Last posted
Total of 1000 posts
กูมองว่าเซ็กส์แฟนตาซี/รสนิยมทางเพศของคนมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำในชีวิตจริงไม่ได้ แต่ในนิยายมันตอบสนองได้ คือกูอาจจะชอบนิยายแนวแกงแบง อ่านแนวนี้แล้วตื่นเต้น อารมณ์พุ่งพรวดๆๆ แต่ในชีวิตจริงไม่ชอบการแกงแบงเลยสักนิด มึงนึกออกมะ ทีนี้สิ่งที่จะตอบสนองแฟนตาซีทางเพศได้ก็คือนิยายอะ ซึ่งการที่กูชอบอะไรบางอย่างในนิยายมันไม่ได้แปลว่ากูจะทำสิ่งนั้นๆในชีวิตจริง แต่พอกูพูดแบบนี้สายฉอดก็จะตราหน้าว่ากูเป็นอีพ่กสาววายแยกโลกอีก ก็ใช่ดิวะ ก็กูแยกแยะได้อ่ะ เอ๊
>>970 มันก็จะวนกลับมาที่ว่า วุฒิภาวะไม่ได้ช่วยกรองอะไรได้เลยยยยยยยย การแยกเรตแบ่งอายุมันไม่ช่วย
ประเด็นที่ฉอดๆ กันมันไม่ใช่แค่ว่ากลัวคนอ่านแล้วจะเอาไปทำตาม คงไม่มีใครอ่านนิยายวายแล้วไปฉุดคนมาข่มขืนหรือกักขังหรอก
แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร มึงสามารถระบุได้มั้ยว่าคนที่แยกแยะได้มีกี่คน คนที่อ่านเรื่องพวกนี้แล้วเฉยๆ ไม่ได้คิดว่ามันผิด ไม่ได้ขยะแขยงมีกี่คน
พวกนี้มันเป็นการปลูกฝังทางความคิดว่ะ ไม่ใช่แค่เด็กอายุน้อยๆ เพิ่งเคยอ่านวาย แต่พวกแก่ๆ ที่อ่านแนวบ้งแล้วฟินจนหัวแข็ง กลายเป็น ignorant ก็มี
อีกอย่างคือประเด็นการทำร้ายร่างกาย/จิตใจในรูปแบบอื่น เช่น ล้อเรื่องสีผิว เชื้อชาติ หุ่น, ใช้คำพูดลามก, ลวนลามทางกายแต่นิยายเขียนให้ดูฟิน
พวกนี้มันมีผลต่อชีวิตจริงนะมึง เราเจออะไรแบบนี้ในสังคมไทยจนชิน เล่นมุกหยาบโลนใส่กัน ล้อปมในใจคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องขำๆ
ตรงนี้แหละคือความบ้งที่มีอยู่ในนิยายหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่การข่มขืนหรือก่ออาชญากรรม มาฉอดกันตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยให้คนมีความคิดบ้งแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ
กูบ่น บกร ด้วยได้ไหม ตลาดวายไปหรือยัง คือกูสั่งกับร้านย่อย/คู่ค้าเขานั่นแหละกับอีกเล่มสั่งไว้กับซีเอ็ด ซึ่งกูต้องรอทั้งสองที่เลย ร้านย่อยที่กูสั่งบอกว่าเข้าไปเลือกหนังสือแล้ว สภาพไม่โอเคเลย ต้องรอล็อตพิมพ์ใหม่ กลางเดือนค่ะกลางเดือน! เห็นร้าน that's Y ก็อีดิทข้อความในเพจว่ารอบหลังตกลงกับสนพ.ไว้เป็นวันที่ 13 เดือนนี้ จริงๆ สนพ.ควรต้องได้หนังสือแล้วเช็คของไหมนะ การวางแผนเขา เข้าใจว่าโรงพิมพ์ก็พลาดด้วย แต่การจัดการเขาไม่โอเคเลย ไม่ค่อยชอบใจคำว่า รู้งี้สั่งตรงกับสนพ.สิคะ ทางเลือกแต่ละคนไม่เหมือนกันป่าววะ แล้วกูไม่ใช่ลูกค้าเขาหรอ สั่งวันแรกจ่ายเงินวันแรก คำว่าเริ่มจัดส่ง 1 ก.ค. ไม่ใช่ว่าร้านต่างๆ ต้องได้รับหนังสือจากสนพ./โรงพิมพ์แล้วอ่อวะ แล้วเห็นทวิตที่บอกว่าสั่งหลังๆ กับสนพ.ก็ได้รับแล้ว เหมือนลูกค้าอย่างกู(ที่ทำให้เขาได้กำไรไม่เยอะ)ไม่มีค่าจริงๆ ว่ะ
>>973 กูอ่านความคิดมึงแล้วเห็นว่าจริงในด้านการทำให้มุขล้อเลียนสีผิว เชื้อชาติ เพศ เป็นเรื่อง normalized
อย่างเช่นที่เขาพูดกันว่า boomer joke ชอบเล่นประเด็นพวกคนผิวสี = ทาส, ผู้หญิง = เป็นแค่เครื่องมือทางเพศ สมควรอยู่ในครัว, เชื้อชาติ = คนผิวขาวคือนิพพาน ที่เหลือคือลิงผิวเหลือง นิโกร
การที่ทุกคนทำเรื่องนี้เป็นโจ๊ก มันทำให้คนในสังคมและกลุ่มผู้สูงอายุไม่เก็ทว่าทำไมต้องมี feminist หรือพวกนักสิทธิมนุษยชน เพราะพวกนี้โตกับสังคมที่คิดว่าการล้อเลียนเรื่องต่าง ๆ เป็นเรื่องล้อเล่น ก็เหมือนที่นิยายข่มขืน ล่อเด็ก เป็นเรื่องในนิยายอ่านเล่น
มันมีพวกผู้ชายที่ชอบเล่นมุขหมี มุขข่มขืนทอมจริง ๆ นะ พวกผู้ชายพวกนี้โตขึ้นมาจากการที่ทุกคนพูดเรื่องนี้กันเล่น ๆ ในเวลาปกติมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามันมีโอกาสล่ะ สมมติว่าไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วมีทอมหน้าตาสวย ๆ เมา คนที่คิดว่าการซ่อมทอมเป็นเรื่องขำ ๆ น่าจะมีโอกาสล่วงละเมิดทางเพศทอมคนนั้นมากกว่าคนที่ได้รับการสั่งสอนว่าการข่มขืนไม่ว่าจะแง่ไหนผิดอยู่แล้ว
สำหรับกู กูไม่คิดจะไปล่าแม่มดคนที่เขียนนิยายข่มขืนหรือนิยายเยเด็กหรอกนะ เพียงแต่ไม่ได้คิดว่านิยายแบบนี้มันเหมาะกับทุกคน ทุกคนจะแยกแยะได้ มันควรเก็บไว้ใต้ดินมาก ๆ ถ้าเป็นนิยายก็ต้องเป็นเว็บเฉพาะหรือแจ้งเตือนอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือการเอานิยายพวกนี้ไปทำซีรีย์คือเหี้ยมาก
>>975 ขอบคุณนะที่เข้าใจ กูก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ฉอดกันแรงถึงขั้นบุลลี่นักเขียน หรือเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานเขียนมาโจมตี
แต่ประเด็นไหนที่มันพัง มันไม่ถูกต้อง ก็ต้องปรับแก้กันไปว่ะ อาจจะมีคนอ่านที่ยังไม่เก็ต ไม่ให้ความสำคัญ (หรือคนเขียนบางคนก็ด้วย)
แต่ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น สอนกันตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็จะวอแวอยู่แบบเนี้ย เขียนมาก็ฉอดไป อีกสิบปีก็ไม่พัฒนา
และถูกต้องอย่างที่มึงบอก ไม่ใช่ทุกคนจะแยกแยะได้ แม้จะมีแค่คนสองคนก็ไม่ควรละเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปแพร่ต่อได้อีกกี่คน
กูคิดว่าการไม่เขียนถึงเลยเป็นการปฏิเสธว่ามีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกเหมือนกันนะ จะบอกว่าเขียนถึงได้แต่อย่าบอกว่ามันเป็นเรื่องถูกก็ดูจำกัดแนวทางนักเขียนไปหน่อย เพราะอย่างที่บอกว่ามันมีแนว unreliable narrartor อยู่ แบบพระเอกมึงอาจจะเป็นคนเหี้ยมากๆก็ได้อะ อาจจะเป็นมีทัศนคติบูมเมอร์ยุคนั้นที่ขี้เหยียด ส่วนตัวกุว่า ตรรกะตัวละครในเรื่องไม่เท่ากับตรรกะคนเขียน เวลาเขียนก็ระวังหน่อย ไม่ใช่เขียนถึงไม่ได้
สุดท้ายก็วกกลับไปที่สภาพแวดล้อม การศึกษา การเลี้ยงดูด้วยอ่ะ นิยายเด็กอ่านเยอะ คนเข้าถึงเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่หล่อหลอมคนคนนั้นหรือสังคมขึ้นมาอะมึง
(เพิ่งเห็นคำว่า เขียนให้ดูฟิน ของมึง ไม่รู้เข้าใจประเด็นมึงถูกรึเปล่า เพราะคิดว่ามีตัวอย่างในใจกันคนละอย่างอยู่ คือพูดถึงที่มันบ้งจริงๆอยู่ใช่มั้ย ไม่ได้หมายถึงแนวเสียดสี สะท้อนสังคม หรือการสร้างคาร์แรกเตอร์ที่คนเขียนจงใจให้ตัวละครบ้งใช่รึเปล่า จะได้เจาะให้ถูกประเด็น ไม่งั้นมันก็วนเขียนได้เขียนไม่ได้อยู่แบบนี้)
>>973 ประเด็นมึงคือเรื่องบ้งๆ ต้องหายไปจากโลก ถูกไหม เพราะอะไรก็กรองไม่ได้ละนี่? กูก็ไม่ได้เห็นด้วยกะเรื่องล้อเลียน เชื้อชาติ เหยียดสีผิวบลาๆ ไรพวกนั้นเลยนะ ละเรื่องพวกนี้การเลี้ยงดูก็น่าจะมีส่วนไหม ละไอ้ที่หล่อหลอมสังคมมาทุกวันนี้มันคือนิยายเหรอ กูไม่ได้บอกเลยว่าแตะต้องวิจารณ์นิยายไม่ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นนิยายมันอาจจะมีเรื่องบ้งๆ บ้าง เราคัดกรองได้ อย่างพวกที่มึงว่าถ้ารู้จักจัดเรท มี บก ช่วยบ้าง มันก็ลดทอนได้บ้างป้ะ เราเตือนได้แยกที่แยกทางได้ คือมันอยู่ตรงกลางได้ไง มันจะต้องสุดโต่งไปอีกทางด้วยเหรอ
>>978 ใช่ มันควรจะไม่มีอยู่แล้ว แต่อย่างที่กูบอกว่ามันไม่สามารถหายได้ทันทีเหมือนธานอสดีดนิ้ว มันต้องช่วยๆกัน
นิยายไม่ใช่สิ่งที่หล่อหลอมสังคม 100% (ก็บอกอยู่ว่าคงไม่มีใครอ่านนิยายแล้ววิ่งไปข่มขืนคนอื่น) แต่มันมีส่วนกับความคิดของบางคนจริงๆ
เพราะฉะนั้นถ้ามันมีอะไรที่ทำได้เราก็ควรจะทำไม่ใช่เหรอ สมมุติมีคราบสกปรกอยู่ 10 จุด เราเช็ดออกได้ 1 จุด ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลยแล้วมาบ่นว่าเช็ดแค่นี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร หรือบอกว่า แค่คราบจุดเดียวไม่ได้ทำให้ดูเลอะเทอะขนาดนั้น
>>977 ความหมายเหมือนในวงเล็บที่มึงพิมพ์แหละ คือการทำให้เรื่องผิดๆ ดูไม่ผิด ล้อคนอื่นขำๆได้ ข่มขืนแล้วรักกันได้ ฯลฯ
แต่เรื่องแนวอาชญากรรมทั่วไปมันก็ไม่มีปัญหาอะไรไง เพราะมันทำให้เห็นว่าการฆ่าคน/ข่มขืนไม่ใชเรื่องดี เอาง่ายๆคืออยู่ที่เจตนา
ประเด็นคือในนิยายหลายเรื่อง ทั้งวายไม่วาย มันมีจุดสำคัญอยู่ที่ความรัก แล้วนข.บางคนก็เอาความบิดเบี้ยวในสังคมมาเป็นปมความรัก ความฟิน นั่นแหละที่นักฉอดเห็นว่ามันบ้ง
ปัญหาอีกอย่างคือนิยายในอุดมคติของแต่ละคนไม่เหมือนกันปะ หลายๆคนพอเจอนักฉอดมากๆเข้าก็คิดว่านิยายที่ดีจะต้องเป็นนิยายสอนใจสอนศีลธรรม แต่สำหรับกูเอาแค่ไม่มีทัศนคติแย่ๆอย่างเหยียดเพศเหยียดผิว ไม่ rape to love ไม่สนับสนุนอาชญากรรม ก็โอเคแล้วนะ ไม่ต้องยัดคำคมหรูหราสั่งสอนให้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นก็ได้ นิยายเด้อไม่ใช่ตำราศาสนา
>>979 สำหรับกูมองว่ามันเหมือนสมัยยุคหลุมดำที่วายโดนตำรวจับข้อหาสื่อลามกอนาจาร ซื้อทีต้องใช้รหัสลับเว็บซื้อขายต้องตอบคำถามยาวเหยียด ขณะหนังสือชายหญิงเริงสวาทขายได้ทั่วไป การเลือกกำจัดคราบเล็กๆหนึ่งจุด ทั้งที่มีคราบที่ใหญ่เบ้อเร่อกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรในสายตากู เพราะของที่หนักกว่ารุนแรงกว่าก็ยังตระหง่านอยู่อย่างนั้นทำไมถึงไม่มีใครสนใจล่ะ จนเกิดความคิดที่ว่าเหตุผลที่อ้างไม่เห็นเกี่ยวเลยนี่นา ไม่งั้นทำไมมาตรฐานต่งกัน และสุดท้ายจุดเบ้อเร่อจุดนั้นก็จะกลับไปทำให้จุดเล็กๆจุดนั้นสกปรกอยู่ดีเหมือนกับที่วายเรทตอนนี้ขายโจ่งแจ้งกลายเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่านิยายชายหญิงเริงสวาท ช่วงเวลาที่โดนเช็ดก็เป็นได้แค่ช่วงเวลาเล็กๆที่ไม่สำคัญสักนิดในเวลาต่อมา
พูดตรงๆเหตุผลกลัวคนทำตามนิยายกูไม่คล้อยตามด้วย เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดการnormalizedจริงๆ มันคือสื่อที่เข้าถึงง่ายอย่างสื่อทีวี การเรียนการสอน สภาพสังคมว่ะ ไม่ว่าจะเรื่องข่มขืน มุกตลกเหยียดเพศ นิยายไม่ได้มีความสามารถในการเข้าถึงคนขนาดนั้น เกมด้วย กูเคืองมากกับเรื่องห้ามเกมfps(เกมที่ใช้ความรุนแรง) เพราะกลัวคนซึมซับความรุนแรงจากเกม คือคิดว่าคนดู/เล่นเกมมากๆจะทำให้สามัญสำนักต่ำลง มองการยิงปืนเป็นเรื่องปกติไปยิงชาวบ้านเหรอ คิดว่าอ่านนิยายเปโดมากๆจะทำให้หื่นกับเด็กหรือมองว่าเด็กโดนเยก็ไม่ผิดเหรอ ถ้าไม่โดนกล่อมด้วยสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องคนก็ไม่เสียสามัญสำนึกง่ายขนาดนั้นหรอก
สำหรับกูนะ twกับการติดpasswordไม่ใช่ยันต์กันโดนด่าความบ้งในเรื่อง แต่เป็นยันต์กันโดนด่าเรื่องการเข้าถึง แบบถ้ามึงแต่งincestลงเน็ตแบบติดพาสเวิร์ดและมึงไม่แปะพาสไว้โจ่งแจ้ง คนด่ามึงที่มึงแต่งเรื่องผิดศีลธรรมได้ แต่จะด่ามึงว่าเผยแพร่ให้คนอ่านง่ายๆไม่ได้
ทุกวันนี้เหนื่อยชิบหายกับอะไรแบบนี้ คนมันมีความคิดเห็นต่างกันอ่ะ ไม่ยอมหาจุดกึ่งกลางอยู่ไม่ได้กันเลย บางเรื่องนี่มันถูกจริง ๆ เหรอ
คือถ้านับว่ามันเป็นสื่อ ๆ สื่อหนึ่งก็ควรสื่อสารออกมาให้ดีกุเห็นด้วย แต่ตอนนี้ทำเหมือนแม่งเป็นสิ่งชั้นสูงต้องมีแต่สิ่งดี ๆ กุเข้าใจนะนิยายสำหรับบางคนแม่งเป็นโลกทั้งใบ แต่สำหรับกุถ้ามันบ้งมันเหี้ยกุก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับมันขนาดนั้นอ่ะ แค่ตรงความสำคัญของนิยายคนก็มองไม่เท่ากันแล้วเรื่องนี้เถียงกันยังไงก็ไม่จบหรอก ก็คงต้องรอให้อนาคตมาตัดสินนั้นแหละ กุคิดว่าถึงวันนั้นกระแสสังคมมันจะเป็นคนบอกเองว่าแบบไหนถูก/ผิด
>>993 ประเด็นเลยไม่ได้อยู่ที่ตัวนิยายที่เป็นนิยายแต่เป็นการเอามาทำเป็นสื่อละครหนังที่เข้าถึงง่ายไง ถ้าเป็นหนังสืออยู่ก็เข้าถึงยากว่ะ หนังสือก็ยังมีอิทธิพลน้อยว่ะเทียบกับประชากรทั้งหมด และยอดคนเข้างานหนังสือมันไม่ได้มีแค่สายนิยาย พวกคนที่ไปหาซื้อนิยายอ้างอิงในสายอาชีพ แนวจิตวิทยาการลงทุนสู้แล้วรวยสายมู ไหนจะแยกย่อยนิยายแต่ละประเภทอีก
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆความแตกต่างระหว่างคนปกติกับพวกที่อ่านนิยายก็ดูยอดคนดูละครสักเรื่องกับยอดขายนิยายก็ได้ต่างกันแบบยอดซื้อนิยายไม่นับเป็นอะไรเลย ถ้าวงการหนังสือแมสจริงไม่จำกัดจำเขี่ยแบบนี้หรอก คงมีกู้ดส์จากนิยายขายแยกแบบจีนแบบไต้หวันแล้ว
การติดพาสการอยู่ถูกที่ไม่ใช่ยันต์ แต่มันคือการบอกว่าคนที่อยากอ่านอะไรบ้งมาอ่าน คนไม่ชอบอะไรบ้ง เรื่องนี้บ้งนะ บ้งแบบที่ไม่ชอบนี่แหละ แต่คนที่ไม่ชอบเรื่องบ้งก็คือจะรีบเข้าไปอ่านละเอาไปด่าว่ามันบ้ง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.