มาละ ขอเล่าแบบย่อๆ แล้วกัน ถ้าสงสัยตรงไหนก็ถามมา เดี๋ยวจะไปอธิบายแบบละเอียดให้ ในภาพรวมงานนี้ก็ออกมาได้ดีพอใช้ เพราะกูไม่ได้หวังอะไรกับมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
มาถึงตอนเช้าก็ลงทะเบียน ติดสติ๊กเกอร์ ติดป้ายชื่อ ต้อนๆ เข้าห้อง ไม่รู้ว่าเพราะทีมงานทั้งหมดเป็นเด็กวัยรุ่น (ไม่น่าถึง 30 กัน) รึเปล่า การจัดการแม่งถึงให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นกิจกรรมมหาลัย แบบรุ่นพี่ไล่ต้อนรุ่นน้องให้ทำกิจกรรมอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าใครจะออกไปเข้าห้องน้ำหรือทำอะไรก็ต้องบอกก่อน จะมีคนเดินคุมไป แต่ก็เอาเถอะ โดยส่วนตัวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับเรื่องพวกนี้
ช่วงเช้าเป็นช่วงพูดคุยกับวิทยากร หมอแมว และพี่หมี บอกตามตรงว่ากูพกอคติไปเต็มที่เลย เพราะได้ทำการบ้านเรื่องโปรไฟล์ของสองคนนี้ไว้แล้ว แต่พอไปฟังจริงๆ อืมมม หมอแมวก็พูดได้โอเคอยู่นะ คือแกเพลย์เซฟ และรู้จักตอบสมกับที่มีการศึกษาไง เช่นกล่าวถ่อมตัวว่าตัวเองเป็นแค่นักเขียนมือสมัครเล่น แล้วก็แชร์ประสบการณ์ว่า ต้องแบ่งเวลายังไงถึงจะสามารถเป็นหมอไปพร้อมๆ กับแต่งนิยายวันละตอนได้ (วางพล็อตให้รัดกุมไว้แต่แรก จากนั้นก็มาทุ่มเขียนตามพล็อตที่วางไว้ ใช้เวลาตอนกลางคืนประมาณ 1 ชม. กูนับถือในความรับผิดชอบของแกนะ สมแล้วที่เป็นหมอ)
แต่พี่หมีนี่เลวร้ายสัส ตอบคำถามได้แย่มากๆ และชอบย้ำอย่างภูมิใจว่าตัวเองเป็นนักเขียนอาชีพ พอเจอคำถามว่าเริ่มอ่านหนังสือมานานรึยัง แกบอกว่าอ่านหนังสือ (ที่ไม่ใช่การ์ตูน) เล่มแรกตอนอายุ 21 (ตอนนี้ 25) กูนี่แทบส่ายหัวเลย ก็สมกับฝีมือนั่นแหละ แล้วที่น่าหงุดหงิดใจกว่าคือแม่งจะชอบแอ็คอาร์ต พูดประมาณว่า เนี่ย การเขียนให้สละสลวยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การใช้คำเป็นสิ่งที่สำคัญ ต้องไหลลื่น บลาๆ โอ๊ย กูจะบ้า คือพูดเหมือนมึงเขียนได้ดีมากอะห่านเอ๊ย รอดูเลย ไม่เกิน 5 ปีแม่งอยู่ยากแน่ถ้ายังหวังพึ่งการเขียนเว็บโนเวลอยู่ทางเดียวแบบนี้ ด้วยทักษะทางภาษาเท่าที่มีก็คงไม่สามารถโยกไปโตในสายบรรณาธิการได้อะ
ส่วนภาคบ่ายก็เป็นกิจกรรมฐาน สอนแต่งนิยาย เช่นการวางพล็อตเรื่อง วางเซ็ตติ้งโลก วางปม ออกแบบตัวละคร คือมันก็น่าจะดีสำหรับนักเขียนหน้าใหม่ (แบบใหม่จริงๆ ซึ่งกูก็เห็นอยู่หลายสิบคน) แต่สำหรับกูแล้วแม่งแทบไม่มีประโยชน์เลย คือน้องจ๊ะ พี่เขียนนิยายมาตั้งแต่สมัยทักษิณยังเป็นนายกเลยนะจ๊ะ ไอ้เรื่องพวกนี้มันไม่จำเป็นต้องสอนกันแล้วโว้ย
แล้วจากนั้นก็เปิดเป็นโต๊ะๆ ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเอาพล็อตเรื่องของตัวเองไปคุยกับทีมงาน ซึ่งกูไม่ได้เข้าไปคุยอะ ยอมรับว่า ego จัด ถถถถ แต่ก็มีเหตุผลประกอบนะ คือมันให้เวลาคุยคนละ 5 นาที ถามว่าทีมงาน (บก.) เก่งขนาดนั้นเลยหรือ ถึงจะสามารถทำความเข้าใจพล็อตเรื่องของกู แล้วช่วยปรับแก้ให้ดีเลิศภายในเวลาเท่านี้ มันดูไม่ค่อยมีประโยชน์สำหรับกูอะ ก็เลยตัดสินใจไม่ไปกันที่ ปล่อยให้เด็กๆ หน้าใหม่ๆ ได้ไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมแล้วกัน
จากนั้นก็แจกของรางวัลไปตามเรื่องราว แจ้งกติการอบหน้า ถ่ายรูป กลับบ้าน
สรุป สำหรับนักเขียนหน้าใหม่ หรือคนที่เพิ่งจะคิดหัดเขียนนิยาย เวิร์กช้อปนี้ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่ง แต่สำหรับนักเขียนที่มีประสบการณ์แล้ว กูว่าแม่งแทบจะไม่ได้อะไรเลย เว้นแต่ได้มาส่องหนุ่มๆ สาวๆ หล่อๆ น่ารักๆ ก็เห็นอยู่หลายคนเหมือนกันนะวันนี้
เอาตามตรง นักเขียนหน้าใหม่คนไหนที่อยากเรียนรู้เรื่องการเขียนนิยาย กูแนะนำให้ไปตามอ่านกระทู้นิยายเด็กดีในโม่งนี่แหละ มีเกือบ 20,000 คอมเมนต์แล้วมั้ง ถ้าตัดไอ้ที่ทะเลาะกันเองด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ตัดเรื่องโทรลล์ เรื่องนินทาชาวบ้านไป แม่งครบถ้วนกว่าไปเข้าเวิร์กช้อปอีก