Fanboi Channel

สมาพันธ์สาวฟุนักเม้าท์ ยกที่ 84

Last posted

Total of 1000 posts

277 Nameless Fanboi Posted ID:cDbHh1wrMc

ศิลปวัฒนธรรมศิลปวัฒนธรรม
หน้าแรก ประวัติศาสตร์
ประวัติศาสตร์
วัฒนธรรมโสเภณี แก้เหงาไม่เฉามือ..จากสมัยพุทธกาลถึงรัตนโกสินทร์

(ภาพประกอบเนื้อหา)
ที่มา ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมีนาคม 2536
ผู้เขียน พล.ร.ต.สมภพ ภิรมย์
เผยแพร่ วันพฤหัสที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2563
โสเภณีเป็นมรดกวัฒนธรรมของสังคม วัฒนธรรมคือ พฤติกรรมร่วมของมนุษย์หมู่หนึ่ง สังคมหนึ่งที่ประพฤติปฏิบัติร่วมกัน รับสืบทอดต่อกันเป็นมรดกวัฒนธรรม โสเภณีเป็นพฤติกรรมร่วมดังกล่าว ย่อมสืบทอดเจริญขึ้น หรือเสื่อมลงตามสภาพการณ์และเวลาของสังคมนั้น

โสเภณีมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล แต่โสเภณีสมัยนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะดังนี้ :

1. รูปร่างดี คือ สวย
2. เล่นดนตรีได้
3. ขับร้องได้
4. ฉลาดในการปฏิสันถาร คือ รับแขก

ในสมัยพุทธกาล เช่น นางสิริมาเป็นโสเภณี เมื่อได้ฟังพระธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วสำเร็จโสดาบัน และภิกษุณีวงศ์เคยเป็นโสเภณีมีค่าตัวครึ่งเมืองสีกา เป็นตัวอย่างในโบราณกาล ท่านแพทย์ชีวกโกมารภัจ ท่านเป็นบุตรนางสาลวดี นางบำเรอประจำกรุงราชคฤห์ (จากหนังสือเรื่อง โกมารภัจ)

โดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นครโตเกียวของญี่ปุ่นคลาคล่ำไปด้วยโสเภณียืนตามบาทวิถีในค่ำคืน เชิญชวน “ร่วมรสรัก” โดยเฉพาะบริเวณอาซักกูซ่า การปรนนิบัติบางแห่ง “ยอดเยี่ยม” คือมี “ห้องหอรอรัก” บนเสื่อปูนวมแล้วนำอิฐเผาให้ร้อนวางไว้ นำนวมคลุมทับทำให้อบอุ่นเป็นที่นอน “ร่วมรสรัก” เยี่ยมมาก แต่เมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นปัจจุบันดีมากจนเป็น “สัตว์เศรษฐกิจ” โสเภณีญี่ปุ่นก็วูบหายวับไป

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.