“คุณเอ็นโจ---!”
ผมกระชากตัวหมอนั่นให้มายืนข้างตัวเป็นการหุบปากพาซวยนั่นซะ ถ้ายังไม่หยุดโวยวายผมจะทิ้งหมอนี่ไปแล้วนะ ตะโกนเรียกซอมบี้รึไงน่ะ?
“ค--คุณยุยโกะน่ะ---!”
ผมขมวดคิ้วเมื่อชื่อของผู้หญิงคนนั้นดังออกมา นี่ตามกันมาถึงนี่เลยเหรอ? แล้วไปไหนซะแล้วล่ะ? ตอนนั้นที่ร่างบอบบางก็ปรากฏตัวขึ้นทำให้ผมคลายความสงสัยไปได้
ร่างบอบบางท่วมไปด้วยเลือด ท่าทางโซเซ เสียงคำรามต่ำๆในลำคอก็รู้เลยว่ากลายเป็นพวกซอมบี้ซะแล้ว เห ผิดคาดเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว คาซึรางิจับปลายเสื้อผมเบาๆ ดวงตาคลอน้ำตาจ้องมองไปผู้หญิงคนนั้น
“อือ ไปเถอะ”
“ต..แต่ว่า---”
“ช่วยไม่ได้แล้ว”
ผมพูดตัดบทสนทนา อย่ามาโง่หน่อยเลย ช่วยไม่ได้ก็คือช่วยไม่ได้ ไว้มีวัคซีนอะไรออกมาก่อน ผมจะเก็บเรื่องช่วยไว้คิดอีกทีล่ะกัน แต่ตอนนี้ไม่มี ก็เลยไม่จำเป็นต้องใส่ใจอยู่แล้วนี่ ผมเดินออกไปอีกทาง เห็นสะพานเชื่อมอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แถมชั้นนี้ยังไม่มีซอมบี้ตัวอื่นนอกจากยุยโกะด้วย
ไม่นับซากศพไม่ขยับเขยื้อนเต็มชั้นล่ะนะ
“ช--ชู...”
หือ?
ผมหันขวับไปมองคนเรียก ซอมบี้ยุยโกะโงนเงนเข้ามาใกล้จนต้องยกไม้เบสบอลขึ้นมา ส่วนคาซึรางิคุงก็หลบอยู่ข้างหลัง แปลกใจเล็กน้อยที่ยังดูเหมือนจะมีสติ แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก ถ้าถูกกัดอาจจะไม่ได้เป็นพวกมันเลย แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นอยู่ดี
“ช..ชู ชู”
สติแข็งใช้ได้
“ถ้าเข้ามาใกล้อีกก้าว ผมจะไม่เกรงใจแล้วนะ”
“คุณเอ็นโจ!”
“เงียบครับ”
ผมส่งสายตาเย็นชาใส่คาซึรางิจนอีกฝ่ายเงียบกริบ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองร่างของยุยโกะที่หยุดนิ่ง ใบหน้าอาบน้ำตาชวนน่าสงสาร
แต่ผมไม่สงสารหรอก
“แต่คุณยุยโกะเป็นคู่หมั้น---”
“เป็น ‘ว่าที่’ ต่างหาก”
ถ้าหมอนี่ยังไม่หยุด ผมจะเบนไม้เบสบอลไปที่อีกฝ่ายแล้วนะ อยากจะแค่นหัวเราะใส่ ก็แค่ว่าที่ที่ถูดยัดเยียดให้โดยไม่ถามความเห็นว่าต้องการหรือไม่ แถมยังปฏิเสธไม่ได้อีกต่างหาก
เป็นแบบนี้ก็ดีไปอีกนะ เหอะ
พรึบ!
“เฮ้ย!”
ผัวะ!
ผมตกใจที่อยู่ๆฝ่ายนั้นก็กระโจนเข้าใส่เลยตวัดไม้ที่อยู่ในมือฟาดไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ผมเม้มปากแน่นด้วยความคิดบางอย่าง
ถ้าไม่ฆ่า เราก็จะถูกฆ่า
“ค..คุณเอ็นโจ! จะทำอะไรน่ะครับ”
“จัดการ ‘เสี้ยนหนาม’ ยังไงล่ะครับ”
ผัวะ! ผมฟาดลงไปอีกครั้งเมื่อร่างบางกำลังจะลุกขึ้น ต้องฟาดอีกที่ครั้งอีกฝ่ายถึงจะลุกขึ้นมาไม่ได้อีกนะ?
ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ!ผัวะ
ผมกระตุกยิ้มหนึ่งครั้งเมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังเอาความรู้สึกทั้งหมดไประบายลงกับซอมบี้ตรงหน้า พออาวุธในมือหักจนใช้การไม่ได้แล้วจึงเบือนหน้าหนีจากซากศพที่มองไม่ออกเลยว่าเป็นใคร ดูเหมือนจะทำเกินไปแฮะ น่าขยะแขยงจนอยากจะอาเจียน ตอนดูหนังก็เฉยๆ แต่พอมาพบเจอกับตัวเองแล้วทำเอาอยากจะขย้อนของเก่าออกมาชะมัด
“อุ๊บ--- อ้วกกกกก”
แต่เหมือนจะมีคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวก่อนผม ทั้งๆที่ทำแค่มองแท้ๆ คาซึรางิโก่งคออ้วกอยู่ตรงกำแพง มือเท้าอยู่กับกำแพงจนเห็นรอยฟันเล็กๆ...หือ? รอยฟัน?
“คาซึรางิคุง ที่มือมีแผลนี่?”
“ฮ..ฮะ! ก..ก็แค่รอยถลอกทั่วไปครับ!”
อีกฝ่ายรีบเก็บมือหลบสายตาเขม็งของผม
“นี่”
“ค..ครับ?”
“ผมไม่ได้โง่”
ผมเดินเลี่ยงจากหมอนั่นไปที่สะพานเชื่อม พอเห็นออกเดิน หมอนั่นก็ทำท่าจะตามมา ผมถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“คาซึรางิคุง”
ผมหยุดเดินตรงกลางสะพาน และปรายตามองไปยังเด็กหนุ่มที่สภาพแย่กว่าผมหลายเท่า
“นายถูกกัดแล้วนี่”
“แต่ผมไม่ได้เป็นซอมบี้นะครับ!”
“ไม่เป็นตอนนี้ ตอนหน้าก็ได้เป็น”
“แต่---!”
ฝ่ายนั้นทำท่าจะเถียง ผมจึงส่ายหน้าและกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเข้ามาหา ตอนนี้ไม่มีอาวุธแล้วด้วย ถ้าเกิดหมอนี่กลายซอมบี้ขึ้นมาจะยุ่งยากกว่าเดิมอีก คาซึรางิคุงแสนโง่เง่าเดินเข้ามาหาผมด้วยใบหน้าน่าสมเพช
ผมชี้ลงไปข้างล่างสะพาน เขาชะโงกหน้าลงมองตามมือ
ผลัก
“เอ๊ะ”
ผมเลือกจะเมินเสียงกรีดร้องของคนที่เพิ่งถูกผมผลักตกสะพานชั้นสามลงไปข้างล่าง และถูกฝูงซอมบี้ข้างล่างรุมล้อมด้วยความรักเลยล่ะ ฮะฮะ หมอนั่นก็แค่ตัวถ่วง มีไปก็เท่านั้นแถมถูกกัดมาตั้งขนาดนั้น ใครเขาจะพาไปกันล่ะ โง่เง่าชะมัด
“ลาก่อนนะ”
ลาก่อนตลอดกาล
ผมเดินข้ามสะพาน ในโลกที่ชีวิตคนอื่นไม่สำคัญอีกต่อไปก็ไม่เห็นต้องสนใจ
ตอนนี้ควรจะมุ่งไปที่การพบกับเพื่อนๆก่อน
ยูกิโนะ
มาซะยะ
แล้วก็คุณคิโชวอิน
ขอให้ปลอยภัยด้วยเถอะ
------------
ขอจบลงเท่านี้ ต่อไม่ออกแล้ว ใครอยากต่อ เชิญเลยน้า อันนี้แต่งขึ้นเพราะอยากให้เอ็นโจจัดการกับยุยโกะและตาไก่โง่น่ะ ไปๆมาๆเป็นซอมบี้เฉย เพราะถ้าไม่ใช่กูว่าฮีคงไม่มีแรงมุ่งหมายจะทำ พอเป็นซอมบี้แล้วฆ่าง่ายดี (?)