>>974 ก็ในทวิตเล่นไม่ตรงจุดนี่นา ลองเรียงดูทีละเคสดิ
1. รซนรีไรต์ไปก่อนจะตีพิมพ์ ไอ้ที่บอกว่าลอกๆมาก็เหลือน้อย แถมยังผ่านไปนานแล้ว อารมณ์แค้นเคืองมันซาไปแล้ว แถมในอดีตเคยทำ ก็ไม่ได้หมายความว่าตอนนี้จะทำเหมือนกันนี่ คนที่เพิ่งมาตามเขาก็คงงงๆ ทำตัวไม่ถูก แต่จะให้โกรธก็คงยากอะ
2. จิ้นหยางถึงจะเป็นพราเฟรส แต่ก็ดูเหมือนจะให้เรฟแล้ว เลยกลายเป็นแค่นักเขียนซิงก์ข้อมูลแบบทื่อๆไม่มีศิลปะ ถ้าจะเอาเรื่องก็คงได้มั้ง แต่ก็คงเป็นเรื่องของสนพ.ต่อสนพ.กันแล้ว
3. มังกรมีรักบอกว่าฟอกขาว แต่ก็ทำได้แค่ประนามว่าคิดแบบนี้ไม่ดี แล้วคนที่คิดน่ะมันใคร ตัวละครทั้งนั้น จะโยงนักเขียนก็ไม่เต็มปาก อย่างมากก็บอกได้แค่ว่าเค้าเอาประสบการณ์ตัวเองมาเขียน แต่จะไปบอกว่านักเขียนคิดแบบตัวละคร อันนี้เขาแค่ปฏิเสธว่าเปล่า ตั้งใจจะเขียนถึงคนที่นิสัยแบบนั้นเฉยๆ เท่านี้ก็จบ สิ่งที่ทำได้คือกดดันว่าตัวละครที่มีความคิดแบบนี้มันเหี้ยนะ จงให้มันจบแบบสำนึกในความผิดตัวเองด้วย ก็ได้แค่นี้
4. เทียนกวาน อันนี้พลาดสุดเพราะหลักฐานไม่มี แล้วก็อ้างว่าติดสปอยล์ เหมือนบอกว่า อีนั่นมันลอกนิยายฉันนะ แต่ฉันเอานิยายของฉันให้เธออ่านไม่ได้ เดี๋ยวจะสปอยล์ แต่เชื่อฉันเถอะว่ามันลอก เอ้า ใครจะเชื่อ เกิดเป็นแค่การมโนล่ะทำไง
เนี่ย ผลของการไม่โฟกัสที่ความผิดจริงๆแต่ดันไปเน้นจับผิด พอมองทุกอย่างแบบอคติ กล่าวหามั่วไปหมด ข้อกล่าวหาเลยฟังดูไม่มีน้ำหนักซะงั้น โทษคนที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากกระทืบคนล้มแบบไม่ดูตาม้าตาเรือเหอะงานนี้