Fanboi Channel

ฮาเร็มของเจ้าแม่เรย์กะ : ปาร์ตี้น้ำ(กัญ)ชาซุยรันกับการรอคอยให้ท่านฮิมาต่อพร้อมกับการเปิดตัวพระเอกที่เหล่าโม่งกำลังสับสน [การย้ายเรือไปมารอบที่29จากการเมากาวของเหล่าโม่งฟิค]

Last posted

Total of 1000 posts

812 Nameless Fanboi Posted ID:dd8qV7svHf

เอากาวมาหย่อนยามดึกจ้า
KimiDolce ~after story (เกอิชา) >>>/webnovel/6040/520-524

-----------------

“ระยะนี้เป็นยังไงบ้าง”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาค่ะ”

ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามในชุดสีเขียวหม่นหมองคือท่านพ่อของฉัน ตรงกลางระหว่างเรามีกระจกใสเจาะรูไว้พอให้เสียงลอดผ่านสำหรับการพูดคุย มุมห้องมีพัศดียืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง

ฉันมาเยี่ยมท่านพ่อในทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ดูเหมือนฉันจะเป็นแขกเพียงคนเดียวด้วยซ้ำ ท่านพี่เคยมาเยี่ยมอยู่ไม่กี่หนแล้วก็ไม่มาอีก และท่านพ่อก็ไม่พูดถึงเขาเหมือนว่าตัวเองไม่เคยมีลูกชายมาก่อน

พอเล่าเรื่องราวต่อจากครั้งก่อนที่ท่านอิมาริพาฉันไปทานดินเนอร์บนเรือครุยเซอร์ล่องแม่น้ำ บอกว่าได้ของขวัญเป็นกำไลข้อมือแพลตตินัม ท่าทางจะราคาเป็นแสนเยน มุมปากนั้นก็ยิ้มออกมา สายตาที่จ้องมองแบบประเมินค่าก็ดูจะพึงพอใจ

“สมกับเป็นลูกของพ่อจริงๆ เรย์กะ”

คำพูดนี้ฉันมักจะได้ยินเสมอเมื่อฉันเข้าไปออดอ้อนและเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟัง ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของท่านคาบุรากิ เรื่องที่ฉันสั่งสอนพวกสามัญชนนั่นอย่างไรได้บ้าง ทุกครั้งที่พูดฉันก็จะได้รับการชมเชยและบอกให้ทำต่อไป เพื่อกำจัดพวกไม่เจียมตัวที่บังอาจเสนอหน้าเข้าใกล้ท่านคาบุรากิ และฉันก็ปฏิบัติตามเช่นนั้นมาตลอด

ท่านพ่อมักมีคำแนะนำดีๆให้ฉันเสมอ เป็นที่ปรึกษาให้ได้ในทุกอย่าง อย่างการแนะนำให้ฉันไปสมัครงานในร้านเกอิชาชั้นสูงก็เป็นท่านพ่ออีกเหมือนกัน นี่เป็นหนทางเข้าใกล้ผู้มีอำนาจแบบที่เปลืองเนื้อตัวน้อยที่สุดแล้ว และฉันก็เห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างนั้น

แต่ทุกครั้งที่มาเยี่ยมท่านพ่อ ฉันไม่ได้พูดถึงเอ็นโจเลยสักครั้งเพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเรียนอยู่แล้วที่ฉันจะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงผู้ชายคนนั้น

สำหรับฉัน เอ็นโจคือความผิดพลาดที่ฉันจะให้ท่านพ่อรู้ไม่ได้

ทุกครั้งที่ฉันกลั่นแกล้งทาคามิจิ เอ็นโจก็จะย้อนเอาคืนแบบเจ็บแสบหรือด่าว่าฉันต่อหน้าทุกคน บุตรสาวตระกูลคิโชวอินต้องอับอายขายหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากการที่สองคนนั้นปกป้องยัยนั่น ท่านพ่อและท่านแม่ซึ่งเป็นผู้รักษาหน้าตาตัวเองยิ่งกว่าใครๆก็ไม่ยอมหักกับตระกูลคาบุรากิและตระกูลเอ็นโจเพื่อปกป้องฉัน มีแต่คำตำหนิอย่างรุนแรงและบอกให้ฉันทำให้มันแนบเนียนยิ่งขึ้น แล้วก็ไปเอาใจตระกูลคาบุรากิต่อ

มาคราวนี้ หากมีเอ็นโจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถึงเขาจะเป็นหนึ่งในคนที่ทำให้ตระกูลฉันล่มสลาย แต่ท่านพ่อคงจะบอกให้ฉันรีบคว้าเอาไว้เป็นตัวเลือกอีกทาง ซึ่งเรื่องมันอาจจะยุ่งยากขึ้นมาอีก ฉันเลยเลือกที่จะเงียบเอาไว้ไม่บอกให้รู้

“ว่าแต่ ผ่านมาครึ่งปีแล้วยังได้แค่นี้เองหรือ ไม่คิดว่ามันช่างน้อยนิดไม่คู่ควรกับลูกสาวบ้านคิโชวอินรึไง”

“คือว่า เรื่องนั้น….”

“ลูกคงจะไม่ลืมนะว่าสิ่งสำคัญคือต้องทำให้โมโมโซโนะ อิมาริหลงใหลลูกจนโงหัวไม่ขึ้นให้ได้” ท่านพ่อโน้มตัวลงมาใกล้ๆกับกระจก “ทีนี้ลูกจะเอาอะไรก็จะได้ทุกอย่าง”

พอฉันเงียบ ท่านพ่อก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน

“อย่าบอกนะว่าเรื่องง่ายๆแค่นี้ลูกก็ทำไม่ได้น่ะ เรย์กะ” นิ้วของท่านพ่อเคาะลงกับโต๊ะ ทำเหมือนกำลังเจรจาธุรกิจอยู่แบบในวันวาน

“ขอโทษค่ะ”

“มีความตั้งใจให้มากกว่านี้หน่อยสิ เรย์กะ” ท่านพ่อขมวดคิ้วใส่ ทำเหมือนฉันกำลังทำให้ผิดหวังอย่างมาก “ไม่ต้องไปหวงเนื้อหวงตัวให้มันมากหรอก เขาอยากจับนิดจับหน่อยก็ให้เขาจับไป จะเปลืองตัวก็ช่างแต่ต้องคิดถึงผลประโยชน์ในภายภาคหน้าเอาไว้ให้มากๆ อย่าลืมสิว่าลูกต้องช่วยพ่อออกไปจากที่นี่ให้ได้”

คำพูดและสายตาที่มอง กดทับลงมาจนรู้สึกหนักอึ้ง ฉันได้แต่ก้มหน้าฟังคำสั่งสอนจากท่านพ่อโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ

“พ่อไม่ได้ทำเพื่อตัวเองคนเดียว แต่เพื่อให้ลูกกลับไปมีชีวิตสุขสบายเหมือนเดิมได้ คนที่เกิดมาเป็นคุณหนูอย่างลูกไม่สมควรจะไปทนความลำบากแบบนั้นหรอก”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

เสียงออดเตือนว่าหมดเวลาเยี่ยมดังขึ้น ฉันจึงกล่าวคำอำลา มองพัศดีใส่กุญแจมือให้ท่านพ่อแล้วเดินออกไปจากห้อง

เมื่อเจอแสงแดดสว่างไสวหลังออกจากอาคารเรือนจำทำให้ต้องหยีตา ฉันหยิบร่มออกมากางกันแดดแล้วเดินไปตามถนนที่เลียบลำคลองเล็กๆเพื่อไปขึ้นรถโดยสารที่ปากทางเข้า

รอไม่นานนักรถก็มาถึง บนรถค่อนข้างจะโล่งด้วยว่าไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน ฉันเลือกที่นั่งใกล้ทางลงให้กับตัวเอง เหม่อมองทิวทัศน์ไปเรื่อย

ทีแรกฉันไม่รู้วิธีขึ้นรถประจำทางหรือรถไฟด้วยซ้ำ แต่นานๆไปก็ชินกับวิถีชีวิตแบบนี้ เรื่องที่ฉันเคยนั่งรถคันหรูไปยังที่ต่างๆก็คล้ายกับเป็นเรื่องในความฝันที่ห่างไกล

พอกลับมาถึงที่ร้านในเวลาบ่ายสามฉันก็เข้าไปแต่งตัวและแต่งหน้าใหม่ มีเสียงซุบซิบค่อนขอดมาจากทางนั้นทางนี้แต่ฉันไม่สนใจ คืนนี้ฉันต้องสวยและดูดีที่สุดให้ท่านอิมาริเห็น

813 Nameless Fanboi Posted ID:dd8qV7svHf

ท่านอิมาริมาเป็นแขกประจำของฉันนับจากวันนั้น มาเพื่อพูดคุยหรือฟังฉันร้องเพลง เหมือนกับแขกคนอื่นๆทั่วไป เขาเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุก แถมรู้ใจผู้หญิงไปหมดทุกสิ่ง ฉันน่าจะคุยกับเขาจริงๆจังๆตั้งนานแล้ว ไม่น่าคิดว่าเขาเป็นเพื่อนท่านพี่เลยไม่อยากยุ่งด้วยเลย

เขาถามฉันเรื่องการทำงานและรับฟังอย่างสนอกสนใจ ท่านอิมาริดูจะทึ่งที่การเป็นไมโกะนั้นไม่ได้ง่ายแบบที่คิด แล้วก็มีคำพูดปลอบประโลมหวานๆหรือคำให้กำลังใจที่ฟังแล้วรื่นหู ไม่เคยพูดถึงอดีตของฉัน หรือสิ่งที่ทำให้ฉันต้องระคายใจเลยแม้แต่นิด

นอกจากคำพูดที่หวานหูแล้ว ทุกครั้งที่มา ท่านอิมาริก็จะมีของฝากหรือเครื่องประดับติดไม้ติดมือมาด้วยเสมอ บางครั้งก็พาฉันออกไปข้างนอกในวันหยุด ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ไปชอปปิ้งบ้าง หรือพาไปบิวตี้ซาลอนเสริมความงาม สารพัดจะเอาอกเอาใจ ทำเหมือนฉันเป็นเจ้าหญิงที่ต้องเทิดทูน

แต่ฉันจะตกหลุมพรางเขาไม่ได้ ผู้ชายที่พูดกับผู้หญิงได้หวานหูขนาดนี้ ชอบไปก็มีแต่จะเจ็บตัวเปล่าๆ

และบนโลกนี้คงไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ที่เขาเอาใจฉันขนาดนี้คงหวังสิ่งตอบแทนอยู่

และสิ่งตอบแทนที่ฉันสามารถให้ได้ก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น
.
.
.
.
.
เรามีนัดทานอาหารค่ำกันในคืนนี้ ท่านอิมาริเลยมารับฉันตอนสี่โมงเย็นเพื่อไปทำสปาและเสริมความงาม ระหว่างที่รอการนวดขัดผิวก็มีพนักงานลากเอาราวแขวนเสื้อผ้ามาให้เลือก ทุกตัวล้วนเป็นของแบรนด์เนมคอลเลคชั่นใหม่ ฉันเลือกใส่ชุดสีแดงเหมือนเตรียมพร้อมออกรบ

ชุดนี้คว้านลึกโชว์เนินอกไปหน่อย แต่ก็ดูดีมีรสนิยม เป็นชุดแบบที่ฉันไม่เคยใส่ มันออกจะร้อนแรงและเซ็กซี่มากเกินไปสำหรับฉัน แต่ตอนนี้มีอะไรที่ใช้ได้ก็ต้องใช้ให้หมด

ท่านพ่อพูดถูก ฉันไม่ควรจะทำให้มันนานมากไปกว่านี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับท่านอิมาริให้ได้เพื่อที่ฉันจะได้บรรลุเป้าหมายเดิมสักที คุณหนูคิโชวอินอย่างฉันไม่สมควรจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะทาลิปสติกลงบนริมฝีปากเป็นอย่างสุดท้าย เตรียมใจกับเรื่องที่จะเกิดในค่ำคืนนี้
.
.
.
.
.

เมื่อพนักงานไปแจ้งว่าสามารถเข้าไปข้างในได้ ท่านอิมาริก็เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นฉันใส่ชุดที่ว่านี่

“สวยมากเลยล่ะเรย์กะจัง ใส่ชุดสีแดงแบบนี้เผลอนึกไปว่าได้เห็นภูตกุหลาบในยามราตรีเลยล่ะ”

“แหม ท่านอิมาริก็...” ฉันแกล้งตีแขนท่านอิมาริเบาๆ “เพราะชุดสวยต่างหากล่ะคะ”

“ไม่ใช่หรอก ชุดน่ะคือสิ่งที่ขับความงามของคนใส่ต่างหาก”

ท่านอิมาริมายืนสำรวจตัวฉันด้วยแววตาที่ดูพึงพอใจ

“แต่เอ๊ะ รู้สึกว่าคอจะยังโล่งๆอยู่นะจ๊ะ” ปลายนิ้วของท่านอิมาริแตะเข้าที่ลำคอของฉัน “ต้องมีอะไรประดับหน่อยถึงจะดี”

กล่องกำมะหยี่แบนๆถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน เมื่อเปิดออกดูก็พบว่าเป็นสร้อยไข่มุกสีขาวเส้นยาว มีต่างหูมุกและกำไลที่เข้าชุดกัน

“เห็นแว้บแรกในร้านก็รู้ทันทีเลยว่ามันเหมาะกับเรย์กะจัง”

“ของแพงๆอย่างนี้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”

ฉันยื่นกล่องกลับไปด้วยท่าทีขึงขัง แต่ก็ต้องไม่ให้มากเกินไปเพราะจะเสียกริยาเอาได้ ฉันต้องเล่นละครเป็นคุณหนูตกอับผู้น่าสงสาร แต่ก็หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยเช่นกัน

ผู้ชายเจ้าชู้แบบนี้ย่อมไม่ต้องการผู้หญิงที่อยากผูกมัดออกนอกหน้าหรือเรียกร้องเกินไปอยู่แล้ว ฉันต้องรักษาเขาไว้นานๆ

“อะไรกัน เพื่อเรย์กะจังแล้วล่ะก็ ราคามันก็เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมากเลยนะ”

“แหม…”

ปฏิเสธอีกเล็กน้อยพอเป็นพิธี ฉันรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องยัดเยียดสร้อยเส้นนั้นให้ฉันจนได้ ถึงต้องรับมาด้วยท่าทีลำบากใจ แต่ใจจริงแล้วฉันกำลังหัวเราะ

เมื่อเขาอาสาจะใส่ให้ ฉันก็รวบผมขึ้น นั่งนิ่งๆให้ท่านอิมาริคล้องสร้อยเข้ากับคอของฉัน ใบหน้าเขาอยู่ใกล้ฉันมาก แต่ฉันไม่ได้ทักท้วงอะไร ยอมๆให้มันเป็นไปเช่นนั้น

“สวยมาก เรย์กะจัง”

สายตาเขาที่มองในกระจกเงาดูพึงพอใจเป็นอย่างมาก มองไล่ระจากความยาวของสร้อยไปตามที่ต่างๆในร่างกายฉัน

“ขอบคุณมากค่ะ ท่านอิมาริ” ฉันหันหน้าไปมองสบตากับเขา ทำเสียงจริงจังเล็กน้อย “แต่ว่านะคะ ท่านอิมาริคะ ฉันไม่อยากให้ท่านอิมาริซื้อของแพงๆแบบนี้มาให้ฉันหรอกค่ะ”

“ฉันอยากให้เรย์กะจังนี่นา เด็กผู้หญิงน่ะต้องมีเครื่องประดับเยอะๆสิ ถึงจะถูกต้อง” ท่านอิมาริขยิบตาให้ฉัน “อีกอย่างนะ สร้อยไข่มุกน่ะไม่ใช่ว่าใครก็ได้จะใส่ขึ้นนะจ๊ะ ต้องเป็นสาวงามแบบเรย์กะจัง ถึงจะขับความงามของไข่มุกออกมาได้เปล่งประกายที่สุด”

ตอนที่พูด ปลายนิ้วของท่านอิมาริก็ค่อยๆแตะเข้ากับลำคอของฉัน เลื่อนไปตามความยาวของสร้อย แต่ก็หยุดอยู่แถวๆไหล่ไม่เลื่อนลงไปต่ำกว่านั้น แล้วก็เลื่อนกลับขึ้นมาวนเวียนอยู่แถวๆใบหู หยิบต่างหูมุกขึ้นมาจากกล่องแล้วใส่ให้ฉัน

814 Nameless Fanboi Posted ID:dd8qV7svHf

เมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่เขาไปส่งฉันถึงที่พัก พอเห็นว่าฉันยังไม่ได้เจาะหูก็เปรยๆเรื่องต่างหูน่ารักๆที่อยากให้ฉันใส่ แล้วก็พาไปร้านเจาะหูในครั้งต่อไปที่นัดเจอกัน สัญญาว่าจะเอาต่างหูที่เหมาะสมกว่านี้มาให้แล้วก็เอามาจริงๆ

หากฉันไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ความเจ้าชู้ของผู้ชายคนนี้ที่ร่ำลือกันมา ฉันคงคิดว่าเขาช่างดีแสนดี เป็นสุภาพบุรุษและเอาใจใส่ ทั้งที่จริงแล้วคงหวังผลแค่ให้ไปจบที่เรื่องบนเตียงก็เท่านั้น

แต่ก็น่าแปลก ถ้าท่านอิมาริหวังจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉันจริงๆก็ไม่น่าจะปล่อยให้เวลาผ่านมาขนาดนี้ คนอย่างเขาน่าจะใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำในการพาใครซักคนขึ้นเตียง ถ้าแค่อยากจะทำ

ฉันไม่รู้ว่าเขาใจเย็นค่อยเป็นค่อยไปหรือเขายังเกรงใจที่ฉันคือน้องสาวของเพื่อนกันแน่ แต่ฉันจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว

ถ้าฉันจับผู้ชายคนนี้ได้ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ถึงจะแก้แค้นไม่ได้ แต่ท่านพ่อก็จะได้ออกจากคุก ครอบครัวเราก็จะได้กลับมาอยู่กันเหมือนเดิม อาจจะไม่หรูหราเท่าเดิม แต่ฉันก็หวังอยากจะให้ทุกคนอยู่ด้วยกัน
.
.
.
.
.

ร้านอาหารในคืนนี้ที่ท่านอิมาริพามาเป็นร้านอาหารอิตาลีที่ตกแต่งอย่างหรูหรามีรสนิยม ตั้งอยู่ในโรงแรมห้าดาว มีวงดนตรีคลาสสิควงเล็กๆคอยบรรเลงเพลงขับกล่อม เหมาะแก่การพาคนรักมาดื่มด่ำบรรยากาศโรแมนติค

คราวแรกฉันออกจะกังวลอยู่ไม่น้อยว่าจะมีใครจำฉันได้หรือไม่ แต่เมื่อไปกับท่านอิมาริหลายๆครั้งเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน แถมไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่คนรู้จักเข้ามาทักทายเลยสักครั้ง ฉันก็เลยออกจะวางใจอยู่พอสมควร

ท่านอิมาริเลื่อนเก้าอี้ให้ฉันนั่ง แล้วก็คอยแนะนำเมนูของร้าน ส่วนตัวเองก็สั่งไวน์มาดื่ม พูดเรื่องไวน์ให้ฟัง เห็นได้ชัดว่าเขามีความรู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้เป็นเลิศ

“แหม ท่านอิมาริเก่งจังเลยค่ะ” ฉันสรรเสริญเยินยอ เขาก็ดูจะภาคภูมิใจที่ได้รับคำชม “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้เลย ฟังแล้วประทับใจเหลือเกินค่ะ”

“เอาไว้เรย์กะจังอายุครบยี่สิบเมื่อไหร่ ฉันจะแนะนำไวน์ที่เหมาะกับเรย์กะจังให้เองนะ”

“เอ...ท่านอิมาริคิดว่าไวน์แบบไหนเหมาะกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ”

“ต้องโรเซ่ไวน์สิจ๊ะ สีชมพูหวานๆ เหมาะกับเรย์กะจังเป็นที่สุดเลยล่ะ”

“แหม…ฉันอยากลองดื่มจังเลยค่ะ”

“อื๋อ เรย์กะจังยังอายุไม่ถึงนี่จ๊ะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น “จิบม็อคเทลหวานๆอร่อยๆไปก่อนดีกว่านะ”

“อีกไม่กี่เดือนฉันก็จะยี่สิบแล้วนะคะ ทานเร็วขึ้นอีกนิดก็ไม่เห็นเป็นไรเลย”

พอรบเร้าหนักๆเข้า ท่านอิมาริก็สั่งไวน์ให้ฉันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่ดูลำบากใจเล็กน้อย รอไม่นานโรเซ่ไวน์สีชมพูอ่อนหวานก็มาตั้งอยู่ตรงหน้า เขาสอนวิธีการดื่มไวน์ให้ฉันและทำให้ดูเป็นตัวอย่าง และฉันก็เป็นนักเรียนที่ดีทำตามที่ถูกสอน

โรเซ่ไวน์ตัวนี้หวานและดีกรีไม่มากพอที่จะทำให้ฉันเมาได้ แต่ฉันจะแกล้งทำเป็นเมาแล้วใช้โอกาสนั้นในการออดอ้อนท่านอิมาริ จากนั้นฉันจะปล่อยให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง เขาว่าคนเมาทำอะไรก็ไม่ค่อยมีสตินี่นะ

จิบไวน์ไปได้สองสามแก้วฉันลุกขึ้นยืน ทำท่าเหมือนจะวิงเวียนแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ท่านอิมาริจะเรียกให้พนักงานผู้หญิงไปเป็นเพื่อนแต่ฉันปฏิเสธ ขืนให้มีคนมาด้วยก็โดนจับได้กันพอดีสิว่าฉันไม่ได้เมาจริง

ฉันมานั่งในห้องน้ำ สูดลมหายใจเข้าลึกให้ใจสงบ กุมมือตัวเองไว้ไม่ให้สั่นกลัวกับสิ่งที่กำลังจะทำ

ท่านอิมาริก็ไม่ได้เลวร้าย หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลา ฐานะและชาติตระกูลดี เรียนอยู่ซุยรันก็เป็น Pivoine เหมือนกัน และฉันเองก็เตรียมใจมาแล้วที่จะต้องตอบแทนด้วยเรื่องแบบนั้น แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่รู้ทำไมถึงทำใจไม่ได้สักที

หรือเป็นเพราะการพร่ำสอนของท่านพ่อและท่านแม่ที่คอยบอกอยู่เสมอว่าฉันเกิดมาเพื่อเป็นภรรยาของท่านคาบุรากิ ฉันเป็นคนเดียวที่คู่ควรกับเขา และฉันก็เห็นด้วยกับเรื่องนั้นมาตลอดจึงไม่คิดมองใครแม้แต่นิด ฉันจะไปคว้ากรวดทรายไร้ค่ามาทำไมในเมื่อมีเพชรแท้อยู่ตรงหน้า

พอนึกถึงความหลังฉันก็อดที่จะแค่นยิ้มไม่ได้ ป่านนี้แล้วเขาคงมีความสุขไปกับนังผู้หญิงคนนั้น คนที่ฉันเห็นว่าต่ำต้อยไม่คู่ควร ท่านคาบุรากิผู้สูงส่งช่างตาต่ำจริงๆ

ข้างนอกมีเสียงเปิดก๊อกน้ำ ตามด้วยเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันบ่งบอกว่ามีคนเคลื่อนไหวไปมาอยู่ข้างนอก ตามมาด้วยเสียงดนตรี คงจะเป็นเสียงริงโทนมือถือ

ฉันกำลังจะเอื้อมมือไปปลดล็อกกลอนประตู แต่เสียงที่ได้ยินกลับทำให้ตัวแข็งค้าง รู้สึกเย็นวาบจากปลายนิ้วจนไปถึงศีรษะ

“ฮัลโหลมาซายะคุง…..อื้อ อยู่ในห้องน้ำจ๊ะ”

815 Nameless Fanboi Posted ID:dd8qV7svHf

เสียงนั่น...ทาคามิจิ วาคาบะไม่ใช่รึ!!

“อ๋อ ที่รับช้าเพราะกำลังล้างมืออยู่น่ะ แล้วเมื่อกี้ก็หลงทางด้วย ที่นี่มันกว๊างกว้างนี่นะ กว่าจะหาทางเข้าห้องน้ำเจอก็เดินผิดไปโน่นแน่ะ....เปล่านะ ไม่มีหรอก ฉันอยู่คนเดียวในห้องน้ำ จริงๆก็มีอีกคนเข้าอยู่ล่ะนะแต่เขาก็ไม่ได้มายุ่งกับฉันหรอก...เอ ไม่รู้สิ ใครก็ไม่รู้….ไม่มีใครรังแกฉันหรอกน่า กังวลเกินไปแล้วนะมาซายะคุง”

ทาคามิจิคุยไปหัวเราะไป ท่าทางอารมณ์ดีและมีความสุข แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนถูกฟาดเข้าอย่างจัง

“อื้อ เสร็จแล้วล่ะ กำลังกลับไปจ๊ะ….. ไม่เป็นไรหรอกน่า รับรองว่าคราวนี้ไม่หลงอีกแน่ๆ ไม่ต้องมารับหรอก...เอ๋ กลัวฉันจะเจอคุณคิโชวอินอย่างนั้นเหรอ คิดมากไปแล้วน่า”

ฉันยืนนิ่งอยู่ในห้องน้ำ ไม่กล้าแม้แต่จะกระดุกกระดิกเคลื่อนไหว ได้แต่รอจนกว่าทาคามิจิจะออกไป ฝ่ามือของฉันชื้นเหงื่อ หัวใจเต้นสั่นไปหมด แทบจะยืนไม่อยู่ด้วยซ้ำ

เขาอยู่ที่นี่ ท่านคาบุรากิคนนั้นอยู่ที่นี่

ความกลัวแล่นไปทั่วร่างเหมือนยาพิษ สายตาในวันนั้นที่เขามองเหมือนจะฆ่าฉันให้ตายคามือเลยถ้าทำได้ และเขาก็ฆ่าฉันจริงๆโดยการทำให้ตายทั้งเป็นอยู่แบบนี้

ถ้าเขารู้ว่าฉันอยู่ที่นี่จะทำยังไงดีล่ะ...

ฉันปลอบตัวเองให้ใจเย็นๆอย่าเพิ่งตื่นตูม จากบทสนทนาของสองคนนั้นดูเหมือนจะไม่รู้ข่าวของฉันเลยด้วยซ้ำ หรือเอ็นโจจะไม่ได้บอกเพื่อนกันนะ

ที่หมอนั่นไม่บอกคงเพราะมั่นใจมากว่าถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีปัญญาแก้แค้นตามที่เคยได้ประกาศได้ล่ะมั้ง

ฉันค่อยๆแง้มประตู ชะโงกหน้าออกไปเพื่อดูว่าทาคามิจิไปหรือยัง ในห้องน้ำว่างเปล่าไม่มีใครอยู่จนเกือบจะนึกว่าเรื่องเมื่อครู่นี้เป็นความฝัน

เอาเถอะ ไปตั้งหลักด้วยการกลับไปหาท่านอิมาริก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที

นึกไม่ถึงว่าพอเปิดประตูห้องน้ำออกไป จะพบกับเอ็นโจยืนอยู่ตรงหน้า หมอนั่นก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้เจอฉัน ทำตาโต ตัวแข็งทื่อแบบนั้น ท่าทางคงอึ้งไม่น้อย

ให้ตายสิ วันนี้มันอะไรกันเนี่ย

ฉันทำเป็นมองไม่เห็น ทำท่าจะเดินผ่านไป แต่เอ็นโจกลับเรียกฉันไว้ด้วยเรื่องของทาคามิจิที่ทำเอาต้องเบ้ปาก ปกป้องกันดีเหลือเกินนะ

เอ็นโจคาดคั้นเอาความจริง ฉันก็ได้แต่บอกไปว่าใครจะไปทำอะไรแม่นั่นได้กันล่ะ แต่พอตอบไปแบบนั้นเอ็นโจกลับปัดคำตอบทิ้ง หันมาทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ชุดของฉันแทนและเริ่มเทศนาที่ฉันใส่ชุดเปิดเนื้อหนังจนรู้สึกฉุนหน่อยๆ

หมอนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกันน่ะถึงมาห้ามไม่ให้ฉันแต่งตัวโป๊

ฉันชักจะรำคาญก็เลยบอกชื่อคนที่ซื้อให้ว่าไม่เห็นเขาจะเรื่องมากขนาดนี้ แต่พอพูดออกไป เอ็นโจก็ดูจะตกใจเอามากๆ แววตาดูสับสนแบบเห็นได้ชัด

ฉันป้องปากหัวเราะ แล้วก็แกล้งทำเป็นค้อมหัวลง กล่าวขอบคุณเอ็นโจที่แนะนำให้ท่านอิมาริมาเป็นลูกค้า

เอ็นโจพยายามพูดเตือนว่าท่านอิมาริเป็นคนอย่างไร แต่ฉันสวนกลับไปว่าฉันรู้ดีไม่ต้องมาบอก หมอนั่นก็เลยเงียบเหมือนไปต่อไม่ถูก นานๆทีฉันจะเห็นเอ็นโจอับจนคำพูดได้มีหรือจะปล่อยโอกาสไป

ฉันเล่นงานเอ็นโจต่อด้วยการหยามเหยียดเขาเรื่องทาคามิจิ สมัยเรียนหมอนั่นก็ตามติดยัยนั่นไม่ห่างและคอยขัดขวางไม่ให้ฉันเล่นงานได้ถนัด ปกป้องกันดีแบบนี้คงแอบรักผู้หญิงคนนั้นอยู่ล่ะสิท่า

เฮอะ ยัยทาคามิจินั่นมีดีอะไรกันแน่นะ ถึงมีแต่คนมารุมรัก ทั้งท่านคาบุรากิ มิซึซากิ แล้วยังจะเอ็นโจอีกคน...ผู้ชายพวกนี้ตาต่ำกันจริงๆ

แน่นอนว่าหมอนั่นต้องปฏิเสธว่าไม่ได้ชอบทาคามิจิ แต่ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น ตอกหมุดย้ำลงไปว่าเอ็นโจน่ะด้อยค่ากว่าท่านคาบุรากิไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ทาคามิจิถึงไม่เอา ก็แหงล่ะ ใครจะสนตัวรองในเมื่อมีตัวเอกที่โดดเด่นและดีเลิศอย่างท่านคาบุรากิอยู่ให้เห็น

เอ็นโจหน้าเสียไปเลย ดูจะพูดอะไรไม่ออก ท่าทางหวั่นไหวแบบนั้นคงแทงใจดำล่ะสิท่า

ฉันเล่นงานเอ็นโจได้ก็รู้สึกสะใจไม่น้อย ความหดหู่หายไปเหมือนปลิดทิ้ง ขอตัวกลับไปหาท่านอิมาริที่กำลังรออยู่ด้วยอารมณ์เบิกบานสุดขีด

แต่ฉันคงลืมไปว่าหมอนี่พิษสงเยอะขนาดไหน เพราะเดินไปไม่กี่ก้าว เอ็นโจที่ดูจะฟื้นตัวได้เร็วจากคำพูดเมื่อครู่ก็ก้าวตามมา รั้งข้อมือฉันไว้ ดึงให้เข้าหาตัวจนเกือบจะเหมือนการกอด รอยยิ้มน่ารังเกียจปรากฎขึ้นบนใบหน้า

“แล้ว... คุณคิโชวอินไม่อยากรู้เหรอ ว่าวันนี้คุณวาคาบะมาที่นี่ทำไม”

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ฉันไม่ได้อยากรู้”

“มาซายะพาคุณวาคาบะออกงานสังคมในฐานะคู่หมั้นอย่างเป็นทางการยังไงล่ะ” เอ็นโจยังคงพูดต่อไปโดยที่ไม่ได้สนใจฉัน “คุณคงไม่ได้ตามข่าวสินะ แต่มาซายะน่ะเพิ่งจะหมั้นหมายกับคุณวาคาบะไปไม่กี่เดือนมานี้เอง คุณอิมาริก็ไปงานมาด้วยนะ...เขาไม่ได้บอกคุณเหรอ”

816 Nameless Fanboi Posted ID:dd8qV7svHf

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ตอนที่ได้ยินเรื่องนั้น ร่างกายเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงอย่างน่าประหลาด แต่คำพูดของเอ็นโจก็ยังเชือดเฉือนฉันจนเจ็บไปหมด

“มาซายะนี่ก็ใจร้อนจริงๆ คุณวาคาบะบอกให้เรียนจบแล้วค่อยหมั้นกันแบบเป็นทางการก็ได้ แต่ยังไงมาซายะก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าประกาศไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้นก็ต้องทำให้เรียบร้อย...อ้อ...ตอนนั้นที่ว่าก็ตอนที่ยกเลิกการหมั้นกับคุณเพื่อคุณวาคาบะไงล่ะ”

ความทรงจำที่เลวร้ายที่ฉันพยายามจะลืมได้ย้อนกลับเข้ามาในหัว วันที่ฉันต้องสูญเสียทุกอย่าง ส่วนคนที่ฉันหลงรักมาตลอดชีวิต ประกาศต่อหน้าทุกคนว่าเขารักใครที่ไม่ใช่ฉันและรังเกียจฉันเสียเต็มประดา รอบข้างก็มีแต่สายตาที่มองมาด้วยความสมเพชเวทนาและดูถูกเหยียดหยาม

เอ็นโจก้มลงมากระซิบข้างหูฉัน น้ำเสียงเย้ยหยันราวกับกำลังสาแก่ใจ

“แย่หน่อยน้า ที่เขาก็ไม่เอาคุณเหมือนกัน”

สองข้างแก้มฉันเปียกชื้นเพราะน้ำที่ไหลลงมาจากตา รู้สึกจุกแน่นในลำคอ ทั้งปากทั้งเนื้อตัวสั่นระริกไปหมด เอ็นโจจากที่ยิ้มๆอยู่ พอเห็นแบบนั้นก็ดูจะอึ้งไปเหมือนกัน

“คุณคิโชวอิน...ผม….”

ฉันถอยหลังไปสองสามก้าวพอให้พ้นระยะที่มือนั้นเอื้อมถึง แล้วก็ออกวิ่งไปข้างหน้า

สองขาของฉันวิ่งไปไม่มีจุดหมายปลายทาง คิดอยู่แค่เพียงว่าต้องไปจากที่นี่ ไปให้พ้นจากตรงนี้ ไปให้ไกลจากคนพวกนี้….

ใครบางคนชนกับฉันที่ตรงทางเดิน เป็นท่านอิมาริ พอเห็นว่าฉันร้องไห้ สีหน้าเขาก็ดูตกอกตกใจเป็นอย่างมาก

“เรย์กะจัง...เห็นหายมานาน ฉันเป็นห่วงเลยออกมาตามน่ะ” ท่านอิมาริดึงฉันเข้ามากอด ลูบหัวลูบไหล่ฉันแบบปลอบขวัญ “เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ใครทำอะไรเรย์กะจัง บอกฉันได้รึเปล่า”

“พาฉันกลับทีค่ะ” ฉันเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก “...ขอร้องล่ะ”

ท่านอิมาริพยักหน้า ไม่ซักถามอะไรอีก ประคองฉันไปที่รถแล้วขับรถไปส่งตามที่ขอ ระหว่างทางก็เหลือบมองฉันเป็นระยะ

ฉันกลั้นน้ำตากับเสียงสะอื้นเอาไว้จนถึงที่พัก เอ่ยคำร่ำลากับท่านอิมาริอีกสองสามคำแล้วขอตัว ท่านอิมาริดูเหมือนอยากจะตามมาแต่ฉันอ้างว่าคนนอกเข้ามาไม่ได้ก็เลยต้องถอยกลับไป

ในห้องพักไม่มีใครอยู่เพราะรูมเมทของฉันออกไปทำงานในคืนนี้ ฉันกล้ำกลืนน้ำตาเงียบๆ พยายามปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกไปให้ใครได้ยิน อาจจะมีคนอยู่ตรงทางเดินหรือห้องข้างๆ ก็ควรต้องระวังไว้

ถ้ามีคนรู้ว่าฉันร้องไห้คงจะพากันเยาะเย้ยสมน้ำหน้า ฉันจะเผยความอ่อนแอให้ใครเห็นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคงถูกเล่นงานจนยืนแทบไม่ไหวเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

ความรักนี่มันช่างน่ารำคาญเหลือเกิน สร้างจุดอ่อนให้ศัตรูอย่างเอ็นโจเอามาเล่นงานฉันได้ทุกเมื่อ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ความรู้สึกนี้มันจะหายไปซักที

ผ่านมานานขนาดนั้นแต่ชื่อของท่านคาบุรากิก็ยังมีอิทธิพลในใจฉันถึงขนาดทำให้เสียน้ำตา แค่รู้ว่าเขากลายไปเป็นของคนอื่นโดยสมบูรณ์ หัวใจฉันก็เจ็บเหมือนถูกฉีกกระชากออก ฉันได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆว่าทำไมต้องรักผู้ชายคนนั้นมากถึงขนาดนี้ด้วย ขนาดถูกทำร้ายขนาดนั้นก็ยังรักไม่เลิก

แล้วนี่ฉันต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องนี้อีกกี่ครั้งถึงจะพอกันแน่นะ

ฉันฟุบหน้าลงกับหมอน หลับไปโดยไม่แม้แต่จะเช็ดเครื่องสำอางออกก่อนนอนด้วยซ้ำ

ในคืนนั้นฉันฝัน

ความฝันดูคล้ายเทพนิยายเรื่องเจ้าหญิงเงือกน้อย เธอหลงรักเจ้าชายถึงกับยอมเสียสละเสียงอันไพเราะเพื่อแลกกับขาที่ก้าวเดินแต่ละครั้งก็เจ็บปวด หวังจะได้อยู่บนบกเคียงข้าง แต่เขากลับไม่รับรู้ และแต่งงานกับหญิงสาวชาวมนุษย์โดยไม่เหลือบแลเธอแม้แต่นิด

เจ้าหญิงเงือกร้องไห้เหมือนจะขาดใจ แต่ร้องเท่าไหร่ก็ไม่มีเสียงออกมาเพราะถูกเอาไปแลกเป็นขาที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีที่สำหรับเธอบนบก เธอได้แต่ใช้มือปิดหน้าร้องไห้อยู่ข้างทะเลที่ไม่สามารถกลับไปได้อีก

แต่เมื่อเจ้าหญิงเงือกลดฝ่ามือลงเพื่อจ้องมองท้องทะเลที่โหยหา ฉันก็ได้เห็นใบหน้านั้นได้ถนัดตา

ใบหน้าของเจ้าหญิงเงือกที่สะท้อนในเงาของน้ำคือหน้าของฉันเอง

----------------------
พอดีฟังเพลงรถของเล่นเลยได้มู้ดเขียนก็เลยรีบเขียนตอนนี้ออกมา

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.