ฉันหิ้วถุงขนมถุงโตพะรุงพะรังที่ซื้อมารีบเดินเข้าตึกในโรงพยาบาลก่อนที่ฝนจะตก มันเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ตกแต่งภายในได้สวยหรูสุดๆอย่างกับโรงแรม ไม่รู้ว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงส่งฉันมารักษาที่โรงพยาบาลนี้กันนะ... ต้องแพงมากแหงๆเลยอะ
ฉันเดินไปเรื่อยๆตรงไปยังลิฟท์ ประตูลิฟท์ตัวหนึ่งกำลังจะปิดเพื่อเลื่อนขึ้นพอดี ฉันรีบหอบหิ้วร่างหนาของตัวเองพุ่งทะยานออกไป
"รอด้วยค่ะ!"
คนข้างในลิฟท์ได้ยินเสียงฉันก็ช่วยกดเปิดประตูให้ ประตูลิฟท์เปิดออกกว้าง บุคคลคนนั้น ทำให้รู้สึกหัวใจกระตุกไปหนึ่งวูบ ฝีเท้าของฉันชะงักค้าง...
ก่อนที่จะมีกลุ่มเด็กวิ่งออกมาจากลิฟท์อีกตัว ชนเข้าใส่ฉันอย่างจังจนฉันเซถลาก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
"โอ๊ย!"
เด็กที่ชนใส่ฉันก็ล้มลงไปอีกทาง พอลุกขึ้นมาได้ก็รีบวิ่งตรงรี่ไปยังกลุ่มเพื่อน ไม่ขอโทษสักคำ แถมหนึ่งในกลุ่มนั้นก็พูดออกมาว่า "หวาา ชนช้างล่ะ!" แล้วส่งเสียงหัวเราะกันลั่น
... กะ กะ กะ กรี๊ดดดดดดดด!!!!
เจ้าพวกเด็กเ*รต! เด็เ*ร! เจ้าเด็กไร้มารยาท! นิสัยเสีย! ไอ้เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน!
ฉันหันหน้าแทบจะตะโกนตามไป แต่พวกนั้นก็วิ่งหนีหัวเราะจากกันไปเสียงก่อน
อุ บอบช้ำใจจริงๆเลยค่ะ ทำไมฉันต้องมาโดนเด็กนิสัยเสียที่ไม่รู้จักกันพวกนี้ว่ากันด้วยนะ ทำไมถึงต้องโดนล้อแบบนี้มาตลอดด้วยนะ แง้
"เป็นอะไรรึเปล่าครับ?"
เสียงหนึ่งพูดขึ้นข้างๆฉันที่ก้มหน้าตัวสั่นเทิ้มอยู่กับพื้น
เสียงนั้นอ่อนโยนนุ่มนวลและคุ้นเคย เยียวยาความขุ่นมัวในใจฉันให้จางหายไป
ฉันหันไปทางเสียงนั้น และพบกับเขา
เขาเป็นคนที่อยู่ข้างในลิฟท์เมื่อสักครู่นี้ เป็นเขาเองที่ทำให้ฉันชะงักค้างตะกี้นี้ แต่ตอนนี้เขาออกมาปรากฏตัวและย่อตัวนั่งอยู่ข้างหน้าฉัน
อยู่ๆในหัวของฉันมันก็ว่างเปล่า
"... ท่านพี่..."
"หือ?"
"เอ๊ะ?..."
นี่ฉันหลุดปากพูดอะไรออกไปเนี่ย!?
ท่านพี่เนี่ยนะ? อะไรกันน่ะห๊ะ!? คำพูดน่าอายแบบนั้น อีกอย่างฉันน่ะมีพี่ซะที่ไหนกันเล่า! น่าอายจริงๆเลย อยู่ๆก็ไปพูดนับญาติกับผู้ชายแปลกหน้าแบบนี้น่ะ!?
เขาเป็นหนุ่มหล่อร่างโปร่งสูงดูดีสุดๆในชุดสูท ถึงใต้ตาจะดูล้าๆไปบ้างแต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนออร่ามาดคุณชายของเขาไปสักนิด บนโลกนี้มีคนที่ดูเพอร์เฟ็คขนาดนี้อยู่ด้วยงั้นเหรอ!?
แต่ว่าแม้ว่าเขาจะดูดีมากขนาดไหน ใจฉันกลับไม่ได้รู้สึกตึกตักเขินอายอย่างที่ควรจะเป็นสักนิด ไม่ซิ ปกติแล้วกับพวกผู้ชายแล้วฉันแทบจะเผ่นหนีไปให้ไกลเพื่อไม่ให้โดนแกล้งหรือโดนล้อว่าขาหัวไชเท้าซะด้วยซ้ำไป แต่กับคนๆนี้แล้ว...
"เจ็บตรงไหนรึเปล่าน่ะครับ?"
เขาท่าทางตกใจเล็กน้อย
น้ำเสียงอ่อนโยนนั้น...ราวกับเคยรู้จักมาก่อน
"เห ทาคาเทรุ นายทำสาวน้อยร้องไห้งั้นเหรอเนี่ย~"
"ฉันเปล่านะ!"
อีกเสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังเขา นั่นทำให้ฉันเพิ่งรู้สึกตัวว่าน้ำตากำลังไหลออกมาอาบแก้มทั้งสองข้าง
ฉันร้องไห้งั้นเหรอ? ทำไมกันล่ะ?...
"ไม่เป็นไรนะครับคุณผู้หญิง ผมต้องขออภัยแทนเพื่อนของผมด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องเสียน้ำตาแบบนี้"
"ก็บอกว่าเปล่าไงเล่า"
คนที่เดินเข้ามาก็เป็นหนุ่มหน้าตาดีไม่ต่างกัน ออกจะให้ความรู้สึกว่าเป็นพวกหนุ่มโฮสต์อันตรายนิดๆด้วยซ้ำ แต่เขาก็ให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยกันเองขึ้นมาอย่างประหลาด เขาย่อตัวลงมาพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน
"ซับน้ำตาเถอะครับ หญิงสาวไม่เหมาะกับน้ำตาแห่งความเศร้าหรอก ควรจะเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดีซิ ถึงจะเหมาะสมกับสาวน้อยน่ารักอย่างคุณน่ะ"
เขาพูดพร้อมกับยิ้มแย้มให้ฉัน ถ้าเป็นปกติแล้วฉันโดนพูดแบบนี้เข้าใส่ คงจะรู้สึกหัวใจวายเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก หรือไม่ก็ต้องคิดว่าโดนแกล้งแหงๆ แต่ตอนนี้ฉันกลับรู้สึกใจเต้นเพียงเล็กน้อย รับมือกับมันได้อย่างง่ายดายราวกับมีภูมิต้านทานมาก่อน
"ขอบคุณค่ะ..."
ฉันรับผ้าเช็ดหน้าของเขาขึ้นซับน้ำตา แต่นั่นกลับยิ่งทำให้น้ำตาไหลออกมาหนักกว่าเดิม น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาจนพร่ามัวไม่เห็นอะไรข้างหน้า ความรู้สึกแปลกๆที่อัดอั้นผลักดันให้ฉันร้องโฮออกมาก้มตัวร้องไห้กับพื้น สองคนนั้นส่งเสียงตกใจ ผ่านไปสักพักก่อนที่ฉันจะรู้สึกถึงฝ่ามือที่ตบปลอบเบาๆบนหลัง ความอบอุ่นของฝ่ามือทั้งสองที่แผ่ซ่านทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดใจจนสะท้าน ขณะเดียวกันก็ดีใจและโหยหามันเหลือเกิน
ความรู้สึกชวนให้สับสนเหล่านี้มันอะไรกันนะ?
กระทั่งฉันเองก็ไม่สามารถตอบกับตัวเองได้
________
ยังไม่ได้นึกเรื่องต่อเลยแฮะ...
¯\_( ´∀`)_/¯