ผมหันไปตามเสียงเรียกชื่อ เห็นคนที่คุ้นเคยหน้ายืนอยู่ตรงทางเข้าสวนญี่ปุ่นในร้าน หมอนี่คือรุ่นน้องใน Pivoine ที่อยู่ซุยรัน ปกติเราแทบไม่ได้คุยกันด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับ” ผมทักทายตอบกลับไป ขอตัวกับแขกอย่างสุภาพให้พวกเขาล่วงหน้าเข้าไปก่อน
“ท่านเอ็นโจมาทำอะไรที่นี่น่ะครับ”
“พาลูกค้ามาเลี้ยงรับรองน่ะ ลูกค้าอยากมาก็เลยต้องพามา” รอยยิ้มการค้าผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผมอย่างเคย “แล้วนี่เพิ่งมาถึงเหรอ”
“ผมมากับพวกท่านพ่อ และกำลังจะกลับแล้วน่ะครับ” เขายิ้มตอบกลับมา มองไปยังกลุ่มคนที่กำลังขึ้นรถที่มีคนเปิดประตูให้จากนอกร้าน “ท่านเอ็นโจเพิ่งเคยมาที่แบบนี้หรือครับ”
“ก็ประมาณนั้นล่ะ” ผมตอบกลางๆไว้ก่อนเพราะยังไม่รู้จุดประสงค์แน่ชัดของหมอนี่ “เพิ่งเคยมาเหมือนกันเหรอ”
“ใช่ครับ วันนี้ท่านพ่อให้ผมมาพบลูกค้าด้วย” เขายิ้ม สายตาก็ดูมีลับลมคมใน “ ก็เป็นสถานที่ดีอีกที่หนึ่งนะครับ”
เลขาที่พ่อส่งมาเป็นผู้ช่วยยืนรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล ผมเลยบอกให้เธอล่วงหน้าไปรับรองแขกก่อน เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลัง พอหันกลับมาก็เห็นว่าเจ้าเด็กรุ่นน้องยังจ้องมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“มีอะไรอย่างนั้นเหรอ”
เหมือนจะรอให้ผมถามคำถามนี้ เพราะเขาก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ๆ ทำเหมือนกำลังจะพูดความลับ
“ทายสิครับว่าผมเจอใครในที่แบบนี้…” เขาหัวเราะ หน้าตาในตอนนี้ดูเจ้าเล่ห์ “...ก็รุ่นพี่คิโชวอิน เรย์กะของเรายังไงล่ะครับ”
ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนนั้นน่ะ หลังจากโดนกระชากหน้ากากก็หายไปจากสังคมเลยนี่ครับ ทีแรกนึกว่าฆ่าตัวตายหนีความอับอายไปแล้วซะอีก แต่ได้มาเจอกันอีกทีในที่แบบนี้ ผมล่ะตกใจจริงๆ ทำเรื่องเลวร้ายไว้ขนาดนั้นยังกล้าสู้หน้าคนได้ยังไงกันนะ”
เขาเงียบไปเล็กน้อยเหมือนกำลังหยั่งเชิงดูปฏิกริยาของผม
“ว่าแต่ท่านเอ็นโจทราบรึเปล่าครับว่าเธอทำงานที่นี่”
“เอ...ไม่รู้สิ ผมให้เลขาจองน่ะ” ผมยิ้มการค้าอย่างเคย ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างแนบเนียน “เธอทำงานอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ”
“ใช่แล้วล่ะครับ ตอนที่เจอ เธอก็ขอร้องไม่ให้ผมบอกใครด้วยนะครับ…แต่ผมเห็นว่าถ้าท่านเอ็นโจมารู้ทีหลังคงลำบากใจไม่น้อยที่ต้องพบผู้หญิงคนนั้น ก็เลยจำเป็นที่จะต้องบอก”
เขาทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจที่ดูเสแสร้งจนน่าขำ ผมเลยเออออไปตามเรื่องตามราว จากนั้นก็ส่งยิ้มและตัดบทสนทนาโดยอ้างว่าปล่อยให้ลูกค้ารอนานๆจะไม่ดี
“ขอบใจที่มาบอกนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
เขาโค้งให้ผมเล็กน้อยแล้วเดินไปที่ประตูทางออก ส่วนผมเดินเข้าไปในร้านที่มีผู้หญิงในชุดกิโมโนยืนประสานมือรอต้อนรับ ระหว่างที่ไปยังห้องที่จองไว้ก็ครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อครู่ไปด้วย
หมอนั่นต้องการอะไร
ผมลองคาดเดาถึงจุดประสงค์จากภาษากายและสีหน้าของเขาเวลาที่พูดถึงเรื่องนี้ ย้อนเดาถึงพฤติกรรมที่เคยพบเห็นในโรงเรียน
เขาก็เป็นคนแบบเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ชอบใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนอื่น แถมยังคอยช่วยเธอกลั่นแกล้งเด็กนักเรียนกลุ่มนอกเป็นบางครั้ง เป็นประเภทที่มาซายะและผมเกลียดก็เลยเลี่ยงที่จะคบค้าสมาคมด้วย
แต่พอเธอตกต่ำ เขาก็เป็นคนแรกๆที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่นิด คงขยาดเพลิงพิโรธของมาซายะที่แสดงให้เห็นในงานหมั้นนั่นล่ะ
ผมพอจะเข้าใจจุดประสงค์ของเขาแล้ว ...คิดจะยืมมือผมในการกำจัดคุณคิโชวอินสินะ
เขาคงคิดว่าถ้าผมได้เห็นเธอที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตในที่แบบนี้คงจะไม่พอใจและหาทางบีบให้โอชะยะไล่เธอออก ที่คาบข่าวมาบอกคงเพราะต้องการประจบประแจง ผูกสัมพันธ์กับผมและมาซายะไปด้วยในตัว
ไอ้หมอนี่ทุเรศชะมัด
เดินมาจนถึงห้องที่จองไว้ ผู้นำทางก็เลื่อนบานประตูให้ผมเข้าไปข้างใน เสียงดนตรีจากซามิเซ็งก็ดังขึ้นในโน้ตแรกพอดี และตามมาด้วยเสียงร้องเพลงจากนักดนตรีที่กำลังบรรเลงท่วงทำนอง
เพลงนี้มัน ...เจ้าหิ่งห้อยฤดูร้อน