เมื่อชัชชาติ อาจไม่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพีอย่างที่คุณคิด!
มีโอกาสได้ฟังการตอบคำถาม
ของผู้สมัครผู้ว่ากทม.4คนด้วยกัน
ที่เข้าตามี 2 คน คือ วิโรจน์ เบอร์1 กับ ชัชชาติ เบอร์8
อีก2คนที่เหลือ ขอลงความเห็นสั้นๆ
ไม่ลงรายละเอียดละกัน กลวงและบูดมาก 😅
(แอบบอกว่าเราติดตาม ปลื้มคุณชัชชาติมาตลอด)
อ่ะมาต่อที่2คนนี้
คุณวิโรจน์เป็นคนที่มองปัญหาจากต้นตอ
พยายามอยากแก้ไขกฎกติกาที่ไม่เป็นธรรม
กฎที่เอื้อนายทุนสร้างความเหลื่อมล้ำให้คนกทม.
และพยายามสร้างโอกาสสร้างความเท่าเทียมให้คน
ในระดับโครงสร้าง โดยนโยบายยังไม่ชัดเจนมาก
แต่มีอุดมการณ์ที่มุ่งมั่นอย่างที่คนอื่นไม่มีจริงๆ
นั่นก็คือการพร้อมชนกับกลุ่มนายทุน กลุ่มอภิสิทธิ์ชน
ที่กำลังเอารัดเอาเปรียบประชาชนส่วนมากอยู่
วิโรจน์มีความตั้งใจอยากจะมาเข้าเปลี่ยนแปลง
และสร้างรัฐสวัสดิการให้คนกทม.ที่ได้ประโยชน์แท้จริง
ซึ่งถ้าสิ่งนี้สำเร็จ ก็จะเป็นสิ่งที่แม้ว่าตนหมดวาระ
ผู้ว่าคนถัดๆไปก็ต้องยังทำต่อไปแน่ๆ
ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นภาพในระดับประเทศ
ก็เช่นโครงการ 30บาท (บัตรสุขภาพถ้วนหน้า)
แต่ในขณะที่คุณชัชชาติเป็นนักพัฒนา
เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ ในการบริหาร
พยายามวางตัวเป็นกลาง เป็นอิสระจากพรรคการเมือง
เป็นนักทำงาน ทำงาน และทำงาน ตามสโลแกนของเค้า
มีนโยบายที่จับต้องได้เต็มไปหมด พร้อมที่จะทำให้คนกทม
มีบุคลิกที่น่าเชื่อถือ พูดจาฉลาดแต่เข้าถึงง่าย
และทำให้คนเกลียดน้อยด้วยความนอบน้อมของเค้า
แต่ในบทสัมภาษณ์มีคำถามนึงถามว่า
อะไรเป็นจุดอ่อนที่สุดของตน
ด้วยความที่เป็นคุณชัชชาตินี่แหละ
การที่เค้าเป็นคนที่มี Empathy สูง
คิดถึงความรู้สึกคนอื่นมากไป
สูงจนไม่สามารถจัดการเรื่องคนได้
สูงจนไม่ไปกล้าแตะนายทุน
สูงจนไม่คิดจะไปมีปัญหากับคนที่มีอิทธิพล
คุณชัชชาติบอกว่าถ้าจะไล่คนออก ก็มัวแต่คิดว่า
เค้าจะเป็นยังไง จะมีงานมีการทำมั้ย อ่ะใช่
มันเป็นเรื่องดีถ้าเราได้เป็นลูกน้องกับหัวหน้าแบบนี้
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันกทม.ร่อแร่มาก
มันต้องบริหารคนแบบทีมกีฬา ใครไม่เหมาะสม
ต้องเอาออกได้อย่างเด็ดขาด ต้องไม่มีการเกรงใจ
จากที่เราอยู่กทม.มาหลายปี
แล้วเราอินกับชีวิตความเป็นอยู่ในกทม.
ถึงขนาดว่าเมื่อตอนเรียนศิลปากร
ตอนปี2 (2549) มีวิชาการถ่ายภาพสารคดี
เราก็เลือก “ชีวิตคนกทม.” เป็นหัวข้อการถ่ายภาพ
ในตอนนั้นภาพที่เราจับได้ มันแสดงให้เห็นถึง
ความเหลื่อมล้ำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
การคมนาคมที่มันไร้คุณภาพ แออัด เต็มไปด้วยมลพิษ
สังคมเมืองที่มีสลัมอยู่ข้างตึกสูงห้างสรรพสินค้า
การมีสวนธารณะที่ไม่ค่อยจะสาธารณะเท่าไหร่
มองกลับมาวันนี้ปี 2565 ผ่านมา 16ปี
แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ 🥲
ถ้าเรามีทะเบียนบ้านอยู่ในกทม.
เราจะเลือกคุณวิโรจน์ เบอร์ 1 เรามองเค้าเป็นนักปฏิรูป
ตั้งใจเข้ามาปรับโครงสร้างที่มันบิดเบี้ยวไม่เป็นธรรม
เพื่อจะได้บริหารทรัพยากร (ภาษี) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
แก่คนกรุงเทพไปพร้อมกับสร้างความเท่าเทียมให้คน
สร้างโอกาสให้คน สร้างเศรษฐกิจจากคนระดับล่างขึ้นไป
สร้างคุณภาพชีวิตให้คนกทม.มีความฝันได้อีกครั้ง
แต่ถ้าเป็นสไตล์คุณชัชชาติ
เรามองว่าเค้าเป็นนักปฏิบัติ นักพัฒนา
คือถ้ากติกาบ้านเรามันเป็นธรรมอยู่แล้ว
ชัชชาติเป็นอะไรที่โคตรจะตอบโจทย์มากกกกก
อะไรดีๆในกทม.คงจะผุดเป็นดอกเห็ดแน่ๆ
แต่ ณ วันนี้ ชายผู้ที่ได้ขนานนามว่าแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
แต่หลีกเลี่ยงปัญหาเชิงโครงสร้าง ไม่พูดถึงแนวทาง
การแก้ไขปัญหานี้ ไม่กล้าที่จะชนกับกลุ่มนายทุน
คนมีอิทธิพล คนที่เอารัดเอาเปรียบประชาชนอยู่
นั่นคือความอ่อนแอที่ส่วนตัวแล้วไม่โอเคเลย
แล้วคุณล่ะ คิดว่าคนกทม.ในเวลานี้
อยากได้นักปฏิรูป หรือ นักปฏิบัติ ?