Last posted
Total of 1000 posts
Ky ในทวิตคนอินเรื่อง Mpreg พากันออกมาฉอดกันอีกแล้ว เต็มทวิตกูเลย ใครต้นเรื่อง ไอ้อีหน้าไหนมันหาทำ เท่าที่ตามอ่านดูน่าจะมีคนว่าอ่าน mpreg ไม่ได้ เพราะเรียนสายวิทย์มาว่ะ มันขัดแย้งกันไรงี้ 55555555555
ตลาดเปิดพรีปรมจโคตรคึกคัก แต่บะร้านโบ้มๆ ของแถมกันทั้งนั้น สรุปแล้วมันทำได้ป่าววะ 😂 กฎแม่โม่ยังมีอยู่ไหม เข้าข่ายปะ
พวกมึงอย่าด่ากู แต่กูเห็นคนบอกว่าชอบ mpreg เพราะชอบโมเม้นพ่อแม่ลูกน่ารัก ถ้าเป็นแบบนี้ทำไมไม่อ่านนิยายชายหญิงไปเลยวะ
อันนี้กูไปอ่านสายสังคม มันก็จริงนะ นิยายแนวท้องได้ส่วนใหญ่ ที่ไม่ใช่โอเมาก้าเวิร์สอ่ะ มีแต่แนวคิดผิดๆ นายเอกท้อง ปุ๊บพระเอกต้องรับผิดชอบ หรือถูกข่มขืนมาก็ต้องเลี้ยง เหมือนเป็นโซ่คล้องใจ พระเอกก็ตามง้อเพราะลูก ก็คือถ้านายเอกไม่ท้อง พระนายก็ไม่มีวันรักกันได้ใช่ปะ น่าจะอยู่ที่พล็อตเรื่องและและการตระหนักรู้มากกว่า อันนี้สำคัญกว่าไอ้เรื่องสายวิทย์อะไรนั่นอีก
กูยืนยันว่านิยายคือนิยาย กูเสพเพราะมันไม่realistic ใครจะฉอดหาความreal เอาฟิน ก็ฟินไปแต่กูไม่ร่วมด้วย
ตอนแรกก็คิดว่าพวกฉอดมีบ้างก็ดีนะ ออกมาสร้างawareness บางประเด็นให้เด็กที่เข้าถึงง่ายได้ตระหนัก แต่อ่านไปหลายๆดราม่าก็ชักเริ่มคิดกลับ นี่มันเป็นพวกไม่รู้จักแยกแยะแต่รู้จักเรียกร้องทุ่งลาเวนเดอร์ขั้นสุดมากกว่า
ทุกวันนี้ไม่ฟอล ไม่ตาม ตามแต่ข่าวนิยายออกใหม่พอ อยู่เงียบๆเสพสบายใจ
เอาจริงป่ะ บางทีสาววายกันเองนี่ก็แปลกดีวะ ชอบบอกฉันไม่ชอบแนวนั้นแนวนี้แล้วเขียนแบบเหยียดคนชอบ กูเห็นแล้ว ได้แต่ทอดสายตามอง บนโลกนี้ มันมีคนชอบอะไรไม่เหมือนกันเยอะแยะ คือแนวท้องได้คนจะชอบก็แล้วไงอ่ะ เหตุผลคือชอบอ่านป่ะวะ เอาแค่ว่า เคารพรสนิยมคนอื่นได้ก็พอ แต่กูเห็นชอบเขียนประหนึ่งเหยียดคนที่ชอบแนวนี้ยาวๆ ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรนัก อยากโชว์ว่าตัวเองรสนิยมสูงว่างั้น ถถถถถ
นิยายก็คือนิยายอิสัส รำคาญ ถ้าเปโดกูรับได้เพราะมันอาชญกรรม แต่รสนิยมเรื่องท้อง หรือโอเมก้าเวิร์สคือไปพักกกกกกก รสนิยมแล้วอันนี้มึงไม่ชอบแล้วจะไปสรรหาอ่านทำไมวะ ถ้าต้องรับผิดชอบกับทุกอย่างขนาดนี้มึงจะไม่ได้สร้างสรรค์อะไรนอกจากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ชีวิตประจำวันตามกฎกระทรวง
ส่วนตัวกูไม่อ่าน mpreg นะ กูอ่านวายเพราะชอบโมเม้นผู้ชายกับผู้ชายแมนๆ ถ้านายเอกสาวแตกหรือท้องได้กูไปอ่านชญดีกว่า เพราะปกติแล้วกูชอบอ่านชญมากกว่าอ่ะนะ
จริงๆกูไม่ยุ่งหรอกใครจะอ่านอะไรก็อ่านไป แต่ที่เซ็งบ่อยๆคือนิยายที่ตามอ่านอยู่ อยู่ดีๆนายเอกก็ท้องขึ้นมาได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอ่ะ น่าจะเตือนกันก่อน
กูเข้าใจคนชอบ mpreg นะ พอทำให้เคะท้องได้แล้วมันทำให้นิยายวายมีพลอตหลากหลายมากขึ้น เพิ่มความเป็นไปได้ของนิยายวายมากขึ้น
แต่ในอีกด้านนึงมันก็เชปความคิดเรื่องครอบครัวที่สมบูรณ์ต้องมีพ่อแม่ลูก+ยัดเยียดบทบาทของสเตรทให้ lgbt จริงๆอะ ที่ฉอดๆกันมันก็ถูกนะ
คือใครจะชอบก็ชอบไปเถอะ แต่ในส่วนนึงก็ต้องยอมรับอะว่ามันมีปัญหาตรงนี้อยู่จริงๆ
ทำไมวายต้องโดนโจมตีตลอด
ทำไมนิยายจีนที่ผู้ชายมีหลายเมียไม่มีใครด่า
ทำไมแนวยูริไม่เห็นมีโทรลงี่เง่าไปป่วน
ทำไมแนวเทพเซียนก็ผิดธรรมชาติด้านอายุขัยไม่มีใครท้วง
ทำไมเทพซูสมีอะไรกับวัวหรือพ่องกลืนหินลงไปไม่แย้งด้านหลักการย่อยอาหาร
ทำไมต้องโจมตีแต่แนววายวะ
ถุย อิพวกที่บอกอ่าน mpreg ไม่ได้เพราะเรียนสายวิทย์มานี่แหลว่ะมึง มึงอ่านไม่ได้แค่เพราะมึงไม่ชอบไม่ถูกจริตไม่เกี่ยวห่าอะไรกับสายที่เรียนมาหรอก จริงๆอิพวกที่บ้าไสยศาสตร์เรื่องลี้ลับมากที่สุดคือพวกสายวิทย์และคณิตเจ้าพ่อแห่งการตั้งทฤษฎีและสมมติฐานนี่แหละ ส่วนพวกที่เถรตรงไม่ยอมรับเรื่องผิดแปลกมากที่สุดคือสายสังคมที่ยึดหลักมนุษยธรรมและศีลธรรมทั้งหลายตะหาก แค่เบสของเรื่องที่เรียนยังจับกันไม่ได้ ที่บอกปาวๆว่าอ่านไม่ได้เพราะเรียนวิทย์มึงก็แค่อยากอวดตัวว่าเรียนคณะยากๆแค่นั้นแหละว่ะ งี้เผลอไปเปิดนิยายแฟนตาซีอ่านไม่กระอักเลือดตายห่ากันไปแล้วเหรอ ช่วงนี้ยิ่งนิยมแนวกลับชาติมาเกิดกันอยู่ด้วยนะ ถถถถถถ
แบบกูอ่านหลาย P ไม่ได้ อ่าน incest ไม่ได้ไม่ชอบ แต่กูก็จัดการตัวเองนะด้วยการไม่ยุ่งไม่เสือก ไม่สาระแนใดๆทั้งนั้น ใครชอบก็เรื่องของเค้า เพราะทุกคนมีเรื่องที่ขอบไม่ชอบเหมือนๆกัน ทำไมต้องไปเบียดเบียนพยามยัดเยียดนั่นนี่ ไปร้องแรกแหกกระเชอว่ากูไม่ชอบๆๆ ปสดดี
>>837 กุไม่ชอบที่เขาบอกมันสมาทานความคิดพ่อแม่ลูกคือครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนLGBTQ+ไม่อยากได้ลูกอ่ะ คือพวกกุไม่มีลูกเพราะมีConditionด้านร่างกายมั้ย ตบหน้านักวิจัยกับผู้เข้ารับวิจัยหนักมาก ประเด็นคือถ้าเปนไปได้ก็อยากมีลูกแบบที่เกิดมาจากพวกเราเหมือนกัน วิทยาการแค่ไปไม่ถึงแต่มันก็ยังมีความหวังป่ะวะ อย่ามาแนวแบบlgbtq+ต้องไม่มีลูก ไอ้เหี้ย กุขอตบหน้าหัน
>>843 lgbt อยากมีลูกก็เรื่องนึง แต่การที่นิยายวายซึ่งเป็นเรื่องของ lgbt เลือกที่จะทำให้ผู้ชายมีลูกและคลอดออกมา มันยิ่งกลายเป็นสร้างค่านิยมที่ว่าต้องมีลูกที่เป็นสายเลือดตัวเองถึงจะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ไง ไม่ได้หมายถึงแค่ lgbt ด้วย แต่มันสร้างค่านิยมนี้สำหรับผู้หญิงซึ่งเป็นกลุ่มผู้อ่านหลัก ว่าสุดท้ายคุณต้องมีลูกนะ ครอบครัวถึงจะสมบูรณ์ ซึ่งมันเป็นความคิดที่เก่าแล้ว แนวคิดแบบบูมเมอร์อะมึง
>>843 มึงเป็น lgbt จริงปะเนี่ย มึงเคยอ่าน mpreg จริงๆรึเปล่า นิยายแนวนี้มันไม่ได้ celebrate หรือสนับสนุนการมีลูกของ lgbt เลยนะ มันคือแฟนตาซีสนองนี้ดสาววายล้วนๆ คือมีไว้เพื่อฟินล้วนๆอะ กูไม่ได้จะบอกว่าไม่ดีนะ แต่ที่แน่ๆมันไม่ได้มีไว้สนับสนุน lgbt อย่างพวกมึงจ้า ออกจะกดทับด้วยจ้า
>>837 แนวเรื่องมันไม่ได้มีปัญหาหรอกแต่มันมีปัญหาเพราะคนเอาปัญหาไปใส่มัน เอาอคติ อุดมคติ ทัศนคติทั้งส่วนตัวและของกระแสสังคมโดยรวมไปใส่มัน เวลาที่ฉอดว่าไม่อยากให้คนเขียนแนวนั้นแนวนี้เพราะกลัวไปกล่อมเกลาสังคม กลัวคนหลงผิด กลัวซอล์ฟพาวเวอร์ ก่อนที่มึงจะกลัวคนอื่นน่ะ พวกมึงเคยถามตัวเองกันบ้างมั้ยว่าสรุปที่ออกมาฉอดเนี่ย แยกแยะและเห็นปัญหาได้จริงๆ หรือเพราะแยกแยะไม่ได้เลยต้องออกมาฉอดกัน
แต่ก่อนสาววายเย้วๆกันว่าการที่สาววายชอบอ่านวายก็เป็นการสนับสนุน lgbt แต่พวกเคลื่อนไหวเรื่อง LGBT ชอบพูดว่าแนววายไม่ใช่ lgbt เอามารวมกันไม่ได้ แต่ดันเสือกกระแดะแซะแนววายไม่เว้นวันหยุดว่าทำไมไม่ทำแนววายให้มันส่งเสริม lgbt ก็เขาเขียนแนววายมั้ยล่ะอิผี พวกมึงไปถามกันเองก่อนมั้ยว่าสรุปแนววายมันเป็น lgbt ในสายตานักฉอดทั้งหลายหรือยัง แค่จะแยกแยะแนววายที่เขียนโดยสาววายเพื่อสาววายก็ยังแยกไม่ได้ ถ้าอยากอ่านแนวส่งเสริม lgbt ตีแผ่ความจริงสร้างเสริมทัศนคติต่อ lgbt ก็ไปหานิยายที่เขียนโดย lgbt เพื่อ lgbt มาเผยแพร่จ้า ไม่ใช่มาหวังกับคนอื่นที่เขาไม่ได้สร้างสรรค์ผลงานมาเพื่อ lgbt เหมือนเดินเข้าร้านขายน้ำผลไม้ปั่นแล้วดันไปสั่งชานมไบ่มุกพอเขาทำให้ไม่ได้เสือกไปด่าเขาว่าเป็นร้านขายน้ำแท้ๆทำไมทำให้ไม่ได้ ก็เขาไม่ได้ทำมาเพื่อให้มึงเสพไงค่ะ เป้าประสงค์ก็ไม่ได้ทำมาเพื่อส่งเสริม lgbt แต่แรกปะ
อ่านกระทู้นี้กูก็นอทเสอไพร๊แล้วแหละว่าทำไมสาววายโดนฉอดบ่อยฉิบ แม่งเป็นอย่างที่ฉอดกันทุกอย่าง 555555555555
สเตรทหลายคนฉอดแทบเป็นแทบตายเพื่อ lgbt แต่ lgbt บางคนดันปกป้องนิยายที่กดทับเพศและคอมมิวนิตี้ตัวเองว่ะ กูเวท 5555555555555555
บางทีก็มี lgbtq+ ที่อ่านวายมีลูกสนองความฟิน เพราะวิทยาการตอนนี้ยังทำให้เขาไม่ได้ก็มีป่ะวะ สรุปผิดเหรอถ้าอยากมีลูกด้วยตัวเอง หรือค่านิยมการไม่มีลูกสืบเชื้อสายได้ต้องผูกมัดกับ lgbtq+ ไว้ งงกันมั้ยวะ แต่กูอยากฟัง คห หน่อย
กูอ่านนิยายเพื่อคลายเครียด แต่ต้องมาเจอพวกเอาความจริงมาฉอด ตกลงคือกูจะต้องหาอ่านวิชาการใช่ไหม กูว่านิยายมันอยู่ในที่ๆมันควรจะอยู่ของมันดีๆแล้ว แต่ดันเสือกมีพวกฉอดก้าวล้ำเข้ามาเองปะวะ แล้วยังลาก lgbtqเข้ามายุ่งด้วย กูว่าจากที่เค้าไม่อะไร มันจะทำให้lgbtqแม่งดูแย่ แค่ภายใน แม่งยังเหยียดกันยังไม่สามัคคีกันเลย ยงัจะเสนอหน้า มาฉอดข้างนอกกัน
>>853 กุไม่ได้ปฏิเสธเรื่องgender roleที่ใส่มาเลยนะ ที่ย้ำว่าใครเป็นหญิงเป็นชาย และกุดีใจที่มีคนออกมาพูด แต่เรื่องลูกกับเรื่องอดอปอ่ะ
เห้อ เอาเหอะ ถ้าไม่คิดเหมือนพวกฉอดทุกประการก็คงเป็นอิกนอแร้นท์แหละ กุขก.จะคิดล่ะ ขอบคุณที่อยากจะช่วยแต่ยิ่งซ้ำเติมพวกกุแล้วกัน เรื่องลูกกับการอดอปติดในหัวกุเยอะจริง กุก็ต้องมานั่งrealizeซ้ำๆว่าให้ตายยังไงก็มีลูกไม่ได้ แต่ชายหญิงมีได้ผ่านมีเดียทุกอย่างที่กุเห็น แต้งจ้ะ
>>857 กูงงอะ ก็ในเมื่อวิทยาการตอนนี้มันทำให้ผู้ชายท้องไม่ได้ และน่าจะเป็นไปไม่ได้ในเร็วๆนี้ แต่มึงใฝ่ฝันว่าสักวันมึงอาจจะท้องได้ งี้ก็คือมึงโดนนิยาย mpreg สร้างค่านิยมนี้มาอีกทีนึงป้ะ เพราะจริงๆแล้วถึงมึงจะท้องไม่ได้ มันก็ไม่ได้แปลว่ามึงไม่มีคุณค่าไง คือนิยายมันหล่อหลอมให้มึงยิ่งยึดติดกับการท้องได้อะ มึงคือเหยื่อนะ
>>860 อันนี้มึงเข้าใจประเด็นผิดแล้ว ไม่มีใครห้าม lgbt มีลูกเลย ถ้านิยายจะเขียนให้คู่ lgbt มีลูกด้วยการอุ้มบุญหรือวิธีการใดๆในโลกจริงมันคงไม่มีใครฉอดหรอกมึง แต่ mpreg มันเป็นแฟนตาซีไง มันคือการเอาลักษณะของเพศหญิงไปใส่ให้ lgbt ที่มีเพศสภาพเดิมเป็นผู้ชาย มันคนละประเด็นกันจ้า
>>859 กูว่าเขาไม่ได้มองว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเลยนะ การอยากมีลูกกับการมองตัวเองไม่มีคุณค่ามันเหมือนกันตรงไหน เนี่ยมึงก็เอาความมโนของมึงโยงมั่วไปเองนี่ คิดเอาเองว่าเขาต้องถ่มถุยตัวเองเพราะมีลูกไม่ได้ เขาต้องเป็นเหยื่อจากการอ่านนิยายแนว mpreg แน่ๆ แล้วทำไมมึงไม่คิดบ้างว่าหลายคนที่เป็น lgbt ที่อยากมีลูกเขาอาจจะไม่ได้อ่านนิยายmpreg แล้วโดนล้างสมองเรื่องการมีลูกครอบครัวถึงจะสมบูรณ์แต่เขาอ่านเพราะเขาอยากมีลูกแต่ทำไม่ได้ถึงมาหาเติมเต็มความหวังเอาในนิยาย นิยายแนวเวทมนตร์ก็เหมือนกัน คนชอบเพราะอะไร เพราะเขาไม่มีมันไงมันเลยน่าตื่นตาตื่นใจและแปลกใหม่เสมอไง
พูดถึงสเตรทที่ปกป้อง lgbt ที่กูเห็นๆมาคือน้อยมากที่สเตรทจะปกป้องพวก lgbt จริงๆแบบจากใจจริง(อันนี้ว่าตามที่กูเห็นมากับตัวเองนะ)
แล้วดูอย่างปัจจุบัน เอานิยายวายมาทำซีรีส์เอาคนชีวิตของคนประเภทนี้มาหากิน ประหนึ่งสนับสนุนกันเต็มที่ แต่เปล่าเลย เค้าไม่ได้เปิดกว้างมากพอที่จะสนับสนุน แต่มันขายดีขายได้ ได้ดันเด็กตัวเองได้ขายเด็กในสังกัด แต่ก็ยังเยียดกันไปมา ทั้งๆที่เม็ดเงินที่ได้มาก็เพราะสิ่งที่มันเยียดๆกันทั้งนั้น ถุย
กูถามจริงๆเลยนะ พวกมึงที่ดีเฟนด์ให้ mpreg กันในนี้เนี่ย กล้าพูดแบบนี้บนบกรึเปล่า ที่ไม่กล้าเพราะรู้ใช่มั้ยว่าพูดไปแล้วจะทัวร์ลง แสดงว่าพวกมึงก็รู้รึเปล่าว่ามันมีปัญหา
>>859 คือกุไม่ได้มองว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเลยอ่ะ ตั้งแต่เกิดมากุก็มีคุณค่าแล้วมึง มึงแอบมั่วๆนิดนุง555555 กุกะเขาอยู่กันก็แฮปปี้แล้ว เหมือนวงกลมเต็มๆวงหนึ่งอ่ะ แต่ถ้าสักวันมีเด็กเข้ามาในชีวิตอีกคนวงกลมมันก็ขยายอ่ะ แบบแฮปปี้กว่าเดิม สักวันกุอาจจะอดอปเด็กก็ได้ ก็คงแฮปปี้ แต่กุก็ฝันอยากจะอุ้มเขาแล้วแซวว่ายัยเด็กคนนี้ได้จมูกจากเธอได้ปากจากฉัน ประมาณนั้น เป็นความแฮปปี้เล็กๆที่ต่อให้กุตายก็คงไม่มีวันได้อ่ะเก็ทป่ะ5555555
กูว่านะ สายฉอดกับสาววายเป็นสิ่งที่ทะเลาะกันได้ไม่มีวันจบสิ้น เพราะอะไรรู้มะ เพราะสองฝ่ายนี้มองนิยายวายไม่เท่ากันไง สายฉอดมองว่านิยายวายมันมีผลต่อความคิดคน มันเชปความคิดคนได้ ส่วนสาววายมองว่านิยายวายคือจินตนาการ เรื่องแต่ง แยกโลกกัน มั่นใจในวิจารณญาณตัวเองว่าแยกแยะได้ แค่มุมมองเรื่องความรับผิดชอบที่หนังสือมีต่อสังคมมันก็ไม่เหมือนกันแล้วอ่ะ ทะเลาะกันให้ตายยังไงก็ไม่มีวันได้ข้อสรุปหรอก
>>861 ก็เค้าฉอดเรื่องการให้ adopt เอา เพราะยังไงก็คือลูกเหมือนกัน ความผูกพันมันขึ้นกับการเลี้ยงดู การที่เอาเซลล์สืบพันธุ์ไปให้คนอื่นอุ้มบุญหรือเอาของคนอื่นมาเพื่อให้ตัวเองท้อง กูคิดว่าส่วนหนึ่งมันก็คือการที่เค้าต้องการลูกที่มาจากเลือดเนื้อเชื้อไขตัวเองป้ะ ถ้าเทคโนโลยีมันสามารถทำให้ไข่ไข่ สเปิร์มสเปิร์มเป็นเด็กได้คงทำไปแล้ว กูอิงจากทวีตข้างบนนะ ไม่ได้ดีเฟนด์ให้ mpreg
กูอ่านmpregได้ mpregเป็นรสนิยมหรือแฟนตาซีแหละ แต่ต้องยอมรับนะว่าค่านิยมที่มากับนิยายmpregมันบ้งจริงๆ และคนที่ชอบแนวบ้งๆมันก็มีเยอะมาก ต้องมีลูกครอบครัวถึงจะแฮปปี้ ลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ หอบลูกหนีไป พระเอกตามเจอแล้วรักกันแฮปปี้ มีลูกเพื่อให้เขารัก มันก็เหมือนคุณแม่วัยใสอะ ยอมรับเถอะว่าคนที่เขียนแนวนี้ แนวคิดอิหยังวะมันมีเยอะจริงๆ พอจะบอกให้เข้าใจว่าไอ้แนวคิดนี้มันกดทับผู้หญิง ไปกดทับ lgbtq ก็มาบอกว่า just นิยายอีก เข้าใจว่ามันก็นิยาย เขียนได้ แต่มันมีคนไม่ woke ไง มึงอาจจะคิดว่าตัวเองแยกออก แต่มันก็มีคนที่แยกไม่ออก กูเลยคิดว่าการที่มีคนฉอดเนี่ย ฉอดไปเถอะ
>>868 กูใช้คำว่าคุณค่าอาจจะเกินจริงไปหน่อย กูก็นึกคำเหมาะๆไม่ค่อยออกว่ะ คือกูไม่ได้หมายถึงคุณค่าในฐานะมนุษย์นะ แต่หมายถึงในฐานะคู่ครอง ในฐานะสมาชิกครอบครัว และกูไม่ได้มองแค่ lgbt นะ กูมองว่า mpreg มันสร้างค่านิยมนี้ให้กับผู้หญิงด้วยเหมือนกัน ว่าลูกคือส่วนเติมเต็มที่จะทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ ซึ่งเอาจริงๆผู้หญิงทุกคนที่เลือกจะโสดและไม่มีลูกก็ได้รับผลกระทบจากค่านิยมนี้ด้วยแหละ ไม่ใช่แค่ lgbt อ่ะ
ถามโง่ๆเลยนะ ต่อให้อ่าน mpreg หรือนิยายชญแล้วมีความรู้สึกอยากมีลูก มันผิดตรงไหนอะ การที่มีความคิดว่าลูกทำให้ครอบครัวสมบูรณ์หรือลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ มันก็ชีวิตเค้า มดลูกเค้ามั้ย จะซวยก็ซวยที่ลูกเกิดมาสนองนี้ดพ่อแม่ สรุปเพราะอะไรถึงอยากห้ามค่านิยมมีลูก = ครอบครัวสุขสันต์สมบูรณ์
>>875 แล้วจะทำไงอ่ะ ต่อให้มีหรือไม่มีนิยาย mpreg ก็ไม่มีใครเสกมดลูกให้ผู้ชายได้อยู่ดี ยกเว้นจะมีวิธีทางวิทยาศาสตร์ล้ำๆ ในอนาคต อาจจะอีกสัก 50 ปี ร้อยปี
ในเมื่อตอนนี้รู้อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ตัวเองอ่านแล้วคิดมากเอง แล้วก็มาโทษนิยาย งงมาก นิยายที่แฮปปี้ๆ มันก็เป็นโลกในอุดมคติของทุกคนได้ทั้งนั้นแหละ
แล้วอีกอย่างนะ นิยาย mpreg ก็ไม่ได้จะเสริมสร้างค่านิยมครอบครัวสุขสันต์พ่อแม่ลูกไปหมดทุกเรื่อง ตัวละครที่ไม่อยากท้อง ไม่แฮปปี้กับการมีลูกก็มี โดนข่มขืนจนท้องก็มี
แน่จริงมาสาบานเลย ว่าที่ฉอดๆ mpreg กันเนี่ย มีคนที่นึกถึงเรื่องทางสังคมและสภาพจิตใจจริงๆ สักกี่คน ส่วนใหญ่ก็เกลียดงานแนวนี้อยู่แล้ว ได้ทีผสมโรง
ทีตอนดราม่า pedo child-groom abuse rape polygamy เห็นมีแต่โลกข้างนอกที่ฉอด ในนี้ปกป้องกันเยอะแยะ พอมา mpreg ที่ไม่ได้รุนแรงขนาดเป็นอาชญากรรมดันออกมาโวยกันใหญ่
>>876 ปัจเจกบุคคลอยากมีลูกมันไม่ผิดหรอกมึง แต่ค่านิยมนี้มันเป็นค่านิยมบูมเมอร์ ซึ่งมันควรหมดยุคไปได้แล้ว ทุกคนควรมีอิสระที่จะมีลูกหรือไม่มีโดยไม่ต้องโดนค่านิยมนี้ของสังคมกดดันอะ รูปแบบของครอบครัวมันมีได้หลากหลายไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ไม่ควรมีใครเอาลูกมาเป็นตัวกำหนดความสมบูรณ์ของครอบครัวแล้ว เก็ทบ่? กูก็อธิบายไม่ค่อยเก่ง แง
>>878 งั้นกูถามย้อนกลับบ้างว่าทุกคนควรจะมีอิสระในการมีลูกหรือไม่มีแล้วคนอื่นไปเสือกอะไรกับคนเขียนที่เขาอยากเขียนให้ผู้ชายท้องได้มีลูกได้เองวะ ที่ควรฉอดมันคือพล็อตจำพวกจำเลยรัก มีลูกเลยต้องรับผิดชอบ มีลูกเลยรักกันไรงี้ปะ มาเสือกอะไรกับหัวข้อใหญ่ๆอย่าง mpreg ซึ่งคำจำกัดความแม่งก็แค่สั้นๆว่าผู้ขายท้องได้วะ ซึ่งอินิยายพล็อตส่งเสริมแนวคิดครอบครัวสมบูรณ์มันก็มีทั้งวายทั้งนอร์มอลปะ เกี่ยวเหี้ยอะไรกับเรื่องผู้ชายมันจะท้องได้หรือท้องไม่ได้วะ
>>878 มึง กุงงอย่างนึง เราจะแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการฉอดmpregเหรอวะ แบบนิยายคือสิ่งสะท้อนคุณค่าของสังคม ทำไมแทนที่เราจะฉอดว่าสังคมนี้มันยกheteroและการมีครอบครัวเป็นใหญ่ ฉอดให้ส่งเสริมการอดอปลูก ส่งเสริมกฎหมายคู่สมรสlgbt แต่แทนที่เราจะสนับสนุนเรื่องนั้นดันหันมาตีmpregแทน สรุปสังคมจะเปลี่ยนไปมั้ยวะ
>>883 กูไม่ได้ย้อนอ่านข้างบน แต่เห็นที่พิมพ์มามันเหมือนพวกโลกข้างนอกที่ชอบฉอด mpreg ประมาณว่าปลูกฝังค่านิยมพ่อแม่ลูก ทำให้คนเป็น lgbt อ่านแล้วรู้สึกไม่ดี
อยากมีครอบครัวแบบนั้นบ้าง อยากมีลูกจริงๆบ้าง กูเลยรู้สึกว่าทำไมอ่านแล้วเซนซิทีฟเองแล้วมาโทษนิยาย แค่นั้นแหละ
>>884 กูว่ามันส่งผลเหมือนละคร ถ้าเกิดว่ามีการสอดแนวคิดบ้งๆ เข้าไปในเรียล แต่ไอ้เรื่องที่จั่วหัวแฟนตาซีอย่าง Mpreg อยู่แล้วมันรสนิยมเฉพาะกลุ่มมาก มีทั้งคนคิดว่าควรและไม่ควร มันไม่ได้เป็นสื่อแมสที่ฉายแบบสาธารณะด้วยซ้ำ กูคิดว่ามันไม่ได้ส่งผลต่อสังคมขนาดนั้นถ้าไม่มีใครลากมันออกไปทำซีรีส์วงกว้างอะนะ
>>884 กูไม่เข้าใจมากกว่าว่ามึงเอาอะไรมาวัดว่าอะไรทำให้คนคิดยังไง แล้วการที่พวกที่ฉอดเรื่องนี้ชอบบอกว่าไม่ได้อยากเบลมคนที่อ่านแนวนี้แต่อยากให้รู้เท่าทัน อยากให้ตระหนักถึงปัญหา อย่าหลงติดกับ ต้องคิดได้ แยกแยะได้ สรุปพวกมึงก็แค่ทำตัวเองเป็นไม้บรรทัดวัดความคิดคนอื่นอยู่ดีน่ะแหละ เพราะมึงบอกกันว่าอยากให้การมีลูกในแต่ละแบบเท่าเทียมกันไม่ใช่ให้ค่ากับแค่การยึดติดใน dna ทุกคนควรมีอิสระในการเลือกว่าจะมีหรือไม่มีลูก แต่พวกมึงเองก็กำลังตีกรอบว่า คนที่ยึดติดเรื่องสายเลือดเรื่อง dna น่ะผิด ทั้งที่มึงอยากให้มันฟรีแต่พยายามพูดให้คนอื่นคิดเหมือนมึงว่าการยึดติดกับสายเลือดมันผิดเนี่ยนะ ไหนล่ะฟรี ไหนล่ะอิสระ การที่เขาจะอยากมีลูกเพราะอะไร มีลูกเพราะวิธีไหน มีแล้วได้อะไรรู้สึกยังไง มันควรเป็นเรื่องของเขาปะ แต่การมีลูกแล้วต้องรับผิดชอบมีลูกแล้วต้องได้รักกันมีลูกแล้วครอบครัวจะมีความสุขตะหากที่พวกมึงควรยกมาเบลมว่าแนวคิดนี้ไม่โอเค ไม่ใช่มานั่งจับเจ่าว่าการที่ผู้ชายมีลูกได้ = ส่งเสริมครอบครัวสมบูรณ์ = เป็นแนวคิดที่ผิด(ในความคิดพวกมึง) ทั้งที่จริงๆมึงควรให้อิสระในตัวบุคคลเลือกปะว่าเขาจะมีลูกเพราะอะไร มึงบอกว่ามันเป็นความคิดที่จำกัดกรอบแต่มึงดันยกประเด็นนี้มาฉอดด้วยการจำกัดกรอบความคิดคนอื่นอีกต่อนึงเนี่ยนะ
สายฉอดพอเถิด สาววายตั้ง strawman เก่งอะ พูดเรื่องนึงเถียงกลับด้วยอีกเรื่อง เถียงกันแบบนี้ไม่มีวันจบหรอก แยกย้ายๆ
>>884 เอิ่บ media effected ไง กุเก็ทนะ แต่มันเปนวงกลมนะถ้ามึงลองไปหาอ่านจริงๆ นิยายสะท้อนค่าสังคม แล้วก็ผลิตซ้ำวนลูป แต่คือต่อให้นิยายทั้งหมดแก้แล้ว มายด์เซ็ทพวกนี้ใช่ว่าจะหมดไป ถ้ามึงได้มองภาพรวมจริงๆจะพบว่าคนอ่านนิยายคือส่วนน้อยของสังคม มีเดียที่เชปสังคมอย่างจริงจังคือละคร/โฆษณา ต่างหาก
ในขณะที่ฉอดmpregกันเมามันส์ คั่นกูก้ทำซีรีส์สเปต่อ ไหนใครสน เงินสะอย่าง ถถถถ
คนฉอดคนนั้นก็ตลกดีนะ ถามคนอื่นว่าตัวเองแค่เสนอความเห็นส่วนตัว คนอื่นไม่ควรมองเป็นเรื่องใหญ่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจนคนต้องมาสนใจมากมาย แล้วไม่คิดบ้างล่ะว่าตัวเองมองว่าปัญหา Mpreg เป็นเรื่องใหญ่จนขับเคลื่อนความคิดคนในสังคมได้ ไอ้คำพูดจำพวก จะแหวะกับmpreg มันดูกดข่มรสนิยมความชอบของคนอื่นมากไป แถมแนวคิดที่ฉอดออกมามันก็เป็นเรื่องใหญ่พอสำหรับคนอื่นได้เหมือนกัน เป็นพวกโลกหมุนรอบตัวเองหรือยังไงถึงได้มองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตัวเองกับความคิดของตัวเอง
>>884 กูงง ถ้ากูไม่สนไม่เข้าใจผิดเหรอ อย่าทำตัววัดคนอื่นดิวะ รสนิยมมึงไม่ใช่ไม้บรรทัดโลกนะ มารู้เท่าทันห่าหอยอะไรวะ ขนาดละครตบกันโคมๆ แย่งผัวเมียยังไม่เลิกสร้างเลย คนจะคิดจะอ่านอะไรมันอยู่ที่คนวะ ไม่จำเป็นต้องแบบฉันคือคนรสนิยมดีรับผิดชอบสังคม พูดเหยียดหรือวัดคนอื่นป่ะ โลกไม่ได้หมุนรอบความคิดพวกมึงนะ
มันก็ self-centered กันทั้งสองฝ่ายมั้ยอะ 55555555555555
กูขำยัยฉอดสมาทานข้างบนตรงถ้าไปดูในทวิตอันอื่นนาง สั่งสอนให้คนอื่นรู้เท่าทัน แต่บอกรสนิยมตัวเองชอบยันเดเระ แต่ฉันรู้เท่าทันค่ะว่ามันคือความรุนแรง กูปวดกบาลเลย
>>894 ประเด็นที่884อยากสื่อน่าจะพูดถึงsoft powerของนิยายพวกนี้ที่shapeความคิดคนมากกว่าว่าการมีลูกคือครอบครัวที่สมบูรณ์ ทำฝก้คนทั่วไปคิดงี้ ทั้งๆที่ครอบครัวไม่จำเป็นต้องมีลูกก็มีความสุขได้ เป็นสิทธิ์ของคู่ผัวเมียที่จะเลือก ไม่ใช่มีไรมาshapeความคิดงี้
แต่ความเห็นกูเห็นเหมือนหลายคนในนี้นะ แต่งmpregไม่ได้ผิดกฎหมายเหมือนพวกแต่งpedo คนอ่านก็ต้องแยกแยะให้ได้ ไม่โดนshapeความคิด ละเอาจริงอีพวกนักฉอดนิยายฉอดทุกปัญหาสาระเลย เอาจริงบางเรื่องมึงปล่อยๆผ่านกันบ้างเหอะ ถ้ามันไม่ได้เลวร้ายผิดกฎหมาย ก็ปล่อยๆให้มีบ้าง mpregนี่ก็1ในรสนิยมนักอ่าน กูก็ชอบมาก ในชีวิตจริงกูยังไม่เห็นอยากมีลูกเลย แค่อ่านแล้วมันฟลัฟฟี่ใจดี พวกแยกโลกนิยายกับโลกแห่งความจริงไม่ออกมากๆก็ควรหาหมอ ไม่ใช่หน้าที่คนแต่งที่โดนจำกัดไม่ให้แต่งนู่นนี่นั่นอยู่ได้ นักเขียนนักอ่านไม่ได้มีหน้าที่หลักในการรับผิดชอบสังคม ไม่ได้เขียนหรืออ่านเพื่อวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายโดยตรงในการทำให้สังคมพัฒนาขึ้นจ้า(แต่ทางอ้อมก็ใช่แหละ ฉะนั้นเวลาแต่งหรืออ่านไรก็มีวิจารณญาณกันด้วย)
>>884 ถ้ามึงคิดแบบนี้มึงสมควรไปอยู่ในสังคมสังคมนิยม ปิดกั้นทุกสิ่งที่ไม่สมควรในสายตาผู้นำ(ซึ่งวัดจากมาตรฐานและความเชื่อส่วนตัวท่านผู้นำ) ให้หมด
เรื่องนี้เถียงให้ตายก็ไม่จบ เพราะประเด็นนี้มันเป็นแนวคิด ความเชื่อ ไอ้ที่วัดก็ความรู้สึกล้วนๆ ซึ่งส่วนมากพอมันฝังหัวแล้วมันก็จะเริ่มเอียงไปทางผูกพันบังคับอีกฝ่ายที่เห็นต่าง ว่ากูถูกมึงต้องตามกู ถ้าไม่ตามคือมึงชั่ว สุดท้ายก็ไม่มีใครดีกว่ากัน ถ้ายังไม่เข้าใจตรงนี้ก็เถียงให้ตายไม่จบว่ะ มึงควรเคารพความต่างในรสนิยมของบุคคล เคารพในวิจารณญาณของบุคคลบ้าง และหากสื่อนั่นอยู่ถูกที่มึงไม่ควรไปยุ่ง
ด้วยความดราม่าทั้งหลายนี่บางทีกูก็คิดว่าจับวายลงใต้ดินแบบแต่ก่อนเลยก็ดี ฉอดเพื่อสังคมกันนัก สมัยนี้ออนไลน์รุ่งเรืองแล้วต่อให้ลงใต้ดินกูก็คงไม่มีปัญหาอะไร
>>899 เนี่ย ตั้งหุ่นฟางเก่ง ยังไม่มีใครบอกเลยว่า mpreg ไม่ควรมี ก็ในเมื่อมันมีอยู่ คนก็เลยบอกว่ามันมีข้อเสียยังไง มันส่งผลกระทบยังไงบ้าง แค่นั้นเอง ใครชอบอ่านก็อ่านไป แต่มึงอ่านโดยเข้าใจความ toxic มันสักนิด มี awareness สักหน่อยก็ได้ ไม่ใช่สักแต่จะปกป้องว่ามันเป็นเรื่องแต่งๆๆๆ แยกโลกๆๆๆๆ
เออกูไม่เข้าใจว่าการวิจารณ์ว่าแนวไหนมันมีข้อเสียยังไงบ้างนี่คือไม่ได้เลยเหรอ เราไม่สามารถพูดถึงข้อเสียของมันได้เลยเหรอ แตะต้องไม่ได้เลยเหรอ กูว่าการพูดถึงข้อดีข้อเสียกันบ่อยๆมันก็ดีนะ มันทำให้คนเราเสพสื่อแบบมี critical thinking มากขึ้นอ่า ไม่ใช่สักแต่จะอ่านเอาฟินอย่างเดียว
ตอนรับเดือนมิถุนาด้วยการดราม่า Mpreg หรอวะ 555555555
มันก้ได้ แต่พวกมึงจะไม่ยอมโดนด่ากลับเลยหรือไงวะถึงต้องมาโพสต์แนวๆว่าการที่ฉันโดนด่าเป็นเพราะคนอื่นไม่ยอมให้แตะต้องของฟิน มันก้แค่มึงวิจารณ์แล้วคนอื่นก็วิจารณ์มึงกลับ
>>902 วิจารณ์กับฉอดมันมีเส้นกั้นบางๆนะ ถ้าวิจารณ์ด้วยหลักเหตุผล ชี้ปัญหาแต่ไม่ไปตัดสินว่ารสนิยมนั้นถูกหรือผิด กับวิจารณ์ด้วยการบอกว่า น่ารังเกียจ ท็อกซิก เห็นแล้วแหวะ อ่านไปได้ยังไง ถ่มถุยว่าอีกฝ่ายต้องเป็นพวกหัวอ่อนแยกแยะไม่ได้ คิดไม่ได้ ยกเหตุผลบ้งๆว่า อ้อ กูเรียนสายนี้กูเลยอ่านไม่ได้ไม่วิทย์ซะเลย
ถ้าต้นเรื่องมันวิจารณ์แบบแรกมันจะมีดราม่ามั้ยละ ถถถถถ
>>904 กูเฉยๆกับการโดนสวนกลับนะ (กูไม่ใช้คำว่าด่าละกัน เพราะกูไม่ได้รู้สึกว่ากูโดนด่า กูมองเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็น) ที่พวกมึงสวนกลับกูในนี้ก็ทำให้กูได้เห็นมุมมองหลายๆอย่างดี กูมองว่ามันก็เป็นการ discuss อย่างนึงอ่ะ
>>905 กูว่าปัญหาคือเวลาสายฉอดกับสาววายเถียงกัน จะไม่ค่อยเถียงกันเป็นปัจเจกอะ คือสายฉอดมองว่าสาววายคิดแบบนี้ แล้วก็ฟาดๆๆเหมารวมสาววายทั้งหมด ส่วนสาววายก็มองว่าอีสายฉอดมันด่าแบบนี้ แล้วก็สวนกลับทั้งหมดนั่น ซึ่งจริงๆ ทั้งสองฝ่ายมันก็มีคนคิดหลากหลายแบบไง พอเถียงกลับแบบรวมๆ มันเลยกลายเป็นการทะเลาะกัน แทนที่จะคุยกันอย่างมีอารยะ
จะฝ่ายไหนก็มีคนสุดโต่งทั้งคู่ มันเลยเป็นสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นอะ 55555555
ในฐานะสาววายที่อ่าน mpreg ได้แต่ก็ตระหนักถึงความ toxic ของมันแล้วกูโพสิชั่นนิ่งตัวเองไม่ถูกเลย กูควรอยู่ตรงไหนในสงครามนี้
>>906 คนเริ่มไม่มีอารยะจะถามหาอารยะจากไหนกันเล่า คนเราก็เหมือนกระจกน่ะแหละถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไงก็ดูว่าคนส่วนมากตอบกลับตัวเองยังไง
สายฉอดมักจะพูดจาใหญ่โตเปิดหัวข้อลงโซเชียลมันก็ต้องมีคนไม่เห็นด้วยตอบกลับปะ หรือหวังผลตอบรับแบบไหนล่ะ ทุกคนน้อมรับคำด่า ยกย่องเชิดชูว่าความคิดมึงช่างดีเลิศเหลือเกิน +1000 ก้มกราบ 99 สาธุ งี้เหรอ คนไม่เห็นด้วยประเด็นไหนเขาก็ตอบกลับประเด็นนั้นนั่นแหละ ถ้าคิดว่าความคิดตัวเองคือความคิดที่ถูกต้องคือเสียงส่วนใหญ่ที่ห่วงใยสังคมแต่พอมันไม่ใช่ตัวเองก็รับไม่ได้แล้วก็ต้องหาแพะรับบาปเช่น แค่นี้วิจารณ์ไม่ได้เหรอ ด่าเรื่องฟินๆของสาววายไม่ได้เลยนะ จะคิดมากทำไมแค่ความเห็นส่วนตัว ถ้าไม่อยากให้ใครตอบกลับก็แชทส่วนตัวในกลุ่มคนที่คิดเหมือนกันสิ มาโพสสาธารณะเพื่อ อยากอวดศักดาแต่กลัวคนข่ม คิดว่าโลกใบนี้ทุกคนโอบอ้อมอารียิ้มแย้มแจ่มใสหัวใจสุขสวัสดิ์กันรึไงวะ
Ky กูเห็นนักเขียนคนนึงที่นิยายกำลังจะออกซร. คือมีคนตินางว่าใช้ ละ ล่ะ ไม่ถูก นักเขียนฉอดกลับแบบนิ่มๆว่าอ่านฟรีแต่ในเว็บ ไม่ได้ซื้อเล่มหรืออีบุ๊ค ก็ต้องเจอคำผิดบ้าง นางเข้าใจ(ตรงนี้กูอ่านแล้วเหมือนนข.พูดประชด) ไปๆมาๆ คนติตอกหน้ากลับว่ากูซื้อเล่มค้าาาาาา กูไม่ได้อ่านฟรีแค่ในเว็บ อีดอก กุป้องปากขำ
กูเป็นสาววายที่สนุกกับการดูสาววายตีกับสายฉอดมาก 55555555 แล้วปีนี้ดราม่าสาววายเยอะสัส กูว่าพอคนหยิบยกหลายๆประเด็นมาตีกันเรื่อยๆมันก็ชวนให้เกิดมุมมองและความคิดใหม่ๆเหมือนกันนะ ทำให้เสพสื่อได้อย่างมีสติมากขึ้น
กูอยากให้นิยายวายเป็นแฟนตาซีให้หมด เลิกฉอด กูอ่านแฟนตาซี
>>920 อ้าว เรื่องนี้เหรอ กูซื้อเรื่องนี้มาอ่าน แรกๆก็สนุกนะ แต่พออ่านๆไปแล้วมันไม่ใช่ว่ะ อาจเป็นที่กูเองด้วยแหละ แบบสิ่งที่มันเล่นในเรื่องนี้ไม่ดีเลย กูว่ามันไม่ควรเอามาเล่นอะ จนกูต้องบอกว่าแบบนี้ก็ได้เหรอ จะเอาอย่างนี้จริงๆเหรอ ถ้าชีวิตจริงนี่แม่งฟ้องกันได้เลยนะเว้ย แต่กูคงมีปัญหาคนเดียวแหละ เพราะเขาก็เอาไปทำซีรีส์แล้วนี่นะ อีกอย่างก็เป็นแค่นิยายอย่าไปเอาความจริงอะไรมาก
ดูจากความเปลี่ยนชื่อทวิตประชดประชันแบบเบาๆก็เหมือนจะอีโก้อยู่นะ 555555555
สายฉอดหลายคนใช้ภาษาอังกฤษเพื่อให้ดูมีสมองทั้งที่ข้างในกลวงโบ๋ ดูตัวอย่างจาก soft power ที่สนั่นดราม่าหลายสนามก็ได้ อิสัส ความหมายจริงคนละเรื่อง
ถามในนี้ได้ปะวะ ปกติพวกมึงดองหนังสือกันมากสุดกี่เล่ม กูนับหนังสือในกองดองได้ร้อยกว่าเล่มแล้วอยากสำรวมกายใจงดซื้อนิยายสักปีนึง แต่มีเรื่องใหม่ๆออกมาทีไรอดใจไม่ได้ทุกที
นางเป็นมาตั้งแต่ไปโควทน้องคนนั้นมาฉอดเรื่อง ละล่ะ แล้ว ไม่ใช่พูดดีๆนะ แต่คือไปกบ่าวหาว่าเค้าอ่านฟรีเลย ไม่ได้ซื้อเล่มหรืออีบุ๊คแล้วอ่ะ คือพูดกันดีๆไม่ได้หรอ ไม่ถามหน่อยหรอว่าอ่านมาจากไหน พอมีคนไปถามว่าน้องเค้าขอโทษแล้ว แล้วนักเขียนได้ขอโทษน้องเค้ามั้ยที่ไปกล่าวหาว่สเค้าอ่านฟรี สรุปคือนางเงียบไม่ตอบ อีโก้สูงเสียดฟ้า
>>946 แล้วกูพิมอะไรของกูว่ะ นิ้วเยียดสัด เอาใหม่นะ
คือกุเห็นแต่เมื่อคืนละที่นางโควทที่น้องเค้าติมาฉอด แถมไปว่าเค้าไม่ได้ซื้อเล่มหรืออีบุ๊ค อ่านฟนีแต่ในเว็บจะเจอคำผิดก็เข้าใจ อิน้องคนนั้นตอกกลับว่าซื้อเล่ม จุดนี้กูอ่านแล้วขำก๊าก เงิบไปดิไปว่าเค้าอ่านฟรี เหมือนนางอีฌก้สูมากด้วยนะ แถมวุฒิภาวะต่ำมากด้วย พอน้องเค้าขอโทษนางไม่ฉอดนางต่อแล้ว แต่นางไม่จบนะ พอมีคนไปถามนางว่าน้องเค้าขอโทษแล้ว นักเขียนได้ขอโทษน้องเค้ามั้ยที่ไปตอกว่าเค้าเค้าอ่านฟรีทั้งๆที่ไม่ได้ถามอะไรกันเลย สรุปนางไม่ตอบ นางเงียบ นางไม่รู้ไม่ชี้ .. แล้วนักเขียนคนนี้กูสังเกตหลายทีแล้วชอบโควทคนที่พูดถึงนิยายนางมาตอบกึ่งแขวะๆหน่อย
แฮ่ม โปรดใบ้แอคนข.ให้กูหน่อย กูอยากรู้เรื่องด้วย 555 เพราะกูฟอลนข น้อยมาก มาทีตลาดวายแล้วตลอด
กูงง อ่านฟรีในเว็บแล้วมันทำไม อ่านฟรีแล้วแปลว่าติไม่ได้เหรอ ตัวคนเขียนก็เป็นคนเอาลงเว็บเองด้วย ไม่ใช่ว่าคนอื่นก๊อปไปลง
เมื่อเช้ากูไปเม้นนางบอกว่าน้องเค้าขอโทษแล้ว นักเขียนล่ะขอโทษน้องเค้ายังที่ไปด่วนสรุปว่สเค้าอ่านฟรี สรุปไม่ตอบกุเว้ย เห็นนางรีแต่โควทที่ลูกหาบนางแขวะน้องคนนั้น สมกันแล้ว ปสด
กูเข้าไปเสือกมา น้องคนนั้นคือจบไปแล้ว ไม่ฉอดอะไรต่อแล้วนะ แต่ดูท่านางไม่จบนะ เป็นหมาบ้าเลย
https://imgur.com/a/gdo9AAC อันนี้คือล่าสุดของล่าสุด ถึงกับเอาเดมที่คุยกับน้องคนนั้นมาขึ้นปก กุว่าอีนี้ปสด 5555555
>>959 น่ากลัวอ่ะ เป็นไรมากปะ เรื่องแค่รี้คือคุยกันได้อ่ะ อีกอย่างนางไปกล่าวหาคนอื่นก่อนด้วยนะ อีโก้เยอะ และปากเสียฉิบหาย
ที่คนอ่านท้วงมาคือมันอธิบายได้อ่ะถ้าเค้าเข้าใจผิด เค้าซื้อเล่มมา งงกับนักเขียนคนนี้แ่ะเอาจริงๆ
พอเค้าดีเอ็มไปคุยก็ให้ออกมาคุยด้านนอก ลูกหาบรุมน่ะสิ ดูแต่ละคน ทำเฟียสกันมาก
แล้วนักเขียนที่เข้าไปให้กำลังใจคือแบบบ
ปัญหานี้จะไม่เกิด ถ้าน้องคนอ่านรู้แต่แรกว่าในเล่มใช้ ละ ล่ะ ถูกแล้ว อันนี้กูเข้าใจถูกไหมเนี่ย
ถ้ากูเข้าใจถูก กูว่านข.ตอบแบบอีโก้แรงไปหน่อย มั่นว่าในเล่มถูกต้องเลยคิดว่าอ่านฟรีมาแน่ ๆ
ส่วนน้องคนอ่านก็จะติติง แต่ดันอ่อนด้อยภาษาไทยไปหน่อย ไม่หาข้อมูลก่อนเริ่มเปิดฉากว่าคนอื่น
ถึงกูจะไม่ชอบการที่นข.ตอกกลับตอนแรกว่าอ่านฟรี แต่กูก็ไม่เข้าข้างน้องคนอ่าน คนที่เป็นฝ่ายเริ่มกล่าวหา เป็นฝ่ายเปิดเรื่อง เอาให้มั่นใจก่อนดีกว่าไหมว่าผิดค่อยพูด เพราะคนที่ผ่านมาอ่านเจอคำบ่นแบบผิด ๆ ของน้องคนอ่าน มันส่งผลเสียต่อคนเขียนจริง ๆ
>>961 ในเมื่อคนอ่านไม่รู้สามารถอธิบายได้นี่ มันสามารถคุยกันได้ ถ้าน้องเข้าใจผิดก็อธิบายสิ คนอ่านไม่รู้/ด้อยภาษามันผิดด้วยเหรอวะ ถ้าเข้าใจผิดก็อธิบายดิ ไม่ใช่เรื่องยาก
ยิ่งเป็นคนเขียนอ่ะ ยิ่งต้องไปแก้ความเข้าใจผิดนั้น ได้ เพราะน้องเขาแท็กชืีอนิยาย ก็ต้องการส่งฟีดแบ็กให้คนเขียนอยู่แล้ว พอคนอ่านมันรู้ว่าเข้าใจผิดก็ขอโทษนะ จะมีก็แต่นักเขียนที่ไม่ยอมลง ทั้งๆก็ไปกล่าวหาคนอื่นเหมือนกัน
เคสนี้น้องคนอ่านเปิดมาแรงมาก ถ้าคนเขียนใจเย็นกว่านี้หน่อยจะได้บทนางเอกสวยๆเลยนะ รับรองใครๆก็เข้าข้าง แต่ดันไม่ทำ
>>961 ไม่รู้ ก่อนภาษาแต่มันก็ไม่น่าไปกล่าวหาเค้าแบบนั่นนะ อธิบายดีๆ ถามเค้าก่อนก็ได้นะว่าอ่านมาจากไหน ไม่ใช่ไปทึกทักว่าอีนี่อ่านฟรีมาแน่ๆถึงเจอคำผิด แต่อีนักเขียนคือได้ถามเขามั่ย ก็ไม่นะ เปิดมาฉอดเลยว่าเค้าอ่านฟรี พอเงิบคราวนี้ก็ค่อยมาหาพวก กุว่าไม่ใข่ทุกคนหรอกที่แตกฉานเรื่องภาษา ทุกวันนี้กุยังงงเลย
แต่กูก็ไม่เข้าใจนะ ละ ล่ะ กูเจอหลายสนพก็ใช้หลากหลาย สรุปใช้ยังไงวะ ละสิ ละก็ ละมั้ง แล้วละ
อันนี้กูว่านักอ่านปากเสียก่อน แทนที่จะบอกว่าเรื่องนี้ๆๆเจอคำผิดนะ สนพ.ช่วยเช็คด้วย นักเขียนไม่น่าเดือดขนาดนี้อ่ะ แต่นางเล่นใช้คำว่า "ทำเป็นหนังสือได้ไง อ่านแล้วโคตรหมดอารมณ์" แถมพอนักเขียนซัดกลับ นางยังมั่นใจอีกนะ "ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนมีคำผิดเป็นคำง่ายๆแบบนี้" อันนี้ถ้าเป็นคนที่เขาตั้งใจมาบอกด้วยความปรารถนาดี ตอนเจอนักเขียนโต้เขาน่าจะไปเช็คข้อมูลแล้วนะ ไม่ใช่ฉอดกลับด้วยความมั่นใจ ฉะนั้นในสายตากู กรณีนี้กูว่านักอ่านแม่งง้างมาเพื่อด่าว่ะ ถือว่าลูกค้าคือพระเจ้า กูจ่ายเงิน กูจะด่าอะไรก็ได้ไง
แล้วในฐานะคนเขียนอ่ะมึง ถ้าเขามั่นใจว่าก่อนงานออกเขาเช็คดีแล้ว มาเจอแบบนี้เขาจะขึ้นก็ไม่แปลกเลย มันเหมือนมาดิสเครดิตงานเขา ถ้ามีคนมาอ่านเจอทวิตเขาแล้วเชื่อจริงตามนั้นโดยไม่เช็ค แล้วก็ไม่ซื้อหนังสือเขา อันนี้เขาเสียหายนะ ชื่อเสียงสำนักพิมพ์ก็เสียหาย นักอ่านคนนั้นเสียอะไรบ้างล่ะ ไม่มี พิมพ์ด่าคนโดยไม่รับผิดชอบนี่มันง่ายจริงๆ
>>966 บางที่ใช้ตามราชบัณฑิต ตามหลักราชบัณฑิตแล้วคำที่กร่อนเสียงจาก แหละ ต้องใช้ ละ ทั้งหมด แต่มันจะไม่ตรงกับการออกเสียงจริง บางที่ก็เลยใช้ตามการออกเสียง ส่วนตัวแล้วกูโอเคทั้งคู่ อย่าใช้ หละ หล่ะ มาแล้วกัน เวลาอ่านนิยายหรือฟิคบนเน็ตแล้วเจอ หละ หล่ะ กูปิดทิ้งทันทีจ้า
>>969 ถ้าตามเหตุผลก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่มนุษย์ไงมึง ไม่ได้มีเหตุผลทุกสถานการณ์ มึงต้องเข้าใจด้วยว่าการเขียนมาแรงขนาดเจาะจงตัวนักเขียนว่า "คนแต่งนิยาย .... เขียน ละ ล่ะ ไม่ถูก นี่งงมากกกก ทำเป็นหนังสือได้ไง อ่านแล้วโคตรหมดอารมณ์" ตรงคำว่า 'งงมากกกก' อ่ะมึง มันเท่ากับด่าเป็นนัยๆแหละว่านักเขียนโง่มาก กูถึงบอกว่ากรณีนี้นักอ่านปากเสียก่อนนะ การหวังให้นักเขียนมีเหตุผลและไปตอบดีๆคือความเป็นไปได้ที่ "ดีที่สุด" ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถ้านักเขียนปรี๊ดนี่ปกติคนเลยนะ ต้องถามก่อนว่าขว้างก้อนอิฐไปเนี่ย หวังจะได้รับอะไรเหรอ ถ้าเขาคุมอารมณ์ได้ เอาน้ำเย็นมาให้ นั่นโชคดีของมึงแล้ว จบเรื่องกันแบบไม่เสียหน้ามาก แต่ถ้าเขาขว้างหินตอบ มันควรสงสัยเหรอวะว่าทำไมเขาตอบโต้รุนแรง
นข.แก๊งนี้ชอบยึดหลักที่ว่า เค้าปาก้อนหินมา แล้วจะยื่นดอกไม้ให้เค้ารึไง ด่ามาด่ากลับไม่โกง
>>971 นอกจากนักอ่านปากเสียก่อนแล้ว นักเขียนก็วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำมากด้วย อีโก้สูงกว่ายอดเมรุ ไปทึกทักด่วนสรุปว่าเค้าอ่านฟรีอีก คือใครมาติเรื่องภาษานี่คืออ่านฟรีหมดเลยหรอ ฝั่งโน้นจบกันหมดแล้วก็มีแต่นักเขียนที่ยังจิกกัดดิ้นพล่านไม่หยุด นักเขียนก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่นางกำลังฉอดอยู่หรอก
ในหลักการแล้วคนขายคือผู้ให้บริการ คนซื้อคือลูกค้า ของบกพร่องลูกค้าย่อมมีสิทธิ์คอมเพลน เวลามีของบกพร่องไม่แปลกที่คนซื้อจะอารมณ์เสีย
แต่ที่น่าแปลกคือคนขายโกรธ กูไม่รู้ว่าเพราะวงการนักเขียนติสท์แตกหรือคนเขียนคนนี้มีปัญหาเรื่อง anger management กันแน่ แต่สำหรับกูแล้วไม่ว่าคนอ่านจะอ่านฟรีหรือเสียเงินซื้อ (ยกเว้นในกรณีอ่านสแกนเถื่อน) การที่คนเขียนปรี๊ดแตกและต่อไม่เลิก กูคิดว่ามีแต่เสียกับเสีย
กรณีด่ามาด่ากลับไม่โกงนั้นกูบอกได้เลยว่าคนที่มีแนวคิดแบบนี้มีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะทางอารมณ์มาก มันไม่ทำให้เขาดูเฟียซเลย กูคิดว่าน่าสมเพชมากกว่า
>>973 ดีกว่าไม่ดีกว่ากูไม่รู้นะ ที่กูรู้คือการด่าตัวผลงานผิดๆโดยที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้เนี่ย มันสร้างความเสียหายให้เจ้าของงานได้ ฉะนั้นควรรับผิดชอบในส่วนนี้ด้วย ถ้านักอ่านรู้ตัวแล้ว่าผิด ก็ควรขอโทษเป็นเรื่องเป็นราวในทวิตนั้นปะวะ ไม่ใช่ขอโทษแบบขอไปทีในข้อความส่วนตัว ถ้านักอ่านคนนั้นเขาขอโทษดีๆเป็นกิจจะลักษณะแล้ว แต่นักเขียนยังไม่เลิกจิกสิ เออ อันนั้นควรด่านักเขียน แต่ตอนนี้ที่กูเห็นคือคนด่าแต่นักเขียนไง เหมือนลืมไปเลยว่าคนเปิดก่อนน่ะนักอ่าน ต่อให้นักเขียนเขาจะอีโก้สูงเท่าเอเวอเรสต์หรือทะลุไปถึงดาวอังคาร เขาก็ไม่ใช่คนหาเรื่องอ่ะ
>>975 เสียหายขนาดไหนไม่รู้ จะที่เสียหายน้อยๆ ฉอดกันให้จบแค่นั้น ตอนนี้ก็คงจะกลายเยอะไปแล้วล่ะ ดูจากพฤติกรรมของนักเขียนที่จิกไม่หยุด ขอโทษหน้าขอโทษหลังยังไงก็ขอโทษแล้ว เค้าคงมั้งคิดว่ารับไม่รับก็เรื่องของนักเขียนแล้ว และเค้าไม่คิดจะฉอดต่อ ตอนแรกเห็นตรงนี้ก็เข้าใจว่าฝั่งโน้นขอโทษแล้วไม่จบไง เลยเข้าไปเสือกดูก็เห็นไม่ได้มาฉอดอะไรต่อ ก็เลยอ๋อ ฝั่งที่ไม่จบคือนักเขียน
ปล. พูดถึงคำว่า ละ ล่ะ ทุกวันนี้กุก็ใช้ไม่ถูกว่ะ รู้สึกมันไม่ตรงกับออกเสียงยังไงไม่รู้
>>974 ไม่ๆๆ อันนี้กูว่าไม่ถูก คือครึ่งล่างน่ะถูกแล้ว คนขาย "ควร" ควบคุมความโกรธและมี crisis management ที่ดี กูไม่เถียงข้อนี้เลย แต่ถ้าบอกว่าคนซื้อมีสิทธิ์คอมเพลน เขาก็มีสิทธิ์แค่คอมเพลนตามความเป็นจริงนะ ไม่ใช่ด่าผิดๆด้วยความเข้าใจผิดของตัวเอง ทำลายชื่อเสียงคนอื่น ถึงแม้คนอื่นที่ว่าจะเป็นคนที่มึงหมั่นไส้ก็ตาม แต่ก็ถือว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
>>978 อ่ะ จบๆไป คนอ่านผิดที่ไปกล่าวหาคนเขียน ไปหาหมิ่นประมาณอะไรก็ว่าไป คนเขียนผิดกล่าวหาคนอื่นว่าอ่านฟรี ๆ คนละดอกไป
ต่อมาเรื่องไม่จบ นักเขียนปากเสีย ปสด ไม่หยุด
กูเห็นที่นางแคปที่ไปโปรโมทนิยายในกลุ่มแล้วคนไม่ซื้อ ก็คือไม่อยากอะไรกับตรรกะของนาง
นางนอยและฟาดไปทั่ว ให้คนมาปลอบใจ ตลกมาก
ลูกหาบบางคนก็นะ เห็นพฤติกรรมหัวร้อนของนักเขียน เห็นเค้าแสดงด้านที่แย่ออกมาก็ไม่ตักไม่เตือนกันเลย แต่ยิ่งไปผสมโรงอวยกันไปมา ทำดีแล้วนั่นนี่ ชอบเอเนอจี้นี้จังบลาๆ ไม่มีใครใช้เหตุและผลเค้าพูดเลย นักเขียนก็รีแต่อันที่ตัวเองอ่านแล้วสะใจมากกว่าอะไรที่เป็นข้ออธิบายดีๆ(หรือกุุไม่เห็นเอง?) ทำไมคนนอกแบบกุเห็นแบบนี้แล้ว กุยิ่งมองนักเขียนดูแย่ลงอ่ะ
>>982 นางคงอยากได้แค่ให้เด็กมันมาขอโทษหน้าทล.นั่นแหละ ส่วนความผิดตัวเองที่ไปดูถูกก็คือปล่อยเบลอเหมือนกันเชื่อเถอะ ดูจากที่คนไปท้วงถึงที่นางดูถูกน้องคนนั้นว่าอ่านฟรีแล้วนางไม่ตอบนะ ปล่อยเบลอ ตอบแต่คนที่ด่าเด็กคนนั้น อีโก้มันค้างอยู่ปลายยอดเมรุอะมึง เอาลงมาไม่ได้หรอก เสียฟอร์มตายห่า
แต่ ละ-ล่ะ แม่งเป็นไวยากรณ์ที่น่าสับสนจริงนะ กร่อนเสียงมาอย่างนึง เขียนอย่างนึง ออกเสียงอย่างนึง มันไม่ได้เข้าใจง่ายเหมือน คะ-ค่ะ, นะ-น่ะ
>>985 ขอแสดงความเห็นจากใจจริงเลยนะ ถ้ากูทำงานแล้วกูมั่นใจว่ากูเช็คคำมาดีแล้ว โดยเฉพาะคำนี้ แล้วมีคนมาด่าแรงๆแบบนั้น กูก็มั่นใจเหมือนกันว่าเขาอ่านฟรีมาว่ะ อันนี้คือสติปัญญาของนักอ่านอ่อนด้อยจนทำให้นข.เขาคิดว่าอ่านฟรีเองไม่ใช่เรอะ จะแย้งทั้งทีไม่หาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เสือกไปเชื่อเพื่อนอ่ะ นึกว่าเพื่อนเก่งไง นี่ไม่ได้เห็นด้วยที่นักเขียนไปดูถูกเขานะ คิดเหมือนกันว่าควรถามก่อน แต่พฤติกรรมนักอ่านเองนั่นแหละ ทำกูสงสารไม่ลง แล้วอย่าอ้างเลยว่าเด็ก ต่อให้เด็กก็ต้องมีความรับผิดชอบ เด็กสามขวบยังอ่านหนังสือไม่คล่องยังรู้จักขอโทษดีๆเลย นี่กี่ขวบแล้วล่ะ ด่าก่อน เปิดก่อน ไหนคำขอโทษอย่างจริงใจล่ะฮึ
>>991 กูเห็นด้วยกับมึง แต่อย่างที่บอกไปอ่ะ มนุษย์ไงมึง มนุษย์ไม่ได้มีเหตุผลตลอดเวลา เขาโกรธ เขาคุมไม่อยู่ เขาก็ด่าตอบ คือกูยังไม่เห็นความผิดอะไรของเขานอกจากสติแตกแดกดันคนที่มาด่าเขา แต่ที่กูเห็นเต็มๆตาน่ะ ความผิดนักอ่านที่ฉอดโดยไม่หาข้อมูลก่อน อ่านหนังสือเป็น หาข้อมูลก่อนด่าคนอื่นแค่นี้น่าจะทำได้นะ และถ้ารู้ตัวว่ากล่าวหาคนอื่นผิดๆ ก็ควรจะขอโทษที่ใต้ทวิตนั้นเลย ไม่ใช่ให้คู่กรณีเอาคำขอโทษหลังไมค์มาลงประจาน
นักเขียนแค่อยากให้คนนั้นออกมาขอโทษหน้าทล. แต่ถ้าคนนั้นมาขอโทษหน้าทล.แล้ว ถามว่านักเขียนจะขอโทษกลับมั้ยกับสิ่งที่ตัวเองเข้าใจผิดแล้วไปฉอดใส่เค้าว่าอ่านฟรีน่ะ กูว่าไม่ อีโก้ขนสดนั้นก็คงหน้าสูงต่อไป ผิดของคนอื่นเท่าภูเขา แต่ผิดของตัวเองเท่าขนหมอย เออก็สมกันแล้ว นักเขียนปสดกับนักอ่านปากเสีย 5555555555
>>992 เท่าที่กูจำได้มนุษย์มันต้องมีเหตุผลควบคุมสติได้ถึงจะเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรอ ถ้าขาดสติก็เป็นได้แค่เดรัจฉานมั้ยอ่ะ(ไม่ได้ด่านข.นะ แต่หมายถึงเท่าที่เรียนๆมาอ่ะ)
ส่วนเรื่องขอโทษถ้ายกตัวอย่างนะ นอ.ขอโทษหลังไมค์แล้วนข.ทวิตแค่ว่านอ.ขอโทษแล้วเรื่องคราวนี้ถือว่าเข้าใจกันเป็นอันดี แค่นี้ก็จบละ ลงสวยๆ ได้ดอกไม้เพิ่มต่อไป
แต่นิยายที่เอามาทำภาพยนตร์นี่นานจนลืมไปเลย เห็นบวงสรวงตั้งแต่มกราคม ตอนนี้นางบอกกำลังปรับบทอยู่เลย กูเข้าใจมาตลอดว่าบวงสรวงก็คือพร้อมถ่ายทำอ่ะ(ว่าแต่กุเรียกบวงสรวงถูกมั้ย?)
อ้าว หมดพอดี
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.