เอาเทปบันทึกเสียงให้พระเอกฟังสิ เขียนผิดโทษที
Last posted
Total of 1000 posts
เอาเทปบันทึกเสียงให้พระเอกฟังสิ เขียนผิดโทษที
Ky เกิดไรขึ้นในวงการนักเขียนป้ะวะ เช้านี้เห็นหลายคนล็อกแอค กุตกขาวอะไรไป
เนี่ย ไม่ต้องรออนาคตให้หนังสือกลายเป็นของแรร์ ตอนนี้ก็เริ่มมีคนตามหารดสแล้ว 555555
กูเห็นทวิตคนนึง (กูจำรายละเอียดได้ไม่เป๊ะนะ) บอกว่ามีคนที่รู้จักเคยทำบก. ทางคนที่อยู่สูงกว่าเค้าสั่งห้ามไม่ให้ไปสั่งแก้นิยายเยอะ (หรือยุ่งกับนักเขียนเยอะ อะไรซักอย่าง)
ไม่แน่ใจว่าทวิตเค้าหมายถึงเรื่องนี้มั้ย หรือพูดถึงนิยายเรื่องอื่น แต่กูว่าพวกนักเขียนดังๆหรือนิยายดังๆอาจจะมีคนบนๆเค้าห้ามบก.แก้นิยายก็ได้ แบบอาจจะกลัวมีปัญหากับนักอ่านกรือนักเขียนก็ได้ (กูไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกันมั้ย แต่แจ่มเคยมีเคสที่นิยายแปลจีนเคยโดนนักอ่านถล่มเพราะแก้คำเรียกที่นักแปลใช้แบบทับศัพท์มาก่อน มาแก้เป็นไทยหมด (ซึ่งมันก็เป็นตามมาตรฐานแจ่มอะ ตอนนั้นแจ่มก็ใช้คำแปลไทยกับนิยายจีนเรื่องอื่นหมดอะ) แต่มามีเล่มนี้เนี่ยที่โดนนักอ่านด่าเรื่องนี้ คือกูไม่แน่ใจว่าหลังจากนั้นแจ่มจะมีนโยบายแบบ เรื่องไหนดังก็ปล่อยๆไปเถอะ แก้มากเดี๋ยวก็โดนคนอ่านด่าอีก อะไรแบบนี้รึเปล่า)
>>913 https://twitter.com/ffoxxic/status/1278211875839176705?s=19 หมานถึงอันนี้มั้ย
ไม่ต้องเป็นนักเขียนเส้นใหญ่อะไรหรอก นักเขียนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากโดนสั่งให้แก้งาน(ยกเว้นตรงที่ผิด) เพราะอยากให้เป็นไปตามที่ตัวเองคิดพล็อตเอาไว้ บอกอก็เลยไม่ค่อยอยากไปขอให้แก้
เออพูดถึงบก.มั่ง กูไม่รู้ว่ารายละเอียดของสนพ.นี้นะว่าทำงานกันกี่คน คนไหนดูส่วนอะไรมั่ง
แต่กูเคยเป็นบก.ของสนพ.เล็กๆอันนึงที่ไม่ใช่วาย กูต้องทำทั้งพิสูจน์อักษรทั้งตรวจงานแปลทั้งติดต่อโรงพิมพ์ ซึ่งบอกตามตรงว่าคนคนเดียวทำมันมีความผิดพลาดจาก human error แน่ๆ อย่างแค่คำผิดเนี่ยบางทีกูตรวจรอบแกยังไม่เห็นเลย ตรวจไปอีก 2-3 รอบก็ยังไม่เห็น ไม่ต้องนับเรื่องความผิดพลาดใหญ่กว่านั้นเลย
กูลองมาเทียบกับงานการ์ตูนญี่ปุ่นที่กูตาม ซึ่งมันเป็นการ์ตูนทำอาหารที่สปินออฟมาจากแฟรนชายนึง อันนั้นบก.เค้าแยกส่วนกันชัด บก.ที่ดูเนื้อเรื่องก็คนนึง บก.ที่ดู+ช่วยคิดเมนูอาหารก็คนนึง บก.ที่ช่วยดูref.จากแฟรนชายหลักก็คนนึง การ์ตูนมันเลยไม่บ้ง เมนูอาหารทำได้จริง เนื้อเรื่องก็ไม่ไปขัดกับแฟรนชายหลัก+มีการเสริม cameo จากแฟรนชายหลักได้
เนี่ย คือกูว่าถ้าอยากจะได้นิยายไม่บ้ง สนพ.มันต้องใช้คนที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆมาดูแยกเป็นด้านๆไป ซึ่งกูว่าสนพ.ไทยไม่ได้ทำแบบนั้นหรอก ขืนจ้างบก. 3-4 คนต่อหนังสือเล่มนึงมันก็เปลืองจะตาย (แต่จริงๆก็ติดต่อผู้เชี่ยวชาญหรือคนที่ทำงานจริงๆในประเด็นที่มีเขียนในนิยายเพื่อขอคำปรึกษาได้นะ ก็ไม่รู้ทำกันรึเปล่า)
>>913 ถ้าเป็นนักเขียนใหญ่จริงก็มีแหละที่บก.จะเกรงๆ ไม่ค่อยกล้าไปแก้เส้นเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่กล้าแก้จะจัดอยู่ในกลุ่มเนื้อเรื่องนะ ไม่ใช่ข้อเท็จจริง อย่างทำไมตัวละครทำแบบนั้นวะ หรือบุคลิกตรงนี้หลุดรึเปล่า อะไรเงี้ย ซึ่งถ้าเป็นข้อเท็จจริง กูว่าต่อให้มีใบสั่งห้ามยุ่ง แต่ก็ควรจะรีเช็คข้อมูลแล้วถามนักเขียนว่าจะแก้มั้ย เพิ่มเป็นเชิงอรรถดีมั้ย ไม่ใช่ปล่อยไป เพราะนี่มันงานบก. หลุดมาบก.ก็ต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ใช่โบ้ยให้นักเขียนอย่างเดียวว่ะ
เห็นเคสบกร รอบนี้น่าด่าจริงแฮะ กูไม่ด่าเรื่องแปลช้าออกช้า คำผิด คำไม่คุ้นนะ แต่การจัดการแย่อะ รอบนี้เร่งผลิตป่าววะ ร้านย่อยที่เปิดพรีเยอะๆบ่นเรื่องเคลมเป็นลังๆ ขนาดแดทวายเองก็บอกว่าคัดหนังสือได้ไม่เยอะ ตอนแรกบอกได้แค่ 50 เล่ม แก้ไขใหม่เป็น 70 เล่มเอง เลยงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น พิมพ์มาไม่พอก็ว่าแย่ละ นี่ออเดอร์ตัวเองส่งครบ ร้านหนังสือใหญ่รอไปจ้า
สรุปรวมกูว่าขึ้นกับนโยบายของ สนพ และ สนพ ใหญ่พิมพ์เข้าสายส่งมันมีกำหนดสายพานผลิต/รอบผลิตแต่ละเดือนที่ต้องทำ ไม่รวมโปรโมชั่น การตลาด ตามหาต้นฉบับ ตรวจต้นฉบับที่เข้ากระบวนการแล้ว เอดิตที่ยังไม่เข้า ทั้งหมดนี้แม้แต่ สนพ ใหญ่ก็ใช้ บก. ทำทั้งหมดนะ จาก ปสก ตรงกูอยู่ สนพ ใหญ่ ในกองมีไม่เกิน 5 (เฉพาะหัว) ถึงจะมีคนตรวจปรู๊ฟ จัดหน้า การตลาด/ปชสพ แยก สุดท้ายทุกอย่างกลับมาเซ็นเตอร์ที่ บก. เท่ากับว่าต้องตรวจงานทั้งหมดนั้นที่รับผิดชอบในมือ
ละนโยบายของ สนพ ใหญ่ลงมาจากข้างบน พวก ผจก/รอง (แล้วแต่ที่ว่ามีหัวหน้ากองแยกย่อยขนาดไหน) แล้วคนพวกนี้จะไม่ยุ่งกับ นข ขายดี นอกจากเพราะ นข พวกนั้นไม่ชอบให้ยุ่งจริงๆ+อีโก้ วัตถุประสงค์ สนพ คือเอาไว้ขาย ทำการค้า ไม่ได้มานั่งตรวจสอบมากมาย ("ยังไงก็ขายได้" มันมีคำนี้จริงๆนะมึง) งานที่มีในมือ ปสด จะตายห่าแล้ว ใครจะมานั่งดีลกับ นข เหวี่ยง ยึดจรรยาบรรณนั่งแก้ให้ตรงใจทุกฝ่าย
กูไม่ได้สนับสนุนระบบนี้ แต่เพราะเม็ดเงินโดยรวมมันต่ำ เขาก็ลดคนแล้วให้คนนึงทำงานหลายด้านประหยัดเงิน มันได้เท่านี้จริงๆว่ะ เจอ บก./หัวหน้าดีก็ดีไป รับฟัง แต่ถ้าไม่ มึงยัดเข้าสายพานผลิต จบ
>>920 เรื่องรอนานกูเฉยๆ เหมือนกัน แต่หนังสือรอบนี้ของบกร.กูว่าน่าจะเร่งผลิตเพราะไม่ค่อยเนี้ยบ ถ้าเป็นสายคลั่งกริบกูว่ามีเครียดแดก สภาพภายนอกมีบุบนิดๆหน่อยๆมุมไม่กริบเป็นปกติ ส่วนกระดาษในเล่มของกูจะมีเหมือนรอยยับที่โดนรีดให้เรียบอ่ะ เป็นหลายหน้าเลยขนาดกูไม่ใช่คนช่างสังเกตยังเห็น เพราะงั้นถึงทางร้านรับพรีฯจะเลือกสภาพภายนอกให้ดีแค่ไหนก็ยังต้องมาลุ้นสภาพในเล่มอยู่ดี
KY ตอนนี้นายอินทร์หนังสือในเว็บลด 15% ซื้อถึง 600 บาทขึ้นไปส่งฟรี มาบอกเผื่อบางคนยังไม่รู้ และมีเรื่องที่อยากตำพอดี
https://www.naiin.com/promotions/2559
ky ถามหน่อยเพื่อนโม่ง องค์ชายสามนี่ incest แบบร่วมสายเลือดไหมอ่ะ
เห็นทัวร์ลงบกรรอบนี้ ไม่มีความเห็นใจสนพ.เลยว่ะ ปกติม่าสนพ.ที่ประโคมด่ากันกูสายหนังสือ ค่อนข้างเข้าใจการทำงาน เรื่องงานแปลก็จริตคน ที่ไม่โอคือคำผิด แต่รอบนี้การจัดการพินาศจริง กูเองสั่งแฝดไปกับพาร์ทเนอร์ย่อยและร้านนอ. สั่งนอ.ก่อนด้วย วันสองวันแรกเลย แต่ร้านย่อยส่งให้กูละวันนี้ นอ.ไร้วี่แวว กูไม่ได้บอกว่าต้องได้รับหนังสือพร้อมๆ คนอื่นที่สั่งกะสนพ.นะ แต่การให้รอไม่รู้เหนือใต้นี่ไม่โอเค ประเด็นการกั๊กไว้ส่งของตัวเองครบนี่ก็แบบ 🙄😒 ยิ่งทัวร์ที่ลงบอกว่าคัดหนังสือยากมากอีก แสดงว่ารอบนี้งานเผามากเลยสินะ 😅
จริงๆถ้าทำมาค้าขาย ของไม่พอยังไงคนที่ได้ของครบต้องเป็นคู่ค้าก่อน ทำแบบนี้ทุเรศ
จริงๆก็เป็นความผิดโรงพิมพ์ด้วยส่วนนึงปะ ส่วนเรื่องไม่ส่งของให้คู่ค้ากูไม่พูดละกัน คนสั่งกับคู่ค้าไม่พอใจที่สนพส่งให้ลคด้วยเองก่อน ลองสลับกันสนพส่งให้คู่ค้าก่อนไม่ส่งให้ลคที่สั่งโดยตรง คนสั่งตรงก็ด่าสนพอยู่ดี เท่ากับว่าจะทำแบบไหนก็โดนด่าทั้งนั้น
>>928 หมายถึงร้านนายอินทร์? ถ้าใช่นี่กูเข้าใจสนพ.เลย ระหว่างคนที่ซื้อราคาลด 40% กับลูกค้าเปย์สนพ.ตรง สนพ.ได้เน็ทๆ มึงจะส่งให้ใครก่อนล่ะ อีกอย่างพวกร้านอย่างนายอินทร์มีเงื่อนไขการส่งจะมาแบ่งกองๆแปะๆ แบบร้านย่อยคงไม่ได้ล่ะมั้ง(กูเดากูไม่ใช่คนในวงการ) ดังนั้นในกรณีการกระจายหนังสือที่มีจำกัดกูไม่คิดว่าเค้าตัดสินใจแย่มากนะ แม้จะเบื่อแต่เข้าใจได้อ่ะ ส่วนที่คุมคุณภาพงานไม่ได้นี่...กูว่าช่วงโควิดเจอกันทุกสนพ.เลยมึง อันไหนดีก็จะแย่ลงอันไหนแย่อยู่แล้วก็แย่มากขึ้นไปอีก มีเอเวอร์วายลอยตัวเพราะพี่แกไม่ออกหนังสือเลย 55
>>927 กูแยกไม่ออกตรงไหนหรอ กูพูดถึงการจัดการอ่า ตัวสนพ.รู้อยู่แล้วแต่แรกนี่ว่าโรงพิมพ์ส่งของไม่ครบ บกร.ต่างหากที่ต้องไล่บี้กับโรงพิมพ์ กูพูดถึงวิธีการจัดการ เขาประกาศกระชั้นชิดมากนะว่าของไม่พอ แต่ออเดอร์ของสนพ.จัดส่งครบแล้ว คำแถลงที่ว่าร้านใหญ่ 3 ร้าน นอ. บทอ. ซอ. ได้ของบางส่วน จะจัดส่งให้อีกล็อตในยอดใกล้เคียงกัน ถามจริงแบบนี้เรียกมืออาชีพอ่อ
กูยืนข้างบกรมาตลอด เคยไปไฟ้ตตอนนางโดนหนักๆ เรื่องแปลเอย ปกไม่สวย ไม่ปกคู่เอย แจ่รอบนี้ปัญหาเกิดจากการตัดการล้วนๆ เลย
กุงง บอกสนพ.กั๊กของไว้ให้ตัวเองก่อนได้ไง ละทำไมจะทำไม่ได้วะ เขาก็ต้องมีล็อตจองกับสนพ. ล็อตจองกับร้านใหญ่ ล็อตจองกับร้านย่อยไรงี้มั้ย อิจองร้านย่อยหนังสืออาจผ่านสนพ.ก่อน แต่ร้านใหญ่นี่กุว่ายังไงๆก็ส่งตรงจากโรงพิมพ์ มันเรียกกั๊กยังไง หรือหมายถึงแทนที่จะแบ่งล็อตสนพ.ไปให้ร้านนอกก่อนงี้เหรอ แบบนั้นคนจองกับสนพ.ยิ่งด่าหนัก อุตส่าห์จองตรง ยังไงก็โดนด่าอยู่ดี ส่วนตัวคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นยังไงก็เป็นความผิดของบกร.ด้วยที่ทำไมทำงานกระชั้นชิดขนาดนี้ ไม่เหลือเวลาเผื่อเกิดความผิดพลาดเลย
Ky https://twitter.com/manudlaw/status/1278329875678416897?s=19 จต.ใช่มั้ย จต.ก้อป nc ใช่หรือเปล่า
ไม่ได้ฟคใครหรอก แค่อยากด่าจต อีโม่งอยากมีตัวตน
กูว่า บกร.เค้าก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีนะ พยายามจัดสรรให้ได้ทุกส่วน ได้มากได้น้อยเท่านั้นเอง ร้านรายย่อยก็สั่งตรงกับสนพ. เพียงแต่พวกร้านรายใหญ่มันสั่งเยอะ เค้าก็คงต้องกระจายให้ทั้งสามร้านเท่ากันไม่มีร้านไหนได้หมด คิดดูนะ ถ้าให้ นอ. แต่ไม่ให้อีกสองร้าน นั่นเสียลูกค้ามากกว่าอีก แต่ถ้าแบ่งสามร้านเท่ากัน แล้วออกแถลงมาก็มีลูกค้าส่วนนึงเข้าใจ แล้วก็มีลูกค้าบางส่วนด่า บกร.คงเลือกทางที่เจ็บน้อยสุดว่ะ แต่กูก็ไม่พอใจบกร.นะ 555
เรื่องบุญวาสนามันว่ากันไม่ได้มึง
เคสลอกแล้วยังขึ้นแท่นลูกรักสนพ. ไม่ได้มีแค่จต. เป็นรายแรก
โม่งรู้ โลกรู้
เห็นแล้วทุเรศ อยากมีตัวตนจนต้องเปิดโม่งเรียกคนไปดู ขนาดเป็นโม่งแล้วก็ยังได้ผีช่วยรีแค่4คน
กูว่าน่าจะเพราะอ้างว่าฟคใครตอนด่าป่ะ อยากด่าก็ด่า ทำไมต้องเปิดการ์ดชั้นเป็นฟค
ทำไมพอคนเรียกร้องให้มีความตระหนักรู้เพิ่มขึ้น ไม่ควรเผยแพร่แนวคิดผิดๆ สาววายต้องออกมาเย้วๆว่าลิดรอนสิทธิ์ นี่มันนิยาย อ่านเอาบันเทิง แยกออกจากโลกจริงได้ แบบนี้ก็ไม่มีอะไรให้อ่านแล้ว ทั้งๆที่นักเขียนสามารถเขียนอะไรบ้งๆแบบนั้นต่อไปได้ แค่ต้องรับให้ได้ถ้าจะมีคนติ/ด่าไอ้ตรงที่มันบ้งเท่านั้นเอง แถมมันก็ไม่ได้หมายความว่านิยายที่ไม่เผยแพร่แนวคิดผิดๆนั่นต้องเป็นนิยายสีขาวอะไรขนาดนั้นมะ เหมือนมองอะไรได้แค่ขาวกับดำเลยว่ะ กูงง นข.แม่งจะแต่งให้อีพระเอกเรปนายเอกเหมือนเดิมก็ได้ แต่จะให้นายเอกยอมละสุดท้ายก็รักกันจนเป็นแพทเทิร์นอย่างที่เป็นอยู่แบบนี้ต่อไปเหรอ เห็นโบ้ยจังว่านิยายชญมีไม่เห็นโดนด่า โอ๊ย ไปมุดอยู่รูไหนมา ละคงละครก็มีคนด่าจ้า แถมเห็นว่าแบบนั้นบ้งแล้วยังจะอยากอ่านในแบบชชต่อเนี่ยนะ
>>945 ความแข็งแกร่งด้านจิตใจของคนเขียนมันต่างกัน ก็คงไม่อยากโดนด่าแหละเลยไม่แต่ง หลัง ๆ พวกฉอดมันฉอดแม่งทุกอย่างบ้งแม่งทุกอย่าง ส่วนกูรำคาญการกระทำพวกขี้ฉอดเฉย ๆ กุก็ยังอ่านแบบเดิมคือ pwp beast rape(อันนี้ไม่ค่อยอ่าน บางทีอ่านแล้วหดหู่กว่าฟินอีก) Incest mpreg omg-verse ถ้าถามว่าเอาเนื้อหาที่ฉอด ๆ จริง ๆ วายหลายเรื่องก็ควรพัฒนา
นิยายสายเนื้อเรื่องที่มัน romanticize อะไรผิด ๆ มันจะมีคนแย้งก็ไม่แปลกอ่ะ คนที่จะแต่งแนวนี้ก็ต้องรับแรงปะทะให้ได้ด้วยนั่นแหละ มันเข้าถึงง่ายด้วยแหละระบบเรทบ้านเราไร้ความหมายจะตาย ส่วน pwp เอามาด่านี่กุไม่รู้อ่ะ เหมือนด่าหนังโป๊
เมื่อก่อนแม่กุเล่าว่ามีหนังโป๊ฉายในโรงหนังไปเลยยย กุว่าใครใคร่ยังไงก็ทำให้ตัวเองมีความสุขไปเถอะ เรา educate กันได้แค่นี้ เต็มที่ก็แค่นี้คือการเขียนนิยายให้ดี จริง ๆ กุว่าการอ่านนิยายที่เผยแพร่ความชุดดี ๆ มันก็ดีเหมือนกันนะสำหรับเราตอนเด็ก ๆ แต่เด็กก็ต้องให้ผปค คัดสรรให้ด้วยไง ถ้าจะบอกว่าห่วงเด็กอ่านเราก็ต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก แต่ถ้าโตแล้วแยกแยะไม่ได้ เขียนอธิบายไปแล้วว่าชีวิตจริงมันผิดนะ มันก็ยังโง่เหมือนเดิมนี่ก็สุดแล้วแต่จะทำได้แล้วมั้ง อีกอย่างอะไรที่คนอ่านเยอะเงินดี คนต้องกินต้องใช้ก็ต้องเขียนแบบนั้นอยู่แล้ว ใช่ว่านักเขียนไม่ต้องกินนี่นา ตลาดบ้านเราเป็นแบบนี้ลุกออกมาวิจารณ์ก็ไม่ผิดหรอก(แต่มึงปสด อห สักแต่ด่าไม่ช่วยแก้) แต่แทนที่มันจะช่วยเพิ่มความหลากหลายโดยการมีนิยายน้ำดีอ่านมากขึ้น ดันไปลดนู่นนี่หาย คนไม่พอใจก็ต่อต้านชิบหายกว่าเดิม
ปล. ใจจริงอยากให้ปฏิวัติทั้งทีก็ทั้งวงการนิยายไปเลยนะ ทั้งสนพ การแบ่งรายได้ หน้าร้าน การเอานิยายมาแปล การแปลนิยายบ้านเราออกไปขายบ้าง บางทีกุก็สงสัยนะบ้านเรามีนิยายแปลออกบ้างไหม กุก็อยากให้วงการหนังสือบ้านเรามีคุณภาพเหมือนกันอ่ะ แต่ประเทศเราให้ความสำคัญถึงขนาดนั้นเลยเร้อ
>>947 +1 กุชอบประโยคแทนที่จะมีนิยายน้ำดีมากขึ้น กลายเป็นลดนู่นนี่แทน จริงๆก็ว่ามันควรมาควบคู่กันแหละ (แก้ที่บ้ง ส่งเสริมที่ดี) แต่นี่มาแนวนู่นห้ามเขียน นี่เป็นพิษ นั่นuneducated พวกมึงส่งเสริมอาชญากรรมเหรอๆ ก็อ่า ทั้งที่จริงพวกนี้มันมีวิธีเขียนหลายทางเลยนะ (อย่างPOVบุคคลที่1หลอกคนอ่าน hurt/comfort แนวแก้ไขเรียนรู้กันไปก็ได้) แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้เขียนแล้วไอ้ที่ไม่บ้งของเราจะบ้งของคนอื่นไหม ก็เลี่ยงดีกว่า
จู่ๆกูก็รู้สึกดีที่เลิกอ่านวายคนไทยแต่ง รู้สึกดีที่แต่ก่อนเรียนญี่ปุ่นกับจีนอย่างบ้าคลั่งและผ่านพ้นมันมาได้ก็วันนี้แหละ กูอยากอ่านอะไรก็อ่านอยากเปย์อะไรก็เปย์ไม่ต้องมานั่งวิตกกังวลว่าวันนี้นิยายที่กูอ่านจะโดนฉอดมั้ย นักเขียนที่ตามจะปสด.แดกลบนิยายเพราะกลัวโดนฉอดมั้ย แนวที่กูชอบวันดีคืนดีจะกลายเป็นแนวต้องห้ามของสังคมมั้ย แล้วกูก็ศรัทธาในคำว่า ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุยิ่งเกลียดก็ยิ่งเจอยิ่งปิดก็ยิ่งขวนขวายด้วย ไม่รู้ว่าอีกสักสิบปีสาววายไทยในอนาคตจะเขียนอะไรกันออกมากันละนะ
>>945 ตรงไหนบ้งด่าก็ด่าน่ะมันถูก แต่เดี๋ยวนี้ที่ทวิตเตี้ยนด่าไม่ใช่แค่เนื้อหาแต่ลามถึงคนแต่ง ด่านิสัย เขาติดเตือนก็ยังลากมาด่า ถ้าต่างคนต่างอยู่ในที่ตัวเองมันไม่มีปัญหาหรอก แต่พวกsjwก็ยังพยายามไล่ต้อนไม่ให้มีงานเขียนประเภทนี้อยู่บนโลกไม่ใช่ทุกคนจะแยกแยะได้ จริงๆมันเกิดจากพวกขี้ฉอดตรรกะวิบัติว่ะ ไม่ว่าจะประเทศไหนการบรรยายการมีเพศสัมพันธ์อย่างละเอียดกล่าวถึงอวัยวะเพศเป็นของ 18+ มันถึงไม่มีใครด่าเรื่องแยกแยะไม่ได้ไง แต่พวกนี้มันคิดเข้าข้างตัวเอง R18+ อ่านได้จ้าถ้าไม่มีฉากผิดศีลธรรม เห็น18ในR18เป็นอะไรวะ หลังจากนั้นก็ตามมาล่าแม่มดสิ่งที่ตัวเองรับไม่ได้ อ้างว่าคนแยกแยะไม่ได้ติดเตือนไม่ช่วย
กูเจอromanticiseความตายควรไปอยู่ใต้ดินกูปวดหัวมาก อ่านแนวเสียดสีทั้งเยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ฯลฯสำนวนสวิงสวาย นักเขียนแม่งปั่นหนักมาก กวาดรางวัลเป็นสิบ เชื่อเหอะ ความคิดตัวละครอัปลักษณ์ไม่มีใครในเรื่องปกติจนมาวิจารณ์ว่าเรื่องที่ทำอยู่มันผิด เป็นการบอกเล่าเนื้อหาในแบบนึง ความดีงามของนิยายไม่ใช่แค่ต้องน้ำดีถ่ายทอดศีลธรรม แต่วายกลับพยายามตีกรอบงานเขียนด้วยศีลธรรมผลักงานผิดทำนองคลองธรรมไปใต้ดิน
>>951 กูไม่รู้สึกว่าพลาดนะ เลิกอ่านวายคนไทยแต่งกูหมายถึงกูเลิกขวยขวายที่จะหาอ่านหรือลองตามเรื่องใหม่ๆที่เขียนในเน็ต กูรู้สึกอิ่มตัวแล้วเพราะกูอ่านมาจะสิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว นักเขียนเก่าๆที่ตามก็เลิกเขียนกันไปเยอะแล้ว เรื่องไหนที่มีคนบอกว่าดีบอกว่างามไม่ใช่ว่ากูไม่เคยไปลองอ่าน แต่กูค้นพบว่ากูอ่านไม่รอดสักเรื่อง ตอนนี้กูเลยสบายใจกับวายแปล วายจีน วายญี่ปุ่น วายอิงค์มากกว่า กูอ่านแล้วไม่ต้องมานั่งคิดมากมาเจอเหตุการณ์แบบปัจจุบันที่จู่ๆนักเขียนลบนิยายหรือโดนเอาไปฉอดจนเขียนต่อไม่ได้ นิยายที่กูชอบดันเป็นแนวจีนโบราณ ย้อนยุค หรือเกี่ยวกับตำนานเทพความเชื่อไม่ก็เช็ตติ้งแฟนตาซีไปเลยด้วยน่ะ กูว่าแนวนี้หาอ่านดีๆที่คนไทยแต่งยาก พวกคฉน ลรอสรกูก็โอเคนะอ่านเอาเซตติ้งหิมพานต์แต่ก็ไม่รู้สึกชอบอะไรขนาดนั้น ยิ่งไปอ่านเซตติ้งจีนที่คนไทยเขียนยิ่งอึดอัด กระแสนักฉอดตอนนี้ก็ยิ่งทำกูไม่อยากแตะวายไทยเพราะกูรำคาญกูรู้สึกไม่มีความสุขกับการตามนิยายวายไทยเลยแม้แต่น้อย กูเลยรู้สึกดีที่กูได้จีนได้ญี่ปุ่นเพราะกูยังหาอะไรอ่านได้ง่ายๆและไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะคิดยังไง
ความฝันกูเลยมั้งได้ญป.กับจีนตัวเต็มจนอ่านนิยายได้เนี่ย ตัดกลับมาที่ความจริงกูยังงมกับญี่ปุ่นไม่ถึง n4 ของกูอยู่ 5555
Ky กูเห็นข้าวปั้นนางบอกจะระงับทุกงานเขียนที่บ้ง กูก็แบบเออ นางรู้ตัวดีไม่ต้องรอใครมาฉอด 555555 กูว่าชอบนางที่สุดแล้วมั้งในบรรดานักเขียนที่กุตามๆมา ดูนางมีสติและเป็นผู้ใหญ่ที่สุดละ
วายจีนวายญี่ปุ่นเดี๋ยวนี้ก็น่าเบื่อเหอะ แพทเทิร์นเดิมๆมาเป็นสิบยี่สิบปี พอแนวไหนฮิตก็แห่เขียนตามกันไปหมด กูว่าถ้าฟิกซ์ว่าจะอ่านแต่วายชาติใดชาตินึง พออ่านไปได้สักพักก็จะจับทางได้แล้วเริ่มเอียนอยู่ดี
ดินหมูนี่คู่ควรกับการอ่านมั้ย เห็นโม่งคุยถึงหลายรอบละ ไหนๆ ก็จะเอาออกจากเชลฟ์กุจะได้ไปกดไว้ถ้ามันคุ้ม
อ้าวผิดห้อง กูขอโทษ 😭
ว่าแต่ทำไมไม่ฉอดให้มีการจัดเรทกันอย่างจริงจังเป็นเรื่องเป็นราวบังคับใช้ได้จริงมั่งวะ จะได้แยกๆ กันไป จัดหมวดจัดที่จัดทาง ใครอยากอ่านบ้ง ผิดศีลกาเมกี่ระดับก็อ่านกันไป ใครอยากอ่านใสกิ๊งวิ๊งๆ ก็อ่านกันไป จะได้ไม่ต้องชะโงกหน้าไปส่องนิยายของคนข้างๆ มาฉอด
>>961 การจัดเรตมันไม่ใช่ทางแก้เพราะเรื่องที่โดนฉอดบางทีมันไม่ใช่ว่าเอ็นซีแรง ส่วนนิยายดีต้องใสๆ นอนจับมือเฉยๆ อะไรแบบนี้นะเว้ย
มันเป็นเรื่องของทัศนคติที่ส่งผ่านนิยายต่างหาก เช่น มึงจะรักและใช้ชีวิตคู่กับคนที่เคยข่มขืนมึงได้มั้ย มึงจะแฮปปี้กับการเห็นผู้ชายเลี้ยงเด็กตัวกระเปี๊ยกเพื่อหวังทำเมียมั้ย
>>964 เท่าที่ดูสังคมไทยในทุกวันนี้ (เอาแค่สังคมนักอ่านตามกรุ๊ปเฟส) บางคนโตจะตายอยู่แล้ว เรียนจบทำงาน หรือลูกโตแล้วก็มี ความคิดยังบ้งอยู่เลย
ปัญหามันอยู่ที่การไม่มี awareness ของคนอ่ะ ไม่เกี่ยวกับอายุ เพราะฉะนั้นตราบใดที่สังคมยังฟื้นฟูเรื่องพวกนี้ไม่ได้ การฉอดก็จะไม่หมดไป จำกัดเรตก็ไม่ช่วยจ้ะ
เรทนี่ไม่ใช่แค่ฉากอย่างว่า แต่หมายถึงความรุนแรงอย่างอื่นด้วยป่าว กูว่าจัดเรทก็ช่วยคัดคนอ่านในระดับนึง(ถ้าคนอ่านเคารพคำเตือนกันอะนะ) แต่ก็เห็นด้วยว่าถ้าคนเขียนตรรกะบ้งเอง จัดเรทก็ไม่ช่วยแหละ
จริงๆสายฉอดบางคนก็แค่ฉอดนะ เจออะไรไม่ดีก็ด่า แต่ปัญหาคือสายฉอดบางคนฉอดแบบกะทำลายของพวกนี้ให้หมดไปจากสังคม ให้เหลือแต่นิยายขาวสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่อง ซึ่งเอาจริงๆแม้แต่ประเทศเจริญๆอย่างอเมริกายังทำไม่ได้เลยจ้า ฝรั่งมังค่าก็มีนิยายบ้งๆเต็มไปหมดออกมาเรื่อยๆ อะไรบ้งก็ด่ากันไปทีละเรื่องให้คนอ่านรู้ว่าเออเรื่องนี้มังบ้งนะ แค่นั้น แต่สายฉอดไทยอยากกำจัดให้เหี้ยน แถมนักเขียนไทยก็ใจบาง รับคำวิจารณ์กันไม่ค่อยได้อีกเพราะบ้านเราไม่ค่อยมีคนวิจารณ์งานเขียนกันตรงๆ (แถมชอบโอ๋นักเขียนกันด้วยซ้ำ) ความจริงกูว่าใครอยากเขียนอะไร toxic ก็เขียนได้แหละ แต่เวลามีคนหยิบมาด่าก็ต้องทนรับให้ได้ด้วย
>>945 ปัญหาคือคณะฉอดมันเฮโลเอาเรื่องนี้ไปบุลลี่คนเขียนในระดับที่หามาตรฐานไม่เจอแล้ว ยิ่งฉอดแรงยิ่งฟิน ไม่ใช่เพื่อการสร้างสรรสังคมอะไร ถ้าฉอดเพื่อสร้าง awareness มันจะออกบทความเสนอความเข้าใจที่ถูก เรียกร้องให้เพิ่มคำเตือน เชิงอรรถ หรืออะไรก็ว่ากัน เผยแพร่กันไป อันไหนเรทแรงเกินเบอร์อยากเอาลงใต้ดินหรือลดดีกรีลงก็ว่ากันไป อันนี้คือมันล่าแม่มดโดยการด่ากราดคนเขียนและคนที่เสพแนวที่คณะฉอดตัดสินว่าไม่ดีงามว่าไร้ศีลธรรม ชั่วช้า เลวทราม งานเขียนพรรค์นั้นไม่ควรมีบนโลก และไม่ควรมีคนสนุกกับการเสพงานพวกนั้น ซึ่งไอ้มาตรฐานของงานพวกนั้นนี่ก็อยู่ตรงไหนไม่รู้ ยิ่งฉอดยิ่งไปกันใหญ่ อย่างเด็กต่ำกว่า 18 ถือเป็นเปโดนั่นหล่ะ
>>963 มันก็จะวนกลับมาเรื่องเดิมไงมึง กูไม่อยู่กับคนแบบนั้นอยู่แล้ว แต่กูอ่านแบบนั้นได้ กูก็อ่านแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร แต่ในชีวิตกูก็ไม่เคยอยากแล้วก็ไม่เห็นด้วย พอบอกพวกมึงว่ามันเหมือนโลกแยกที่ตัวละครไม่ได้เจ็บจริง ไม่ได้เกิดขึ้นจริง มันตอบสนองความคิดบ้าๆ บอๆ ของกู มึงก็จะวนกลับมาที่ทัศนคติ กูสำรวจตัวเองกูก็ว่ากูไม่ได้มีทัศนคติที่เลวร้ายนะ แล้วกูก็ว่ามีคนคิดแบบกูไม่น้อย กูสงสัยมานานมากว่าคนที่ก่ออาชญากรรมพวกนั้น ต้นเหตุ แนวคิด ปัจจัยสัก 0.5% ที่ก่อให้ทำนั่นมาจากหนังสือหรือสภาพแวดล้อม ที่ถามนี่คือกูเห็นบอกๆ กันว่าส่งเสริม ส่งต่อทัศนคติที่แย่ กูโตมากับทมยันตี จามรี พรรณชมพู กูก็ไม่โอเคกับอาชญากรรมใดๆ กูชอบชีวิตสงบสุขอะ กูแค่อยากอ่านอะไรโลดโผนในจินตนาการ มันก็ไม่น่าผิดอะไรไม่ใช่เหรอ
เออมันอาจจะมีคนอินโนเซนส์คิดไม่ได้แหละแต่แค่ไหนล่ะ ละคนที่คิดแบบกูก็ต้องมีกูว่ามีมากด้วย หรืออย่างพวกฉอดที่เค้าว่าเค้าตระหนักได้น่ะล่ะ ท่ามกลางนิยายบ้งๆ เยอะแยะ ทำไมเกิดสติหยั่งรู้ขึ้นมาได้ล่ะ คือพวกที่แยกไม่ออกเกิดจากอะไร ระบบการทำความเข้าใจของตัวเขา สภาพแวดล้อมที่โตมา หรือหนังสือที่อ่าน (ว่าอันที่จริงมีใครอยากโดนข่มขืน กักขัง ทำเรื่องไม่ดีใส่บ้างรึ)
ที่กูอยากให้แยกเรท คืออย่างน้อยมันกรองว่าคุณอายุมากพอจะเข้าใจและแยกแยะความถูกผิดได้ไม่ได้หมายถึง nc อย่างเดียวน่ะ แต่หมายถึงมีวุฒิภาวะมากพอจะตัดสินได้ว่าอะไรควรไม่ควร
กูมองว่าเซ็กส์แฟนตาซี/รสนิยมทางเพศของคนมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำในชีวิตจริงไม่ได้ แต่ในนิยายมันตอบสนองได้ คือกูอาจจะชอบนิยายแนวแกงแบง อ่านแนวนี้แล้วตื่นเต้น อารมณ์พุ่งพรวดๆๆ แต่ในชีวิตจริงไม่ชอบการแกงแบงเลยสักนิด มึงนึกออกมะ ทีนี้สิ่งที่จะตอบสนองแฟนตาซีทางเพศได้ก็คือนิยายอะ ซึ่งการที่กูชอบอะไรบางอย่างในนิยายมันไม่ได้แปลว่ากูจะทำสิ่งนั้นๆในชีวิตจริง แต่พอกูพูดแบบนี้สายฉอดก็จะตราหน้าว่ากูเป็นอีพ่กสาววายแยกโลกอีก ก็ใช่ดิวะ ก็กูแยกแยะได้อ่ะ เอ๊
>>970 มันก็จะวนกลับมาที่ว่า วุฒิภาวะไม่ได้ช่วยกรองอะไรได้เลยยยยยยยย การแยกเรตแบ่งอายุมันไม่ช่วย
ประเด็นที่ฉอดๆ กันมันไม่ใช่แค่ว่ากลัวคนอ่านแล้วจะเอาไปทำตาม คงไม่มีใครอ่านนิยายวายแล้วไปฉุดคนมาข่มขืนหรือกักขังหรอก
แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร มึงสามารถระบุได้มั้ยว่าคนที่แยกแยะได้มีกี่คน คนที่อ่านเรื่องพวกนี้แล้วเฉยๆ ไม่ได้คิดว่ามันผิด ไม่ได้ขยะแขยงมีกี่คน
พวกนี้มันเป็นการปลูกฝังทางความคิดว่ะ ไม่ใช่แค่เด็กอายุน้อยๆ เพิ่งเคยอ่านวาย แต่พวกแก่ๆ ที่อ่านแนวบ้งแล้วฟินจนหัวแข็ง กลายเป็น ignorant ก็มี
อีกอย่างคือประเด็นการทำร้ายร่างกาย/จิตใจในรูปแบบอื่น เช่น ล้อเรื่องสีผิว เชื้อชาติ หุ่น, ใช้คำพูดลามก, ลวนลามทางกายแต่นิยายเขียนให้ดูฟิน
พวกนี้มันมีผลต่อชีวิตจริงนะมึง เราเจออะไรแบบนี้ในสังคมไทยจนชิน เล่นมุกหยาบโลนใส่กัน ล้อปมในใจคนอื่นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องขำๆ
ตรงนี้แหละคือความบ้งที่มีอยู่ในนิยายหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่การข่มขืนหรือก่ออาชญากรรม มาฉอดกันตอนนี้ยังดีกว่าปล่อยให้คนมีความคิดบ้งแบบนี้ไปเรื่อยๆนะ
กูบ่น บกร ด้วยได้ไหม ตลาดวายไปหรือยัง คือกูสั่งกับร้านย่อย/คู่ค้าเขานั่นแหละกับอีกเล่มสั่งไว้กับซีเอ็ด ซึ่งกูต้องรอทั้งสองที่เลย ร้านย่อยที่กูสั่งบอกว่าเข้าไปเลือกหนังสือแล้ว สภาพไม่โอเคเลย ต้องรอล็อตพิมพ์ใหม่ กลางเดือนค่ะกลางเดือน! เห็นร้าน that's Y ก็อีดิทข้อความในเพจว่ารอบหลังตกลงกับสนพ.ไว้เป็นวันที่ 13 เดือนนี้ จริงๆ สนพ.ควรต้องได้หนังสือแล้วเช็คของไหมนะ การวางแผนเขา เข้าใจว่าโรงพิมพ์ก็พลาดด้วย แต่การจัดการเขาไม่โอเคเลย ไม่ค่อยชอบใจคำว่า รู้งี้สั่งตรงกับสนพ.สิคะ ทางเลือกแต่ละคนไม่เหมือนกันป่าววะ แล้วกูไม่ใช่ลูกค้าเขาหรอ สั่งวันแรกจ่ายเงินวันแรก คำว่าเริ่มจัดส่ง 1 ก.ค. ไม่ใช่ว่าร้านต่างๆ ต้องได้รับหนังสือจากสนพ./โรงพิมพ์แล้วอ่อวะ แล้วเห็นทวิตที่บอกว่าสั่งหลังๆ กับสนพ.ก็ได้รับแล้ว เหมือนลูกค้าอย่างกู(ที่ทำให้เขาได้กำไรไม่เยอะ)ไม่มีค่าจริงๆ ว่ะ
>>973 กูอ่านความคิดมึงแล้วเห็นว่าจริงในด้านการทำให้มุขล้อเลียนสีผิว เชื้อชาติ เพศ เป็นเรื่อง normalized
อย่างเช่นที่เขาพูดกันว่า boomer joke ชอบเล่นประเด็นพวกคนผิวสี = ทาส, ผู้หญิง = เป็นแค่เครื่องมือทางเพศ สมควรอยู่ในครัว, เชื้อชาติ = คนผิวขาวคือนิพพาน ที่เหลือคือลิงผิวเหลือง นิโกร
การที่ทุกคนทำเรื่องนี้เป็นโจ๊ก มันทำให้คนในสังคมและกลุ่มผู้สูงอายุไม่เก็ทว่าทำไมต้องมี feminist หรือพวกนักสิทธิมนุษยชน เพราะพวกนี้โตกับสังคมที่คิดว่าการล้อเลียนเรื่องต่าง ๆ เป็นเรื่องล้อเล่น ก็เหมือนที่นิยายข่มขืน ล่อเด็ก เป็นเรื่องในนิยายอ่านเล่น
มันมีพวกผู้ชายที่ชอบเล่นมุขหมี มุขข่มขืนทอมจริง ๆ นะ พวกผู้ชายพวกนี้โตขึ้นมาจากการที่ทุกคนพูดเรื่องนี้กันเล่น ๆ ในเวลาปกติมันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ามันมีโอกาสล่ะ สมมติว่าไปเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วมีทอมหน้าตาสวย ๆ เมา คนที่คิดว่าการซ่อมทอมเป็นเรื่องขำ ๆ น่าจะมีโอกาสล่วงละเมิดทางเพศทอมคนนั้นมากกว่าคนที่ได้รับการสั่งสอนว่าการข่มขืนไม่ว่าจะแง่ไหนผิดอยู่แล้ว
สำหรับกู กูไม่คิดจะไปล่าแม่มดคนที่เขียนนิยายข่มขืนหรือนิยายเยเด็กหรอกนะ เพียงแต่ไม่ได้คิดว่านิยายแบบนี้มันเหมาะกับทุกคน ทุกคนจะแยกแยะได้ มันควรเก็บไว้ใต้ดินมาก ๆ ถ้าเป็นนิยายก็ต้องเป็นเว็บเฉพาะหรือแจ้งเตือนอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือการเอานิยายพวกนี้ไปทำซีรีย์คือเหี้ยมาก
>>975 ขอบคุณนะที่เข้าใจ กูก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการที่ฉอดกันแรงถึงขั้นบุลลี่นักเขียน หรือเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงานเขียนมาโจมตี
แต่ประเด็นไหนที่มันพัง มันไม่ถูกต้อง ก็ต้องปรับแก้กันไปว่ะ อาจจะมีคนอ่านที่ยังไม่เก็ต ไม่ให้ความสำคัญ (หรือคนเขียนบางคนก็ด้วย)
แต่ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มต้น สอนกันตั้งแต่วันนี้ ไม่งั้นปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็จะวอแวอยู่แบบเนี้ย เขียนมาก็ฉอดไป อีกสิบปีก็ไม่พัฒนา
และถูกต้องอย่างที่มึงบอก ไม่ใช่ทุกคนจะแยกแยะได้ แม้จะมีแค่คนสองคนก็ไม่ควรละเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเค้าจะเอาไปแพร่ต่อได้อีกกี่คน
กูคิดว่าการไม่เขียนถึงเลยเป็นการปฏิเสธว่ามีอะไรแบบนี้อยู่บนโลกเหมือนกันนะ จะบอกว่าเขียนถึงได้แต่อย่าบอกว่ามันเป็นเรื่องถูกก็ดูจำกัดแนวทางนักเขียนไปหน่อย เพราะอย่างที่บอกว่ามันมีแนว unreliable narrartor อยู่ แบบพระเอกมึงอาจจะเป็นคนเหี้ยมากๆก็ได้อะ อาจจะเป็นมีทัศนคติบูมเมอร์ยุคนั้นที่ขี้เหยียด ส่วนตัวกุว่า ตรรกะตัวละครในเรื่องไม่เท่ากับตรรกะคนเขียน เวลาเขียนก็ระวังหน่อย ไม่ใช่เขียนถึงไม่ได้
สุดท้ายก็วกกลับไปที่สภาพแวดล้อม การศึกษา การเลี้ยงดูด้วยอ่ะ นิยายเด็กอ่านเยอะ คนเข้าถึงเยอะ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งเดียวที่หล่อหลอมคนคนนั้นหรือสังคมขึ้นมาอะมึง
(เพิ่งเห็นคำว่า เขียนให้ดูฟิน ของมึง ไม่รู้เข้าใจประเด็นมึงถูกรึเปล่า เพราะคิดว่ามีตัวอย่างในใจกันคนละอย่างอยู่ คือพูดถึงที่มันบ้งจริงๆอยู่ใช่มั้ย ไม่ได้หมายถึงแนวเสียดสี สะท้อนสังคม หรือการสร้างคาร์แรกเตอร์ที่คนเขียนจงใจให้ตัวละครบ้งใช่รึเปล่า จะได้เจาะให้ถูกประเด็น ไม่งั้นมันก็วนเขียนได้เขียนไม่ได้อยู่แบบนี้)
>>973 ประเด็นมึงคือเรื่องบ้งๆ ต้องหายไปจากโลก ถูกไหม เพราะอะไรก็กรองไม่ได้ละนี่? กูก็ไม่ได้เห็นด้วยกะเรื่องล้อเลียน เชื้อชาติ เหยียดสีผิวบลาๆ ไรพวกนั้นเลยนะ ละเรื่องพวกนี้การเลี้ยงดูก็น่าจะมีส่วนไหม ละไอ้ที่หล่อหลอมสังคมมาทุกวันนี้มันคือนิยายเหรอ กูไม่ได้บอกเลยว่าแตะต้องวิจารณ์นิยายไม่ได้ แต่ด้วยความที่มันเป็นนิยายมันอาจจะมีเรื่องบ้งๆ บ้าง เราคัดกรองได้ อย่างพวกที่มึงว่าถ้ารู้จักจัดเรท มี บก ช่วยบ้าง มันก็ลดทอนได้บ้างป้ะ เราเตือนได้แยกที่แยกทางได้ คือมันอยู่ตรงกลางได้ไง มันจะต้องสุดโต่งไปอีกทางด้วยเหรอ
>>978 ใช่ มันควรจะไม่มีอยู่แล้ว แต่อย่างที่กูบอกว่ามันไม่สามารถหายได้ทันทีเหมือนธานอสดีดนิ้ว มันต้องช่วยๆกัน
นิยายไม่ใช่สิ่งที่หล่อหลอมสังคม 100% (ก็บอกอยู่ว่าคงไม่มีใครอ่านนิยายแล้ววิ่งไปข่มขืนคนอื่น) แต่มันมีส่วนกับความคิดของบางคนจริงๆ
เพราะฉะนั้นถ้ามันมีอะไรที่ทำได้เราก็ควรจะทำไม่ใช่เหรอ สมมุติมีคราบสกปรกอยู่ 10 จุด เราเช็ดออกได้ 1 จุด ก็ยังดีกว่าไม่ทำเลยแล้วมาบ่นว่าเช็ดแค่นี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร หรือบอกว่า แค่คราบจุดเดียวไม่ได้ทำให้ดูเลอะเทอะขนาดนั้น
>>977 ความหมายเหมือนในวงเล็บที่มึงพิมพ์แหละ คือการทำให้เรื่องผิดๆ ดูไม่ผิด ล้อคนอื่นขำๆได้ ข่มขืนแล้วรักกันได้ ฯลฯ
แต่เรื่องแนวอาชญากรรมทั่วไปมันก็ไม่มีปัญหาอะไรไง เพราะมันทำให้เห็นว่าการฆ่าคน/ข่มขืนไม่ใชเรื่องดี เอาง่ายๆคืออยู่ที่เจตนา
ประเด็นคือในนิยายหลายเรื่อง ทั้งวายไม่วาย มันมีจุดสำคัญอยู่ที่ความรัก แล้วนข.บางคนก็เอาความบิดเบี้ยวในสังคมมาเป็นปมความรัก ความฟิน นั่นแหละที่นักฉอดเห็นว่ามันบ้ง
ปัญหาอีกอย่างคือนิยายในอุดมคติของแต่ละคนไม่เหมือนกันปะ หลายๆคนพอเจอนักฉอดมากๆเข้าก็คิดว่านิยายที่ดีจะต้องเป็นนิยายสอนใจสอนศีลธรรม แต่สำหรับกูเอาแค่ไม่มีทัศนคติแย่ๆอย่างเหยียดเพศเหยียดผิว ไม่ rape to love ไม่สนับสนุนอาชญากรรม ก็โอเคแล้วนะ ไม่ต้องยัดคำคมหรูหราสั่งสอนให้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้นก็ได้ นิยายเด้อไม่ใช่ตำราศาสนา
>>979 สำหรับกูมองว่ามันเหมือนสมัยยุคหลุมดำที่วายโดนตำรวจับข้อหาสื่อลามกอนาจาร ซื้อทีต้องใช้รหัสลับเว็บซื้อขายต้องตอบคำถามยาวเหยียด ขณะหนังสือชายหญิงเริงสวาทขายได้ทั่วไป การเลือกกำจัดคราบเล็กๆหนึ่งจุด ทั้งที่มีคราบที่ใหญ่เบ้อเร่อกว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรในสายตากู เพราะของที่หนักกว่ารุนแรงกว่าก็ยังตระหง่านอยู่อย่างนั้นทำไมถึงไม่มีใครสนใจล่ะ จนเกิดความคิดที่ว่าเหตุผลที่อ้างไม่เห็นเกี่ยวเลยนี่นา ไม่งั้นทำไมมาตรฐานต่งกัน และสุดท้ายจุดเบ้อเร่อจุดนั้นก็จะกลับไปทำให้จุดเล็กๆจุดนั้นสกปรกอยู่ดีเหมือนกับที่วายเรทตอนนี้ขายโจ่งแจ้งกลายเป็นเรื่องปกติยิ่งกว่านิยายชายหญิงเริงสวาท ช่วงเวลาที่โดนเช็ดก็เป็นได้แค่ช่วงเวลาเล็กๆที่ไม่สำคัญสักนิดในเวลาต่อมา
พูดตรงๆเหตุผลกลัวคนทำตามนิยายกูไม่คล้อยตามด้วย เพราะสิ่งที่ทำให้เกิดการnormalizedจริงๆ มันคือสื่อที่เข้าถึงง่ายอย่างสื่อทีวี การเรียนการสอน สภาพสังคมว่ะ ไม่ว่าจะเรื่องข่มขืน มุกตลกเหยียดเพศ นิยายไม่ได้มีความสามารถในการเข้าถึงคนขนาดนั้น เกมด้วย กูเคืองมากกับเรื่องห้ามเกมfps(เกมที่ใช้ความรุนแรง) เพราะกลัวคนซึมซับความรุนแรงจากเกม คือคิดว่าคนดู/เล่นเกมมากๆจะทำให้สามัญสำนักต่ำลง มองการยิงปืนเป็นเรื่องปกติไปยิงชาวบ้านเหรอ คิดว่าอ่านนิยายเปโดมากๆจะทำให้หื่นกับเด็กหรือมองว่าเด็กโดนเยก็ไม่ผิดเหรอ ถ้าไม่โดนกล่อมด้วยสภาพแวดล้อมอย่างต่อเนื่องคนก็ไม่เสียสามัญสำนึกง่ายขนาดนั้นหรอก
สำหรับกูนะ twกับการติดpasswordไม่ใช่ยันต์กันโดนด่าความบ้งในเรื่อง แต่เป็นยันต์กันโดนด่าเรื่องการเข้าถึง แบบถ้ามึงแต่งincestลงเน็ตแบบติดพาสเวิร์ดและมึงไม่แปะพาสไว้โจ่งแจ้ง คนด่ามึงที่มึงแต่งเรื่องผิดศีลธรรมได้ แต่จะด่ามึงว่าเผยแพร่ให้คนอ่านง่ายๆไม่ได้
ทุกวันนี้เหนื่อยชิบหายกับอะไรแบบนี้ คนมันมีความคิดเห็นต่างกันอ่ะ ไม่ยอมหาจุดกึ่งกลางอยู่ไม่ได้กันเลย บางเรื่องนี่มันถูกจริง ๆ เหรอ
คือถ้านับว่ามันเป็นสื่อ ๆ สื่อหนึ่งก็ควรสื่อสารออกมาให้ดีกุเห็นด้วย แต่ตอนนี้ทำเหมือนแม่งเป็นสิ่งชั้นสูงต้องมีแต่สิ่งดี ๆ กุเข้าใจนะนิยายสำหรับบางคนแม่งเป็นโลกทั้งใบ แต่สำหรับกุถ้ามันบ้งมันเหี้ยกุก็ไม่ได้ให้ค่าอะไรกับมันขนาดนั้นอ่ะ แค่ตรงความสำคัญของนิยายคนก็มองไม่เท่ากันแล้วเรื่องนี้เถียงกันยังไงก็ไม่จบหรอก ก็คงต้องรอให้อนาคตมาตัดสินนั้นแหละ กุคิดว่าถึงวันนั้นกระแสสังคมมันจะเป็นคนบอกเองว่าแบบไหนถูก/ผิด
>>993 ประเด็นเลยไม่ได้อยู่ที่ตัวนิยายที่เป็นนิยายแต่เป็นการเอามาทำเป็นสื่อละครหนังที่เข้าถึงง่ายไง ถ้าเป็นหนังสืออยู่ก็เข้าถึงยากว่ะ หนังสือก็ยังมีอิทธิพลน้อยว่ะเทียบกับประชากรทั้งหมด และยอดคนเข้างานหนังสือมันไม่ได้มีแค่สายนิยาย พวกคนที่ไปหาซื้อนิยายอ้างอิงในสายอาชีพ แนวจิตวิทยาการลงทุนสู้แล้วรวยสายมู ไหนจะแยกย่อยนิยายแต่ละประเภทอีก
ถ้าจะให้เห็นภาพง่ายๆความแตกต่างระหว่างคนปกติกับพวกที่อ่านนิยายก็ดูยอดคนดูละครสักเรื่องกับยอดขายนิยายก็ได้ต่างกันแบบยอดซื้อนิยายไม่นับเป็นอะไรเลย ถ้าวงการหนังสือแมสจริงไม่จำกัดจำเขี่ยแบบนี้หรอก คงมีกู้ดส์จากนิยายขายแยกแบบจีนแบบไต้หวันแล้ว
การติดพาสการอยู่ถูกที่ไม่ใช่ยันต์ แต่มันคือการบอกว่าคนที่อยากอ่านอะไรบ้งมาอ่าน คนไม่ชอบอะไรบ้ง เรื่องนี้บ้งนะ บ้งแบบที่ไม่ชอบนี่แหละ แต่คนที่ไม่ชอบเรื่องบ้งก็คือจะรีบเข้าไปอ่านละเอาไปด่าว่ามันบ้ง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.