ช่วงนี้มู้สับนิยายเยอะขึ้น
Last posted
Total of 1000 posts
ช่วงนี้มู้สับนิยายเยอะขึ้น
มีคนสับไปแล้วยัง https://writer.dek-d.com/jarernsuk21/writer/view.php?id=1670426
หวัดดี เซฮุนเอง สับต่อ
https://writer.dek-d.com/lookc/writer/view.php?id=1645949
ชื่อเรื่อง "มาโครว์" คนเขียนชื่อ lookc ใช้ไอค่อนหมีบราวน์ในรูปโปรไฟล์
หลังจากตอนที่หนึ่งที่ 'ยูเรีย' (นางเอกปะวะ?) ต้องแต่งกับโจร พ่อก็ไปเอาไข่มาจากผู้เฒ่า จะเรียกปีศาจ แต่ลีลามาจนตอนนี้
ตอนที่ 2-3 กูจะสรุปละ เพราะสำนงสำนวนมันก็เยอะยิบแบบตอนแรก
เปิดตอนดราม่าพ่อลูก โจรจะรับเอายูเรียไปเป็นเมีย (หลังๆเน้นด้วยว่าคนที่ 19) มีดราม่า ยูนะ (น้องคยเล็ก) พ่อดราม่ากับยูเรีย แต่ยูเรียต้องไป พ่อเข่าทรุด
พลันชาวบ้านทัก
"เห้ย นั่นมันอะไร?" (ปีศาจเพิ่งมา โจรพายูเรียไปนานละ)
บรรยายสรรพปีศาจคุณจบ พ่อก็ดราม่ากับลูกคนเล็กต่อ บอกต้องสังเวยตัวเองละ ปีศาจมาแล้วนี่นา เพื่อยูเรีย!
ปีศาจบอก "หึๆๆ คุณล้อผมเล่นหรือเปล่าครับ" (ตรงนี้กูกระจ่างบางอ้อ นิยายมันออกกลิ่นเกรียนละ)
ปีศาจบอกไม่กินคน กินโน่นละกัน แล้วชี้ไปคอกวัว ชาวบ้านก็ล้มวัวย่างให้ (กูก็หิว) ปีศาจบอก เออ อร่อย ทำสุกนี่ก็ดีนะ เดี๋ยวไปช่วยลูกสาวให้ แล้วก็จบตอนสอง
ขึ้นตอนสาม
โจรจะเล่นกะเมียใหม่ละ (ยูเรีย = เมียคนที่19)
ลูกพี่โจรพูดจาเหมือนหลุดมาจากหนังไทย "คงกลัวล่ะสิ ครั้งแรกก็แบบนี้แหละ"
พอพ่อยูเรียมาถึงรังโจรพร้อมปีศาจ ลูกน้องตะโกนเรียก ลูกพี่ก็
" เฮ้ยใครกัน? กล้าขัดจังหวะข้า! อยากตายหรือไง!"
หันบอกยูเรีย "เดี๋ยวพี่มานะจ้ะ ยูเรียคนสวย พี่ไปทำธุระแป๊ปนึง"
จากจุดนี้เป็นการ์ตูนโชเนนจัมป์ละ เคลียร์พระเอกปีศาจเทพ (เข้าใจว่าทุกคนเข้าใจว่าเป็นปีศาจแต่ไม่ใช่ปีศาจ ชอบอยู่คนเดียว... กูนึกไปถึง Yahari Ore no Seishun Love Comedy wa Machigatteiru ขึ้นมา ก็ว่าจะไม่สับละ ไปดูเมะดีกว่า)
จบตอนสาม ขึ้นตอนสี่เป็นบทใหม่ story arc หมู่บ้านของ ยูนะ+ยูเรีย+พ่อ+ผู้เฒ่าไม่ได้เล่าต่อแล้ว
จากตรงนี้เปลี่ยนทิศทางไปโฟกัสที่อื่น อ่านผ่านๆเดาว่าคงเป็น backstory แล้วก็พลังมาโคร่ว (ชื่อเรื่อง) มีตัวละครใหม่มากมาย (ไม่ต้องนึกถึง Urea ละ)
กูก็ตัดสินใจเลิกอ่าน... แต่ว่า คนที่ตามคอมเมนท์ยังคงประกบอยู่แบบนั้น น่ารักมาก!
กูเองก็ขอให้คนเขียนพัฒนาขึ้นเร็วๆนะ
ต่อไปเป็นการให้คะแนน
กูให้สัก 4/10 ละกัน ถือว่ามีแวว เพิ่มให้อีกหนึ่งจาก 3/10
ลงชื่อ เซฮุน หาข้าวแดกละ
>>220 TW คืออะไรวะ?
ที่จองเหลือ อาซึกะฯ
https://writer.dek-d.com/p-o-t-a-e/writer/view.php?id=1590881
ลงชื่อ เซฮุน
>>221 สับเลยละกัน
หวัดดี เซฮุนเอง สับอาซึกะจัง สาวน้อยเวทย์มนตร์ (อ่านใช้เสียงน้าต๋อย)
https://writer.dek-d.com/p-o-t-a-e/writer/view.php?id=1590881
เขียนโดย p-o-t-a-e
...ฉันทำอะไรผิดงั้นหรือ...ชีวิตของฉันถึงได้บิดเบี้ยวขนาดนี้..
ความคิดของฉันทวนอยู่ในหัวเป็นกี่ร้อยกี่พันครั้งเมื่อถูกเพื่อนร่วมห้องกลั่นแกล้ง
(เค บรรยาย บุคคลที่หนึ่ง ลุ้นๆ)
'' ด.ได้โปรดหยุดเถอะ..'' ฉันเปล่งเสียงออกไปอย่างโอดครวญ
'' เฮอะ คิดหรอว่าฉันจะหยุด''
ผู้หญิง 1 ในคนที่แกล้งฉันพูดขึ้นก่อนจะเตะร่างกายฉัน
'' โอ๊ย!..'' ....
.... หมดหวังแล้ว....หมดหวังกับโลกใบนี้แล้ว...ตายๆไปซะได้ก็ดี..
ฉันคิดอยู่ในใจขณะเดินกลับบ้าน
'' หึๆ ถ้าหมดหวังขนาดนั้นล่ะก็..ให้ฉันช่วยไหม?''
เสียงของใครบางคนพูดขึ้นมา
'' ค.ใครน่ะ!?'' ฉันรีบหันไปทันทีเมื่อได้ยินเสียง
เมื่อหันไปก็พบกับชายร่างสูงผมสีดำในชุดสูทสีดำเทาไม่มีลวดลาย
'' อยากรู้หรอ? ฉันก็คือโอนิ[ปีศาจ]ยังไงล่ะ ฉันเป็นผู้อยู่เหนือกฎแห่งกาลเวลา เหนือมวลสรรพสิ่งบนโลกนี้''
'' ..เหนือ..กาลเวลา..'' ฉันพูดพึมพำออกไป
'' ใช่ '' เขาตอบมา
'' แล้ว..ปีศาจอย่างนายมีธุระอะไรกับฉันล่ะ''
เมื่อฉันนึกขึ้นได้จึงถามออกไปน่าแปลกที่ฉันดูไม่ตกใจกับสิ่งสิ่งเหนือธรรมชาติตรงหน้าเลย
'' หึๆ ถามมาได้เธอกำลังสิ้นหวังใช่ไหมล่ะ ปีศาจอย่างฉันมีหน้าที่กินความสิ้นหวังของมนุษย์เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนก็จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง 1 ข้อแต่คนๆนั้นจะต้องมาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ที่ต้องสู้กับปีศาจแห่งความสิ้นหวังเป็นการตอบแทน''
คนที่เรียกตัวเองว่าโอนิอธิบายออกมา
'' อะไรก็ได้หรอ...''
'' ใช่ ถ้าสิ้นหวังมากๆน่ะนะ ดูจากกลิ่นแล้วเธอก็สิ้นหวังมากเลยนี่นาเพราะงั้นอะไรก็ได้แหละ''
โอนิตอบไปพลางทำจมูกเหมือนกำลังดมกลิ่นอะไรอยู่
''ว่าไงเธอจะตอบรับไหม?แต่ถ้าไม่ฉันคงต้องลบความทรงจำออก..''
'' อืม..'' ฉันตอบไป
'' หืม..งั้นความปรารถนาของเธอคืออะไรล่ะ?''
โอนิพูดพลางลอยตัวไปมาบนอากาศ
'' ความปรารถนาของฉันก็คือ...''
(จบ)
~มาคุยกับชิงุเระจังกันเถอะ~
ดีจ้าเรื่องแรกยังไม่จบก็มีเรื่องที่สองแล้ว แฮะๆ พอดีคิดพล็อตแบบนี้ไว้นานแล้วน่ะ
เชื่อว่านักอ่านหลายๆคนคงเดาได้ว่าอาสึกะจะขออะไร แต่จะถูกรึป่าวก็อีกเรื่องนึงนะ
อ้อ นิยายเรื่องนี้มีต้นแบบมาจากเรื่องสาวน้อยเวทมนตร์ มาโดกะ นะเพราะงั้นไม่ต้องงงว่าทำไมมันคล้ายกันจัง
ต้นแบบของอาสึกะก็โฮมุระนั่นแหละ
ถ้าถามว่าเรื่องนี้มีคนตายรึป่าวก็ต้องไปอ่านเอาเองนะ บ๊ายบาย^_^
(เค...)
เอิ่ม.... ให้ 3/10 อ่านตอนเดียวพอ
ลงชื่อ เซฮุน สับสามเรื่องภายในสามวัน
>>223 อะ... สับให้อีกตอน
'' ความปรารถนาของฉันก็คือ...'' (รอฟัง)
...ฉันเกลียดช่วงเวลาตั้งแต่เด็กจนโตที่สุดเพราะไม่ว่าตอนไหนฉันก็โดนแกล้ง..คนที่มองดูก็ไม่เคยคิดจะช่วย
อยากจะแก้ไข..แต่ก็อยากแก้แค้น..และก็อยากมีอนาคตที่ดี...ตัดสินใจได้แล้ว.. (ดาร์กว่ะเฮ้ย!)
'' ...ฉันอยากควบคุมเวลาได้..ควบคุมที่ว่าก็มีย้อนอดีต หยุดเวลา เร่งเวลาเวลาช้าลงรวมถึง..ไปอนาคตด้วย..''
ฉันหยุดคิดไปช่วงหนึ่งก่อนจะตอบไป
''เห..เป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ดีนี่นา..ได้ฉันจะทำให้มันเป็นจริงเอง'' (ชิลจริงๆ)
เมื่อโอนิพูดจบก็มีแสงสว่างสีดำขึ้นมาตรงหน้าฉัน
ตุบ! เสียงอะไรบางอย่างหล่นลงมาในมือฉัน
'' นี่คือ...''
ฉันพูดพลางมองไปที่นาฬิกาพกไขลานแบบโบราณมีฝาปิดสีเงินในมือตัวเอง
'' มันคือสิ่งที่ยืนยันพันธสัญญายังไงล่ะเรียกว่า 'เซยาคุ' ก็ได้ หน้าปัดนาฬิกาจะค่อยๆแตกเมื่อเธอใช้พลัง วิธีรักษาก็คือต้องตามหา'เมนเทนนาซึ' จากปีศาจแห่งความสิ้นหวังยังไงล่ะ แต่เมื่อหน้าปัดนาฬิกาเธอร้าวจนหมดเมื่อไรเธอก็จะตายไปและไม่มีใครจำเธอได้ได้อีก...''
โอนิอธิบายไป
'' ..แล้วมีคนที่เป็นแบบฉันด้วยรึป่าวล่ะ''
ฉันเอ่ยปากถามออกไป
''มีสิ ในเมืองนี้นอกจากเธอแล้วก็มีอีกประมาณ3คนน่ะ''
โอนิตอบไป
'' อ้อ จริงสิ เธอพูดว่า 'คาคุเฮนคัง' ซิ''
โอนิทำท่านึกออกก่อนจะพูดขึ้น
''หา? คะ คาคุเฮนคัง''
ว๊าบ ทันทีที่พูดจบนาฬิกาในมือนองอาสึกะก็มีแสงสว่างขึ้น
พริบตานั้นชุดของเธอก็เปลี่ยนเป็นเสื้อสีดำประดับด้วยริบบิ้นสีเเดงกับกระโปรงยาวดำตรงเอวมีนาฬิกาพกห้อยอยู่และมีกระเป๋าคาดเอวสีแดงด้วย ผมกลายเป็นทวินเทลแบบปล่อยถูกมัดด้วยริบบิ้นอันเล็ก รองเท้าเป็นส้นเตี้ยสีเลือดคู่กับถุงเท้ายาวสีดำถึงขาอ่อน (เหยดดดเด)
''ช.ชุดนี่มันอะไรเนี่ย '///' '' (กูก็ว่างั้น)
ฉันพูดพลางหมุนตัวไปรอบๆเพื่อดูชุดตัวเอง (ชอบซะงั้น)
'' ชุดเวลาต่อสู้ไง ''
โอนิตอบพลางจ้องมองมาที่ฉัน
'' แล้วจะกลับชุดเดิมยังไงล่ะ..''
ฉันถามออกไปพลางหน้าขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความอายยังดีที่แถวนี้ไม่ค่อยมีคนผ่าน
'' ก็พูดว่าคลายร่างชุดเธอก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม''
โอนิบอกไป
'' อ้อ ลืมบอกไปเวลาแปลงร่างแต่ละคนจะมีพลังหรืออาวุธด้วยของเธอจะเป็นกระเป๋าที่ติดอยู่ข้างๆกระโปรงนั่นแหละ''
โอนิพูดพลางชี้มาที่กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสีแดงใบใหญ่ที่คาดอยู่ที่้เอวของอาสึกะ
'' ล.แล้วมันทำอะไรได้ล่ะ?''
ฉันถามคนตรงหน้าไป
''ไม่รู้สิเธอต้องไปหาเอาเองฉันไปล่ะ พลังนี้จะอยู่กับเธอจนถึงอายุ25จำเอาไว้ล่ะ''
เมื่อโอนิพูดจบร่างกายของเขาก็ค่อยๆหายไป
'' ค.คลายร่าง'' เมื่อฉันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังอยู่ในสภาพน่าอายจึงปลดการแปลงร่างทิ้ง (เอ๊า?)
'' ถ้ากระเป๋านั่นคืออาวุธ ฉันก็มีอาวุธ 2 อย่างน่ะสิ''
ฉันพูดพลางจ้องนาฬิกาพกโบราณสีเงินมีสายห้อยในมือตัวเองไม่วางตา...
''คิกๆ พรุ่งนี้น่าจะสนุกน่าดู..''
(จบ...)
~ มาคุยกับชิงุเระจังกันเถอะ~
ดีจ้า ตอนที่2แล้วน้าตอนที่2!! อาสึกะจังได้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์แล้วล่ะ สนุกกันไหมเอ่ย?
ชิงุเระพยายามบรรยายชุดของอาสึกะจังแล้วนะ พอจะเข้าใจกันไหมอ่าา
ชิงุเระไปก่อนนะบ๊ายบาย จุ๊บๆ
(เค จุ๊บๆ)
คะแนนยัง 3/10 อยู่
ลงชื่อ เซฮุน หาเบียร์แดกดีกว่า
ถึงจะคนละเรื่องกัน แต่ทำไมกูนึกถึงอีสาวเถื่อนอาสึกะ จากMahou Shoujo Tokushuusen Asuka วะ....หรือว่าคนเขียนได้แรงบันดาลใจจากเรื่องนี้หว่า?
หยุดทำลายสมองกูเถอะ พลีส T^T อ่านแล้วรู้สึกอยากจะเอียนโอษฐ์อ้วก
มีใครจองสับเรื่องนี้แล้วยัง https://writer.dek-d.com/nn_areya/story/viewlongc.php?id=1594693&chapter=1
ถ้าไม่มีกรูขอจองนะ
พูดถึงร่างบาง นึกถึงมู้ขึ้นมา http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2012/06/W12214330/W12214330.html
>>227 มุมมอง1 กับ3 ปนกันมั่วไปหมด มีการอวยตัวเอง(โดยให้มุมมอง3)ว่าปากจิ้มลิ้มสีเชอร์รี่ แล้วทำไมก่อนไปเกิดใหม่ที่ต่างโลกกว่า80%ถึงต้องโดนรถชน กูล่ะเพลีย...แล้วกูก็อ่านแค่ตอนแรก(แบบไม่จบ)ที่แม่งเขียนว่าบทนำ พอเหลือบไปเห็นชื่อตอนต่อไป 'ยอดอัจฉะริยะถือกำเนิด' กูเพลียหนักกว่าเดิม
แต่! ทั้งนี้ทั้งนั้นแม่งมีคนกดFav.ตั้ง1,371 คน คือหมวดนี้แต่งอะไรก็ได้ที่มันตายแล้วไปเกิดใหม่ในยุคจีนโบราณมันก็มีคนอ่านสินะ
เสาร์-อาทิตย์ทีไรหายหัวกันหมดเลยนะ
ปกติกูแต่งนิยายของตัวเองก็ใช้คำว่าร่างบางร่างสูงเหมือนกันนะเว้ย แต่ใช้ไม่บ่อย พอดีนิยายกูเป็นสรรพนามบุรุษที่สาม กูเลยไม่อยากใช่เธอๆๆ เขาๆๆ เยอะ เลยพยายามเฉลี่ยๆคำเรียกตัวละครไป เรียกชื่อพระนางบ้าง บรรยายลักษณะบ้างไรงี้
แต่พึ่งรู้ว่าโม่งไม่ชอบคำว่าร่างบาง กูรู้สึกผิดจนอยากไปลบนิยายตัวเองทิ้งเลยวะ
ดีจ้า~~
>_<
เรื่องนี้น่าจะเป็นนิยายแนวตายแล้วไปเกิดใหม่เป็นในยุคจีนโบราณเรื่องแรกที่กูเคยอ่าน กูบอกไว้ก่อนว่าไม่ค่อยเชี่ยวชาญแนวนี้นัก แต่ลองสับดูแล้วกัน คราวนี้กูจะลองสับแบบทีละตอนดู
ชื่อเรื่อง: ขอโทษทีข้าคือแม่ทัพสโลว์ไลฟ์
ลิงค์: https://writer.dek-d.com/nn_areya/story/view.php?id=1594693
Tag: ตายแล้วเกิดใหม่ในยุคจีนโบราณ (แบบเสิ่นเจิ้น), ตัวเอกเป็นหญิง, ซู
บทนำ
เรื่องย่อ: นางเอกโดนรถชนตายระหว่างนึกเหม่อว่าจะทำกับข้าวอะไรให้แม่กินดี พอตายแล้วก็ไปเจอกับคุณพญายม (ในร่างคุณตาใจดี) ที่บอกว่า จริง ๆ แล้วนางเอกยังไม่ถึงฆาต แต่ดันมาตายเสียก่อน เลยจะให้ไปเกิดใหม่ในร่างของอีกคนที่วิญญาณตายไปแล้ว และจะให้พรสามข้อ นางเอกของเราดูชิวมาก ไม่รู้สึกตกใจเลยว่าตัวเองตายไปแล้ว แถมขอพรแค่ว่าขอให้เกิดใหม่ใช้ชีวิตสงบ เรียบง่าย และไม่วุ่นวาย พญายมบอกว่าขอน้อยไป เลยแถมให้อีกสองข้อ คือสวยจนล่มเมือง กับฉลาดเป็นอัจฉริยะ ก่อนจะส่งให้ไปเกิด จบตอน
ความเห็น
- อย่างที่หลาย ๆ คนบอกไว้ก่อนหน้านี้ มุมมองของเรื่องมั่วซั่วมาก ตัวอย่างเช่น ตอนแรกบรรยายในมุมมองบุคคลที่ 1 นึกว่าจะทำอะไรแดกกับแม่ดี จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นบรรยายบุคคลที่ 3 ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีเชอร์รี่อะไรนั่น แนะนำว่าคนเขียนน่าจะเลือกมุมมองแบบใดแบบนึงไปเลยดีกว่า ดูจากแนวที่แต่งแล้วเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 น่าจะเข้ากว่า
- การบรรยายในหลาย ๆ จุดมีความขัดแย้งกันเอง อย่างตอนแรกตอนโดนรถชนบอกเจ็บ ทรมาน แต่ต่อมาอีกไม่กี่บรรทัดบอกว่า ก็ดีเหมือนกันที่จะได้ตายแบบไม่ทรมาน... คือเลือกเอาสักอย่างหน่อยว่าจะทรมานหรือไม่ทรมานกันแน่ เออ... ทำไมเรื่องแนวนี้จะต้องตายเพราะถูกรถชนตลอดวะ ตายแบบแนวอื่นไม่ได้เหรอ หรือถ้าโดนลูกหลงผู้ก่อการร้ายระเบิดตายมันจะไม่ขลังเท่าโดนรถชน
- เหตุผลที่นางเอกได้ไปเกิดใหม่ เพราะตายโดยยังไม่ถึงฆาต แต่เอาเข้าจริงแล้วคนตายเพราะถึงฆาตไม่ใช่เหรอวะ จุดนี้ถ้าจะทำให้นางเอกเป็นเคสที่พิเศษกว่าคนอื่น น่าจะมีการอธิบายเพิ่มอีกหน่อยว่าทำไมเคสการตายของนางเอกถึงพิเศษ ตัวอย่างเช่น อาจเขียนประมาณว่าคนเรามีดวงชะตากำหนดอยู่แล้ว แต่นางเอกดันตายทั้งที่ดวงชะตากำหนดให้มีชีวิตอยู่ เป็นบั๊คของระบบสวรรค์ พญายมเลยชดใช้โดยการให้คูปองสมนาคุณชดเชยที่ระบบผิดพลาด
- นี่กูคิดถูกไหมเนี่ยที่เลือกเรื่องนี้มาสับเนี่ย
เดี๋ยวมาต่อ คิดว่าน่าจะสับสัก 4 - 5 ตอนพอ
มาต่อละ
ตอน 2
เรื่องย่อ: เป็นฉากที่แม่นางเอกกำลังคลอดนางเอก (กูขี้เกียจจำชื่อ อะไรสักอย่างเอ๋อ ๆ) และพี่สาวที่น่าจะเป็นแฝด แต่ไหงในเรื่องบอกว่ามีบุตรพร้อมกันสองคนหว่า นางเอกเกิดใหม่เป็นลูกสาวของแม่ทัพในอาณาจักรจีนโบราณแบบมั่ว ๆ (คนเขียนบอกแต่แรกแล้วว่าเป็นเรื่องจากจินตนาการ ไม่ได้อ้างอิงประวัติศาสตร์) แต่ยังมีความทรงจำในอดีตอยู่ ทั้งพ่อทั้งแม่ก็เห่อลูกสาวทั้งสองมาก อวยตัวละครรัว ๆ ว่าจะต้องสวยระดับล่มเมืองแน่ มีแต่คนขอมาดูมาสู่ขอนางเอกและพี่สาวตั้งแต่ยังเป็นทารก อ้อ... มีทิ้งปมไว้นิดนึงว่าพญายมแอบมาอวยพรตอนนางเอกเกิดด้วย
ความเห็น
- อวยตัวละครว่าสวยตั้งแต่เป็นทารกเลยเหรอวะ อย่างกูตอนเป็นเด็กทารก เห็นรูปก็ดูน่ารักน่าหยิกแก้มเหมือนกันล่ะ แต่โตมาไหงเป็นหมีควายวะ คือจะอวยก็ให้มันเป็นธรรมชาติหน่อยเหอะ เด็กแรกเกิดมันน่ารักทั้งนั้นล่ะ แต่เล่นบอกว่าเด็กทารกต้องสวยแบบล่มเมืองแน่ ๆ มันก็เกินไปหน่อย ถ้าเขียนว่าพ่อแม่เห่อลูกสุด ๆ ก็พอหยวน ๆ ไปได้หน่อย แต่นี่เล่นให้ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันมันก็ไม่ไหวนา...
- ยังใช้คำไม่ค่อยเหมาะในบางโอกาส เช่น บางทีเขียนว่าบุตรเป็นผู้หญิง จริง ๆ แล้วเขียนว่าเป็นบุตรีเลยก็ได้เป่าวะ แถมมีใช้ซาวด์เอ็ฟเฟ็คตอนเปิดประตูด้วย ซึ่งมันจำเป็นเหรอวะ
- มุมมองของเรื่องมั่วซั่วตามเดิม
- กูไม่ถูกชะตากับชื่อจีนเลยวุ้ย
ตอน 3
เรื่องย่อ: ยังอยู่ในส่วนอวยตัวละครอยู่ อวยว่าลูกสาวน่ารักมากจนมีแต่คนมาเยี่ยมเยือน ถามว่าทำไงถึงได้ลูกทีเดียว 2 คน แถมส่งแม่สื่อมาสู่ขอตั้งแต่ลูกยังอายุ 5 เดือน พ่อก็หวงลูกสาวมากเลยห้ามไม่ให้ใครมาพบ ตอนไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ฮ่องเต้ก็สนใจอยากเห็นหน้าทารกทั้งสอง กะให้แต่งงานกับลูกกับหลานของฮ่องเต้ พ่อนางเอกที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งสหายร่วมสำนักกับฮ่องเต้ก็หวงลูกมาก ไม่ยอมให้ฮ่องเต้มาพบลูก เดินหนีฮ่องเต้มาซะอย่างงั้น แถมงอนว่าจะไม่มีทางยอมให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกและหลานฮ่องเต้เด็ดขาด แล้วก็มีเล่นมุกแม่นางเอกจะให้นมลูก พ่อเลยขอลองดูดด้วย เลยโดนถีบออกมาจากห้อง
ความเห็น
- พ่อหวงลูกกูเข้าใจนะ แต่ขนาดปฏิเสธฮ่องเต้ที่อยากให้ลูกสาวมาแต่งงานกับลูกกับหลานของฮ่องเต้มันไม่สมเหตุสมผลว่ะ นี่ลูกสาวเมิงจะได้แต่งงานกับลูกกับหลานฮ่องเต้นะโว้ย โอกาสได้เกี่ยวดองเป็นญาติกับฮ่องเต้เน้น ๆ เลยนะ แถมพ่อนางเอกกับฮ่องเต้เป็นเพื่อนกันอีกด้วย ดูไงกูก็ไม่เห็นเหตุผลเลยว่าทำไมพ่อนางเอกต้องต่อต้านขนาดนั้น การให้ลูกสาวได้คู่ครองที่ดีน่าจะเป็นค่านิยมของยุคนั้นไม่ใช่เหรอวะ คือในเรื่องมันยังไม่ได้อธิบายเหตุผลที่ดีพอจะสนับสนุนความคิดของพ่ออ่ะ
- พ่อนางเอกหงุดหงิดที่ฮ่องเต้หักหน้าตัวเองกลางที่ประชุม แต่กูอ่านยังไงก็เป็นพ่อนางเอกนี่ล่ะที่หักหน้าฮ่องเต้กลางที่ประชุม ไม่ยอมให้ไปเยี่ยมลูกสาว
- นางเอกยังจำเรื่องในอดีตได้เพราะไม่ได้ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง อันนี้กูไม่ได้อ่านแนวนี้เลยไม่ค่อยรู้ว่ะเป็นตำนานหรือความเชื่อของจีนเหรอวะ โม่งคนไหนรู้บอกที
- มุกขอดูดนมแม่ด้วยไม่ขำว่ะ ผิดจังหวะชิบ
- เด็ก 5 เดือนเดินได้แล้วเหรอวะ
เดี๋ยวมาต่อ...
เดี๋ยวขอตัวไปจ่ายบิลโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวมาต่อ
>>242 กูตอบ 4 ขัดข้างล่างให้ละกันนะ
- ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ เรื่องจะจบลงหลังประชุมนั่นแหล่ะ เจอประหารยกตระกูลแหงถ้าเจอฮ่องเต้เคี่ยวๆ หน่อย อ่านแล้วขัดใจ
- คุณยายที่มึงว่ากูเคยฟังมา 2 เวอร์ชั่น มีน้ำแกงกับน้ำชา ที่ว่าให้ดื่มก่อนข้ามแม่น้ำสีเลือดจะได้ลืมเรื่องภพเก่า ปกติก็ดื่มกันหมดถ้าใครไม่ดื่มมันจะข้ามสะพานไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ตัวละครที่ไม่ดื่มชอบเป็นตัวเอกมีอะไรพิเศษสักอย่าง หรืออ้างว่าเป็นลิขิตสวรรค์(อีกละ) ใช้บ่อยอย่างกับการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์
- กูเห็นด้วย ต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยคนเขียน
- 5 เดือนไม่มีทาง เด็กจะต้องตะแคงแล้วคว่ำหน้าเพื่อคลานก่อน พอคลานเป็นละค่อยนั่ง นั่งละตั้งไข่ เดินแบบตุปัดตุเป๋อีกช่วง กว่าจะเดินปกติได้
>>242 ตอนแรกกูอ่านบอกว่าคนชมกันว่าสวยน่ารักมากกูก็ไม่ได้ตกใจอะไรนะ อาจจะชมไปตามเรื่องก็ได้ เด็กตอนเล็กมันก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละ บางคนคิดไปถึงอนาคตว่าอาจจะสวยและน่ารักเหมือนเด็กก็มี แต่พอบอกฮ่องเต้มาสู่ขอนี่กูเฮ้ยเลย ขนาดนั้นเลยเหรอ? แต่บอกว่าเป็นเพื่อนกันก็เอ้า! หยวนๆ ได้น่า แต่งงานกับคนรู้จักมันเป็นเรื่องปกติ
อันที่จริงกูเคยเจอเด็กที่มีแววสวยแต่เด็กนะ สวยน่ารักมากๆ แบบชี้บอกได้เลยว่าโตขึ้นคนจีบเยอะแน่ แต่นั่นน่าจะหลายปีแล้วพอดู สามสี่ขวบมั้ง ไม่ใช่ทารกว่ะ ทารกกูว่าหน้าตาก็เหมือนกันหมดหรือเปล่าวะ?
5 เดือนเป็นไปไม่ได้ว่ะที่จะเดินได้ คือระบบพัฒนาการในร่างกายมนุษย์มันยังไม่ถึงระดับนั้น อย่างน้อยคือต้อง 1 ปี บวกลบได้ 3 เดือน แต่ไอ้ช่วง 5 เดือนนี้ยังไงก็ไม่มีทางล่ะ
อันนี้เพิ่มเติม กูเป็นพวกชอบคิดมาก ไอ้การที่ฮ่องเต้จะสู่ขอสาว "สวยๆ" มาเป็นเมียให้เจ้าชายได้แสดงว่าบ้านเมืองมันสงบสุขมากหรือเปล่าวะ? หรือคงไม่มีทางมีสงครามได้เพราะมีอยู่อาณาจักรเดียว ไม่มีเจ้าหญิงเมืองอื่นให้แต่งเชื่อมความสัมพันธ์เลย? หรือที่บอกจะสู่ขอนั่นคือจะยกให้เจ้าชายที่มีฐานะไม่สำคัญ อันนี้กูว่าถ้าแม่ทัพเร่ื่องมากหน่อยก็มีสิทธิหวงลูกนะ เล่นตัวจะให้แต่งกับเจ้าชายคนสำคัญเท่านั้น หรือไม่ในเรื่องแม่ทัพก็มีความสำคัญมากๆ แบบนั้น? แต่ฟังดูแล้วมันไม่ได้ปูเรื่องมาจริงจังขนาดนั้น โอเค กูคงคิดมากเกินไป
กุชอบอ่านหมวดอปต.นะ ฮ่องเต้อ๋องแม่ทัพอะไรก็ได้ ไม่ต้องตรงประวัติจีนเป๊ะๆ ตั้งราชวงศ์เองก็ไม่เกี่ยง แต่ส่วนใหญ่ในเด็กดีมันขัดสามัญสำนึกเกินไปว่ะ คนเขียนไม่ทำการบ้านนึกจะมั่วก็มั่ว เลิกอ่านเยอะเพราะงี้แหละ
>>254 กูตงิดๆ อยากแย้งนิดหน่อยว่ากูเองก็ไม่ได้สันทัดขนบจีนเท่าไร ที่กูพูดมานี้คือกูเอาหลักการการปกครอง การทำสงคราม การดำรงเมืองหลวงตามนิยายทั่วไปมาพูดเฉยๆ ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะมองผ่านเจ้าหญิงต่างเมือง ไม่ผูกสัมพันธ์ไม่อะไรเลยแล้วมาแต่งงานกันเองในเมือง ยิ่งให้แต่งงานกับเจ้าชายที่มีสิทธิเป็นฮ่องเต้ด้วย หรือเปล่า? หรือฮ่องเต้ยื่นให้แต่งกับเจ้าชายองค์เล็ก แม่ทัพก็เลยปฏิเสธเพราะมันไม่มีฐานะเพียงพอ? (ก็อยู่กับแม่ทัพแล้วว่าอยากให้ลูกมีความสุขหรืออยากเอาอำนาจ) อันที่จริงมีอีกมากแต่กูขอไม่พูดแล้วกัน เดี๋ยวจะยาว
แต่กูไม่ได้ขัดว่ามันจะแต่งนิยายสบายหัวหน่อยไม่มีเรื่องพวกนี้ กูเข้าใจว่ามันอยากแต่งเรื่องสบายๆ สนุกๆ ไม่ควรใส่พวกนี้ กูแค่เห็นยกมาพูดเรื่องนี้แล้ว เห็นอยู่ในบรรยากาศกูเลยหยิบมาพูดหน่อย แต่จะลดหรือเพิ่มอะไรบ้างกูยกให้คนแต่งเขาจัดการเองตามอารมณ์เรื่อง
>>252 >>256 เรื่องปรกตินะ องค์ชายนะจะแต่งกับใครก็ได้ ขอแค่ชาติตระกูลไม่ด่างพร้อยก็พอ แต่จะ "แต่งตั้ง" ใครนี่เป็นอีกเรื่อง ถ้าองค์หญิงจากเมืองอื่นแต่งเข้ามา อย่างมากก็เป็นชายาใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าแต่งแล้วจะต้องห้ามแต่งใครอีก และองค์ชายที่แต่งกับคนต่างเผ่าต้องไม่ใช่รัชทายาท เพื่อกันอิทธิพลจากฝ่ายเมียไม่ให้เข้ามายุ่มย่ามในวัง อย่างมากก็แต่งกับองค์ชายทั่วๆ ไปนั่นละ
ส่วนเรื่องปฏิเสธก็ไม่แปลก จะตอบรับก็ไม่แปลก ของแบบนี้แล้วแต่คน ในประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่าง ไม่ใช่ไม่มี
เรื่องแต่งงานกับคนต่างเผ่า มีฮ่องเต้ไม่กี่คนหรอกที่มีมเหสีจากต่างเผ่า ถ้าเป็นนางบำเรอชั่วครั้งชั่วคราวละก็ได้ องค์ชายก็เหมือนกัน ตามประวัติศาสตร์ ไม่ค่อยมีการแต่งงานแบบนี้หรอกนะ ส่วนใหญ่จะส่งองค์หญิงออกไปมากกว่ารับองค์หญิงเข้ามา
ถ้าองค์หญิงต่างเผ่าแต่งเข้ามาเชื่อมสัมพันธ์จริง มักส่งหาฮ่องเต้มากกว่า เข้าวังก็ได้แต่งตั้ง แต่ไม่ได้รับความโปรดปราน คนต่างเผ่าที่ได้รับความโปรดปรานนะมีน้อย อย่างที่บอกว่าเพื่อกันอิทธิพลจากฝ่ายเมีย
กรณีฮ่องเต้ต่อให้แต่งตั้งเป็นสนมลำดับรองก็ไม่ถือว่าต่ำ แต่ถ้าเป็นองค์ชายทั่วไปแต่งแบบนี้ต้องเป็นชายาใหญ่ กรณีรัชทายาท ชายาองค์นี้คือคืออนาคตฮองเฮา เขาถึงไม่ให้รัชทายาทแต่งกับคนต่างเผ่าแบบนี้ ส่วนจะองค์เล็กใหญ่ก็แล้วแต่ตกลง
ตอน 4
เรื่องย่อ : สิบปีผ่านไป ดุรณีสองพี่น้องก็อายุสิบขวบ ชีวิตก็ยังชิว ๆ ในเรื่องก็บรรยายว่าพี่สาวนางเอกเก่งเรื่องบู๊ ชอบฝึกวิชาอาวุธกับพ่อ ส่วนนางเอกเป็นอัจฉริยะ เก่งทุกอย่าง ทั้งบู๊และบุ๋น แต่เสือกขี้เกียจ ชอบนอนอู้สโลว์ไลฟ์ไปวัน ๆ วันหนึ่งพี่สาวก็มาชวนไปฝึกดาบกัน แต่นางเอกขี้เกียจ พี่สาวก็นึกเสียดายและอิจฉาเล็ก ๆ ที่น้องสาวเก่งกว่าตนทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องบู๊ แต่ก็ยังรักและอยากปกป้องน้องสาวอยู่ดี อีกสักครู่พ่อก็มาชวนไปฝึกดาบด้วย นางเอกก็อ้างว่าไม่สบายจะได้อู้ต่อ สุดท้ายทั้งพี่สาวและพ่อก็ยอมแพ้ ปล่อยให้นางเอกนอน ส่วนนางเอกพอนอนก็ฝันถึงเทพบุตรที่หล่อเหลาราวกับเซียน บอกว่าสักวันจะได้เจอกัน รอโชคชะตา บลา ๆ เป็นอันจบตอน
ความเห็น
- แม่รี่ ซู ชิบหาย... แถมเป็นแบบ tell, not show อีกต่างหาก คือแทนที่จะใช้เหตุการณ์แสดงความเมพของนางเอก แต่สิ่งที่ทำคือเพียงแค่เล่าเฉย ๆ
- 10 ปีแล้วยังไม่ปั๊มลูกเพิ่มอีกเหรอวะ ดูจากพ่อที่ค่อนข้างหื่นเมื่อตอนที่แล้ว น่าจะปั๊มลูกเพิ่มอีกสองถึงสามคนนะ อย่างน้อยก็จนกว่าจะได้ลูกชายอ่ะ
- อ่านไปอ่านมากูชักสิ้นหวังกับตลาดคนอ่านเด็กดีแล้วว่ะ กูไม่โทษคนเขียนนะ แต่การที่นิยายคุณภาพขนาดนี้มีคนอ่าน/คนเฟบขนาดนี้ ขณะที่นิยายบางเรื่องที่คุณภาพดีกว่าเยอะกลับไม่มีคนเหลียวแล บางทีก็เศร้านะ
- Point of View ในตอนนี้เริ่มดีขึ้น ไม่ใช้ปนกันมั่ว ๆ เหมือนบทก่อนหน้านี้ล่ะ
- พ่อเรียกนางเอกว่าอ้ายเอ๋อร์ ๆ กูนึกว่าด่านางเอกว่าไอ้เอ๋อซะอีก
ตอน 5
เรื่องย่อ: สุดท้ายนางเอกก็โดนพ่อและพี่สาวลากไปฝึกจนเหนื่อย พอพักได้ไม่เท่าไหร่ พี่เลี้ยงก็ชวนให้นางเอกออกไปเปิดหูเปิดตานอกบ้านบ้าง สุดท้ายนางเอกก็ยอมออกไป แต่พ่อและพี่สาว พร้อมด้วยทหารอารักขาเป็นยวงตามมากันไม่ให้มีใครมาเจ๊าะแจ๊ะลูกสาว พี่สาวรำคาญพ่อที่หวงน้องเกิน เลยพาน้องสาวไปช็อปปิ้งในร้านขายเครื่องประดับ ระหว่างดูของก็มีหลงจู้ (คือใครวะ) เอาปิ่นปักผมมาให้สาว ๆ ทั้งสอง ก่อนจะหายตัวไป นางเอกสังเกตว่าปิ่นมันเรืองแสง แต่พี่สาวไม่เห็น น่าจะเป็นปิ่นวิเศษที่จะมีบทในตอนต่อไป ตอนหลังจะเฉลยว่าจริง ๆ แล้วเป็นพญายมนั่นล่ะ พอตอนกำลังกลับบ้านก็มีชายคนหนึ่งจับตาดูนางเอกอยู่ แล้วบ่นพึมพำว่าโตกว่านี้จะรับนางเอกไปอยู่ด้วย จบตอน
ความเห็น
- ภาพประกอบพ่อนางเอกหน้าเกลี้ยงเกลา หล่อเหลา แต่ในบททำไมมีหนวดฟระ
- สำนวนกินเต้าหู้คือเปิดซิงสาวเป่าวะ
- ตอนนี้ไม่มีอะไรมาก มีแต่ใส่ปมเรื่องปิ่นกับโลลิค่อนปริศนาไว้ ซึ่งกูก็ไม่รู้สึกสนใจว่าอยากติดตามต่อสักเท่าไหร่
จบแค่นี้ล่ะ ขี้เกียจสับต่อละ
สรุปในภาพรวม
- แต่งนิยายแนวจีนเสิ่นเจิ้น ถึงไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องทางประวัติศาสตร์มากนัก แต่อย่างน้อยน่าจะดูถึงเรื่องความสมเหตุสมผลบ้างนะ รวมถึงน่าจะศึกษาพวกประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความเชื่อ เพิ่มเติมนะ
- สำนวนยังขึ้น ๆ ลง ๆ บางทีมีใช้ศัพท์สูง ๆ อย่างบริภาษ (แปลว่าไรวะ) แต่บางทีก็ใช้ศัพท์ธรรมดา มุมกล้องเรื่องตอนแรก ๆ ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลัง ๆ เริ่มดีขึ้น
- นางเอกมีความซูสูงมาก คนอ่านเดี๋ยวนี้ชอบแบบนี้เหรอวะ เปิดโลกของกูมากเลยนะเนี่ย
สรุป ถ้าโม่งให้เรื่อง Two World เป็น benchmark คะแนนที่ 3/10 กูให้เรื่องนี้ 2/10 ก็แล้วกัน อย่างน้อยเรื่อง TW มันยังมีดีกว่าเรื่องนี้นะ
ปล. เมื่อไหร่จะมีใครสับเรื่องกูสักทีวะ
ถามหน่อย มีใครจะสับเรื่อง Exceed limit online (https://my.dek-d.com/pondog1234/writer/view.php?id=887392) ไหม เรื่องมันจบไปนานแล้วก็จริง แต่กูอยากระบายว่ะ ถึงจะได้อ่านแค่ 3 เล่มจากทั้งหมด 8 เล่มก็เถอะ...(อ่านครั้งสุดท้ายเมื่อราวๆ 4-5 ปีที่แล้วมั้ง)
คนเขาอยากหาอ่านนิยายดีๆ เขาไม่มาเด็กดีกันหรอก เผลอๆยี้นิยายไทยกันไปแล้ว
>>268 มั่วแล้วมึง... สำนวนเด้าหู คือการพยายามเอาหำเข้าไปในหู เหมือนแจกันคือบาตร ลูซิเฟอร์ชื่อเล่นว่าแสง ซาตานเป็นยศ วิดสวะเป็นอาการ 3/10 ไม่ใช่ฐาน 4/10 ต่างหากคือคะแนนที่ถูก ไอ้สับช่อมันตัดแต้มผิด!
นี่ไปกดนิยายเขาให้ 2/10 อวย TW ด้วย
ลงชื่อ เซฮุน บางคนเกิดมาเดินได้เลยเจ็ดก้าว ดอกบัวรอง พวกมึงไม่เคยไหว้?
吃豆腐 (ชือโต้ฝุ) แปลตรงตัวคือกินเต้าหู้ แต่สแลงหมายถึงแต๊ะอั๋ง,ลวนลาม ที่มาน่าจะเพราะสองผัวเมียเปิดร้านเต้าหู้ กลางคืนผัวทำ ตอนเช้าเมียขาย ทีนี้เมียสวย ผู้ชายเลยมาอุดหนุน มาจีบเยอะ เมียของพวกมาจีบเลยบ่นว่าจะไปกินเต้าหู้กันอีกแล้วใช่ไหม
แต่มันก็มีอีกความหมาย คือไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรก็ได้ประโยชน์ (จากคนอื่น) จะเล่ามันยาว Google เอาละกัน
แต่พี่เขาใช้สำนวนนี้ตรงๆ เลยเหรอ แบบนี้ควรดอกจันไว้ หรือใช้ลวนลามไปเลยดีกว่านะ เพราะนิยายคนไทยอ่าน บางคนเขาก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร
>>270 หนอยไอ้เซฮุน มึงอย่ามาน้ำขุนๆ ชิชะ เอ๊ะ! อ๊ะ!
มึงมีหลักฐานทางวิชาการอะไรมายืนยันไหม? นี่ถ้ากูเป็นอาจารย์ตรงจวิทยานิพนธ์มึงเดี๋ยวกูดึงปลั๊กนะเนี่ย
อย่างน้อยหารูปร้านเต้าหู้ที่ฮ่องเต้ได้ไปประพาสไว้ หรือจดหมายวังบันทึกว่าไปเสวย หรือรากศัพท์ในอดีตที่ยืนยันว่าเต้าหู้ ไม่ใช่แค่พุดดิ้งถั่ว
กรี๊ดๆ หัวร้อนๆ
ลงชื่อ เซฮุน เมื่อคืนเมาพอสมควร
มีใครจะสับเรื่องอะไรอีกบ้างวะ
https://www.facebook.com/kanninichchannels/videos/691009824433359/
the best ค่ะ ดูไว้สะพวกโม่ง
อย่าลืมจดเลขบัญชี
โอนช่วงนี้ 699
ถ้าช้า 999 นะ
คุณเอาชีวิตใหม่ไปได้เลยนะ
0.0
ชีวิตกู กูคิดเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาจูงจมูกว่ะ 555555
บอกไว้จะสับตั้งแต่กระทู้ที่แล้ว มาช้าไปนิด 555
----------------
เรื่อง : G.O.S LAND แดนมฤตยู
หมวด : แฟนตาซี
แนว : แฟนตาซี โรงเรียนเวท ประมาณนี้
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/oongga/story/view.php?id=1048031
ตอน : 32 ตอน อัพเดตล่าสุด 11 เม.ย 59 จบแล้ว
บทที่1
เริ่มด้วยช่วยร้อยปีก่อนเริ่มศักราช โลกในตอนนี้เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บทำให้ผู้คนล้มตาย จนมีผู้ที่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นมา เหลือผู้รอดชีวิต 118 คน พวกนั้นครึ่งหนึ่งเริ่มท้อแท้ จนมีวันหนึ่งเกิดดาวตก พวกที่เหลือรอดจึงเดินทางไปดู พบเป็นโดมขนาดใหญ่คล้ายฟองอากาศ เมื่อเดินทะลุเข้าไปบาดแผลหรือโรคใดๆล้วนหายไป เป็นจุดกำเนิดของGOSLAND
ตัดมาที่ศักราช 2122 หอคอยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางจักรวรรดิถูกเรียกว่าปราการองครักษ์ เป็นที่ฝึกฝนองครักษ์รุ่นเยาว์เพื่อส่งมอบให้พวกนายต่างๆ ซึ่งที่ดังกล่าวสมัครไม่ได้ ฝากไม่ได้ ผู้ที่เข้ามาจะต้องถูกนายใหญ่เพียงผู้เดียวเลือกมาเท่านั้น
ตัดมาที่แม่ครัวคนหนึ่งที่เมาหลับ หล่อนเดินออกไปดูตามเสียงอย่างหงุดหงิด เมื่อเปิดประตูจึงพบว่าเป็นเด็กทารกในตะกร้า ตัวเด็กที่หัวเราะคิกคัก ยื่นไม้ยื่นมือหาหิมะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แม่ครัวจึงได้ลากตะกร้าเข้ามาแล้วโอบเด็กร้องไห้
ในตะกร้ามีกระดาษเขียนชื่อของเด็กไว้ แต่แม่ครัวไม่สนใจจึงขยำทิ้งแล้วตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่า ซาแมนทา นอทดอร์
บทที่2
แม่ครัวคนเดิมเข็นรถเข็นซื้อของออกมาจากย่านตลาดเช้าแล้วเข้าไปที่สถานเริงรมย์เพื่อซื้อน้ำนมจากนางโลมผู้หนึ่ง นางบอกว่าน้ำนมนางจะหมดแล้ว แต่เด็กน้อยนั่นยังต้องการอีกประมาณเดือนหนึ่ง นางโลมนั่นจึงแนะนำถึงใครบางคนทำให้หล่อนโกรธจนคว้าคอนางลอยเหนือพื้น
ระหว่างทางแม่ครัวต้องเข้าด่านข้ามโซนสองครั้ง แล้วบรรยายถึงว่าภายในโดยโดนตัดแบ่งเป็นแปดส่วนเหมือนขนมเค้ก มีพื้นที่ตรงกลางเป็นจุดศูนย์กลางคือหอคอยสูง ระหว่างทางเดินกลับปราการ แม่ครัวก็บ่นไปตามเรื่องตามราว มีบรรยายอธิบายโน่นนี่ให้พอเข้าใจเมือง
พอกลับมาถึงก็มีคนมาแจ้งมอลลี่(แม่ครัวคนเดิม) ว่าซาแมนทาหรือแซมโดนนายใหญ่พบและพาตัวไปแล้ว เธอเลยขึ้นไปหานายใหญ่ที่ห้อง สรุปว่านายใหญ่คือเพื่อนร่วมรบของมอลลี่ ทั้งคู่พูดคุยกันไป ก่อนที่ผลสรุปจะได้ออกมาว่าแซมต้องไปเป็นองครักษ์
ต่อ
บทที่3
ในตอนนี้การบรรยายเปลี่ยนเป็นบุคคลที่หนึ่ง มุมมองผ่านซาแมนทา ซาแมนทาไม่ชอบใช้ความรุนแรง ไม่ชอบที่ต้องฝึก เล่าย้อนว่าในวันหนึ่งที่ต้องสอบข้อเขียนตัวเองทำไม่ได้เลย เลยกะมาเอาดีด้านสอบดาบแทน แรกก็ร่ายไปว่าน้องแซมเนี่ยไม่เก่งไรสักอย่างเดียว จนวันนึงนายใหญ่เรียกตัวไปพบ น้องนางโดนปลดแล้วให้ไปอยู่หน่อยเย็บผ้าแทน
สองปีผ่านไป มีคนมาเคาะประตู เป็นผู้หญิงชื่อโรสเพื่อนสนิทน้องนาง เห็นอีกฝ่ายอาการไม่ดีนักจึงพาเข้ามา เอาจริงๆนะ ตอนอ่านช่วงแรกๆนึกว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ ที่ไหนได้ น้องโรสเมนส์มา...
วันนี้เป็นวันสำคัญมากสำหรับพวกองครักษ์ หล่อนเลยวิ่งแจ้นมาให้น้องแซมช่วยเหลือ นางเลยจัดการปลอมตัวเป็นโรส เพราะหนูแซมเราได้คะแนนดีในวิชานี้
วันต่อมา แม่ของแซม(แม่ครัวสายโหดคนนั้นแหละ)ก็บุกมาลากนางไปที่ลานแห่งหนึ่ง ก่อนจะลากนายใหญ่ออกไปคุยพร้อมกับแซม ท่านแม่ไม่ยอมให้นายใหญ่พาแซมไปเป็นองครักษ์ เกิดการทุ่มถียงกันเล็กน้อย ก่อนที่แซมจะเริ่มร้องไห้และขอร้อง พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้แก่นายใหญ่ฟัง(แซมอายุ 12)
ย่อๆคือเมื่อคืนมีคนรู้ว่าแซมไม่ใช่โรสเลยลากไปคุย เพื่อนคนนึงบอกว่าโชว์ที่โรสต้องแสดงคือต่อสู้ น้องนางกลัวเพื่อนเลยช่วยด้วยการสลับกันปลอมตัว แซมรู้สึกละอายใจมาก รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ที่ทะเลสาบ สักพักมีเสียงเด็กผู้หญิงตะโกนไล่ลงมาจากต้นไม้ แซมกำลังจะเดินไปแต่ก็ถูกเสียงดังตุบเรียกความสนใจ เด็กที่ลงมาอายุพอๆกับแซม ทั้งยังสวยมากๆ กระโปรงของนางขาด แซมเลยเดินไปช่วยซ่อมให้
กลับมาที่ปัจจุบัน นายใหญ่ขอร้องให้เธอไปเป็นองครักษ์ให้เด็กคนเมื่อคืน ก่อนที่ฉากจะตัดไปตอนที่ซาแมนทากำลังแต่งตัวไปโรงเรียน เสียงเรียกของนายดังให้เธอรีบเพราะกำลังจะไปโรงเรียนสาย
สรุป
ภาษาดี รู้สึกว่าจะไม่มีคำผิดนะ เนื้อเรื่อง...อันนี้อ่านแค่สามตอนเลยพูดไม่ถูก ใช้เวลาสามตอนในการปูทางซึ่งเราว่ามันกำลังดีเลย สามตอนที่ผ่านมาอาจไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย แต่ด้วยภาษากลับทำให้มันดูมีอะไรๆและน่าติดตามได้ สรุปคือเราชอบนะ ชอบภาษา ชอบท่านแม่ 555+
ไม่ไล่สับในลิสต์ต่อแล้วหรอ
นิยายเบียวปกติยังพอว่า อันนี้สินิยายเบียวโอตาคุ https://www.dek-d.com/board/view/3787008/
ชิ~ ช่วงนี้ไม่มีอะไรมันๆ เลยแฮะ
แนวแฟนตาซีช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจ ใครก็ได้แว่บไปหมวด อดีต ปัจจุบันฯ แล้วหยิบมาสับกันซักเรื่องสิ!
สับในลิสต์ต่อเถอะ เผื่อจะโดนของเก๊าบ้าง
ที่กูสับไปสองสามเรื่องก็มาจากลิสต์รอสับน่ะนะ ปต่เห็นด้วยว่าน่าจะเน้นพวกที่ลิสต์ก่อนดีกว่า
https://writer.dek-d.com/kittikan111/story/view.php?id=1512736
มีคนสับไปยังเรื่องนี้
https://writer.dek-d.com/nimamoko/story/view.php?id=1374220
ถ้าเรื่องนี้ยังำม่ทีใครสับรึจอง เราขอนะ เดี๋ยวจะมาสับ
ปล.รู้สึกตัวเองสับไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ คนอื่นเขาสับดี อ่านสนุก ของเราบั่บ...ง่วงกว่าอ่านหนังสือเรียนอีก 555
>>306 เคยสับเรื่องไหนมาก่อนล่ะ จะได้ลองไปดูผลงานย้อนหลัง
จริง ๆ ก็สับไปเหอะ มันก็เหมือนกับเขียนนิยายนั่นล่ะ มีสับที่ดีและสับที่ต้องปรับปรุง ฝึก ๆ ไปเดี๋ยวก็สับสนุกเอง
แบบที่กูชอบคือไม่ใช่แค่เอาเรื่องแต่ละตอนมาสรุปอย่างเดียว แต่มีการแสดงความเห็น วิเคราะห์โครงเรื่อง ชี้จุดดี จุดด้อย และข้อปรับปรุงด้วย
แต่จริง ๆ แล้วถ้ามีคนสับกูก็อ่านหมดล่ะ อ้อ...สรุปจะใช้เรื่อง Two Worlds เป็นเกณฑ์มาตรฐานวัดคะแนนใช่เป่าวะ
ปกติพวกมึงตอบคอมเมนต์แฟนคลับปะ กูเป็นคนไม่ค่อยตอบเมนต์ว่ะ คือไม่รู้จะตอบอะไรดี
ปล. เดี๋ยวดึกๆ กูมาสับเรื่องแก๊งมาเฟียสุดโฉดในต่างโลก หาไรกินก่อน
ตอบไม่ไหวหรอก วันๆนึงมีเข้ามาเป็นร้อยๆ เม้น จะเลือกตอบบางเม้นเดี๋ยวก็น้อยใจกันอีก
ไปละนะ กินยาแพพ
กูอยากตอบแต่ไม่มีใครเม้น
หวัดดี เซฮุน มาจองสับ ที่ไม่ใช่ไพ่นกกระจอก...
https://writer.dek-d.com/bluesea25/story/view.php?id=880244 (Supreme ที่หนึ่งหมวดวิทย์)
https://writer.dek-d.com/topduck/writer/view.php?id=785523 (สาวใช้พันธุ์ดุ Maid-at-Arms ... ชื่อเรื่องเพราะดี)
https://writer.dek-d.com/linklight/story/view.php?id=1559849 (จอมราชันย์หลงยุค... ข้าขอคำชี้แนะ เตรียมรับมือ)
https://writer.dek-d.com/BlackMonSterX/writer/view.php?id=1602272 (Evolve ฟองเบียร์)
ลงชื่อ เซว๊อต? เซฮุน!
มีเรื่องจะถามหน่อย
คือต้องมีอะไรในเนื้อเรื่องถึงจะอยู่ในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคตได้?
แบบต้องมีอะไรนอกจากการตายแล้วดันไปเกิดเป็นใครสักคนในอดีตบ้างถึงจะสามารถนับได้ว่าเข้าข่ายหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคตน่ะ
พอดีมีพล็อตอยากเขียนอยู่เรื่องหนึ่งแล้วไม่รู้ว่าเรื่องทำนองนี้จะเข้าข่ายหมวดนั้นหรือเปล่า
>>307
Corsair's King ปริศนาโจรสลัดสะท้านโลก >>>/webnovel/3388/759/
REN VENTEL >>>/webnovel/3594/134
Fusei no Seikai >>>/webnovel/3388/851-854/
สาวน้อยเวทมนตร์ ผู้ไร้บ้าน >>>/webnovel/3388/947-948
G.O.S LAND แดนมฤตยู /webnovel/4265/285-286/
ช่วยด้วย! ผมเกิดใหม่เป็น (ว่าที่) ตัวหายนะ /webnovel/4106/363-364/
ตามนี้เลยเพื่อนโม่ง
https://writer.dek-d.com/kittikan111/story/view.php?id=1512736
สับนิยายเรื่อง แก๊งมาเฟียสุดโฉดในต่างโลก
ผู้แต่ง Red Foxy
เปิดเรื่องมาด้วยฉากสุดสำเร็จรูป พระเอกตายเพราะโดนรถชนแต่ดวงไม่ถึงคาด พระเจ้าเลยรับผิดชอบ ซึ่งพระเอกเนี่ยไม่มีปฏิกิริยาหวาดกลัว ตกใจหรือลนลานอะไรเลย แถมยังดักคอพระเจ้าว่า ผมตายแล้วสินะ เหมือนนิยายที่อ่านมาเลย (ส่วนนี้กูมองว่ามันไม่เมคเซนส์ ถึงจะอ่านหรือชอบนิยายยังไง มันควรจะมีปฏิกิริยาอาลัยอาวรณ์บ้าง พ่อแม่ คนรู้จัก นี่ไม่มีเลย มึงควรจะพรรณาคร่ำครวญสักหน่อยเหอะ) จากนั้นพระเจ้าก็รับผิดชอบโดยให้ไปเกิดใหม่ต่างโลกให้พรสามข้อ พระเอกก็ขอให้ตัวเองรู้ภาษาต่างๆ ในโลกนั้น ขอให้ใช้เวทได้ทุกธาตุ ขอให้เสกอะไรก็ได้ที่ไม่เกินปี ค.ศ. 1946 (คุณสัมผัสถึงความแกรี่กับความเบียวเหมือนผมไหมซาร่า) แน่นอนพระเจ้าลังเล แต่ก็ตอบตกลง (ลาก่อยความสมดุล)
ตอนที่ 2 พระเอกโผล่มาต่างโลก (โผล่มาจริงๆ ไม่ได้เกิดใหม่ แล้วจะบอกว่าส่งมาเกิดใหม่ต่างโลกเพื่อ!) จากนั้นนางก็เสกชุดเป็นชุดทหารเยอรมัน แล้วสังเกตเห็นรอยเท้า ไปเยอก๊อบลินกำลังกินศพ พระเอกเลยเสกปืนยิงก๊อบลิน (ไม่มีรีเอคชั่นใดๆ ไม่มีความกลัวหรือตกใจ เจอมอน ยิง มอนตาย รูทของจากศพ สุดยอดพระเอกกู!) จากนั้นก็เดินทางต่อเข้าเมืองซึ่งไม่ทีระบบป้องกันห่าเหวอะไรทั้งสิ้น แถมพระเอกใส่ชุดทหารยังไม่มีความเด่นสะดุดตา (คนเขียนบอกว่าเด่น แต่ไม่เห็นบรรยายความตกใจหรือความอยากรู้อยากเห็นของชาวบ้าน) ... มีต่อ
ตอนที่ 3 พระเอกของเราไปกิลด์นักผจญภัย ลงทะเบียนเป็นสมาชิก ขายของที่ได้จากการฆ่าก๊อบลิน เอลฟ์สาวซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับก็ตกใจว่าทำไมนักผจญภัยมือใหม่สามารถฆ่าก๊อบลินได้ ก๊อบลินเจ้าเล่ห์และอยู่กันเป็นฝูงนะ พระเอกก็โกหกว่าไม่ได้ฆ่าแต่ไปเจอศพ แล้วเอลฟ์สาวก็เชื่อ จากนั้นคุยกันบลาๆ พระเอกชมส่าเอลฟ์สาวน่ารักดี เอลฟ์ก็น่าแดง แล้วทีนี้นางก็เปลี่ยนท่าที กระดี้กระด้า ร่าเริง (โอ้โห! เป็นถึง พนง ต้อนรับปฏิกิริยายังกะไม่เคยโดนคำชมมาก่อน) จากนั้นพระเอกก็รับภารกิจ เช่าห้องโรงแรม แล้วออกล่าม่อน ทีนี้พระเจ้าก็บอกว่าเงื่อนไขเสกของนะ อาวุธเสกได้แค่ 1946 แต่อย่างอื่นเสกได้จนถึงยุคปัจจุบัน ยกเว้นพวกอาวุธทำลายล้างเสกไม่ได้ (เหมือนจะพยายามสร้างรวามสมดุล แต่ไม่...) พระเอกเลยเสกโทรศัพท์มือถือพร้อมอินเตอร์เนต คนข้อมูลบลาๆ แล้วบ่าม่อน เสกอาวุธมาสู้ จนในที่สุดก็เสกรถถังออกมา... ลาก่อยสมอง กูอ่านถึงเสกรถถังแล้วกดปิดทันที
สรุป...อ่านมาสามตอนยังไม่เห็นพระเอกจะมีบุคลิกเป็นมาเฟียสุดโฉดได้เลย กูว่าวอนนาบีมาเฟียมากกว่า และถ้าจะให้ช่วยแนะนำคงต้องแก้ตั้งแต่พลอตเรื่องแล้วละ ไม่มีความสมเหตุสมผลหรือความสมดุลห่าเหวอะไคเลย แต่การบรรยายใช้ได้ ให้ความรู้สึกเหมือน LN ดี คำผิดไม่ค่อยมี
คะแนน : ในเมื่อมันก๊อปสูตรสำเร็จ LN ยุ่นมา กูก็ขอก๊อปคะแนนสูตรสำเร็จไอ้เซฮุน 3/10 จ้าาา
พูดเรื่องพลังที่ไม่สมดุลแล้ว กูกำลังตัดสินใจเลือกพลังโกงๆให้พระเอกของกู แต่พอเห็นโม่งพูดเรื่องสมดุลกูเลยนึกขึ้นได้ พวกมึงคิดว่า 2 อย่างนี้ อันไหนมันสมดุลกว่ากัน ระหว่าง
1."พลังที่ควบคุมได้ทุกอย่างที่อยู่ในสายตาทั้งวัตถุและสสารแต่ถ้าอยู่นอกสายตาหรือมุมอับจะควบคุมไม่ได้หรือถ้าควบคุมแล้วออกไปนอกสายตาก็จะเสียการควบคุมทันที "
กับ
2."ดาบศักดิ์สิทธิ์ที่ตัดได้ทุกสิ่งอย่างแต่มีอารมณ์กับความรู้สึกของตนเองหากวันไหนอารมณ์ไม่ดี ดาบจะหนักจนยกไม่ถึง วันไหนอารมณ์ดีก็เบาจนหลุดมือได้ง่ายๆ และเมื่อผู้ใช้ตาย ผู้ใช้ก็จะกลับมาเกิดที่หน้าดาบเหมือนเกม Dark soul ที่เกิดหน้ากองไฟจนกว่าดาบจะเปลี่ยนผู้ใช้ใหม่ "
เป็นโลกที่ตายแล้วตายเลยเหมือนในชีวิตจริง ไม่มีระบบเลเวลหรือค่าสเตตัส และนอกจากพระเอกก็ยังมีอีก 6 คนที่มีพลังโกงในระดับที่ใกล้เคียงกัน
>>327 ไม่รู้กูจะตอบเข้าเค้าแบบที่เพื่อนโม่งต้องการรึเปล่านะ
กูจะบอกว่า ไอ้พลังที่1. สมดุลกว่า แต่! เอาตรง ๆ เลยนะ กูว่าไม่เห็นจะโกงตรงไหน แล้วก็ดูไม่ค่อยน่าสนใจด้วยมันธรรมดาไปว่ะ
ส่วนไอ้พลังที่2. กูว่าดาบมันก็ตัดได้เกือบทุกอย่างอยู่แล้วป่าวว่ะ อันนี้เพื่อนโม่งลงรายละเอียดน้อยไปนะว่ามันตัดพลังเวทย์ได้ด้วยป่าว ตัดวิญญาณได้ด้วยป่าวไรงี้ กูตัดสินใจไม่ถูก แต่ถ้าตัดได้แค่สิ่งของทั่วไปกูก็ว่ามันธรรมดาไปว่ะ ไม่น่าสนใจเหมือนกัน แล้วไอ้น้ำหนักกับอารมณ์ความรู้สึกนี่คือเพิ่มเข้ามาเพื่อถ่วงดุลใช่ป่ะ แบบไม่ให้มันใช้ง่ายเกินไป กูว่าคุณสมบัตินี้ถ้านิยายเพื่อนโม่งมีความคอมเมอดี้มันก็จะสร้างความฮาได้ดี แต่ถ้านิยายเพื่อนโม่ง อ่ะ พูดถึงแค่เจ้าของดาบก็ได้ สมมติไอ้เจ้อของดาบมันเป็นเงียบขรึม ควบคุมตัวเองได้ บุคคลิกออกแนวเย็นชาโหล ๆ อ่ะ ไอ้คุณสมบัตินี้มันก็จะแลดูไม่เป็นอุปสรรคอะไรอยู่ดีอ่ะ ใช้ถ่วงดุลไม่ค่อยได้
ถ้างงคำตอบ กูก็ต้องขอโทษด้วย กูไปแต่งนิยายต่อดีกว่า อ่อ ไม่ต้องอยากสับนิยายกูนะ กูไม่ได้แต่งแฟนตาซี แล้วกูก็ไม่กล้าเปิดโม่งด้วย 555
>>327 กูว่ามันแปลกๆ แต่ก่อนอื่นต้องถามว่า ทำไมมันถึงต้องมีพลังแบบนั้น ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับธีมของเรื่อง ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่องและจุดมุ่งหมายด้วย ไม่มีคำว่าโกงเกินไปถ้าทุกอย่างมีเหตุผลรองรับ
แต่ไอ้ควบคุมในระยะสายตาเนี่ย ระยะสายตามันคือเท่าไหร่วะ แปลว่ากูสามารถระเบิดดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือลากมันมาดูดโลกได้รึเปล่า เพราะว่าของพวกนั้นก็อยู่ในระยะสายตากูเหมือนกัน
>>327 ไม่ว่าอันไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ ถ้ามีคนที่เก่งกว่าหรือถ่วงดุลย์พระเอกหลายๆ คน อย่างสมมติมีคนหนึ่งทำลายเมืองได้สบายๆ ก็ต้องตั้งเงื่อนไขหรือปัจจัยต่างๆ ทำให้ตัวเอกไม่สามารถทำลายเมืองได้ อาจจะเหตุผลทางการเมือง คุณธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่อย่างนั้นนิยายจะเบียวไปทันที
>>331 ใช่ ควบคุมได้ทุกอย่างที่มองเห็น ต่อให้เป็นดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ ขอแค่มองเห็นก็พอ ยิ่งเห็นชัดยิ่งคุมได้ง่ายและหลากหลาย และคุมยากขึ้นเรื่อยๆถ้ามองเห็นไม่ชัด และคุมไม่ได้เลยถ้ามองไม่เห็น และสำหรับกูนะ คงระเบิดดวงอาทิตย์ไม่ได้ เพราะกูไม่คิดว่ามึงจะมองขึ้นฟ้าและมองเห็นพื้นผิวของดวงอาทิตย์แบบชัดเจนนะ
ถามว่าทำไมต้องมีพลังแบบนั้น กูคิดได้แบบนี้
พลังแรก พระเอกออกไปรบกับทัพจอมมารในฐานะทหารเกฑณ์ ---> พระเอกใกล้ตายในเวลาเดียวกับที่เทพธิดาถูกเทพปีศาจฆ่าพอดี ---> สะเก็ตพลังจากเทพธิดาที่ตายไปแล้วได้หล่นมายังโลกแล้วโดนพระเอกกับอีก 6 คนพอดี
พลังที่ 2 พระเอกออกไปรบกับทัพจอมมารในฐานะทหารเกฑณ์กับผู้กล้า ---> ผู้กล้าเห็นท่าไม่ดีเลยหนีเอาตัวรอดและทิ้งดาบไว้ ---> พระเอกกำลังจะหนีทัพแต่โดนปีศาจเล่นงานก่อน ---> พระเอกเห็นดาบและผู้กล้าที่หนีไปเลยสมเพศและดูหมิ่นดาบกับผู้กล้า ---> ดาบไม่พอใจและบังคับให้พระเอกเป็นผู้ใช้ เพื่อให้พระเอกได้สู้ ตาย และเกิดใหม่ วนเวียนแบบนี้จนกว่าพระเอกจะแก่ตายไปเอง
เรื่องพลังโกงกูก็คิดไว้นะว่าจะมีแต่ไม่ให้มีผลกับเนื้อเรื่องยังไง
อย่างพระเอกกูมีพลังที่ค่อนข้างโกง แต่พระเอกสู้กากมาก ถ้าใช้พลังนี้สู้ก็สู้จะเก่งเทพมากๆ เก่งที่สุดในเรื่องก็ได้
แต่พระเอกเป็นพวกท่ามาก เรื่องมาก จะเช็ดมือยังต้องให้คนใช้เช็ด ไม่ยอมลดตัวมาสู้ มีคนสู้แทนพระเอกตลอด
กูแต่งไป 50+ ตอน พระเอก (17) เคยสู้ 2 ครั้ง ครั้งนึงสู้กับแพะ แพ้ อีกครั้งสู้กับเด็กสาว (12) เจ้าของแพะ ก็แพ้อีก
กูว่าเขียนพลังโกงๆ ยังไงให้ไม่โกงมันสนุกกว่าหาคนมาคานอำนาจนะ มันเป็นซูที่ไม่ซูดี
>>336 ทำไมกูฟังเรื่องของมันแล้วรู้สึกว่าตัวเอกแม่งน่ารำคาญวะ แม่งดูเยอะชิบหาย แค่อ่านนิดเดียวกูก็เบะปากแล้ว กูว่าถ้าโกงก็โกงไปเลยยังโอเคกว่าว่ะ ไม่ใช่ยึกยักกั๊กๆด้วยเหตุผลง่าวๆ เอาจริงๆถ้ามึงแต่งแนวอย่างนี้มึงต้องฝีมือถึงในระดับเลยนะ เพราถ้าไม่ถึงตัวเอกแม่งจะกลายเป็นตัวละครที่ดูติ๊งต๊องและน่ารำคาญมากๆๆ
ไหนลองเอานิยายมาแปะดิ้โม่ง กูอยากสับ
ส่วนใหญ่พวกพระเอกเทพซูๆ แบบซุปเปอร์ฮีโร่ สู้ยังไงก็ชนะ มันต้องหาสมดุลด้วยการสร้างตัวร้ายที่ทำให้คนอ่านชอบด้วยว่ะ กุว่านะ
>>338 ก็เยอะไง กูสร้างแม่งให้น่ารำคาญสุดๆ ตั้งแต่แรกละ วางพล็อตไว้เลยว่าไม่ใช่ตัวเอกสายบู๊
ถ้าให้สรุปคาร์แบบ 3 คำก็ ฉลาดแบบขงเบ้ง นิสัยเหมิอนเฮ้าส์ (House MD) ขี้เกียจกว่าโนบิตะ
พระเอกจะว่าติ๊งต๊องก็ติ๊งต๊อง แต่มันจะแบบเจี๊ยะป้าบ่อสื่อ (กินอิ่มนอนหลับแล้วมาหาเรื่องคนอื่น) มากกว่า
ถ้าไม่กวนประสาทคนอื่นเพราะว่างจัด ก็หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บตัวเพราะสบายเกินไป แล้วให้คนอื่นตามเก็บแทนด้วย
แต่พระเอกมีเป้าหมายนะ ภายนอกดูเหมือนจะโค่นล้มจอมมาร แต่จริงๆ อยากเป็นจอมมารเองมากกว่า
เลยใช้พระรอง (ผู้กล้า) กับน้องสาว (นางเอก) ไปปราบจอมมาร แม้แต่จอมมารยังชื่นชมในความเลวทรามของพระเอกเลย
กูเขียนคาร์แบบนี้มาเพราะชอบคาร์แบบเฮ้าส์มาก เก่ง กวนตีน เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ มองโลกในแง่ร้าย มีลูกน้องไว้ใช้งาน
กูรู้ว่ามันเขียนยาก แต่เวลาเขียนแล้วมันสนุกดี เพราะต้องหาทางทำให้มันเป็นเรื่องชวนหัวตลอด เขียนไปขำไปก็เคย
>>339 สมดุลย์ของพระเอกคือนางเอก ความเพี้ยนไม่ต่างจากอีอควอในโคโนะซึบะเลย
ถ้าพระเอกกวนประสาทคนอื่น นางเอกก็จะทำหน้าที่กวนประสาทพระเอก และทำให้พระเอกกระอักเลือดเพราะแผนเข้าตัวประจำ
เอางี้มั้ยล่ะ พลังเทพซูเบียวที่ตัวเอกทุกเรื่องต้องการ จะเป็นพลังแบบไหนก็ได้ แต่คนที่รู้ความจริงของพลัง ต่างออกเสียงเดียวกันว่า "โชคดีที่กูไม่เทพเหมือนมึง" เพราะยิ่งเทพยิ่งจบอนาถมากขึ้น เหมือน... https://www.youtube.com/watch?v=l1URmUxNdqg
Supreme กูไม่ชอบบทนำมันอ่ะ =_=
ลิสต์ที่ต้องสีบสรุปมันเหลือกี่เรื่องวะ กูไม่แน่ใจว่าอันไหนสับไปแล้วหรือมีคนจองบ้าง และบางเรื่องก็ปิดไม่ให้อ่าน ถ้าใครว่างช่วยทำลิสต์ใหม่ที เดี๋ยวเย็นๆ มาสับ ตอนนี้ขอไปทำงานก่อน
https://writer.dek-d.com/nimamoko/story/view.php?id=1374220
มีคนสับยัง ไม่มีกูจอง
>>344 กูอัพเดตให้ตอนขึ้นกระทู้ใหม่ แต่ระหว่างกระทู้มึงต้องลิสต์เอาเองเลื่อนดูชื่อว่าใครสับเรื่องไหนไปแล้ว แล้วใครจองอะไรไปบ้าง แล้วมึงค่อยดูจากอันที่กูทำว่าเรื่องไหนยังว่าง
ตอนกูจัดรายชื่อ กูเช็คแล้วว่าทุกเรื่องยัง Active อยู่ เรื่องไหนปิดหรือลบเรื่องกูเอาออกไปละ
ยกเว้นแต่เจ้าของเรื่องตามกลิ่นมาเจอที่นี่แล้วกลับไปกดปิดเรื่องเองนะ
อืม น่าสนใจนะ เราจะแยกยังไงว่านิยายมันเบียวไม่เบียว มี self-insert พระเอกเทพทรู เนื้อเรื่องไม่มีสาระ พล่ามทฤษฏีหลุดโลก etc. เราควรเอาอะไรเป็น benchmark ว่ามี 6 จาก 10 ข้อแล้วเป็นนิยายเบียว
จริงๆ นิยายเบียวไม่เบียวก็ไม่ทำให้เรื่องสนุกน้อยลงนะ อย่างเทพทัต เรื่องแมงเบียวเทพทรูมากๆ ถ้าถามว่าสนุกไหม มันก็มีดีของมัน สนุกบ้างไม่สนุกบ้าง แต่ก็ดังและขายดีเรื่องนึงเลย
นิยายเบียวซูเป็นอะไรกับบิงซู
http://writer.dek-d.com/goldza1999/writer/viewlongc.php?id=1630608&chapter=25
กูจะไม่ยอมอ่านคนเดียว ;-;
ฟิ้ววว ฟู่ววว คำซ้ำเพียบอ่านแล้วมึน
กูรับเสียงบรรยายได้นะ ถ้าเป็นประธานแล้วมีส่วนขยาย หรือกลับกัน แต่มาเดี่ยวๆ แล้วไม่ชอบวะ
นี่เซฮุนเอง อ่าน Supreme เพลินๆไป 9 ตอนละ
มึนพอสมควร
สู้ ๆ ทีมสับทั้งหลาย กูรอพวกเมิงสับกันอยู่นะ
พูดถึงประเด็นเล่นประวัติศาสตร์ มันก็มีนิยายเด็กดีที่พาดพิงกษัตริย์ไทยอยู่นะ จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร จำได้แค่ว่าเคยอ่าน >_<
>>362 แปะลิ้งหน่อยดิ น่าสนใจชิบหาย 55555
เอาจริงๆ กูชอบนิยายที่กล้าที่จะเล่นอะไรแบบนี้นะ มันแตกต่างดี คนเขียนแม่งต้องกล้าจริงๆที่จะเขียนอะไรแบบนี้ออกมาได้ ถือว่าหายาก
กูจำได้ว่าเคยอ่านนิยายเรื่องหนึ่งผ่านตา ซุปตาร์ๆๆอะไรสักอย่าง เป็นแนวย้อนยุคไปไทยในอดีต เมนชั่นถึงกษัตริย์ไทยนิดเดียว(นิดเดียวจริงๆ) แม่งยังโดนดราม่าเลยคุณเอ๊ย
>>364 ซุปตาร์ข้ามภพ เรื่องนี้เราอ่านอยู่ ตามความคิดเราก็สมควรแก้นะ เพราะไม่น่าเขียนถึงขนาดนั้น
ส่วนเรื่องที่เราพูดถึงไปอะคือเรื่องนี้ https://writer.dek-d.com/nicha_112/story/view.php?id=1425033
เพิ่งเห็นว่าเขาปิดตอนอยู่ อ่านที่คห.141 ก็ได้ เพื่อนเราเอง หัวร้อนสุด 55555
คือเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องกล้าเล่นไม่กล้าเล่นอะดิ แต่คนเขียนไม่รู้ข้อมูลห่าเหวอะไรเลย เป็นต้นว่าเดินทางจากอยุธยาไปหงสาได้ภายในวันเดียวอะไรงี้อะ ไม่สมเหตุสมผล ภาษาใช้ไม่ได้ อ่านแล้วมีแต่ขมวดคิ้วมองบน เพราะมีแต่จุดผิดเต็มไปหมด แต่คนอ่านเขาก็ชอบของเขานะ อันนั้นก็แล้วแต่
ส่วนตัวแล้วเรามองว่าถ้าจะเขียนก็ควรต้องหาอ่านให้มากพอ แน่นพอ และแน่ใจพอว่าจะออกมาเป็นไปในทิศทางที่สังคมจะยอมรับได้ ไม่ใช่คิดอยากเขียนก็เขียนออกมาแบบไม่สนหมีสนแดดใด ๆ เลย
ป.ล. คิดถึงโม่งจัง ช่วงนี้ดูสับนิยายกันสนุกเลยอะ ไม่นินทาบอร์ดนักเขียนกันแล้วเหรอ 555555555
เอานิยายมาแปะให้สับได้มั้ย?
เราไม่สนสังคมไหนทั้งนั้น ไม่เคยเลือกฝ่ายหรืออะไรทั้งนั้น แค่นักเขียนคนหนึ่งเท่านั้นฮะ
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1685602
>>378 อ้อ ดราม่าเยอะเกินจนระแวงกันเองไปหมดสินะฮะ 55555
ส่วนตัวไม่ซีเรียสเท่าไหร่ ใครถามไรมา ก็ตอบไปตรงๆ ฮะ ที่มาฝากไว้นี่คือขี้เกียจไปหาร้านวิจารณ์ให้มาอ่านให้ฮะ
เพิ่งลงไปแค่ 6-7 ตอน เลยมาแปะดูเผื่อใครสนใจ
ความจริงเห็นนิยายแนวเดียวกันนี้โดนโจมตีเยอะ
ก็ทำใจไว้แล้วล่ะฮะ ถ้าจะเจอโม่งสักคนเกรียนมา
>>377 ที่ตั้งมู้ดราม่าในบอร์ดน่ะหรอ เป็นอะไรนี่ต้องโพสลงบอร์ดด้วยหรอ ไม่ได้กวนตีนนะแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องโพนทะนา มีธุระจะบอกใครเฉพาะเจาะจงก็หลังไมค์ไปสิ จะให้ดูเป็นกรณีศึกษาแชร์ประสบการณ์ก็ได้แค่อ่านรับฟังน่ะ อยากปรึกษาแนะนำจิตแพทย์ เป็นโรคซึมเซาโดนโม่งวิจารณ์ไม่กลัวกระอักเหรอ
>>380 อันนั้นเข้าใจฮะ มันก็เหมือนพวกที่เป็นไรนิดเป็นไรหน่อย ก็อัพสเตตัสลงเฟส เอาตรงๆ ก็รำคาญเหมือนกัน
ที่ตั้งกระทู้ไปนี่ไม่ได้เจตนาสร้างเรื่องดราม่าฮะ แต่อยากแชร์ประสบการณ์เฉยๆ ในฐานะที่เป็นคนชอบเขียน อาการพวกนั้นส่งผลกระทบยังไงต่องานเรา ตอนนั้นก็คิดไงฮะว่าอาจจะมีคนที่อยู่ในสถานะเดียวกันกับเราก็ได้ ก็เลยตั้งเผื่อให้กำลังใจคนที่อาจจะยืนอยู่ที่เดียวกันกับเรา ตั้งเพื่อระบายความรู้สึกผิดที่อยู่ดีๆ ลบนิยายที่เขียนไว้ นิยายที่มีคนติดตามอ่านคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ
ตอนนั้นคนตามอ่านนิยายเรามี 50 คนฮะ.50 คนนั้นก็ไม่รู้ใครบ้าง ตามไปบอกเขาไม่ถูก -_- ก็เลยโพสซะเห็นกันหมด
แล้วจิตแพทย์น่ะพบอยู่ฮะ ไม่ต้องเป็นห่วง
ไม่กระอักหรอกฮะ จะใส่ไรก็ใส่มา ที่เข้ามาในนี้ไม่ใช่ว่าไม่เตรียมใจมาแล้ว
คนสับไปขี้ละมั้ง
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1685602
ช้าก่อนองค์จักรพรรดิ หัวใจท่านต้องเป็นของข้าไม่ใช่เขา!
บทแนะนำตัวละครจะใส่เพื่อ? ในเรื่องก็อธิบายไปสิ เอาเถอะเดี๋ยวนี้นิยมโชว์อิมเมจพระเอกนี่นะ แต่เดี๋ยวก่อน! ติดใจตั้งแต่หมายเหตุ2ไม่ใส่เครดิตเพราะไม่รู้ที่มารูปภาพ เออง่ายดี กูเกิลค้นหาด้วยภาพได้รู้มั้ย พยายามหน่อยมันหาได้หมดแหละ คิดถึงเจ้าของรูปบ้างมั้ยเอาไปใช้เค้าก็ไม่ได้ว่าหรอกแต่ไม่ช่วยทำมาหากินเลย บางรูปเจ้าของลงชื่อลายน้ำไว้แล้ว ก็พิมพ์ให้หน่อย สมมติคนเอานิยายเธอไปไม่ให้เครดิตพอใจมั้ย ไม่ใช่เด็กๆแล้วต้องรู้สิอะไรคือลิขสิทธิ์
บทนำ แบ่งเป็นสองมุมมอง แยกสองตัวละครเอก
บอกเลยว่าห่วยแตก ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้แต่มือไม่ถึง เขียนแล้วทุลักทุเลฉิบไม่ได้อารมณ์เลย บรรยายมุมมองบุรุษที่1แต่ดันหลุดมุมมองพระเจ้าเป็นช่วงๆ คือมันไม่ใช่ความคิดตัวละคร แต่เป็นคำอธิบายจากคนเขียน ตัวละครเกรียนปราศจากมิติ เกรียนล้วนๆแต่ในความนึกคิดดันมีสุนทรีย์ภาษาสวย สองตัวละครนิสัยแทบจะเหมือนกันแล้วบอกอีกตัวซ่อนอำมหิต ตรงไหน?เกรียนพอกันแค่มีสติกว่านิดนึง ไอ้ที่ใช้แสดงคาเรคเตอร์ได้กลับไม่ขยาย เกรียน1เรียกปืนว่าลูกรัก บรรยายไม่ถึงสองบรรทัดจบ มันรักยังไงวะบอกโม่งหน่อย เหมือนสร้างคาแรคเตอร์ยังไม่เป็นแค่ทำเป็นเท่
บทที่1 เป็นสิ่งที่เรียกว่าบัดซบ อ่านแทบไม่รู้เรื่อง ทิ้งสมองหน่อยก็อ่านได้นะแต่โม่งจำเป็นต้องทิ้งเหรอ
มุมมองมั่วซั่วเดี๋ยวบุรุษที่1เดี๋ยวพระเจ้า ไม่ใช่ว่าสลับไม่ได้แต่นักเขียนที่จะทำได้โดยไม่ติดขัดลื่นไหลต้องมีทักษะ รู้จังหวะว่าตรงไหนเปลี่ยนมุมมองได้ เปลี่ยนเพราะมีเหตุผลเป็นประโยชน์ต่อเรื่อง และที่สำคัญคนอ่านต้องไม่งง ตัวละครยังบ้าบอเพิ่มเติมคือสับสน สองคนในร่างเดียว สำนวนสำเนียงเหมือนกันจนไม่รู้ว่าใครพูด สักพักมีเพิ่มเทพอีกตัว สามตัวพล่ามๆปล่อยมุกตบมุกนึกว่าตลกคาเฟ่แบบไม่ฮา
พอละสองตอนก็ไม่ไหวแล้ว ขอบอกว่าถ้าแต่งอ่านเล่นๆเพลินๆขำๆฟินๆให้ติ่งอวยก็เอาที่สบายใจไม่ว่ากัน แต่เรื่องนี้มันพังหลายอย่าง ทั้งการบรรยายทั้งใช้เทคนิคที่เกินความสามารถ ส่วนเนื้อเรื่องไม่วิจารณ์ ดีหรือเปล่าไม่รู้เพราะอ่านแค่สองตอน ถ้าบอกตอนหลังๆเขียนดีก็ซวยไปโม่งปิดไปตั้งแต่สองตอนแรกห่วย
นอกเรื่อง อ่านคอมเมนต์คนอื่นก็แนะนำดีหลายจุด แต่เรื่องใหญ่ๆกลับไม่พูดว่ะรักษาน้ำใจกันดีจัง โม่งแม่งเถื่อน
บางทีกูก็สงสัยนะว่าทำไมโม่งบางคนถึงไม่ค่อยชอบบทแนะนำตัวละครวะ
กูเข้าใจว่าบางกรณี เช่นพวกแนะนำลำดับความเก่ง ความเมพของไอเทมแม่งก็น่าเบื่อสัส (แถมไม่มีประโยขน์ด้วย) แต่ถ้าในเรื่องมีการแนะนำตัวละครแบบมีจังหวะอยู่แล้ว ส่วนที่แปะอยู่ในส่วนเป็นเหมือนสำหรับการดึงดูดคนอ่าน หรือไม่ก็สำหรับให้คนอ่านพลิกไปดู เผื่อลืมไปว่าตัวละครนี้เป็นใคร กูว่ามันไม่น่าเป็นประเด็นที่จะต้องติขนาดนั้นนะ
>>388 บางทีกูก็สงสัยนะว่าไม่มีปัญญาบรรยายรูปร่างลักษณะตัวละครรึไงวะ
กูเข้าใจว่าอยากแปะรูปสวยๆดึงดูดคนอ่านแต่ใช่ว่ามีประโยชน์หรือจำเป็นกับทุกคน แปะรูปขัดแย้งคาแรคเตอร์งี้ รูปดารานักร้องที่อุปนิสัยตรงข้ามนิยายงี้
สำหรับกู ใครแปะรูปมากูก็ปล่อยผ่านไม่กดดูก็ได้ ไม่เดือดร้อน แต่อยากประณามพวกที่ไม่ให้เครดิตรูป มาในโม่งกูก็บอก นอกโม่งกูไม่ไปไล่ด่าให้เสียเวลา
>>389 ที่กูพูดหมายถึงพวกที่บรรยายรูปร่าง/ หน้าตาตัวละครในเรื่องด้วย (อันนี้ใน คห>>388 กูลืมใส่) ส่วนประโยชน์ว่าจะดึงดูดคนอ่านไหม อันนี้มันแล้วแต่รสนิยม ซึ่งกูเองก็ไม่อ่านเรื่องที่แปะแนะนำตัวละครเป็นดาราเกาหลีเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่จะสับหรือเป็นข้อผิดพลาดที่ควรแก้ไขว่ะ
ส่วนกรณีการแปะรูปไม่ตรงกับตัวละคร/การให้ credit รูปมันเป็นอีกประเด็นนะ
>>391 ไม่ใช่ประเด็นสับ? งั้นวันหลังมึงใส่เป็นกฏด้วยละกัน ห้ามสับเรื่องภาพประกอบ เขาโยนลิงก์ให้กูสับ กูก็ทำตามนั้น กูผิด?
เรื่องเครดิตก็เป็นอีกประเด็น ห้ามพูดด้วยรึป่าว มึงต้องการจะให้กูหุบปากไม่พูดเรื่องรูปให้ได้ใช่มั้ย โอเคเอาที่สบายใจ พูดเรื่องรูปแล้วมันแสลงใจกูผิดเอง
เรื่อง : MERIFA หน่วยพิทักษ์โลกวิญญาณ
หมวด : รักแฟนตาซี
แนว : อ่านเรื่องย่อแล้วไม่แน่ใจว่าเกิดใหม่ หรือแค่เป็นประมาณพวกวิญญาณ 555+
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/nimamoko/story/view.php?id=1374220
ตอน : 22 ตอน อัพเดตล่าสุด 21 ส.ค. 60
บทนำ
เนื้อหาย่อๆ มีเด็กคนหนึ่งวิ่งหนีบางสิ่งมาเรื่อยๆจนสะดุดล้มอยู่ในป่า เขาร้องไห้ ร้องขอให้คนช่วยจนมีใครบางคนพูดตอบรับ เขากอดเด็กคนนั้นไว้ เด็กชายต้องการกลับไปด้วย แต่อีกฝ่ายปฎิเสธ เลยเริ่มงอแง อกว่าต่อให้ฆ่าตัวตายแต่จะตามไปได้ก็จะตาม คนๆนั้นเยพูดขัด ก่อนจะมอบต่างหูที่เคยเป็นของดูต่างหน้าจากคู่หูให้แก่เด็กชาย แล้วสัญญากันว่าสักวันจะกลับมารับอีกฝ่าย แต่เด็กคนนั้นต้องไม่ฆ่าตัวตายไปเสียก่อน
เด็กคนนั้นกลับมาอยู่ที่ที่เขาพยายามหนี แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้กลัว เพราะกำลังใจที่ได้รับจากคนแปลกหน้าในป่าทำให้เด็กคนนี้ต้องการที่จะมีชีวิตต่อไป ในบรรทัดสุดท้าย ปรากฏเป็นชื่อของใครบางคนคือราเชส
ความเห็น
อันนี้สงสัยเอง คือ บรรยายว่าคนแปลกหน้านั้นมีใบหน้าหล่อเหลา แต่ไม่ได้ระบุชัดเจน พอในตอนท้ายเด็กชายกลับให้คำแทนอกฝ่ายว่าเธอ ชื่อในตอนท้าย ราเชส ก็ดู...ผู้ชายนะ สรุปชื่อใคร 555 เลยชักงงๆ หรือว่าคนแปลกหน้าคือสาวหน้าหล่อในคำโปรยหว่า? หรือว่าเด็กชายพูดถึงคนอื่น อะไรยังไง 55
ในบทนี้ การบรรยายดี เราชอบการบียายแบบนี้ แต่มีบางจุดที่รู้สึกไม่ลื่นนัก คำผิดมีเล็กน้อย พอมองข้ามได้ แต่เราจินตนาการโลกไม่ออกเท่าไหร่แฮะ มันอยู่ในยุคปัจจุบันใช่มั้ย? ฮา
บทที่1
เปิดตอนมาที่ชายหนุ่มคนหนึ่งโดนยิงตาย มียมทูตมารับตัวเขา เขาตระหนกตกใจและยังมีห่วงจึงรู้สึกลังเลที่จะไป ทั้งยังกลัวเรื่องบาปกรรมที่ทำไปจากการเป็นนักฆ่า ยมทูตนึกรำคาญจึงบอกว่าเขาจะไม่โดยลงโทษ เพียงแค่ราชาโลกวิญญาณต้องการคุยกับเขาเท่านั้น
พอมาถึงที่นี่เขาก็ถูกพาไปที่ห้องหรูหรา มีน้ำชาและของทานเล่นให้ทาน สักพักก็มีเสียงดังขึ้น ชายคนหนึ่งหน้าตาดีในชุดนอนสีดำก็เดินกอดหมอนข้างออกมาจากควัน บอกสั้นๆว่าเราได้รับสิทธิพิเศษในการไปทำงานร่วมกับหน่วนเมริฟาก่อนที่พี่ท่านจะนอนต่อ
ความเห็น
รู้สึกเหมือนตอนนี้และตอนแรกจะไทม์สคิปมา มั้งนะ 555 บรรยายยังคงดีเหมือนเดิม เราชอบนิสัยตัวละครนะ ที่ไม่ได้มีแค่อารมณ์เดียว เป็นนักฆ่าก็จริง แต่ก็ยังมีอาการความรู้สึกอื่นๆยามเจอสิ่งที่มากระทบจิตใจอย่างความตาย หรือยมทูต มีคำผิดน้อยมาก ตอนนี้รู้สึกเหมือนจะสั้นกว่าตอนแรกนิดนึง
บทที่2
เขาละความพยายามที่จะปลุกราชาโลกวิญญาณแล้วามยมทูตตนหนึ่งไป ระหว่างทางที่กำลังข้ามสะพานเขาได้พบเจอยมทูตเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละคนดูเหน็ดเหนื่อย เมื่อเขาถามออกไป คำตอบที่ได้คือยมทูตนั้นมีจำนวนไม่เพียงพอกับมนุษย์นั่นเอง
เมื่อมาถึงเมริฟา ก็พบว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้น บังเกิดความโกลาหลขึ้นมาทันตาเห็น เสียงบ่นของคนๆหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ เขาจึงหันกลับไปมอง พบชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่ เขารู้สึกว่าคุ้นเคยกับอีกฝ่ายอย่างประหลาดจึงได้ถามออกไป คนๆนั้นตอบปฎิเสธกลับมา เขามองสำรวจคนที่ก้าวไปยืนอยู่ด้านหน้า จึงพบว่าหนุ่มหล่อคนนั้นสวมกระโปรงอยู่
ความเห็น
เห็นในตอนนี้บรรยายว่าตัวละครมาใหม่ผู้นี้มีตาสีน้ำเงิน พ่อหนุ่มแปลกหน้าจากบทนำสินะ ฮา
บรรยายดี ตอนนี้รู้สึกสั้นมาก เลื่อนปาดไม่กี่ทีก็จบบทแล้ว คำผิดไม่พบ ภาษาลื่นไหล ณ จุดๆนี้เราก็ไม่มีชื่อเรียกให้พระเอก... ดังนั้นเรื่องย่อที่เราเขียนจึงเต็มไปด้วยเขา เขา และเขา
สรุป
เรามาภาษาดีนะ ลื่นดี คำผิดก็น้อย แต่ก็ยังมีบางจุดที่เหมือนบรรยายแปลกไปนิด เรื่องเนื้อหานี่ก็นับน่าสนใจนะ ที่ไม่ได้เกิดใหม่ไปโลกไหน แต่มาทำงานเป็นยมทูตแบบนี้ นิสัยพระเอกนี่ไม่รู้ว่าเพราะกำลังจับต้นชนปลายไม่ถูกหรืออย่างไร จึงดูเหมือนพวกเด็กหนุ่มธ๊รรมดาธรรมดามั่กๆ
ที่ไม่อ่านต่อเพราะเราไม่ค่อยชอบอ่านนิยายที่เดินเรื่องโดยผู้ชายเท่าไหร่ แต่เปิดผ่านไปตอนต่อไปคร่าวๆ ดูเหมือนว่าหนุ่มหล่อผู้นั้นจะชื่อราเชส ทั้งยังเป็นผู้หญิง ส่วนพระเอกชื่อเชสเซอร์ สรุปพระเอกคือเด็กชายในบทนำรึ? แต่แม่นางเอกน่ะใช่แน่นอนแล้ว แล้วถ้าใช่ทั้งสองคน ไหงจำกันไม่ได้ล่ะ ในบทนำยังเห็นกล่าวถึงชื่อราเชสอยู่หยกๆ 555
เดี๋ยวนะ...ไหงรู้สึกตัวเองมาลงผิดเวลา 555
เออ นึกได้ ครั้งนึงกูเคยเจอแปะเครดิตรูปว่ามาจากอินสตราแกรมคนนี้ ทั้งที่รูปมันมาจากpixivอีกทีด้วยซ้ำ กูเคยเห็นลายเส้นผ่านตาแต่จำชื่อไม่ได้เลยอดเอาไปแปะบอกซักหน่อย /แค่แวะมาเล่าสู่กันฟัง 555
มันต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน
1. การนำเสนอ - รูปประกอบ การตกแต่ง คำนำ การดึงดูดคนอ่าน ฯลฯ
2. ตัวนิยาย - เนื้อหา ภาษา แนวคิด ข้อมูล ฯลฯ
อันนี้แล้วแต่คนว่าจะสับส่วนไหน เอาคะแนนมารวมกันไหม ขึ้นอยู่กับคนสับเลย แต่ส่วนตัวกูอยากให้แยกไว้ คนที่อยากแก้ส่วนไหนก็จะได้แก้ได้ถูก
กูไม่คิดว่าการแนะนำตัวละครผิดนะ มันเป็นองค์ประกอบในการนำเสนออย่างหนึ่ง ถ้าทำได้น่าสนใจคนก็จะเข้ามาอ่านมากขึ้น โดยส่วนตัวกูไม่เห็นด้วยกับการใช้รูปคนอื่นมาเป็น caractor profile แต่ถ้าเป้นภาพวาดเองหรือใช้โปรแกรมทำเองก็อีกเรื่องนึง
มึงลองคิดดูสิ แฮรี่พ่องตายฉบับนิยาย เคยมีรูปประกอบใช้แนะนำตัวละครทุกตัวก่อนจะมีหนังโรงรึเปล่าล่ะ แฮรี่หน้าตาหล่อเกิดจากคัดตัวนักแสดงต่างหาก ดูปกนิยายภาคก่อน กูคิดว่าพระเอกหน้าเห่ยซื่อบื้อๆวะ
>>399 ตลกดี มึงรู้ว่ากูเดือดร้อนทั้งที่บอกว่าไม่ กูผิดอีกรึป่าวที่มึงรู้สึกไปเองว่ากูรู้สึก นักวาดกูก็ไม่ใช่ แถมกูบอกไปแล้วว่าเขาไม่ว่าหรอกแต่ลงเครดิตหน่อย
ทำไมกูต้องบอกว่าไม่ชอบนิยายที่มีภาพประกอบ?ทั้งที่กูไม่ได้คิด มึงอยากได้โน่นนี่จังนะ กะเกณฑ์กูทุกอย่าง กูสับนิยายที่เขาโยนให้คือกูผิด นิยายมึงมีภาพประกอบก็มีไป กูไม่ไปด่ามึงหรอก ใจเย็นๆร้อนตัวทำไม มึงกับกูต่างคนต่างอยู่อยู่แล้ว เว้นแต่นิยายมึงอยู่ในลิสโม่งแล้วกูเผือกไปวิจารณ์ค่อยมาด่ากูตอนนั้นละกัน
แล้วถ้าใช้ภาพของคนคนนั้นมาเป็น reference ในการวาดล่ะ ต้องใส่ credit ต้นแบบไหม? พอดีอยากวาดรูปประกอบเองอยู่
แล้วก็ถ้าแบบมีต้นแบบหลายอันต้องใส่ครบทุกอันไหม
>>403 ถามห้องนี้ดู >>>/netwatch/4175
ลืม ถ้าถามเรื่องเทคนิคการวาด อันนี้จะดีกว่า >>>/subculture/4105/
กูไม่ได้แวะมานาน เห็นสนพ.อาเธน่าพิมพ์เรื่องวีอัลน่าอะไรสักอย่าง มันใช่เรื่องเดียวกับที่เคยออกกะรสิตาใช่มั้ยวะ กูจำได้ว่าเคยมีโม่งสับมีใครจำได้มะว่ามู้ไหน หรือช่วยขุดให้กูที
แอบส่องดูเด็กดวกบ่นกัน ท็อป 10 เป็นยังไง
https://www.dek-d.com/board/view/3787587/
หวัดดี นี่เซฮุนเอง นี่ความเห็นส่วนตัวกูนะ
สำคัญที่สุดในการสับ นอกจากวิจารณ์ส่งเดชแล้ว ควรนำเสนอการแก้ปัญหาด้วย (Find a problem, give the solution)
เว้นแต่ การหา plot hole จากเรื่องนั้นๆ ด่าได้ไม่ต้องหาทางแก้ให้ (กูชอบมาก)
การสับควรย่อยหากระบวนการตรรกะความคิดที่ผิดเพี้ยนของการนำเสนอ (เหมือนมึงสับเนื้อหมู มันจะได้เคี้ยวง่ายแยกมันแยกผังผืด)
นักสับแต่ละคนมีพื้นฐานการศึกษาและสันดานที่ต่างกัน คนเขียนก็อย่าไปคิดมาก
ฟังไว้ปรับปรุง ปรับได้ปรับ ปรับไม่ได้ก็ค่อยๆหาทางปรับ
เห็นกูปากหมาหาเรื่องแบบนี้ แต่กูอยากให้ทุกคนเขียนเก่ง เพราะงานเขียน มันเป็นทรัพยากรทางปัญญา มีแต่ประโยชน์และต้นทุนต่ำ ดีต่อคนอ่าน และคนเขียน
ลงชื่อ เซฮุน นิยายทำลายสมองไม่มีนะ เอ๊ะ! อ๊ะ! มันมีประโยชน์ของมัน
เออ เหล่าโม่งทั้งหลายกุมีเรื่องอยากปรึกษาว่ะ...
คือตอนนี้กุกำลังหัดใช้วิธี Show , Don't tell อยู่ แต่ว่ากุยังไม่เข้าใจแก่นของมันซักเท่าไรเลยว่ะ
ไอ้เรื่องที่ซุ่มเขียนกุใช้ POV เป็นบุคคลที่ 1 ด้วย กุกลัวว่าเขียนไปเขียนมามันจะกลายเป็น Tell ทั้งเรื่องเนี่ยล่ะ
ใครมีความรู้เรื่องนี้ช่วยสอนกุหน่อยได้มั้ย!?
>>414 ต้องยกเคสมา ไม่งั้นอธิบายลำบาก
ตัวอย่างที่พอจะพูดได้แบบคร่าวๆ ก็คือ เวลามึงจะสร้างตัวละครที่ฉลาดตัวหนึ่งขึ้นมาเนี่ย มึงไม่ควรบอกว่ามันฉลาด โดยเขียนทื่อๆ ไปว่า "นาย A เป็นคนฉลาด" แต่ให้สร้างสถานการณ์ขึ้นประมาณหนึ่ง เช่นว่า นาย A กับเพื่อนๆ ถูกคนร้ายล่อลวงเข้าไปติดกับในถ้ำ แล้วค่อยมาเฉลยว่า จริงๆ แล้ว นาย A พอจะระแคะระคายอยู่ก่อนว่าพวกตนถูกล่อเข้ามา เลยทำสัญลักษณ์ไว้ตามรายทาง สามารถพาเพื่อนๆ หนีออกมาจากถ้ำได้
แล้วโม่งที่ดจะสับมาดูตัวอย่างการสับ แบบมู้สับแบบนี้ อ่าน คห ที่ 5 แล้วตามไปดูนิยาย
สรุปให้ฟัง
คนสับเองยังไม่รู้เลยว่ากรีกกับคริสต์มีความสัมพันธ์กันพอสมควร แต่ดันไปทักข้อมูลนักเขียนเขา
เป็นกูจะไม่แตะนะเรื่อง "บาตร" กับ "แจกัน" แบบนี้ เขาจะเขียนจะยึดจะตีความมันเรื่องของเขา นั่นข้อหนึ่ง นี่ข้อมูลเขาแน่นอีก นี่ผิดสองข้อเลย
คำว่า "รับทราบฮะ ><" นี่คือการแก้เขินหรอ?
https://www.dek-d.com/board/view/3787268/
อย่างที่บอก การสับมันเป็นความเห็นของคนคนเดียว ที่พื้นฐานการศึกษาและสันดานต่างกัน คนเขียนอย่าไปคิดมาก
ลงชื่อ เซฮุน กำลังแดกฉู่ฉี่ปลาทู
>>414 Tell อ๊าย! ผู้ชายเสื้อขาวคนนั้นหล่อล่ำเซ็กซี่น่ากินชะมัดเลย
Show อ๊าย! ผู้ชายเสื้อขาวคนนั้น กล้ามเป็นมัดๆทะลุแขนเสื้อขึ้นมากระแทกตา ดูลอนหกลูกตรงหน้าท้องนั่นสิ ขนาดมีเสื้อคลุมอยู่ยังชัดขนาดนั้น ถ้าเปิดขึ้นมามันจะขนาดไหน แล้วยังดวงตาคมคู่นั้นอีก จ้องมาทางนี้ทีแทบจะละลายไปกับพื้น คุณพี่คะ คืนนี้อยากได้หมอนข้างนุ่มๆอุ่นๆมั๊ยค้า
อะแฮ่ม ได้มาแค่นี้
>>414 ใน เดธโน๊ต มีการบรรบายแบบบุคคลที่หนึ่ง ความคิดของคน แบบ tell tell tell
แต่จุดสำคัญเลยมันเป็น contrast เพราะพระเอกตีสองหน้า ทำกับพูดอย่าง แต่คิดอีกอย่าง
ถ้าบรรยาย บค1 แต่ตัวละครคิดและทำตามที่พูด นั่นใช้ผิด มึงควรใช้ บค3
เช่น เซฮุนแดกข้าว:
ผมกำลังเริ่มจะแดกข้าว ฟันกัดช้อนมือก็รูดซัมซุง แต่ตักกับมาใส่ปากคำแรกเท่านั้นแหละ
"โอ้เหี้ย ฉู่ฉี่ปลาทูอร่อยสัส"
ผมคิดว่ามัยอร่อยมาก (อันนี้อย่าทำ มึงพูดไปแล้ว)
ผมก็ตะโกนไปงั้น รสชาติหมาไม่แดก (อันนี้ทำ)
ลงชื่อ เซฮุน กูเอาชีวิตจริงมาเขียน รอเคสพ่อเคสแม่ก็ไม่ได้แดก
เฮ้ย เดี๋ยวววว 55555 เอาใหม่ๆ โม่งเซฮุนไปส่องกระทู้เรามา
ตามนั้นฮะ ฝึกสับนิยายอยู่ ว่าๆ ตามกันไป
ปล. ความจริงเรื่องเทพต่างๆ ในคริสต์มันไม่เคยแน่นอน ตามไบเบิ้ลบางเล่มข้อมูลยังแย้งกันเองเลย ดังนั้นการที่ท่านนักเขียนจะเอาไปเขียนยังไง ความจริงก็ไม่ผิดหรอกฮะ
น่ากลุ้มชะมัด กุเห็นแม่งใน Light novel ใช้ระบบ Tell กันทั้งเล่มเลย ให้ตายสิ!
Tell แดงเป็นคนขี้งก
Show แดงใช้เงินเป็น เขาไม่ใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระ บลาๆ
แบบนี้มั้ง เราก็ไม่ค่อยเข้าใจ
Show คือภาคการแสดง
เช่น tell เซฮุนเป็นคนปากหมา ชอบแดกเหล้า (ไม่ควรแต่ใช้ได้ อาจจะใช้เป็นย่อหน้าเปิด)
Show คือ
"เฮ้! เซฮุน นี่วิดสวะเอง จำเราได้ไหม เรา---"
"มึงเป็นเหี้ยอะไรมากไหม?"
วิดอึ้งไป เซฮุนมองตาขวางในมือมีขวดไฮเนเก้น
"เราเอง... จำไม่ได้หรอ---" วิดยังยิ้มพยายามต่อ
ทันใดเสียงเพล้งดังทั่วบอร์ด
"ขวดนี่จะลงหว่างคิ้วมึงถ้ามึงไม่หยุดพูด..."
ลงชื่อ เซฮุน กูไปหาของหวานแดกละ น่าจะไอติม
ของกูนี่
tell = ตรงประตูทางเข้าคณะมีน้องใหม่เดินผ่านมา นมของเธอใหญ่มาก
show = สาวน้อยปีหนึ่งเดินผ่านซุ้มประตู้โค้งของตึกคณะเข้ามา หน้าอกอวบอัดขนาดเกือบเท่าส้มโอของเธอทำเอาพวกผู้ชายเผลออ้าปากค้างกันเป็นแถบ "ไอ้เหี้ย น้องคนนั้นแม่งนมใหญ่สัสสส"
สงสัยกุต้องสละเวลาอาทิตย์นี้มาเขียนแก้หมดทั้งเรื่องล่ะมั้งเนี่ย ...
โชว์ประมาณมึงเขียนบอกตรงๆเลยว่าสถานการณ์ หรือ ตัวละครนี้เป็นไง
Tell ก็ประมาณมึงบอกบางอย่างไป แล้วคนอ่านจะตีความได้เองว่า สถานการณ์หรือตัวละครนั้นๆเป็นไปตามที่มึงคิดไว้
สำหรับกูนะ กูว่า show คือการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเล่า จะเล่ายาวเล่าสั้นขนาดไหนก็ตามความเหมาะสม อย่าง >>429 กูว่าเห็นความแตกต่างระหว่าง show กับ tell ได้ชัดดี
tell = เล่าดิบๆ คนโน้นเป็นโน้นเป็นนี่ กูว่าเหมาะกับใช้เล่าเรื่องรวบๆ แบบสถานการณ์ไม่สำคัญนัก เล่าไปเลยไม่ต้องลงรายละเอียด
show = คลี่ tell นั่นออกมาให้เป็นสถานการณ์ที่มีบทพูด มีคำอธิบาย บอกเล่าการกระทำก็ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าให้กูอธิบายเอาให้ชัดเจนกว่านี้ เป็นรูปธรรมมากกว่านี้กูไม่รู้จะอธิบายยังไงจริงๆ ว่ะ
กำลังจะยกตัวอย่าง show กับ tell แบบเห็นชัดๆ
รู้ตัวอีกทีเปลี่ยนใจละ กลัวศาลทหาร
กูยกตัวอย่างจาก >>437 นะ
tell : บรรยากาศในโรงเรียนร้างตอนกลางคืนเก่าและน่ากลัวมาก (เสริม : จนชวนขนลุกขนพอง)
show : พื้นไม้ที่วันดียืนอยู่เป็นสีทึมของไม้เก่าๆ เธอไม่รู้ว่าสมัยที่มันยังใหม่อยู่มีคนขัดมันให้มันหรือเปล่า หรืออาจจะเกิดจากการครูดขีดเสียดสีจากความเก่า พื้นของมันขรุขระมาก หากถอดรองเท้านักเรียนออกเหลือแต่ถุงเท้าแล้วเหยียบลงไปบนมัน เธอคิดว่ารองเท้าคงจะไปติดเสี้ยนไม้แล้วดึงออกยาก
ไม่เพียงแต่พื้นที่ขรุขระ หากมองไปตามทางเดินที่ทอดยาวไปสู่เมืองหน้า เธอจะเห็นกระดานที่ใช้ปูทำเป็นทางเดินแตกออกจากกันเป็นจุดๆ วันดีเดินเข้าไปมองภายในหลุมรอยแตกของกระดานไม้ มันเป็นสีดำมืดที่มองด้านในไม่เห็น ความมืดที่เหมือนข้างล่างเป็นหุบเหวที่ลึกล้ำ เธอไม่รู้มันสูงขนาดไหน มันอาจไม่สูงมากนักหรอก ก็นี่อาคารเรียนนี่นา เป็นชั้นหนึ่งด้วย ด้านล่างคงจะเป็นพื้นปูนหรือไม่ก็พื้นดินโดยตรง แต่พอคิดเช่นนั้นเธอก็กลัวเสียอีกว่าจะมีอะไรบางอย่างยื่นมือของมันออกมาจากใต้ช่องว่างนั้น อาจจะเป็นมือของปีศาจหรือไม่ก็ผี เธอไม่คิดว่าผีมีอยู่จริง เธอปฏิเสธมัน แต่ในใจเธอกลัวและก้าวหลบจากมันไปแล้ว
เธอเดินห่างออกจากหลุมสีดำมืดที่มองอะไรไม่เห็น จ้องมองเข้าไปในห้องเรียนที่ผนังและประตูสร้างขึ้นจากไม้ เช่นเดียวกับกระดานที่ใช้ทำพื้น มันเก่าและผุกร่อนเป็นเสี้ยนหนาม มองเข้าไปในห้องเรียนที่ดำมืด แม้จะไม่ได้มืดขนาดนั้น พอมองเห็นข้างในได้บ้าง แต่ในใจของเธอสร้างภาพหลอนขึ้น ข้างในอาจจะมีผียืนอยู่ก็ได้ แต่เธอคิดว่ามันอาจจะไม่มี เธอตรงเข้าไปกระชากประตูเปิด ประตูที่เก่าซมซ่อยึดติดกับบานจนแทบเปิดไม่ออก เธอกลัวว่าออกแรงมากกว่านี้เธอจะเผลอทำมันพัง แต่ตอนนี้เธอไม่สนหรอก เธอต้องพิสูจน์ว่าในห้องมีอะไรหรือเปล่า เธอไม่เชื่อหรอกพวกเรื่องผีแบบนั้น ถ้ากล้าก็ออกมาเลยสิ ผีน่ะ ถ้ากล้าก็ออกมาเลย!
ครื้ด! วันดีเลื่อนประตูเปิดออกได้ในที่สุด เธอรีบกวาดตามองไปรอบๆ ห้องเรียน แต่ในนั้นไม่มีใครอยู่เลย
>>434 เปล่าครับน้อง show คือการทำให้คนอ่านเนี่ยเข้าใจสถาณการณ์ที่เกิดผ่านบทสนทนา(แบบที่เซฮุนเขียนใน>>429 )ก็ได้ หรือจากการบรรยายสั้นๆ แบบพี่ก็ได้ ที่ว่าห้ามเป็นผลกระทบต่อบุคคลที่ 1 นี่อ่านแล้วงงนิดๆ เฮะ คือถ้าพูดถึงการ show แล้วมันส่งผลกับใครหรืออะไรก็ได้ในเหตุการณ์ อันที่พี่เขียนไปคือ show ว่าหนุ่มๆ แถวนั้นเห็นเฟรชชี่นมโตแล้วออกอาการแบบไหน แต่เราไม่ได้พูดถึงว่าน้องเฟรชชี่เป็นยังไงบ้างหลังสังเกตเห็นว่าพวกผู้ชายมองตามเป็นตาเดียว ซึ่งในการ show เหตุการณ์หลังจากนั้นอาจมีการ show ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งต่างๆ ทั้งหมดในฉากก็ได้
อันที่พี่ให้ตัวอย่างมันไม่ได้ระบุ POV ไว้ เอาเป็นว่าถ้าอยากปิด show อันแรกนี้ก็ปิดได้ 2 แบบ
แบบ POV1 "ไอ้เหี้ย น้องคนนั้นแม่งนมใหญ่สัสสส" ไอ้อั๋นพูดกับผมที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามพลางเช็ดน้ำลายซึ่งกำลังย้อยอย่างน่าเกลียด
แบบ POV3 "ไอ้เหี้ย น้องคนนั้นแม่งนมใหญ่สัสสส" อั๋นออกความเห็นพร้อมทั้งเช็ดคราบน้ำลายจนแขนเสื้อเปียกเป็นดวง
ทีนี้ถ้าพูดถึงเรื่องต่อจากนั้น แบบให้มัน show ถึง effect กับทั้งผู้อื่นและจุดสนใจ ก็จะได้ประมาณว่า(แบบ POV3 นะครับ)
"ไอ้เหี้ย น้องคนนั้นแม่งนมใหญ่สัสสส" อั๋นออกความเห็นพร้อมทั้งเช็ดคราบน้ำลายจนแขนเสื้อเปียกเป็นดวง
หลังจบประโยคกลุ่มนักศึกษาชายก็หันควับมามองอั๋นราวกับเขาเพิ่งทำความผิดใหญ่หลวง แก้มใสของนักศึกษาสาวแดงเป็นลูกตำลึงเมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวคิ้วบางย่นเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนเธอจะกระชับเสื้อคลุมชั้นนอกให้มิดชิดแล้วรีบเดินขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว
ความปากรั่วของนายอั๋นทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นเล็กน้อย เหล่านักศึกษาชายต่างก็อารมณ์เสียเพราะเขาดันไปแหวกหญ้าให้งูตื่น จนขาหื่นทั่วลานปาริชาติมีโอกาสได้ยลโฉมเทพีหนองโพเพียงช่วงสั้นๆ พอเห็นท่าไม่ดีไอ้คนปากเสียเลยรีบย้ายก้นวิ่งไปทางโรงอาหาร ทิ้งให้เพื่อนรักนั่งหัวโด่อยู่ที่เดิม
ด้านคนถูกทิ้งไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนของตนหายไปไหน เขานั่งนิ่งเป็นรูปปั้น ตาก็ค้างเหมือนคนถูกผีหลอก
"ปานดำรูปหยดน้ำตรงต้นคอ" เจมส์พูดกับตัวเองด้วยเสียงแหบพร่า "ไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้"
เรื่องราวทั้งหมดคงไม่สร้างความสับสนให้เจมส์เลย หากใบหน้าของหญิงสาวไม่คล้ายกับแฟนคนแรก และคงคิดได้ว่าตัวเองอาจแค่ตาฝาด หากไม่มีปานดำบนคอเรียวมาทำให้ไข้เขวซ้ำสอง ที่สำคัญที่สุดคือเธอมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร ในเมื่อเธอตายจากเขาไปตั้งเกือบสิบปีแล้ว
เขียนซะยาวเลยตูข้า(ย่อหน้าสุดท้ายมี tell อยู่ครึ่งหนึ่งเพื่อผูกปม)
ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้มั้ย แต่เท่าที่จำได้การ show มีหลักแบบไม่เป็นทางการว่า "ขยายวงใน สรุปวงนอก" คือเราจะแผ่จุดที่จะนำเสนอให้ชัดหรือให้เห็นภาพ ส่วนเหตุการณ์รอบๆ ตัวประกอบ สิ่งแวดล้อม ให้อธิบายพอสังเขปเช่น "ผู้เป็นแม่ร่ำไห้ปานจะขาดใจเมื่อเห็นบุตรชายนอนหายใจรวยรินจมกองเลือด คนในละแวกนั้นพอเห็นเหตุการณ์บ้างก็มุงดู บ้างก็หยิบโทรเรียกรถพยาบาล"
ถ้าเอาที่สิ้นคิดสุดขีด
tell: ผลปียาซูหวานมาก
Show: เพียงกัดปียาชูสุกเข้าไปแค่คำเดียว ไอ้คนตะกละก็ร้องเสียงหลง "โหยยย รสขาติอย่างกับเอานมข้นหวานมาเติมน้ำเชื่อม"
Show don't tell มันเหมือน บาตรกับแจกันน่ะมึง กูจะพูดยังไงก็ได้ว่าบาตรคือแจกัน คนมันก็ไม่เชื่อ จนกว่าพระทุกวันจะยกแจกันมาทุกเช้าจริงๆ
ลงชื่อ เซฮุน ถ้ากูบอกควยใหญ่ใครจะเชื่อจริงไหม? มันต้องใช้ให้ดู มีผลกระทบกับตัวละคร แล้วให้ตัวละครนั้นออกอาการ เป็นต้น
น่าเศร้านะ กูยกบาตรศิลาสมัยคันธาระมาให้ดูก็ยังไม่น่าเชื่อถือเท่าชุดบาตรและแจกันแบบขายปลีกทาง Facebook แถมยังคุยโวว่าตัวเองเหนือกว่าอีก อีโก้เยอะจนน่าสมเพชจริงๆ เป็นแบบนี้ต่อไปมึงก็สู้เครื่องบินไม่ได้หรอก แม่งอีโก้เยอะ แต่ยังใช้หลักฐานเป็น มึงน่าจะไปเรียนวิศวะบ้างนะ จะได้ฉลาดแบบมันบ้าง
>>444 ถถถถ เด็กน้อย ที่กูยกมามันเป็น practical evidence และ active evidence
กูไม่เถียงกับมึงแค่คนเดียวนะเรื่องบาตรกับแจกันน่ะ กูเถียงกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ใช้ต้มคนที่มึงยึดกันไว้ต่างหาก กะละหินเก่าๆที่ไหนก็ได้ บอกเป็นของพระพุทธเจ้า ถุย! นี่มึงโง่จริงๆหรอ? ของเอาไว้หลอกแดกตังค์นั่งท่องเที่ยวมึงก็จะกอดไว้อยู่นั่น
กูเอาตีนตบมึงเรื่อง Lucifer = แสง แล้วมึงก็เงียบ บอกว่าง่วง กูไม่เคยคิดจะเรียกหาอีโก้มีงเลยนะไอ้ลูกกากเงาะ
ลงชื่อ เซฮุน มึงอ่านชื่อมู้นะไอ้เห่อหมอย มึงจะเชื่อห่าอะไรก็เรื่องของมึง ทิเบตเขาแจกันเป็นของมงคล ถ้ามึงไม่จบกูก็ไม่จบนะสัด
เรื่อง show don't tell มีศิลปะอีกอย่างคือการใช้คำวิเศษ คำที่ขยายประธาน ไม่ว่าจะทางตรงหรือการประชดประชัน
ex 1. : เหล่าบุรุษผูู้ทรงศีลธรรมและไฟแห่งความรักชาติในสภาแห่งนี้พร้อมใจกันมอบกรุงเอเธนส์ให้สปาร์ตันอย่างสันติ
ex 2. : เหล่าบุรุษผู้เปี่ยมด้วยความละโมบและจิติันขลาดเขลาในสภาแห่งนี้พร้อมใจกันมอบกรุงเอเธนส์ให้สปาร์ตันโดยไม่สู้รบ
ทั้ง 2 ประโยคนี้บรรยายเหตุการณ์เดียวกัน แต่ต่างมุมมอง และสร้างความเข้าใจผิด (หรือถูก) ให้คนอ่านได้ ศิลปะของการ show ไม่ได้อยู่ที่บรรยายถูกต้องหรือเห็นภาพหรือไม่ แต่อยู่ที่การชักจูงคนอ่านให้เห็นตามที่คนเขียนต้องการ
นักเขียนชื่อดังสมัยใหม่ที่เชี่ยวชาญศิลปะนี้มากคือ Dan Brown หนังสือแต่ละเล่มของเขาชักจูงคนอ่านให้ตีความหรือมองในมุมเล็กๆ ที่คนเขียนต้องการให้รู้เท่านั้น แล้วค่อยๆ คลี่ปมปริศนานั้นไปพร้อมกับพระเอก ถึงแม้หลังๆ คนอ่านจะมองเรื่องนี้ออก แต่ก็ยังสนุกกับการตามเศษขนมปังได้
ถ้าเป็นนักเขียนในเด็กดี กูคิดว่า Persona คนเขียน MSO ทำได้ดี จากที่ร้ายจนคนอ่านเคยเกลียดมนตรามากๆ จนมีคะแนนนิยมสูสีกับศิลาได้ และยอมรับว่าเป็นพระเอกอีกคน
อันนี้เป็นเรื่องของมุมมอง ถ้าให้คนอ่านมองผ่านสายตาของพระเอก คนจะมองภาพขาว/ดำตามที่พระเอกมอง แต่ถ้ามองในมุมอื่น อย่างมุมของมนตรา ศิลาคือตัวโกง (ตามความหมายจริงๆ) และถ้ามองกันอย่างบุติธรรม ศิลาก็โกงจริงๆ เพราะเป็นพระเอก (หลัก)
หรือใครจะมองเป็นกลองยาว?
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10154738591366937&id=147232991936
>>445 กูไม่ใช่>>444 แต่มึงไม่ยอมจบเองไม่ใช่เหรอ จะมาพูดอะไรอีก คนนอกเขาเบื่อกันนะ
>>447 ศาสนาคริสต์ยุคแรกก็บิดเบือนข้อมูลอยู่แล้ว น่าจะเป็นกองเซ็นเซอร์ฝั่งตะวันตกยุคแรกๆ เลย ไอ้สภาร่างไบเบิ้ลที่เอาแต่เนื้อหาที่ตัวเองชอบ (แต่ขัดแย้งกันมาก) มาแล้วบอกว่าเนื้อหาที่ตัวเองไม่ชอบคือของนอกรีต มึงจะหวังให้ข้อมูลมันถูกต้องเหรอ
มึงอาจจะไม่คุ้นหรือไม่รู้ แต่พระสันตะปาปาประจำโรมนะไม่ได้มีสิทธิเหนือคริสต์จริงๆ หรอก
สังฆมณฑลของคริวต์ดั้งเดิมมี 5 ที่ แต่ละที่มีอำนาจเท่ากัน แต่โรมอ้างว่าตัวเองครอบครองหลุมศพของนักบุญปีเตอร์ หัวหน้าของอัครสาวก จึงเป็นพี่ใหญ่กว่าใคร แต่กว่าคนอื่นจะยอมรับ ก็ฆ่าอีก 4 แห่งเรียบไปแล้ว มีเพียงกรีกออร์โธด๊อกซ์ที่เหลือรอดมาได้
ไบเบิลมันมี คนเขียนหลายคน และมี editor หลายคน งานมันดีอยู่แล้วในทางศาสนา (เสียดายส่วนที่มันตัด แต่ก็หาอ่านได้นะ)
แต่อีแดนบราวน์มันบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของพระเยซู ซึ่งต่อให้มองในทางวรรณกรรม มึงมา retcon พระเยซูแบบนี้ก็ทุเรศ
ศาสนาของสมาชิกวง Exo จะบอกว่ากูไม่คุ้นไม่ได้หรอก
http://aminoapps.com/page/k-pop/3492031/exos-religion-belief-system
ลงชื่อ เซฮุน
อย่าลดตัวไปเถียงกับสวะเลย ปล่อยมันไปเถอะ
ขอประทานโทษนะคะคุณพี่ๆ แต่เดี้ยนเอียนกับประวัติศาสตร์บาตร + แจกันแล้ว ความจริงในโลกอาจจะไม่ได้มีแค่เพียง 1 ก็ได้นะคะ แล้วแต่เวลา สถานที่ สังคม และมุมมอง ทั้งสองอย่างอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสถานที่และเวลาที่ต่างกันก็ได้ค่ะ
>>441 เดี้ยนกระทืบไลค์ให้เลย แจ่มแจ้ง ขอบพระคุณมากค่า
ถามจริงเหอะ เด็กดวกสนใจเขียนแนวศาสนาคริสต์เหมือนแดน บราวน์จริงเรอะ
>>460 เขียนก็ดีนะ คริสต์ในไทยไม่ค่อยมีคนคลั่งศาสนาแบบฝรั่งเท่าไหร่ เขียนไปก็ไม่โดนแด่าแบบเฮียแดนหรอก
Dan Brown เขียนเรื่องคริสต์หลักๆ แค่ 2 เรื่อง ที่โดนโต้แย้งมากที่สุดคือ Davinci Code ซึ่งกูก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่เหมือนกันว่ามันบ่อนทำลายภาพลักษณ์ของพระเยซูตรงไหน ถ้าไม่นับเรื่องการให้ข้อมูลผิดๆ หลายจุด
แต่ปัญหาใหญ่กว่าเรื่องข้อมูลคือการเขียนให้เชื่อ >>446 ศิลปะแบบเดียวกับการเขียนประวัติศาสตร์ เป็น show ที่เหมือนกัน tell ชักจูงให้คนอ่านเห็นแต่สิ่งที่คนเขียนต้องการให้เห็น โดยไม่ใตร่ตรองข้อเท็จจริงหรือตรรกะในเรื่อง แต่ของแบบนี้ก็ขึ้นกับ IQ คนอ่านด้วยละ
>>458 กูไม่เข้าใจมุกมึง
ถามหน่อย ภาพแบบนี้ http://volarenovels.com/release-that-witch/release-witch-map/ ใช้โปรแกรมอะไรทำ กูอยากลองสร้างแมพละเอียดๆ แบบนี้ดู
กูเพิ่งเห็นนิยายที่กระหายยอดวิวกับคอมเม้นต์จัดขนาดนี้เป็นครั้งแรกว่ะ พอมีกระทู้ด่าและถูกแขวะเรื่องพลอต ล่าสุดสร้างบทความหนีแล้วย้ายจากแฟนตาซีไปหมวดนิยายวายแล้วอัพหลอกแบบเดิม ไม่ทิ้งสันดานและเนื้อหาด้านในคงเดิมเป๊ะๆไม่คิดแก้ไข เพลียจิต
บอกชื่อนิยายหน่อย
ปกติแล้วยอดเฟบต้องมากกว่ายอดเม้นใช่ปะ กูแปลกใจที่เห็นเรื่องนึงมียอดเม้นมากกว่าเฟบ ตามลิ้งที่พวกมึงแปะๆกันข้างบนนี่แหละ
>>473 หมายถึงทู้นี้ป่ะว่ะ https://www.dek-d.com/board/view/3787494/
>>475 น่าจะหมายถึงทู้นี้
กุไม่ค่อยแคร์เม้นแฟนคลับแล้วว่ะ เห็นยอดวิวแต่ตอนเพิ่ม และคนอ่านคงที่ ไม่ลดฮวบๆกุก็ดีใจล่ะ
อืม... กุมีเรื่องสงสัยอีกแล้วว่ะเพื่อนโม่ง แต่คราวนี้สงสัยแนวขอบ่นนิด
คือเหล่าเด็กเกรียนชอบบอกว่านิยายกุดำเนินเรื่องช้า... ซึ่งกุไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่าไอ้ช้า - เร็ว ในความหมายมันนี่คืออะไร
กุต้องให้พระเอกได้พลังเทพตั้งแต่ 3 ตอนแรกเลยงั้นเหรอ? นี่เมิงมาอ่านความเทพตัวเอกหรืิอว่ามาอ่านเนื้อเรื่องวะ!?
>>480 https://writer.dek-d.com/bluesea25/story/view.php?id=880244 อันนี้หรือเปล่า นี่เราไล่เปิดเลยนะ 555
>>481 เราไม่ได้อ่านนิยายโม่ง เราบอกไม่ได้อะ เพราะเดินเรื่องช้าของเราคือ อ่านไปหลายตอนแล้วมันยังไม่มีอะไรให้น่าติดตาม
ทีมงานว่างจัดเรอะ https://www.dek-d.com/board/view/3787863/
วันนี้มีใครจะสับเรื่องไหนหรือเปล่าเอ่ย
>>481 เวลา-เหตุการณ์ในเรื่อง ถ้ามึงเคยอ่านนิยายแปลจีนที่ 10 ตอนเท่ากับ 5 นาทีในเรื่อง เนื้อเรื่องเหตุการณ์ไม่ไปไหน นั่นคือช้า ตรงกันข้ามก็อย่างแฮรี่ 1 เล่ม 1 ปี เล่าเฉพาะเหตุการณ์สำคัญที่มีผลกับเนื้อเรื่องและตัวละคร และเน้นฉากไคลแม็กซ์เอา นั่นคือเร็ว
ลองตรวจดูด้วยตัวเองละกัน ว่า 10 ตอนของมึง ถ้าตัดการบรรยายและข้อมูลทั้งหลายแหล่ออกไป เนื้อเรื่องเดินไปแค่ไหน หรือยังอยู่ที่เดิม
สับในลิสต์กันถึงไหนละ ถ้าเสาร์นี้ว่างจะเอามาสับต่อ
Ky กัลออกภาคพิเศษมาอีกแล้วนะงุ สถพ. เตรียมหาแดกยาวอีกครั้งหลังรีปกบารามอสไม่เวิร์กอย่างที่คิด
วานสับ https://writer.dek-d.com/Mizaukinaishi/story/view.php?id=1579292
ไม่ใช่เรื่องของกูนะ บาย
เด็กสมัยนี้นี่มัน... https://www.dek-d.com/board/view/3787957/
กุล่ะกลุ้ม... หะหมอยเพิ่งขึ้นริอยากจะเขียนเอโร่ยล่ะ
NC กับอีโรติกต่างกันตรงไหนวะ มันก็แค่คำสามัญกับคำสุภาพ
>>499 อันนี้กุก็อยากรู้ว่ะ
เท่าที่กุคิดนะ... NC มัน No Child ซึ่งหมายความว่ามีฉากที่ไม่เหมาะสมกับผู้เยาว์ อาจจะมีฉากผิดขบธรรมเนียม อย่างเช่นเยตูดกัน ผู้ชายดูดไอติมกัน และอาจถึงขั้นสอดใส่กัน
ส่วนอิโรติก กุว่าน่าจะเป็นแบบ Normal ว่ะ... และการบรรยายน่าจะให้จินตนาการถึง Bone Zone เอง แทนที่จะเขียนโต้ง ๆ ว่ากุเยกันแล้วนะอะไรทำนองนั้น
อีโรติกเป็นส่วนหนึ่งของ NC แต่เป็น NC ที่ภาษาสวย
ถามว่าต่างไหม ก็ต่างเยอะ เช่น
กูด่ามึงว่าไอ้หน้าหนังหี กับเปรยว่า ใบหน้าท่านเทียบเนื้อนูนเนินเขา จมูกนิดดั่งติ่งน้อยห้อยกลางหุบเหว ปากปิดชิดดั่งมิเคยลิ้มชิมสิ่งใด ขนรำไรเแซมเนื้อชมพูอยู่ริมปาก เหงื่อไหลย้อยดั่งน้ำค้างคลุมหญ้าแพรก
เนี่ย หน้าหีอย่างมีคลาส
NC ไม่ใช่แค่ Sex แต่หมายถึงความรุนแรงด้านอื่นๆด้วย อย่างฆ่าดะ เลือดสาด จิตๆ
นั่นหมายความว่านิยายฆ่าๆ วอนนาบีดาร์คในเด็กดีก็จัดเป็น nc (และนิยายตลก) แต่ที่ไม่โดนแบนเพราะเด็กดีแม่งกาก ห่วงแต่เย็ดอย่างเดียว
ชื่อเว็ปแบบนี้ แต่มี 18+ NC มันเหมือนห้องสมุดโรงเรียนมัธยมมีหนังสือปลุกใจเป่าวะ
GOT ก็เข้าค่าย NC นะ แต่เนื้อเรื่องมันเข้มข้นจนไม่ถือว่าเป็นผลงานน้ำกามแบบปล้ำๆ แบบนิยายไทย
กระทู้วิ่งไวดีแฮะ ไม่ถึงครึ่งเดือน ล่อไปครึ่งกระทู้แล้ว
เออ กุอ่านมู้ที่โม่งแปะเกี่ยวกับนิยายอีโร สงสัยว่าเด็กดี หรือวงการนักเขียนแอนตี้ธันวลัยหรอวะ มีเม้นบอกถ้าใครรู้ว่าเคยเขียนแนวอย่างว่าที่ธัล ต่อให้เรื่องอื่นเขียนดีก็เป็นตราบาป
>>514 กระแดะไปงั้นแหละ พูดยังกับนิยายเด็กดีนี่มันสูงส่งขนาดนั้น แค่ลงฉากเรทไม่ได้เฉยๆเอง
เดี๋ยวนี้เรื่องท็อปๆนี่นิยายรักขายป้าๆทั้งนั้น ในเว็บไม่มีnc แต่พอออกเล่มก็ncกระจุยกระจาย
ถ้าเทียบกับธัญวลัยก็แค่ธัญฯจะตรงประเด็นกว่า แต่ประเด็นที่ว่ามันก็เย็ดๆเหมือนกันน่ะแหละ
กูเพิ่งรู้ว่าบอร์ดเด็กดีมีเหยียดธันวลัยด้วย พอดีกูไม่ค่อยได้เข้าดูบอร์ดเลยไม่รู้เทรนด์เขา ของกูนี่แค่แอนตี้อุ๊คบีเพราะได้ยินว่าโกงเงินคนเอาหนังสือลงแอพเท่านั้นเอง ไม่ชอบแค่เพราะมันลงนิยายเรตได้เท่านั้นเหรอ? งั้นมันก็เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงไม่ใช่เหรอ? หรือต้องฝืนลง NC ในเด็กดีให้ถูกแบนวะ? กูว่าบอร์ดเด็กดีนี่เฮฮาดีว่ะ
กรุว่าเด็กดีไม่ได้แอนตี้ธันวลัยหรอก แค่มีพวกชอบเอาปัญหาในเว็บธันวลัยมาถามในเด็กดี ซึ่งแม่งเป็นคนละเว็ป แถมเป็นคู่แข่งอีก ดูยังไงก็ถามผิดที่ ถ้าพวกมาเฟียในบอร์ดจะเขม่นก็ไม่แปลกว่ะ
คนรู้จักกุคนหนึ่งลงแฟนตาซีไม่ nc ในธัลว่ะ แต่มันบอกว่าคนอ่านเยอะกว่าเด็กดี 555 ถึงยอดวิวจะเศษเสี้ยวของพวกสาย nc ก็เถอะ มันบอกว่าสงสัยผู้ใหญ่อ่านธัลวลัยเยอะกว่า
พูดถึงเรื่อง nc เดี๋ยวนี้เขายังฮิตใช้คำว่าแก่นกายอยู่หรือเปล่าวะ กรุอ่านเห็นคำนี้ทีไรขำทุกที
นิยายปัจจุบันของกูลงอยู่สองที่คือเด็กดีกับธัญ เวอร์ชั่นเดียวกัน ไม่มีNC ถ้าดูจากยอดวิวรวมแล้ว คนอ่านที่ธัญจะเยอะกว่า แต่มาดูตามวิวตอนแล้วคนอ่านที่เด็กดีเยอะกว่า อันนี้ไม่ได้จะว่าธัญแต่จะบอกว่าระบบนับวิวมันเฟ้อ
สำหรับตัวกูนะ ลงที่เด็กดีคนอ่านเยอะกว่า ติดตามเยอะกว่า แต่เมนต์เงียบมาก ลงที่ธัญคนอ่านน้อยกว่าเด็กดีเยอะ(ตรงจุดนี้กูทำใจไว้แล้ว เพราะของกูไม่มีNC) แต่เมนต์มาเว้ย เออ งงเหมือนกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3788128/ <<<กระทู้หานิยาย
บางคนนี่แม่งก็แปลกเนอะ เขาเขียนเอาไว้แล้วว่า "ขอแค่เป็น ชxญ" แม่งยังเสือกถาม "เอาญxญไหม" กูเพลียแทนคนตั้งกระทู้555
ขอนอกเรื่อง พวกมึงรับได้มั้ย ตัวละครเทพเบียวซูไม่ใช่ตัวเอก
>>524 กุว่าพระเอกเบียวซูมันก็ไม่ได้เลวร้ายมาก ถ้ามันมีอย่างอื่นน่าสนใจ อย่างพวกเรื่องฮีโร่มันก็มีตัวร้ายเท่ๆ ซูไม่แพ้กันมันเลยโอ แต่ถ้าเป็นตัวร้ายซู กุว่ามันน่าเป็นตัวร้ายที่มีมิติบ้าง ไม่ใช่แบบละครไทยอ่ะ เอะอะก็กริ๊ด ต้องใช้มารยาแย่งผัวชาวบ้าน เลวร้ายสุดโต่งแบบหุ่นฟาง
เออ... ถ้าจะลงธันวลัยด้วย ลงเด็กดีไปด้วย กุควรจะจัดระเบียบการลงยังไงดีวะ?
ถ้าจำไม่ผิดธันวลัยมันเก็บเงิน ถ้ากุลงพร้อมเด็กดี เดี๋ยวแม่งจะกลายเป็นมันเข้ามาอ่านเด็กดีหมด
กูไม่เคยแอนตี้พระเอกเบียวพระเอกซูเลยนะ แค่อย่าเก่งจนหลุดจากตรรกะของเรื่องก็พอ
ชอบพระเอกซูมากกว่าพระเอกกากด้วยซ้ำ ถ้ามาแนวพระเอกกากนี่กว่ามันจะเก่งนี่ฝึกวิชายังกับนารุโตะ กูเบื่อฉากฝึกวิชา
ที่>>524 ถามกูชอบนะ เพราะมันจะทำให้ได้ลุ้นว่าพระเอกจะทำยังไงให้ล้มไอ้ตัวเบียวเทพซูนี่ได้ หรือถ้าไอ้ตัวเบียวซูนี่เป็นตัวละครผู้ช่วย พระเอกก็ต้องไชน์ออกมาให้เด่นกว่าไอ้ตัวนี้ ซึ่งก็น่าสนใจดีว่าคนเขียนจะทำยังไง
>>526 เราว่าคุณเข้าใจผิดนะ ในธัญวลัยเนี่ยมันเลือกได้ว่าตอนไหนจะขาย จะไม่ขาย จะลงให้อ่านฟรีตลอดเลยก็ได้ ส่วนเด็กดีก็มีให้ขายแต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งให้จบก่อน
เราแต่งลงทั้งสองที่ เราคิดว่าสองที่เนี่ยคนอ่านเขาแยกส่วนกัน ในเด็กดีเราลงนำหน้าในธวล.ไปเยอะมาก แต่คนอ่านที่ตามอ่านในธวล.ก็อ่านแค่ในธวล. ไม่ได้ไปตามในเด็กดีนะ
นิยายหรือการ์ตูนไมไ่ด้พังเพราะแย่ความซูเป็นหลักหรอก คือคนเขียนไม่เก่งพอเว้ย ไมไ่ด้ให้พระเอกชนะเพราะพระเอกฉลาด หรือ เก่งกว่าคนทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเขียนแบบตัวละครอื่นที่ไม่ใช่ตัวหลักนั้นดูโง่ ตัวร้ายโครตฉลาดในฉากอื่นกลับ iq ลดลงร้อยเปอเมื่อสู้พระเอก กับไอ้พวกรอดพ้นได้ทุกทีเพราะมีอะไรบันดาลให้รอด (TW ก็เข้าเค้านี้ คนสับตอนนั้นแม่งแม่นจริงว่ะ กลิ่นเบียวแกรี่มาเต็ม ลองไปอ่านตอนต่อไปเรื่อยๆ ก็เสต็บเดิมๆแหละ ในโลกนั้นนอกจากพระเอกกับจิ้งจอกคู่ใจคนอื่นนี่โง่หมด มีหน้าที่เพียงถูกพระเอกเตะกระเด็นเท่านั้น)
>>531 มึงอ่านมู้นี้แล้วจะเข้าใจ https://fanboi.ch/webnovel/4106/
มีคนสงสัยการตลาดนิยายเด็กดี
https://www.dek-d.com/board/view/3788216/
เงินบวกมันเป็นกบในกะลา
กุว่าลองเอานิยายในเด็กดีกุไปลงธัญวลัยด้วยดีกว่า แล้วเพิ่มตอน .5 NC ไว้เรียกยอด view
ky เพื่อนสนิทของกูคนนึงคิดจะเขียนนิยายหลายเรื่องพร้อมกันลงเว็บเด็กดี...กูควรจะห้ามหรือสนับสนุนมันดีวะ...
4000 คำเยอะเกินไปสำหรับหนึ่งตอนไหม? หรือต้องแบ่งออกเป็นตอนละ 2000 คำ
คนสับไปกินหมูกระทะละมั้ง
ปิ้งย่างอาหารทะเลก็น่ากินนะมึง
อย่าพูดเรื่องของกินดิ หิวแต่ไป 7-11 ไม่ได้ ฝนตก วกกลับเข้าเรื่องนิยายเหอะ
ฝนตกทั่วประเทศว่ะวันนี้
ความเห็น เซฮุน เรื่องนิยายติดท็อป
มึงต้องเข้าใจก่อนว่านิยายทุกเรื่องมี Learning Curve ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้มึงก็ไม่เข้าใจคนอ่าน
Learning Curve ---> pay off (เรียนรู้ และ จะได้อะไร)
นิยายรัก มี LC ที่ไม่ชัน คนอ่านสามารถคุ้นชินกับมันง่าย คนเลยอ่านนิยายรัก (เดี๋ยวจะพูดถึง Pay off ทีหลัง)
พวกแมส กระแสติดท็อป มี LC เดิม คนอ่านไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ อ่านๆไปรอ Pay off อย่างเดียว
พวกนิยายแหวกแนวจะมี lc ที่ชันมาก ไม่ว่าจะ setting ประวัติต่างๆ บลาๆ
ต่อให้มึงเขียนเก่งแค่ไหน คนอ่านเขาคิดเสมอ ว่าเรียนรู้ไปได้อะไร เสียเวลาอ่านทำไม คุ้มไหม
ปรากฎการณ์ของปู่จอร์จ GoT เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะ learning curve มันคล้ายกับ LotR และพวกนิยายแฟนตาซีสงคราม ไหนจะประวัติศาสตร์ต่างๆที่เป็นแรงบันดาลใจอีก คนอ่าน/ผู้ชมจะเข้าถึงได้ง่าย ส่วน pay off ของเรื่องไม่ต้องพูดถึง คุ้มค่ามาก
นิยายที่แย่คือ lc ชัน และ pay off ห่วย
นิยายติดท็อปมันไม่ต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มมาก อ่านๆไป pay off ห่วยก็ไม่แคร์
ลงชื่อ เซฮุน คหสต ยสตน กถพต ยลปล
เฮ้ยย กุไปเจอไอ้นี่ในพันทิพย์ว่ะ
นาน ๆ ทีจะเห็นแคมมี่มาตั้งกระทู้แบบนี้มั่งว่ะ ท่าทางเดือดจัด สงสัยนิยายที่ตามเอฟซีถูกก็อปละมั้ง
https://www.dek-d.com/board/view/3788325/
ปล.ในเด็กดีกูเห็นมาหลายเรื่องนะที่ลอกพล็อตนิยายแปลแบบแทบไม่ดัดแปลงมา อย่างเรื่องชาวบ้านกับโครงกระดูก
กุว่าโม่งต้องเปิดใจกับการตลาดนิยายตัวเองบ้างว่ะ เขียนดี สนุกขนาดไหนคนไม่รู้จักก็จบ ไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่าลึกๆก็อยากดัง
กุมานั่งดูยอดคนอ่านในหมวดต่าง ๆ ...อืมจะว่าไงดีล่ะ
ถ้าเทียบกับจำนวนตอนแล้ว รู้สึกว่าหมวดแฟนตาซีคนอ่านต่อตอนแม่งน้อยมากเลยวุ้ย
พอลองเทียบงี้แล้ว กุรู้สึกอยากเลิกเขียนแนวแฟนตาซียังไงก็ไม่รู้ว่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3788493/
ถ้าเป็นกู กูขอตั้งชื่อใหม่ว่า "ตำนานรักแลนนิสเตอร์" หรือไม่ก็ "เพื่อนรักนักเ-็ด"
https://www.dek-d.com/board/view/3788469/
เอาเข้าไป -*-
ขอสับเรื่องนี้นะ https://writer.dek-d.com/Mizaukinaishi/story/view.php?id=1579292
มาสับละ
ชื่อเรื่อง - ปีศาจไฮเทค
คนแต่ง - Mizaukinaishi
สถานะปัจจุบัน - คาดว่าลงไห
เริ่มสับ
เท่าที่อ่านดูมา เราว่ายังบรรยายไม่ดีว่ะ ห้วนสุด ๆ แห้งเหมือนอยู่ในซาฮารา ขนาดนิยายวอนนาบีอย่างทูเวิด์ลของคนที่โม่งก็รู้ว่าใครยังควรค่าแก่การอ่านกว่าเยอะ บรรยาย(ที่แทบไม่มี) เอาไป1/5
คำผิด ปริศณา ต้องเป็น ปริศนา น่าตา ต้องเป็น หน้าตา เอาไป3/5
เปิดบทนำมายังไม่มีอะไรน่าดึงดูดใจ อย่างที่บอกไปว่าแห้งเหมือนซาฮารา โลกแต่ละโลกเป็นไงก็ยังไม่รู้ ตัวละครนี่ไม่ต้องหวังรู้แค่ว่าชื่อ ฟาร์ กับ อาร์ ก็...นะ สิ่งที่รู้อย่างเดียวก็คือ โลกปีศาจเนี่ย มันมีเทคโนโลยี แล้วไอ้ฟาร์กับอาร์ที่เป็นเจ้าชายปีศาจก็เปิดประตูเชื่อมโลกปีศาจกับโลกอื่น ๆ ไปเที่ยวโลกเทพ ก็โอเค ๆ พอถูไถไปได้
เนื้อเรื่อง เอาไป 3/5 น่าสนใจแต่คนเขียนฝีมือไม่ถึง อ่านแล้วคันไม้คันมืออยากยืมเรื่องมาแต่งใหม่เอง
การเปิดตัวบทนำ 2/5 ไม่ค่อยดึงดูดให้อยากอ่านต่อ
เดี๋ยวมาสับต่อ ตอนที่หนึ่ง หวังว่าคนเขียนน่าจะพัฒนาฝีมือขึ้นสักนิดนึงก็ยังดี
>>565 กูไม่เข้าใจ ดูยังไงแม้น้ำดรายแม่งก็ทะเลสาบชัดๆ มองยังไงเป็นแม่น้ำ
แต่รอบนี้ทำแผนที่สวยดี มีความพยายาม ถึงจะ hard sell ไปหน่อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
4000 คำเยอะไป ลูกชิ้น 4 ลูกต้องกัด 4คำ เผื่อติดคอก็ 5 คำ ไม่ใช่กัด 4000 คำ
Fictionlog นี่ดีไหมวะ กูว่าจะลองลงนิยายที่อื่นนอกเว็บเด็กดี
KY หน่อย กูลองแต่งแนว NC ในธัญวัยดู รู้สึกขำตัวเองชิบหายเลย เขียนออกมาได้ไงวะเนี่ย
จูนิเบียว จูนิเบียวเต็มไปหมด
https://www.dek-d.com/board/view/3788644/
ดราม่าขิงๆ https://www.dek-d.com/board/view/3788673/
https://writer.dek-d.com/thenovar13srafzx/story/viewlongc.php?id=1690040&chapter=1
wtf is this ;-; กลับไปอ่านเรื่อง >>351 ต่อ
>>601
(ชิน) (พนักงาน) (God) (*o*)
ตู้ม วูบบบ ฟุบ ฟ้าววววววว ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม *ฝนดาวตก* 'หมับ'
https://writer.dek-d.com/thenovar13srafzx/story/viewlongc.php?id=1690040&chapter=7
อุ~อะ~อาา~อือ~ฮ่า~ หึหึหึหึ~
อุ..อะ..อ๊าาาา...(ลูบ)อืม~เอาละน่าาา~(แทง)โอ๊~
อะ..อือ~ฮ่าาา~รู้สึกดีจังเลยยย~
แฮ่ก..แฮ่ก..แฮ่ก..อุ...สุดยอด~เลยยย~เอาล่าา~ พอแค่นี้ละกัน
เรื่องเหี้ยไรวะ
KY ขอถามนอกเรื่องหน่อย
คือทั้งที่ล็อกหน้านิยายในเด็กดีแล้ว มันยังมีทางก็อปเอาไปได้อีกเหรอ แล้วมันมีทางแก้มั้ย หรืออยู่ที่ตัวเว็บอย่างเดียวเลย
https://www.dek-d.com/board/view/3788931/
เกรียนมาเกรียนกลับ ไม่โกง
โคตรอยากเห็นพี่เครื่องตบเกรียนเงินบวกจังๆสักครั้ง เห็นแซะกันหลายทีละ แต่แม่งยากตรงเวลาเงินบวกแสดงตรรกะพังแล้วพอโดนคนด่า มันก็หนีไปเลย ประหนึ่งขี้ทิ้งไว้กลางวงเสวนา ใครจะเหม็นก็เหม็นไป ส่วนกูเปิดตูดหนีละ
>>618 อ้อ คืออันนั้นกูรู้นะ กูก็มีไฟล์เวิร์ดเก็บตามปกตินั่นแหละ แต่ปัญหาคือนิยายกูหน้ามันเยอะไง หลายเรื่องด้วย พอภาพมันเสียทีมันเสียพร้อมกันหมดทุกเรื่องว่ะ บางทีไม่กี่เดือนภาพเสียหมดแล้ว ให้กูมาตามอัพภาพใหม่ทุกเรื่องไม่งั้นคนอ่านจะอ่านไม่ได้คือกูจะตายเอา กูเลยอัพ text ลงนั่นแหละ เน้นให้คนอ่านได้ไว้ก่อน อย่างอื่นมีปัญหาค่อยว่ากันอีกที
ลง ๆ ไปเหอะมึง จะไปทำเป็นภาพทำห่าไร ยุ่งยาก เรื่องมาก ถ้ามันจะก๊อป ให้แม่งก็อปไปเหอะ ไม่มีผลมากหรอก ใช้สมองโง่ ๆ ของมึงคิดเองว่าทำเป็นภาพกับแปะเป็นตัวอักษร ผลดีผลเสียมันต่างกันเยอะไหม ถ้าทำเป็นภาพ คนมันจะก๊อปซะอย่าง มึงคิดว่าจะรอดเหรอ ลองนึกดิว่าคนอ่านผ่านมือถือจะทำไง
ถ้าลงภาพ อย่าลืมลง watermark ด้วย
ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้ แต่มึงคิดว่างานมึงจะมีใครก๊อบไปจริงเหรอ โถ พ่อยอดนักเขียนรางวัลโนเบล งานมึงไอเดียบรรเจิดถึงขนาดที่โดนก๊อบแล้วฉิบหายสะท้านสะเทือนวงการ?
แคร์ห่าอะไรกับการโดนก๊อบไปลงที่อื่น ถ้ามึงหาเจอก็ไปตามด่ามันก็ได้ มันไมไ่ด้เอาไปขายนี่
คือเขากำลังพูดกันดีๆ แม่งก็ต้องหาเรื่องเขา คือมึงไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องพูด หรือพูดดีๆก็ได้ ไม่ได้เสนอว่าต้องไปขี้หน้าบ้านมึง พอแรงมาโดนแรงกลับก็โมโห 555 บันเทิงฉิบหาย
คือกูกำลังคิดอยู่ว่าช่วงหลังๆ จะเปลี่ยนไปใช้ภาพดีหรือเปล่า จบเรื่องยังไงก็หาทางทำอีบุ๊คหรือส่งสนพ.อยู่แล้ว พูดเรื่องคนอ่านในแอพกูก็เพิ่งนึกได้ กูว่ากูลงเป็น text นั่นแหละ ให้คนอ่านได้ไว้ก่อน
แต่ถ้ากลัวโดนก็อบกูเห็นด้วยว่าใช้ภาพดีกว่า (แต่ถ้าคนมันอยากก็อบจริงๆ มันก็คงนั่งพิมพ์เป็นตัวอักษรเอาไม่ก็ใช้โปรแกรมแปลงภาพเอาล่ะนะ ถ้ามันแปลงภาษาไทยได้)
มึงจะด่ากันทำไม ถ้าเรื่องมึงเริ่มดัง จะทำpdf หรือภาพไว้ยืนยันเผื่อเป็นหลักฐานตอนโดนก๊อบก็เข้าท่านะ หลายปีมันมีดราม่ากรณีแบบนี้จริงๆนะ ขโมยเรื่องไปยื่นขายสนพ บางทีสนพขโมยพลอตมึงไปให้นักเขียนดังๆดัดแปลง กันไว้ดีกว่าแก้ว่ะตามความคิดกุ
สวัสดี เราคือคนเปิดประเด็นเอง ขอบคุณที่ช่วยกันแสดงความเห็นนะ แต่ขอค้านหน่อย
>>626 งานจะดีพอหรือไม่ดีพอ เราไม่ได้โฟกัสตรงนั้น เราโฟกัสที่การก็อป เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า นี่มันเรื่องลิขสิทธิ์นะ การจะรักษาสิทธิ์ของตัวเองนี่มันผิดแปลกตรงไหน
ไม่ได้เอาไปขายแล้วยังไงเหรอ? นั่นก็ผลงานที่เราเป็นคนสร้างสรรค์ขึ้นมารึเปล่า แล้วคนที่ไม่ใช่คนสร้างสรรค์ผลงานมีสิทธิ์อะไรเอางานคนอื่นไปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตอะ?
ช่วงนี้ทีมสับหายไปเลย แดกจิ้มจุ่มกันยังไม่เสร็จอีกเหรอวะ
ลงนิยายแฟนตาซีนอกกระแส ไหนดีวะ หรือจะไปลงเด็กดอกเหมือนเดิมดี แต่ก็กลัวไม่มีคนอ่าน
>>637 กูว่าถ้ามึงลงตอนไปเรื่อยๆ นักอ่านก็จะเข้ามาเรื่อยๆ นะ ลงถี่ๆ เรื่อยๆ ยอดเฟบมันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน ยิ่งตอนเยอะเท่าไรนักอ่านจะยิ่งเข้ามาดูนิยายเยอะขึ้น เพียงแต่ถ้าหยุดลงหรือแต่งจบแล้วนิยายมึงไม่ใช่นิยายกระแสหน้านิยายก็จะเงียบไปเหมือนป่าช้าเลย คนเข้าเดือนละสองสามคน
ถ้านิยายตอนน้อยจบไวก็อาจต้องทำใจหน่อยว่าคนเข้าคงไม่เยอะ แต่ถ้ามึงมั่นใจว่าตอนมึงเยอะลงไปเรื่อยๆ เลย มีคนเข้ามาดูเรื่อยๆ นั่นแหละ เทียบกับเว็บอื่นซึ่งถ้านิยายมึงเป็นนอกกระแสสำหรับเว็บนั้นเหมือนกัน กูว่าเด็กดีจะป่าช้าน้อยกว่าเว็บอื่น มันเป็นเว็บที่คนเข้าดูค่อนข้างเยอะด้วย
เออ ว่างจัดเนอะ ไม่มีอะไรจะทำนะเอ็ง
https://www.dek-d.com/board/view/3788981/
>>640 แล้วกูจะบอกว่ากูไม่ใช่พวกชอบวิ่งควายว่ะ กูชอบลงเร่ื่องอินดี้ของกู ใครมาเชียร์ให้กูเปลี่ยนนางเอกกูยังไม่เปลี่ยนเลย เชียร์ให้วายกันกูก็ไม่เปลี่ยน กูแค่ลงติดต่อกันทุกวันตามที่กูทำได้ วันไหนกูอารมณ์ไม่ดีกูก็ไม่ลงเพราะกูชอบเขียนทุกวัน กูไม่เขียนทุกวันกูรู้สึกหงุดหงิด นี่คือกูวิ่งควาย?
ถ้ามึงบอกว่ามึงจะไปลงนิยายแบบ heavy weight มึงก็ลงไปได้ ไม่ต้องลงทุกวันเน้นเอาคุณภาพมันก็ได้ แต่มึงอย่าเรียกหายอดวิวเยอะเลย คนเห็นนิยายน้อย เห็นตอนนิยายมึงน้อยมันกลัวค้างมันจะเข้ามาอ่านเหรอ? เห็นมึงลงช้ามันก็กลัวค้าง มันเข้ามาอ่านเหรอ? มันเลือกอะไร รอตอนเยอะๆ ค่อยอ่านตู้มเดียวสิวะ ถ้ามึงบอกมึงลงช้า มึงเร็วเหมือนคนอื่นไม่ได้ ลงเร็วคือพวกไม่มีคุณภาพ เน้นเอาคนอ่าน มึงไปมุ่งขายสำนักพิมพ์อะไรของมึงดีกว่า หรือลงอีบุ๊คก็ได้ ลงเน็ตคือมึงต้องเร็วเพราะมันก็แข่งกันเยอะแยะด้วย ลงแป้บเดียวนิยายมึงโดนกลบ คนอ่านไม่เห็นนิยายมึง คนอ่านชอบตอนเยอะๆ ด้วย ตอนน้อยมันอ่านค้าง มึงช้าคือมึงเสร็จพวกปลาเล็กที่เน้นตอดทั้งนั้นแหละ คือลงเร็วกับลงช้ามันมีข้อดีข้อเสียต่างกันวะ
ถ้ามึงไม่มีช่องทางโปรโมทนิยายที่ลงไม่บ่อยของของมึง คนอ่านเห็นน้อยแล้วมันจะมีคนรู้เหรอว่ามึงแต่งนิยายอยู่ คือใช่ ใช้เวลาเขียนน้อยเวลาให้พิจารณาเปลี่ยนแก้อะไรก็มีน้อย อาจไม่ดีเท่านิยายที่ค่อยๆ เลียดๆ เขียน ถ้ามึงแต่งตอนน้อย ลงช้า แล้วมึงไม่โปรโมท มึงก็มีแต่รอความหวังอย่างเดียวว่านักอ่านแสนน่าภาคภูมิใจของมึงจะช่วยเอาเรื่องของมึงไปโปรโมทเพื่อนมันให้ ถ้ามึงมีนักอ่านดีมันก็ไปชวนเพื่อนมาอ่านนิยายมึง แต่ถ้านักอ่านไม่ทำแบบนั้น มึงจะหวังอะไรมากว่าจะมีคนผ่านมาเห็นนิยายมึง คือมึง นักอ่านแม่งไม่ได้ดูชื่อนิยายแล้วตรัสรู้ว่าเร่ืองนี้ตรงแก็บมันหรือเปล่า บางคนเห็นเรื่องอินดี้หน่อยเดาทางไม่ออก อ่านไปตอนแรกๆ กดผ่านก็มีว่ะ มึงจะบอกว่ามึงแค่เขียนดี ใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ จากนั้นพระเจ้าจะประทานนักอ่านมาให้มึงทันทีแบบถล่มทลาย โลกแม่งไม่ได้ใจดีขนาดนั้นว่ะ
>>637 ลงไปสามตอน 5 เมนต์ แต่กูไม่รีบเพราะเขียนนามปากกาอื่นด้วยอะ ยอดแฟนยอดวิวเท่าไรเท่านั้น มึงก็ลงๆ ไปเถอะ ในทะเลกว้างใหญ่มึงได้แหวกว่ายไปเจอฝูงแมงกระพรุนสักสองสามตัวก็ถือว่าดีละนะ 555
>>639 กูกรุ๊ปโอ ตรงอยู่นะ เขียนไม่ให้คนหมดความศรัทธาในชีวิต พระเอกนิยายเรื่องนึงของกู อยู่ในยุทธภพได้โดยไม่ต้องฆ่าคนแม้สักคนเดียว
>>632 งงอะไร ถ้างานมึงไม่ดี หรือไม่ถูกใจชาวบ้าน เขาก็ไม่ก๊อบของมึงไง เพราะฉะนั้นจะป้องกันทำไม
มีใครเอาขยะเก็บไว้ในตู้เซฟเพราะกลัวคนขโมยบ้างวะ โอเค วันดีคืนดีคนเก็บของเก่าอาจมาเอาของมึงไป แต่มันจำเป็นเร่งด่วนขนาดนั้นที่ต้องป้องกัน?
พูดอีกเรื่อง เหมือนมีคนบอกไปแล้ว ถ้ามึงอัพเป็นรูป นักอ่านที่อ่านในมือถือจะลำบากนะ มึงจะเสียลูกค้าไปง่ายๆเลย
>>644 เราโดนก็อปไปแล้ว เราถึงมาถาม ก็สถานการณ์ประมาณวัวหายล้อมคอกนั่นแหละ
ส่วนเรื่องลงเป็นรูป เราคงไม่ทำ
เราเข้ามาถามเพราะอยากรู้วิธีรับมือหรือแก้ปัญหาล่วงหน้า ตัวเราเองไม่มีความรู้เรื่องโค้ดเลย เราก็เลยสงสัยว่าการที่โดนก็อปไปได้มันเป็นเพราะอะไร ตอนนี้รู้แล้ว ขอบคุณมากค่ะ
ตอนนี้กูหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการเขียนดองไว้หลายๆตอน แล้วค่อยปล่อยลงโดยทิ้งช่วงเล็กๆน้อยๆ มันมีข้อเสียของมันอยู่ แต่ก็เป็นทางเดียวที่นึกออกสำหรับนิยายลงเน็ตเน้นคุณภาพนะ...
>>641 >>642 มึงจะร้อนตัวไปไหน กูเคยบอกเรอะว่ากูเขียน?
กูบอกแค่อยากอยู่ท็อปประจำหมวดต้องรักษาตำแหน่ง ถ้าไม่ซีเรียสก็ไม่ว่า อย่างที่มึงพูด ถ้าอัพตอนใหม่ๆไม่ได้ก็ตกกระป๋อง นั้นนะคือการวิ่งควาย ถ้ามึงยังอวดรู้ก็เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ กูไม่มีเหตุผลจะมาแข่งนิยายของมึง เพราะกูทำงานหาเงิน ไม่ว่างเขียนนิยายหรอกเฟ้ย
ไม่ได้เขียนแนวกระแสก็อดทนหน่อย ไม่จำเป็นต้องลงถี่ๆทุกวันแค่ลงสม่ำเสมอแต่มีเหตุให้หยุดเขียนก็แจ้งนักอ่าน โฆษณาบ้างแต่อย่าบ่อยจนคนรำคาญ ที่สำคัญคือเนื้อหาต้องสนุก ยังไงก็มีคนอ่าน กุเขียนลงหมวดแฟนตาซีอยู่ปีครึ่งกว่าจะได้แฟนคลับและยอดวิวพอสมควรน่ะนะ
>>647 กูโกรธเพราะมึงด่าว่ากูวิ่งควายนั่นแหละสัส คือกูถนัดเขียนเร็วอย่างนี้ กูถามมึงทำไมกูต้องเขียนช้าในเมื่อกูเขียนเร็วได้ แล้วนั่นคือกูเขียนเต็มความสามารถกู กูเอาคุณภาพกูพร้อมความเร็วแบบนี้ได้ กูเขียนเร็วคือกูยังรักษาอารมณ์กูไว้ได้ไม่ให้มันหายไป แล้วกูจะเขียนช้าเพื่อ? เขียนเร็วแล้วกูวิ่งควาย กูต้องเขียนช้าเหมือนคนอื่นถึงจะไม่วิ่งควาย? ไอ้สัส
คือไม่ใช่ทุกคนเปล่าวะที่ถนัดเขียนช้ารักษาคุณภาพ กูเป็นพวกความคิดเร็วอะไรเร็ว ถ้าบอกว่านิยายกูมีข้อเสียอะไรบอกข้อเสียกูมาตรงๆ ให้กูแก้เลยดีกว่าไม่ใช่มาด่าว่ากูเขียนช้าแล้วกูชุ่ย กูว่ากูสนุกกับการเขียนเร็วแบบนี้นะ ได้อารมณ์กว่า มึงเอาอะไรวัดว่าเขียนเร็วแล้วคุณภาพนิยายแย่วะ?
ถ้าบอกว่าเขียนเร็วแล้วข้อมูลไม่แน่น ขอโทษ ถ้ากูจะเขียนเร่ื่องที่เน้นประวัติศาสตร์หรือข้อมูลจริงๆ กูไม่หยิบมาเขียนก่อนที่กูจะศึกษาข้อมูลมันให้ดีก่อนหรอก กูมีมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว จะหาข้อมูลเสริมระหว่างตอนเล็กๆ น้อยๆ งั้นเหรอ? กูเกิลหรือถ้าจะให้แม่นจริงๆ เข้าฐานข้อมูลก็ได้ไป ถ้ากูจะเขียนเรื่องที่มันเน้นประวัติศาสตร์นะ หรือคือต้องให้กูหยุดเขียนเพื่อไปห้องสมุด? นั่งทำงานในห้องสมุดเลยง่ายดีเนอะ แต่กูไม่ได้แต่งแนวประวัติศาสตร์ว่ะ กูเอามาเสริมให้มันดูสมจริงขึ้นเท่านั้น
>>653 กูโดนสับมานะ นิยายอยู่ในนี้ด้วย กูยอมรับว่าตอนแรกกูโกรธ แต่กูไม่ได้ด่าว่ะ กูถือว่ามันเป็นบทเรียน กูยอมรับกูอารมณ์ร้อน บางเรื่องกูเข้าใจและพยายามเก็บอารมณ์กู แต่คราวนี้หรือกูรู้สึกไปเองวะว่าก่อนหน้านี้มึงพูดจิกกัดกูเรื่องวิธีการเขียนของกูมันผิด เขียนเร็วคือผิด? แล้วจะให้กูทำยังไง? ยอมรับมึงเหรอ?
เออ เอาเป็นว่าถ้ากูเข้าใจผิดกูขอโทษ กูแค่รู้สึกว่ากูพูดถึงเรื่องการเพิ่มยอดวิวเฉยๆ ว่ามันต้องเน้นลงเร็ว ไม่งั้นคนมันไม่เห็น กูไม่ได้จะพูดประเด็นลงแบบมีคุณภาพเลย แต่มึงสวนกูขึ้นมาอีกเรื่องกูก็คงใจร้อนไปหน่อยและคิดไปเองว่ามึงหาเรื่องกูด่ากูว่าลงเร็วไม่มีคุณภาพ กูขอโทษแล้วกันที่ชวนทะเลาะ
เขียนดีแล้วมึงต้องทำการตลาดบ้างแบบสีเทา กับการจัดหน้าลงนิยายสวย ซึ่งจุดนี้มึงเรียนรู้จากมันได้ (มึงไม่ต้องเลียนแบบมัน แค่มาดัดแปลงมาในแบบของมึงก็พอ ) ไอ้เพจดรปอบ 2 นี่มึงล้อๆกันอ่ะคนก็ทยอยไลค์เฟสมันเรื่อยๆจะแซงไอ้เฟสไอ้สีเทาแล้วด้วย
กูไม่รู้ กูมารออ่านสับ
>>659 คำว่าอย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปกมันใช้ไม่ได้แล้วในยุคที่คนมองอะไรจากภายนอกก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าจะล่อให้คนอ่านเรื่องของมึงได้ พื้นฐานอย่างแรกสุดคือหน้าปกต้องดึงดูด แต่ไม่ใช่ใส่กลิตเตอร์วิ้งๆ ใส่ภาพประกอบสีแสบตา หรือติดเพลงออโต้ไว้หน้านิยายนะ อันนั้นรกชิบหาย
>>659 อย่าดูถูกการตกแต่ง กูได้ทดลองแล้ว ตอนที่กูแต่งหน้านิยาย ใส่ธีม ในรูป ในตัวละคร แปะแบรนเนอร์สวย ๆ เปลี่ยนเคอร์เซอร์ คนแม่งเข้าเยอะกว่าตอนที่กูทำหน้านิยายโล่ง ๆ ไม่มีเหี้ยอะไรเลย
(แต่ตอนนี้กูไม่ได้แต่งหน้านิยายแล้ว รู้สึกไปด่าป้าคนนึงไว้เยอะเกี่ยวกับการแต่งหน้านิยาย เลยไม่อยากทำตาม ถถถถ)
การตลาดเป็นเหมือนดาบสองคมนะ ทำดีคนอาจจะทะลักเข้ามาเยอะตอนแรก แต่ถ้าเรื่องไม่ดีจริง ยอดจะลดฮวบๆ สำหรับนักเขียนหลายคนกุว่ายอดคนอ่านลดฮวบๆ นี่เจ็บปวดกว่าคนอ่านน้อยแต่ยอดคงที่
659 นะ
เราใส่เป็นแต่รูป ถถถ
อีกอย่างปกติอ่านในโทรศัพท์ไม่เคยเห็นธีมเลยนึกว่าไม่ค่อยเกี่ยวน่ะ
เดี๋ยวจะลองหารูปใส่ในแต่ละตอนล่ะกันนะ
เขียนผิด เดี๋ยวจะลองวาดรูปใส่ก็แล้วกันนะ
ขยะวรรณกรรมคืออัลไล
https://www.dek-d.com/board/view/3789127/
ky กลุ้มใจว่ะ เขาแนะนำให้กุเขียนนิยายลงเน็ตแค่ตอนละ 3-5 หน้า แต่กุชอบยิงยาวไป 8-12 หน้าทุกทีเลย
เรื่องเขียนเร็ว กูยังเคืองคนในบอร์ดคนนึงพูดว่าคนเขียนเร็วน่าอิจฉา เพราะไม่มีงานมีการทำล่ะมั้ง เขียนเร็วอาจรักษาคุณภาพเรื่องคำผิดหรือสำนวนแปลกๆหลุดลอดมาไมไ่ด้ แต่มันก็เกลาทีหลังได้รึเปล่าวะ ที่กูงงกว่าคือพวกนิยายติดท๊อป อัพทุกวันแต่คอมเม้นต์น้อยสวนทางกับยอดวิวมากกว่า ยิ่งจำนวนตอนเยอะก็ยิ่งสวนทางชัดเจนเหมือนปั่นวิวมา นิยายตอนนี้แม่งย้อนแย้งไปหมด ขนาดตีพิมพ์ยังรับประกันไมไ่ด้เลยว่าเป็นนิยายดีหรือนิยายสนุก บางเรื่องกูยังงงว่ามันผ่านเข้าไปได้ยังไง เรื่องก๊อปคนอื่นมาพอผ่านก็เอามาเกลาใหม่งี้เหรอ
>>679 ไอ้เหี้ยยยยย มึงดูคำตอบไอ้ถุย วิธีการหวงลูกสาวแบบไม่หัวโบราณ คือให้ใส่ Chastity belt (ใครไม่รู้จัก เรียกง่ายๆว่ากางเกงในแบบมีล๊อก ต้องไขกุญแจหรือใส่รหัสถึงจะไขออกมาเย็ดได้)
อันนี้คือไม่หัวโบราณ ไม่หัวโบราณพ่อมึงดิสัส นี่แม่งคือนวัตกรรมยุคกลางชัดๆ ไอ้เหี้ย
โอเค กูไปดูผิดที่ คือเท่าที่ดูมันเป็นกางเกงในเหล็กไง มีรูเอาไว้ให้ฉี่หรือถ่ายออกเท่านั้น แล้วก็จะมีล็อคกุญแจเอาไว้ทำให้ถ้าไม่มีกุญแจก็ปลดไม่ออก แล้วไอ้ตรงรูที่ว่าเนี่ยมันก็เล็กเกินกว่ามันจะสอดไอ้อย่างว่าเข้าไป ไม่ก็ทำแง่งให้มันแหลมออกไปด้านนอก คือต่อให้มีรูแต่มีใครที่ไหนคิดจะสอดผ่านมันเข้าไปหรือเปล่าวะ?
ทำไมคำตอบพี่แกแลดูกามๆ หรือเราคิดไปเอง
มึงคิดเองสัส เรื่องเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์แบบนี้จะให้กูพูดภาษาดอกไม้กูพูดไม่ถูกว่ะ คือมันเป็นกางเกงในพรหมจรรย์อ่ะ แล้วดูรูปร่างของมันกูก็ลองพูดดูตามที่กูคิด เพราะถ้าดูจากไอ้ลิงค์ข้อมูลด้านล่างที่กูยกมามันก็ไม่มีพูดเรื่องวิธีการใส่ให้มึงเข้าใจ คือมึงเข้าใจไหมว่าเรื่องแบบนี้มันพูดเป็นภาษาดอกไม้ยาก
แต่พวกวิธีใช้อะไรก็ตามด้านล่างนี้ เขาบอกพวกกางเกงในพรหมจรรย์นี่มันเป็นเหล็ก มันจะมีแหลมๆ อยู่ ต่อให้ไม่ร่วมประเวณีกันเหล็กมันก็เสียดสีดอกไม้หรือกระบอกฉีดน้ำของมึงได้ แล้วกางเกงในมันใส่ได้ทั้งผู้หญิงทั้งผู้ชาย ถ้ามึงถามวิธีการใส่แบบชัดเจน มึงลองจินตนาการจากรูปลักษณ์ของมันดู
https://th.wikipedia.org/wiki/เข็มขัดพรหมจรรย์
https://www.spokedark.tv/articles/chastity-belts/
หรือกูควรพูดแบบเถื่อนๆ ไปเลยไม่ต้องเลี่ยงพูดให้มันดูกามแบบเกินเหตุวะ? คือมึงจะเยดกันมึงก็ต้องยัดควยใส่กันใช่ปะ? คือไม่ใช่แค่มึงจับนมเลียอะไรกันแล้วคือมึงเยดกันแล้วนะเว้ย ไอ้เข็มขัดนี่มันก็คือตัวช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ยัดควยใส่ช่องหีของผู้หญิงมึงนั่นแหละ แล้วเข็มขัดมันก็จะมีช่องที่เล็กกว่าควยไง หรือบางทีก็มีหนามแหลมอยู่รอบๆ ช่องกางเกงเหล็กของมึงเรียงตัวกันสวยงามให้แง่งแหลมมันออกมาด้านนอก ยัดเข้าไปสิควยมึงได้แหกกันพอดี
บางที่เขาบอกใส่กันตอนช่วงสงครามครูเสดเพื่อที่ห่างกันทั้งหญิงชายจะได้ไม่มีเพศสัมพันธ์กัน แต่วิกิบอกมันอาจจะเริ่มต้นมีตั้งแต่ยุคหลังจากนั้นกูก็ไม่รู้วะ ส่วนปัจจุบัน...คงไม่ต้องพูดใช่ไหม? มันคือเซ็กส์ทอยว่ะ
การใส่เท่าที่ดูก็คือเหมือนเข็มขัด เอาสองส่วนมาทับกันแล้วล็อคกุญแจ หรือมึงอยากรู้แค่นี้แต่กูอธิบายเกินไปวะ? งั้นกูขอโทษ
อันนี้รูปกางเกงตอนแผ่ ไปจินตนาการที่อยากรู้กันเอาเอง
ไอ้ถุยแม่งหื่นกว่าไพฑูรย์ ธัญญาที่ดราม่าเมื่อวานซืนซะอีก
ไม่มีใครสับนิยายกันแล้วหรอ
ไอ้ถุยเขียนไซไฟจริงๆหรอวะเนี่ย
นิยายยอดวิวเยอะก็นิยายกระแส ซึ่งมันก็คล้ายๆ กัน ในเมื่อมีให้อ่านฟรีจะเสียเงินซื้อทำไม เรื่องไหนเปลืองเงินก็เลิกอ่าน ไปหาอ่านเรื่องที่คล้ายกันแทนดีกว่า >>> คนอ่านคงคิดแบบนี้มั้ง
ถ้ากุเขียนแนวแฟนตาซีที่เล็งกลุ่มวัยรุ่นค่อนโต ไม่ก็วัยผู้ใหญ่ไปเลยคิดว่าจะขายได้หรือเปล่า
ชิบหาย... ทำไมช่วงนี้ในหัวกุมันคิดอยากจะเลิกเขียนนิยายบ่อยจังวะเนี่ย
หรือว่าเพราะกุแก่แล้ว... หรือว่ากุรู้สึกเขียนไปก็ไม่สนุกเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แม่งเถอะ ถ้าเลิกนี่งานอดิเรกกุก็เหลือแต่ตีดอทสิวะแบบนี้
ถ้ามึงสบายใจที่จะเขียนก็เขียนเถอะ ตลาดไทยตอนนี้ไม่เอื้อนักเขียนที่ตั้งใจๆจริงๆว่ะ
ถ้าคาดหวังชื่อเสียงยาวๆ มึงคาดหวังงานเขียนซีไรต์ดีกว่า ไม่ต้องง้อนักอ่านเด็กดีหรอก คนอวยงานซีไรต์บางคนไม่เคยงานพรรคนี้ด้วยซ้พ
ถ้ามึงอยากเขียนซีไรต์ เลิกคิดถึงแฟนตาซีร่วมสมัยไปเลย ไม่อินดี้จ๋าแบบอ่านไม่รู้เรื่อง สูงส่ง ก็แนวละครไทยป้าๆ เคยมีคนบอกกุซีไรต์ไมไ่ด้วิเศษหรอก เขามีรสนิยมของเขาอยู่แล้ว แค่เขาไม่บอก
กุ >>705 นะ
คือกุถนัดแนวแฟนตาซีน่ะ แต่ก็อย่างที่รู้กัน... แม่งขายไม่ได้ในไทย
ทุกวันนี้ที่ทนทำได้เพราะเห็นว่าเป็นงานอดิเรกที่ใช้ฆ่าเวลาตอนว่างในที่ทำงาน แต่... รู้สึกช่วงหลัง ๆ ยิ่งทำกุยิ่งคิดมากว่ะ
คิดว่าไอ้แนวแบบนี้จะมีคนอ่านมั้ย? คิดว่าอนาคตมันจะมีมั้ย? คิดว่าคุ้มมั้ยที่จะเอาเวลาว่างมาใช้แบบนี้? คิดว่าไอ้ที่ทำอยู่นี่มันมีค่าพอจนกุต้องมาจัดระเบียบตัวเองนั่งเขียนทุกวันรึเปล่า?
แม่งพอคิดมากแบบนี้แล้วก็ทำเอาอยากเลิกเขียนแล้วปล่อยตัวตามสบายชะมัด
>>710 มึงต้องถามตัวเองอ่ะ มีความสุขกับการเขียนเปล่า เขียนเพราะอะไร บางทีมึงไม่ต้องอัพเดททุกวันก็ได้ บางคนนี่ไม่เขียนนอนไม่หลับเพราะพล็อตเล่นไปมาในหัว เรื่องของกุนี่ลงไปมีคนมาโหเลย ไม่คิดว่าจะเรื่องแนวนี้ในเน็ตด้วยเหมือนได้อ่านแฟนตาซีสมัยรุ่งๆเลย แต่ยอดวิวค่อยๆมาเรื่อยๆ ส่วนตัวกุคิดว่ากุพยายามให้ดีที่สุดว่ะ อาจจะมีฝันเฟื่องว่าตัวเองจะเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูแฟนตาซีของไทย
>>710 ไม่ได้ดราม่านะ แต่สรุปว่ามึงห่วงว่าจะไม่มีคนอ่านว่างั้นเหอะ
คือ ถ้ามึงคิดแบบนั้นจริงๆ กุว่ามึงชิงเลิกไปตอนนี้เลยดีกว่า ถ้าทนแต่งนานไปจะเจ็บใจกว่าเดิม
นี่กุไม่ได้ประชดนะ คือ ที่กุแนะนำมันมีผลดีหลายส่วน คืออย่างที่บอกไปแล้วว่ามึงจะไม่เหนื่อยมากไป และไอ้นักอ่านที่ติดตามอ่านเรื่องของมึงเค้าจะได้ไม่ค้างหนัก อย่างพวกแต่งนิยายจนจะจบมิจบแหล่อยู่แล้วบอกหมดไฟเลิกแต่งเงี้ย อิเชี่ย!! ที่กุทนอ่านทุ่มใจไปนี่คือ เพื่อ..? เพื่อให้อีนักเขียนมาบอกว่าคนอ่านน้อยเลยเลิกแต่งเหรอ แล้วถ้ากุไปเกณฑ์คนมาเพิ่มวิวให้แล้วมันจะกลับมาเขียนต่อเหรอ
โอย ยิ่งพูดยิ่งเจ็บ วงการนี้ไม่ได้มีมึงคนเดียวหรอกที่เซ็ง
>>711 ความเห็นเมิงให้กำลังใจกุดีว่ะ บางทีกุอาจคิดมากไปก็ได้
>>712 กุอยากเลิกนะ... แต่กุเขียนมาสิบกว่าปีแล้วเนี่ยสิ กุเขียนมาตั้งแต่กุยังหมอยไม่ขึ้น จนตอนนี้หัวกุหงอกหมดและ คือแม่งกลายเป็นชีวิตประจำวันกุไปแล้วและกุก็ชอบเขียน แต่ตอนนี้ติดปัญหาคือกระแสตลาดอย่างที่ว่าว่ะ ยิ่งพูดยิ่งเซ็ง ยิ่งคิดมาก
>>713 เออ... กุก็ว่ากุควรวางปากกาซักอาทิตย์นึงว่ะ
คำโปรยก็มีเเต่ต่างโลกๆๆ
กูเลิกเขียนตั้งนานแล้ว การตลาดนิยายไทยพังพินาศตั้งแต่ยุคบารามอสกับเซวีน่าแล้วล่ะ
ขอนิยายเเนะนำหน่อยดิไม่ต่างโลกไม่
เออ กูแต่งเร็วไม่ได้ กว่าจะเขียนอะไรออกมาได้ซักอย่าง แต่ทีนี้กูก็อยากมีคนตามบ้างไง แต่ก็กังวลอีกว่าจะเขียนออกมาบ่อยๆติดต่อกันไม่ไหวนี่สิ...
กูเบื่ออออ
ท็อป20มีเเต่ฮาเร็มต่างโลก
>>725 งั้นมึงอ่านคร่าวๆละกัน ถ้าอยากอ่านก็เตรียม dict พร้อมเลย https://www.asiabooks.com/assassin-s-creed-the-secret-crusade-6869.html?___store=asia_books_th&___from_store=asia_books_en
มึงเซฮุนใช่มั้ย
https://www.dek-d.com/board/view/3789504/
ไม่มีใครสับนิยายเลยหรอ
มึงคิดยังไงกับที่1หมวดแฟนตาซีปัจจุบัน
>>734 ลืมแปะลิงค์... ไอ้ที่ 1 หมวดแฟนตาซีที่ว่าหมายถึงเรื่องนี้ใช่มั้ย https://writer.dek-d.com/naturecrowns/story/view.php?id=1685517
เดี๋ยวแม่งเข้าใจผิดกัน
คิดว่าจะได้ตีพิมพ์ไหมนิยายทรงนี้
>>735 ไม่รู้ว่าจำถูกหรือเปล่านะ ว่าคนนี้ได้โดเนทตอนละพัน แต่คงเขียนเป็นอาชีพจริงๆแหละ กับอีกคน https://my.dek-d.com/sinmahat51/writer/
ลงเหรียญเรื่องไหนของแกก็ขายดีหมด
>>735 พอเข้าไปอ่านจริงๆก็ไม่เลวนะ คนเขียนดูมีประสบการณ์ด้วยซ้ำ แต่ตอนกุเห็นคำว่าโลกสวยแม่งความน่าอ่านน้อยลงไปเลย
มึงจะเขียนนิยายดาร์คโคตรพ่อโคตรแม่ดาร์คมึงก็เขียนไปดิ บอกให้คนอ่านใช้วิจารณญานมึงก็บอกไป แต่แม่งเล่นจั่วหัวไปแบบนี้ทำให้ first impression นิยายมันดูจูนิเบียวมาก อย่างน้อยก็ในสายตากุนะ
>>731 เราไง ขอลองสับเรื่องนี้นะ ใครอยากช่วยสับช่วยได้เลย สับเพราะเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจแต่งแนวนางเอกอยู่ในตำหนักเย็นเหมือนกัน ถ้ามีแฟนคลับในนี้อย่าว่าเรานะ
เรื่อง : เจิ้งฝูสื่อ จอมนางตำหนักเย็น
link : https://writer.dek-d.com/inin17305/story/view.php?id=1672006
จำนวน : 24 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
การเขียน หลังจากย้อนอ่านทั้งเรื่องมาราว ๆ สิบรอบสรุปได้ว่าภาษาดี แต่ใช้คำฟุ่มเฟือยไป มีคำผิดประปราย เคยข้อความลับไปคุยกับผู้แต่งแต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ถ้าลดคำฟุ่มเฟือยได้ก็เป็นนิยายที่เนื้อหาสนุกเรื่องหนึ่งในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต เลยล่ะ คะแนน 7 / 10
บทเรก ( รีไรท์แล้ว ) - บทที่ห้า :
บทแรก : พิชชาพรนักศึกษาวิชาประวัติศาสตร์ไทยย้อนเวลามาในร่างเสวี่ยไฉเหรินสนมต้องโทษในตำหนักเย็น พอฟื้นขึ้นมาก็เจอนางกำนัลคนสนิทของเจ้าของร่างเก่าแล้วถามว่าตนเองเป็นใคร ที่นี่เรียกหาพี่น้องกันว่ายังไง นางกำนัลตอบว่าเจี่ยเจียกับเม่ยเมย จากนั้นพิชชาพรก็เรียกนางกำนัลว่าเจี่ยเจียมาตลอด ฮ่องเต้ส่งแพรขาวสามฉื่อมาให้ปลิดชีพตนเองแต่นางเอกเอามาห่ม ( จุดนี้เห็นว่าไม่เหมาะเพราะร่างที่มาอาศัยเป็นร่างของไฉเหรินซึ่งยศต่ำนะ คิดว่าควรเป็นพระราชทานสุราพิษมากกว่า )
บทที่สอง - หลังจากฟื้นขึ้นมาพวกขันทีก็นำเรื่องไปทูลฮ่องเต้ที่ประทับในตำหนักชื่อดาราจีนคนดังที่ผลงานล่าสุดเกี่ยวกับต้นท้อ ฮ่องเต้เลยออกราชโองการแต่งตั้งเป็นไฉเหริน ( ตำแหน่งเดิม ) แต่พระราชทานนามให้ว่า เจิ้งฝูสื่อ พระพราชทานของให้มากมาย ตำหนักเย็นคึกครื้นขึ้นทันตา ขันทีและองครักษ์คนสนิทผลัดเปลี่ยนมาดูแลนางเอก ทั้งชงชา เป็นเพื่อนคุย และ แฟนคลับ ( เอ่อ... คืออ่านกี่รอบ ๆ ก็คิดว่าไม่สมเหตุสมผล )
บทที่สาม - ฮ่องเต้ปลอมเป็นองครักษ์คนสนิทมาหานางเอกที่ตำหนักเย็น แต่ติดปานผิดด้าน ท้ายบทฮ่องเต้ยังหยอกองครักษ์คนสนิทเรื่องที่ปลอมองค์เป็นเขาอีก สะใจนิด ๆ ที่องครักษ์คนสนิทบอกว่าปานอยู่ที่แก้มขวาไม่ใช่แก้มซ้าย ( ใช่ พิมพ์ไม่ผิดหรอกบทนี้มีเนื้อหาแบบนี้จริง ๆ ฮ่องเต้ปลอมองค์ออกไปข้างนอกยังพอว่า แต่นี่มาตำหนักเย็นที่ไม่เคยคิดจะสนใจตั้งแต่แรกเนี่ยนะ )
บทที่สี่ - ชีวิตในตำหนักเย็นของนางเอกสุขสบายอย่างมาก พูดถึงเสบียงอาหารกันว่าอาหารไม่พอ นางเอกเลยถามว่าฝ่ายในส่งมาทุกเจ็ดวันไม่ใช่เหรอ ( จำได้ว่าสองบทก่อนยังบอกว่าใบชาค้างปีอยู่เลย แล้วเสบียงจะส่งมาทุกเจ็ดวันได้ไง และ อย่าลืมว่าตำหนักเย็นนะไม่ใช่ตำหนักธรมดา ๆ ที่จะได้รับเสบียงเป็นรายวันกับรายเดือน )
บทที่ห้า - ฮ่องเต้สนุกกับการลดและเลื่อนตำแหน่งสนมแบบกระหน่ำซัมเมอร์เซล ลดเพราะสนมเหล่านั้นไปกลั่นแกล้งนางเอกทั้งทางตรงและทางอ้อม เลื่อนเพราะนางเอกรู้จักสั่งสอนนางกำนัลให้รู้ที่ต่ำที่สูง ไม่ใช่ลดแบบทีละขั้นสองขั้นนะแต่ลดจากหวงกุ้ยเฟยเป็นเฟยธรรมดาและหวั่นอี๋ เลื่อนจากไฉเหรินเป็นหวั่นอี๋ ( ที่ติตรงนี้เพราะเห็นว่าเป็นการลดและเลื่อนขั้นแบบฮวบฮาบเกินไป เฟยธรรมดานี่ศักดิ์ต่ำกว่าหวงกุ้ยเฟยและสี่เฟยชั้นสูงหลายขั้นเลยนะไฉเหรินเป็นหวั่นอี๋ก็ข้ามมาหลายขั้นเช้นกัน คิดว่าค่อย ๆ เลื่อน ค่อย ๆ ลดดีกว่า )
บทที่หก - บทที่สิบ :
บทที่หก - ฮ่องเต้มีหน้าที่เพิ่มคือตัดหญ้าหน้าตำหนักเย็น ( เอิ่ม เป็นถึงฮ่องเต้น่าจะถือตัวสักนิด ไม่ควรยอมไปตัดหญ้าง่าย ๆ นะ )
บทที่เจ็ด - เริ่มด้วยประชุมเช้า จบด้วยเสด็จไปตำหนักเย็นประกาศศักดาว่าไม่ได้เกรงกลัวนางเอก ( เรายังไม่เห็นเหตุผลที่ฮ่องเต้จะะกลัวนางเอกเลยนะ เห็นแต่ว่าฮ่องเต้พยายามเกี้ยวพานางเอก )
บทที่แปด - เริ่มด้วยจับผีต้นเถาฮวา นางเอกลองชงชาให้องครักษ์คนสนิท( ตัวปลอม ) ดื่ม องครักษ์ดูท่าจะติดใจมากดื่มไปสี่ถ้วยเชียวและยังเสนอว่าให้ลองชงไปให้ฮ่องเต้ดื่มบ้าง นางเอกรับปากว่าจะลอง
บทที่เก้า - เกี่ยวกับลูก ๆ ของฮ่องเต้ที่เหล่าสนมกำลังกังวล แต่เจ้าตัวดูไม่สนใจเท่าที่ควร
บทที่สิบ - องครักษ์คนสนิทตัวปลอมพานางเอกหนีเที่ยวนอกวัง ( เอิ่ม นางเอกเป็นสนมในวังไม่ควรทำแบบนี้อย่างมาก เพราะถือว่ามีใจเป็นอื่นไม่ภักดีต่อฮ่องเต้ มันเป็นการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง คิดแค่อยากสนุกก็ไป อยู่ในตำหนักเย็นอยู่แล้วยังจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนอีก )
บทที่สิบเอ็ด - บทที่สิบห้า :
บทที่สิบเอ็ด - หนีเที่ยวสำเร็จและเที่ยวกันจนพอใจ
บทที่สิบสอง - ความจริงเรื่องฮ่องเต้ปลอมเป็นองครักษ์คนสนิทถูกเปิดเผยอย่างจังนางเอกถึงกับโหนเกี้ยวหนี ( หา! ดูเหมือนนางเอกจะลืมไปว่าควรสำรวมให้มากกว่านี้นะ โหนเกี้ยวนี่เป็นกิริยาที่สนมควรทำใช่ไหม 555 )
บทที่สิบสาม - นางเอกหนีไม่รอดเลยถูกจุมพิตจนตัวอ่อนปวกเปียก จุดเริ่มเริ่มต้นของการหวนรัก
บทที่สิบสี่ - ดอกรักผลิบานในตำหนักเย็น จบด้วยนางเอกชงชาไว้เผื่อขันที
บทที่สิบห้า - นางเอกพยายามเอาชีวิตริดในตำหนักเย็นต่อไปโดยวางแผนทำเรื่องต่าง ๆ
>>741 เองมาต่อกันเลย
บทที่สิบหก - บทที่ยี่สิบ :
บทที่สิบหก - หวั่นอี๋ให้บทเรียนนางกำนัลอีกครั้งอย่างเจ็บแสบ
บทที่สิบเจ็ด - เหล่าสนมใส่หน้ากากเข้าพบกัน นางเอกจะเริ่มร้ายแล้ว 555
บทที่สิบแปด - นางเอกได้รับพระราชทานอภัยโทษ ได้สลับตำหนักกับหวงกุ้ยเฟย ส่วนหวงกุ้ยเฟยถูกลดเป็นไฉเหริน ( ยังคงลดแบบฮวบฮาบเหมือนเดิม ไม่เห็นแก่ความดีก่อนเก่าของหวงกุ้ยเฟยเลย )
บทที่สิบเก้า -นางเอกให้คนสนิทเอาหีบเครื่องประดับไปให้จางไฉเหริน จบด้วยฮ่องเต้ไปหานางเอกในเย็นวันนั้น
บทที่ยี่สิบ - กินกันแล้วจ้า 555
บทที่ยี่สิบเอ็ด - บทที่ยี่สิบสี่ :
บทที่ยี่สิบเอ็ด - หลังจากรบรากันตามประสาฮ่องเต้กับสนม นางเอกก็รับราชโองการให้เข้าร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ของรัชสมัยนี้เป็นครั้งแรก
บทที่ยี่สิบสอง - หวั่นอี๋บวงสรวงสรวงสวรรค์ต่อหน้าเชื้อพระวงศ์และเหล่าขุนนาง ( สงสัยจังว่าหวั่นอี๋สามารถบวงสรวงสวรรค์ได้ด้วยเหรอ เท่าที่เคยดูซีรีส์มาเห็นว่าฮองเฮาที่เหมาะทำหน้าที่นี้เคียงข้างฮ่องเต้ ถ้าไม่มีฮองเฮาน่าจะเป็นสนมที่ต่ำลงมาแต่ไม่น่าใช่หวั่นอี๋อ่ะ )
บทที่ยี่สิบสาม -เลื่อนขั้นให้เสียนเฟยเป็นหวงกุ้ยเฟย เพื่อรอวันแต่งตั้งฮองเฮา ( แฟนคลับพากันต่อว่าผู้เขียนยกใหญ่เพราะไม่อยากให้พระเอกมีสัมพันธ์ ( ปั่มปั๊ม ) กับสนมอื่น จนเราแปลกใจว่านางเอกยศต่ำนะจู่ ๆ จะแต่งตั้งข้ามขั้นตั้งหลายขั้นได้ยังไง อีกอย่างก็เพิ่งพระราชทานอภัยโทษมาไม่นานหวั่นอี๋ก็น่าพอแล้วสำหรับตำแหน่งแรกหลังพ้นมลทิน )
บทที่ยี่สิบสี่ - แฮก ๆ มาถึงบทล่าสุดสักที บทนี้เหมือนแต่งเอาใจแฟนคลับเพราะมีคอมเมนท์ต่อว่าฮ่องเต้เยอะ
คำฟุ่มเฟือยที่ว่าเช่น กัมปนาทดังกึกก้อง ( บทที่สอง ) ชูช่อผลิดอกหยอกล้อ ( บทที่สิบ ) เป็นต้น
แค่นี้พอแล้วกัน รอคนอยากสับคนต่อไป
กูขออวยนิยายหน่อย
ตำนานสงครามบัลลังก์เหนือ
https://my.dek-d.com/bcgs/writer/view.php?id=1625175
หลังจากดองไป เกือบสิบปีในที่สุดนักเขียนก็กลับมาลงแล้ว นึกว่าชาตินี้จะไม่ได้อ่านตอนจบแล้วเนี่ย
ตอนนี้อยู่ในช่วงรีไรท์ของเดิมที่เกือบเหมือนเดิม ลองไปอ่านดูได้ (แบบก่อนรีไรท์ปิดไปหมดแล้ว)
นักเขียนเคยมีผลงานกับสถาพรมาก่อนเรื่อง artifact hunters ค่อนข้างเงียบ ๆ นะ แต่จะว่า “ก่อน” ก็ยังไงอยู่เพราะเรื่องนี้เขียนก่อนหลายปี แต่ไม่ได้พิมพ์ พอแต่งเรื่องที่ได้พิมพ์เรื่องนี้เลยถูกแช่แข็ง
ปล.เรื่องนี้เป็นภาค 2 ภาคแรกเป็นนิยายทำมือ (รุ่นพ่อแม่) กูไม่ได้ทันอ่านเหมือนกัน แต่อ่านแยกได้
เรื่องนี้แฟนตาซีตามขนบเดิมเลย ไม่เบียว ไม่ดาร์ก เกิดใหม่ต่างโลก ฯลฯ
ภาษาดี เนื้อเรื่องดี ดีงามทุกอย่าง ยกเว้นภาพประกอบฝีมือนักเขียนที่กูว่าไม่ค่อยเอาอ่าว แต่เบลอไปได้ เพราะแปะมาที่เดียวตรงหน้าแรก
เรามาตามหาคนที่สับนิยายเรื่องนี้ https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1685602
ไปเมื่อวันก่อน จากคำสับของท่าน (ที่อ่านแค่สองบทแรก) เราได้ทำการรีไรท์ทั้งเรื่องเรียบร้อย
แต่อยากให้ท่านช่วยกลับไปอ่านสองบทแรกอีกครั้งดูฮะ
ถ้าท่านไม่อยากอ่านอีกทีก็ไม่เป็นไร อยากบอกว่าขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ในวันนั้นมากๆ เลยฮะ
>>741 >>742 เรื่องนี้ห้องนิยายเสิ่นเจิ้นก็ด่าไว้แหลกอยู่
ไอแพรขาวอะ ไม่เหมาะกับยศนางเอกปะ และขนาดของแพรขาวแค่สามศอกมันจะใช้ห่มตัวเองได้ยังไง
ฮ่องเต้ลดฮวบฮาบขนาดนั้นไม่ได้ นี่ไม่ใช่แค่ความพอใจ แต่เป็นการเมือง ตระกูลขุนนาง ตระกูลของสนมแต่ละนางจะว่ายังไง
เรื่องทำพิธี นางเอกก็ไม่มีสิทธิ์ดิ จะไปทำคู่กับฮ่องเต้ได้ไง ยศยังด้อยกว่าคนอื่นอยู่เลย
แล้วเรื่องคนอ่านบอกไม่ให้ฮ่องเต้ไปมีอะไรกับสนมคนอื่น อันนี้ก็ตลกอีก นี่ฮ่องเต้ นี่คนที่มีเมียสามพัน นี่คนที่ต้องมีเมียเยอะเพื่ออำนาจ นี่แนวจีน+โบราณที่ผู้ชายเป็นใหญ่
ไม่สมเหตุสมผลทั้งเนื้อเรื่องทั้งคนอ่าน
ขอบคุณโม่งที่มาสับ เราอยู่แนวเดียวกัน ไว้ว่างๆจะสับมั่ง
>>746 สับตรงนี้ คนเขียนก็ไม่รู้หรอกว่า เค้าเขียนเป็นยังไงบ้าง
โม่งในนี่ ความจริงสามารถเข้าไปแวะได้ทุกเรื่องที่สับ
แต่ไม่ทำกัน
คนเขียน เขียนให้ตาย ก็ไม่รู้หรอกว่า มีคนมองนิยายเค้าว่ามีจุดดีจุดด้อยยังไงบ้าง
พอไม่มีคอมเมนต์ กำลังใจอยากเขียนมันไม่ค่อยมีหรอก
สรุปฟีดแบล้ก ไม่มีทั้งคนเขียนและคนอ่าน อย่าหวังว่าจะเห็นการพัฒนาปรับปรุงที่สับกันมาต่อไป (ไร้อารมณ์ร่วมนั่นแหละ)
>>745 ผมไม่ใช่คนสับนะ แต่คิดว่าเนื้อเรื่องแบบนี้บรรยายเป็นบุรุษที่ 3 น่าจะดีกว่า (คหสต.) แล้วก็มีเรื่องการใช้สัญลักษณ์กับการบรรยาย รู้สึกว่าการบรรยายยังติดภาษาการ์ตูนอยู่ อ่านแล้วรู้สึกแปลก ๆ ส่วนคาร์แรคเตอร์ตัวละคร ถ้าผมเดาไม่ผิดคิดว่าจะทำให้พระเอกห้าว ๆ ห่าม ๆ ตามประสานักเลงใช่ไหม? ถ้าใช่ผมแนะนำว่าลองทำความเข้าใจกับคาร์แรคเตอร์ตัวละครมากกว่านี้ดีกว่าไหม เพราะที่เขียนมาตัวละครค่อนข้างน่ารำคาญ ส่วนโครงเรื่องจัดว่าน่าสนใจทีเดียวครับ ค่อย ๆ พัฒนานะครับ เป็นกำลังใจให้ #คนดี2017
Ky นิยายจีนเสินเจิ้นคืออะไร จีนเก๊เรอั
KY เคยมีจีนเสินเจิ้น เอาไปแปลจีน ขายจีนปะวะ?
>>751 เออกุขอ Ky มั่ง...
เห็นก่อนหน้านี้พูดถึง "นิยายการ์ตูน" กัน กุเลยสงสัยว่ะว่าคนอ่านส่วนใหญ่เขาจินตนาการออกมาเป็นคนจริง ๆ กันตลอดเลยรึเปล่าวะ
อย่างของกุนี่อาจจะเรียกว่าบ้า... เพราะกุอ่านนิยายไม่ว่าจะแบบไหนในหัวกุก็นึกภาพเป็นการ์ตูนออกมาหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นนิยายเอเชียหรือฝรั่ง แม้กระทั่งนิยายสอบสวนอย่าง เชอร์ล็อค โฮมส์ กุยังนึกภาพเป็นการ์ตูนก่อนเลย ล่าสุดกุหยิบ TLOR มาอ่าน กุยังเห็นภาพเป็นการ์ตูน แทนที่จะเป็นนักแสดงแบบในหนังซะงั้น...
นี่เป็นผลจากอ่าน LN มาไปรึเปล่าวะเนี่ย...
กูไม่เข้าใจคนอ่านส่วนใหญ่เขาไม่เบื่อกับเเนวเดิมๆเหรอวะกูเห็นเเต่งเเต่เเนวเดิมๆก็ดังได้
ไม่มีใครรู้หรอกว่า เมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน คนโบราณเห็นภาพเป็นการ์ตูนหรือคนจริง ต่อให้ไม่มีการ์ตูนให้ดูก็มีภาพฝาผนังตามโบราณสถานมาเป็นต้นแบบขึ้นภาพในหัว ไม่งั้นละก็ ในยุคสุนทรภู่ คนวาดแม่งจะวาดโชเน็นจัมป์มาแต่รัชกาลที่ 2 เรอะ
เอ้า เฮียโน๊ตมาแล้ว โม่งอยากเสนอก็จัดไป
https://www.dek-d.com/board/view/3789672/
>>763 ซื้อโฆษณานิยายนี่เป็นไอเดียที่ดีนะ ยังไงก็ควรมีไว้
ทุนนิยมมันต้องแบบนี้แหละ ตามใจตลาด แข่งขันอย่างเท่าเทียมด้วยการลงทุน
ใครไม่ใช้ก็ไม่เป็นไร คนเงินเหลือใช้ได้ก็ใช้ไป ใครจะกู้แบงก์มาโปรโมทนิยายขาย
ดีกว่าโฆษณานิยายพวกเดียวกันเองแล้วไม่เคยได้อะไรคืนมาเลย
ราคาพื้นที่ตรงโฆษณาแฟนต้านั่นกี่บาทวะ รำคาญฉิบหาย
ไม่มีใครสับนิยายแล้วหรอ?
มันเพิ่งจะอวยเอาตอนนี้ แถมลงผิดหมวด https://www.dek-d.com/board/view/3789770/
เวลามีคนบอก เดี๋ยวแจกัน กูนึกถึง บาตรพระตลอดเลยว่ะ
ลงชื่อ เซฮุน คืนนี้แจกัน
>>774 มึงยังไม่จบสินะ เอาหลักฐานชั้นรองจากวัฒนธรรมอื่นมาเถียงหลักฐานชั้นต้นของวัฒนธรรมดั้งเดิม ปัญญาอ่อนชิบหาย เถียงอยู่ได้ว่าแจกัน ไอ้ที่มึงพูดถึงในอินเดียมันคือ กุมภ ไม่ใช่แจกัน คนละเรื่องกันเลย และไม่มีที่ไหนบอกว่ามันคือต้นกำเนิดของบาตรด้วย
แจกันที่เบตที่มึงบอกว่ารักษาความหมายดั้งเดิมไว้นักหนากูก็เอามาเทียบให้ดูแล้วว่าคนละคำ ยังมีหน้าเอามาแย้ง โง่ดักดานไม่เปลี่ยนจริงๆ อ.กะหลวงพี่มึงไม่เคยสั่งสอนเรื่องการใช้หลักฐานเหรอว่าต้องใช้ยังไง
เรื่องลูซอเฟอร์ก็ด้วย ต่อให้มึงจะพูดยังไงมันก็ไม่ใช่แสงอยู่ดี เป็นแค่สิ่งที่ใกล้เคียงเท่านั้น แบบเดียวกับที่อพอลโล่ไม่ใช่เทพแห่งพระอาทิตย์ แต่เป็นแค่คนลากพระอาทิตย์นั่นละ ถึงคนส่วนใญ่จะเข้าใจยังไง เทพแห่งพระอาทิตย์จริงๆ ก็คือเฮลิออส และลูซิเฟอร์ก็แปลว่าแสงไม่ได้ด้วย
สำหรับคนอื่น กูขอโทษที่มาต่อความยาวนะ ถ้ามันไม่พูดกูก็ไม่มาต่อหรอก
ลัทธิบูชาบาตร ทั้งๆที่ศาสนาไม่ให้ยึดวัตถุ ให้หายังไงของมึงก็หลักฐานกุ
ลูซิเฟอร์ มัน แปลว่า light bearer, morning star อันนี้แม่งมึงเงียบปากจะดูดีกว่านะ
ให้เด็กที่มันเข้ามาอ่านไป researcher ต่อเองเลย
ลงชื่อ เซฮุน แจกันคืนนี้
researcher นี่เป็น n ปะวะ ไม่ควรต่อคำว่า ไป...
อะ ให้เด็กที่เข้ามาอ่านไปresearchต่อเองเลย กุแก้ให้ๆ เห็นว่ามึงฉลาดไม่อยากให้พลาดอะไรแปลกๆ
เอ้อ light bearer ไม่ได่เท่ากับ light นะรู้ยัง
Luicifer - Old English, from Latin, ‘light-bringing, morning star,’ from lux, luc- ‘light’ + -fer ‘bearing
มึงเอาเวลาหารากศัพท์รากเหง้าไปสับนิยายเก่าๆดีกว่าเถอะ
เถียงเรื่อง lucifer ไม่ใช่แสงนี่โง่เหี้ยๆ บอกตรงๆนะ
ว้ายอยู่ในห้องสับนิยายไม่สนใจคำผิดดั้วะ สมเป็นเซฮุนมากๆ กรี๊ดแล้วข่ะ แถมยังสามารถยกตัวอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งในเชิงสาระและรูปแบบได้อย่างชัดเจน สมเป็นเซฮุน อะเก๊น
จี้สัสบอกว่า auto suggestion แต่แยกแสงกับผู้นำแสงไม่ออก lux = light ดังนั้น lucifer ที่มาจากราก lux นี่ต้องแปลว่าแสง ว๊ายตั่ยแหล้วว
ปล.ขอโทษที่ฟีดค่ะ
มาเฟียลูกกะหรี่ ดีแต่รุม
พวกมึงแม่งสันดานเดิม
มาตายโง่ๆ เพราะเชื่อในเพื่อนๆโง่ๆของพวกมึง
ไหนว่าจะไม่คุยเรื่องบาตร แจกัน ลูซิเฟอร์ห่าเหวไรพวกนี้แล้วไง ถ้าจะเถียงเรื่องนี้แนะให้ไปเปิดทู้ใหม่คุยดีกว่ามั้ย ห้องสับนิยายไม่ใช่หรอวะ ไม่ไฟท์กันแบบนี้ดิ
จะเถียงกันเรื่องซ้ำซากเชิญห้องเนตวอชครับ
จะส่อทางเพศเชิญห้องกามาครับ
เขาแบ่งประเภทห้องให้แล้ว ก็ไปให้ถูกห้องด้วย
เซฮุนเนี่ย เคยมีวีรกรรมตบหัวแล้วลูบหลัง ประมาณไปด่าเขาเสียๆหายๆ แล้วกลับมาอวย โดยหารู้ไม่ว่า ip มันยังไม่เปลี่ยน เลยโป๊ะแตก
ไอ้เรื่องนี้ยังไม่เท่าไหร่ เข้าใจว่าเป็นเด็กเกรียนธรรมดา ตอนแรกก็เหมือนว่าโป๊ะแตกแล้วจะหายไป แต่ท้ายที่สุดก็กลับมา แถมกลับมาในชื่อเดิมด้วยทั้งๆที่จะเปลี่ยนไปใช้ชื่ออื่นคนก็ไม่รู้ แสดงว่าหวงชื่อ "เซฮุน" มาก แล้วแบบนี้จะไม่เรียกว่าวอนนาบีซัมวันได้ยังไง
จะเอาอีกไหม มีเรื่องเสร่อๆอีกตั้งหลายอย่าง รำคาญพวกโง่อวดฉลาดที่อยากดัง แถมเสือกอยากดังในสถานที่ๆเขาปกปิดตัวตนกันด้วย น่าสมเพช
ก็ไม่ควรจะไปให้ค่า คนจิตไม่ปกติเรียกร้องความสนใจหรอกนะ เวลามันพูดอะไรเพี้ยนๆก็ไม่ต้องยุ่งกับมัน จบ
เซฮุนที่พวกมึงเถียงเรื่อยมาก็แค่เซฮุนวอนนาบี เซฮุนตัวจริงคือคนนี้ต่างหาก https://th.wikipedia.org/wiki/โอ_เซ-ฮุน
เซฮุนโผล่มาทีไรทำงานกร่อย คนสับนิยายหนีหมด
ไอ้เหี้ยตรรกะ grave robber นี่โง่ควายสุดละ มึงเขียนนิยายได้ยังไงวะ
ถ้ามึงลูกกะหรี่ มึงไม่ใช่กะหรี่ ใช่ แต่มึงเป็นลูก คนก็ต้องถามมึงลูกใครเหล่าเต้า ลูกกำพร้า ลูกทาส ลูกอะไรก็ว่าไป บางอย่างต้องขยาย บางอย่างไม่ต้อง
Light + bearer แม่ง เหมือนลูฟี่มนุษย์ยาง เหมือน Batman มนุษย์ค้างคาว ไอ้ห่า คือมึงเป็นคน กูเรียกมึงควาย เพราะมึงคิดควายๆ มนุษย์+ควาย มึงโง่จรไม่เข้าใจอะไรวะ
bearer มันต้องบอกสิวะ ว่ามึง นำพาอะไร แบกอะไร fire bearer, pussy bearer, cock bearer
Robber มึงไม่ต้องเจาะจง ปล้นเหี้ยไรก็ปล้น ถ้ามึงดังจากการปล้น grave หรือมึง เฉพาะทาง เหมือนหมอควย หมอผี หมอหี หมอไต ก็เป็นหมอ
โอ้ย เด็กเห่อหมอยยยยยย
แวบมาอ่านก็สลายตัวนะไปนะพวกมึงน่ะ โง่เหี้ยๆ โง่สัดๆ ถึงมาหลบอยู่ในนี้กัน
ลงชื่อ เซฮุน พรุ่งนี้แจกัน
มึงคิดว่าคนโบราณรู้ส่าแสงเป็นอณุภาค/คลื่นเหรอ มันเป็นการเปรียบเทียบแบบนามธรรม ไม่ได้มีความหมายตรงตัว
Light Bearer คือ Morning Star ดาวแรกของวัน คนโบราณถือว่าเป็นดาวที่นำแสงสว่างมายังโลก Light Bearer หมายถึงดาวดวงนี้
ในเมื่อมันนำแสงสว่างมาสู่โลก แล้วตัวมันเองจะเป็นแสงได้ยังไง เหมือนที่กูเทียบอพอลโลกับเฮลิออสนั่นละ
แล้ว Bearer ไม่ต้องเจาะจงนะ คำนี้แปลว่าผู้ถือ แบกหาม ตัวรับน้ำหนัก อยู่แล้ว ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าถืออะไร
นี่ก็ได้ Cup Bearer คนถือจอกในราชสำนัก เอาตามมึงเลยนะ คนถือจอกจะเป็นจอกรึเปล่าละ
>>803 น้ำปลาคนแบกกุ้ง มึงเป็นคนแบก มึงไม่บอกว่าแบกอะไร?
คนแบก+จอก แบกควย แบกหี มึงต้องขยาย มึงจะไปแบกรถ แบกขี้ได้หรอ? ถ้ามึงเจาะจงแล้ว
ไอ้เหี้ย grave robber มึงชวนไปปล้น bank มันก็ไปได้ เพราะมันโจร อาจจะไม่เทพ ขุดๆไป แต่โคตรมันก็ grave robber
Light bearer/ Morning star
Lucifer = ผู้พาแสงสว่าง เรียกผู้พา เฉยๆ มึงพาน้ำ? เปล่า? มึงพาไฟ? เปล่า
มันพาแสง
เลิกโง่ว่ะ ขอโทษนะ โง่เหี้ยๆ
The Septuagint renders הֵילֵל in Greek as ἑωσφόρος (heōsphoros), a name, literally "bringer of dawn", for the morning star. The word Lucifer is taken from the Latin Vulgate, which translates הֵילֵל as lucifer, meaning "the morning star, the planet Venus", or, as an adjective, "light-bringing".
Lucifer bears the Light, but Christ is the Light; thus Lucifer is the Christophor, the Christ-Bringer. Another phrase from early Christianity also suggests this relationship: Christus verus Luciferus, which means “ Christ is the true Light-Bearer
Lucifer, as the embodiment of the Astral Light, of visible, revealed light can also be interpreted as the embodiment of the Fall into that Light, into the vast realm of Earth characterized by light travelling just under the speed of light. It sounds paradoxical if not confusing, but at the exact “speed” of light, there is no light or time or motion. That is the Pleroma, or Heaven.
The created worlds of Earth are the vehicles for speeds less than the full speed of light, from a little to a lot . Lucifer’s Fall was a speeding violation for going slower. Equally penetrating is the insight offered by one of Blavatsky’s contemporaries, the occultist Eliphas Levi (whom she cites) who wrote in 1860 that the Fall of Adam was an “erotic intoxication” with this “fatal light.” This made all subsequent humans similarly vulnerable to and “menaced” by the “exceedingly dangerous exaltation of this interior phosphorus.”
The Astral Light, Levi proposed, is the demonic fire of hell, the central fire that encompasses the Earth, consuming everything and leading to intoxication and “sin,” and it is also the revelation of the “Great Magical Agent,” the celestial Lucifer, the Morning Star of intelligence, who is the vehicle of light, the receptacle of all forms, and a “mediating force” diffused throughout all the created realms.
All the seeds of stars, planets, gods, humans, living creatures contained within Phanes’ silver egg comprise the Light that Lucifer is Lord and Bearer of. Lucifer contains this prodigy of Light, so therefore he is its Lord. He is Lord of Light not out of ambition, but because this is how the Supreme Being made him: he is the container of the light of creation and the means by which the world is visible. His appointed task is to bear and bare the Light, to be reservoir and epiphany. Lucifer is the Lord of Light because the Light he holds births the stars, which is to say, generates the multiplicity of gods. They are beholden to Lucifer for their Light and are subsequent to him in the sequence of creation
เก็บกดอะไรกันมาจากในบอร์ดหว่า ไอ้ขี้แพ้เรียกร้องความสนใจคนเดียวก็เกินพอล่ะนะ
>>804 ลองคิดตามนะ Cup Bearer คนถือจอกจะเป็นจอกรึเปล่าละ
>>805 Bearer เฉยๆ ก็มีความหมายแล้ว ไม่ต้องเจาะจงก็ได้ มึงอ่านจากไหนว่าต้องเจาะจง
แล้วมันพาแสงแปลว่ามันคือแสงป่าวละ ถ้าไม่ใช่ มันก็ไม่ใช่แสง มันงงตรงไหน
>>806 อ่านเองดีกว่า
http://biblehub.com/hebrew/1966.htm
http://biblehub.com/hebrew/1984.htm
ก่อน ลูซิเฟอร์จะเหี้ย มันเป็น Angel of Light
กูไปนอนละสัด พรุ่งนี้แจกัน
กูถามจริงๆ มึงเขียนนิยายกันได้ไง คิดยังไม่เป็นระบบระเบียบ
กูเข้าผิดห้องหรือเปล่าวะ
อวาลอนนี้เลิกเขียนเเล้วเหรอวะ
อวาลอน ชื่อนิยาย
มึงเรียกมันว่า นิยายอวาลอน
มันเป็นทั้ง นิยาย และ อวาลอน
ลงชื่อ เซฮุน พรุ่งนี้แจกัน
สัสไม่จบ5555555
>>798 กูไม่ได้ใส่ไฟ และไม่จำเป็นต้องใส่ไฟ เพราะไม่ได้เคียดแค้นชิงชังอะไรมึง เพียงแต่สมเพชความวอนนาบีซัมวันของมึงเท่านั้น
ต้องให้กูพูดอะไรอีกเหรอ ก็ไม่มีอะไรอยากจะพูดมากนะ คนอื่นเขาเอือมกันจะแย่แล้ว ไอ้แสงไอ้บาตรแจกันอะไรเนี่ยพอเถอะ เอาเป็นว่าถ้ามึงอยากเป็นฝ่ายถูกนักกูให้มึงถูกก็ได้ บาตรมาจากแจกัน ลูซิเฟอร์แปลว่าแสง จะเอาอะไรอีกก็บอกมา กูให้มึงได้ทุกอย่างเลย แต่ช่วยเลิกทำตัวระรานคนอื่นจะได้ไหม
เลิกสับนิยายกันดีมั้ยล่ะ จะได้คุยเรื่องแจกันลูซิเฟอร์ กูจะได้ย้ายบ้านล่ะ
สับนิยายในนี้ ถ้าไม่เอาไปแซะคนเขียนให้รู้
กูว่าไร้ประโยชน์ที่เพื่อนโม่งทำมากเลยวะ
ที่กูเห็น ในขณะที่หน้านิยาย กูรู้ว่าคนเขียนส่วนใหญ่ รอคอมเมนต์ ไปวิจารณ์อยู่
แต่แม่งว่างเปล่าในหลายๆเรื่องที่สับกันไป
คนเขียนแม่งไม่รู้หรอกว่า งานตัวเองเขียนเป็นไง คนอ่านว่ายังไง
ก็นะ
จุดประสงค์ดี แต่คนเขียนไม่รู้ มันก็เกม
ว่าแต่เมื่อไหร่จะเลิกสนใจเซฮุนกันวะ เหมือนเด็กเกรียนเห่อหมxย อิเหี้ย ทำตัวหน้าหนาหน้าทนกวนตีนไปงั้นแหละ ก็แค่เรียกร้องความสนใจ เลิกสนใจมันก็แห้งตายไปเอง นี่ผ่านมาตั้งกี่มู้แล้ว ให้อาหารมันอยู่ได้
>>824 หวัดดีนี่เซฮุนนะ จะแย้งให้ฟัง (ขอพูดซีเรียสบ้าง)
ประเด็นที่มึงยกมา คือ เห็นว่าสับในนี้ไร้ประโยชน์ เพราะคนเขียนไม่รู้
แต่ประโยชน์อื่นมันมี
1- มึงรู้ได้ไงว่าคนเขียนไม่รู้ เขาอาจจะรู้ก็ได้ ถึงไม่ทุกคนมันก็มีคนรู้ ถึงไม่รู้วันนี้ อีจิ๋มบวมมันเอาไปแปะบอร์ด เด็กมันก็แห่มา ข้อมูลมันไม่มีป้ายหมดอายุ
2- ประโยชน์ของมันคือเพื่อคนสับเอง ไม่ใช่คนเขียนโดยเฉพาะ
เป็นการฝึกให้คนสับ edit เป็น เพราะนักเขียนทุกคนต้อง edit นิยายตัวเองได้ และ!
เมื่อนักเขียนก้าวข้ามจุดเล็กๆอย่างคำผิดแล้ว ฝีมือในการ edit พัฒนาการมันก็จะไปด้านอื่น จังหวะ ย่อหน้า พล็อต โครงสร้าง อาร์คเรื่อง อาร์ตัวละคร ความสมเหตุสมผล การใช้สัญลักษณ์ อะไรก็ว่าไป
มึงอาจจะมองไม่เห็นภาพตอนนี้ แต่มึงต้องเข้าใจว่าคนที่เป็นพ่อครัวเก่งๆ เขาเอาลิ้นแตะอาหารคนอื่นเขารู้เลยมันใส่มาบ้าง อะไรเกินใส่อะไรน้อย รสแบบนี้มันผงนี้นี่หว่า... บางคนแดกจนอ้วนทำกับข้าวหมาไม่แดกก็มี บางคนอ้วนทำกับข้าวได้ก็เยอะ แต่เชฟผอมๆค่าตัวแพงๆก็มี... ซึ่งที่ว่าให้เทพอ่าน 8 บรรทัดก็รู้ว่านักเขียนคนนี้เขียนเป็นไม่เป็นมันจริงทุกอย่างนะ... นี่ประโยชน์คนสับ
3- มันเป็นการรีวิว ตอนนี้มีการให้คะแนน เช่น 3/10 มันเหมือนการไปเที่ยวกินอาหารตามร้านแล้วให้ดาวให้ความเห็น... มันเป็นประโยชน์คนอื่นที่มาอ่านการรีวิว
รสชาติถึงจะถูกปากชาวบ้าน แต่นักชิม เขาที่เคยกินมาเจ็ดย่านน้ำอาจจะไม่ถูกใจก็ได้ ไก่ต้องสด พิถีพิถัน คุณภาพ บลาๆ ตรงนี้ผู้บริโภคสามารถเอาไปตัดสินใจได้ (มันอาจจะไม่สาธารณะ แต่ก็นะ)
ไม่ใช่ว่าเป็นอาหารตามสั่งคนกินเยอะมันจะเป็นอาหารที่ดี ข้าวมันไก่เยิ้มๆแดกอร่อย แต่ทำลายสุขภาพไหมล่ะ นิยายติดท็อปคนอ่านเยอะมันก็จะไปพวกนั้น พวกสัมพเวสีมันก็อิจจาไป แต่กูเฉยๆ เพราะกูเข้าใจตลาด
นิยายดาร์กส่งเดช มันอาจจะเป็นเหล้าขาวต้มที่แดกแล้วตาบอด ขณะที่ดาร์กดีๆคือเหล้าบ่มนาน
นิยายมันเป็นงานศิลปะแบบหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ควรมีตารางโภชนาการแบบสิ่งอุปโภคบริโภค นิยายเรื่องนี้มีคำหยาย R18 มันยังไม่ละเอียดในสายตากู ถ้าบอกได้ว่าขับเคมีสมอง Dopamine กี่หน Oxytocin กี่หนได้ แบบบอกแคลอรี่ บอกน้ำตาล บอกโปรตีน ก็จะดีมาก
ลงชื่อ เซฮุน มึงก็ลองสับดูสักเรื่องสิ
หาพวกอะไรวะ รณรงค์อะไรของมึง บ้าบอ อะไรทำให้คนเราสำคัญตัวผิดได้ขนาดนี้ เฮ้อ
คร่อก... เหตุผลไม่ได้ก็โกรธ เด็กว่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3789987/ สำคัญตัวผิดขนาดไหนวะ กระทู้เก่านี่ออกงิ้วดิ้นกว่าคนก๊อปแล้วมั้ง
>>830 มึงอ่านแล้วดูไม่เป็นการหาพวก หรือ รณรงค์?
"ว่าแต่เมื่อไหร่จะเลิกสนใจเซฮุนกันวะ เหมือนเด็กเกรียนเห่อหมxย อิเหี้ย ทำตัวหน้าหนาหน้าทนกวนตีนไปงั้นแหละ ก็แค่เรียกร้องความสนใจ เลิกสนใจมันก็แห้งตายไปเอง นี่ผ่านมาตั้งกี่มู้แล้ว ให้อาหารมันอยู่ได้"
>>831 ก็ทำไปมึง สวะ หรือ ไฮดร้า ก็แล้วแต่คุณมึงเลยครับ ขำว่ะ
ถ้าดูตาม Guideline มันผิดเกือบทุกข้อ Admin บอกแล้วว่าถ้ามากไปก็แจ้งแบนได้
พวกมึงก็อย่าไปคุยกับมันก็พอ ให้มันเรื้อนเองคนเดียว เวลาแจ้งแบนจะได้ไม่มีข้ออ้าง
กูดีใจที่เป็นกลไกสำคัญในการทำให้พวกมึงปรองดองกันนะ
ลงชื่อ เซฮุน กูก็จะสับนิยายต่อไป ว่าแต่พวกมึงคงไม่สนใจอยู่ดี ฮ่าๆ
พวกมึงเลิกพูดถึงมันเลย ยิ่งพูดมันยิ่งชอบใจ มันเกรียนห่าเหวไรก็ไม่ต้องโต้ตอบ ทำมันเป็นอากาศธาตุไป
ผ่านไปเกือบห้าสิบเม้นต์ นอกจากเถียงกันเรื่องอะไรไม่รู้ ก็ไม่มีสาระอะไรเลย กูบอกไปเถียงกันในห้องเนตวอร์ช นี่ห้องสับนิยาย พวกมึงกำลังจะทำตัวเหมือนพวกบอร์ดเด็กดีนะ รู้รึเปล่า...
ใครช่วยบอกรายชื่อคนแปะลิ้งโม่งในเด็กดีหน่อยสิ มีกี่คนมีใครบ้าง
ky ชิบหายล่ะว่าเพื่อนโม่ง... กุกำลังตั้งใจซุ่มเขียนนิยายเรื่องหนึ่งอยู่เอาเป็นเอาตาย แต่ก็เริ่มฝืดเพราะใช้เวลาเขียนนานไปหน่อย (เขียนมา 3 เดือนแล้ว)
และวันนี้ก็เกิดเหตุขึ้น ระหว่างกุอาบน้ำอยู่ จู่ๆ ตัวกุก็ปิ้งไอเดียว่าจะรีไรท์เรื่องเก่าที่เขียนจบไปแล้วซะงั้น!! แถมความรู้สึกอยากเขียนก็เยอะอีกต่างหากด้วย!
เจอแบบนี้กุควรทำไงดีวะ! ถ้ากุหยุดเขียนเรื่องที่เขียนอยู่มีหวังขาดตอนแน่ แต่ถ้าไม่รีบกลับไปรีไรท์ก็มีหวังไอเดียหายหมดแหง!
เชี่ยเอ้ยย กุอยากเกิดเป็น อะมีบ้า แยกร่างเป็นสองคนได้จังโว้ย!
ยกตัวอย่างถูกป่าววะ https://www.dek-d.com/board/view/3790066/
วงการนิยายแปลแห่งสารขัณฑ์ https://www.dek-d.com/board/view/3790255/
เพื่อนโม่งมีใครอ่านเรื่อง rachelไหมกูอยากรู้มันรีไรต์เยอะไหมกูขก.กลับไปอ่าน
มู้นี้สปอยอปลกๆ ไม่รู้ทำไม
https://www.dek-d.com/board/view/3790019/
>>741 >>742 มาสับเรื่องเดิมต่อ
มีแฟนคลับในนี้อย่าว่าเรานะ
เรื่อง : เจิ้งฝูสื่อ จอมนางตำหนักเย็น
link : https://writer.dek-d.com/inin17305/story/view.php?id=1672006
จำนวน : 26 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
การเขียน หลังจากย้อนอ่านทั้งเรื่องมาราว ๆ สิบรอบสรุปได้ว่าภาษาดี แต่ใช้คำฟุ่มเฟือยไป มีคำผิดประปราย เคยข้อความลับไปคุยกับผู้แต่งแต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ถ้าลดคำฟุ่มเฟือยได้ก็เป็นนิยายที่เนื้อหาสนุกเรื่องหนึ่งในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต เลยล่ะ คะแนน 7 / 10
บที่ยี่สิบห้า - พระเอกยิ่งรุกนางเอกมากขึ้น เช้าวันต่อมานางเอกทำอาหารสองเมนูไปกินกับอี้หวงกุ้ยเฟย จบด้วยพระเอกหารือเรื่องการรบกับเหล่าขุนนางในท้องพระโรง
บทที่ยี่สิบหก - อี้หวงกุ้ยเฟยกับนางเอกกลายเป็นเพื่อนกัน นางเอกถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องในวังวนการแก่งแย่งช่วงชิงของเหล่าสนมเต็มตัว
อ่านมายี่สิบหกตอนรู้สึกว่านางเอกหลุดจาก concept จอมนางตำหนักเย็นมาเป็นนางสนมธรรมดา ๆ ในวังหลังนานแล้วอยากให้นางเอกกลับไปอยู่ตำหนักเย็นมากเลย
กุลองเอานิยายในเด็กดอยไปลงที่ธัญวลัยแล้วเติมฉาก Nc ลงไปด้วย ยอดวิวตอนที่มีฉาก nc โดยเฉลี่ยแม่งเยอะกว่าตอนเนื้อเรื่องปรกติหลายเท่า กุเลยสงสัยว่าคนมันอ่านแต่ฉาก nc แล้วมันจะรู้เรื่องเหรอวะ
คล้ายดูหนัง AV แล้วข้ามๆหาไป
ในเด็กดีนี่ก็มีหลายเรื่องใช้ฉากเย็ดเรียกวิวนะถึงจะไม่บรรยายโจ่งแจ้ง 20+ เปิดเรื่องมาด้วยการเข้าสิงร่างสาวที่กำลังโดนท่านอ๋องรูปงามสอดใส่ ถถถถ
มีใครเคยอ่าน จ้าวจตุรทิศ ไหม
มึงจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวหรือจีนบู้ก็เอาสักอย่างดิวะ https://my.dek-d.com/PMMchannel/writer/view.php?id=1694918
ky ถามหน่อยสิ สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าหิมพานต์นี่ตัวอะไรวะ?
>>882 เรื่องนี้คนเขียนแม่งหากินแนวนี้เลยเหอะ กุเห็นแม่งติดท๊อปเลยเข้าไปอ่าน กุสุ่มไปอ่านตอนจบ นางเอกคลอดลูก แม่งคุยกับคนทำคลอด ยอกกับคนทำคลอดไปเบ่งไปได้ด้วยนะมึง
อีกเรื่องนึงพอแม่งเปิดมานางเอกโดนพิษ ส้นตรีนอะไรสักอย่าง ต้องนอนกับผู้ชายพันคืนถึงจะรักษาชีวิตไว้ได้ เอากะมันดิเอา ปล.นี่กุอ่านแค่คำโปรยนะ มันบอกไว้ประมาณนี้
เออ แล้วสดายุกับสัมพาทีนี่เก่งยังไงบ้างวะ ไปดูที่ไหนก็มีแต่สัมพาทีโดนเผาขนกับสดายุโดนแหวนกระแทกตายจนกูสัมผัสความเก่งของมันไม่ได้เลย
>>885 หูย เพิ่งเห็นคำถามนี้
ในอากาศคือครุฑ ถือเป็นเจ้าเวหา ไม่มีใครสู้ได้ พระนารายณ์เคยประมือด้วย ผลคือเสมอกัน เลยทำข้อตกลงซึ่งกันและกัน ครุฑกลายเป็นพาหนะของพระนารายณ์ตั้งแต่นั้นมา
บนบกคือไกรสรสีหะ แค่เสียงร้องก็ทำสัตว์อื่นตกใจตายได้ พละกำลังแข็งแรงมาก จนมีคนบอกไว้ว่า "ในบรรดาสัตว์สี่ตีนนั้นไม่มีสัตว์ใดจะกระโดดไปในอากาศได้เร็วเท่าไกรสรสีหะ ยกเว้นแต่ช้างแก้ว"
ในน้ำคงเป็นนาค เนรมิตตัวเองได้ เนรมิตอะไรต่อมิอะไรก็ได้ สร้างปราสาท สร้างน้ำให้ท่วมป่าหิมพานต์ บลาๆ มีพิษแบบต่างๆ ไปอีก
>>896 รู้สึกแทบจะไม่มีอะไรทำอันตรายสดายุได้เลยนะ แถมเกือบชิงนางสีดาจากทศกัณฐ์ได้ด้วย แต่มันดันปากพล่อยบอกว่าแหวนนางสีดาทำร้ายมันได้ตอนที่นางสีดาอยู่กับทศกัณฐ์ เป็นตัวประกอบที่โดนกวีเนิฟพลังให้เรื่องเดินไปต่อได้ชัดๆ
ส่วนสัมพาที ตัวนี้ไม่รู้ว่ะ โผล่มามีบทแค่เจอพวกพระรามกลางทางกับแฟลชแบ๊คโดนพระอาทิตย์เผาขน อ่านแล้วคล้ายตำนานอิคารอสเลย แต่เปลี่ยนคนโดนเผาจากอิคารอส (สดายุ) เป็นพ่อ (สัมพาที) แทน
อ่ะ นี่ โม่งแตกละ
เฮ้ย KY หน่อย
กุเห็นห้องนิยายเสิ่นเจิ้นเขาทำงี้แล้วเฮฮาดีว่ะ
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1P5itSLfxuYZrmvEnHBfXWZBMmCR0QJJvds8Pdg45BMM/edit#gid=0
มู้นี้มีใครเชี่ยวพอทำได้มั่งเนี่ย แม่งอ่านย้อนแล้วฮาก๊ากจริง
เคยรีวิวมาสองเรื่อง เรื่องแรกก็คือเรื่องที่จะหยิบมารีวิวใหม่อีกครั้ง อีกเรื่องคือเจิ้งฝูสื่อ จอมนางตำหนักเย็น
เรื่อง : ชิงบัลลังก์นางหลงยุค
link : https://writer.dek-d.com/pinkblink/story/view.php?id=1684046
จำนวน : 11 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
บทนำ - นางเอกก่อนย้อนมาจึนโบราณเป็นพนักงานบริษัท ต่อมาถูกเจ้านายฆ่าทิ้งวิญญาณไปสวรรค์ จากนั้นก็เจอกับเทพชราแสนใจดี เทพองค์นั้นส่งให้นางเอกมาเกิดพร้อมพรห้าข้อ ( พรแต่ละข้อส่งผลให้นางเอกเพอร์เฟคไปซะหมด )
บทเรก - บทที่ห้า :
บทแรก - นางเอกมาเกิดในท้องของฮูหยินแม่ทัพใหญ่ ตามพรหนึ่งในห้าข้อของเทพชรา พี่ชายทั้งสองวิ่งเข้ามาดูน้องสาว ( พี่คนโตชื่อยังกับญี่ปุ่น ) ห้าปีผ่านไป พี่ชายนางเอกเดินไปเจอน้องสาว เลยถามว่าทำอะไรอยู่ นางเอกตอบว่าอ่านตำราประวัติศาสตร์ ( ตรงจุดนี้คิดว่าห้าขวบยังไม่ควรอ่านตำราที่หนักหนาขนาดนั้น ) เท่านั้นยังไม่พอนางเอกยังจะฝึกวรยุทธด้วย ( โอเค อายุเท่านี้เริ่มฝึกได้ไม่เสียหายอะไร แต่นี่เหมือนจะเก่งอยู่แล้วเพราะทหารที่ตัวใหญ่กว่าหลายเท่าสามคนยังแพ้ เป็นไปไม่ได้ที่เด็กห้าขวบจะสู้ผู้ใหญ่ได้ขนาดนั้น ) จบด้วยพ่อตอบตกลงจะส่งตัวไปสำนักฝึกยุทธ
บทที่สอง - พูดถึงวันแรกที่นางเอกไปถึงสำนักฝึกยุทธและได้เจออาจารย์กับคนที่มาร่วมคัดเลือกเป็นศิษย์สำนักนั้น
บทที่สาม - ผ่านไปอีกเจ็ดปีในที่สุดก็มาถึงว้นสุดท้ายที่นางเอกฝึกวรยุทธที่สำนักนี้เพราะสำเร็จวิชาทุกแขนงของที่นี่เรียบร้อย
บทที่สี่ - กลับจวนแม่ทัพใหญ่อีกครั้ง
บทที่ห้า - ถึงเวลาต้องฝึกสกิลของบุตรีขุนนางชั้นสูงในยุคจีนโบราณ ท้ายบทได้เจอตัวละครที่คาดว่าเป็นพระเอกอีกครั้งที่ตลาด ตัวละครนั้นซื้อหวีให้นางเอก
บทที่หก - บทที่สิบ :
บทที่หก - รัชทายาทโผล่มายังไงกันนะ ( เอ้า ๆ ตกลงรัชทายาทคือเด็กชายที่แอบชอบนางเอกหรอกเหรอ ทำไมไม่เรียกรัชทายาทตั้งแต่บทแรก ๆ ) บทนี้ผู้ชายเล่าบ้าง ( ใช้คำแทนตัวไม่เข้ากับยุคสมัยมาก ๆ )
บทที่เจ็ด - กลับมาเป็นนางเอกเล่าเรื่องเหมือนเดิม แม่จะส่งลูกสาวไปคัดเลือกสนมในวัง ตอนแรกนางเอกไม่ยอม แต่พอได้ยินแม่บอกว่าตัดสินใจแล้วก็เปลี่ยนใจยอมไปทันที ( เอ่อ...เปลี่ยนใจง่ายไปนะ )
บทที่แปด - พ่อให้องครักษ์เงาไปตามดูแลนางเอกในวังหลวง ก่อนคัดเลือกนางเอกถูกขัดสีฉวีวรรณตามคำสั่งของฮูหยินแม่ทัพ พอขัดตัวเสร็จก็แอบไปเข้าแถวคัดเลือกของสตรีชั้นต่ำเพราะหวังว่าจะถูกคัดออก ได้เพื่อนใหม่อีกคน
บทที่เก้า - นางเอกกับเพื่อนใหม่ผ่านการคัดเลือกฉลุย ฮ่องเต้พูดคุยกับนางเอกแบบไม่ถือองค์ต่อหน้าคนอื่น ๆ ทั้งที่ยังไม่ได้มีตำแหน่งใด ( มีฮ่องเต้โผล่มา ดูเหมือนฮ่องเต้จะเป็นรัชทายาทตอนบทที่หกนะ สามบทผ่านมาไม่มีบอกเลยว่าฮ่องเต้องค์ก่อนสวรรคตหรือกลายเป็นไท่ซ่างหวงไปแล้วหรือไม่ คิดว่ามันดูลอย ๆ ไปหน่อยน่าจะมีบอกบ้าง )
บทที่สิบ - ฮ่องเต้จัดขบวนขันหมากไปรับตัวนางเอกที่จวนแม่ทัพใหญ่อย่างเอิกเกริกสมตำแหน่งที่ได้รับ
อ่านเรื่องนี้แล้วมากกว่าสามรอบ จุดบกพร่องจุดแรกของเรื่องคือคำผิดมีให้เห็นทุกบทโดยเฉพาะ ค่ะ คะ จุดที่สองคือการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างงง เนื้อเรื่องดีนะ แต่อย่างทที่บอกว่าดำเนินเรื่องค่อนข้างงงเลยทำให้ดูไม่สนุกเท่าที่ควร ชื่อตัวละครหลายตัวค่อนข้างแปลกไม่เหมือนจีน เช่น หลงอามิ วิงเว่อ มิงเอ๋อ มิงฟ้า เป็นต้น เอาไป 4/10 แล้วกัน
คะน้า ค่ะน้า
เรื่อง : ไลฟ์สไตล์เจ้าหญิงอัปลักษณ์ ( รอบแรก )
link : https://writer.dek-d.com/koko2476/writer/view.php?id=1547742
จำนวน : 27 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
บทเรก - บทที่ห้า :
บทแรก - นางเอกทะลุมิติมาในยุคจีนโบราณ เป็นบุตรีแม่ทัพอีกแล้ว ฟื้นมาก็ได้เจอแม่กับน้องของเจ้าของร่าง แม่ให้สาวใช้ไปตามหมอมาตรวจอาการเพราะเห็นลูกสาวคนโตแปลกไป หมอบอกว่านางเอกความจำเสื่อมเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักหายได้แต่ต้องใช้เวลา หลังจากหมอกลับไปนางเอกก็ซักไซ้แม่กับน้องของเจ้าของร่างจนรู้เรื่องเกี่ยวกับอีกฝ่ายทั้งหมด
บทที่สอง - เริ่มการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเจ้าของร่างใหม่ด้วยการไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักและผลไม้มาปลูก
บทที่สาม - เริ่มปฏิการลดริ้วรอยบนดวงหน้าที่ทำให้ตนอัปลักษณ์ บทนี้บอกสูตรลดสิวมาด้วย
บทที่สี่ - เริ่มลดน้ำหนักไปพร้อมกับเรียนศิลป์ศาสตร์ทุกแขนงที่จเป็นสำหรับกุลสตรีสมัยจีนโบราณอย่างหนักเป็นเวลาสี่เดือน
บทที่ห้า - นางเอกกับสาวใช้ไปเที่ยวเทศกาลโคมลอย หนุ่มใจดีซื้อโคมลอยให้
สรุปจุดเด่นของห้าบทแรกคือคำผิด เด่นมากจริง ๆ มีแต่คำผิด อีกจุดคือชื่อตัวละครที่เป็นตัวเอกนะ อ่านมาตั้งแต่สมัยแรก ๆ ที่ยังไม่เปลี่ยนชื่อเป็นสามพยางค์ นางเอกเดิมชื่อ หยางลี่หลันฮวา ( ตอนนี้เป็นหยางหลันฮวา ) น้องสาว หยางฟางโม่ลี่ฮวา ( ตอนนี้เป็น โม่ลี่ฮวา เหมือนไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ เลย เพราะคนละแซ่ ไปแล้ว ควรเป็น หยางโม่ลี่ ผู้แต่งน่าจะอยากได้ชื่อที่หมายถึงดอกมะลิแก้ให้แล้วนะโดยตัด ฟาง และ ฮวา ออก ) แม่ของสองสาว หยางซูหวงหลาน ( ตอนนี้เป็น หยางซูหลาน ที่จริงอันนี้สามารถเรียกได้อีกแบบว่า หยางซูซื่อ ไม่ต้องมีชื่อมาเกี่ยวเลยและนิยมในสมัยนั้นด้วย หยางคือแซ่แม่ทัพ ซูคือแซ่ฮูหยินแม่ทัพ )
อยากรู้มานานแล้วว่าเดี๋ยวนี้นิยายจีนเขานิยมตั้งชื่อหลายพยางค์กันเหรอ ส่วนตัวไม่มีปัญหากับพวกโอวหยาง กงซุน อวี่เหวิน อ้ายซินเจวี๋ยหลัว หนานกง ตงฟาง ฯลฯ แต่จะมีปัญหากับพวกแซ่หลายพยางค์ที่เกิดขึ้นเองโดยนำคำมาผสมกันเพราะรู้สึกว่ามันแปลกๆ
โม่งฝึกสับหมายเลข 27 มีต่อ มาต่อพรุ่งนี้นะ ตอนนี้ต้องไปแต่งนิยายตัวเองก่อน
อย่าว่าแต่ชื่อจีนเลย กูว่าลำพังแค่ชื่อไทยแม่งก็หาความหมายยากแล้ว....
>>915 เองมาต่อแล้วนะ
เรื่อง : ไลฟ์สไตล์เจ้าหญิงอัปลักษณ์ ( รอบสอง )
link : https://writer.dek-d.com/koko2476/writer/view.php?id=1547742
จำนวน : 27 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
บทที่หก - บทที่สิบสี่ :
เริ่มด้วยเที่ยวเทศกาลโคมลอยต่อจากบทที่แล้ว พ่อไปหาที่บ้าน นางเอกถีบพ่อ มาอีกวันนางเอกจะออกเดินทางเพื่อไปฝึกเป็นแม่ทัพหญิง สามบทต่อจากนี้เป็นการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางของนางเอก นางเอกเปิดร้านขายของตั้งชื่อร้านแปลก ๆ แม้แต่สาวใช้ยังรับไม่ได้ ( แปดบทนี้ จุดเด่นคือคำผิด บทที่เจ็ดถึงเก้าคิดว่านางเอกทำเกินไป ยังไงก็ไม่ควรถีบพ่อแบบนั้น บทที่สิบสองมีอโมติคอนหลุดมาซึ่งไม่เข้ากับยุคสมัยของนิยายอย่างมาก บทที่สิบสามมี 555 หลุดมาอันนี้คิดว่าเป็น ฮ่าๆๆ ดีกว่า )
บทที่สิบห้า - บทที่ยี่สิบ :
เริ่มด้วยคิดเมนูอาหาร ผ่านมาหลายบทแล้วนางเอกและะพลพรรคยังออกกำลังกายอยู่ ( เป็นแนวคิดที่ดีนะ ) หลังจากคิดเมนูกันเสร็จก็มาเปิดโรงเตี๊ยม กิจการเป็นไปอย่างราบรื่น สองต่อมาออกจะงง ๆ เลยเล่าไม่ได้ บทที่สอิบเก้าและยี่สิบออกท่องเที่ยวอีกครั้งราวกับลืมว่าเปิดโรงเตี๊ยม
สรุปคืออ่านแล้วงงมากเรื่องนี้ แต่เหห็นด้วยกับแนวคิดที่ให้ตัวละครออกกำลังกายนะ คำผิดก็เยอะมาก ที่สำคัญคือ ค่ะ คะ เจ้าค่ะ เจ้าคะ ซึ่งน่าจะเป็นคำผิดยอดฮิต
>>920 เองมาแก้และลงชื่อ
เรื่อง : ไลฟ์สไตล์เจ้าหญิงอัปลักษณ์ ( รอบสอง )
link : https://writer.dek-d.com/koko2476/writer/view.php?id=1547742
จำนวน : 27 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
บทที่หก - บทที่สิบสี่ :
เริ่มด้วยเที่ยวเทศกาลโคมลอยต่อจากบทที่แล้ว พ่อไปหาที่บ้าน นางเอกถีบพ่อ มาอีกวันนางเอกจะออกเดินทางเพื่อไปฝึกเป็นแม่ทัพหญิง สามบทต่อจากนี้เป็นการเตรียมตัวก่อนออกเดินทางของนางเอก นางเอกเปิดร้านขายของตั้งชื่อร้านแปลก ๆ แม้แต่สาวใช้ยังรับไม่ได้ ( แปดบทนี้ จุดเด่นคือคำผิด บทที่เจ็ดถึงเก้าคิดว่านางเอกทำเกินไป ยังไงก็ไม่ควรถีบพ่อแบบนั้น บทที่สิบสองมีอโมติคอนหลุดมาซึ่งไม่เข้ากับยุคสมัยของนิยายอย่างมาก บทที่สิบสามมี 555 หลุดมาอันนี้คิดว่าเป็น ฮ่าๆๆ ดีกว่า )
บทที่สิบห้า - บทที่ยี่สิบ :
เริ่มด้วยคิดเมนูอาหาร ผ่านมาหลายบทแล้วนางเอกและะพลพรรคยังออกกำลังกายอยู่ ( เป็นแนวคิดที่ดีนะ ) หลังจากคิดเมนูกันเสร็จก็มาเปิดโรงเตี๊ยม กิจการเป็นไปอย่างราบรื่น สองบทต่อมาออกจะงง ๆ เลยเล่าไม่ได้ บทที่สิบเก้าและยี่สิบออกท่องเที่ยวอีกครั้งราวกับลืมว่าเปิดโรงเตี๊ยม
สรุปคืออ่านแล้วงงมากเรื่องนี้ แต่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ให้ตัวละครออกกำลังกายนะ คำผิดก็เยอะมาก ที่สำคัญคือ ค่ะ คะ เจ้าค่ะ เจ้าคะ ซึ่งน่าจะเป็นคำผิดยอดฮิต
ลงชื่อ โม่งหัดสับหมายเลข 27 เดี๋ยวไว้จะหานิยายมาสับอีกถ้าว่างจากแต่งของตัวเอง
>>923 บทแรก ๆ ยังไม่งงเท่าหลัง ๆ คิดว่าแรก ๆ วางบ้างแต่หลัง ๆ รีบเขียนไม่ได้วาง
KY กูไม่รู้อ่ะว่ามาถามห้องนี้ไหมเพิ่งเล่น5555 คือถ้าสมมติกูแต่งนิยายแนวจีนข้ามมิติ พวกมึงว่ามันจำเจไหม55 เท่าที่กูอ่านดูแนวที่กูจะแต่งเยอะมาก(กูแต่งเป็นแนวY) กูเลยลังเลว่าจะลงดีไหม...
เออ ไม่ยักกะสงสัยว่าได้ประโยชน์อะไรจากการเขียนนิยายเด็กดี
https://www.dek-d.com/board/view/3791055/
โม่งมึงไปเกรียนทำไม? สาระมันอยู่ตรงไหน?
มึงไม่แจ้งสนพหรือหน่วยคุ้มครองผู้บริโภควะ ตั้งกระทู้หาพ่องหรอ? ควาย
นิยายผมเคยโดนวิจารณ์ไปแล้ว ตอนนี้กำลังรีไรต์ใหม่อยู่ ถ้าเสร็จแล้วฝากวิจารณ์อีกรอบได้ไหมครับ?
https://www.dek-d.com/board/view/3791287/
นี่เรียกวิจารณ์เหรอวะ สำหรับกูมันคือการหาคำผิด มีช่วยแก้สำนวนบ้างนิดหน่อย นิดหน่อยจริง ๆ
ไม่รู้ว่ะ สำหรับกุพล็อตเนื้อเรื่องสำคัญกว่าสำนวนภาษานะ(แต่ก็ไม่ควรเหียกขนาดอ่านไม่รู้เรื่อง) กุว่าภาษามันเกลาได้ง่ายกว่าว่ะ ถ้าเนื้อเรื่องมันดีอยู่ล่ะ ค่อยๆมาอ่านใหม่แล้วแก้ก็ได้ แต่เนื้อเรื่องเหียกภาษาดีแค่ไหนก็ไม่ช่วยอ่ะ รีไรท์นี่ลำบากกว่าแก้ภาษาเยอะ แต่ถ้าเขาพอใจก็ โอเคล่ะนะ
ความจริงส่วนมากจะได้ช่วยตั้งแต่บทนำเลยฮะ หลายเรื่องมากที่เริ่มขึ้นมา พล็อต หรือโครงเรื่องย้อนแย้งกันเต็มไปหมด คาแรกเตอร์ตัวละคร
แต่ตรงนี้คือใช่ เหมาะสำหรับนักเขียนที่สนใจอยากรีไรท์มากกว่าจริงๆ มีเวลาว่างเลยจัดไป
บทนำนี่แหละจุดสำคัญ เปิดเรื่องยังไงให้น่าสนใจ บางคนพล็อตสนุก แต่มาตายที่บทนำ
ถูกบทนำสำคัญมากแหละ แต่สุดท้ายนิยายมันไม่จำเป็นต้องเพอเฟคทุกด้านเสมอไปหรอก (แต่ถ้าได้ก็ดี) แต่อย่างน้อยมันก็ควรมีด้านดี ดึงความสนใจกุมากพอที่จะมองข้ามจุดด้อยนิยาย ควรจะคุยกับตัวเองก่อนอ่ะอยากขายอะไรในนิยายแล้วเน้นด้านนั้นให้ดีไปเลย
พล็อต โครงเรื่อง และตัวละคร...
ต้องทำอะไรกับมันบ้างวะ
>>959 เอาตามที่กูเข้าใจนะ
พล็อต = กำหนดเหตุการณ์คร่าว ๆ เช่น ผู้กล้าต้องต่อสู้กับจอมมารที่เมืองหนึ่ง
โครงเรื่อง = เป็นการกำหนดเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในระหว่างนั้น หรือจะเรียกว่าทำให้พล็อตเกิดเป็นเรื่องราวก็ได้ เช่น ผู้กล้าต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์มากมายก่อนจะเจอจอมมาร ระหว่างนั้นคนในปาร์ตี้บาดเจ็บล้มตายไปหลายคน ซึ่งใครตายบ้าง ตายยังไง แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง
ตัวละคร = ตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งสำคัญมากคือนิสัยตัวละคร เพราะนิสัยตัวละครตะเป็นตัวกำหนดแนวทางการดำเนินเรื่อง อย่างเช่นคนนิสัยใจร้อน อาจจะบุกไปเจอจอมมารโดยไม่วางแผนอะไรเลย คนนิสัยใจเย็น อาจจะทำอะไรรอบคอบหน่อย คนขี้เกียจ กะล่อน อาจจะหาทางพยายามบ่ายเบี่ยง คนขี้กลัว อาจจะทำอะไรติด ๆ ขัด ๆ ไม่กล้าเสี่ยง
จะหมดมู้ละ ไม่ใครจะสับเรื่องไหนเพิ่มอีกหรือเปล่าวะ
มีเรื่องขอให้ช่วยหน่อย พอดีว่าทำแพ๊คนิยายขายเป็นภาคย้อนอดีตแต่ทีมงานไม่ให้ผ่านบอกว่า "ให้ขายในช่วงตอนจบของเรื่อง"
ทั้งๆที่กุสรุปกับแก้ปมเฉพาะภาคนั้นไปแล้ว แล้วก็มีทิ้งท้ายเพื่อเปิดทางไปสู่เนื้อเรื่องหลัก กุแก้ไปสองรอบละ ยังย้ำแบบเดิม พอถามไปก็เงียบ
เลยอยากให้เพื่อนโม่งช่วยดูหน่อยว่าแบบนี้มันเป็นตอนจบไม่ได้หรอ
>>อันนี้สามประโยคท้ายตอนจบ
กาลเวลาเคลื่อนคล้อยเลื่อนไหลผ่านไป หนึ่งปี สิบปี ห้าสิบปี หนึ่งร้อยปี...
จนกระทั่งเด็กน้อยจากหมู่บ้านหาปลาเล็กๆได้พบเข้ากับหนังสือโทรมๆรุ่งริ่งเล่มหนึ่งซึ่งถูกคลื่นทะเลพัดมาเกยที่ชายหาด
แล้ววงล้อแห่งชะตากรรมครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นหมุนขึ้นอีกครั้ง
ลิสต์นิยายที่กูจองไว้มีอะไรบ้างวะ จำได้แต่ Supreme เลื่อนขึ้นไปหาเจอแต่แจกันกับลูซิเฟอร์
ลงชื่อ เซฮุน หมดโปรหนึ่งแถมหนึ่งแล้ว
แปะกันลืม
https://writer.dek-d.com/bluesea25/story/view.php?id=880244 (Supreme ที่หนึ่งหมวดวิทย์)
https://writer.dek-d.com/topduck/writer/view.php?id=785523 (สาวใช้พันธุ์ดุ Maid-at-Arms ... ชื่อเรื่องเพราะดี)
https://writer.dek-d.com/linklight/story/view.php?id=1559849 (จอมราชันย์หลงยุค... ข้าขอคำชี้แนะ เตรียมรับมือ)
https://writer.dek-d.com/BlackMonSterX/writer/view.php?id=1602272 (Evolve ฟองเบียร์
Ky กูควรเฉลยที่มาของปมพระเอกในตอนบทนำหรือฟีดแบ็คย้อนหลังวะ คือปมนั้นกูก็บอกโต้งๆไว้ในเรื่องย่อแล้วนะ เพราะมันเป็นปมที่เป็นแก่นของเริ่องนะ ยกตัวอย่างหน่อยละกัน
เรื่อง ย่อ-ครอบครัวของ A ได้ถูกฆ่าล้างตระกูลด้วยฝีมือขององก์กรปริศนา A ที่เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวและรู้เห็นเรื่องราวทุกอย่างในเหตุการณ์นั้นจึงตั้งมั่นว่าจะล้างแค้นให้ครอบครัว ด้วยการเข้าโรงเรียนเพื่อฝึกฝนฝีมือไขว้หาพลังจากสมบัติลับของโรงเรียนที่ผู้ชนะในงานประลองเวทประจำปีเท่านั้นจะได้รับ
เปิดบทนำด้วย เรืีองของพระเอกในอดีตครอบครัวถูกฆ่าล้างบาง แล้วตัวเองรอดมาได้เพราะยังเป็นเด็กตัวเล็ก 4-5 ขวบพ่อกับแม่เลยเอสตัวไปซ่อนในตู้ พระเอกเลยเห็นคนในบ้านถูกคนร้ายฆ่าตายต่อหน้าต่อตา
เริ่ม บท แรก คือฉากปัจจุบันที่พระเอกโตขึ้นและเป็นนักเรียนดีเด่นของโรงเรียนเวทมนตร์ แต่เปลี่ยนชื่อไปจากเดิม
บทสอง กล่าวถึงเหตุการในบทนำแบบผ่านๆ เป็นการย้ำเตือนว่าพระเอกยังยึดติดกับเรื่องนั้นและต้องการจะแก้แค้น แต่เพราะยังไม่แข็งแกร่งพอเลยต้องเปลี่ยนชื่อแล้วหลบมาอยู่กับญาติที่ต่างประเทศ
เรียงไทมไลน์แบบนี้ดีปะวะ
มีคำถาม
ถ้าขึ้นภาคใหม่ต้องเปลี่ยนคำโปรยไหม?
>>974 ขึ้นอยู่กับว่าภาคใหม่มึงเปลี่ยน Setting ไปขนาดไหน
บางเรื่องเวลาขึ้นภาคใหม่อาจจะแค่ Timeskip แต่ Setting เดิมก็ไม่ต้องเปลี่ยน
แต่บางเรื่องอย่างนิยายจีนที่กุเคยอ่านนี่ นี่ขึ้นภาคใหม่ = ไปผจญภัยที่ใหม่ แม่งต้องเปลี่ยนคำโปรยเลย คือเหมือนแค่ใช้พระเอกคนเดิม แต่เนื้อหาเป็นอีกโลกหนึ่งไปเลยอะ
ก็ตามที่ >>973 ว่านั่นแหละ กูแค่อยากรู้ว่าเปิดแบบนี้ดีไหม แต่ >>972 ถามก็ขออธิบายเพิ่มหน่อยเพื่อความเข้าใจ จุดเด่นคงอยู่ช่วงกลางๆระหว่างเดินเรื่อง เพราะพอรู้ว่าเป็นพล็อตโหล คนอ่านคงเดาตอนจบได้ส่วนใหญ่ แต่แบบจะค่อยๆเฉลยไปไงว่าทำไมองก์กรนั่นถึงมาฆ่าครอบครัว มีตัวละครที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทางใดทางหนึ่ง ความจริงเรื่องของสมบัติลับ ครอบครัวพระเอกมีความสำคัญยังไง คนในครอบครัวความจริงยังมีคนรอดอยู่แต่อาจพิการหรือความจำเสื่อมเลยจำกันไม่ได้คร่าว ๆ ประมาณนี้แหละ ตอนจบอาจจบแบบพระเอกล้างแค้นได้สำเร็จก็จริง แต่อาจมีจุดหักเหอื่น ๆ เช่น องก์กรนั่นยังมีสาขาหลงเหลืออยู่แต่เป็นคนละกลุ่มที่พระเอกล้างแค้นและไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับพระเอก ที่มาของสมบัติลับนั่นอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด
>>977 ก็นะ ถ้าจะให้พูดถึงบทเปิด กูก็คิดว่ามันธรรมดาอยู่ดี ขยายความเพิ่มว่า คือแนวนี้ถ้าจะเปิดเรื่องมันก็มีความโหลอยู่สองทาง คือเปิดมาด้วยเหตุการณ์ท่านพ่อถูกฆ่าในอดีตอย่างที่มึงว่า กับอีกทางหนึ่งคือเปิดมาโดยการให้พระเอกแสดงพฤติกรรมแปลกๆ แบบเย็นชา หรืออะไรอย่างนี้ และก็ค่อยไปคลายปมเอาทีหลังว่า ที่มันเย็นชาเพราะคิดจะล้างแค้นให้ท่านพ่อ
เรื่องแนวนี้โดยทั่วไปมันก็เปิดเรื่องกันประมาณนี้ล่ะ กูถึงบอกว่ามันธรรมดาทั่วไปไง ไอ้ที่มีคนมาชมว่าสุดยอดเนี่ย ออกจะเกินไปหน่อย
>>977 พล๊อตเปิดเรื่องโหลกุว่ายังโอ กุว่าโลกนี้พล๊อตมีไม่กี่แบบหรอก ท้ายสุดเรื่องทั้งหมดก็เกิดจากพระเอกต้องการทำไรสักอย่างแต่มีอุปสรรค ฉากเปิดที่มึงว่ามามันก็โอ แต่ที่สำคัญและจะให้เรื่องมึงโดดเด่นเปล่าคือการดำเนินเรื่อง ตัวละครเป็นไง สมเหตุสมผลเปล่า ระบบเวทมนต์ หักมุม หรือตัวร้ายมีเสน่ห์ขนาดไหน
โลกนี้มีพล็อตพื้นฐานราว 19-20 แบบ พล็อตเด็กดวกอย่างแนวโรงเรียนเวท เกมออนไลน์ ต่างโลกยุโรป จัดอยู่ในกลุ่มพล็อต Adventure (เสี่ยงตาย) หรือ Quest (การสำรวจ) แต่จีนโบราณในตอนนี้จัดอยู่กลุ่มพล็อต Love (รักโรแมนติก) หรือ Forbidden Love (รักต้องห้าม)
ปล.มีเป็น pdf แต่ไม่มีแปลไทย เก่าด้วย
>>982 กูสอนให้ ไม่อยากทำ hotlink เดี่ยวทางเว็บลบทิ้งแม่งอดดูเลย
1.เข้า google พิมพ์ 20 master plots pdf
2.มันอยู่หน้าแรก เข้าลิ้งก์ที่ขึ้นหัวว่า [PDF] และชื่อโดเมนคือ writerdigest (หนึ่งในเว็บสอนเขียนนิยายต่างประเทศ เชื่อถือว่าเว็บเด็กดี 100 เท่า)
3.อ่านเล่นหรือเซฟตามอัธยาศัย
>>985 อย่าลืม พล็อตพื้นฐาน 19-20 แบบเป็นแค่แนวทางเบื้องต้น มึงสามารถประยุกต์เนื้อเรื่องใหม่ได้ ตราบที่ยังอยู่บนพล็อตพื้นฐานแบบใดแบบหนึ่ง และที่กูบอกว่าเก่า เพราะเขียนขึ้นก่อนปี 2000 ตอนนั้นค่านิยมของตัวละครที่มีต่อเนื้อเรื่องอาจจะต่างจากตอนนี้ก็ได้ อย่างเมื่อก่อน ยึดค่านิยมผู้ชายต้องเข้มแข็ง ผู้หญิงควรอ่อนแอ แต่ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้วก็ได้
ไหนๆแล้ว กูก็มีคู่มือสร้างตัวละครพื้นฐาน 45 แบบจากเว็บออนไลน์
หน้าแรก http://tvtropes.org/pmwiki/pmwiki.php/Literature/FortyFiveMasterCharacters?from=Main.MasterCharacters
พระเอก http://tvtropes.org/pmwiki/pmwiki.php/Literature/FortyFiveMasterCharacters-Heroes
นางเอก http://tvtropes.org/pmwiki/pmwiki.php/Literature/FortyFiveMasterCharacters-Heroines
ตัวประกอบ http://tvtropes.org/pmwiki/pmwiki.php/Literature/FortyFiveMasterCharacters-SupportCharacters
ที่มา https://www.amazon.com/45-Master-Characters-Creating-Original/dp/1599635348
ปล.การเขียนตัวละครสไตล์ญี่ปุ่น เกาหลี จีนอาจจะไม่ได้ยึดแนวทางนี้ เด็กดวกอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ
https://www.dek-d.com/board/view/3791248/ เห็นเมื่อวานมีคนเอาเฟสฝากนิยายมาแปะ เจอมู้ต้นเรื่องล่ะ
>>988 เอาตามตรง แบบนี้ไม่รุ่งหรอก เห็นได้ชัดว่าใครส่งนิยายอะไรมาก็โปรโมท คนกดไลค์ก็กระจึ๋งเดียว
ถ้าจะทำให้รุ่ง ต้องเปิดเพจ ทำคอนเทนต์ดีๆ ดึงดูดให้คนอ่านเข้ามาสนใจ เช่น สอนการเขียน สับนิยาย แล้วแทรกด้วยการแนะนำนิยาย เหมือนเพจหนังที่มีดังๆ อยู่หลายเพจอะ พอจะเห็นภาพไหม
ใกล้ครบ 1000 เม้นแล้ว เตรียมตั้งมู้ 12 เอาไว้แล้วยัง?
ไม่ลองแข่งมันด้วยทำเพจโม่งบน fb เลยล่ะ
มารเทาขยันโปรโมทแต่ไม่ขยันฝึกเขียนเพิ่มเติมเลย มันจะเอาดีแบบดอกปอบรึไง แต่ละอย่างที่ทำก็ไม่ค่อยจริงใจด้วย
ขอเลขสวยก่อนขึ้นมู้ใหม่
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.