋นหมี่ อาหารเช้า แบบเวียดนาม วิธีทำบั๋นหมี่ วิธีทำขนมปังยัดไส้ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ อาหารเวียดนาม เมนูหมู เมนูขนมปัง อาหารง่ายๆ สูตรขนมปังยัดไส้ ขนมปังฝรั่งเศษใส่ไส้ผักและหมู
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆของ สปป ลาว และ เวียดนาม ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ ภาษาเวียดนามเรียก บั๋นหมี่ หลายคนสงสัยว่า ขนมปัง ไม่ใช่อาหารหลักของคนเอเชีย แต่ทำไม ขนมปังฝรั่งเศส จึง เป็นอาหารหลักของลาวและเวียดนาม เนื่องจากจะเห็น เมนูบั๋นหมี่ ขายอยู่ทั่วไปของ ลาว และ เวียดนาม ก็เพราะว่า สองประเทศนี้ อยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน จึงเกิดการซิมซับ วัฒนาธรรมทางอาหาร จากฝรั่งเศส สูตรบั๋นหมี่ อาหารเวียดนาม แป้งขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ผักต่างๆ ราดซอสมะเขือเทศแสนอร่อย เป็น อาหารเมนูผัก กับ ขนมปัง อาหารแบบลาว แบบเวียดนาม ที่เราเอาสูตรมานำเสนอ
เมนูบั๋นหมี่ สูตรอาหารเวียดนาม เมนูง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคน ชอบทำอาหาร เมนูอาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำบั๋นหมี่
ขนมปังฝรั่งเศส 1 ชิ้น
เนื้อหมู ซอยเป็นชิ้นพอคำ 1 ชิ้น ( หมักด้วย น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ พริกไทย 1 ช้อนชา )
ผักกาดหอมซอย 3 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
แครอท ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
หัวไชเท้า ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมายองเนส 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำบั๋นหมี่
หมักเนื้อหมู ตามส่วนผสมที่บอกไว้แล้ว นำไปผัดให้สุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน จากนั้นนำ หมูสับ ไปผัดให้สุก
นำ ขนมปังฝรั่งเศส ไปอบให้อุ่น จากนั้นตัดเป็นท่อนประมาณเท่าฝ่ามือ และ ผ่าตรงกลางอย่าให้ขาดจากกัน
ใส่ ผักกาดหอม แครอท หัวไชเท้า หมูผัด หมูสับ ราดด้วย ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ มายองเนส และ พริกไทย
เคล็ดลับการทำบั๋นหมี่
แป้ง ขนมปังฝรั่งเศส ใช้แป้งที่อบใหม่ๆ จะได้ บั๋นหมี่ ที่อร่อยๆ
ผักที่ใช้ใส่ ไส้ของ บั๋นหมี่ สามารถ ปรับตามใจชอบ ซึ่ง ส่วนใหญ่ ไส้จะใช้ไส้แบบแห้งๆ ไม่แฉะ
เมนูบั๋นหมี่ ขนมปังฝรั่งเศส เป็น อาหารเวียดนาม ที่ได้รับ วัฒนธรรมการกินจากฝรั่งเศส ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ สามารถพบเห็นได้ตามทุกมุมเมืองของ ประเทศเวียดนาม แต่ในประเทศไทย จะสามารถพบเห็นได้ในแถบจังหวัดติดแม่น้ำโขง ขนมปังเวียดนาม เป็น อาหารว่าง ทานง่าย ๆ นิยมทานเป็น อาหารเช้า หลากหลายไส้หรือขายเฉพาะตัวขนมปัง เป็น อาหารราคาถูกของชาวเวียดนาม เรียกว่าเป็น Vietnamese Street Food หาทานได้ง่าย ๆ เหมือนกับข้าวราดแกง ของบ้านเรา
บั๋นหมี่ อาหารเช้า แบบเวียดนาม วิธีทำบั๋นหมี่ วิธีทำขนมปังยัดไส้ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ อาหารเวียดนาม เมนูหมู เมนูขนมปัง อาหารง่ายๆ สูตรขนมปังยัดไส้ ขนมปังฝรั่งเศษใส่ไส้ผักและหมู
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆของ สปป ลาว และ เวียดนาม ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ ภาษาเวียดนามเรียก บั๋นหมี่ หลายคนสงสัยว่า ขนมปัง ไม่ใช่อาหารหลักของคนเอเชีย แต่ทำไม ขนมปังฝรั่งเศส จึง เป็นอาหารหลักของลาวและเวียดนาม เนื่องจากจะเห็น เมนูบั๋นหมี่ ขายอยู่ทั่วไปของ ลาว และ เวียดนาม ก็เพราะว่า สองประเทศนี้ อยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน จึงเกิดการซิมซับ วัฒนาธรรมทางอาหาร จากฝรั่งเศส สูตรบั๋นหมี่ อาหารเวียดนาม แป้งขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ผักต่างๆ ราดซอสมะเขือเทศแสนอร่อย เป็น อาหารเมนูผัก กับ ขนมปัง อาหารแบบลาว แบบเวียดนาม ที่เราเอาสูตรมานำเสนอ
เมนูบั๋นหมี่ สูตรอาหารเวียดนาม เมนูง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคน ชอบทำอาหาร เมนูอาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำบั๋นหมี่
ขนมปังฝรั่งเศส 1 ชิ้น
เนื้อหมู ซอยเป็นชิ้นพอคำ 1 ชิ้น ( หมักด้วย น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ พริกไทย 1 ช้อนชา )
ผักกาดหอมซอย 3 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
แครอท ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
หัวไชเท้า ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมายองเนส 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำบั๋นหมี่
หมักเนื้อหมู ตามส่วนผสมที่บอกไว้แล้ว นำไปผัดให้สุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน จากนั้นนำ หมูสับ ไปผัดให้สุก
นำ ขนมปังฝรั่งเศส ไปอบให้อุ่น จากนั้นตัดเป็นท่อนประมาณเท่าฝ่ามือ และ ผ่าตรงกลางอย่าให้ขาดจากกัน
ใส่ ผักกาดหอม แครอท หัวไชเท้า หมูผัด หมูสับ ราดด้วย ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ มายองเนส และ พริกไทย
เคล็ดลับการทำบั๋นหมี่
แป้ง ขนมปังฝรั่งเศส ใช้แป้งที่อบใหม่ๆ จะได้ บั๋นหมี่ ที่อร่อยๆ
ผักที่ใช้ใส่ ไส้ของ บั๋นหมี่ สามารถ ปรับตามใจชอบ ซึ่ง ส่วนใหญ่ ไส้จะใช้ไส้แบบแห้งๆ ไม่แฉะ
เมนูบั๋นหมี่ ขนมปังฝรั่งเศส เป็น อาหารเวียดนาม ที่ได้รับ วัฒนธรรมการกินจากฝรั่งเศส ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ สามารถพบเห็นได้ตามทุกมุมเมืองของ ประเทศเวียดนาม แต่ในประเทศไทย จะสามารถพบเห็นได้ในแถบจังหวัดติดแม่น้ำโขง ขนมปังเวียดนาม เป็น อาหารว่าง ทานง่าย ๆ นิยมทานเป็น อาหารเช้า หลากหลายไส้หรือขายเฉพาะตัวขนมปัง เป็น อาหารราคาถูกของชาวเวียดนาม เรียกว่าเป็น Vietnamese Street Food หาทานได้ง่าย ๆ เหมือนกับข้าวราดแกง ของบ้านเรา
บั๋นหมี่ อาหารเช้า แบบเวียดนาม วิธีทำบั๋นหมี่ วิธีทำขนมปังยัดไส้ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ อาหารเวียดนาม เมนูหมู เมนูขนมปัง อาหารง่ายๆ สูตรขนมปังยัดไส้ ขนมปังฝรั่งเศษใส่ไส้ผักและหมู
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารอร่อยๆของ สปป ลาว และ เวียดนาม ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ ภาษาเวียดนามเรียก บั๋นหมี่ หลายคนสงสัยว่า ขนมปัง ไม่ใช่อาหารหลักของคนเอเชีย แต่ทำไม ขนมปังฝรั่งเศส จึง เป็นอาหารหลักของลาวและเวียดนาม เนื่องจากจะเห็น เมนูบั๋นหมี่ ขายอยู่ทั่วไปของ ลาว และ เวียดนาม ก็เพราะว่า สองประเทศนี้ อยู่ใต้อาณานิคมของฝรั่งเศสมานาน จึงเกิดการซิมซับ วัฒนาธรรมทางอาหาร จากฝรั่งเศส สูตรบั๋นหมี่ อาหารเวียดนาม แป้งขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ผักต่างๆ ราดซอสมะเขือเทศแสนอร่อย เป็น อาหารเมนูผัก กับ ขนมปัง อาหารแบบลาว แบบเวียดนาม ที่เราเอาสูตรมานำเสนอ
เมนูบั๋นหมี่ สูตรอาหารเวียดนาม เมนูง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคน ชอบทำอาหาร เมนูอาหารเวียดนาม
ส่วนผสมสำหรับทำบั๋นหมี่
ขนมปังฝรั่งเศส 1 ชิ้น
เนื้อหมู ซอยเป็นชิ้นพอคำ 1 ชิ้น ( หมักด้วย น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ พริกไทย 1 ช้อนชา )
ผักกาดหอมซอย 3 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
แครอท ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
หัวไชเท้า ซอยเป็นเส้น 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต้ะ
ซอสมายองเนส 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีทำบั๋นหมี่
หมักเนื้อหมู ตามส่วนผสมที่บอกไว้แล้ว นำไปผัดให้สุก จากนั้นนำไปพักไว้ก่อน จากนั้นนำ หมูสับ ไปผัดให้สุก
นำ ขนมปังฝรั่งเศส ไปอบให้อุ่น จากนั้นตัดเป็นท่อนประมาณเท่าฝ่ามือ และ ผ่าตรงกลางอย่าให้ขาดจากกัน
ใส่ ผักกาดหอม แครอท หัวไชเท้า หมูผัด หมูสับ ราดด้วย ซอสปรุงรส ซอสมะเขือเทศ มายองเนส และ พริกไทย
เคล็ดลับการทำบั๋นหมี่
แป้ง ขนมปังฝรั่งเศส ใช้แป้งที่อบใหม่ๆ จะได้ บั๋นหมี่ ที่อร่อยๆ
ผักที่ใช้ใส่ ไส้ของ บั๋นหมี่ สามารถ ปรับตามใจชอบ ซึ่ง ส่วนใหญ่ ไส้จะใช้ไส้แบบแห้งๆ ไม่แฉะ
เมนูบั๋นหมี่ ขนมปังฝรั่งเศส เป็น อาหารเวียดนาม ที่ได้รับ วัฒนธรรมการกินจากฝรั่งเศส ขนมปังฝรั่งเศส ใส่ไส้ต่างๆ สามารถพบเห็นได้ตามทุกมุมเมืองของ ประเทศเวียดนาม แต่ในประเทศไทย จะสามารถพบเห็นได้ในแถบจังหวัดติดแม่น้ำโขง ขนมปังเวียดนาม เป็น อาหารว่าง ทานง่าย ๆ นิยมทานเป็น อาหารเช้า หลากหลายไส้หรือขายเฉพาะตัวขนมปัง เป็น อาหารราคาถูกของชาวเวียดนาม เรียกว่าเป็น Vietnamese Street Food หาทานได้ง่าย ๆ เหมือนกับข้าวราดแกง ของบ้านเรา
บั๋นหมี่ อาหารเช้า แบบเวียดนาม วิธีทำบั๋นหมี่ วิธีทำขนมปังยัดไส้ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ อาหารเวียดนาม เมนูหมู เมนูขนมปัง อาหารง่ายๆ สูตรขนมปังยัดไส้ ขนมปังฝรั่งเศษใส่ไส้ผักและหมู
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
กุเริ่มสงสัยแล้วว่าโทรลมีมากกว่า 1 กลุ่ม ทำไมเรื่องนักวิจารณ์ นทพด ถึงโทรลลงได้วะ55
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารยำ เมนูข้าวคลุกพริกแกงทอด กับ แหนมสดๆ นำมายำ ด้วยสูตรผสมพิเศษ คือ แหนมคลุก เคล็ดลับความอร่อยของ เมนูนี้ อยู่ที่ การปรุงรสข้าวทอด เทคนิคการทอดข้าว หนังหมูนุ่มๆ แหนมหมูสดๆ และ การปรุงรสชาติของยำ พร้อมกับเครื่องเคียง อย่าง พริกทอด ขิง พริก
ยำแหนมคลุก เป็น อาหารยอดนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย สูตรอาหาร ที่มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนชอบอาหารเมนูยำ แหนมคลุก
ส่วนผสมสำหรับทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุก 1 ถ้วย
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต้ะผสมน้ำเปล่า 4 ช้อนโต้ะ
มะพร้าวขูด 1 ช้อนโต้ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต้ะ
หมูสับ 2 ช้อนโต้ะ
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หนังหมูลวกสุกซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกป่น 1 ช้อนโต้ะ
แหนมสด 2-3 ชิ้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
ขิงซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต้ะ
ผักสดสำหรับทานกับแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก
นำข้าวหุงสุก มาผสมกับ พริกแกงเผ็ด น้ำปลา น้ำตาล มะพร้าวขูด ใบมะกรูดซอย หมูสับและไข่ไก่ นวดให้ส่วนผสมเข้ากันและปั้นเป็นก้อนกลมๆ
เตรียมแป้งข้าวเจ้าผสมน้ำ และไข่ไก่ 1 ฟอง นำมาชุปที่ก้อนข้าวที่ปั้นเอาไว้แล้ว และนำลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ให้เหลืองกรอบ สุก จากนั้นนำข้าวทอดมาพักให้เย็น
เตรียมทำแหนมคลุก โดย ผสม ข้าวทอด แหนมสด น้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น หนังหมู หอมแดง ต้นหอมและขิงซอย คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน อัตราส่วน ข้าวทอด 2 ลูก ต่อ แหนม 1 แท่ง และน้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
เสริฟ แหนมคลุก โรยหน้าด้วย ถั่วลิสงคั่ว เสร็จแล้ว กับข้าว เมนูอาหารง่ายๆ ตามร้านอาหาร แหนมคลุก
เคล็ดลับการทำแหนมคลุก
ข้าวหุงสุกเราใช้ข้าวสาวไห้ หุงสุก เป็นขาวหอมเก่า จะได้รสชาติและความนุ่มที่พอเหมาะ
แหนมสด ให้ทำเองจะได้แหนมที่อร่อย โดย ส่วนผสมของการทำแหนม คือ ข้าวสาวไห้หุงสุก 1 ถ้วย กระเทียม 1 ถ้วย ดอกเกลือ 1 ช้อนโต้ะ และเนื้อหมูสับ ส่วนสันในหมู 1 ถ้วย นำมาคลุกเล้าให้เข้ากัน จากนั้นนำมห่อใบตอง หมักเอาไว้ 1 วัน จะได้แหนมสดที่มีรสเปรี้ยวกลมกล่อม เหมาะสำหรับนำมาทำ แหนมคลุก
พริกแกงเผ็ด ให้ทำเครื่องพริกแกงเอง เป็นสูตรที่มีเครื่องพริกแกงที่เหมาะสำหรับเมนูแหนมคลุก หากซื้อเครื่องพริกแกงสำเร็จรูป จะเป็นรสชาติกลางๆ ไม่เหมาะสำหรับนำมาทำแหนมคลุก โดย ส่วนผสมของเครื่องพริกแกงสำหรับทำแหนมคลุก ประกอบด้วย ข่า ตะะไคร้ ผิวมะกรูด หอมแดง กระเทียม เกลือ กะปิ และพริกแห้ง ในอัตราส่วน 1 ช้อนโต้ะเท่ากันหมด ยกเว้นเกลือ ใช้แค่ 1 ช้อนชา โขรกให้ละเอียดเข้ากัน
พริกแห้งที่ใช้ในการทำพริกแกง ให้ใช้พริกแห้งจินดา จะได้สีสันและรสชาติที่อร่อย
หนังหมูให้ขูดเอาขนออกให้หมดและแลอะเอามันหมูออก ต้มให้หนังหมูมีความนุ่ม หากทำหนังหมูไม่ดี หนังหมูจะทำให้แข็ง และอาจมีขนหมูติดปาก เสียรสชาติความอร่อย
การหมักแหนมให้หมัก แค่ 1 คืน ทำสดๆ วันต่อวัน เพราะความเปรี้ยวจะพอดี หากหมักเกิน 1 วัน จะเปรี้ยวเกินไป
ถั่วลิสงที่ใช้ในการใส่แหนมคลุก ให้ใช้ถั่วลิสง คั่วใหม่สด คั่วเอง จะดีกว่า การซื้อสำเร็จรูปจากตลาด เนื่องจากบางทีถั่วที่ซื้อจากตลาดมีความเหม็นหืน ไม่น่ารับประทาน
สูตรแหนมคลุก อร่อยๆ ทำอย่างไร เคล็ดลับความอร่อยของการทำแหนมคลุก มีอะไรบ้าง อาหาร สูตรยำ กับข้าว อาหารจานเดียว อาหารจานด่วน แหนมคลุก เมนูแหนมคลุก
วิธีทำแหนมคลุก เมนูแหนมคลุกทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร เมนูอาหารยอดนิยม ใช้แหนมหมู มาคลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง นำมาทำยำ เมนูยำ แสนอร่อย ใส่หนังหมู แหนม
วิธีทำแหนมคลุก แหนมคลุก ทำอย่างไร อยากทำแหนมคลุกขาย สูตรคลุกทำอย่างไร อาหารยอดนิยม แหนมหมู คลุกกับ ข้าวทอด ที่ผสมส่วนผสมกับเครื่องแกง เมนูยำ แสนอร่อย
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ เป็น อาหารเวียดนาม เมนูขนมจีน กับ นำยารสเด็ด เรียก บุ๋นบ่อ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เป็นขนมจีนทรงเครื่อง เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ ทำให้ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม ที่น่าติดตาม บ่อบุ๋น ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นอาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีนทำอะไรกินได้บ้าง เนื้อวัวทำอะไรกินได้บ้าง
สูตรบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูขนมจีน ที่ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย รสชาติอร่อยถูกปาก เหมาะสำหรับคนชอบ อาหารเวียดนาม ขนมจีน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารที่แปรรูป มาจากแป้งธรรมชาติในรูปของ เส้นแป้งสุก สีขาว ขนาดเล็ก มีความนุ่ม ลื่น ขนมจีน อร่อยหลากหลายน้ำยา ทำกินก็ง่าย ทำขายก็คล่อง
ส่วนผสมสำหรับทำบุ๋นบ่อ
ขนมจีน 3 จับ
เนื้อวัว หั่นเป็นชิ้นเป็นเส้นพอคำ 4 ช้อนโต้ะ
หอมหัวใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับละเอียด 2 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทย บด 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต้ะ
ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบๆ 1 ช้อนโต้ะ
ผัก สำหรับทานกับ ขนมจีนหน้าเนื้อ เช่น ผักกาดหอม แครอท ถั่วงอก
วิธีทำบุ๋นบ่อ
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อน นำ หอมแดง หอมใหญ่ และตะไคร้ลงไปผัด พอหอมใหญ่เริ่มใสก็นำเนื้อวัวลงไปผัด
ปรุงรสด้วย ซอสปรุงรส น้ำตาล พริกไทยบด ซอสน้ำมันหอย ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน และเนื้อสุก
จัดจาน โดยเรียงผักและขนมจีนตามต้องการ ราดด้วยเนื้อผัดที่ผัดไว้แล้ว โรยหน้าด้วยถั่วลิสงบด
เคล็ดลับการทำบ่อบุ๋น
ขนมจีน ให้ใช้ ขนมจีนเส้นสด ใหม่ เนื้อขนมจีนจะนุ่ม และอร่อย ไม่เละ
ถั่วลิสง เป็นสูตรอาหาร ที่ทำให้เมนูบ่อบุ๋น อร่อย ให้ใช้ถั่วที่ใหม่สด และคั่วเอง จะได้ถั่วที่หอมไม่เหม็นหืนน้ำมัน
เมนูขนมจีน อาหารประเภทนี้ เป็น อาหารเส้น ที่แปรรูปจากข้าว ในประเทศไทยและเวียดนาม ได้รับความนิยมจากคนทุกเพศทุกวัย ทั้งอาหารไทย และ อาหารเวียดนาม สามารถพบเห็น อาหารเมนูขนมจีน ร้านขายขนมจีน ทั้งเล็กและใหญ่ มากมาย ตั้งแต่ข้างถนน จนขึ้นไปบนห้างสรรพสินค้า ขนมจีน เป็น อาหารคาว ทำด้วยแป้งหมัก และนำมาต้มให้เป็น เส้นกลมๆ คล้ายกับ เส้นหมี่ นิยมรับประทานคู่กับน้ำซุปในรูปแบบต่างๆ อย่าง น้ำยา น้ำพริก เป็นต้น ขนมจีน ภาษาเหนือ เรียก ” ขนมเส้น ” ภาษาอีสาน เรียก “ข้าวปุ้น”
บุ๋นบ่อ ขนมจีนหน้าเนื้อ ขนมจีนทรงเครื่อง วิธีทำบุ๋นบ่อ ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เนื้อวัวย่าง น้ำยำหวานๆ ถั่วลิงสงหอมๆ เมนูบ่อบุ๋น เป็น อาหารเวียดนาม เมนูเนื้อวัว เมนูเส้น ขนมจีน
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
กูไม่ทำอาหารไทยอ่ะ ขอสูตรอาหารฝรั่งใช้เตาอบเป็นหลัก ทำง่ายๆ ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีแต่สารอาหารครบถ้วนเฮลตี้และอร่อย มึงมีมั้ย
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหารอร่อยๆ เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอเสนอ สูตรพะโล้ ปลาแซลมอนผัดพะโล้ อาหารง่ายๆ กับข้าวจากปลา ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูปลา
ส่วนผสมสำหรับทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ผงพะโล้สำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
แซลมอนหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วย
กระเทียมบด 2 ช้อนชา
รากผักชีบด 2 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 5 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 1 ช้อนโต้ะ
เห็ดหอมหั่นเป็นชิ้น 5 ชิ้น
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เอารากผักชี กระเทียม และ พริกไทย ลงไปผัด
ใส่ เห็ดหอม ลงไปผัดให้สุก ใส่ ซอสน้ำมันหอย ลงไปผัด ตามด้วย เนื้อปลา คลุกเคล้าให้เข้ากัน อย่าทำให้ เนื้อปลาแตก
เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา พะโล้
เคล็ดลับการทำปลาแซลมอนผัดพะโล้
ปลาแซลมอน ให้เลือกใช้ปลาแซลมอนที่สดใหม่ การสังเกตุ เนื้อปลาแซลมอน สีของเนื้อปลาสีส้ม ลายไขมันเป็นสีขาว เนื้อปลาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
การนำปลาไปผัด นั้น เนื้อปลาแซลมอน สุกง่าย และเนื้อปลาเละง่าย การนำปลามาผัด ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำอาหาร เนื้อปลาเละ จะไม่น่ารับประทาน
การทำผัดพะโล้ เนื้อปลานั้น ให้ ใ่สส่วนผสมทั้งหมด ลงไปผัด ปรุงรสให้เสร็จก่อน แล้วค่อยใส่เนื้อปลาลงไปเป็นขั้นตอนสุดท้าย จะทำให้ เนื้อปลาไม่แตกเละ
กระเทียม ใช้กระเทียมไทย เนื่องจากกระเทียมไทย มีกลิ่นหอม เหมาะสำหรับนำมาทำพะโล้
รากผักชี กระเทียม และ พริกไทย เป็น เหมือนผงปรุงรสชั้นดี เป็น เครื่องแต่งกลิ่น และ รสชาติของอาหาร ให้มีความหอม อร่อย
เห็กหอม ให้เลือกใช้ เห็ดหอมแห้ง นำไปแช่น้ำ และหั่นให้มีขนาดพอดี
น้ำมัน สำหรับผัด เมนูพะโล้ผัด ไม่ต้องใช้น้ำมันมาก เนื่องจากจะทำให้มันเกินไป
พะโล้ปลา เมนูอร่อยๆจากปลา วิธีทำปลาผัดพะโล้ ง่ายๆทำกินเองได้ ปลาทำอะไรกินได้บ้าง พะโล้ทำอย่างไร กับข้าวง่ายๆ เมนูปลา สูตรผัดพะโล้ อาหารที่มากไปด้วยคุณค่า รสชาติ สูตรอาหาร และขั้นตอนการทำอย่างละเอียด
สูตรอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ เอาใจคนชอบกินอาหารเวียดนาม วันนี้ เป็น เมนูกุ้งทอด คือ กุ้งพันอ้อย อาหารญวนขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็รู้จัก นำเนื้อกุ้งบดมาปรุงรสพันกับต้นอ้อย และ นำไปทอด หน้าตาคล้ายแหนมเนือง เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย อยู่ที่ วัตถุดิคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด ให้ไม่อมน้ำมัน เป็นอาหารราคาแพง
สูตรกุ้งพันอ้อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งพันอ้อย
กุ้งขาว 20-30 ตัว ประมาณ 1 กิโลกรัม
มันหมูบดละเอียด 100 กรัม
พริกไทยบด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
รากผักชีบด 1 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
แป้งมัน 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือป่น 1 หยิบมือ
อ้อย 1 ท่อน ยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร หั่นและแบ่งเป็นท่อนเล็กๆ 4-5 ท่อน
น้ำมันพืชสำหรับทอด ปริมาณท่วมเนื้อกุ้ง
ผัดสดและเส้นหมี่ลวกสำหรับทานกับอาหารตามใจชอบ
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะญวน 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีทำกุ้งพันอ้อย
เริ่มจากการทำน้ำจิ้มก่อน โดยมีอัตราส่วนประกอบด้วย น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต้ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ และ น้ำเปล่า นำมาเคี้ยวให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเหนียว และ ใส่แครอทหั่นฝอดด้วยก็ได้หากชอบกิน
เริ่มนำกุ้งก่อน โดยการแกะเอาเฉพาะเนื้อกุ้งออกมา ล้างให้สะอาด จากนั้นำมาสับให้ละเอียดและนำมาผสมกับมันหมูบดละเอียด ให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้น ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาทราย รากผักชี กระเทียม และ พริกไทยป่น ผสมให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง
ใส่แป้งมันและไข่ขาวลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง และ นำไปหมักในตู้เย็น 45 นาที ให้เนื้อกุ้งเหนียวและเซ็ตตัวก่อน
เมื่อได้เนื้อกุ้งพร้อม ให้นำกุ้งบดมาปั่นใส่แท่งอ้อย ให้ขนาดพอดี ไม่หน้าหรือบางเกินไป
นำกุ้งพันอ้อยไปทอด โดยตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ไปปานกลาง ใส่กุ้งลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็นำขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน
เสริฟใส่จาน ทานคู่กับ เส้นหมี่ ผักสด และ น้ำจิ้มรสเด็ด
เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย
การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสดใหม่ วิธีการเลือกกุ้งสด ให้ดูที่ลักษณะความสมบูรณ์ของตัวกุ้ง เปลือก และ ความแน่นของเนื้อกุ้ง ซึ่งที่สำคัญ คือ เนื้อกุ้งไม่มีกลิ่นเน่า
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เอาหัวออก เอาหางออก นำมาบด โดยการโขรกให้ละเอียด สับ หรือจะปั่นด้วยเครื่องปั่นก็ได้
เคล็ดลับการทำให้เนื้อกุ้งจับตัวเป็นก้อน คือ ไข่ขาว การนำเอาไข่ขาวมาเป็นส่วนผสมของเนื้อกุ้ง เมื่อไข่ขาวสุกจะจับตัวกับอาหาร ทำให้เนื้อกุ้งหมักสามารถจับตัวเป็นก้อนได้
น้ำมันสำหรับนำไปทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ต้องกระทะให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง จะทำให้กุ้งสุกพอดี ไม่ไหม้
เส้นหมี่ ให้นำไปแช่น้ำ ให่นิ่มก่อน และ นำไปลวก แต่สำหรับคนไม่ชอบเส้นหมี่ สามารถใช้เ้นแบบอื่นๆที่ชอบได้ เช่น เส้นขนมจีน หรือ เส้นเล็กลวก ก็สามารถนำมารับระทานได้
กุ้งพันอ้อย ภาษาเวียดนาม เรียก เจ่าโตม Chạo tôm วิธีทำกุ้งพันอ้อย ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ อาหารเวียดนาม เมนูกุ้ง เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ การปรุงรสกุ้งให้อร่อยและเทคนิคการเตรียมอาหาร
สูตรอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ เอาใจคนชอบกินอาหารเวียดนาม วันนี้ เป็น เมนูกุ้งทอด คือ กุ้งพันอ้อย อาหารญวนขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็รู้จัก นำเนื้อกุ้งบดมาปรุงรสพันกับต้นอ้อย และ นำไปทอด หน้าตาคล้ายแหนมเนือง เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย อยู่ที่ วัตถุดิคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด ให้ไม่อมน้ำมัน เป็นอาหารราคาแพง
สูตรกุ้งพันอ้อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งพันอ้อย
กุ้งขาว 20-30 ตัว ประมาณ 1 กิโลกรัม
มันหมูบดละเอียด 100 กรัม
พริกไทยบด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
รากผักชีบด 1 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
แป้งมัน 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือป่น 1 หยิบมือ
อ้อย 1 ท่อน ยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร หั่นและแบ่งเป็นท่อนเล็กๆ 4-5 ท่อน
น้ำมันพืชสำหรับทอด ปริมาณท่วมเนื้อกุ้ง
ผัดสดและเส้นหมี่ลวกสำหรับทานกับอาหารตามใจชอบ
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะญวน 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีทำกุ้งพันอ้อย
เริ่มจากการทำน้ำจิ้มก่อน โดยมีอัตราส่วนประกอบด้วย น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต้ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ และ น้ำเปล่า นำมาเคี้ยวให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเหนียว และ ใส่แครอทหั่นฝอดด้วยก็ได้หากชอบกิน
เริ่มนำกุ้งก่อน โดยการแกะเอาเฉพาะเนื้อกุ้งออกมา ล้างให้สะอาด จากนั้นำมาสับให้ละเอียดและนำมาผสมกับมันหมูบดละเอียด ให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้น ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาทราย รากผักชี กระเทียม และ พริกไทยป่น ผสมให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง
ใส่แป้งมันและไข่ขาวลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง และ นำไปหมักในตู้เย็น 45 นาที ให้เนื้อกุ้งเหนียวและเซ็ตตัวก่อน
เมื่อได้เนื้อกุ้งพร้อม ให้นำกุ้งบดมาปั่นใส่แท่งอ้อย ให้ขนาดพอดี ไม่หน้าหรือบางเกินไป
นำกุ้งพันอ้อยไปทอด โดยตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ไปปานกลาง ใส่กุ้งลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็นำขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน
เสริฟใส่จาน ทานคู่กับ เส้นหมี่ ผักสด และ น้ำจิ้มรสเด็ด
เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย
การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสดใหม่ วิธีการเลือกกุ้งสด ให้ดูที่ลักษณะความสมบูรณ์ของตัวกุ้ง เปลือก และ ความแน่นของเนื้อกุ้ง ซึ่งที่สำคัญ คือ เนื้อกุ้งไม่มีกลิ่นเน่า
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เอาหัวออก เอาหางออก นำมาบด โดยการโขรกให้ละเอียด สับ หรือจะปั่นด้วยเครื่องปั่นก็ได้
เคล็ดลับการทำให้เนื้อกุ้งจับตัวเป็นก้อน คือ ไข่ขาว การนำเอาไข่ขาวมาเป็นส่วนผสมของเนื้อกุ้ง เมื่อไข่ขาวสุกจะจับตัวกับอาหาร ทำให้เนื้อกุ้งหมักสามารถจับตัวเป็นก้อนได้
น้ำมันสำหรับนำไปทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ต้องกระทะให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง จะทำให้กุ้งสุกพอดี ไม่ไหม้
เส้นหมี่ ให้นำไปแช่น้ำ ให่นิ่มก่อน และ นำไปลวก แต่สำหรับคนไม่ชอบเส้นหมี่ สามารถใช้เ้นแบบอื่นๆที่ชอบได้ เช่น เส้นขนมจีน หรือ เส้นเล็กลวก ก็สามารถนำมารับระทานได้
กุ้งพันอ้อย ภาษาเวียดนาม เรียก เจ่าโตม Chạo tôm วิธีทำกุ้งพันอ้อย ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ อาหารเวียดนาม เมนูกุ้ง เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ การปรุงรสกุ้งให้อร่อยและเทคนิคการเตรียมอาหาร
สูตรอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ เอาใจคนชอบกินอาหารเวียดนาม วันนี้ เป็น เมนูกุ้งทอด คือ กุ้งพันอ้อย อาหารญวนขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็รู้จัก นำเนื้อกุ้งบดมาปรุงรสพันกับต้นอ้อย และ นำไปทอด หน้าตาคล้ายแหนมเนือง เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย อยู่ที่ วัตถุดิคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด ให้ไม่อมน้ำมัน เป็นอาหารราคาแพง
สูตรกุ้งพันอ้อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งพันอ้อย
กุ้งขาว 20-30 ตัว ประมาณ 1 กิโลกรัม
มันหมูบดละเอียด 100 กรัม
พริกไทยบด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
รากผักชีบด 1 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
แป้งมัน 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือป่น 1 หยิบมือ
อ้อย 1 ท่อน ยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร หั่นและแบ่งเป็นท่อนเล็กๆ 4-5 ท่อน
น้ำมันพืชสำหรับทอด ปริมาณท่วมเนื้อกุ้ง
ผัดสดและเส้นหมี่ลวกสำหรับทานกับอาหารตามใจชอบ
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะญวน 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีทำกุ้งพันอ้อย
เริ่มจากการทำน้ำจิ้มก่อน โดยมีอัตราส่วนประกอบด้วย น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต้ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ และ น้ำเปล่า นำมาเคี้ยวให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเหนียว และ ใส่แครอทหั่นฝอดด้วยก็ได้หากชอบกิน
เริ่มนำกุ้งก่อน โดยการแกะเอาเฉพาะเนื้อกุ้งออกมา ล้างให้สะอาด จากนั้นำมาสับให้ละเอียดและนำมาผสมกับมันหมูบดละเอียด ให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้น ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาทราย รากผักชี กระเทียม และ พริกไทยป่น ผสมให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง
ใส่แป้งมันและไข่ขาวลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง และ นำไปหมักในตู้เย็น 45 นาที ให้เนื้อกุ้งเหนียวและเซ็ตตัวก่อน
เมื่อได้เนื้อกุ้งพร้อม ให้นำกุ้งบดมาปั่นใส่แท่งอ้อย ให้ขนาดพอดี ไม่หน้าหรือบางเกินไป
นำกุ้งพันอ้อยไปทอด โดยตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ไปปานกลาง ใส่กุ้งลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็นำขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน
เสริฟใส่จาน ทานคู่กับ เส้นหมี่ ผักสด และ น้ำจิ้มรสเด็ด
เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย
การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสดใหม่ วิธีการเลือกกุ้งสด ให้ดูที่ลักษณะความสมบูรณ์ของตัวกุ้ง เปลือก และ ความแน่นของเนื้อกุ้ง ซึ่งที่สำคัญ คือ เนื้อกุ้งไม่มีกลิ่นเน่า
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เอาหัวออก เอาหางออก นำมาบด โดยการโขรกให้ละเอียด สับ หรือจะปั่นด้วยเครื่องปั่นก็ได้
เคล็ดลับการทำให้เนื้อกุ้งจับตัวเป็นก้อน คือ ไข่ขาว การนำเอาไข่ขาวมาเป็นส่วนผสมของเนื้อกุ้ง เมื่อไข่ขาวสุกจะจับตัวกับอาหาร ทำให้เนื้อกุ้งหมักสามารถจับตัวเป็นก้อนได้
น้ำมันสำหรับนำไปทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ต้องกระทะให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง จะทำให้กุ้งสุกพอดี ไม่ไหม้
เส้นหมี่ ให้นำไปแช่น้ำ ให่นิ่มก่อน และ นำไปลวก แต่สำหรับคนไม่ชอบเส้นหมี่ สามารถใช้เ้นแบบอื่นๆที่ชอบได้ เช่น เส้นขนมจีน หรือ เส้นเล็กลวก ก็สามารถนำมารับระทานได้
กุ้งพันอ้อย ภาษาเวียดนาม เรียก เจ่าโตม Chạo tôm วิธีทำกุ้งพันอ้อย ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ อาหารเวียดนาม เมนูกุ้ง เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ การปรุงรสกุ้งให้อร่อยและเทคนิคการเตรียมอาหาร
สูตรอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ เอาใจคนชอบกินอาหารเวียดนาม วันนี้ เป็น เมนูกุ้งทอด คือ กุ้งพันอ้อย อาหารญวนขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็รู้จัก นำเนื้อกุ้งบดมาปรุงรสพันกับต้นอ้อย และ นำไปทอด หน้าตาคล้ายแหนมเนือง เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย อยู่ที่ วัตถุดิคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด ให้ไม่อมน้ำมัน เป็นอาหารราคาแพง
สูตรกุ้งพันอ้อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งพันอ้อย
กุ้งขาว 20-30 ตัว ประมาณ 1 กิโลกรัม
มันหมูบดละเอียด 100 กรัม
พริกไทยบด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
รากผักชีบด 1 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
แป้งมัน 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือป่น 1 หยิบมือ
อ้อย 1 ท่อน ยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร หั่นและแบ่งเป็นท่อนเล็กๆ 4-5 ท่อน
น้ำมันพืชสำหรับทอด ปริมาณท่วมเนื้อกุ้ง
ผัดสดและเส้นหมี่ลวกสำหรับทานกับอาหารตามใจชอบ
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะญวน 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีทำกุ้งพันอ้อย
เริ่มจากการทำน้ำจิ้มก่อน โดยมีอัตราส่วนประกอบด้วย น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต้ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ และ น้ำเปล่า นำมาเคี้ยวให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเหนียว และ ใส่แครอทหั่นฝอดด้วยก็ได้หากชอบกิน
เริ่มนำกุ้งก่อน โดยการแกะเอาเฉพาะเนื้อกุ้งออกมา ล้างให้สะอาด จากนั้นำมาสับให้ละเอียดและนำมาผสมกับมันหมูบดละเอียด ให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้น ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาทราย รากผักชี กระเทียม และ พริกไทยป่น ผสมให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง
ใส่แป้งมันและไข่ขาวลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง และ นำไปหมักในตู้เย็น 45 นาที ให้เนื้อกุ้งเหนียวและเซ็ตตัวก่อน
เมื่อได้เนื้อกุ้งพร้อม ให้นำกุ้งบดมาปั่นใส่แท่งอ้อย ให้ขนาดพอดี ไม่หน้าหรือบางเกินไป
นำกุ้งพันอ้อยไปทอด โดยตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ไปปานกลาง ใส่กุ้งลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็นำขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน
เสริฟใส่จาน ทานคู่กับ เส้นหมี่ ผักสด และ น้ำจิ้มรสเด็ด
เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย
การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสดใหม่ วิธีการเลือกกุ้งสด ให้ดูที่ลักษณะความสมบูรณ์ของตัวกุ้ง เปลือก และ ความแน่นของเนื้อกุ้ง ซึ่งที่สำคัญ คือ เนื้อกุ้งไม่มีกลิ่นเน่า
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เอาหัวออก เอาหางออก นำมาบด โดยการโขรกให้ละเอียด สับ หรือจะปั่นด้วยเครื่องปั่นก็ได้
เคล็ดลับการทำให้เนื้อกุ้งจับตัวเป็นก้อน คือ ไข่ขาว การนำเอาไข่ขาวมาเป็นส่วนผสมของเนื้อกุ้ง เมื่อไข่ขาวสุกจะจับตัวกับอาหาร ทำให้เนื้อกุ้งหมักสามารถจับตัวเป็นก้อนได้
น้ำมันสำหรับนำไปทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ต้องกระทะให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง จะทำให้กุ้งสุกพอดี ไม่ไหม้
เส้นหมี่ ให้นำไปแช่น้ำ ให่นิ่มก่อน และ นำไปลวก แต่สำหรับคนไม่ชอบเส้นหมี่ สามารถใช้เ้นแบบอื่นๆที่ชอบได้ เช่น เส้นขนมจีน หรือ เส้นเล็กลวก ก็สามารถนำมารับระทานได้
กุ้งพันอ้อย ภาษาเวียดนาม เรียก เจ่าโตม Chạo tôm วิธีทำกุ้งพันอ้อย ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ อาหารเวียดนาม เมนูกุ้ง เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ การปรุงรสกุ้งให้อร่อยและเทคนิคการเตรียมอาหาร
สูตรอาหาร ยอดนิยมสำหรับวันนี้ เอาใจคนชอบกินอาหารเวียดนาม วันนี้ เป็น เมนูกุ้งทอด คือ กุ้งพันอ้อย อาหารญวนขึ้นชื่ออีกหนึ่งเมนูที่ใครๆก็รู้จัก นำเนื้อกุ้งบดมาปรุงรสพันกับต้นอ้อย และ นำไปทอด หน้าตาคล้ายแหนมเนือง เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย อยู่ที่ วัตถุดิคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทอด ให้ไม่อมน้ำมัน เป็นอาหารราคาแพง
สูตรกุ้งพันอ้อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูกุ้ง
ส่วนผสมสำหรับทำกุ้งพันอ้อย
กุ้งขาว 20-30 ตัว ประมาณ 1 กิโลกรัม
มันหมูบดละเอียด 100 กรัม
พริกไทยบด 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
รากผักชีบด 1 ช้อนชา
กระเทียมบด 1 ช้อนชา
แป้งมัน 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 1 ฟอง
เกลือป่น 1 หยิบมือ
อ้อย 1 ท่อน ยาวประมาณ 10 เซ็นติเมตร หั่นและแบ่งเป็นท่อนเล็กๆ 4-5 ท่อน
น้ำมันพืชสำหรับทอด ปริมาณท่วมเนื้อกุ้ง
ผัดสดและเส้นหมี่ลวกสำหรับทานกับอาหารตามใจชอบ
น้ำจิ้มปอเปี๊ยะญวน 1 ถ้วยน้ำจิ้ม
วิธีทำกุ้งพันอ้อย
เริ่มจากการทำน้ำจิ้มก่อน โดยมีอัตราส่วนประกอบด้วย น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต้ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต้ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1 ช้อนโต๊ะ และ น้ำเปล่า นำมาเคี้ยวให้ส่วนผสมละลายเข้ากันจนเหนียว และ ใส่แครอทหั่นฝอดด้วยก็ได้หากชอบกิน
เริ่มนำกุ้งก่อน โดยการแกะเอาเฉพาะเนื้อกุ้งออกมา ล้างให้สะอาด จากนั้นำมาสับให้ละเอียดและนำมาผสมกับมันหมูบดละเอียด ให้ส่วนผสมเข้ากัน
จากนั้น ปรุงรสด้วย เกลือ น้ำตาทราย รากผักชี กระเทียม และ พริกไทยป่น ผสมให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง
ใส่แป้งมันและไข่ขาวลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากับเนื้อกุ้ง และ นำไปหมักในตู้เย็น 45 นาที ให้เนื้อกุ้งเหนียวและเซ็ตตัวก่อน
เมื่อได้เนื้อกุ้งพร้อม ให้นำกุ้งบดมาปั่นใส่แท่งอ้อย ให้ขนาดพอดี ไม่หน้าหรือบางเกินไป
นำกุ้งพันอ้อยไปทอด โดยตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ไปปานกลาง ใส่กุ้งลงไปทอด ให้เหลืองสุก ก็นำขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำมัน
เสริฟใส่จาน ทานคู่กับ เส้นหมี่ ผักสด และ น้ำจิ้มรสเด็ด
เคล็ดลับการทำกุ้งพันอ้อย
การเลือกกุ้ง ให้เลือกกุ้งที่มีความสดใหม่ วิธีการเลือกกุ้งสด ให้ดูที่ลักษณะความสมบูรณ์ของตัวกุ้ง เปลือก และ ความแน่นของเนื้อกุ้ง ซึ่งที่สำคัญ คือ เนื้อกุ้งไม่มีกลิ่นเน่า
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด แกะเปลือก เอาหัวออก เอาหางออก นำมาบด โดยการโขรกให้ละเอียด สับ หรือจะปั่นด้วยเครื่องปั่นก็ได้
เคล็ดลับการทำให้เนื้อกุ้งจับตัวเป็นก้อน คือ ไข่ขาว การนำเอาไข่ขาวมาเป็นส่วนผสมของเนื้อกุ้ง เมื่อไข่ขาวสุกจะจับตัวกับอาหาร ทำให้เนื้อกุ้งหมักสามารถจับตัวเป็นก้อนได้
น้ำมันสำหรับนำไปทอด ให้ใช้น้ำมันใหม่ ต้องกระทะให้น้ำมันร้อน ไฟปานกลาง จะทำให้กุ้งสุกพอดี ไม่ไหม้
เส้นหมี่ ให้นำไปแช่น้ำ ให่นิ่มก่อน และ นำไปลวก แต่สำหรับคนไม่ชอบเส้นหมี่ สามารถใช้เ้นแบบอื่นๆที่ชอบได้ เช่น เส้นขนมจีน หรือ เส้นเล็กลวก ก็สามารถนำมารับระทานได้
กุ้งพันอ้อย ภาษาเวียดนาม เรียก เจ่าโตม Chạo tôm วิธีทำกุ้งพันอ้อย ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ อาหารเวียดนาม เมนูกุ้ง เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ การปรุงรสกุ้งให้อร่อยและเทคนิคการเตรียมอาหาร
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำ เสนอ อาหารเวียดนาม เมนูสุดฮิต เป็น แป้งทอดห่อไส้หมูสับ สูตรพิเศษ แถบน้ำจิ้มรสเด็ด คือ แบ๋งแซ่ว เคล็ดลับการทำแบ๋งเซ่ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมอาหาร การผสมแป้ง และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรแบ๋วแซ่ว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใตง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
Vietnamese Food : ingredients of Crepes Powder
1 cup rice soaked overnight with 2 cups water
5 ounces sifted wheat flour
coconut milk 2 tablespoon
sugar 1 teaspoon
curry powder 1 teaspoon
salt a half of teaspoon
egg 1 egg
Mincemeat Ingredients of Vietnamese Crepes
Pork mashed 1 cup
garlic mashed 2 tablespoon
fish sauce 2 tablespoon
green onion sliced 1 cup
oil 1 tablespoon
Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
bean sprouts 1 cup
Vegetables for Vietnamese crepes
heads of bib lettuce 1 cup
fish sauce 1 cup
Preparation Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
prepare powder by mix all Crepes Powder ingredients together and make it to combine.
Prepare mincemeat by heat oil in a pan and then put garlic stir around 10 sec and then put pork , green onion, fish sauce stir it until it to combine.serve in a bowl.
heat a pan and then put little oil in a pan and then put powder to and pan and make it like a circle. by use low heat. wait until it change color to yellow.
put bean sprouts and pork that already prepare before this to a pan. and then Fold dough in half.
Serve in a dish with vegetable.
วิธีทำขนมเบื้องญวน วิธีทำแบ๋งแซ่ว วิธีทำบั๋นแซ่ว แนะนำ ขั้นตอนการทำ อาหารเวียดนาม ขนมเบื้องญวน แบ๋งแซ่ว Vietnamese Crepes อาหาร เมนูทอด เมนูหมู ขนมเบืองญวน In preparing Vietnamese crepes, it is important that all ingredients are ready before cooking begins. Flour mixture
ประโยชน์ของการกินผัก
ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมา ทำให้ไม่มีของเสียสะสมในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายระบบย่อยดี
ช่วยให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด ร่างกายเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดใส
ช่วยให้อวัยวะภายในของร่างกายแข็งแรง
ขนมเบื้องญวน หรือ แบ๋งแซ่ว อาหารเวียดนาม เมนูแป้งทอด ไส้หมูสับ วิธีทำขนมเบื้องญวน ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูทอด แป้งผสมขมิ้นสูตรพิเศษ นำมาทอดเป็นแผ่น ใส่ไส้หมูสับ กุ้งลวก ถั่วงอก กินคู่กับ น้ำจิ้มรสเด็ด อาหารสุขภาพ เมนูหมู อาหารญวน เมนูยอดนิยม
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำ เสนอ อาหารเวียดนาม เมนูสุดฮิต เป็น แป้งทอดห่อไส้หมูสับ สูตรพิเศษ แถบน้ำจิ้มรสเด็ด คือ แบ๋งแซ่ว เคล็ดลับการทำแบ๋งเซ่ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมอาหาร การผสมแป้ง และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรแบ๋วแซ่ว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใตง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
Vietnamese Food : ingredients of Crepes Powder
1 cup rice soaked overnight with 2 cups water
5 ounces sifted wheat flour
coconut milk 2 tablespoon
sugar 1 teaspoon
curry powder 1 teaspoon
salt a half of teaspoon
egg 1 egg
Mincemeat Ingredients of Vietnamese Crepes
Pork mashed 1 cup
garlic mashed 2 tablespoon
fish sauce 2 tablespoon
green onion sliced 1 cup
oil 1 tablespoon
Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
bean sprouts 1 cup
Vegetables for Vietnamese crepes
heads of bib lettuce 1 cup
fish sauce 1 cup
Preparation Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
prepare powder by mix all Crepes Powder ingredients together and make it to combine.
Prepare mincemeat by heat oil in a pan and then put garlic stir around 10 sec and then put pork , green onion, fish sauce stir it until it to combine.serve in a bowl.
heat a pan and then put little oil in a pan and then put powder to and pan and make it like a circle. by use low heat. wait until it change color to yellow.
put bean sprouts and pork that already prepare before this to a pan. and then Fold dough in half.
Serve in a dish with vegetable.
วิธีทำขนมเบื้องญวน วิธีทำแบ๋งแซ่ว วิธีทำบั๋นแซ่ว แนะนำ ขั้นตอนการทำ อาหารเวียดนาม ขนมเบื้องญวน แบ๋งแซ่ว Vietnamese Crepes อาหาร เมนูทอด เมนูหมู ขนมเบืองญวน In preparing Vietnamese crepes, it is important that all ingredients are ready before cooking begins. Flour mixture
ประโยชน์ของการกินผัก
ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมา ทำให้ไม่มีของเสียสะสมในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายระบบย่อยดี
ช่วยให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด ร่างกายเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดใส
ช่วยให้อวัยวะภายในของร่างกายแข็งแรง
ขนมเบื้องญวน หรือ แบ๋งแซ่ว อาหารเวียดนาม เมนูแป้งทอด ไส้หมูสับ วิธีทำขนมเบื้องญวน ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูทอด แป้งผสมขมิ้นสูตรพิเศษ นำมาทอดเป็นแผ่น ใส่ไส้หมูสับ กุ้งลวก ถั่วงอก กินคู่กับ น้ำจิ้มรสเด็ด อาหารสุขภาพ เมนูหมู อาหารญวน เมนูยอดนิยม
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำ เสนอ อาหารเวียดนาม เมนูสุดฮิต เป็น แป้งทอดห่อไส้หมูสับ สูตรพิเศษ แถบน้ำจิ้มรสเด็ด คือ แบ๋งแซ่ว เคล็ดลับการทำแบ๋งเซ่ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมอาหาร การผสมแป้ง และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรแบ๋วแซ่ว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใตง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
Vietnamese Food : ingredients of Crepes Powder
1 cup rice soaked overnight with 2 cups water
5 ounces sifted wheat flour
coconut milk 2 tablespoon
sugar 1 teaspoon
curry powder 1 teaspoon
salt a half of teaspoon
egg 1 egg
Mincemeat Ingredients of Vietnamese Crepes
Pork mashed 1 cup
garlic mashed 2 tablespoon
fish sauce 2 tablespoon
green onion sliced 1 cup
oil 1 tablespoon
Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
bean sprouts 1 cup
Vegetables for Vietnamese crepes
heads of bib lettuce 1 cup
fish sauce 1 cup
Preparation Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
prepare powder by mix all Crepes Powder ingredients together and make it to combine.
Prepare mincemeat by heat oil in a pan and then put garlic stir around 10 sec and then put pork , green onion, fish sauce stir it until it to combine.serve in a bowl.
heat a pan and then put little oil in a pan and then put powder to and pan and make it like a circle. by use low heat. wait until it change color to yellow.
put bean sprouts and pork that already prepare before this to a pan. and then Fold dough in half.
Serve in a dish with vegetable.
วิธีทำขนมเบื้องญวน วิธีทำแบ๋งแซ่ว วิธีทำบั๋นแซ่ว แนะนำ ขั้นตอนการทำ อาหารเวียดนาม ขนมเบื้องญวน แบ๋งแซ่ว Vietnamese Crepes อาหาร เมนูทอด เมนูหมู ขนมเบืองญวน In preparing Vietnamese crepes, it is important that all ingredients are ready before cooking begins. Flour mixture
ประโยชน์ของการกินผัก
ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมา ทำให้ไม่มีของเสียสะสมในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายระบบย่อยดี
ช่วยให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด ร่างกายเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดใส
ช่วยให้อวัยวะภายในของร่างกายแข็งแรง
ขนมเบื้องญวน หรือ แบ๋งแซ่ว อาหารเวียดนาม เมนูแป้งทอด ไส้หมูสับ วิธีทำขนมเบื้องญวน ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูทอด แป้งผสมขมิ้นสูตรพิเศษ นำมาทอดเป็นแผ่น ใส่ไส้หมูสับ กุ้งลวก ถั่วงอก กินคู่กับ น้ำจิ้มรสเด็ด อาหารสุขภาพ เมนูหมู อาหารญวน เมนูยอดนิยม
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำ เสนอ อาหารเวียดนาม เมนูสุดฮิต เป็น แป้งทอดห่อไส้หมูสับ สูตรพิเศษ แถบน้ำจิ้มรสเด็ด คือ แบ๋งแซ่ว เคล็ดลับการทำแบ๋งเซ่ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมอาหาร การผสมแป้ง และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรแบ๋วแซ่ว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใตง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
Vietnamese Food : ingredients of Crepes Powder
1 cup rice soaked overnight with 2 cups water
5 ounces sifted wheat flour
coconut milk 2 tablespoon
sugar 1 teaspoon
curry powder 1 teaspoon
salt a half of teaspoon
egg 1 egg
Mincemeat Ingredients of Vietnamese Crepes
Pork mashed 1 cup
garlic mashed 2 tablespoon
fish sauce 2 tablespoon
green onion sliced 1 cup
oil 1 tablespoon
Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
bean sprouts 1 cup
Vegetables for Vietnamese crepes
heads of bib lettuce 1 cup
fish sauce 1 cup
Preparation Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
prepare powder by mix all Crepes Powder ingredients together and make it to combine.
Prepare mincemeat by heat oil in a pan and then put garlic stir around 10 sec and then put pork , green onion, fish sauce stir it until it to combine.serve in a bowl.
heat a pan and then put little oil in a pan and then put powder to and pan and make it like a circle. by use low heat. wait until it change color to yellow.
put bean sprouts and pork that already prepare before this to a pan. and then Fold dough in half.
Serve in a dish with vegetable.
วิธีทำขนมเบื้องญวน วิธีทำแบ๋งแซ่ว วิธีทำบั๋นแซ่ว แนะนำ ขั้นตอนการทำ อาหารเวียดนาม ขนมเบื้องญวน แบ๋งแซ่ว Vietnamese Crepes อาหาร เมนูทอด เมนูหมู ขนมเบืองญวน In preparing Vietnamese crepes, it is important that all ingredients are ready before cooking begins. Flour mixture
ประโยชน์ของการกินผัก
ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมา ทำให้ไม่มีของเสียสะสมในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายระบบย่อยดี
ช่วยให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด ร่างกายเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดใส
ช่วยให้อวัยวะภายในของร่างกายแข็งแรง
ขนมเบื้องญวน หรือ แบ๋งแซ่ว อาหารเวียดนาม เมนูแป้งทอด ไส้หมูสับ วิธีทำขนมเบื้องญวน ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูทอด แป้งผสมขมิ้นสูตรพิเศษ นำมาทอดเป็นแผ่น ใส่ไส้หมูสับ กุ้งลวก ถั่วงอก กินคู่กับ น้ำจิ้มรสเด็ด อาหารสุขภาพ เมนูหมู อาหารญวน เมนูยอดนิยม
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำ เสนอ อาหารเวียดนาม เมนูสุดฮิต เป็น แป้งทอดห่อไส้หมูสับ สูตรพิเศษ แถบน้ำจิ้มรสเด็ด คือ แบ๋งแซ่ว เคล็ดลับการทำแบ๋งเซ่ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ การเตรียมอาหาร การผสมแป้ง และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรแบ๋วแซ่ว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใตง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
Vietnamese Food : ingredients of Crepes Powder
1 cup rice soaked overnight with 2 cups water
5 ounces sifted wheat flour
coconut milk 2 tablespoon
sugar 1 teaspoon
curry powder 1 teaspoon
salt a half of teaspoon
egg 1 egg
Mincemeat Ingredients of Vietnamese Crepes
Pork mashed 1 cup
garlic mashed 2 tablespoon
fish sauce 2 tablespoon
green onion sliced 1 cup
oil 1 tablespoon
Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
bean sprouts 1 cup
Vegetables for Vietnamese crepes
heads of bib lettuce 1 cup
fish sauce 1 cup
Preparation Crepe stuffing of Vietnamese Crepes
prepare powder by mix all Crepes Powder ingredients together and make it to combine.
Prepare mincemeat by heat oil in a pan and then put garlic stir around 10 sec and then put pork , green onion, fish sauce stir it until it to combine.serve in a bowl.
heat a pan and then put little oil in a pan and then put powder to and pan and make it like a circle. by use low heat. wait until it change color to yellow.
put bean sprouts and pork that already prepare before this to a pan. and then Fold dough in half.
Serve in a dish with vegetable.
วิธีทำขนมเบื้องญวน วิธีทำแบ๋งแซ่ว วิธีทำบั๋นแซ่ว แนะนำ ขั้นตอนการทำ อาหารเวียดนาม ขนมเบื้องญวน แบ๋งแซ่ว Vietnamese Crepes อาหาร เมนูทอด เมนูหมู ขนมเบืองญวน In preparing Vietnamese crepes, it is important that all ingredients are ready before cooking begins. Flour mixture
ประโยชน์ของการกินผัก
ทำให้ร่างกายขับถ่ายของเสียออกมา ทำให้ไม่มีของเสียสะสมในร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายระบบย่อยดี
ช่วยให้เลือดถูกฟอกให้สะอาด ร่างกายเสื่อมช้าลง ผิวพรรณสดใส
ช่วยให้อวัยวะภายในของร่างกายแข็งแรง
ขนมเบื้องญวน หรือ แบ๋งแซ่ว อาหารเวียดนาม เมนูแป้งทอด ไส้หมูสับ วิธีทำขนมเบื้องญวน ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูทอด แป้งผสมขมิ้นสูตรพิเศษ นำมาทอดเป็นแผ่น ใส่ไส้หมูสับ กุ้งลวก ถั่วงอก กินคู่กับ น้ำจิ้มรสเด็ด อาหารสุขภาพ เมนูหมู อาหารญวน เมนูยอดนิยม
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
ตกลงวงการวิจารณ์นิยายให้ดูห่วยๆคนจะได้ไม่กล้าซื้อมันมีจริงสินะ โทรลลงขนาดนี้
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูแสนอร่อยๆสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารเวียดนาม อาหารเชิงวัฒนธรรม นิยมทำรับประทานในเทศการรวมญาติต่างๆ วันตรุษญวน วันไหว่บรรพบุรุษ หากจะเรียกเมนูนี้แบบง่ายๆ คือ ขาหมูตุ๋นสมุนไพร ส่วนประกอบในการปรุงอาหารมีสมุนไพรต่างๆครบครัน เช่น ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ แต่งรสชาติ ด้วย กะปิ น้ำตาล และ เต้าเจี้ยว เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหย่าเก่ย หรือ ขาหมูตุ่นสมุนไพร เมนูหมูแบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสสำหรับทำหย่าเก่ย
เนื้อส่วนขาหมู หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ข่านำมาซอยเป็นแผ่น 1 หัว
ตะไคร้หั่นเป็นท่อน 4-5 ต้น
ใบมะกรูด ฉีก 5-8 ใบ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 4 ช้อนโต้ะ
ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต้ะ
เหล้าขาว 3 ช้อนโต้ะ
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
วิธีทำหย่าเก่ย
เริ่มจากการหมักหมู โดยส่วนผสมประกอบด้วย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด กะปิ น้ำตาล ซอสน้ำมันหอย น้ำปลา เต้าเจี้ยว และ เหล้าขาว หมักให้เข้ากัน และ แช่เย็นไว้ 1 คืน
จากนั้นตั้งหม้อต้มน้ำใส่ให้เต็มหม้อ และ ใส่ส่วนผสมที่หมักไว้ลงไปต้ม แต่เคี้ยวด้วยไฟปานกลาง
เคี้ยวไปเรื่อยๆจนน้ำลดลงเหลือครึ่งหม้อ แสดงว่าได้ที่ เนื้อหมูเริ่มนุ่ม น้ำซุปเค้มข้น สามารถเสริฟรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหย่าเก่ย
เนื้อหมูสำหรับเมนูนี้ให้ใช้เนื้อขาหมู นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ ขนาดพอคำ ให้ขนาดหนาหน่อย เนื่องจาก การต้มต้องใช้เวลานาน กว่า หนังหมูจะเปื่อย หากหั่นบาง เนื้อหมูจะเปื่อยก่อนที่หนังหมูจะเปื่อย
กะปิ ใช้ กะปิคลองโคลน ใส่ตามอัตราส่วนที่กำหนด เมื่อ กะปิ โดนส่วนผสมอื่นๆ จะทำให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น
ขาหมูที่นำมาทำอาหาร ให้ขูดขนหมูออกให้หมดก่อน โดยการนำไปเผาไฟ และ
ข่า ตะไคร้ สำหรับ นำมาต้มน้ำซุปนั้น ไม่ต้องบดให้ละเอียด หั่นให้เป็นชิ้น ขนาดหนาๆ การต้มให้ขนาดหนา จะไม่มีเศษตะไคร้ และ ข่า มากวนรสชาติของอาหาร แต่ได้รสชาติของ สมุนไพร อย่างเต็มๆ เช่นกัน
การต้มหมูนั้น หากน้ำแห้งแล้ว แต่ หมูยังไม่เปื่อย ให้เติมน้ำลงไปเพิ่ม อย่าปล่อยให้น้ำแห้งจนไหม้
การหมูให้หมักทิ้งในตู้เย็น 1 คืน จะได้เนื้อหมูที่มีรสชาติอร่อย
เต้าเจี้ยวให้เลือกใช้เต้าเจี้ยวบดอย่างดี
ใบมะกรูด ให้เอาแกนใบออกจะทำให้น้ำแกงไม่ขมแกนใบ
หย่าเกย ขาหมูตุ๋นสมุนไพร สูตรเวียดนาม หอมสมุนไพร รสเข้มข้น วิธีทำหย่าเกย ง่ายๆสามารทำกินเองได้ เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเลือกวัตถุดิบ การปรุงรสชาติ และ เทคนิคการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
จัดให้ผมสักตีน จะได้ไหม
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
ยิ่งได้หลายๆตีนก็ยิ่งดีใหญ่
ผมไม่ชอบกินเป็ด
ผมไม่ชอบกินผัก ไม่ใช่อาหารโปรดผม
พวกเนื้อวัวเนื้อแกะ
แพะก็ไม่นิยม มีแต่นมที่ผมพอกินได้
ปลาแซลมอนก็เบื่อ
กุ้งลายเสือก็เอียน
หอยเปาฮือก็เลี่ยนไม่ไหว
พวกเนื้อกวางเนื้อเก้ง
ผมก็เซ็งจะตาย
ผมติดใจอยากกินแต่ตีน
เหตุผลที่ผมช้อบชอบกินตีน
ก็ยิ่งกินยิ่งฟินมันขาดตีนไม่ได้
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
จัดให้ผมสักตีน จะได้ไหม
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
อยากได้หลายๆตีน ขอตีนใหญ่ๆ
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยมสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ เมนูยำอร่อยๆ น้ำยำสูตรพิเศษด้วยน้ำพริกเผา และ วัตถุดิบหลักที่อร่อยๆ คือ ยําหอยนางรม เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับเมนูหอยนางรม เป็นอาหารบำรุงกำลัง สำหรับคู่รักข้าวใหม่ปลามัน ช่วยเพิ่มกำลังวังชา อาหารเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และ ทำให้อสุจิแข็งแรง
สูตรยำหอยนางรม อาหารยำ เมนูหอยนางรม แบบง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ
ส่วนผสมสำหรับทำยำหอยนางรม
หอยนางรม 1 จาน (ปริมาณตามต้องการ)
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปีี๊บ 1 ช้อนชา
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมแดง 2 หัว นำมาซอยเล็กๆ
พริกขี้หนูสวน 3 เม็ด นำมาซอย
ข่านำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
ขิงนำมาซอยเป็นเส้นเล็กๆ 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 กลีบ บดให้ละเอียด
กระเทียม 2 กลีบ นำมาฝานเป็นแผ่นๆ
พริกแห้งทอด สำหรับโรยหน้า ประมาณ 3-4 เม็ด
ผักสำหรับโรยหน้า เช่น ใบสาระแหน่ ใบอ่อนชะอม เป็นต้น
วิธีทำยำหอยนางรม
เริ่มจากการเตรียมน้ำยำ ให้นำส่วนผสมต่างๆ ประกอบด้วย น้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก พริกขี้หนูสวน กระเทียมบด และ น้ำตาลปี๊บ คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นำมาพักไว้ก่อน
ล้างหอยนางรมให้สะอาด จากนั้นนำหอยนางรม ตะไคร้ หอมแดง กระเทียมฝาน ขิง และข่า นำไปคลุกเคล้ากับน้ำยำที่เตรียมไว้แล้ว
เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย พริกแห้งทอด ยอดอ่อนชะอม และ ใบสาระแหน่ เพียวเท่านี้ก็พร้อมที่จะรับประทาน
เคล็ดลับการทำยำหอยนางรม
การเลือกซื้อหอยนางรม ต้องเลือกซื้อหอยที่สดใหม่ และสะอาด โดยวิธีเลือกซื้อหอยนางรม ให้ดูที่น้ำแช่หอยนางรม น้ำต้องใส ถ้าเป็นหอยนางรมใหม่ๆสดๆ น้ำที่แช่หอยนางรมจะใส ถ้าเป็นหอยนางรมเก่าน้ำจะไม่ใส ถึงเปลี่ยนน้ำใหม่น้ำก็จะไม่ใส และดูสีของหอยนางรม ต้องสีขาว ดูอิ่ม
การเตรียมหอยนางรมให้ล้างให้สะอาด ล้างเบาๆด้วยน้ำสะอาด ล้างจนกว่าน้ำแช่หอยรางรมจะใส
สำหรับขิง ข่า และตะไคร้ ให้ซอยเล็กๆให้เคี้ยวง่าย เพราะเนื้อขิง ข่า และ ตะไคร้ หยาบหากหั่นหนาจะเคี้ยวยาก
น้ำตาลสำหรับนำมาทำยำเลือกใช้น้ำตาลปี๊บ เนื่องจากความหวานของน้ำตาลปี๊บ เหมาะสำหรับอาหารยำ
ยอดชะอม ให้นำไปลวกก่อน ให้ชะอมคลายกลิ่นฉุน
หอยนางรม เป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะเป็นแหล่งของวิตามินนานาชนิด ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี และวิตามินดี วิธีทำยำหอยนางรม ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทย เมนูไข่ คือ ไข่ขมิ้น ลักษณะคล้ายไข่พะโล้ แต่ มีความจัดจ้านมากกว่า และ หอมกลิ่นขมิิ้น เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำเตรีนมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทย เมนูไข่ คือ ไข่ขมิ้น ลักษณะคล้ายไข่พะโล้ แต่ มีความจัดจ้านมากกว่า และ หอมกลิ่นขมิิ้น เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำเตรีนมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทย เมนูไข่ คือ ไข่ขมิ้น ลักษณะคล้ายไข่พะโล้ แต่ มีความจัดจ้านมากกว่า และ หอมกลิ่นขมิิ้น เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำเตรีนมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทย เมนูไข่ คือ ไข่ขมิ้น ลักษณะคล้ายไข่พะโล้ แต่ มีความจัดจ้านมากกว่า และ หอมกลิ่นขมิิ้น เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำเตรีนมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารไทย เมนูไข่ คือ ไข่ขมิ้น ลักษณะคล้ายไข่พะโล้ แต่ มีความจัดจ้านมากกว่า และ หอมกลิ่นขมิิ้น เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการทำเตรีนมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรไข่ขมิ้น ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร
ส่วนผสมสำหรับทำไข่ขมิ้น
ไข่ไก่ 4-5 ฟอง
ไข่นกกระทา 10 ฟอง
น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต้ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ขมิ้นใต้ 1 ช้อนโต้ะ
รากผักชี 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 1 ช้อนโต้ะ
น้ำซุปกระดูก 1 ถ้วยตวง
วิธีทำไข่ขมิ้น
เริ่มจากการต้มไข่ไก่ และ ไข่นกกระทา ให้สุก โดยให้สุกแบบไข่มะตูม ไม่ต้องให้ไข่แดงสุกมากเกินไป ปลอกเปลือก และ พักเอาไว้ก่อน
เตรียม รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น นำส่วนผสมทั้งหมดมาโขรกให้ละเอียด เป็นเนื้อเดียวกัน
ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้น โขรกละเอียด ลงไปผัด ให้กลิ่นหอม
จากนั้นใส่ น้ำตาลปี๊บ ลงไปผัด เคี้ยวจนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล
เติมน้ำซุปกระดูกลงไป ปรุงรสด้วยเกลือป่น
ใส่ไข่ต้มที่เตรียมไว้ลงไป เคี้ยวสักพักให้สีของไข่เปลี่ยน และ ตัวไข่เกาะซอสขมิ้น
ปิดไฟ เสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วยผักชี พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำไข่ขมิ้น
ไข่ต้ม ให้ต้มไข่แบบไม่ต้องสุกมาก ให้เป็นแบบไข่ยางมะตูม เนื่องจากไข่ต้มต้องนำไปเคี่ยวกับซอสต่อ จะได้ไข่ที่สุกและไม่สุกเกินไป ไข่แดงจะไม่แห้งเกินไป น่ารับประทาน
น้ำตาลให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน และ หอม อร่อยๆ เหมาะสำหรับเมนูนี้
เทคนิคการเคี้ยวน้ำตาล ให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะได้สีสันที่น่ารับประทาน โดยไม่ต้องใส่ซอสสีดำ แต่ การเคี้ยวอย่าให้นานเกินไป จนน้ำตาลไหม้ หากน้ำตาลไหม้ จะให้รสขม กินไม่ได้ ต้องทิ้งไปเลย และ ทำใหม่
ขมิ้น ให้เลือกใช้ขมิ้นใต้ เนื่องจากขมิ้นใต้ หอม อร่อย เหมาะสำหรับนำมาทำอาหาร
น้ำซุป ให้เลือกใช้น้ำซุปกระดูก เหมาะกว่าน้ำซุปผัก หรือ น้ำเปล่า
เทคนิคอีกอย่าง คือ การโขรก รากผักชี กระเทียม พริกไทย และ ขมิ้นแยกกัน เวลานำไปผัด ให้ใส่อัตราส่วนเท่ากัน วิธีนี้จะทำให้ความหอมของเครื่องทั้ง 4 ไม่ปนกัน จะได้ความหอมของสมุนไพร อย่างเต็มที่
สามารถเลือกใช้ไข่อะไรก็ได้ ไข่เป็ด ไข่ไก่ หรือ ไข่นกกระทา ซึ่ง เทคนิคสำคัญ คือ ทำให้ไข่สุกพอดี ไม่แห้งและกระด้างเกินไป ไข่จึงอร่อย
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารใต้ อาหารพื้นบ้าน คือ หมูสามชั้นผัดกะปิ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสามชั้นผัดกะปิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหมูสามชั้นผัดกะปิ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
เนื้อหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 จาน ประมาณ 1 ขีด
พริกชี้หนูสวน 1 ช้อนโต้ะ นำมาบด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
พริกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หั่นเฉียง
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
ต้นหอม 1 ต้น หั่นหยาบๆ
วิธีทำมะเขือม่วงผัดกะปิ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปผัด แบบสะดุ้งน้ำมัน ให้พอสุกเนื้อเด้งๆ และ นำขึ้นจากกระทะมาพักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเริ่มผัดโดย ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ กระเทียมและพริกขี้หนูสวน ลงไปผัด ให้หอม
ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน และ กะปิ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
ใส่หมูสามชั้น และ พริกเม็ดใหญ่ ลงไปผัด ผัดจนหมูสามชั้นสุกได้ที่
ปิดไฟ ใส่ต้นหอมลงไปผัด และ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้น ให้เลือกหมูสามชั้นที่สดๆ ใหม่ และ เลือกส่วนสันคอหมู หรือ ส่วนใต้ราวนม จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นส่วนที่ไขมันน้อย และ นุ่มอร่อย
การเตรียมหมูสามชั้นสำหรับผัด ให้นำหมูสามชั้นลงไปผัดสะดุ้งไฟให้สุกก่อน เนื่องจากหมูสามชั้นสุกยาก และ หมูสามชั้นที่อร่อยมันหมูต้องไม่แข็งไป ต้องผัดให้ได้ที่จนมันหมูนุ่ม การผัดหมูก่อน ทำให้ได้หมูสามชั้นที่มันหมูสุกได้ที่ และ หากนำหมูลงไปผัดเลย อาจทำให้เครื่องที่ใช้ในการผัดไหม้ก่อนหมูสุก
ผัดพริกและกระเทียมให้หอมก่อน จึงค่อยปรุงรส และ หากซอสแห้งไป สามารถเติมน้ำซุปลงไปได้ เพื่อทำให้อาหารไม่แห้งเกินไป
กะปิ ให้เลือกใช้กะปิแท้ จึงจะได้อาหารเมนูกะปิที่รสชาติถึงใจ
การเลือกใช้พริก เลือกใช้ทั้งพริกขี้หนูสวน และ พริกเม็ดใหญ่ จะได้ทั้งรสชาติและสีสัน
หมูสามชั้นผัดกะปิ อาหารไทย เมนูหมูสามชั้น อาหารพื้นบ้าน แบบง่าย วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิ ไม่ยาก สามารถทำกินเองได้ เมนูกะปิ กับข้าวจากหมูสามชั้น หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง มีกะปิทำอะไรกินดี
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารใต้ อาหารพื้นบ้าน คือ หมูสามชั้นผัดกะปิ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสามชั้นผัดกะปิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหมูสามชั้นผัดกะปิ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
เนื้อหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 จาน ประมาณ 1 ขีด
พริกชี้หนูสวน 1 ช้อนโต้ะ นำมาบด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
พริกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หั่นเฉียง
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
ต้นหอม 1 ต้น หั่นหยาบๆ
วิธีทำมะเขือม่วงผัดกะปิ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปผัด แบบสะดุ้งน้ำมัน ให้พอสุกเนื้อเด้งๆ และ นำขึ้นจากกระทะมาพักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเริ่มผัดโดย ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ กระเทียมและพริกขี้หนูสวน ลงไปผัด ให้หอม
ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน และ กะปิ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
ใส่หมูสามชั้น และ พริกเม็ดใหญ่ ลงไปผัด ผัดจนหมูสามชั้นสุกได้ที่
ปิดไฟ ใส่ต้นหอมลงไปผัด และ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้น ให้เลือกหมูสามชั้นที่สดๆ ใหม่ และ เลือกส่วนสันคอหมู หรือ ส่วนใต้ราวนม จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นส่วนที่ไขมันน้อย และ นุ่มอร่อย
การเตรียมหมูสามชั้นสำหรับผัด ให้นำหมูสามชั้นลงไปผัดสะดุ้งไฟให้สุกก่อน เนื่องจากหมูสามชั้นสุกยาก และ หมูสามชั้นที่อร่อยมันหมูต้องไม่แข็งไป ต้องผัดให้ได้ที่จนมันหมูนุ่ม การผัดหมูก่อน ทำให้ได้หมูสามชั้นที่มันหมูสุกได้ที่ และ หากนำหมูลงไปผัดเลย อาจทำให้เครื่องที่ใช้ในการผัดไหม้ก่อนหมูสุก
ผัดพริกและกระเทียมให้หอมก่อน จึงค่อยปรุงรส และ หากซอสแห้งไป สามารถเติมน้ำซุปลงไปได้ เพื่อทำให้อาหารไม่แห้งเกินไป
กะปิ ให้เลือกใช้กะปิแท้ จึงจะได้อาหารเมนูกะปิที่รสชาติถึงใจ
การเลือกใช้พริก เลือกใช้ทั้งพริกขี้หนูสวน และ พริกเม็ดใหญ่ จะได้ทั้งรสชาติและสีสัน
หมูสามชั้นผัดกะปิ อาหารไทย เมนูหมูสามชั้น อาหารพื้นบ้าน แบบง่าย วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิ ไม่ยาก สามารถทำกินเองได้ เมนูกะปิ กับข้าวจากหมูสามชั้น หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง มีกะปิทำอะไรกินดี
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารใต้ อาหารพื้นบ้าน คือ หมูสามชั้นผัดกะปิ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสามชั้นผัดกะปิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหมูสามชั้นผัดกะปิ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
เนื้อหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 จาน ประมาณ 1 ขีด
พริกชี้หนูสวน 1 ช้อนโต้ะ นำมาบด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
พริกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หั่นเฉียง
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
ต้นหอม 1 ต้น หั่นหยาบๆ
วิธีทำมะเขือม่วงผัดกะปิ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปผัด แบบสะดุ้งน้ำมัน ให้พอสุกเนื้อเด้งๆ และ นำขึ้นจากกระทะมาพักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเริ่มผัดโดย ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ กระเทียมและพริกขี้หนูสวน ลงไปผัด ให้หอม
ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน และ กะปิ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
ใส่หมูสามชั้น และ พริกเม็ดใหญ่ ลงไปผัด ผัดจนหมูสามชั้นสุกได้ที่
ปิดไฟ ใส่ต้นหอมลงไปผัด และ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้น ให้เลือกหมูสามชั้นที่สดๆ ใหม่ และ เลือกส่วนสันคอหมู หรือ ส่วนใต้ราวนม จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นส่วนที่ไขมันน้อย และ นุ่มอร่อย
การเตรียมหมูสามชั้นสำหรับผัด ให้นำหมูสามชั้นลงไปผัดสะดุ้งไฟให้สุกก่อน เนื่องจากหมูสามชั้นสุกยาก และ หมูสามชั้นที่อร่อยมันหมูต้องไม่แข็งไป ต้องผัดให้ได้ที่จนมันหมูนุ่ม การผัดหมูก่อน ทำให้ได้หมูสามชั้นที่มันหมูสุกได้ที่ และ หากนำหมูลงไปผัดเลย อาจทำให้เครื่องที่ใช้ในการผัดไหม้ก่อนหมูสุก
ผัดพริกและกระเทียมให้หอมก่อน จึงค่อยปรุงรส และ หากซอสแห้งไป สามารถเติมน้ำซุปลงไปได้ เพื่อทำให้อาหารไม่แห้งเกินไป
กะปิ ให้เลือกใช้กะปิแท้ จึงจะได้อาหารเมนูกะปิที่รสชาติถึงใจ
การเลือกใช้พริก เลือกใช้ทั้งพริกขี้หนูสวน และ พริกเม็ดใหญ่ จะได้ทั้งรสชาติและสีสัน
หมูสามชั้นผัดกะปิ อาหารไทย เมนูหมูสามชั้น อาหารพื้นบ้าน แบบง่าย วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิ ไม่ยาก สามารถทำกินเองได้ เมนูกะปิ กับข้าวจากหมูสามชั้น หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง มีกะปิทำอะไรกินดี
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารใต้ อาหารพื้นบ้าน คือ หมูสามชั้นผัดกะปิ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสามชั้นผัดกะปิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหมูสามชั้นผัดกะปิ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
เนื้อหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 จาน ประมาณ 1 ขีด
พริกชี้หนูสวน 1 ช้อนโต้ะ นำมาบด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
พริกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หั่นเฉียง
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
ต้นหอม 1 ต้น หั่นหยาบๆ
วิธีทำมะเขือม่วงผัดกะปิ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปผัด แบบสะดุ้งน้ำมัน ให้พอสุกเนื้อเด้งๆ และ นำขึ้นจากกระทะมาพักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเริ่มผัดโดย ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ กระเทียมและพริกขี้หนูสวน ลงไปผัด ให้หอม
ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน และ กะปิ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
ใส่หมูสามชั้น และ พริกเม็ดใหญ่ ลงไปผัด ผัดจนหมูสามชั้นสุกได้ที่
ปิดไฟ ใส่ต้นหอมลงไปผัด และ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้น ให้เลือกหมูสามชั้นที่สดๆ ใหม่ และ เลือกส่วนสันคอหมู หรือ ส่วนใต้ราวนม จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นส่วนที่ไขมันน้อย และ นุ่มอร่อย
การเตรียมหมูสามชั้นสำหรับผัด ให้นำหมูสามชั้นลงไปผัดสะดุ้งไฟให้สุกก่อน เนื่องจากหมูสามชั้นสุกยาก และ หมูสามชั้นที่อร่อยมันหมูต้องไม่แข็งไป ต้องผัดให้ได้ที่จนมันหมูนุ่ม การผัดหมูก่อน ทำให้ได้หมูสามชั้นที่มันหมูสุกได้ที่ และ หากนำหมูลงไปผัดเลย อาจทำให้เครื่องที่ใช้ในการผัดไหม้ก่อนหมูสุก
ผัดพริกและกระเทียมให้หอมก่อน จึงค่อยปรุงรส และ หากซอสแห้งไป สามารถเติมน้ำซุปลงไปได้ เพื่อทำให้อาหารไม่แห้งเกินไป
กะปิ ให้เลือกใช้กะปิแท้ จึงจะได้อาหารเมนูกะปิที่รสชาติถึงใจ
การเลือกใช้พริก เลือกใช้ทั้งพริกขี้หนูสวน และ พริกเม็ดใหญ่ จะได้ทั้งรสชาติและสีสัน
หมูสามชั้นผัดกะปิ อาหารไทย เมนูหมูสามชั้น อาหารพื้นบ้าน แบบง่าย วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิ ไม่ยาก สามารถทำกินเองได้ เมนูกะปิ กับข้าวจากหมูสามชั้น หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง มีกะปิทำอะไรกินดี
อาหารไทย เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารใต้ อาหารพื้นบ้าน คือ หมูสามชั้นผัดกะปิ เคล็ดลับความอร่อยของหมูสามชั้นผัดกะปิ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรหมูสามชั้นผัดกะปิ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูหมูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
เนื้อหมูสามชั้น หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1 จาน ประมาณ 1 ขีด
พริกชี้หนูสวน 1 ช้อนโต้ะ นำมาบด
กระเทียมบด 1 ช้อนโต้ะ
พริกเม็ดใหญ่ 2 เม็ด หั่นเฉียง
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต้ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต้ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต้ะ
เหล้าจีน 1 ช้อนโต้ะ
ต้นหอม 1 ต้น หั่นหยาบๆ
วิธีทำมะเขือม่วงผัดกะปิ
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นนำหมูสามชั้นลงไปผัด แบบสะดุ้งน้ำมัน ให้พอสุกเนื้อเด้งๆ และ นำขึ้นจากกระทะมาพักเอาไว้ก่อน
จากนั้นเริ่มผัดโดย ตั้งกระทะน้ำมัน ใส่ กระเทียมและพริกขี้หนูสวน ลงไปผัด ให้หอม
ปรุงรสด้วย ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย ซอสปรุงรส ซอสถั่วเหลือง เหล้าจีน และ กะปิ ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน
ใส่หมูสามชั้น และ พริกเม็ดใหญ่ ลงไปผัด ผัดจนหมูสามชั้นสุกได้ที่
ปิดไฟ ใส่ต้นหอมลงไปผัด และ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับการทำหมูสามชั้นผัดกะปิ
หมูสามชั้น ให้เลือกหมูสามชั้นที่สดๆ ใหม่ และ เลือกส่วนสันคอหมู หรือ ส่วนใต้ราวนม จะเป็นเนื้อหมูสามชั้นส่วนที่ไขมันน้อย และ นุ่มอร่อย
การเตรียมหมูสามชั้นสำหรับผัด ให้นำหมูสามชั้นลงไปผัดสะดุ้งไฟให้สุกก่อน เนื่องจากหมูสามชั้นสุกยาก และ หมูสามชั้นที่อร่อยมันหมูต้องไม่แข็งไป ต้องผัดให้ได้ที่จนมันหมูนุ่ม การผัดหมูก่อน ทำให้ได้หมูสามชั้นที่มันหมูสุกได้ที่ และ หากนำหมูลงไปผัดเลย อาจทำให้เครื่องที่ใช้ในการผัดไหม้ก่อนหมูสุก
ผัดพริกและกระเทียมให้หอมก่อน จึงค่อยปรุงรส และ หากซอสแห้งไป สามารถเติมน้ำซุปลงไปได้ เพื่อทำให้อาหารไม่แห้งเกินไป
กะปิ ให้เลือกใช้กะปิแท้ จึงจะได้อาหารเมนูกะปิที่รสชาติถึงใจ
การเลือกใช้พริก เลือกใช้ทั้งพริกขี้หนูสวน และ พริกเม็ดใหญ่ จะได้ทั้งรสชาติและสีสัน
หมูสามชั้นผัดกะปิ อาหารไทย เมนูหมูสามชั้น อาหารพื้นบ้าน แบบง่าย วิธีทำหมูสามชั้นผัดกะปิ ไม่ยาก สามารถทำกินเองได้ เมนูกะปิ กับข้าวจากหมูสามชั้น หมูสามชั้นทำอะไรกินได้บ้าง มีกะปิทำอะไรกินดี
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านแบบง่าย หาทานในเมืองหลวงยากหน่อย คือ แกงใบเหลียงต้มกะทิ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
แกงกะทิใบเหลียงกุ้งสด อาหารไทย เมนูแกง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำใบเหลียงต้มกะทิ
ใบเหลียงอ่อน ฉีกเป็นชิ้นอดีคำ 2 จาน
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
กุ้งสด ตัดหัว ผ่าหลัง 5-6 ตัว (ตามใจชอบ)
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทยแห้งเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ
เตรียมเครื่องแกง โดย การ โขรก กะปิ หอมแดง พริกไทย และ กุ้งแห้ง โขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้น ตั้งหม้อต้ม ใส่หางกะทิลงไปต้ม ใช้ไฟอ่อนๆ อย่าให้กะทิแตกมัน เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ต้ม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่กุ้งสดลงไปต้ม เมื่อกุ้งเริ่มสุก ให้ใส่ ใบเหลียงลงไปต้ม ชิ่มรสชาติ
จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้ส่วนผสมได้ที่ จากนั้นปิดไป และ ใส่ไข่ไก่ลงไปผสมกวนให้น้ำแกงมีความค้นและมัน
เท่านี้ ก็สามารถ เสริฟ แกงกะทิใบเหลียง ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำแกงกะทิใบเหลียง
ใบเหลียง ให้เลือกใบอ่อน เนื่องจากใบอ่อนจะเคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รับประทานอร่อยกว่าใบแก่ๆ
เมื่อได้ใบเหลียงมาแล้ว ให้ล้างให้สะอาด อย่าให้มีเศษฝุ่นเจือปน และ ฉีกใบเหลียงรอไว้เลย
กุ้ง ต้องเลือกใช้ กุ้งที่สดๆ ตัวโตๆ เทคนิคการเลือกกุ้ง นั้น ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัวกุ้ง หัวไม่หลุดจากตัว เนื้อกุ้งแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่มีสีเขียว หรือ เหลือง ปน
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหัวออก ปลอกเปลือก ผ่าหลัง สำหรับเมนูนี้ให้เอาหัวกุ้งออก เนื่องจากหากใส่หัวกุ้งลงไปต้ม จะทำให้มันกุ้งออกมา น้ำแกงจะเป็นสีส้ม ไม่น่ารับประทาน
กะทิ ให้ใช้กะทิสด เป็นกะทิที่คั้นสดๆ จะได้ความหอม มัน และ อร่อย ให้กรองให้สะอาด
การต้มน้ำแกง กะทินั้น ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากต้องระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
การใส่ไข่ไก่ลงไป ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดความมันทำให้น้ำแกงมีรสอร่อย น่ารับประทาน
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้าน ของทางปักษ์ใต้ หลายๆคนจะรู้จักแต่ สะตอ แต่มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ใบเหลียง วันนี้เราจึงนำเสนอ แกงกะทิใบเหลียง หรือ ใบเหลียงต้มกะทิ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของใบเหลียง คือ มีความมัน และกลิ่นไม่แรง สรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย เป็นไฟเบอร์ชั้นดี มีสารต้านอนุมูนอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันมะเร็งได้ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ น้ำกะทิต้องใช้ ทั้งหัวกะทิ และ หางกะทิ กุ้งต้องใช้สดๆ การปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี อร่อย
ใบเหลียงต้มกะทิ อาหารไทย อาหารใต้ เมนูแกงกะทิ เมนูกุ้ง วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ ใช้ใบเหลียงเป็นส่วนประกอบหลัก อาหารรสชาติอร่อย แบบพื้นบ้าน ใบเหลียงทำอะไรกินได้บ้าง มีกะทิทำอะไรกินดี ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด แกงกะทิใบเหลียง
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านแบบง่าย หาทานในเมืองหลวงยากหน่อย คือ แกงใบเหลียงต้มกะทิ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
แกงกะทิใบเหลียงกุ้งสด อาหารไทย เมนูแกง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำใบเหลียงต้มกะทิ
ใบเหลียงอ่อน ฉีกเป็นชิ้นอดีคำ 2 จาน
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
กุ้งสด ตัดหัว ผ่าหลัง 5-6 ตัว (ตามใจชอบ)
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทยแห้งเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ
เตรียมเครื่องแกง โดย การ โขรก กะปิ หอมแดง พริกไทย และ กุ้งแห้ง โขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้น ตั้งหม้อต้ม ใส่หางกะทิลงไปต้ม ใช้ไฟอ่อนๆ อย่าให้กะทิแตกมัน เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ต้ม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่กุ้งสดลงไปต้ม เมื่อกุ้งเริ่มสุก ให้ใส่ ใบเหลียงลงไปต้ม ชิ่มรสชาติ
จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้ส่วนผสมได้ที่ จากนั้นปิดไป และ ใส่ไข่ไก่ลงไปผสมกวนให้น้ำแกงมีความค้นและมัน
เท่านี้ ก็สามารถ เสริฟ แกงกะทิใบเหลียง ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำแกงกะทิใบเหลียง
ใบเหลียง ให้เลือกใบอ่อน เนื่องจากใบอ่อนจะเคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รับประทานอร่อยกว่าใบแก่ๆ
เมื่อได้ใบเหลียงมาแล้ว ให้ล้างให้สะอาด อย่าให้มีเศษฝุ่นเจือปน และ ฉีกใบเหลียงรอไว้เลย
กุ้ง ต้องเลือกใช้ กุ้งที่สดๆ ตัวโตๆ เทคนิคการเลือกกุ้ง นั้น ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัวกุ้ง หัวไม่หลุดจากตัว เนื้อกุ้งแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่มีสีเขียว หรือ เหลือง ปน
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหัวออก ปลอกเปลือก ผ่าหลัง สำหรับเมนูนี้ให้เอาหัวกุ้งออก เนื่องจากหากใส่หัวกุ้งลงไปต้ม จะทำให้มันกุ้งออกมา น้ำแกงจะเป็นสีส้ม ไม่น่ารับประทาน
กะทิ ให้ใช้กะทิสด เป็นกะทิที่คั้นสดๆ จะได้ความหอม มัน และ อร่อย ให้กรองให้สะอาด
การต้มน้ำแกง กะทินั้น ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากต้องระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
การใส่ไข่ไก่ลงไป ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดความมันทำให้น้ำแกงมีรสอร่อย น่ารับประทาน
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้าน ของทางปักษ์ใต้ หลายๆคนจะรู้จักแต่ สะตอ แต่มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ใบเหลียง วันนี้เราจึงนำเสนอ แกงกะทิใบเหลียง หรือ ใบเหลียงต้มกะทิ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของใบเหลียง คือ มีความมัน และกลิ่นไม่แรง สรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย เป็นไฟเบอร์ชั้นดี มีสารต้านอนุมูนอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันมะเร็งได้ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ น้ำกะทิต้องใช้ ทั้งหัวกะทิ และ หางกะทิ กุ้งต้องใช้สดๆ การปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี อร่อย
ใบเหลียงต้มกะทิ อาหารไทย อาหารใต้ เมนูแกงกะทิ เมนูกุ้ง วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ ใช้ใบเหลียงเป็นส่วนประกอบหลัก อาหารรสชาติอร่อย แบบพื้นบ้าน ใบเหลียงทำอะไรกินได้บ้าง มีกะทิทำอะไรกินดี ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด แกงกะทิใบเหลียง
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านแบบง่าย หาทานในเมืองหลวงยากหน่อย คือ แกงใบเหลียงต้มกะทิ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
แกงกะทิใบเหลียงกุ้งสด อาหารไทย เมนูแกง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำใบเหลียงต้มกะทิ
ใบเหลียงอ่อน ฉีกเป็นชิ้นอดีคำ 2 จาน
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
กุ้งสด ตัดหัว ผ่าหลัง 5-6 ตัว (ตามใจชอบ)
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทยแห้งเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ
เตรียมเครื่องแกง โดย การ โขรก กะปิ หอมแดง พริกไทย และ กุ้งแห้ง โขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้น ตั้งหม้อต้ม ใส่หางกะทิลงไปต้ม ใช้ไฟอ่อนๆ อย่าให้กะทิแตกมัน เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ต้ม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่กุ้งสดลงไปต้ม เมื่อกุ้งเริ่มสุก ให้ใส่ ใบเหลียงลงไปต้ม ชิ่มรสชาติ
จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้ส่วนผสมได้ที่ จากนั้นปิดไป และ ใส่ไข่ไก่ลงไปผสมกวนให้น้ำแกงมีความค้นและมัน
เท่านี้ ก็สามารถ เสริฟ แกงกะทิใบเหลียง ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำแกงกะทิใบเหลียง
ใบเหลียง ให้เลือกใบอ่อน เนื่องจากใบอ่อนจะเคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รับประทานอร่อยกว่าใบแก่ๆ
เมื่อได้ใบเหลียงมาแล้ว ให้ล้างให้สะอาด อย่าให้มีเศษฝุ่นเจือปน และ ฉีกใบเหลียงรอไว้เลย
กุ้ง ต้องเลือกใช้ กุ้งที่สดๆ ตัวโตๆ เทคนิคการเลือกกุ้ง นั้น ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัวกุ้ง หัวไม่หลุดจากตัว เนื้อกุ้งแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่มีสีเขียว หรือ เหลือง ปน
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหัวออก ปลอกเปลือก ผ่าหลัง สำหรับเมนูนี้ให้เอาหัวกุ้งออก เนื่องจากหากใส่หัวกุ้งลงไปต้ม จะทำให้มันกุ้งออกมา น้ำแกงจะเป็นสีส้ม ไม่น่ารับประทาน
กะทิ ให้ใช้กะทิสด เป็นกะทิที่คั้นสดๆ จะได้ความหอม มัน และ อร่อย ให้กรองให้สะอาด
การต้มน้ำแกง กะทินั้น ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากต้องระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
การใส่ไข่ไก่ลงไป ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดความมันทำให้น้ำแกงมีรสอร่อย น่ารับประทาน
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้าน ของทางปักษ์ใต้ หลายๆคนจะรู้จักแต่ สะตอ แต่มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ใบเหลียง วันนี้เราจึงนำเสนอ แกงกะทิใบเหลียง หรือ ใบเหลียงต้มกะทิ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของใบเหลียง คือ มีความมัน และกลิ่นไม่แรง สรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย เป็นไฟเบอร์ชั้นดี มีสารต้านอนุมูนอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันมะเร็งได้ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ น้ำกะทิต้องใช้ ทั้งหัวกะทิ และ หางกะทิ กุ้งต้องใช้สดๆ การปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี อร่อย
ใบเหลียงต้มกะทิ อาหารไทย อาหารใต้ เมนูแกงกะทิ เมนูกุ้ง วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ ใช้ใบเหลียงเป็นส่วนประกอบหลัก อาหารรสชาติอร่อย แบบพื้นบ้าน ใบเหลียงทำอะไรกินได้บ้าง มีกะทิทำอะไรกินดี ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด แกงกะทิใบเหลียง
สูตรอาหารยอดนิยม เมนูอาหารแสนอร่อย สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้านแบบง่าย หาทานในเมืองหลวงยากหน่อย คือ แกงใบเหลียงต้มกะทิ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
แกงกะทิใบเหลียงกุ้งสด อาหารไทย เมนูแกง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูพื้นบ้าน
ส่วนผสมสำหรับทำใบเหลียงต้มกะทิ
ใบเหลียงอ่อน ฉีกเป็นชิ้นอดีคำ 2 จาน
หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
กุ้งสด ตัดหัว ผ่าหลัง 5-6 ตัว (ตามใจชอบ)
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 1 ช้อนโต้ะ
พริกไทยแห้งเม็ด 1 ช้อนโต้ะ
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
ไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ
เตรียมเครื่องแกง โดย การ โขรก กะปิ หอมแดง พริกไทย และ กุ้งแห้ง โขรกให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
จากนั้น ตั้งหม้อต้ม ใส่หางกะทิลงไปต้ม ใช้ไฟอ่อนๆ อย่าให้กะทิแตกมัน เมื่อกะทิเริ่มเดือด ใส่เครื่องแกงลงไป ต้ม
ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นใส่กุ้งสดลงไปต้ม เมื่อกุ้งเริ่มสุก ให้ใส่ ใบเหลียงลงไปต้ม ชิ่มรสชาติ
จากนั้นใส่หัวกะทิลงไป ต้มให้ส่วนผสมได้ที่ จากนั้นปิดไป และ ใส่ไข่ไก่ลงไปผสมกวนให้น้ำแกงมีความค้นและมัน
เท่านี้ ก็สามารถ เสริฟ แกงกะทิใบเหลียง ได้แล้ว
เคล็ดลับการทำแกงกะทิใบเหลียง
ใบเหลียง ให้เลือกใบอ่อน เนื่องจากใบอ่อนจะเคี้ยวง่าย ไม่เหนียว รับประทานอร่อยกว่าใบแก่ๆ
เมื่อได้ใบเหลียงมาแล้ว ให้ล้างให้สะอาด อย่าให้มีเศษฝุ่นเจือปน และ ฉีกใบเหลียงรอไว้เลย
กุ้ง ต้องเลือกใช้ กุ้งที่สดๆ ตัวโตๆ เทคนิคการเลือกกุ้ง นั้น ให้เลือกกุ้งที่มีความสมบูรณ์ เปลือกติดกับตัวกุ้ง หัวไม่หลุดจากตัว เนื้อกุ้งแน่น ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า ไม่มีสีเขียว หรือ เหลือง ปน
การเตรียมกุ้ง ให้ล้างกุ้งให้สะอาด ตัดหัวออก ปลอกเปลือก ผ่าหลัง สำหรับเมนูนี้ให้เอาหัวกุ้งออก เนื่องจากหากใส่หัวกุ้งลงไปต้ม จะทำให้มันกุ้งออกมา น้ำแกงจะเป็นสีส้ม ไม่น่ารับประทาน
กะทิ ให้ใช้กะทิสด เป็นกะทิที่คั้นสดๆ จะได้ความหอม มัน และ อร่อย ให้กรองให้สะอาด
การต้มน้ำแกง กะทินั้น ต้องใช้ไฟอ่อนๆ เนื่องจากต้องระวังอย่าให้กะทิแตกมัน
การใส่ไข่ไก่ลงไป ในขั้นตอนสุดท้าย ทำให้เกิดความมันทำให้น้ำแกงมีรสอร่อย น่ารับประทาน
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้าน ของทางปักษ์ใต้ หลายๆคนจะรู้จักแต่ สะตอ แต่มีผักพื้นบ้านที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ ใบเหลียง วันนี้เราจึงนำเสนอ แกงกะทิใบเหลียง หรือ ใบเหลียงต้มกะทิ คุณสมบัติอย่างหนึ่งของใบเหลียง คือ มีความมัน และกลิ่นไม่แรง สรรพคุณทางสมุนไพรมากมาย เป็นไฟเบอร์ชั้นดี มีสารต้านอนุมูนอิสระ มีประโยชน์ต่อร่างกาย ป้องกันมะเร็งได้ เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ อยู่ที่ เทคนิคการเลือกวัตถุดิบ น้ำกะทิต้องใช้ ทั้งหัวกะทิ และ หางกะทิ กุ้งต้องใช้สดๆ การปรุงรสชาติที่ให้รสชาติพอดี อร่อย
ใบเหลียงต้มกะทิ อาหารไทย อาหารใต้ เมนูแกงกะทิ เมนูกุ้ง วิธีทำใบเหลียงต้มกะทิ ใช้ใบเหลียงเป็นส่วนประกอบหลัก อาหารรสชาติอร่อย แบบพื้นบ้าน ใบเหลียงทำอะไรกินได้บ้าง มีกะทิทำอะไรกินดี ผักเหลียงต้มกะทิกุ้งสด แกงกะทิใบเหลียง
>>879 อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
จัดให้ผมสักตีน จะได้ไหม
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
ยิ่งได้หลายๆตีนก็ยิ่งดีใหญ่
ผมไม่ชอบกินเป็ด
ผมไม่ชอบกินผัก ไม่ใช่อาหารโปรดผม
พวกเนื้อวัวเนื้อแกะ
แพะก็ไม่นิยม มีแต่นมที่ผมพอกินได้
ปลาแซลมอนก็เบื่อ
กุ้งลายเสือก็เอียน
หอยเปาฮือก็เลี่ยนไม่ไหว
พวกเนื้อกวางเนื้อเก้ง
ผมก็เซ็งจะตาย
ผมติดใจอยากกินแต่ตีน
เหตุผลที่ผมช้อบชอบกินตีน
ก็ยิ่งกินยิ่งฟินมันขาดตีนไม่ได้
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
จัดให้ผมสักตีน จะได้ไหม
อยากกินตีนไก่ ตีนไก่
อยากได้หลายๆตีน ขอตีนใหญ่ๆ
ใครรำคาญอีโทรลของแก๊งค์เหี้ยนั่น ก็ตามมาจ้า
ห้องเม้าท์ "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องหมาหมู่ "💩 ด้อมสำหรับสับนิยายของแก๊งค์หมาหมู่ 💩".
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องนักเขียน "ห้องปรึกษาสารพัดปัญหาของนักเขียน".
https://line.me/ti/g2/MMI-aoU_3e9tb5UU3M3rNg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ใครรำคาญอีโทรลของแก๊งค์เหี้ยนั่น ก็ตามมาจ้า
ห้องเม้าท์ "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องหมาหมู่ "💩 ด้อมสำหรับสับนิยายของแก๊งค์หมาหมู่ 💩".
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องนักเขียน "ห้องปรึกษาสารพัดปัญหาของนักเขียน".
https://line.me/ti/g2/MMI-aoU_3e9tb5UU3M3rNg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ใครรำคาญอีโทรลของแก๊งค์เหี้ยนั่น ก็ตามมาจ้า
ห้องเม้าท์ "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องหมาหมู่ "💩 ด้อมสำหรับสับนิยายของแก๊งค์หมาหมู่ 💩".
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องนักเขียน "ห้องปรึกษาสารพัดปัญหาของนักเขียน".
https://line.me/ti/g2/MMI-aoU_3e9tb5UU3M3rNg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ใครรำคาญอีโทรลของแก๊งค์เหี้ยนั่น ก็ตามมาจ้า
ห้องเม้าท์ "สมาพันธ์สาวฟุนักเมาท์".
https://line.me/ti/g2/ZfcBtJOaY6GMZiSMoVVJFw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องหมาหมู่ "💩 ด้อมสำหรับสับนิยายของแก๊งค์หมาหมู่ 💩".
https://line.me/ti/g2/duu4Faw5nKszTgOoakaqLw?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
ห้องนักเขียน "ห้องปรึกษาสารพัดปัญหาของนักเขียน".
https://line.me/ti/g2/MMI-aoU_3e9tb5UU3M3rNg?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
>>885 ความเคยชินมีผลเยอะนะ ฝรั่งทำคลิปแบบนี้ จริตแบบนี้เป็นปกติ เพราะงั้นพวกฝรั่งเลยทำคลิปวิจารณ์แรงๆได้โดยไม่ค่อยโดนดราม่ากันไง แล้วพอมีคนไทยทำแบบฝรั่ง คนไทยที่ไม่ชินก็เลยไม่ชอบใจ มองว่าไม่มีมารยาทไป ซึ่งกูไม่แปลกใจนะที่คนไทยจะไม่ชอบ มันคนละสังคมแหละ ใครทำอะไรแหกคอกมันก็ไม่ถูกใจคนในสังคมนั้นเป็นธรรมดา คนไทยไม่ชอบอะไรแรงๆอยู่แล้ว ดูอย่างพวกโฆษณาก็ได้ แบรนด์ฝรั่งบลัฟกันแรงๆเป็นปกติเลย แต่ถ้าแบรนด์ไทยทำบ้างน่าจะโดนดราม่า
>>886 คือแล้วคลิปวิจารณ์แรงๆ นี่มันดีกว่าคลิปวิจารณ์ที่มีมารยาทยังไงหรอวะ กูเก็ตพ้อยต์ที่มึงจะสื่อนะแต่ก็รู้สึกเหมือนโดนบอกว่าแหกคอกแล้วดีกว่ายังไงบอกไม่ถูก 5555 คือคนเขียนจะรู้สึกออฟเฟนส์เพราะความแรงนี่มันก็ไม่ได้แปลกอะไรเปล่า คนเขียนบางคนก็เซนซิทีฟเกินจริง แค่เสนอคคห.ธรรมดายังไม่ได้ แต่คือถ้าติแรงๆ มาแล้วพอเค้าหรือคนอื่นอ่านแล้วรส.ไม่ดีก็บอกว่า เพราะยังไม่ชินล่ะสิ ต่างประเทศเค้าทำกันได้ กูว่ามันไม่ใช่เท่าไรอะ คืออย่างที่กูบอกแหละว่ากูเห็นด้วยที่มีคนเริ่มทำคลิปวิจารณ์ แต่กูก็สงสัยว่าทำไมคนต้องมาปกป้องจริตแรงๆ ของนางด้วยคำว่าตปท.ก็ทำกันจังเลย ถึงมีคนทำคลิปโต้นางกลับว่านางไม่ควรใช้จริตแบบนี้ กูเชื่อว่าเดี๋ยวก็มีคนบอกว่า ตปท.ก็ทำกัน อีกอยู่ดี กูอาจจะจิตใจบอบบางเกินไปที่รู้สึกว่าคนเราควรมีมารยาทต่อกันไว้ก่อนก็ได้นะ 555555555
กูไม่ได้ไม่ชิน แต่กูไม่ชอบ นางวิจารณ์นิยายได้ คนอื่นก็วิจารณ์การพรีเซนต์ของนางได้เหมือนกัน หิวแสงต้องไม่ใจบางว่ะ
KY สงสัยมานาน แบคทีเรียกับสนพ.นบ. นี่คือเจ้าของเดียวกัน ?
ไม่ได้อะไรนะแต่ขำโม่งสอนมารยาทในการวิจารณ์ 555555 ที่นี่คือที่สุดท้ายในโลกที่กูจะโยงเข้าหาคำว่ามารยาท 55555555
พูดกูเมิงแต่ก็มีมารยาทมั้ย กูว่ากูสุภาพกว่าพวกเฟมทวิตแอคเห็บเยอะ
ใช่เพราะมันมองไม่เห็นหน้าว่าพวกมึงกำลังทำกิริยาอะไรอยู่ ยิ้มเจื่อน มองบน เบะปาก
แต่ถ้าดูแค่ข้อความ พวกมึงก็ไม่ต่างกับเฟมทวิตเท่าไหร่ กูว่ามีเฟมทวิตมาเล่นชัว เว็ปมันไม่ได้จำกัดให้ใครเข้ามาเล่นนิ แล้วพวกมึงหลายคนก็เป็นคนที่สิงทวิตเต้อเสพภาษาทวิตเต้อมา ต่อให้เปลี่ยนมาโพสลงที่นี่แทนก็คล้ายๆพวกที่โพสในทวิตอยู่ดี มึงจะยกว่าโม่งอยู่เหนือกว่าเหล่าเฟมทวิตไม่ได้ทั้งๆที่เฟมทวิตบางคนก็ยังมาเล่นด้วยซ้ำ
คลิปลงในไหนวะ
อาหาร สูตรอาหาร เมนูยอดนิยมสำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ คือ น้ำพริกโจร ที่มาของน้ำพริกโจร คือ ณ บ้านหนังหนึ่ง มีขโมยขึ้นบ้าน โจรที่ขโมยของ หิวข้าวมาก จึงได้ นำ กะปิ กุ้งสด พริก ต้นหอม มะนาว และ น้ำตาล นำมาผสมกัน ซึ่งรสชาติอร่อยจึงมีการแพร่หลายกันมา เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้อยู่ที่วัตถุดิบคุรภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกหยำ
กุ้งสดๆ 5-10 ตัว ให้แกะเปลือก ตัดหัว ตัดหาง และ ผ่าเส้นที่หลังออก
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบด 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ต้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผักสด สำหรับทานเป็นผักเคียงใช้ทานคู่กับน้ำพริก เช่น แตงกวา มะเขือเปาะ เป็นต้น
วิธีทำน้ำพริกหยำ
เริ่มจาก เมื่อเราแกะกุ้งพร้อมแล้ว ล้างให้สะอาด และ นำกุ้งลงไปลวกในน้ำเดือดๆ จากนั้นนำเนื้อกุ้งลวกไปสับให้พอหยาบๆ
นำกะปิมาห่อด้วยในตอง และ นำไปย่างให้สุก
เตรียมทำน้ำพริก โดยเตรียมครก ใส่ พริก กะปิ น้ำมะนาว เกลือป่น และ น้ำตาลปี๊บ มาโขรกให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
จากนั้น นำเนื้อกุ้งลวก ใส่ลงไปผสม ตามด้วย ต้นหอม คลุกเคล้าให้กุ้งเข้ากับส่วนผสม
เสริฟน้ำพริกใส่ถ้วยน้ำพริก พร้อมด้วยผักเคียงตามใจชอบ
เคล็ดลับการทำน้ำพริกโจร
สำหรับการเลือกกุ้ง ต้องเลือกกุ้งที่สดๆ โดยเทคนิคการเลือกกุ้ง เอากุ้งขนาดกลาง ตัวกุ้งสมบูรณ์ หัวไม่หลุด เปลือกกุ้งติดกับเนื้อกุ้ง เนื้อกุ้งแน่น ไม่นุ่ม ที่สำคัญไม่มีกลิ่นเน่า
การเลือกซื้อกะปิ ให้เลือกใช้กะปิคลองโคลน เป็นกะปิชั้นดี กลิ่นหอม การเตรียมกะปิสำหรับทำน้ำพริก ให้นำกะปิไปห่อใบตองและนำไปย่างให้กะปิสุก ให้กลิ่นหอม การทำเช่นนี้เพื่อให้กะปิสุก และ ให้กลิ่นหอม เวลานำมาทำน้ำพริกจะทำให้ไม่บูดง่าย
การเลือกใช้พริก สำหรับนำมาทำน้ำพริก ให้ใช้พริกขี้หนูสวน ความเผ็ดของพริกขี้หนูสวนจะให้รสชาติของอาหารได้ดี
น้ำตาลสำหรับทำน้ำพริก ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน หอม จะเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารไทย
เทคนิคการลวกเนื้อกุ้ง เนื่องจากเนื้อกุ้งสุกง่าย และ หากเนื้อกุ้งสุกเกินไป จะแข็ง และหยาบกระด้าง ไม่อร่อย จึงควรลวกกุ้งไม่ให้สุกเกินไป ลวกพอสะดุ้งน้ำเดือดพอ
อาหารคลีน สำหรับคยรักสุขภาพ กินไม่อ้วน อาหารสำหรับการลดน้ำหนัก วิธีทำ สูตรอาหาร เมนูน้ำพริก น้ำพริกทำอย่างไร น้ำพริก แบบไทยๆ อาหารง่ายๆ อาหารไทย กับข้าวจากกุ้ง อาหารสุขภาพ เมนูน้ำพริกจากกุ้ง
น้ำพริกหยำ หรือ น้ำพริกโจร คือ อาหารปักษ์ใต้ เมนูน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน วิธีทำน้ำพริกโจร ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ น้ำพริกจากกุ้ง กุ้งทำอะไรกินได้บ้าง สูตรน้ำพริกหยำ สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
อาหาร สูตรอาหาร เมนูยอดนิยมสำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ คือ น้ำพริกโจร ที่มาของน้ำพริกโจร คือ ณ บ้านหนังหนึ่ง มีขโมยขึ้นบ้าน โจรที่ขโมยของ หิวข้าวมาก จึงได้ นำ กะปิ กุ้งสด พริก ต้นหอม มะนาว และ น้ำตาล นำมาผสมกัน ซึ่งรสชาติอร่อยจึงมีการแพร่หลายกันมา เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้อยู่ที่วัตถุดิบคุรภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกหยำ
กุ้งสดๆ 5-10 ตัว ให้แกะเปลือก ตัดหัว ตัดหาง และ ผ่าเส้นที่หลังออก
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบด 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ต้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผักสด สำหรับทานเป็นผักเคียงใช้ทานคู่กับน้ำพริก เช่น แตงกวา มะเขือเปาะ เป็นต้น
วิธีทำน้ำพริกหยำ
เริ่มจาก เมื่อเราแกะกุ้งพร้อมแล้ว ล้างให้สะอาด และ นำกุ้งลงไปลวกในน้ำเดือดๆ จากนั้นนำเนื้อกุ้งลวกไปสับให้พอหยาบๆ
นำกะปิมาห่อด้วยในตอง และ นำไปย่างให้สุก
เตรียมทำน้ำพริก โดยเตรียมครก ใส่ พริก กะปิ น้ำมะนาว เกลือป่น และ น้ำตาลปี๊บ มาโขรกให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
จากนั้น นำเนื้อกุ้งลวก ใส่ลงไปผสม ตามด้วย ต้นหอม คลุกเคล้าให้กุ้งเข้ากับส่วนผสม
เสริฟน้ำพริกใส่ถ้วยน้ำพริก พร้อมด้วยผักเคียงตามใจชอบ
เคล็ดลับการทำน้ำพริกโจร
สำหรับการเลือกกุ้ง ต้องเลือกกุ้งที่สดๆ โดยเทคนิคการเลือกกุ้ง เอากุ้งขนาดกลาง ตัวกุ้งสมบูรณ์ หัวไม่หลุด เปลือกกุ้งติดกับเนื้อกุ้ง เนื้อกุ้งแน่น ไม่นุ่ม ที่สำคัญไม่มีกลิ่นเน่า
การเลือกซื้อกะปิ ให้เลือกใช้กะปิคลองโคลน เป็นกะปิชั้นดี กลิ่นหอม การเตรียมกะปิสำหรับทำน้ำพริก ให้นำกะปิไปห่อใบตองและนำไปย่างให้กะปิสุก ให้กลิ่นหอม การทำเช่นนี้เพื่อให้กะปิสุก และ ให้กลิ่นหอม เวลานำมาทำน้ำพริกจะทำให้ไม่บูดง่าย
การเลือกใช้พริก สำหรับนำมาทำน้ำพริก ให้ใช้พริกขี้หนูสวน ความเผ็ดของพริกขี้หนูสวนจะให้รสชาติของอาหารได้ดี
น้ำตาลสำหรับทำน้ำพริก ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน หอม จะเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารไทย
เทคนิคการลวกเนื้อกุ้ง เนื่องจากเนื้อกุ้งสุกง่าย และ หากเนื้อกุ้งสุกเกินไป จะแข็ง และหยาบกระด้าง ไม่อร่อย จึงควรลวกกุ้งไม่ให้สุกเกินไป ลวกพอสะดุ้งน้ำเดือดพอ
อาหารคลีน สำหรับคยรักสุขภาพ กินไม่อ้วน อาหารสำหรับการลดน้ำหนัก วิธีทำ สูตรอาหาร เมนูน้ำพริก น้ำพริกทำอย่างไร น้ำพริก แบบไทยๆ อาหารง่ายๆ อาหารไทย กับข้าวจากกุ้ง อาหารสุขภาพ เมนูน้ำพริกจากกุ้ง
น้ำพริกหยำ หรือ น้ำพริกโจร คือ อาหารปักษ์ใต้ เมนูน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน วิธีทำน้ำพริกโจร ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ น้ำพริกจากกุ้ง กุ้งทำอะไรกินได้บ้าง สูตรน้ำพริกหยำ สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
อาหาร สูตรอาหาร เมนูยอดนิยมสำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ คือ น้ำพริกโจร ที่มาของน้ำพริกโจร คือ ณ บ้านหนังหนึ่ง มีขโมยขึ้นบ้าน โจรที่ขโมยของ หิวข้าวมาก จึงได้ นำ กะปิ กุ้งสด พริก ต้นหอม มะนาว และ น้ำตาล นำมาผสมกัน ซึ่งรสชาติอร่อยจึงมีการแพร่หลายกันมา เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้อยู่ที่วัตถุดิบคุรภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกหยำ
กุ้งสดๆ 5-10 ตัว ให้แกะเปลือก ตัดหัว ตัดหาง และ ผ่าเส้นที่หลังออก
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบด 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ต้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผักสด สำหรับทานเป็นผักเคียงใช้ทานคู่กับน้ำพริก เช่น แตงกวา มะเขือเปาะ เป็นต้น
วิธีทำน้ำพริกหยำ
เริ่มจาก เมื่อเราแกะกุ้งพร้อมแล้ว ล้างให้สะอาด และ นำกุ้งลงไปลวกในน้ำเดือดๆ จากนั้นนำเนื้อกุ้งลวกไปสับให้พอหยาบๆ
นำกะปิมาห่อด้วยในตอง และ นำไปย่างให้สุก
เตรียมทำน้ำพริก โดยเตรียมครก ใส่ พริก กะปิ น้ำมะนาว เกลือป่น และ น้ำตาลปี๊บ มาโขรกให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
จากนั้น นำเนื้อกุ้งลวก ใส่ลงไปผสม ตามด้วย ต้นหอม คลุกเคล้าให้กุ้งเข้ากับส่วนผสม
เสริฟน้ำพริกใส่ถ้วยน้ำพริก พร้อมด้วยผักเคียงตามใจชอบ
เคล็ดลับการทำน้ำพริกโจร
สำหรับการเลือกกุ้ง ต้องเลือกกุ้งที่สดๆ โดยเทคนิคการเลือกกุ้ง เอากุ้งขนาดกลาง ตัวกุ้งสมบูรณ์ หัวไม่หลุด เปลือกกุ้งติดกับเนื้อกุ้ง เนื้อกุ้งแน่น ไม่นุ่ม ที่สำคัญไม่มีกลิ่นเน่า
การเลือกซื้อกะปิ ให้เลือกใช้กะปิคลองโคลน เป็นกะปิชั้นดี กลิ่นหอม การเตรียมกะปิสำหรับทำน้ำพริก ให้นำกะปิไปห่อใบตองและนำไปย่างให้กะปิสุก ให้กลิ่นหอม การทำเช่นนี้เพื่อให้กะปิสุก และ ให้กลิ่นหอม เวลานำมาทำน้ำพริกจะทำให้ไม่บูดง่าย
การเลือกใช้พริก สำหรับนำมาทำน้ำพริก ให้ใช้พริกขี้หนูสวน ความเผ็ดของพริกขี้หนูสวนจะให้รสชาติของอาหารได้ดี
น้ำตาลสำหรับทำน้ำพริก ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน หอม จะเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารไทย
เทคนิคการลวกเนื้อกุ้ง เนื่องจากเนื้อกุ้งสุกง่าย และ หากเนื้อกุ้งสุกเกินไป จะแข็ง และหยาบกระด้าง ไม่อร่อย จึงควรลวกกุ้งไม่ให้สุกเกินไป ลวกพอสะดุ้งน้ำเดือดพอ
อาหารคลีน สำหรับคยรักสุขภาพ กินไม่อ้วน อาหารสำหรับการลดน้ำหนัก วิธีทำ สูตรอาหาร เมนูน้ำพริก น้ำพริกทำอย่างไร น้ำพริก แบบไทยๆ อาหารง่ายๆ อาหารไทย กับข้าวจากกุ้ง อาหารสุขภาพ เมนูน้ำพริกจากกุ้ง
น้ำพริกหยำ หรือ น้ำพริกโจร คือ อาหารปักษ์ใต้ เมนูน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน วิธีทำน้ำพริกโจร ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ น้ำพริกจากกุ้ง กุ้งทำอะไรกินได้บ้าง สูตรน้ำพริกหยำ สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
อาหาร สูตรอาหาร เมนูยอดนิยมสำหรับวันนี้ เป็น อาหารพื้นบ้านของภาคใต้ คือ น้ำพริกโจร ที่มาของน้ำพริกโจร คือ ณ บ้านหนังหนึ่ง มีขโมยขึ้นบ้าน โจรที่ขโมยของ หิวข้าวมาก จึงได้ นำ กะปิ กุ้งสด พริก ต้นหอม มะนาว และ น้ำตาล นำมาผสมกัน ซึ่งรสชาติอร่อยจึงมีการแพร่หลายกันมา เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้อยู่ที่วัตถุดิบคุรภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ
สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำพริกหยำ
กุ้งสดๆ 5-10 ตัว ให้แกะเปลือก ตัดหัว ตัดหาง และ ผ่าเส้นที่หลังออก
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูบด 2 ช้อนโต้ะ
ต้นหอมซอย 1 ต้น
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ผักสด สำหรับทานเป็นผักเคียงใช้ทานคู่กับน้ำพริก เช่น แตงกวา มะเขือเปาะ เป็นต้น
วิธีทำน้ำพริกหยำ
เริ่มจาก เมื่อเราแกะกุ้งพร้อมแล้ว ล้างให้สะอาด และ นำกุ้งลงไปลวกในน้ำเดือดๆ จากนั้นนำเนื้อกุ้งลวกไปสับให้พอหยาบๆ
นำกะปิมาห่อด้วยในตอง และ นำไปย่างให้สุก
เตรียมทำน้ำพริก โดยเตรียมครก ใส่ พริก กะปิ น้ำมะนาว เกลือป่น และ น้ำตาลปี๊บ มาโขรกให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
จากนั้น นำเนื้อกุ้งลวก ใส่ลงไปผสม ตามด้วย ต้นหอม คลุกเคล้าให้กุ้งเข้ากับส่วนผสม
เสริฟน้ำพริกใส่ถ้วยน้ำพริก พร้อมด้วยผักเคียงตามใจชอบ
เคล็ดลับการทำน้ำพริกโจร
สำหรับการเลือกกุ้ง ต้องเลือกกุ้งที่สดๆ โดยเทคนิคการเลือกกุ้ง เอากุ้งขนาดกลาง ตัวกุ้งสมบูรณ์ หัวไม่หลุด เปลือกกุ้งติดกับเนื้อกุ้ง เนื้อกุ้งแน่น ไม่นุ่ม ที่สำคัญไม่มีกลิ่นเน่า
การเลือกซื้อกะปิ ให้เลือกใช้กะปิคลองโคลน เป็นกะปิชั้นดี กลิ่นหอม การเตรียมกะปิสำหรับทำน้ำพริก ให้นำกะปิไปห่อใบตองและนำไปย่างให้กะปิสุก ให้กลิ่นหอม การทำเช่นนี้เพื่อให้กะปิสุก และ ให้กลิ่นหอม เวลานำมาทำน้ำพริกจะทำให้ไม่บูดง่าย
การเลือกใช้พริก สำหรับนำมาทำน้ำพริก ให้ใช้พริกขี้หนูสวน ความเผ็ดของพริกขี้หนูสวนจะให้รสชาติของอาหารได้ดี
น้ำตาลสำหรับทำน้ำพริก ให้เลือกใช้น้ำตาลปี๊บ ความหวาน หอม จะเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารไทย
เทคนิคการลวกเนื้อกุ้ง เนื่องจากเนื้อกุ้งสุกง่าย และ หากเนื้อกุ้งสุกเกินไป จะแข็ง และหยาบกระด้าง ไม่อร่อย จึงควรลวกกุ้งไม่ให้สุกเกินไป ลวกพอสะดุ้งน้ำเดือดพอ
อาหารคลีน สำหรับคยรักสุขภาพ กินไม่อ้วน อาหารสำหรับการลดน้ำหนัก วิธีทำ สูตรอาหาร เมนูน้ำพริก น้ำพริกทำอย่างไร น้ำพริก แบบไทยๆ อาหารง่ายๆ อาหารไทย กับข้าวจากกุ้ง อาหารสุขภาพ เมนูน้ำพริกจากกุ้ง
น้ำพริกหยำ หรือ น้ำพริกโจร คือ อาหารปักษ์ใต้ เมนูน้ำพริก อาหารพื้นบ้าน วิธีทำน้ำพริกโจร ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ น้ำพริกจากกุ้ง กุ้งทำอะไรกินได้บ้าง สูตรน้ำพริกหยำ สูตรน้ำพริกโจร ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูน้ำพริก
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ยาวเกิน3บรรทัดกูไม่ให้ค่า
ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคือเรื่องลิขสิทธิ์ครับ ผมเองก็เป็นหนึ่งในไรท์ที่กลัวการลอกงานมาก เพราะถ้าเขาเขียนจบก่อน คือเราซวย! แถมยังมีประเด็นอีกมากมายเช่น เขาลอกไปแล้วยอดวิวเยอะกว่าเพราะคนละเว็บ หรืออะไรต่างๆ นานาทั้งสิ้น
จะให้ทำใจหรอ? ..ถามจริง ใครจะทำได้ครับ เป็นใคร ใครก็รักงานตัวเอง เป็นใคร ใครก็หวง จะให้มาทำใจล่ะก็ฝันไปเถอะ!
แต่ผมเชื่อนะครับว่าทุกคนต้องคิดแบบผมในตอนแรกคือ! ลิขสิทธิ์จะต้องถูกจดหลังจากที่ผลงานตีพิมพ์แล้ว และเราจำต้องไปจดลิขสิทธิ์เอง แต่วันนี้ผมไปฟังแลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแล้ว จึงรู้สึกเหมือนเห็นทางสว่างของเพื่อนๆ ชาวเด็กดีทั้งหลายเลย จึงขออนุญาตเอามาเล่าให้ฟังนะครับ
ลิขสิทธิ์นั้นไม่จำเป็นต้องจดครับ! และต่อให้นิยายของเรายังไม่จบ แค่เราเขียนออกมาเท่านั้น ผลงานที่เราเขียนขึ้นจะถือว่ามีลิขสิทธิ์เรียบร้อย
ยกตัวอย่างเช่น
นายก.เขียนนิยายเรื่องABCแล้วนายก.ลงเว็บDek-dไว้ในปี2558 แต่แต่งยังไม่จบ เพราะนายก.ธุระเยอะมาก นายข.ที่มาเห็นนิยายนายก.แล้วเกิดความชื่นชอบในงานจึงเอามาเขียนเอง แต่พอนายก.กลับมาแต่งนิยาย ปรากฏว่านิยายนายข.ถูกตีพิมพ์และจดลิขสิทธิ์แล้ว! เดือดสิครับ ผมเป็นนายก.ผมก็เดือด! แต่จะทำไงได้ล่ะก็เราโดนลอกงานแล้ว...แถมเขาก็ตีพิมพ์แล้ว กระซิกๆ.. ใช่ที่ไหนล่ะครับ!! นายก.สามารถฟ้องลิขสิทธิ์นายข.ได้ เพราะผลงานนั้นเป็นผลงานที่นายก.เขียนขึ้นมาก่อน และมีการเผยแพร่ลงเว็บแล้ว เมื่อยื่นเรื่องฟ้อง ทางศาลทางอะไรพวกนี้เขาก็จะไปสืบค้นประวัตินอินเตอร์เน็ตมาเลย ว่านายก.เขียนก่อนจริงหรือเปล่า?! แล้วอีกอย่าง นายก.มีพยานรู้เห็นครับ นั้นก็คือรีททุกคนที่เคยอ่านงานของนายก.มาก่อน เมื่อผลออกมาว่านายก.เขียนผลงานออกมาก่อนจริง นายข.โดนฟ้องครับ!
แล้วนิยายส่วนที่นายข.เขียนเลยออกมาจนจบล่ะ? ส่วนที่นายก.ยังไม่มีการเขียนมาก่อน? งานส่วนนั้นถือเป็นลิขสิทธิ์ของนายข.ครับ เพราะนั้นเป็นส่วนที่นายข.พิมพ์ออกมาเอง
แต่เวลาฟ้องร้องลิขสิทธิ์ จำและทำใจไว้เลยนะครับว่าคนที่เป็นทนายจะได้เงินในส่วนที่ฟ้องร้องได้มากกว่าเรา แต่สำหรับตัวผมเองผมคิดว่าคุ้ม เพราะจะได้เห็นคนที่มันก๊อปเราชิบหายวายวอด (ฮา) แต่ถ้าเป็นผลงานที่เราคิดเองแล้วบังเอิญซ้ำ อันนี้ก็ต้องไปคุยกันที่ชั้นศาลนะครับ เพราะผมเองก็ไม่ได้เรียนนิติ
ทั้งนี้อยากให้ทางDek-Dลองสืบค้นหาข้อมูลในด้านลิขสิทธิ์มาแจ้งกับสมาชิกdek-dทุกคนนะครับ เพราะวิธีทำใจนี่คงไม่มีใครทำได้แน่ๆ และผมก็เชื่อว่าถ้ามีเว็บนึงออกมาก๊อปDek-Dแล้วดังกว่า พวกพี่ก็ทำใจไม่ได้หรอกครับ จุดอ่อนของDek-Dและนิยายออนไลน์คือเรื่องนี้นี่แหละครับ ถ้าDek-Dมีมาตรการด้านลิขสิทธิ์ ผมเชื่อนะว่าคนจะมาใช้งานมากขึ้น เพราะตอนนี้คนกลัวการลอกงานมากครับ
ผมเองก็เป็นพวกแอนตี้การลอกมากถึงมากที่สุด และเรื่องฟ้องร้องนี้ตัวของคนเขียนต้องเป็นคนไปยื่นฟ้องนะครับ อีกอย่าง..อย่าปล่อยให้พวกชอบก๊อปลอยนวล สิทธิ์ของเรา ความคิดของเรา อย่าปล่อยให้ใครแย่งไปง่ายๆ ตัวผมจะชอบถือคติอย่างนึงครับ คือ ก่อนที่เราจะลงมือกระทำการหรือสิ่งใด เราจะต้องยอมรับในผลที่ตามมาตั้งแต่แรก ไม่ใช่ว่าทำแล้วอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออ้างว่าไม่รู้ จริงๆ เขาก็รู้หมดแหละครับ “ อย่าสงสารคนที่ไม่ควรสงสาร อย่าสงสารคนที่จะทำลายเรา ”
แล้วอีกอย่างการก๊อปในวันนี้ส่งผลถึงวันหน้านะครับ ทุกคนอาจจะไม่รู้กัน แต่ว่าต่างชาติเข้ามาจดสิทธิบัตรที่ไทยเยอะมากกกก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลยครับ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยขี้ก๊อปขนาดไหน ต่างชาติจะเข้ามาจดสิทธิบัตรในประเทศที่เสี่ยงจะก๊อปงานเขามากเท่านั้นครับ ถ้าให้เปรียบเทียบล่ะก็ตอนนี้ไทยคงใกล้จะเป็นจีนละครับ ถ้าไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นก็อย่าปล่อยให้คนก๊อปลอยนวล อย่างน้อยเราก็กู้ชื่อเล็กๆ ได้บ้าง ว่านิยายไทยมาจากจินตนาการของคนเขียนจริงๆ ไม่ได้มีการก๊อป
ปล.บอกไว้ก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้แน่นกฏหมายนะครับ แต่ก็เรียนมาบ้างในวันนี้
ปล.2 ฝากเว็บDek-Dช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วยก็ดีนะครับ= =;
ปล.3 ถ้าเป็นนิยายผม ผมเล่นยับ เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู=...=
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
มันคงเพิ่งเจอมั้งว่าหนังสือโดนเอาไปปล่อยเถื่อน แค้นไม่รู้จะลงไหนก็มาลงโม่ง
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทยยังมีให้เห็นอยู่เป็นประจำ จนหลายคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่คนที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คือ ‘คนที่ผลิตผลงาน’ อย่างกรณีล่าสุดที่เป็นข่าวดังคือผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ถูกนำไปสร้างเป็นละครสุดฮิตในตอนนี้ ถูกมือดีนำนิยายทั้งฉบับมาเผยแพร่บนเพจเฟซบุ๊กให้โหลดให้แชร์กันแบบฟรีๆ
ผู้ประพันธ์ท่านนี้ใช้นามปากกาว่า รอมแพง หรือชื่อจริงว่าคุณจันทร์ยวีย์ สมปรีดา เผยว่ากว่าเธอจะเขียนนิยายเล่มนี้ต้องใช้เวลาในการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์นานถึง 3 ปี จากนั้นก็ใช้เวลาในการเขียนนิยายอยู่ราว 1 เดือน และถูกนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มหรืออีบุ๊ก พอละครเริ่มดัง ก็มีคนสร้างเพจเฟซบุ๊กชื่อ บุพเพสันนิวาส By รอมแพง และอัพโหลดนิยายตั้งแต่หน้าปกยันหน้าสุดท้ายให้ได้โหลดไปอ่านกันฟรีๆ โดยที่เจ้าของนิยายไม่รู้เรื่องเลย
คิดง่ายๆ ผู้เขียนใช้เวลา 3 ปี กว่านิยายเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์
แต่เจ้าของเพจนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการดาวน์โหลดทุกอย่างลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกยอดไลค์ ยอดแชร์ ซี่งยอดแชร์นิยายเรื่องนี้แบบผิดลิขสิทธิ์พุ่งสูงถึงเกือบ 7 หมื่นครั้ง ก่อนที่เจ้าของเพจรู้ตัวว่ากำลังโดนฟ้องดำเนินคดี เลยรีบปิดเพจหายวาร์ปไป
นิยายเล่มนี้มีราคาปกอยู่ที่ 285 บาท คูณยอดแชร์ 7 หมื่นครั้ง ค่าเสียหายก็ตกประมาณ 19 ล้านบาท! ซึ่งนี่คือค่าเสียหายที่เจ้าของลิขสิทธิ์และสำนักพิมพ์สมควรได้รับ และเป็นค่าเสียหายที่เจ้าของเพจต้องชดใช้ บวกกับคดีอาญาในการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เจ้าของเพจต้องโดนอีกหนึ่งเด้ง
ตามสำนวนที่ว่า ‘ตบมือข้างเดียวไม่ดัง’ ครึ่งหนึ่งเราโทษเจ้าของเพจที่นำมาปล่อย แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ต้องโทษคนที่ดาวน์โหลดและแชร์ไปแบบฟรีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องหงายการ์ด “ไม่รู้” แต่ถ้าคุณมีวุฒิภาวะมากพอที่จะดาวน์โหลดนิยายเรื่องหนึ่งมาอ่าน ก็น่าจะรู้กฏหมายเรื่องลิขสิทธิ์ เปลี่ยนจากคำว่า “ไม่รู้” เป็น “ไม่สนใจ” ดีกว่า เพราะการไม่สนใจนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ไม่หายไปจากบ้านเรา นี่ยังไม่พูดถึงเว็บไซต์ดูหนังออนไลน์เถื่อนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน
GQ เองก็เคยโดนอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นกรณีเล็กๆ เลยไม่ได้มีการฟ้องร้องและประณีประนอมกันได้ แต่ขอเล่าหน่อยละกัน มีทั้งก๊อปปี้บทความทั้งหมดไปลงในเพจตนเอง นำภาพบุคคลที่เราถ่ายไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาต บางทีทีมงานเห็นก็ท้อใจครับ ทั้งหมดที่ทำไปคือความคิด เวลา และเม็ดเงิน
หลายคนมักอ้างว่า “ก็ให้เครดิตแล้วนี่” แต่คำว่าให้เครดิตกับคำว่า “ขออนุญาต” มันต่างกันครับ หากคุณแชร์จากเพจเรา แชร์จากเว็บไซต์เรา นั่นถือว่าถูกต้อง ให้เกียรติ และผู้ผลิตผลงานก็ยังเป็นผู้ถือผลงานอยู่ แต่ถ้าคุณก๊อปปี้ไปทั้งดุ้น และไปแปะในเพจหรือเว็บไซต์คุณ นั่นถือว่าผิดลิขสิทธิ์นะครับ ซึ่งตอนนี้มีเพจก๊อปปี้งานคนอื่นเกิดขึ้นเต็มไปหมด
ในโลกดิจิตอลทุกอย่างเหมือนเป็นของฟรี แค่กูเกิลเจออะไร ก็เซฟมาเป็นของเราได้หมด
นักเขียนใช้เวลาเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี กว่าจะกลั่นกรองเป็นบทความหรือนิยายออกมาได้
แต่บางคนก๊อปปี้ เพสต์ เสร็จ ใช้เวลาแค่นาทีเดียว
ช่างภาพใช้เวลานัดคิวดารา แต่งหน้า ทำผม แต่งตัว ถ่ายภาพ จัดไฟ เลือกภาพ รีทัชภาพ
แต่บางคนคลิกขวา ก๊อปปี้ เซฟ จบ
ที่ตลกร้ายกว่านั้นคือบางเพจหรือกระทั่งบางรายการโทรทัศน์ให้เครดิตว่า “ขอบคุณภาพจาก Google” เอ่อ… กูเกิลไม่ได้เป็นเจ้าของภาพครับ เป็นแค่เสิร์ชเอนจิ้น
คุณรู้ไหมว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จดลิขสิทธิ์ประโยคในเนื้อเพลงของเธอไว้สารพัดอย่างเช่น “nice to meet you, where you been” “The old taylor can’t come to the phone right now” ซึ่งห้ามนำไปใช้หาประโยชน์ทางการค้า หลายคนได้ยินแล้วอาจจะทำเบะปากแล้วบอกว่า “เวอร์ไป” แต่จริงๆ แล้วนั่นแหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น เพราะกว่าศิลปินจะเขียนออกมาได้แต่ละคำ แต่ละประโยค ต้องใช้กระบวนการทางความคิด บางบทความที่ GQ ซื้อจากนักเขียนเมืองนอกมาแปลก็ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์เป็นคำครับ นี่คือการให้เกียรตินักเขียนหรือศิลปิน ยกย่องคุณค่าของงานศิลปะ
“ผลงานศิลปะไม่ควรฟรี” สวิฟต์ว่าไว้อย่างนั้นและผมก็เห็นด้วย
อยากเห็นแบดกายฉอดนิยายแก๊งอตปสว่ะ ถึงตอนนั้นโม่งจะเข้าข้างใคร น่าสนใจมาก 55555555
อาหารไทยยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้าน เมนูแกงคั่ว คือ ซี่โครงกระดูกอ่อนคั่วพริกแกง เคล็ดลับความอร่อยของแกงคั่วพริกกระดูกอ่อน อยู่ที่ วัตถุดิบคุรภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ พริกแกงเผ็ด การเลือกกระดูกอ่อนสดๆ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ วิธีทำแกงคั่วพริกซี่โครงกระดูกอ่อน ซี่โครงกระดูกอ่อนหมู นำมาผัดด้วย พริกแกงใต้ ที่มี สมุนไพร มากมาย ทั้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง กระเทียม พริก
สูตรแกงคั่วซี่โครงกระดูกอ่อน ส่วนผสมและวิธีทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบอาหารรสจัด
ส่วนผสมสำหรับทำแกงคั่วพริกซี่โครงกระดูกอ่อน
ซี่โครงกระดูกอ่อน หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 จาน
น้ำซุปหมู 4 ถ้วย
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาล 1 1/2 ช้อนโต้ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
พริกกะเหรียง 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ สับ 2 ช้อนโต้ะ
กระเทียม 2 ช้อนโต้ะ
ข่า ซอย 2 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 1 ช้อนโต้ะ
พริกขี้หนู 2 ช้อนโต้ะ
ขมิ้นใต้ 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำแกงคั่วพริกซี่โครงกระดูกอ่อน
เตรียม เครื่องแกง ด้วยการ โขรก พริกกะเหรี่ยง พริกสด กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า พริกไทยแห้ง และ ขมิ้นใต้ โขรกให้ละเอียดพอหยาบๆ จากนั้นพักเอาไว้ก่อน
ต้ม ซี่โครงหมู ในน้ำซุป และใส่กะปิลงไปด้วย ต้ม ซี่โครงหมู จนน้ำซุปง่วน และ เนื้อซี่โครงหมูอ่อนนุ่ม
เมื่อน้ำซุปเริ่มงวด แล้วให้ใส่ พริกแกง ลงไปผัด สัก 3 ช้อนโต้ะ
ปรุงรสด้วย น้ำตาล และ เกลือ เสริฟ แกงคั่วพริกซี่โครงหมูอ่อน ทานกับ ข้าวหอมมะลิ ร้อนๆ
เคล็ดลับความอร่อยของ แกงคั่วพริกซี่โครงกระดูกอ่อน
ซี่โครงกระดูกอ่อน ให้ใช้ ซี่โครงกระดูกอ่อน ที่สด ใหม่ และล้างให้สะอาด จะได้ความหวานของเนื้อที่อร่อยกว่าหมูเก่า
การโขรกพริกแกง ไม่ต้องโขรงให้ละเอียด โขรกให้หยาบๆ เวลานำไปผัดจะยังมีชิ้นเนื้อของเครื่องเทศ ได้รสชาติที่อร่อย
ใช้ น้ำซุป ในการต้ม เนื่องจาก น้ำซุป จะมีรสหวาน เพิ่มความอร่อยได้มากกว่าน้ำเปล่า
ต้มซี่โครงหมู ก่อน ให้เนื้อนุ่ม และใส่กะปิลงไปต้มด้วย สาเหตุของการใส่กะปิลงไปต้มกับหมูไม่ใส่กะปิใน พริกแกง เนื่องจาก เวลาต้มความหอมของกะปิจะเพิ่มรสชาติของเนื้อหมู
พริก ใช้ พริกกะเหรียง เนื่องจากเพิ่มรสชาติเผ็ด ที่เป็น เอกลักษณ์ของเมนูแกงคั่ว
แกงคั่วพริกซี่โครงหมูอ่อน เป็น อาหารไทย เมนูซี่โครงกระดูกอ่อน สูตรพริกแกงใต้ เมนูแนะนำสำหรับคนรัก อาหารใต้ แกงคั่วพริกซี่โครงหมูอ่อน เคล็ดลับความอร่อยของ อาหารใต้ เมนูแกงคั่วพริก วิธีทำ เทคนิคการทำ ง่ายๆ เข้าใจง่าย มี ซี่โครงกระดูกอ่อนทำอะไรกินได้บ้าง เป็น อาหารปักษ์ใต้ ยอดนิยม อีกเมนูหนึ่ง อาหารสุขภาพ รสจัดจ้าน ด้วยเครื่องเทศแบบใต้
อาหารไทย เมนูอาหาร ยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารปักษ์ใต้ เมนูแกงกะทิ แกงคั่วกะทิหอยแครง เคล็ดลับความอร่อยของอาหารเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ หอยแครงสดๆ ตัวใหญ่ๆ การต้มแกงคั่ว หอมพริกแกงแบบใต้ ที่สีเหลืองๆ หอมขมิ้นใต้ ที่มีสมุนไพรมากมาย เช่น ข่า ตะไคร้ หอมแดง พริกไทย พริก ขมิ้น มะกรูด และกระเทียม เมนูตามร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ ขั้นตอนการทำง่าย ไม่ยุ่งยาก สามารถทำกินเองที่บ้านได้
แกงคั่วหอยแครง อาหารใต้ เมนูกะทิ อาหารยอดนิยม เมนูอร่อย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ไม่ยาก สามารถหาได้ง่าย เหมาะสำหรับ คนรักอาหารใต้
ส่วนผสมสำหรับทำแกงคั่วกะทิหอยแคง
พริกแห้ง ซอย 3 ช้อนโต้ะ
พริกไทย 2 ช้อนโต้ะ
ข่า ซอย 2 ช้อนโต้ะ
หอมแดง ซอย 2 ช้อนโต้ะ
ตะไคร้ ซอย 2 ช้อนโต้ะ
ขมิ้น ซอย 2 ช้อนชา
ผิวมะกรูด ซอย 1 ช้อนชา
กระเทียม ซอย 2 ช้อนโต้ะ
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
หอยแครง 2 ถ้วย
หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
หางกะทิ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ
ผงยี่หร่า 1 ช้อนชา
ใบชะพลู ซอยหยาบ 4 ช้อนโต้ะ
พริกหยวก ซอย 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำแกงคั่วกะทิหอยแครง
ลวกหอยแครง ด้วยการต้มน้ำให้เดือดจัดใส่ หอยแครง ลงไปลวก 1 นาที และนำขึ้นมาน็อคน้ำเย็น จากนั้นแกะเอาแต่เนื้อ หอยแคลง ออกมาและพักไว้ก่อน
โขรกพริกแกง โดย โขรก พริกแห้ง พริกไทย ข่า ตะไคร้ หอมแดง ขมิ้น กระเทียม ผิวมะกรูด และ กะปิ โขรกให้ส่วนผสมละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพักไว้ก่อน
ตั้งกระทะให้ร้อน นำ หัวกะทิ ลงไปคั่ว จากนั้นใส่ พริกแกง ลงไปต้มให้แตกมัน จากนั้นใส่หางกะทิลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และ ผงยี่หร่า จากนัั้นใส่ใบชะพลูลงไป ตามด้วย หอยแครง และ พริกสด
เสริฟ แกงคั่วกะทิหอยแครง อาหารสุขภาพ อุดมไปด้วย สมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
เคล็ดลับการทำแกงคั่วหอยแครง
ให้เลือก หอยแครง ที่สดใหม่ ตัวใหญ่ จะได้ เมนูหอย ที่สดและใหม่ จะได้รสชาติที่อร่อย
ให้แช่หอยในน้ำก่อน เพื่อให้หอยคลายโคลนก่อน จะได้หอยที่ไม่มีโคลนทำให้เสียความอร่อย
พริกแกงใต้ ที่อร่อย ต้องใช้ กระเทียมไทย และ ขมิ้นใต้ จะได้รสหอม
สูตรแกงคั่วกะทิหอยแครง เป็น อาหารปักษ์ใต้ เมนูแกงใต้ รสจัดจ้าน หอมเครื่องแกงใต้ เป็น สูตรอาหาร เมนูแนะนำ สำหรับเพื่อนๆ ท้าให้ลอง
แกงคั่วหอยแครง อาหารไทย เมนูอาหารพื้นบ้าน วิธีทำแกงคั่วกะทิหอยแครง ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ เมนูแกงกะทิ หอยแครงทำอะไรกินได้บ้าง มีหอยแครงทำอะไรกินได้บ้าง อาหารปักษ์ใต้ การลวกหอยแครงให้อร่อย เทคนิคการทำแกงคั่ว
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารไทย เมนูหอยแครง คือ ผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า เป็น อาหารยอดนิยม อาหารปักษ์ใต้ เมนูผัดพริกแกง แกงคั่ว ใส่ใบยี่หร่า เคล็ดลับความอร่อย คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ สำหรับ เมนูนี้ ต้องได้ พริกแกงใต้ ที่หอม และ หอยแครงที่สดใหม่ อร่อยไปอีกแบบ ใครได้กินแกงคั่วต้องติดใจ
สูตรผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า สูตรอาอาหาร ง่ายๆ เมนูหอย ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรัก การทำอาหาร เมนูผัด
ส่วนผสมสำหรับทำผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า
พริกแกงใต้ 3 ช้อนโต้ะ
น้ำซุป 2 ถ้วย
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ
กะปิ 1 ช้อนโต้ะ
น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ
หอยแครง 1 ถ้วย
ใบยี่หร่า 1 กำมือ
วิธีทำผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า
ต้มน้ำซุปให้เดือน จากนั้นใส่ พริกแกงใต้ ลงไปต้ม
ปรุงรสด้วย กะปิ น้ำตาลปี๊บ และ น้ำปลา ชิมรสตามใจชอบ จากนั้นใส่ หอยแครง และ ใบยี่หร่า ลงไปต้ม
เคี่ยวให้หอยสุก และน้ำพร่องลงไปเหลือขลุกขลิก เสริฟใส่จานพร้อมรับประทาน ผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า
เคล็ดลับการทำผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า
หอยแครง เป็น อาหารทะเล เมนูหอย เคล็ดลับการเตรียมอาหาร เมนูหอยแครง คือ หอยแครง ธรรมชาติจะอยู่ที่ใต้โคลน หอยแครงจะอมโคลน การเตรียมหอยแครง ขั้นแรก คือ ต้องนำหอยแครงแช่น้ำก่อน หนึ่งคืน เพื่อให้หอยแครงคลายโคลนก่อน เวลากินจะได้ไม่มีแต่โคลน
หอยแครง สำหรับนำมามำผัดพริกแกง นั้น ให้นำหอยแครงไปลวกก่อน จึงค่อยนำไปผัด โดยเทคนิคการลวกหอยแครง คือ ให้ตั้งน้ำให้เดือดก่อน และ นำไปลวก เมื่อหอยแครงอ้าปาก แปลว่าได้ที่ ให้นำไปแช่น้ำเย็น ก่อน และจึงนำมาแกะ เอาแต่เนื้อหอยแครง
เนื้อหอยแครง หาก โดยความร้อนมากๆ จะสุกเกินไป หอยแครงจะแข็ง และไม่หวาน สำหรับ เมนูผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า ให้ผัดเครื่องพริกแกงก่อน ปรุงรสให้เสร็จ และ ขั้นตอนสุดท้าย จึงใส่หอยแครงลวกลงไปผัด แบบเร็วๆ
กะปิ ไม่ให้ใส่มากเกินไป เนื่องจาก เมนูผัดพริกแกงใต้ จะรสเค็มๆ หวานน้อย
น้ำตาล สำหรับทำผัดพริกแกงใต้ ใช้น้ำตาลปี๊บ มีความหวานที่พดี สำหรับทำ เมนูอาหาร นื้
หอยแครง นำมา แกงพริก แบบ แกงป่าปักษ์ใต้ โดยใส่ ใบยี่หร่า สำหรับ สูตรอาหาร เมนูอาหาร นี้เรียก แกงใต้ แกงพริกหอยแครงใบรา คำว่า ใบรา ก็คือ ใบยี่หร่า โดยทั่วไป เป็นแกงที่มีรสเผ็ด ใบยี้หร่ามีรสร้อน รสทั้งเผ็ดและร้อน แกงพริกใส่ใบยี่หร่า
ผัดพริกแกงหอยแครงใบยี่หร่า สูตรอาหาร เมนูหอย แสนอร่อย วิธีทำผัดพริกแกงกับใบยี่หร่า ง่ายๆสามารถทำกินเองได้ เมนูผัดพริกแกง เมนูอาหารใต้ หอยแครงทำอะไรกินได้บ้าง อาหารสมุนไพร บำรุงสุขภาพ อาหารใต้ พริกแกงมีอะไรบ้าง อาหารพริกแกง
อาหาร ยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารพื้นบ้าน อาหารใต้ เอาใจคนรักสุขภพา คือ ข้าวยำกะปิหวาน สำหรับข้าวยำนั้น น้ำยำส่วนมากจะเป็นน้ำบูดู แต่ในบางคนที่ไม่นิยมน้ำบูดู ให้ลองปรับมาใช้กะปิดูได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำกะปิหวาน คือ วัตถุดิบคุณภาพ สดๆ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติของน้ำยำ
สูตรข้าวยำกะปิหวาน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวยำ
ข้าวกล้องหุงสุก 1 จาน
งาดำคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งป่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ลูก หั่นเป็นชื้นเล็กๆ
มะพร้าวขูดคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอยบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วงอก หนึ่งหยิบมือ
ใบมะกรูด2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบชะพลู 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
เนื้อส้มโอ 2 ช้อนโต๊ะ
มะม่วง 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเป็นเส้นๆ
ถั่วฝัก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 2 หัว ทุบพอบุบ
ตะไคร้ 1 ต้น หั่นหยาบๆ
ข่าแก่ 2 ต้น
มะกรูด 1 ลูก นำมาผ่าครึ่งเอาเม็ดออก
เนื้อปลาอินทรีเค็มทอด 1 ตัว
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะกรูด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวยำ
เริ่มจากการทำกะปิหวานก่อน โดยตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด จากนั้นใส่ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า และ ลูกมะกรูด ต้มในนำเดือด แต่เริ่มจากไฟอ่อนๆ ให้น้ำหอมสมุนไพรก่อน
จากนั้นจึงใส่ ปลาอินทรีย์ทอดเค็มลงไป เคี่ยวสักพัก ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำ
นำน้ำที่ได้จากการกรอง มาปรุงรสด้วย กะปิ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และ น้ำมะกรูด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำเริ่มเหนียว ก็ให้ปิดไฟและพักให้เย็นก่อน เพียงเท่านี้ก็พร้อมสำหรับกะปิหวาน สำหรับข้าวยำ
เริ่มจัดจาน โดย ให้ข้าวหุงสุกอยู่ตรงกลาง และ จัดเครื่องเคียงในจานเดียวกัน ประกอบด้วย กุ้งแห้งป่น พริกป่น งาดำคั่ว มะนาว มะพร้าวขูดคั่ว ตะไคร้ ถั่วงอก ใบมะกรูด ใบบัวบก ใบชะพลู เนื้อส้มโอ มะม่วง และ ถั่วฝัก
เคล็ดลับการทำข้าวยำ
การปรุงรสชาติของกะปิหวาน ต้องใช้ไฟอ่อนๆเคี้ยวสมุนไพรก่อน ให้ความร้อนเบาๆให้สมุนไพรคายน้ำมันหอมระเหยก่อน จะได้น้ำกะปิหวาน ที่หอมสมุนไพร และ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผักที่นำมาทำเครื่องเคียง ต้องเลือกใช้ผักสดๆ จึงจะอร่อยที่สุด
กุ้งแห้ง ให้นำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อล้างแล้วให้นำไปอบให้แห้งอีกครั้ง จึงนำมาทำอาหาร จึงได้กุ้งแห้งที่ดีต่อสุขภาพ
นำกะปิหวาน ต้องกรองด้วยผ้าขาวบางให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน ก่อนนำมารับประทาน
งาดำคั่ว ต้องคั่วแบบสดๆ จึงจะได้งาที่หอมอร่อย หากน้ำงาคั่วค้างคืนมาทำจะทำให้ไม่หอม
ข้าวยำ ข้าวยำกะปิหวาน คือ อาหารพื้นบ้าน อาหารของภาคใต้ คุณค่าทางโภชนาการสูง วิธีทำข้าวยำ ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสน้ำยำ
อาหาร ยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารพื้นบ้าน อาหารใต้ เอาใจคนรักสุขภพา คือ ข้าวยำกะปิหวาน สำหรับข้าวยำนั้น น้ำยำส่วนมากจะเป็นน้ำบูดู แต่ในบางคนที่ไม่นิยมน้ำบูดู ให้ลองปรับมาใช้กะปิดูได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำกะปิหวาน คือ วัตถุดิบคุณภาพ สดๆ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติของน้ำยำ
สูตรข้าวยำกะปิหวาน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวยำ
ข้าวกล้องหุงสุก 1 จาน
งาดำคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งป่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ลูก หั่นเป็นชื้นเล็กๆ
มะพร้าวขูดคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอยบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วงอก หนึ่งหยิบมือ
ใบมะกรูด2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบชะพลู 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
เนื้อส้มโอ 2 ช้อนโต๊ะ
มะม่วง 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเป็นเส้นๆ
ถั่วฝัก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 2 หัว ทุบพอบุบ
ตะไคร้ 1 ต้น หั่นหยาบๆ
ข่าแก่ 2 ต้น
มะกรูด 1 ลูก นำมาผ่าครึ่งเอาเม็ดออก
เนื้อปลาอินทรีเค็มทอด 1 ตัว
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะกรูด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวยำ
เริ่มจากการทำกะปิหวานก่อน โดยตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด จากนั้นใส่ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า และ ลูกมะกรูด ต้มในนำเดือด แต่เริ่มจากไฟอ่อนๆ ให้น้ำหอมสมุนไพรก่อน
จากนั้นจึงใส่ ปลาอินทรีย์ทอดเค็มลงไป เคี่ยวสักพัก ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำ
นำน้ำที่ได้จากการกรอง มาปรุงรสด้วย กะปิ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และ น้ำมะกรูด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำเริ่มเหนียว ก็ให้ปิดไฟและพักให้เย็นก่อน เพียงเท่านี้ก็พร้อมสำหรับกะปิหวาน สำหรับข้าวยำ
เริ่มจัดจาน โดย ให้ข้าวหุงสุกอยู่ตรงกลาง และ จัดเครื่องเคียงในจานเดียวกัน ประกอบด้วย กุ้งแห้งป่น พริกป่น งาดำคั่ว มะนาว มะพร้าวขูดคั่ว ตะไคร้ ถั่วงอก ใบมะกรูด ใบบัวบก ใบชะพลู เนื้อส้มโอ มะม่วง และ ถั่วฝัก
เคล็ดลับการทำข้าวยำ
การปรุงรสชาติของกะปิหวาน ต้องใช้ไฟอ่อนๆเคี้ยวสมุนไพรก่อน ให้ความร้อนเบาๆให้สมุนไพรคายน้ำมันหอมระเหยก่อน จะได้น้ำกะปิหวาน ที่หอมสมุนไพร และ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผักที่นำมาทำเครื่องเคียง ต้องเลือกใช้ผักสดๆ จึงจะอร่อยที่สุด
กุ้งแห้ง ให้นำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อล้างแล้วให้นำไปอบให้แห้งอีกครั้ง จึงนำมาทำอาหาร จึงได้กุ้งแห้งที่ดีต่อสุขภาพ
นำกะปิหวาน ต้องกรองด้วยผ้าขาวบางให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน ก่อนนำมารับประทาน
งาดำคั่ว ต้องคั่วแบบสดๆ จึงจะได้งาที่หอมอร่อย หากน้ำงาคั่วค้างคืนมาทำจะทำให้ไม่หอม
ข้าวยำ ข้าวยำกะปิหวาน คือ อาหารพื้นบ้าน อาหารของภาคใต้ คุณค่าทางโภชนาการสูง วิธีทำข้าวยำ ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสน้ำยำ
อาหาร ยอดนิยม สำหรับวันนี้ นำเสนอ อาหารพื้นบ้าน อาหารใต้ เอาใจคนรักสุขภพา คือ ข้าวยำกะปิหวาน สำหรับข้าวยำนั้น น้ำยำส่วนมากจะเป็นน้ำบูดู แต่ในบางคนที่ไม่นิยมน้ำบูดู ให้ลองปรับมาใช้กะปิดูได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำกะปิหวาน คือ วัตถุดิบคุณภาพ สดๆ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติของน้ำยำ
สูตรข้าวยำกะปิหวาน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำอาหารเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูสุขภาพ
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวยำ
ข้าวกล้องหุงสุก 1 จาน
งาดำคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งป่นละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว 1 ลูก หั่นเป็นชื้นเล็กๆ
มะพร้าวขูดคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอยบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วงอก หนึ่งหยิบมือ
ใบมะกรูด2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบบัวบก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
ใบชะพลู 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
เนื้อส้มโอ 2 ช้อนโต๊ะ
มะม่วง 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเป็นเส้นๆ
ถั่วฝัก 2 ช้อนโต๊ะ ซอยเล็กๆ
น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบดละเอียด 1 ช้อนโต้ะ
หอมแดง 2 หัว ทุบพอบุบ
ตะไคร้ 1 ต้น หั่นหยาบๆ
ข่าแก่ 2 ต้น
มะกรูด 1 ลูก นำมาผ่าครึ่งเอาเม็ดออก
เนื้อปลาอินทรีเค็มทอด 1 ตัว
กะปิ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต้ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต้ะ
น้ำมะกรูด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวยำ
เริ่มจากการทำกะปิหวานก่อน โดยตั้งหม้อต้มน้ำเปล่าให้เดือด จากนั้นใส่ กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า และ ลูกมะกรูด ต้มในนำเดือด แต่เริ่มจากไฟอ่อนๆ ให้น้ำหอมสมุนไพรก่อน
จากนั้นจึงใส่ ปลาอินทรีย์ทอดเค็มลงไป เคี่ยวสักพัก ประมาณ 15 นาที จากนั้นให้กรองเอาแต่น้ำ
นำน้ำที่ได้จากการกรอง มาปรุงรสด้วย กะปิ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และ น้ำมะกรูด เคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำเริ่มเหนียว ก็ให้ปิดไฟและพักให้เย็นก่อน เพียงเท่านี้ก็พร้อมสำหรับกะปิหวาน สำหรับข้าวยำ
เริ่มจัดจาน โดย ให้ข้าวหุงสุกอยู่ตรงกลาง และ จัดเครื่องเคียงในจานเดียวกัน ประกอบด้วย กุ้งแห้งป่น พริกป่น งาดำคั่ว มะนาว มะพร้าวขูดคั่ว ตะไคร้ ถั่วงอก ใบมะกรูด ใบบัวบก ใบชะพลู เนื้อส้มโอ มะม่วง และ ถั่วฝัก
เคล็ดลับการทำข้าวยำ
การปรุงรสชาติของกะปิหวาน ต้องใช้ไฟอ่อนๆเคี้ยวสมุนไพรก่อน ให้ความร้อนเบาๆให้สมุนไพรคายน้ำมันหอมระเหยก่อน จะได้น้ำกะปิหวาน ที่หอมสมุนไพร และ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผักที่นำมาทำเครื่องเคียง ต้องเลือกใช้ผักสดๆ จึงจะอร่อยที่สุด
กุ้งแห้ง ให้นำไปล้างน้ำให้สะอาดก่อน เพื่อไม่ให้มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อล้างแล้วให้นำไปอบให้แห้งอีกครั้ง จึงนำมาทำอาหาร จึงได้กุ้งแห้งที่ดีต่อสุขภาพ
นำกะปิหวาน ต้องกรองด้วยผ้าขาวบางให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน ก่อนนำมารับประทาน
งาดำคั่ว ต้องคั่วแบบสดๆ จึงจะได้งาที่หอมอร่อย หากน้ำงาคั่วค้างคืนมาทำจะทำให้ไม่หอม
ข้าวยำ ข้าวยำกะปิหวาน คือ อาหารพื้นบ้าน อาหารของภาคใต้ คุณค่าทางโภชนาการสูง วิธีทำข้าวยำ ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ เคล็ดลับการทำข้าวยำ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสน้ำยำ
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารจานเดียว เมนูผัด เป็น อาหารอร่อยๆ เมนูเส้น คือ ผัดสุกี้แห้งทะเล เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรพิเศษ และ เทคนิคการผัดอาหาร
สูตรสุกี้แห้งทะเล อาหารไทย อาหารจานเดียว สามารถหากินได้ที่ ร้านอาหารตามสั่ง ทั่วไป ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับ คนรักการทำอาหาร เมนูสุกี้แห้ง
ส่วนผสมสำหรับทำสุกี้ยากี้แห้ง
น้ำจิ้มสุกี้ 1 ถ้วยน้ำจิ้ม ดู วิธีทำน้ำจิ้มสุกี้
ผักบุ้ง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ผักกาดขาว หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
วุ้นเส้น แช่น้ำ 1 ถ้วย
ผักคื่นฉ่าย หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ต้นหอม หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ปลาหมึก หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ตัว
กุ้งสด 5-6 ตัว
เนื้อปลาลวก 5-6 ชิ้น
น้ำมัน 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำสุกี้ยากี้แห้ง
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นตอกไข่ลงไปผัด ตามด้วย กุ้ง ปลาหมึก ผัดให้สุก
จากนั้นใส่ ผัก ทั้งหมดและ วุ้นเส้น ลงไปผัด และเติม น้ำจิ้มสุกี้ ลงไปผัดด้วย
ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นเสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย เนื้อปลาลวก สาเหตุที่ใส่ เนื้อปลาลวก สุดท้ายเพราะว่าถ้านำเนื้อปลาลงไปผัดพร้อมกับส่วนผสมอื่น เนื้อปลา จะเละไม่น่ารับประทาน สุกี้แห้งทะเล
เคล็ดลับการทำสุกี้แห้งทะเล
กุ้ง สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ กุ้งสดๆ ล้างให้สะอาด แกะกระดอง ตักหัว และ ผ่าเส้นที่หลังออก
เนื้อกุ้งสุกเร็ว ในการ ผัดกุ้ง นั้นไม่แนะนำให้ผัดนาน เนื่องจากกุ้งจะแข็งไม่น่ารับประทาน
ปลาหมึก สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ ปลาหมึกสดๆ ล้างให้สะอาด หั่นให้มีขนาด พอดีกิน
การผัดปลาหมึก นั้นไม่แนะนำให้ผัดนานๆ เนื่องจาก ปลาหมึก หากผัดนาน ปลาหมึกสุกเกินไป เนื้อจะเหนียว และ แข็ง
วุ้นเส้น สำหรับ ทำสุกี้แห้ง ใช้ วุ้นเส้นสายฝน เนื้อเหนียว นุ่ม ไม่เละง่าย โดยให้แช่น้ำก่อน ให้เส้น อมน้ำ เวลาผัดจะได้สุกง่าย
เนื้อปลา เมื่อสุกแล้ว เนื้อปลาจะเละง่าย ดังนี้ ให้ ลวกปลา เอาไว้ก่อน ไม่ต้องนำไปผัด และวางปลาบนจาน หลังจาก ผัดสุกี้แห้ง เสร็จ
สุกี้แห้ง เป็น อาหารผัดยอดนิยม เมนูอาหารจานเดียว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ไม่มีความยุ่งยาก หากอยากทำสุกี้แห้งกินเอง ก็เป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อมี สูตรสุกี้แห้งทะเล วิธีทำสุกี้แห้ง สุกี้แห้งทะเล สุกี้ทะเลแห้ง สุกี้ทำอย่างไร สุกี้แห้งทำอย่างไร วุ้นเส้นทำอะไรกินได้บ้าง อาหารทะเลทำอะไรกินได้บ้าง สอนทำอาหาร สอนทำสุกี้ เมนูเส้น เมนูผัด เมนูกุ้ง เมนูปลา เมนูปลาหมึก
สุกี้แห้งทะเล อาหารจานเดียว เมนูผัด วิธีทำสุกี้แห้งทะเล ง่ายๆสามารถทำเองได้ อาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก มาผัด กับผัก และ ราดน้ำจิ้มสุกี้เต้าหู้ยี้ สุกี้แห้งทำอย่างไร อาหารไทย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารจานเดียว เมนูผัด เป็น อาหารอร่อยๆ เมนูเส้น คือ ผัดสุกี้แห้งทะเล เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรพิเศษ และ เทคนิคการผัดอาหาร
สูตรสุกี้แห้งทะเล อาหารไทย อาหารจานเดียว สามารถหากินได้ที่ ร้านอาหารตามสั่ง ทั่วไป ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับ คนรักการทำอาหาร เมนูสุกี้แห้ง
ส่วนผสมสำหรับทำสุกี้ยากี้แห้ง
น้ำจิ้มสุกี้ 1 ถ้วยน้ำจิ้ม ดู วิธีทำน้ำจิ้มสุกี้
ผักบุ้ง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ผักกาดขาว หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
วุ้นเส้น แช่น้ำ 1 ถ้วย
ผักคื่นฉ่าย หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ต้นหอม หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ปลาหมึก หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ตัว
กุ้งสด 5-6 ตัว
เนื้อปลาลวก 5-6 ชิ้น
น้ำมัน 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำสุกี้ยากี้แห้ง
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นตอกไข่ลงไปผัด ตามด้วย กุ้ง ปลาหมึก ผัดให้สุก
จากนั้นใส่ ผัก ทั้งหมดและ วุ้นเส้น ลงไปผัด และเติม น้ำจิ้มสุกี้ ลงไปผัดด้วย
ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นเสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย เนื้อปลาลวก สาเหตุที่ใส่ เนื้อปลาลวก สุดท้ายเพราะว่าถ้านำเนื้อปลาลงไปผัดพร้อมกับส่วนผสมอื่น เนื้อปลา จะเละไม่น่ารับประทาน สุกี้แห้งทะเล
เคล็ดลับการทำสุกี้แห้งทะเล
กุ้ง สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ กุ้งสดๆ ล้างให้สะอาด แกะกระดอง ตักหัว และ ผ่าเส้นที่หลังออก
เนื้อกุ้งสุกเร็ว ในการ ผัดกุ้ง นั้นไม่แนะนำให้ผัดนาน เนื่องจากกุ้งจะแข็งไม่น่ารับประทาน
ปลาหมึก สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ ปลาหมึกสดๆ ล้างให้สะอาด หั่นให้มีขนาด พอดีกิน
การผัดปลาหมึก นั้นไม่แนะนำให้ผัดนานๆ เนื่องจาก ปลาหมึก หากผัดนาน ปลาหมึกสุกเกินไป เนื้อจะเหนียว และ แข็ง
วุ้นเส้น สำหรับ ทำสุกี้แห้ง ใช้ วุ้นเส้นสายฝน เนื้อเหนียว นุ่ม ไม่เละง่าย โดยให้แช่น้ำก่อน ให้เส้น อมน้ำ เวลาผัดจะได้สุกง่าย
เนื้อปลา เมื่อสุกแล้ว เนื้อปลาจะเละง่าย ดังนี้ ให้ ลวกปลา เอาไว้ก่อน ไม่ต้องนำไปผัด และวางปลาบนจาน หลังจาก ผัดสุกี้แห้ง เสร็จ
สุกี้แห้ง เป็น อาหารผัดยอดนิยม เมนูอาหารจานเดียว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ไม่มีความยุ่งยาก หากอยากทำสุกี้แห้งกินเอง ก็เป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อมี สูตรสุกี้แห้งทะเล วิธีทำสุกี้แห้ง สุกี้แห้งทะเล สุกี้ทะเลแห้ง สุกี้ทำอย่างไร สุกี้แห้งทำอย่างไร วุ้นเส้นทำอะไรกินได้บ้าง อาหารทะเลทำอะไรกินได้บ้าง สอนทำอาหาร สอนทำสุกี้ เมนูเส้น เมนูผัด เมนูกุ้ง เมนูปลา เมนูปลาหมึก
สุกี้แห้งทะเล อาหารจานเดียว เมนูผัด วิธีทำสุกี้แห้งทะเล ง่ายๆสามารถทำเองได้ อาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก มาผัด กับผัก และ ราดน้ำจิ้มสุกี้เต้าหู้ยี้ สุกี้แห้งทำอย่างไร อาหารไทย
อาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอ อาหารจานเดียว เมนูผัด เป็น อาหารอร่อยๆ เมนูเส้น คือ ผัดสุกี้แห้งทะเล เคล็ดลับความอร่อย อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร การปรุงรสชาติ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวสูตรพิเศษ และ เทคนิคการผัดอาหาร
สูตรสุกี้แห้งทะเล อาหารไทย อาหารจานเดียว สามารถหากินได้ที่ ร้านอาหารตามสั่ง ทั่วไป ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับ คนรักการทำอาหาร เมนูสุกี้แห้ง
ส่วนผสมสำหรับทำสุกี้ยากี้แห้ง
น้ำจิ้มสุกี้ 1 ถ้วยน้ำจิ้ม ดู วิธีทำน้ำจิ้มสุกี้
ผักบุ้ง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ผักกาดขาว หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
วุ้นเส้น แช่น้ำ 1 ถ้วย
ผักคื่นฉ่าย หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ต้นหอม หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ต้น
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ปลาหมึก หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ตัว
กุ้งสด 5-6 ตัว
เนื้อปลาลวก 5-6 ชิ้น
น้ำมัน 2 ช้อนโต้ะ
วิธีทำสุกี้ยากี้แห้ง
ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน จากนั้นตอกไข่ลงไปผัด ตามด้วย กุ้ง ปลาหมึก ผัดให้สุก
จากนั้นใส่ ผัก ทั้งหมดและ วุ้นเส้น ลงไปผัด และเติม น้ำจิ้มสุกี้ ลงไปผัดด้วย
ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นเสริฟใส่จาน โรยหน้าด้วย เนื้อปลาลวก สาเหตุที่ใส่ เนื้อปลาลวก สุดท้ายเพราะว่าถ้านำเนื้อปลาลงไปผัดพร้อมกับส่วนผสมอื่น เนื้อปลา จะเละไม่น่ารับประทาน สุกี้แห้งทะเล
เคล็ดลับการทำสุกี้แห้งทะเล
กุ้ง สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ กุ้งสดๆ ล้างให้สะอาด แกะกระดอง ตักหัว และ ผ่าเส้นที่หลังออก
เนื้อกุ้งสุกเร็ว ในการ ผัดกุ้ง นั้นไม่แนะนำให้ผัดนาน เนื่องจากกุ้งจะแข็งไม่น่ารับประทาน
ปลาหมึก สำหรับ ทำสุกี้แห้ง นั้น ให้เลือกใช้ ปลาหมึกสดๆ ล้างให้สะอาด หั่นให้มีขนาด พอดีกิน
การผัดปลาหมึก นั้นไม่แนะนำให้ผัดนานๆ เนื่องจาก ปลาหมึก หากผัดนาน ปลาหมึกสุกเกินไป เนื้อจะเหนียว และ แข็ง
วุ้นเส้น สำหรับ ทำสุกี้แห้ง ใช้ วุ้นเส้นสายฝน เนื้อเหนียว นุ่ม ไม่เละง่าย โดยให้แช่น้ำก่อน ให้เส้น อมน้ำ เวลาผัดจะได้สุกง่าย
เนื้อปลา เมื่อสุกแล้ว เนื้อปลาจะเละง่าย ดังนี้ ให้ ลวกปลา เอาไว้ก่อน ไม่ต้องนำไปผัด และวางปลาบนจาน หลังจาก ผัดสุกี้แห้ง เสร็จ
สุกี้แห้ง เป็น อาหารผัดยอดนิยม เมนูอาหารจานเดียว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ ไม่มีความยุ่งยาก หากอยากทำสุกี้แห้งกินเอง ก็เป็นเรื่องง่ายๆ เมื่อมี สูตรสุกี้แห้งทะเล วิธีทำสุกี้แห้ง สุกี้แห้งทะเล สุกี้ทะเลแห้ง สุกี้ทำอย่างไร สุกี้แห้งทำอย่างไร วุ้นเส้นทำอะไรกินได้บ้าง อาหารทะเลทำอะไรกินได้บ้าง สอนทำอาหาร สอนทำสุกี้ เมนูเส้น เมนูผัด เมนูกุ้ง เมนูปลา เมนูปลาหมึก
สุกี้แห้งทะเล อาหารจานเดียว เมนูผัด วิธีทำสุกี้แห้งทะเล ง่ายๆสามารถทำเองได้ อาหารทะเล กุ้ง หอย ปลาหมึก มาผัด กับผัก และ ราดน้ำจิ้มสุกี้เต้าหู้ยี้ สุกี้แห้งทำอย่างไร อาหารไทย
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ คือ อาหารจานด่วน ง่ายๆ ข้าวหอมเครื่องเทศ กับ น้ำจิ้มรสเด็ด กับ ไก่นึ่ง ข้าวหมกไก่ เคล็ดลับควมอร่อย อยู่ที่ การหุงข้าวหมก เครื่องเทศสำหรับนำมาหมกกับข้าว ทำอย่างไรให้เม็ดข้าวสวยๆ ข้าวหมกไก่ เมนูอาหารรสอร่อยยอดนิยม ไม่แพ้ข้าวมันไก่ อาหารจานเดียว แบบง่ายๆ เหมาะสำหรับทุกชาติทุกภาษา และ ทุกศาสนา สามารถกินได้ เราสามารถหาเมนูนี้ได้เกือบทุกที่ในเมืองไทย ข้าวที่ผสมด้วยเครื่องเทศนานาชนิด วันนี้ เมนูที่ผู้ใหญ่ทานได้ เด็กทานดี จะเพศไหนก็บอกว่าอร่อย
สูตรข้าวหมกไก่ อาหารง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูอาหารจานด่วน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวหมกไก่
ข้าวสาร 3 ถ้วย
น่องไก่ 1 ถ้วย
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต้ะ
ลูกยี่หร่า 1 ช้อนชา
อบเชย 1 แท่ง
กานพลู 4 ดอก
พริกสด 3 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
ผงกระหรี่ 1 ช้อนโต้ะ
นมจืด ครึ่งถ้วยหอมแดงซอย 1 ถ้วยตวง
วิธีทำข้าวหมกไก่
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนจากนั้นนำหอมแดงมาเจียวให้เหลือง และพักไว้สำหรับโรยหน้าข้าวหมกไก่
นำเม็ดผักชี ลูกยี่หร่า พริกไทย อบเชย การพลู ลูกกระวาน มาคั่วให้หอม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมด พร้อมกับ พริกสด เกลือ ผงขมิ้น และผงกะหรี่มาโขรกให้ละเอียด
จากนั้นนำเครื่องเทศที่โขรกมาผสมกับนมสดและนำหมักกับน่องไก่
ซาวข้าวด้วยน้ำ จากนั้นนำข้าวสารไปผสมกับเครื่องหมักน่องไก่ จากนั้นนำไปหุงในหม้อหุงข้าวเติมน้ำพอประมาณ หุงพร้อมกับน่องไก่เลย
เมื่อข้าวสุกก็เสริฟข้าวหมกพร้อมน่องไก่ โรยหน้าด้วยหอมเจียว
เคล็ดลับการทำข้าวหมกไก่
การคั่วเครื่องเทศ เป็น เคล็ดลับความอร่อย ของเมนูข้าวหมก คั่วเครื่องเทศให้หอม เครื่องเทศที่หอมจะทำให้ข้าวหอมน่ารับประทาน
หอมเจียว จะเป็นตัวเพิ่มรสชาติของอาหาร การทอดหอมเจียวให้กรอบ มีเคล็ดลับการทำ โดยให้นำหอมมแดงคลุกกับเกลือ และแป้งมัน นำไปทอด ให้ทอด สองครั้ง การทอดครั้งแรง ให้ทอดให้หอมแดงมีสีเหลือง ให้นำมาพักให้เย็น และสะเด็ดน้ำมันก่อน จากนั้น การนำหอมแดงไปทอดครั้งที่สอง จะทำให้เหลืองและกรอบอร่อย มีรสเค็มนิดๆ
น้ำซุปไก่ ใส่ หัวไชท้าว แครอท และ มันฝรั่ง จะทำให้น้ำซุปมีรสอร่อย เหมาะสำหรับกินกับข้าวหมก
ไก่ ที่ใช้ทำไก่นึ่ง ให้เลือก ไก่ส่วนอก และ น่องไก่ เนื่องจากไก่ส่วนนั้นกินง่าย
ข้าวสำหรับนำมาทำข้าวหมก ใช้ ข้าวหมอเก่า ผสมกับ ข้าวหอมมะลิเก่า จะได้ข้าวหมก ที่เม็ดนุ่มๆ สวยๆ
ไก่ ภาษาอังกฤษ เรียก Chicken เป็นสัตว์ประเภทสัตว์ปีกจำพวกนก มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Gallus gallus บินได้ในระยะสั้น หากินตามพื้นดิน ตกไข่ก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว ขมิ้นชัน ภาษาอังกฤษ เรียก Turmeric เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม จนสีแสดจัด สามารถใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุก เสียด แก้โรคกระเพาะอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ คือ อาหารจานด่วน ง่ายๆ ข้าวหอมเครื่องเทศ กับ น้ำจิ้มรสเด็ด กับ ไก่นึ่ง ข้าวหมกไก่ เคล็ดลับควมอร่อย อยู่ที่ การหุงข้าวหมก เครื่องเทศสำหรับนำมาหมกกับข้าว ทำอย่างไรให้เม็ดข้าวสวยๆ ข้าวหมกไก่ เมนูอาหารรสอร่อยยอดนิยม ไม่แพ้ข้าวมันไก่ อาหารจานเดียว แบบง่ายๆ เหมาะสำหรับทุกชาติทุกภาษา และ ทุกศาสนา สามารถกินได้ เราสามารถหาเมนูนี้ได้เกือบทุกที่ในเมืองไทย ข้าวที่ผสมด้วยเครื่องเทศนานาชนิด วันนี้ เมนูที่ผู้ใหญ่ทานได้ เด็กทานดี จะเพศไหนก็บอกว่าอร่อย
สูตรข้าวหมกไก่ อาหารง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูอาหารจานด่วน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวหมกไก่
ข้าวสาร 3 ถ้วย
น่องไก่ 1 ถ้วย
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต้ะ
ลูกยี่หร่า 1 ช้อนชา
อบเชย 1 แท่ง
กานพลู 4 ดอก
พริกสด 3 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
ผงกระหรี่ 1 ช้อนโต้ะ
นมจืด ครึ่งถ้วยหอมแดงซอย 1 ถ้วยตวง
วิธีทำข้าวหมกไก่
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนจากนั้นนำหอมแดงมาเจียวให้เหลือง และพักไว้สำหรับโรยหน้าข้าวหมกไก่
นำเม็ดผักชี ลูกยี่หร่า พริกไทย อบเชย การพลู ลูกกระวาน มาคั่วให้หอม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมด พร้อมกับ พริกสด เกลือ ผงขมิ้น และผงกะหรี่มาโขรกให้ละเอียด
จากนั้นนำเครื่องเทศที่โขรกมาผสมกับนมสดและนำหมักกับน่องไก่
ซาวข้าวด้วยน้ำ จากนั้นนำข้าวสารไปผสมกับเครื่องหมักน่องไก่ จากนั้นนำไปหุงในหม้อหุงข้าวเติมน้ำพอประมาณ หุงพร้อมกับน่องไก่เลย
เมื่อข้าวสุกก็เสริฟข้าวหมกพร้อมน่องไก่ โรยหน้าด้วยหอมเจียว
เคล็ดลับการทำข้าวหมกไก่
การคั่วเครื่องเทศ เป็น เคล็ดลับความอร่อย ของเมนูข้าวหมก คั่วเครื่องเทศให้หอม เครื่องเทศที่หอมจะทำให้ข้าวหอมน่ารับประทาน
หอมเจียว จะเป็นตัวเพิ่มรสชาติของอาหาร การทอดหอมเจียวให้กรอบ มีเคล็ดลับการทำ โดยให้นำหอมมแดงคลุกกับเกลือ และแป้งมัน นำไปทอด ให้ทอด สองครั้ง การทอดครั้งแรง ให้ทอดให้หอมแดงมีสีเหลือง ให้นำมาพักให้เย็น และสะเด็ดน้ำมันก่อน จากนั้น การนำหอมแดงไปทอดครั้งที่สอง จะทำให้เหลืองและกรอบอร่อย มีรสเค็มนิดๆ
น้ำซุปไก่ ใส่ หัวไชท้าว แครอท และ มันฝรั่ง จะทำให้น้ำซุปมีรสอร่อย เหมาะสำหรับกินกับข้าวหมก
ไก่ ที่ใช้ทำไก่นึ่ง ให้เลือก ไก่ส่วนอก และ น่องไก่ เนื่องจากไก่ส่วนนั้นกินง่าย
ข้าวสำหรับนำมาทำข้าวหมก ใช้ ข้าวหมอเก่า ผสมกับ ข้าวหอมมะลิเก่า จะได้ข้าวหมก ที่เม็ดนุ่มๆ สวยๆ
ไก่ ภาษาอังกฤษ เรียก Chicken เป็นสัตว์ประเภทสัตว์ปีกจำพวกนก มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Gallus gallus บินได้ในระยะสั้น หากินตามพื้นดิน ตกไข่ก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว ขมิ้นชัน ภาษาอังกฤษ เรียก Turmeric เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม จนสีแสดจัด สามารถใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุก เสียด แก้โรคกระเพาะอาหาร
อาหารยอดนิยม เมนูแนะนำสำหรับวันนี้ คือ อาหารจานด่วน ง่ายๆ ข้าวหอมเครื่องเทศ กับ น้ำจิ้มรสเด็ด กับ ไก่นึ่ง ข้าวหมกไก่ เคล็ดลับควมอร่อย อยู่ที่ การหุงข้าวหมก เครื่องเทศสำหรับนำมาหมกกับข้าว ทำอย่างไรให้เม็ดข้าวสวยๆ ข้าวหมกไก่ เมนูอาหารรสอร่อยยอดนิยม ไม่แพ้ข้าวมันไก่ อาหารจานเดียว แบบง่ายๆ เหมาะสำหรับทุกชาติทุกภาษา และ ทุกศาสนา สามารถกินได้ เราสามารถหาเมนูนี้ได้เกือบทุกที่ในเมืองไทย ข้าวที่ผสมด้วยเครื่องเทศนานาชนิด วันนี้ เมนูที่ผู้ใหญ่ทานได้ เด็กทานดี จะเพศไหนก็บอกว่าอร่อย
สูตรข้าวหมกไก่ อาหารง่ายๆ ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูอาหารจานด่วน
ส่วนผสมสำหรับทำข้าวหมกไก่
ข้าวสาร 3 ถ้วย
น่องไก่ 1 ถ้วย
เม็ดผักชี 1 ช้อนโต้ะ
ลูกยี่หร่า 1 ช้อนชา
อบเชย 1 แท่ง
กานพลู 4 ดอก
พริกสด 3 เม็ด
เกลือ 1 ช้อนโต้ะ
ผงขมิ้น 1 ช้อนชา
ผงกระหรี่ 1 ช้อนโต้ะ
นมจืด ครึ่งถ้วยหอมแดงซอย 1 ถ้วยตวง
วิธีทำข้าวหมกไก่
ตั้งกระทะน้ำมัน ให้ร้อนจากนั้นนำหอมแดงมาเจียวให้เหลือง และพักไว้สำหรับโรยหน้าข้าวหมกไก่
นำเม็ดผักชี ลูกยี่หร่า พริกไทย อบเชย การพลู ลูกกระวาน มาคั่วให้หอม จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมด พร้อมกับ พริกสด เกลือ ผงขมิ้น และผงกะหรี่มาโขรกให้ละเอียด
จากนั้นนำเครื่องเทศที่โขรกมาผสมกับนมสดและนำหมักกับน่องไก่
ซาวข้าวด้วยน้ำ จากนั้นนำข้าวสารไปผสมกับเครื่องหมักน่องไก่ จากนั้นนำไปหุงในหม้อหุงข้าวเติมน้ำพอประมาณ หุงพร้อมกับน่องไก่เลย
เมื่อข้าวสุกก็เสริฟข้าวหมกพร้อมน่องไก่ โรยหน้าด้วยหอมเจียว
เคล็ดลับการทำข้าวหมกไก่
การคั่วเครื่องเทศ เป็น เคล็ดลับความอร่อย ของเมนูข้าวหมก คั่วเครื่องเทศให้หอม เครื่องเทศที่หอมจะทำให้ข้าวหอมน่ารับประทาน
หอมเจียว จะเป็นตัวเพิ่มรสชาติของอาหาร การทอดหอมเจียวให้กรอบ มีเคล็ดลับการทำ โดยให้นำหอมมแดงคลุกกับเกลือ และแป้งมัน นำไปทอด ให้ทอด สองครั้ง การทอดครั้งแรง ให้ทอดให้หอมแดงมีสีเหลือง ให้นำมาพักให้เย็น และสะเด็ดน้ำมันก่อน จากนั้น การนำหอมแดงไปทอดครั้งที่สอง จะทำให้เหลืองและกรอบอร่อย มีรสเค็มนิดๆ
น้ำซุปไก่ ใส่ หัวไชท้าว แครอท และ มันฝรั่ง จะทำให้น้ำซุปมีรสอร่อย เหมาะสำหรับกินกับข้าวหมก
ไก่ ที่ใช้ทำไก่นึ่ง ให้เลือก ไก่ส่วนอก และ น่องไก่ เนื่องจากไก่ส่วนนั้นกินง่าย
ข้าวสำหรับนำมาทำข้าวหมก ใช้ ข้าวหมอเก่า ผสมกับ ข้าวหอมมะลิเก่า จะได้ข้าวหมก ที่เม็ดนุ่มๆ สวยๆ
ไก่ ภาษาอังกฤษ เรียก Chicken เป็นสัตว์ประเภทสัตว์ปีกจำพวกนก มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Gallus gallus บินได้ในระยะสั้น หากินตามพื้นดิน ตกไข่ก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว ขมิ้นชัน ภาษาอังกฤษ เรียก Turmeric เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม จนสีแสดจัด สามารถใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุก เสียด แก้โรคกระเพาะอาหาร
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอเป็นขนมหวานๆจากมะพร้าว คือ มะพร้าวแก้ว เป็นขนมโบราณจากมะพร้าว เคล็ดลับความอร่อยของมะพร้าวแก้ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เนื้อมะพร้าวที่นุ่ม น้ำตาลเคี้ยวหอมๆกลมกล่อม หวานหอมอร่อย กลิ่นใบเตย
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอเป็นขนมหวานๆจากมะพร้าว คือ มะพร้าวแก้ว เป็นขนมโบราณจากมะพร้าว เคล็ดลับความอร่อยของมะพร้าวแก้ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เนื้อมะพร้าวที่นุ่ม น้ำตาลเคี้ยวหอมๆกลมกล่อม หวานหอมอร่อย กลิ่นใบเตย
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอเป็นขนมหวานๆจากมะพร้าว คือ มะพร้าวแก้ว เป็นขนมโบราณจากมะพร้าว เคล็ดลับความอร่อยของมะพร้าวแก้ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เนื้อมะพร้าวที่นุ่ม น้ำตาลเคี้ยวหอมๆกลมกล่อม หวานหอมอร่อย กลิ่นใบเตย
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอเป็นขนมหวานๆจากมะพร้าว คือ มะพร้าวแก้ว เป็นขนมโบราณจากมะพร้าว เคล็ดลับความอร่อยของมะพร้าวแก้ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เนื้อมะพร้าวที่นุ่ม น้ำตาลเคี้ยวหอมๆกลมกล่อม หวานหอมอร่อย กลิ่นใบเตย
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
สูตรอาหาร เมนูอาหารยอดนิยม สำหรับวันนี้ ขอนำเสนอเป็นขนมหวานๆจากมะพร้าว คือ มะพร้าวแก้ว เป็นขนมโบราณจากมะพร้าว เคล็ดลับความอร่อยของมะพร้าวแก้ว คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ เนื้อมะพร้าวที่นุ่ม น้ำตาลเคี้ยวหอมๆกลมกล่อม หวานหอมอร่อย กลิ่นใบเตย
สูตรมะพร้าวแก้ว ขนมไทยง่ายๆทำจากมะพร้าว ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนชอบทำขนมหวาน
ส่วนผสมสำหรับทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เนื้อมะพร้าวทึนทึก 1 ถ้วยตวง นำมาขูดเป็นเส้น
น้ำตาลปี๊บ 5 ขีด
เกลือป่น 1 ช้อนโต้ะ
ใบเตย 4-5 ใบ หั่นเป็นท่อนๆ
ดอกอัญชัน 1 กำมือ
น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต้ะ
วิธีทำมะพร้าวแก้วใบเตย
เริ่มจากการเตรียมน้ำใบเตยก่อน โดยนำ ใบเตยที่เตรียมไว้นำมาเข้าเครื่องปั่นผลมน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเฉพาะสีเขียวธรรมชาติ
เตรียมสีน้ำเงินม่วง โดยใช้ดอกอัญชัน นำดอกอัญชันมาคั้นกับน้ำเปล่า ให้ได้สีน้ำเงินม่วงแบบธรรมชาติ
นำเนื้อมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ลงไปแช่ในสีธรรมชาติที่เตรียมไว้ โดยแยกสีละชาม สีแดงจากน้ำหวานสีแดง สีน้ำเงินจากดอกอัญชัน สีเขียวจากใบเตย
เมื่อเนื้อมะพร้าวขูดดูดซึมสีจนได้สีสันที่ต้องการแล้วให้นำมาพักให้แห้งก่อน
เตรียมน้ำตาล แบ่งน้ำตาลและเกลือเป็น 4 ส่วน สำหรับทำมะพร้าวแก้ว 4 สี โดยตั้งกระทะไฟอ่อนๆ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปเคี้ยวให้น้ำตาลละลาย จากนั้นใส่เกลือป่นลงไป เคี้ยวให้น้ำตาลง่วน และ เหนียว
นำมะพร้าวขูด ลงไปคลุกเคล้ากับน้ำตาลที่เคี้ยวไว้ ให้น้ำตาลผสมกับเส้นให้ทั่วถึง
จากนั้นนำมาพักเอาไว้ให้เย็น
นำแบบเดียวกันแบบนี้ กับเส้นมะพร้าวสีต่างๆจนครบที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็สามารถรับประทานได้
เคล็ดลับการทำมะพร้าวแก้วใบเตย
น้ำใบเตย ให้ใช้น้ำที่คั้นจาก ใบเตยสด จะให้สีเขียวและความหอมของใบเตยแบบธรรมชาติ ให้ความอร่อยแบบต้นตำรับ
น้ำหวานสีแดง จะให้สีแดงธรรมชาติสามารถรับประทานได้
ดอกอัญชันจะให้สีน้ำเงินธรรมชาติ สามารถนำมารับประทานได้
การเตรียมสีธรรมชาติสำหรับผสมอาหารให้ทำให้สะอาด อย่าให้มีสิ่งสกปรกเจือปน
น้ำตาลสำหรับนำมาทำมะพร้าวแก้ว เลือกใช้ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลปี๊บ ความหวานของน้ำตาลให้ความหอมและหวานแบบเข้ากับเนื้อมะพร้าว
การเคี้ยวน้ำตาลให้ใส่เกลือลงไปด้วย ความเค็มของเกลือจะเพิ่มความกลมกล่อมของน้ำเชื่อมให้อร่อย
มะพร้าว ใช้ เนื้อมะพร้าวแก่ เนื่องจากเนื้อมะพร้าวมีความเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำเป็นเส้นได้ มะพร้าวของเพรชบุรี เป็นมะพร้าวที่มีความหวานและหอม
สำหรับคนที่ชอบเนื้อมะพร้าวมากๆ สามารถเปลี่ยนจากการขูดเป็นเส้นให้เป็นแบบฝานเป็นแผ่นได้ แต่การฝานเป็นแผ่นจะทำให้เนื้อมะพร้าวติดกันเวลารับประทานไม่น่ารับประทาน จึงต้องใช้น้ำตาลไอซ์ซิ่งโรยอีกเพื่อไม่ให้น้ำตาลเกาะเส้นมะพร้าวเป็นก้อน
เนื้อมะพร้าว นำไปแช่เย็นก่อน จากนั้นนำเนื้อมะพร้าวล้างให้สะอาด นำมาขูดเป็นแผ่นๆ โดย การหั่นต้องไม่หนามาก เพราะ จะทำให้มะพร้าวเนื้อแข็ง
มะพร้าวแก้ว หลังจากคลุกเคล้ากับน้ำตาลแล้วให้ตากลมให้แห้งให้น้ำตาลคลายความชื้นและแห้งก่อน
มะพร้าวแก้ว หากโดนความร้อนน้ำตาลจะละลายไม่น่ารับประทาน จึงไม่ควรเก็บในที่มีความร้อน
มะพร้าวแก้ว ขนมไทย เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น หรือ เป็นแผ่น นำมาคลุกกับน้ำตาลเชื่อม ความเนียวนุ่มของมะพร้าว กับความหวานของน้ำตาล ให้ความหวาน มัน ตามแบบฉบับของ ขนมหวานแบบไทยๆ
ไปบอกให้เวปเขาเอานิยายเมิงออกยัง บอกได้นะเว้ย เขาไม่กัด
หายคลั่งแล้วเนาะ ^^
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
Jaylerqz ขี้ก็อป พวกมึงมันหมารับใช้อีขี้ก็อป
ตอนแรกไม่รู้ใครป่วนมู้ พอมึงเขียนอย่างนี้รู้แหละมาจากแก๊งค์ไหน
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นิยายใครจะไปแมสเท่า จล ลูกสาวโม่งได้กัน
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
นักเขียนขยะอย่างอี Jaylerqz ควรล่มจมไปพร้อมกับงานขยะๆของมันที่ก็อปนิยายคนอื่นหลายคนมายำ ไม่มีปัญญาจะคิดไอเดียเองืเก่งแต่ขโมยความคิดชาวบ้านเค้ามาต่อยอด อีขยะเอ้ยยยย ขอให้มึงฉิบหายไปพร้อมกันฝูงหมาขี้ขลาดของมึง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.