>>519 เห็นที่มึงพูดแล้วนึกได้อีกประเด็น กูไม่รู้ว่าจะมีใครกังวลถึงเรื่องนี้มั้ย หรือโม่งแปลหรือคนแปลคนอื่นๆก่อนหน้าจะคิดงี้รึเปล่า แต่ในกรณีที่จะแคปจอส่งให้ดูว่ามีลงอยู่ที่เว็บนี้ด้วยปริมาณตอนที่ 192 ตอน.... และรู้สึกกระอักกระอ่วนตอนจะขอว่าแปลมาขนาดนี้เพิ่งคิดได้หรอว่าอยากขอเป็นทางการ คือสำหรับกูเองนะ นอกจากการร่างจดหมายขอมันต้องใช้ทักษะภาษาที่คล่องและทักษะเจรจาและสื่อสารและอะไรก็ตามที่ในหลายครั้งมันยาก ไม่ใช่ว่าสื่อสารได้แล้วจะร่างอะไรแบบนี้ได้เลย ลองคิดร่างจดหมายทางการด้วยภาษาแม่ตัวเองกูยังรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และหลายทีก็ต้องการการพรูฟจากหลายๆคนที่อายุ ทักษะ ประสบการณ์ อะไรใดๆมีมากกว่ากู และในหลายด้านกว่ากูด้วย คือไม่ใช่อะไรที่แบบร่างคนเดียวแล้วส่งแม่งจบๆไปงี้ รวมกับไม่น่ามีใครอยากรับผิดชอบน้ำหนักการฉายเดี่ยวแบบร่างเอง คิดเอง เขียนเอง แล้วส่งไปปุ๊บเกิดไม่โอเค ทำให้เรื่องนี้ถูกตัดหายไปเลยไม่มีโอกาสเผยแพร่ในไทยอีก มันดูเป็นเรื่องหนักถ้าให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องรับไปทั้งหมด ไม่แปลกที่ต่อให้แปลออกมาได้เกือบ 200 ตอนก็ยังไม่กล้าส่งไปขอนะ อันนี้ในสายตากูเอง และคิดว่าพอร่างจริงก็คงต้องช่วยกันดูในนี้ด้วยรึเปล่าถ้าจะให้ดีจริงๆ ช่วยกันตบให้เข้าที่เข้าทางและเสริมหรือแก้อะไรด้วย ซึ่งอันนี้ยอมรับตรงๆว่าญี่ปุ่นกูไม่กระดิกและก็คงช่วยอะไรพวกนี้ไม่ได้ เพราะงั้นกูขอช่วยอะไรที่ช่วยได้อย่างการชี้แจงแทนนะ
อย่างประเด็นเกือบ 200 ตอน คือตราบใดที่ไม่มีแหล่งรวมตัวและคนที่มารวมตัวมีความเป็น unity กันมากพอที่จะร่วมตัดสินใจอะไรกันแบบที่กล้าพูดกล้าออกความเห็น มันก็ยังร่างจดหมายยากอยู่ดี กูว่าคนญี่ปุ่นน่าจะเข้าใจอะไรแบบนี้ได้ดีนะกับเรื่องการต้องแบกความรับผิดชอบอะไรซักอย่างที่กระทบส่วนรวมหน่อย แล้วถ้าให้ทำคนเดียวก็ไม่ไหวนะใครมันจะไปอยากรู้สึกผิดขนาดนั้นกันถ้าเกิดพลาดขึ้นมา การจะให้หลายคนช่วยกันก็ต้องรู้จักคุ้นเคยกันระดับนึงด้วยอยู่ดี หลายอย่างสุดท้ายมันเป็นด้วยเงื่อนไขของระยะเวลาด้วยอะ คือคนแปลต้องโอเคกับการจะร่างจดหมายไปขอและมีส่วนร่วม มันต้องมีกระทู้ของโม่งและต้องอยู่กันมานานประมาณนึง จริงๆคือไม่โม่งแต่ที่อื่นก็ได้อยู่หรอก แค่ว่าจุดแข็งของโม่งคือพื้นที่เปิดที่ทุกคนจะกล้าแสดงความเห็นเต็มที่ ในพื้นที่ที่ใครพูดอะไรก็ได้ไม่ได้ต้องกังวลอะไร ถ้าถามความเห็นหรืออะไรสิ่งที่ออกมามันก็ดูน่าเชื่อถือกว่านะในสายตากู ว่าอย่างน้อยไม่ได้ออกมาตามมารยาทหรือข้อจำกัดทางสังคม ถ้าโหวตอะไรก็มั่นใจได้มากกว่าว่าออกมาจากใจ คนที่จะร่างจดหมายส่งขอก็สบายใจได้มากขึ้นอะว่าอย่างน้อยกูไม่ได้อยู่คนเดียวและต้องแบกทุกอย่างเองหมดนะ ถึงคะแนนโหวตแต่ละทีจะเอิ่มมมม ไม่มีแตะ 20 (ตกลงโม่งมีกี่คนวะ 555 บางทีชวนให้รู้สึกว่าเยอะ แต่บางทีก็ดูน้อย) แต่อย่างน้อยด้วยปริมาณเม้นเป็นหมื่นและอยู่กันมานาน 4 เดือน คิดว่าอิงคะแนนโหวตในกลุ่มนี้ก็ดีกว่าตะลุยทุกอย่างเองคนเดียวนะ สำหรับกูคือมันยังเป็นประเด็นที่ฟังขึ้นและเข้าใจได้
อีกอย่างการที่โม่งแปลยังไม่เคยขออนุญาตไปก็แสดงจุดยืนโม่งแปลด้วยนะว่าอยู่ในตำแหน่งที่รับมาถ่ายทอดต่อ ไม่ได้มีการแสดงความเป็นเจ้าของอะไรที่รู้สึกว่าตัวเองคนเดียวก็ตัดสินใจความเป็นไปของเรื่องนี้ทั้งหมดได้ ซึ่งเป็นเคสที่กูเจอบ่อยกับนิยายที่ฝรั่งเอาไปแปล ซึ่งพอจะขอลิขสิทธิ์ถ้าคนแต่งรู้ส่วนใหญ่จะไม่โอเคกับเคสนี้กัน เหมือนที่หลายคนจะไม่ติดต่อลิขสิทธิ์ให้ปัจเจกบุคคลด้วยอะ ต้องเป็นบริษัทเป็นองค์กรไปติดต่อถึงจะรับพิจารณา ซึ่งจุดนี้สำหรับกูว่าการที่ไม่เคยเทคแอคชั่นอะไรไปเลยก็เป็นผลดีมากกว่าอีกนะ ขั้นตอนที่ทำมันจะแสดงจุดยืนและมุมมองหลายๆอย่างที่เรามีต่อนิยายเรื่องนี้อะ โดยเฉพาะในเวลาที่คนแต่งออกคอมเมอเชียลและทางการ เราก็ต้องคุยกันแบบพาณิชย์แนวสนพ. แต่ในเคสที่อินดี้ไม่สนสนพ.มันชัดแล้วว่าเค้าไม่ไปทางนั้น ถ้าเค้าทำนิยายเพราะใจรัก กูว่าเอาความจริงใจไปคุยจะเห็นผลมากที่สุด ก่อนเจรจาอะไรกับใครก็ทำตัวให้แน่ใจว่าเราพูดภาษาเดียวกัน :)
ซึ่งผลจะออกมาเป็นยังไงก็ขึ้นอยู่กับเค้าละ ในสายตากูคือสบายใจตั้งแต่แค่ได้บอกไปอะนะ ส่วนสุดท้ายจะจัดการกันยังไงก็เป็นสิ่งที่พวกเราเลือกกันเอง คือไม่ผิดกฎหมายก็พอสำหรับกู และเหมือนก็จะเลือกกันไปแล้วด้วย แบบนะ.... ห้องลับงี้