ขอ KY แปป ต้องไปปั่นงานต่อล่ะ ถถถ
----------------
หลังพิธีจบการศึกษาเสร็จสิ้น ฉันก็ออกมาถ่ายรูปกับพวกเซริกะจัง และรับของขวัญและคำแสดงความยินดีจากเหล่ารุ่นน้อง จากนั้นท่านพ่อท่านแม่ก็เข้ามาร่วมแสดงความยินดี ท่านพ่อยื่นช่อดอกแคทรียามาให้เหมือนกับตอนจบมัธยมต้นไม่มีผิด
ท่านพี่เองก็มาร่วมงานด้วย หอบช่อดอกอุราระช่อโตมาให้ ทำเอาสาวๆทุกคนในที่นั้นส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเคลิบเคลิ้มกันใหญ่
"ท่านพี่ของท่านเรย์กะเนี่ยยอดเยี่ยมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ"
ฮิฮิฮิ แน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ~
ท่านพี่ของฉันซะอย่างนี่คะ
จากนั้นพวกเราทุกคนก็ถ่ายรูปวันจบการศึกษาของฉันร่วมกันที่ใต้ต้นซากุระ
หลังจากร่ำลาทุกคนหมดแล้ว ครอบครัวเราก็ขึ้นรถบ้านคิโชวอินด้วยกัน พวกเราตกลงกันว่าจะไปกินเลี้ยงฉลองมื้อค่ำด้วยกันที่ร้านอาหารอิตาลีที่คุณซาซาจิมะได้จองไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
รถยนต์ค่อยๆขับเคลื่อนออกจากรั้วประตูโรงเรียนซุยรัน สถานที่ซึ่งกำลังจะกลายเป็นเพียงความทรงจำในอดีต นับตั้งแต่ประถมจบกระทั่งจบมัธยมปลายช่างเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานจริงๆ เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นภายในนี้มีทั้งดีทั้งแย่มากมายเกินกว่าจะบอกเล่าได้ในหนังสือเล่มเดียว
แต่ในที่สุดเรื่องราวทุกอย่างก็จบสิ้นลง
คาบุรากิและวาคาบะจังลงเอยคบหากันที่สุด โดยที่ตระกูลคิโชวอินไม่ล่มจมล้มสลายไปอย่างในการ์ตูนที่ฉันเคยอ่าน นับว่าความพยายามของฉันตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาตั้งแต่ตอนประถมนั้นไม่เสียเปล่าเลยล่ะนะ
ดีจังเลยน้า~
เอาล่ะ
เรื่องราวในการ์ตูนก็จบลงไปแล้ว ต่อแต่นี้ไปก็จะถึงคราวเรื่องราวของฉันเองบ้างล่ะ
มหาวิทยาลัยซุยรัน... ฤดูใบไม้ผลิของฉันกำลังจะผลิบานแล้วอย่างแน่นอนล่ะค่ะ~
แล้วเรื่องราวไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
.....
....
..
.
ตื้ด ตื้ด ตื้ด
เสียงสัญญาณบางอย่างดังหนวกหูน่ารำคาญอยู่ข้างหูจนทำให้ฉันสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด รู้สึกหายใจออกมาได้ลำบากซะด้วยซิ รู้สึกมึนๆเบลอๆหนักหัวไปหมด ไม่สบายรึเปล่านะ?
กลิ่นประหลาดโชยเข้าจมูกทั้งที่ไม่เคยรู้จัก แต่กลับรู้สึกว่าคุ้นเคยเหลือเกิน ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพเบื้องหน้าพร่ามัวที่มองเห็นคือเพดานที่มีไฟนีออนสีขาวแสบตาส่องเข้ามา ฉันพยายามขยับตัว แต่ร่างกายก็หนักเหลือเกินจนแทบขยับตัวไม่ไหว คอก็แห้งผาก พออ้าปากจะส่งเสียงก็ทำได้เพียงแค่ไอออกมาแหบๆ
"อ๊ะ!" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่คุ้นนักดังขึ้นสักทางหนึ่ง "คนไข้ฟื้นแล้ว! เดี๋ยวไปตามคุณหมอให้นะคะ!"
ตาฉันที่เริ่มปรับภาพได้แล้ว เห็นหลังของในชุดขาวอย่างนางพยาบาลวิ่งไวๆจากไป
ที่ใบหน้าของฉันเองมีเครื่องให้ออกซิเจนครอบอยู่
ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล
ฉันยังคงรู้สึกมึนๆเบลอๆจดจำอะไรไม่ได้สักอย่างว่าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาจากฝันที่ยาวนาน กลิ่นที่ฉุนกึกนั่นก็เป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ในโรงพยาบาลนั่นเอง ร่างกายอ่อนล้าจนไม่สามารถขยับได้ แต่เห็นได้ชัดว่ามีสายระโยงระยางเต็มไปหมดรอบๆตัว
ไม่นานนักก็มีคนเข้ามาในห้องแสดงตัวว่าเป็นหมอประจำตัวฉัน เหล่านางพยาบาลก็เข้ามารุมล้อมช่วยถอดเครื่องช่วยหายใจออก ส่งน้ำให้ฉันดื่มและตรวจเช็คร่างกาย จากนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นอีกครา คนที่เดินมาเข้าด้วยสีหน้าซีดเซียวนั้น
"......แม่"
พ่อก็เดินตามเข้ามาข้างหลังแม่ติดๆ คุณหมอดูอาการฉันเรียบร้อยก็บอกว่าไม่เป็นอะไรมากนักก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับนางพยาบาาล แม่กับพ่อเดินเข้ามาใกล้ที่ข้างเตียงฉัน
"ลูกฟื้นแล้ว!"
จากนั้นท่านก็ร้องไห้ออกมา แม่ดูผอมซูบเซียวไปมากจากที่ฉันจำได้ ไม่ค่อยได้ทานอาหารอย่างงั้นเหรอคะ? ไดเอทอีกแล้วงั้นเหรอ? แต่จนถึงกับซูบผอมขนาดนี้ก็ไม่ไหวนะคะ
ส่วนพ่อก็ลงพุงเป็นสิงโตทะเลไม่เปลี่ยนสักนิด ทำไมไม่แบ่งไขมันไปให้แม่บ้างล่ะ? แย่จริงๆเลย ชุดสูททำงานที่สวมอยู่นั่นกระดุมมันปริออกแล้วนะเห็นมั้ยน่ะคะ?
สักพักคนอีกคนหนึ่งก็เปิดประตูผัวะเข้ามาในห้องเสียงดัง ท่าทางว่ารีบร้อนมาก ก่อนจะเข้ามาหยุดกึกห่างออกไปในระยะสายตาที่ฉันมองเห็น
คนคนนั้นจ้องนิ่งค้างมาที่ฉัน ถือช่อดอกไม้เล็กๆอยู่ในมือ ก่อนที่คนคนนั้นจะก้มหน้าลง ไหล่สั่นสะท้าน และพุ่งเข้ามาแทรกระหว่างฉันกับพ่อที่ยืนอยู่
"ยินดีต้อนรับกลับนะ พี่..."
เธอกล่าว ซบกับแขนหนาๆของฉันที่เจาะสายน้ำเกลือไว้ต่างหมอน แล้วส่งเสียงร้องไห้
ฉันเอื้อมมือหนักๆไปลูบหัวเธอ ภาพทัศน์พร่ามัวอีกครั้งด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา พ่อกับแม่เองก็ยื่นมือมาจับมือของฉันไว้ ความอบอุ่นนี้ ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงรู้สึกโหยหาและคิดถึงมากเหลือเกิน
ราวกับว่าได้จากไปที่ไหนที่หนึ่งที่ไกลแสนไกล
ราวกับได้ไปสถานที่แห่งความฝันที่ใดสักแห่งมายาวนาน
แล้วฉันก็ตื่นขึ้นมาในที่สุด...
"กลับมาแล้วค่ะ..."
เสียงสะอึกสะอื้นออกมาจนแทบไม่เป็นคำพูด
ในที่สุดก็ได้พบกันอีกครั้ง
คิดถึง คิดถึงมาตลอดเลยค่ะ
คุณพ่อ คุณแม่ ยูกะจัง...
(จบ?)