กุแวะมาดูว่ามีอะไรเข้าท่ามั่ง แต่เจอมึงบอกว่าแม่งดอง น่าจะดอง กุก็บายละ ไม่ต้องอ่านที่สับเลย 55555555
Last posted
Total of 1000 posts
กุแวะมาดูว่ามีอะไรเข้าท่ามั่ง แต่เจอมึงบอกว่าแม่งดอง น่าจะดอง กุก็บายละ ไม่ต้องอ่านที่สับเลย 55555555
เหยดดด สับรัวๆ
ไหนๆ ก็สับดาร์คแฟนตาซีมาสองเรื่องละ กูอยากรู้ว่าแบบไหนที่ชาวโม่งเรียกว่าดาร์คแฟนตาซี เพราะมาตรฐานกูออกจะสูงสักหน่อย อย่างเรื่องการฆ่ากัน เสือดสาด ไรงี้ก็เห็นในพระเอกนิยายแปลจีนเยอะแยะนะ จะบอกว่าดาร์คมันก็ดาร์คแหละแต่แค่ระดับเบสิค สำหรับกูดาร์คของแท้ต้องเล่นกับจิตใจมนุษย์ สะท้อนสังคมอันต่ำทราม ตัวเอกต้องมีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในระดับต่ำ คือไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบฆ่า ทำเรื่องโหดร้ายอะไรทำนองนี้นะ แต่เป็นพวกอยากรู้อยากเห็น มีความเหตุและผลอยู่เหนืออารมณ์ แล้วทีนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนั่นแหละที่ไปทำร้ายคนอื่นเข้าโดยการทำให้สามมุมมองของคนอื่นปิดเบี้ยว อย่างเช่นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เป้นคนดี โลกสวย แต่เพราะพระเอกสร้างสถานการณ์บีบบังคับทำให้เธอต้องทำเรื่องที่เลวร้าย อย่างฆ่าคนหรือทำร้ายคนอื่น ทำให้จิตใจของเธอค่อยๆ บิดเบี้ยวจนสุดท้ายหัวใจก็แตกสลาย หรือทำให้คนที่มีจิตใจเข้มแข็งตกสู่ความหวาดระแวงด้วยเรื่องราวผิดพลาดในอดีตของเขาเอง
โม่งคานทองงานดี สับรัวๆ
พวกมึงอยากอ่านนิยายอัพอยู่ก็ต้องไปสุ่มมาให้สับใหม่ หรือไปตั้งกระทู้รับวิจารณ์นิยายสไตล์โม่ง แต่เงื่อนไขคือต้องใจแข็งพอจะรับคำวิจารณ์ได้ ในลิสต์ตอนนี้กูก็บอกแล้วว่ามีแต่นิยายดอง แต่ครั้งหน้ากูจะสับนิยายท๊อป
คือกุไม่ได้อยากจะกวนตีนหรือทำตัวมือไม่พายเอาเท้าราน้ำไรหรอกนะ แต่การที่สับนิยายที่แม่งไม่มีทางแต่งจบแน่ๆนี่เพื่ออะไรเหรอวะ
คือไงแม่งเจ้าของก็คงไม่อก้แน่ๆแล้ว แล้วก็คงไม่มีใครอ่านด้วยเพราะแม่งดองยาวอ่ะ
>>875 ไปห้อง Literature ดูดิ มีชุมชนนักอ่านอยู่หลายแนว กดลิ้งเนี่ย https://fanboi.ch/literature/
สับนิยายท๊อปที่มีอยู่ในลิสต์จ้า......(กูก็กล้าไปสับเค้าเนาะ 555)
ชื่อเรื่อง : ฉันนี่แหละคือเศรษฐี
ผู้แต่ง : audra2
จำนวนตอน : 83 ตอน (แต่กูอ่านไม่ถึง อ่านแค่คร่าวๆ พอรู้เนื้อหา)
สถานะ : ยังอัพอย่
พล็อต : ต่างโลก เชิงธุรกิจ
เซ็ตโลก : เป็นโลกคล้ายโลกจริง แต่ล้าหลังกว่าเล็กน้อย มีความเป็นเกมตรงมีระบบค่าความดี เสียงเอไอให้ภารกิจซึ่งมีเฉพาะพระเอก
การเดินเรื่อง : สรรพนามบุรุษที่ 3
เนื้อเรื่อง : ตัวเอกตายแล้วไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยใช้ร่างของคนอื่นแบบนิยายตามตลาดทั่วไป แต่เป้าหมายเป้นสุดยอดเศรษฐีจึงไม่มีฉากต่อสู้ การเดินเรื่องก็ดำเนินไปแบบเรื่อยๆ เก็บแต้มความดีปลดล็อคไอเท็มพิเศษ ก่อร่างสร้างธุรกิจ หรือจะให้เปรียบเทียบก็ The sim ภาคนิยาย
วิจารณ์ /ข้อเสนอแนะ: 1. การบรรยายอยู่ในระดับปานกลางไม่ได้ดีมาก แต่ก็พอเห็นภาพ คนเขียนต้องทำการบ้านเรื่องการบรรยายมากกว่านี้ (ศึกษาจากระเบิดเวลาล้างโลก [Dark Fantasy] ก็ได้เรื่องนี้บรรยายดี) 2. การใช้คำอุปมาอุปไมยมีการใช้เยอะเกินไป และใช้แบบแปลกๆ เช่น หันมามองเหมือนมองสารคดีสำรวจโลกศึกษาชีวิตของสัตว์ อันนี้คือคนเขียนอยากจะบอกว่ามองอย่างเหยียดหยาม กำลังสบตากับนาฬิการาวกับปลากัดกำลังผสมพันธุ์ จะบอกว่าจ้องเขม็งว่างั้น แต่ดันใช้คำอุปมาอุปไมยซะแบบฟุ่มเฟือยมาก ยังมีอีกหลายจุดและแทบจะเจอเกือบทุกตอน สำหรับกูมองว่าการใช้คำอุปมาอุปไมยเยอะเกินในนิยายแนวไลฟ์สไตล์มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ถ้าแฟนตาซีจ๋าหรือนิยายรักซึ้งกินใจอันนี้ก็ว่าไปอย่าง 3. การใช้ ‘ดั่ง’ คนเขียนยังคลังศัพท์น้อยเพราะบทนำใช้ดั่งเยอะมากทำให้เกิดปัญหาคำซ้ำ ควรจะใช้คำอื่นบ้างเช่น ราวกับว่า เสมือน คล้าย 4. เปิดเรื่องมาตอนบทนำเหมือนคนเขียนจะพยายามทำให้เปิดฉากอย่างสวยหรู เลยใช้คำที่หรูหรา แต่มันกลับทำให้กูรู้สึกชะงัก และขัดใจเล็กน้อย ยกตัวอย่าง “สารรูปดั่งขอทาน ร่างกายอันโสมม เสื้อผ้าที่ฉีกขาดดั่งโดนข่มขืนจากบรรดายอดชาย (แต่ตัวเอกเป็นผู้ชาย) ขาข้างหนึ่งลากไปกับพื้นเหมือนไม่มีแรงพยุงให้เคลื่อนไหว หน้าตาซูบซีดราวกับซากไฮยีน่าของทวีปแอฟริกา” บางทีการพยายามใช้คำที่ทำให้ดูอลังการหรือหรูหราอาจจะทำร้ายตัวเองได้นะจ๊ะ 5. ประโยคบางอย่างที่ต้องการเว้นช่วงควรใช้มหัพภาค หรือจุดไข่ปลาช่วย ยกตัวอย่าง “เจ้านายครับ ช่างกับรถที่บ้านจะมาถึงก็คงไม่ต่ำกว่าอีกชั่วโมงผมเกรงว่าจะไม่ทัน” ชัยเว้นระยะ ควรแก้เป็น “เจ้านายครับ ช่างกับรถที่บ้านจะมาถึงก็คงไม่ต่ำกว่าอีกชั่วโมง...ผมเกรงว่าจะไม่ทัน” 6.ระวังการใช้คำกิริยาให้มากกว่านี้ เช่น พยักหน้าปฏิเสธ (ควรเป็นส่ายหน้าปฏิเสธปะ?) 7.การใช้ตัวเอียงใช้ได้มั่วซั่วมาก อันนี้ไปศึกษาเอาเองนะจ๊ะว่าควรใช้ยังไง 8. คาแรคเตอร์และนิสัยพระเอกดูดูทะแม่งๆ ชาติก่อนเป็นเสือผู้หญิง เจนโลก ประสบการณ์เยอะ พูดได้เจ็ดภาษา เป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ แต่ดันให้ความรู้สึกราวกับคนธรรมดาทั่วไปที่หาได้ตามถนนคนเดิน (ออร่าน่าเกรงขามและบรรยากาศที่ดูมีสง่าราศีไปไหนล่ะ ยูวววว) แล้วเป็นเสือผู้หญิงแต่ความหื่นกระหายในกามกลับต่ำ?
สรุป : เรื่องนี้นอกจากการบรรยายแล้วที่เหลือก็โอเค เนื้อเรื่องใช้ได้สามารถอ่านไปได้เรื่อยๆ สบายๆ ไม่ได้หวือหวา สำหรับใครที่ชอบการผ่อนคลายแนะนำเรื่องนี้ แต่! ถ้าคุณต้องการอารมณ์ด้านธุรกิจแบบของจริงคุณจะพบน้อยมากในเรื่องนี้ เพราะมันไม่มีการเชือดเฉือน การใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบนักธุรกิจ ศัตรูคู่ปรับที่ร้ายกาจ คือเรื่องมันไปทางแนว The sim แหละ สำหรับกูเรื่องนี้ถ้าแก้ตามที่กูแนะนำอาจจะสามารถเป็นนิยายตีพิมพ์ได้มั้ง ก็ตามกระแสพอสมควร (ขนาดบางเรื่องห่วยกว่านี้ยังตีพิมพ์เลย กูไม่ขอเอ่ยนะเพราะกูเสียใจกับเงินที่จ่ายไปฉิบหาย ทนอ่านแล้วแต่ก็ไม่รอด ได้แค่ครึ่งเล่ม)
คะแนน : กูให้ 5.9/10 หักส่วนที่กูวิจารณ์ไปทั้งหมดทั้งมวล
ผู้สับ.... โม่งคานทองกำลังจะได้หนังสือคลังคำ
เพิ่มเติมอีกหนึ่งเรื่อง คือการจัดหน้านิยาย ควรใช้ Tab ช่วยในการขึ้นต้นวรรคใหม่ อันนี้ติดกันพรืด แล้วเห็นในคอมเมนต์บอกว่าน้ำเยอะซึ่งตรงนี้เป็นปัญหาเดียวกับการยบรรยาย ดังนั้นกูขอหักคะแนนเฉพาะส่วนการจัดหน้าเพิ่ม 0.5 นะ เหลือ 5.4/10 >>> พอดีตอนแรกกูอ่านในแอพเลยไม่เห็น
ที่กูรู้มานะ พวกนักเขียนดองนิยายมันจะเป็นคนทำงานแล้วเว้ย เวลาเขียนแม่งน้อย แต่งานจะดีใช้ได้ กูเคยไปทักนักเขียนที่แม่งดองข้ามปี เค๊าก็บอกกูว่าทำงานแล้วเวลาน้อยลง แต่จะพยายามหาเวลามาอัพนิยายตอนใหม่ กูยอมรับนิยายพวกนี้จะมีคุณภาพเป็นเพราะตัวนักเขียนมันโตแล้วด้วย พวกอัพนิยายถี่ไม่ว่างงานก๋นักเรียนว่ะ
หวัดดีเซฮุน สับเรื่อง Guildmystic มนตราพันธนาการ
https://writer.dek-d.com/kung-chun/story/view.php?id=1149251
เรื่องนี้มี 17 ตอน นี่เป็นภาคสอง กูขอออกตัวก่อนว่า นิยายเรื่องนี้กูอ่านแล้วประทับใจมาก ทั้งเนื้อเรื่องและการบรรยาย นี่คืองานของคนที่รักการเขียนจริงๆ
ใจจริงกูจะสับละเอียดเลยอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก เอาแม่งทุกบท ทั้งตรรกะพล็อต ทั้งตัวละคร แต่กูเห็นโม่งสับเขาอ่าน 2-3 ตอนกัน กูก็ขอตามเทรนด์
คือกูอ่านจบแล้วนะ แต่จะสับยับ แค่ตอนที่กูเห็นว่าน่ายกมาโม่งที่สุดเท่านั้น
กูจะเท้าความให้เองพวกมึงไม่ต้องกลัว
ลงชื่อ เซฮุน กูชมไปแล้ว เหลือก็แค่ด่าละนะ
เซฮุนนะ
"Guildmystic มนตราพันธนาการ II
Chapter 1
ชาร์ล็อต มิลตันลืมตาตื่นจากภวังค์ฝันอันยาวนานเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากอีกฟากของบานไม้
(เลือกบอกลืมตาก่อนบอกว่ามีเสียงเคาะประตู เป็นกูจะสลับกัน อันนี้เล็กน้อย - เซฮุน)
“เข้ามา”
ผู้ตรวจการณ์แห่งองค์กรเวทมนตร์กิลด์มิสทิคเอ่ยพลางขยับตัวนั่งตรงบนเก้าอี้ประจำโต๊ะทำงาน หญิงสาวผู้มีนัยน์ตาและเรือนผมดำขลับยาวสลวยคนหนึ่งจึงก้าวเข้ามาภายในและมองมายังเขา
(ไม่มีใครห้าม แต่เลือกไม่ใช้ชื่อชาร์ล็อตอีกในวรรคนี้ ทั้งๆที่มันเป็นวรรคบรรยาย อะไม่ว่ากันเล็กน้อย - เซฮุน)
“พวกเขาเตรียมการพร้อมแล้วค่ะ อาจารย์”
ชาร์ล็อตพยักศีรษะก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ จัดเปียยาวของตนพาดบ่ามาด้านหน้าแล้วสวมเสื้อคลุม เมื่อแต่งกายอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วเขาจึงกล่าวกับศิษย์สาวเสียงขรึม (ตรงนี้ถ้ามีคนคิดว่าชาร์ล็อตเป็นผญไปแวบนึง กูไม่ว่านะ คือชื่อได้เปียมา แต่ตัวละครนี้อาจจะมาจากภาคแรก อะเล็กน้อยๆ สามย่อหน้าไม่ทราบเพศ ไม่ว่าๆ - เซฮุน)
“ไปกันเถอะ ฮิลดราเลีย” (ชื่อลูกศิษย์สาว - เซฮุน)
บุรุษวัยฉกรรจ์เดินนำหญิงสาวซึ่งเป็นหนึ่งในสองของศิษย์ตนก้าวออกจากห้องประจำตำแหน่งผู้ตรวจการณ์แห่งกิลด์มิสทิคเข้าสู่เขตหวงห้าม ลึกลงไปในชั้นใต้ดินส่วนกลางขององค์กร ในนั้นมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเตรียมการประกอบพิธีกรรมบางอย่าง (ตรงนี้ยัดข้อมูลเกินงาม หรือรีบที่จะต้องบอกว่า 1 ใน 2 จากสถานที่นี้ก็ละเอียดยิบ ปลายทางก็ระเอียดยับ - เซฮุน)
แสงจากโคมไฟนับสิบดวงซึ่งประดับอยู่โดยรอบส่องให้เห็นว่าบนพื้นห้องโถงกว้างมีลวดลายวงเวทวาดสลับทับซ้อนกันหลายชั้นอยู่สามวง วงที่มีขนาดเล็กสุดอยู่ตรงกลาง เชื่อมวงเวทขนาดใหญ่ด้านข้างทั้งสองวงไว้ด้วยกัน มีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่บนวงเวทที่เหมือนกรอบล้อมลานกว้างนั้น ชาร์ล็อตและฮิลดราเลียจึงเดินขึ้นไปบนระเบียงชั้นลอย (กูเชื่อว่าการลงรายละเอียดความอลังการนี่ต้องมีอุปมาอุปไมยว่ะ นี่มาทื่อๆนึกภาพไม่ออก - เซฮุน)
ผู้เป็นอาจารย์จ้องมองศิษย์อีกคนของตนซึ่งถูกโซ่หลายเส้นตรึงแขน ขา และลำคออยู่บนวงเวทขนาดใหญ่วงหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้รอยยิ้ม ขณะที่ฮิลดราเลียแสดงความเป็นห่วงและกังวลบนสีหน้า
(ถ้าย่อหน้านี้สองคนมันจะมา contrast กัน น่าเขียนได้สวยกว่านี้ -เซฮุน)
>>890 ต่อ
อักษรสลักล่องหนปรากฏวนเป็นวงบนลำตัวท่อนบนที่เปลือยเปล่าของเรมิเรส ราวกับพญาอสรพิษสีดำทมิฬกำลังรัดพันรอบตัวเขา ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ข่มกลั้นเสียงร้องแห่งความทรมานไม่ให้หลุดลอดออกมา ดวงตาสีน้ำเงินสะท้อนแสงสีม่วงเรื่อเรืองจ้องมองบางสิ่งหลุดลอยจากร่างตนและค่อย ๆ เคลื่อนไหลไปสู่กายของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่บนวงเวทฝั่งตรงข้าม สติของเขาพร่าเลือนจนแทบทรงกายไว้ไม่อยู่ แต่ก็ถูกดึงรั้งไว้ด้วยเวทมนตร์จากพิธีกรรมที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไร (กูไม่ค่อยทรมานตาม แต่อุปมาอุปไมยกูมาละเป็นอสรพิษดำรัด คำฟุ่มเฟือยก็มา)
ชาร์ล็อตยืนมองพิธีกรรมที่เหมือนกับการลงทัณฑ์ทรมานเรมิเรสด้วยสายตานิ่ง ศิษย์ของเขายังต้องทุกข์ทนอีกนาน... จนกว่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายจะถูกเติมจนเต็ม (ที่เหมือนกับ? กูคิดนะ แสดงว่าไม่ใช่ก็ได้ใช่ไหม? - เซฮุน)
“เพื่อให้พวกเขาทั้งสองคนได้มีชีวิตอยู่”
“เรมิเรส คิสเซ่ จะไม่ถูกสังหาร ตราบเท่าที่เราไม่บิดพลิ้วสัญญาที่มีต่อกัน”
มันเป็นข้อเสนอจากเทรวิส เลนฮาล ผู้นำองค์กรเวทมนตร์คนปัจจุบัน อดีตเพื่อนรักของชาร์ล็อต ในตอนที่เขาหอบหิ้วร่างอ่อนเหลวใกล้ตายของเด็กชายผู้มีดวงตาสีประหลาดกลับมายังกิลด์มิสทิค แม้จะช่วยเรมิเรสให้มีชีวิตรอดต่อไปได้ แต่อีนิกม่า กระจกอาถรรพ์ในครอบครองของเขากลับสะท้อนภาพเด็กชายขึ้นมาเป็นเหตุการณ์หนึ่ง
(โอ้วยัดมาได้...จดแป๊ปนะ เดี๋ยวกูจะลืม - เซฮุน)
ชายหนุ่มผมขาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเด็กชายฉายชัดอยู่บนกระจก นัยน์ตาสีม่วงเข้มทอประกายโหดร้ายเย็นชา เขาเข่นฆ่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยม และทำลายอาณาเขตที่อาศัยของมนุษย์อย่างไร้ความปรานี ก่อนที่จะฉายย้อนไปถึงต้นกำเนิดของเหตุการณ์นั้น จากความผิดพลาดบางประการที่พ่อมดแห่งกิลด์มิสทิคผู้คุ้นตาไม่ได้แก้ไข
(อ้าวพวกมึงก็จดด้วยนะ นี่คือความเชื่อของคนเขียนว่านี่คือ foreshadowing กูดูแล้วมันน่าจะเป็นแบบนั้น แต่ตรงไปปะ - เซฮุน)
ชาร์ล็อตตกตะลึงในสิ่งที่เห็นและตระหนักรู้ได้ทันทีว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นนับจากนี้ (กูก็เห็นไอ้หล็อด แต่กูนิ่งว่ะ -เซฮุน)
อีนิกม่าฉายภาพอนาคตน้อยจนนับครั้งได้ แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันจะทำนายพลาดเลยสักครั้ง ดังนั้นเรมิเรสจึงถูกลงมติให้ต้องตายอย่างแน่นอน เพื่อตัดตอนต้นเหตุเภทภัยของมนุษย์ชาติ ในขณะที่เขาคิดว่าจะพาเด็กน้อยออกไปจากองค์กรแห่งเวทมนตร์ คิดหาหนทางเป็นไปได้ที่จะแก้ไขอนาคต เทรวิสก็ยื่นข้อเสนอเข้ามา (คือมันชัวร์มาก มึงบอกตรงๆง่ายๆก็ได้ กูเชื่อๆ - เซฮุน)
ไซอา เลนฮาล บุตรชายคนเดียวของผู้นำองค์กรแห่งเวทมนตร์ทดลองอาคมผิดพลาด พลังชีวิตของเขารั่วไหลออกจากร่างอย่างไม่อาจหยุดได้ ปล่อยไว้ไม่ช้าก็ต้องตาย ดังนั้นเขาจึงต้องการพลังชีวิตที่แข็งแกร่งมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป (กูได้รู้จักมันละ ไซซะนะอาเนี่ย จับมือๆ อ่านมาตั้งนาน - เซฮุน)
>>891 ต่อ
เช่น พลังชีวิตที่แข็งแกร่งของปีศาจ พลังชีวิตของอีกวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของเรมิเรส (ตรงนี้แยกมา เพราะอะไรวะ? - เซฮุน)
มีน้อยคนนักที่รู้เรื่องคำทำนายของเรมิเรส เหตุที่เขาจะเป็นเภทภัยในภายหน้า เทรวิสปิดกั้นข่าวสารนั้นเพื่อเก็บเด็กชายไว้ทดแทนพลังชีวิตของบุตรตน
(เริ่มเน้นเยอะละ - เซฮุน)
ชาร์ล็อตยินยอมร่วมมือเพื่อรักษาชีวิตของเด็กชาย เขาทุ่มเทหาวิธีที่จะกำจัดวิญญาณร้ายในร่างนั้น เขาตั้งใจอย่างแม่นมั่นว่าอนาคตจะต้องเปลี่ยนได้ เรมิเรสจะไม่ต้องตายและไม่เปลี่ยนไปเป็นปีศาจร้ายอย่างเด็ดขาด (เค เจตนาพี่หล็อดเรา - เซฮุน)
การถ่ายเทพลังชีวิตของปีศาจให้ไซอา จะทำให้วิญญาณร้ายไม่แข็งแกร่งจนมีสติเหนือไปกว่าเจ้าของร่าง มันจะไม่สามารถออกมาแผลงฤทธิ์ได้ด้วยมนตร์สะกดมารซึ่งถูกเสริมลงไปอีกชั้น (โอ้ย ประหวั่นพรั่นพรึงแล้ว กลัวแล้วครับ รีบหน่อย - เซฮุน)
ทว่าวงเวทที่ชาร์ล็อตและเทรวิสร่วมมือกันคิดค้นขึ้นมา กลับส่งผลต่อวิญญาณและร่างกายด้านที่เป็นมนุษย์ด้วย เรมิเรสกรีดร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน เส้นผมดำเงางามของเด็กชายวัยเก้าขวบหงอกขาวในทันทีจากการทดลองถ่ายเทพลังชีวิตครั้งแรก
(นี่กูว่ามันเท้าความเยอะไปนะ - เซฮุน)
ชาร์ล็อตต้องการแก้ไขวงเวทไม่ให้ส่งผลกับเรมิเรสอีก แต่เทรวิสกลับไม่ยินยอม เนื่องจากมันส่งผลอันดีกับไซอา แม้ว่าร่างกายบุตรชายของเขาจะไม่เจริญขึ้นตามวัยอย่างที่สมควรเป็นอีกเลยก็ตาม
(เออเล่ามาให้หมด กูยอมละ - เซฮุน)
ผู้ตรวจการณ์แห่งกิลด์มิสทิคกำมือแน่น เมื่อนึกถึงตอนที่รู้ในภายหลังว่าเพื่อนรักของเขาเล่นตุกติกกับวงเวทที่ร่วมกันคิดค้นสร้างขึ้นมา เทรวิสใช้อำนาจผู้นำข่มขู่ว่าจะสังหารเด็กชายทันทีหากเขาคิดต่อต้าน (เชี่ยแม่งมีนึกอีกเรื่องด้วย กูจดปมแป๊ป - เซฮุน)
ใช่ว่าชาร์ล็อตจะกลัว แต่เรมิเรสยังเด็กและอ่อนแอเกินไปที่จะขัดขืนกลุ่มจอมเวทนักล่า ซึ่งจะไม่ปรานีต่อสิ่งใดก็ตามที่ไม่ใช่มนุษย์โดยแท้ (พี่หล็อตกูหล่อไหมล่ะ - เซฮุน)
“ถ้าเพื่อจะมีชีวิตอยู่ล่ะก็...” เด็กชายตอบเขาเมื่อถูกถามความสมัครใจ
จากนั้นไม่กี่ปี ชาร์ล็อตก็ได้รับรู้ว่าเรมิเรสเริ่มจะรู้สึกสิ้นหวังต่อโชคชะตา เมื่อพิธีกรรมถ่ายเทพลังชีวิตทรมานเขาจนเจียนตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังหยุดความนึกคิดของอีกวิญญาณในร่างนั้นไม่ได้ กระทั่งชายหนุ่มฝ่าฝืนคำสั่งของท่านผู้นำที่ให้รีบกลับองค์กรไปช่วยชีวิตเจ้าหญิงจากอาณาจักรหนึ่ง เขาเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ถูกทำนายจากอีนิกม่าได้ มันทำให้ไม่สิ้นหวังว่าอนาคตของชายหนุ่มจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน (ยัดมาๆ กูขออ่านย้ำอีกสักรอบ เค อีกสักสามรอบละกัน ไหนๆก็ไหนๆละ - เซฮุน)
ยังไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้แน่นอน อนาคตยังคงเปลี่ยนแปลงได้เสมอ (เข้าใจครับ - เซฮุน)
การประกอบพิธีกรรมทรมานสำหรับเรมิเรสจบลงแล้ว เขาทรุดกายลงนั่งหอบหายใจอย่างไร้เรี่ยวแรงบนพื้นกลางวงเวทขนาดใหญ่ โซ่ตรวนยังไม่ถูกปลดออกไปเผื่อในกรณีฉุกเฉินที่เขาไม่ได้มีสติของมนุษย์ (เชี่ย มีข้อแม้ปิด - เซฮุน)
“คราวก่อนที่เจ้าหนีไป ไม่ยอมกลับมาตามกำหนด เล่นเอาข้าแทบแย่เลยนะ”
บุรุษในร่างของเด็กชายเอ่ยเสียงใสพลางเดินไปหยุดตรงหน้าเรมิเรส มือข้างหนึ่งเชยคางพ่อมดผมขาวให้เงยขึ้นมาสบตาแล้วคลี่ยิ้มเย็น (ชอบว่ะ คลี่ยิ้มเย็น ได้อารมณ์ดีมั้งกับประโยคสุดท้าย - เซฮุน)
“เจ้าเป็นของของข้า มันเป็นสิ่งที่กำหนดเอาไว้แล้ว ไม่มีทางจะหนีไปไหนได้หรอก เรมิเรส"
สับละเอียดสมเป็นกองอวยจริงๆ
กูเอาไปบอกนักเขียนแป๊ป คงดีใจน่าดู
กูอยากได้กองอวยแบบโม่งคานทองกับโม่งเซฮุนว่ะ
>>895 มาๆ กูอวยให้ >>> การเขียนบรรยายอยู่ในระดับปรมาจารย์ ลุ้นระทึกทุกตัวอักษร กอ่านไปสั่นไป คำผิดไม่มีเลยนึกว่าหนังสือตีพิมพ์ พล็อตเรื่องแหวกแนวไม่ซ้ำใคร ตัวละครมีเอกลักษณ์แบบสุด ฉากเยกันเข้าถึงอารมณ์มากกูอ่านไปฟินไปเผลอแป๊บเดียวน้ำแตกไปสามรอบ เป็นนิยายเหมาะสำหรับมนุษย์ป้าทั้งหลายมาก
มึงคิดยังไงกับการรับจ้างเขียนพล็อต https://www.dek-d.com/board/view/3735243/
เป็นช่องทางหารายได้ก็ดี บางทีคิดได้เยอะ แต่เขียนไม่ทัน ไม่มีเวลา ขี้เกียจ
>>903 ไม่มีผลกระทบต่อคนอ่าน แต่มีผลกระทบต่อนักเขียน (บางคน) เพราะบางคนพล็อตดีแต่เขียนกาก บางคนพล็อตกากแต่เขียนดี ถ้าเอาพล็อตดีมาให้คนเขียนดี นิยายเทพจะบังเกิด คนอ่านก็ฟินไป นักเขียนบางคนก็ตาร้อน สำหรับกูมองว่าเป็นการร่วมมือของคนสองคนเพื่อผลประโยชน์ในเชิงไหนก็แล้วแต่พวกมัน ส่วน คห. ที่ 3 กูอยากจะบอกมึงว่า 'แม่งนิยายไทยมันก็ลอกพล็อตกันมานั่นแหละ ตั้งแต่แฮรี่ ออนไลน์ ต่างโลก โอโตเมะละ' กูว่าซื้อขายพล็อตยังดีกว่าก๊อปวางแบบนั้นอีก อย่างน้อยก็วิน-วินทั้งสองฝ่าย
แต่เอาจริง พล็อตกูก็ของกู ไม่ให้ใครหรอก ไม่สนพล็อตคนอื่ยด้วย ไม่คิดเองจะเติมเจ็มได้หมดเหรอวะ
ขายพล็อต?
ใครซื้อใครขาย เกิดฟลุคดังขึ้นมา เดี๋ยวก็มีตบตีแย่งชิงผลประโยชน์กันเอง ให้น่าปวดหัวอีก
นิสัยคนเรามีผลประโยชน์ตรงไหน ตรงนั้นมีเรื่องเสมอ
พวกนั้นยังเด็กป่าววะถึงตอบแบบนี้กัน คือในเด็กดีนี่มาตรฐานก็สมชื่ออ่ะนะ มีแต่เด็กๆซะเยอะ 555
หวัดดี เซฮุน เอง ถึงไอ้พวกเหี้ยมาหาว่ากูอวย
กูว่ากูไม่ได้อวยนะ กูแค่ชมโดยรวมไอ้ชิบหาย เด็กมันเขียนจบ สื่อสารผ่านก็บุญแล้ว กูสับกูด่าทุกย่อหน้า มึงได้อ่านมั่งไหมเนี่ย เหนื่อยนะมึง
คือกูให้ความเห็น ถ้าอะไรตะขิดตะขวงใจกูก็จัด ถ้ามึงอ่านดูดีๆ มึงจะรู้ว่ากูอ่านแบบ 'พ่อปกครองลูก' คือไอ้สัด "ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า" กูไม่แทรกแซง เขียนไรมึงเขียนไป แต่ถ้าไม่ใช่กูก็ด่า
กูไม่อยากจุกจิก อันไหนกูรับได้กูก็ปล่อย หน้าที่กูคืออ่านให้จบ เข้าใจเนื้อหา บอกว่ารวมแล้วมันเป็นยังไง
จะให้กูนั่งสับคำฟุ่มเฟือย จัดย่อหน้าหาคำผิดให้งี้ กูไม่ทำ อ่านดูก็รู้แล้วล่ะไอ้เหี้ยว่านิยายเวิ่นน้ำแค่ไหน
แถมกูยังไม่ให้เรตติ้งเลยนะไอ้สัด มึงว่าสิบเต็มกูจะให้เท่าไหร่ กูให้แค่ 5.5/10 เท่านั้นแหละ
พวกมึงนี่ควยบังตาจริงๆ
ลงชื่อ เซฮุน เพิ่งถึงบ้านทะเลาะกับเมียมา
ปล อวยพ่อง
เรื่องการรับจ้างแต่งพล็อตหรือซื้อพล็อตสำหรับกูมองว่า....เรื่องของมัน มันจะซื้อ จะขายก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ถ้ามีเรื่องพวกมันก็เดือดร้อนกันเอง ไม่มีความจำเป็นต้องไปสนใจ ที่พวกมึงต้องสนใจคือ งานของมันออกมาเป็นยังไง มีอะไรให้ศึกษาไหม ทิ้งอคติทุกอย่างแล้วกอบโกยความรู้นะจ๊ะ
อ่าว...แล้วแบบนี้มันก็เป็นการปลูกฝังสิ่งไม่ดีในสังคมสิ >>> โอเค กูอยากจะบอกเอาตัวเองให้รอดก่อนค่อยห่วงสังคม เอาเวลามาพัฒนางานเขียนให้ดีจะได้ช่วยให้สังคมนักเขียนจะเจริญนะจ๊ะ
สำหรับคนที่ยังมีอคติ กูก็อยากจะบอกว่าเก็บความไม่พอใจไว้ ไม่ต้องไปโวยวาย แต่มึงงัดทุกอย่างที่มึงมีไปสู้กับมัน ทำให้ทุกคนรู้ว่า นิยายเรื่องนี้กูคิดพล็อตเองแต่งเอง เจ๋งปะละ สุดท้ายมาถ้านิยายที่ซื้อพล็อตมาขายได้มันจะมาสนใจคำโวยวายไหม มันได้เงิน ได้แฟนคลับ คนอื่นก็ตาม พวกมึงก็เน่า ลุกขึ้นสู้ค่ะ นักเขียนทั้งหลาย ปลุกความกระหายสงครามในตัวคุณ ทำให้โลกรู้ว่าเขียนพล็อตเองมันยิ่งใหญ่แค่ไหน ผู้ชนะได้เขียนประวิติศาสตนร์ ผู้แพ้ก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา
ออกทะเลไปกันใหญ่ละพวกมึงนี่
https://writer.dek-d.com/vitn/story/view.php?id=1569658 >> การผจญภัยของผม
กูว่าจะลองสับเรื่องนี้ แต่พอไปอ่านเท่านั้นแหละ ไม่รอดวะ
เอาเป็นว่ากูแนะนำคนเขียนอยู่สองเรื่อง
1. การใช้ภาษาไทย
2. การบรรยาย
ทั้งสองเรื่องนี้คนเขียนต้องเลือกจะหว่างเรียนด้วยตัวเองหรือจะฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนัก ซึ่งกูแนะนำให้สองสำนักคือ สำนัก 26 กับสำนักฟองเบียร์ โดยสำนัก 26 มึงจะได้รับสกิลการบรรยายระดับแอดวานซ์ และสกิลมั่นหน้า ส่วนสำนักฟองเบียร์มึงจะได้สกิลการบรรยายขั้นละเอียดยิบจนคนอ่านอ้าปากค้างแล้วบอกว่า โอ้โห!
ปล. หนึ่งในนิยายท๊อปมาตรฐานเด็กดวก แม้เรื่องนี้จะเขียนค่อนข้างแย่ แต่ดีตรงที่คนแต่งรับฟังความคิดเห็นแล้วไปปรับใช้ นับว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีของนักเขียน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้และทั้งนั้นกูคิดว่าเขาควรจะมีอาจารย์คอยชี้แนะ ถ้าไม่ฝากตัวกับสองสำนักที่กูแนะนำ เหล่าโม่งทั้งหลายอาจจะเมตตารับเป็นศิษย์หรือหาสำนักให้นางฝากตัวจะดีมาก
ผู้สับ.... โม่งคานทอง ผู้กำลังจะสับนิยายเรื่อง อมรา
กูอ่านไปสามตอนและ แต่ขก.สับหมด ขอตอนเดียวแล้วกัน เพราะมันผิดพลาดเหมือน ๆ กันเสียส่วนใหญ่
ชื่อเรื่อง : Artoforbis : The artificial land แดนลับดับโลก
ผู้แต่ง : K.K.T
PROLOGUE โลกกำลังเปลี่ยนแปลง
จากที่อ่าน มองว่าไม่จำเป็นจะต้องมีอย่างยิ่ง ในเมื่อที่หน้าหลักของนิยายก็มีอธิบายเรื่องโลกเอาไว้แล้วบางส่วน คือถ้าจะไว้เป็นส่วนเสริม ส่วนขยาย เกริ่นอะไรล่วงหน้า แนะนำให้เลือกใส่สักที่พอ ใส่ไว้หน้าหลักทั้งหมด หรือจะอีกเปิดหน้าต่างหากก็ตามแต่ ไม่ควรแปะอะไรซ้ำซ้อน
การใช้จุดไข่ปลา ถ้าไม่ได้กะจะเว้นช่องไว้เติมคำตอบอะไร ควรใช้แค่สามจุด
001 [จุดจบสู่จุดเริ่มต้น]
มุมมอง : pov1
เนื้อหา : ศรัญญูกลับบ้านพร้อมน้องสาว พวกเขาอยู่กันแค่สองคน พ่อหายสาปสูญ แม่ทำงานต่างประเทศ และด้วยความที่แม่ส่งเงินมาจำกัดจึงต้องประหยัดเอามาก ๆ แต่สุดท้ายก็สั่งพิซซ่ากับสปาเก็ตตี้คาโบนาร่ามาเป็นมื้อเย็นเพราะน้องสาวไม่อยากกินกะเพราหมูสับ หรืออาหารกล่อง พอคนส่งพิซซ่ามาเก็บตังค์ไปห้าร้อย ศรัญญูบ่นว่าแพง กินแบบนี้บ่อย ๆ ไม่ได้ ต้องประหยัด แต่น้องสาวเสือกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องประหยัด แล้วนางก็เข้าใจเหตุผลได้เมื่อพระเอกบอกว่าจะได้เก็บตังค์ไว้ซื้อชุดสวย ๆ ใส่
ระหว่างกินพิซซ่า วรัญญา(คุณน้องสาว)ก็กินไปเล่นโทรศัพท์ไป แล้วขออนุญาตพี่ออกไปข้างนอก แต่ศรัญญูไม่อนุญาตเพราะมันมืดแล้ว เธอเลยหันไปเจอบางอย่าง คาดว่าทำเซอร์ไพรส์โดยการฟาดหัวพี่ชายตนเองแล้วออกจากบ้านไปตามที่นัดกับคนในโลกโซเชียลไว้
พอศรัญญูตื่นขึ้นไม่เจอน้องสาวเลยแจ้งตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งเพราะยังไม่ครบ24hr. เลยโวยไปตามเรื่อง เขาเลยหยุดเรียน นั่งรออยู่บ้าน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าน้องออกไปหลังจากดูโทรศัพท์ เลยลองล็อกอินIDอิกดราซิลของน้อง แล้วก็พบแชทคุยกับผู้ชาย นัดน้องมันไปเจอแล้วบอกว่าถ้าพี่ไม่ยอมให้ทุบหัวแล้วหนีออกมา ซึ่งวรัญญาคนสวยก็ทำตาม
ศรัญญูเลยไปที่ที่จุดนัดพบพร้อมกับตำรวจ ซึ่งเป็นโกดังร้างลับตาคน พอไปถึงก็เจอน้องนอนจมกองเลือด สารวัตรเลยเข้าไปจับชีพจรแล้วยืนยันว่าน้องตายแล้ว
ระหว่างกำลังกลับบ้าน(น่าจะ) หลังจากจัดการอะไรเสร็จก็โทรไปบอกแม่ว่าน้องตาย ขณะที่กำลังหาคลิปในอิกดราซิลดูเพื่อให้ลืม เขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง เห็นหล่อนกำลังถูกผู้ชายลวนลาม แล้วก็นึกได้ว่าน้องมันก็คงโดนแบบนั้น โยงไปว่าถ้าหล่อนยังขัดขืนก็คงโดนแทงตายเหมือนน้องเขา ก็เลยฉุดขาดหยิบอิฐบนพื้นฟาดใส่ผู้ชายคนนั้นซ้ำ ๆ (น่าจะตาย) แล้วก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ขึ้นแจ้งเตือนให้กดเพื่อเริ่ม ก็เลยกดไป
>>923 ต่อ
การบรรยาย :
- มั่วซั่วมาก เป็นpov1ที่คุยกับตัวเอง แนะนำตัว/โลก/น้องสาวของตัวเองให้ตัวเองฟัง กูเข้าใจว่ามันอยากจะทำให้เหมือนตัวละครกำลังคุยกับคนอ่าน แต่นี่เป็นpov 1 ผู้อ่านรับรู้ตามมุมมองของตัวละครหลัก ไม่ได้เป็นผีเพื่อนซี้สิงร่างที่อยากให้ตัวละครหลักคุยด้วยในใจ ถ้าจะเขียนในลักษณะของpov 1 ที่คุยกับผู้อ่าน ก็ควรเป็นแนวบันทึก คือคนเขียนบันทึกถ่ายทอดความรู้สึกของเขาแล้วทำให้ผู้อ่านบันทึกคิดตาม
- หลงไปปนกับpov 3 เช่น บรรยายบอกว่า "เธอทำหน้าบึ้ง ก่อนจะหันไปเห้นอะไรบางอย่าง" คือมึงบรรยายpov 1 ของศรัญญูอยู่นะ ถ้ามึงใส่มางี้แสดงว่าไอ้ญูมันต้องเห็นดิว่าน้องมันเหลือบไปหาอะไร
- การสื่ออารมณ์ตัวละครทำออกมาได้เข้าขั้นแย่ แบบไม่รู้สึกอะไรเลย อย่างฉากที่น้องตาย ตัวเอกคร่ำครวญแต่ "ไม่นะ ไม่" บรรยายว่าน้ำตาไหล แต่ไม่ชวนให้กูรู้สึกอะไรเลย แล้วมาจบท้ายว่ามันสูญเสียคนที่มันรักที่สุดในโลกไป แต่ที่เปิดมากูมองไม่ออกเลยว่ามันรักน้องสาว แล้วน้องสาวสำคัญกับมันยังไง
- ทั้งเรื่องเหมือนมีแค่ตัวละครพูด ๆๆๆๆ แล้วก็ตัวเอกบ่นกับตนเอง
- ไม่บรรยายฉาก สถานที่ เวลา ตรงนี้คงไม่พูดไรมาก เพราะมันไม่บรรยายจริง ๆ แบบแทบไม่บรรยายเหี้ยไรเลยนอกจากไอ้ข้อข้างบน ถึงจะเป็นpov 1 ที่ก็ยังต้องบรรยายฉาก เพราะpov 1 เป็นลักษณะที่ผู้อ่านเข้าใจเรื่องโดยมองผ่านมุมมองของตัวละครหลักตัวใดตัวหนึ่ง
- เสียงเอฟเฟ็กต์ ใส่ไม่มากแต่น่ารำคาญ ตรงบทที่ทุบหัวผู้ชายเพื่อช่วยผู้หญิง ถ้าเปลี่ยนเสียง "ตุบ! " เป็นบทบรรยายจะดีกว่า ด้วยความที่ตัวละครเป็นผู้กระทำ กูว่ามันต้องจดจ่ออยุ่กับการทุบมากกว่าเสียงตอนทุบอยู่แล้ว
ความสมเหตุสมผล :
- น้องสาวอายุ 14 ปี กูถือว่าเป็นวัยรุ่นแล้ว และยิ่งอยู่กับพี่แค่สองตน ต่อให้พี่โอ๋แค่ไหนก็ต้องมีความเป็นผู้ใหญ่อยู่บ้าง แต่ในเรื่องเสือกไม่เข้าใจสถานการณ์ของครอบครัวตนเองว่าทำไมต้องประหยัด กว่าจะยอมรับได้คือต้องเอาเสื้อผ้ามาล่อ ดูจากที่บรรยาย แสดงว่าน้องสาวมันก็คงผลาญทรัพย์ไปกับเสื้อผ้าเครื่องประดับไม่น้อย (หรือกูควรบอกว่าพี่มันโอ๋ไป) นอกจากนี้ยังเสือกเชื่อคนแปลกหน้าที่ไม่เคยเจอกัน ทุบหัวพี่ตัวเองอย่างง่ายดายเพื่อไปหาผู้ สงสัยหิวผู้ชายมาก (เหมือนเห็นพี่ตัวเองเป็นแค่เสี่ยเลี้ยง บ่นมากทุบแม่งแล้วไปหาผู้ใหม่) คือไม่มีเหตุผลเหี้ยอะไรเลย แค่อยากไปหาผู้ที่รู้จักกันผ่านแชทห้าเดือน Bitchมาก
- ตำรวจถึงที่เกิดเหตุ ปล่อยให้อีพระเอกเข้าไปในที่เกิดเหตุง่าย ๆ เลย จากการติ่งซีรีส์สืบสวน จริง ๆ เจ้าหน้าที่ควรกั้นไม่ให้ใครเข้าออกสถานที่เกิดเหตุเนื่องด้วยกลัวว่าจะทำให้ที่เกิดเหตุเสียหาย หลักฐานคลาดเคลื่อน อันมีผลต่อรูปคดี
- ตายในโกดังเก่า ปล่อยไว้หลายชั่วโมง กูไม่รู้สภาพแวดล้อม มันบอกแค่ว่าโกดังเก่า แต่ไม่บรรยายมาว่าโกดังเป็นไง ดังนั้นเอาตามที่กูคิดคือสภาพแม่งก็สกปรก ทั้งฝุ่น หยากไย่ ขยะ เศษซาก ดูรก ๆ มีสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ อาศัยอยู่ แต่น้องสาวพระเอกโดนฆ่าหมกไว้หลายชั่วโมง สภาพศพดีมวาก นอนจมกองเลือดอยู่ จาาาาา คือสะอาดมวากกก ไม่มีหนู ไม่มีแมลงสาบ มดก็ไม่มี อากาศปลอดโปร่งไม่อับชื้น ปราศจากเชื้อรา และด้วยอุณหภูมิประเทศไทยที่หนาวเหน็บ ศพเลยสภาพดีมวาก(ถุย)
- น้องตายทั้งคน บอกว่ารักมากเลยคนนี้ แต่ฟูมฟายแป๊บนึงแล้วโทรหาแม่ หาคลิปดู วดฟ. อารมณ์เหมือนแค่หมาตายเลยจิตตกหาอะไรดูให้รู้สึกสบายใจขึ้น นี่น้องทั้งคนนะ ไหนว่าอยู่กันแค่สองคน มีค่าให้เสียใจได้แค่นี้เองเหรอวะ
- ศรัญญูสติแตกเอาอิฐฟาดหัวคนไปหลายรอบ กูเดาว่าไม่ตายก็สภาพปางตายสมองปลิ้นแล้วกัน (คนเขียนแม่งก็บรรยายไม่เคลียร์อีก) คือใจเย็นมาก ทุบเสร็จหยิบโทรศัพท์เขาขึ้นมาดู สำหรับคนปกติธรรมดา การทำผิดใหญ่หลวงอย่างฆ่าคนนี่กูว่าเป็นภาระหนักหนาทางจิตใจเลยทีเดียว นึกถึงตอนเด็ก ๆ แค่มึงแอบเอาแก้ว ถ้วยชาม เอาเครื่องประดับของแม่มาเล่นแล้วทำแตก ทำพัง ก็กลัวโดนแม่จับขังห้องมืดแล้วอะ กระวนกระวาย ร้องไห้ ไม่รู้จะทำยังไงดี จะบอกแม่ก็กลัวจะโดนทำโทษ กลัวโน่นกลัวนี่ หาทางปกปิดความผิด แต่นี่นิ่งมาก ต่อให้ขาดสติ แต่เมื่อบรรดาลโทสะไปแล้ว เหมือนที่ออกข่าวบันดาลโทสะแล้วหลบหนี พลั้งมือฆ่าแล้วหลบหนี ถ้าตัวละครยังเป็นคนธรรมดาไม่เคยฆ่าใคร ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายก็ต้องมีอาการ
ฯลฯ
คำผิด : 3 แห่ง
การใช้สัญลักษณ์ :
- จุดไข่ปลา ใส่มายาวมาก ควรใส่แค่สามจุดพอ ถ้าไม่ได้กะจะเว้นที่ไว้ตอบคำถาม แนะนำให้ใส่เฉพาะตรงส่วนที่เป็นคำพูดหรือข้อความี่ยกมา หรือกล่าว/เหตุการณ์เกิดขึ้นและไม่จบ มีต่ออีก แต่ดันมีบางอย่างเข้ามาแทรกทำให้สะดุดไป ถ้าต้องการสื่อว่าลากเสียง พูดจาอึกอัก และอื่น ๆ ที่ทำให้ประโยคติด ๆ ขัด ๆ ควรใช้บทบรรยายดีกว่า แต่จะใช้เพื่อสื่อว่าเป็นการลากเสียงก็ได้อยู่
- อันนี้กูไม่มั่นใจ แต่ถ้าจำไม่ผิด เครื่องหมายอัศเจรีย์มีวรรคหลังอย่างเดียว
โม่งคานทอง มึงช่วยแปะลิ้งในที่มึงสับหน่อยได้ไหม
กุหาไม่เจอ ชิบหาย ใช้โทรสัพแม่งจิ้มพิมชื่อหายากด้วย
>>925 หมายถึงกูเหรอ?
อะ ลิงก์ที่กูสับใน >>923
https://writer.dek-d.com/ilga0079/story/view.php?id=1547125
และกูไม่ใช่โม่งคานทอง ถถถ
>>924 เรื่องนี้เคยกูบ่นไปแล้วตอนที่มีคนพูดถึงเรื่องนี้คราวก่อน ว่าพี่ชายมันทำไมใจเย็นจังวะ น้องตายไม่นานก็หายโทรหาแม่ แถมฆ่าคนแล้วไม่มีท่าทางตระหนกอะไรเลย เราฆ่าคนนะเว้ย แถมฆ่าครั้งแรก ใครไม่เข้าใจแอคชั่นก็ให้ไปหาดู Attack on Titan ตอนอาร์มินยิง AHSS ที่จะฆ่าแจน นั่นแหล่ะแบบนั้นเลย คือฆ่าแล้วจิตตก ตัวสั่น ประสาทแดกไปเลยนะมึง
กุกะลืม ไอโม่งคานทองมันแปะลิ้งนี่หว่า จำผิดคน
https://writer.dek-d.com/atithp/story/view.php?id=1535749
ชื่อเรื่อง : AMARA | อมรา
ผู้แต่ง : allun
จำนวนตอน : 10 ตอน
สถานะ : ดองชัวร์
พล็อต : เรื่องราวของอมราผู้มีดวงตาวิเศษ (วิ้งๆ) คาดว่าจะพลังแบบเดียวกับพลังจิตมั้ง คนเขียนเน้นดวงตาเปลี่ยนสีตลอดตอนใช้พลัง
เซ็ตโลก : โลกจริงปัจจุบัน
การเดินเรื่อง : สรรพนามบุรุษที่ 3
เนื้อเรื่อง : อมรา เด็กสาวผู้มีพลังพิเศษแต่พพ่อแม่ไม่รู้ คนอื่นไม่รู้ เธอสามารถมองเห็นวิญญาณได้ ใช้พลังจิตได้โดยดวงตาเปลี่ยนสี แล้วทุกวันของเธอก็วุ่นๆ กับพวกวิญญาณ (ไลฟ์สไตล์พลังจิตมั้ง)... เปิดบทมาด้วยหนึ่งในฉากเปิดตัวสุดเบสิค ฉากตื่นนอน ด้วยประโยค “พี่อัมๆๆๆ ตื่นๆๆๆๆ...แม่ให้มาปลุก” (โอ้โหไม้ยมกขนาดนี้กูนึกว่าขบวนรถไฟฉึกๆ ฉักๆ) หลังจากนั้นอมรากับน้องชายก็คุยกันบลาๆ ประมาณทำไมน้องชายไม่ปลุกให้เร็วกว่านี้ มันสายแล้วนะ (เหวี่ยงน้อยชายตามคอนเซ็ปสาวน้อยเอาแต่ใจ) จากนั้นเด็กสาวก็ลงมาทานข้าวคุยกันบลาๆ ขอแม่ย้ายโรงเรียนแต่แม่ไม่ยอม ก็ขึ้นรถไป แต่ตอนนั้นดันไปเจออุบัติเหตุรถชนคนตาย อมราก็ถามแม่ว่า “แม่คะ....เอ่อ........คือ.... แม่มีเด็กนักเรียนที่ชื่อ ราเมษ เรียนอยู่ป. 5 ห้อง ก ไหมคะ” (จุดไข่ปลานี่สามารถทำซูชิได้เลยนะ! ก็ตามเรื่องที่โม่งคนก่อนสับเรื่องจุดไข่ปลา ควรใช้สามจุดพอ แล้ว ป.5 ห้อง ก. อืม...กูมองข้ามละกันกูเคารพการใช้ชื่อแบ่งห้องของโรงเรียน) แม่ก็ตอบว่ามีแล้วก็คุยกันบล่ๆ สุดท้ายคืออมราเห็นผีไอ้ราเมษเนี่ย แล้วผีก็บอกให้มันไปช่วยพ่อที่กำลังป่วยหนัก อมราก็ไป พอไปถึงซอยแคบๆ เธอก็เจอคนเมา จากนั้นเธอก็เดินผ่านแต่คนเมากระชากเธอมากอด แล้วพูดซะคล่องปรื๋อจนกูยังงว่ามันเมายังไง แถมการกระทำก็ไม่มีสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็นคนเมาสักนิด แค่บรรยายว่า ‘เมา’ (เมาบ้านเตี่ยดิ) จากนั้นอมราก็บอกให้ปล่อยแล้วขู่อีกฝ่ายว่าให้เลือกระหว่างตายกับกลายเป็นคนบ้า พออีกฝ่ายไม่เลือกเธอก็ใช้พลังดวงตาวิ้งๆ เปลี่ยนสีได้ ทำให้อีกฝ่ายลอยกางอากาศราวกับถูกตรึงด้วยอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็น ต่อมานางก็บอกให้อีกฝ่ายเลือก แล้วบอกให้โอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิต แล้วนางจะสอนให้ชายขี้เมาจดจำไปจนวันตาย ชายคนนั้นก็พูดว่า “กลัว....ๆ.ๆ.ๆ..ๆ..ๆ..” (กูสตั้น กลัวพ่อง! มึงอธิบายความกลัวด้วยประโยคพูดแค่เนี่ย?) จากนั้นชายคนนั้นก็วิ่งหนีไปด้วยความกลัว? อมราก็ไปช่วยพ่อของราเมษพร้อมกับเรียกศูนย์ช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ก็ถามอมรารู้ได้ไงว่ามีคนป่วย (เจ้าหน้าที่มีความเสือก) อมราก็บอกว่าลูกชายของคนป่วยเพิ่งตายเมื่อเช้า แล้วนางก็เป็นลูกของอาจารย์คนตายเลยพอรู้ว่ามีคนป่วย เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า “แถวนี้ขี้ยาเยอะมากๆ โชคดีจริงๆ ที่ไม่เจอพวกนั้น” (เดี๋ยวอมราเพิ่งบอกว่าลูกชายคนป่วยตายเมื่อเช้า ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่แสดงสีหน้าตกใจ สอบถามเพิ่มเติม หรือแสดงความเห็นใจก็ยังดี เปลี่ยนเรื่องเฉย ตะกี้ยังเสือกอยู่เลย มันย้อนแย้งนะยูวววว) จากนั้นก็บลาๆ แล้วจบบทไป ต่อที่บทที่ 1 บทนี้มีการตัดฉากเยอะมาก บางฉากสองสามบรรทัด แล้วใช้ขีดลากยาวในการตัดฉาก (อันนี้กูขอไม่คอมเม้นต์แล้วกันกูเคยพูดเรื่องการเปลี่ยนฉากไปแล้ว) สรุปเรื่องในบทก็คือ อมรามีเพื่อนร่วมชั้นสามคนที่เกลียดนาง คอนเซ็ปก็แบบวัยรุ่นตบตีทั่วไป มีเหวี่ยง มีกระแหนะกระแหน มีกระทบกระทั่งกัน (แต่อินเนอร์ที่คนเขียนใส่ลงมาก็แบบละครหลังข่าวคือเล่นใหญ่มากจนไม่สมจริง...ก็นิยายนี่เนาะ) แล้วในสามคนนั้นมีคนหนึ่งชื่อ กิ๊ฟ ยายตายมาสามปีแล้วทีนี้อมราก็อยากจะบอกเรื่องนี้กับกิ๊ฟ พยายามอาโอกาสโน่นนี่นั่น จนในที่สุดก็ฝากข้อความประมาณว่ายายตายแล้ว มีสมบัติสมัยรัชกาลที่ 4 ซ่อนอยู่ใต้หลังคาให้เอามาใช้หนี้โน่นนี่นั่น (โอโห้...ละครหลังข่าวชัดๆ) บทที่สาม กูไม่ขอลงรายละเอียดเนื้อเรื่อง แต่อยากจะบอกคนแต่งว่า มึงจะใช้สรรพนามบุรษไหนกันแน่ ปนกันหมด เดี๋ยวฉัน เดี๋ยวเธอ เนื้อเรื่องตอนนี้ก็พูดถึงตัวตนของอมราว่าเป็นใครที่ไหนอย่างไร ตอนอื่นๆ ก็คล้ายๆ กันกูขอไม่พูดถึงแล้วกัน
วิจารณ์ /ข้อเสนอแนะ: 1. เรื่องการใช้สัญลักษณ์พวกไม้ยมก ไข่ปลา ควรไปศึกษาใหม่ ใช้ให้ถูก 2. การตัดฉากควรจะทำให้ดีๆ 3. ตัวหนังสือเล็กไปควรขยาย 4.ในเมื่อเซตโลกจริงนิยายควรสมจริงกว่านี้หน่อย และสมเหตุสมผลกว่านี้ด้วย (ห้ามบอกว่านิยายไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลนะ กูตบจริงด้วย เซตโลกแบบนี้มันจำเป็นต้องมีไหม) 5.การบรรยายอยู่ในระดับเกือบปานกลาง 6. คำผิดมีบ้าง 7. อินเนอร์ละครหลังข่าวนี่กูไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่กูไม่ห้ามถ้าจะใส่ลงไป
สรุป : พล็อตเรื่องก็ชิวๆ ไป ไม่ได้หวือหวาหรือน่าสนใจ แต่ถ้ารื้อทำใหม่อาจจะเป็นนิยายที่อ่านได้สนุกๆ คนเขียนทำความรู้สึกเหมือนเป็นนักเขียนใหม่ที่การเขียนกำลังจะพัฒนา สำหรับใครที่ชอบอ่านนิยายแนวพลังจิตไลฟ์สไตล์ก็คงพออ่านได้ (อนาคตอาจจะเวอร์วังอลังการเพราะมีเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาเกี่ยวข้อง) แต่กูขอผ่านถึงชอบแต่รู้สึกไม่ค่อยสมเหตุสมผล
คะแนน 4.5/10
ผู้สับ.....โม่งคานทอง
ห้อง ก. ข. ค. มีจริงนะในสมัยก่อน สัก 20-30 ปีที่แล้ว แต่สมัยนี้นิยมใช้เป็นเลขมากกว่า
คานทอง กูเป็นห่วงสุขภาพมึงนะ ดูแลตัวเองดีๆ
ถ้ามึงสับหมด list ตรงหัวกระทู้ได้นี่ กูจะคารวะมึงเลยคานทอง(เพราะมีของกูเนียนอยู่ในนั้นด้วย 55555555)
>>938 ห่วงกูก็ควรมาช่วยกูสับนะ รวมถึงโม่งคนอื่นๆ ด้วย คือกูสับกูไม่ค่อยได้ความรู้เพิ่มไง เหมือนเอาสิ่งที่กูรู้มาแชร์ ดังนั้นพวกมึงควรสับเพื่อแชร์ให้กูรู้บ้าง
ปล. กูนอนดึก ตื่นสาย ไม่มีแฟน (ตามชื่อ) กูเปลี่ยวววว
>>939 มึงควรจะช่วยกูสับเพื่อลดจำนวนเรื่องในลิสต์ลง สักเรื่องสองเรื่องก็ยังดี
ลงชื่อ โม่งน้อยผู้เฝ้ารอโม่งสับทั้งหลายมาช่วยแชร์ประสบการณ์อย่างอ้างว้างบนคานทองที่ไม่มีทางลงและทางขึ้น
สับมาอีกๆ กุรอ
>>941 เออเพิ่งนึกได้ ส่วนตัวกูว่าพวกรายละเอียดหรือเซ็ตติ้งเรื่อง คนเขียนน่าจะใส่ในตัวนิยายมากกว่าหน้าหลักว่ะ ไม่งั้นมันจะเป็นตรรกะเดียวกับพวกเอารูปตัวละครมาแปะไว้ที่หน้าหลักแล้วไม่อธิบายในนิยายเพราะถือว่าคนอ่านรู้แล้ว กูอยากให้เรื่องพวกนี้เป็นตัวนิยายที่เล่า ไม่ใช่คนเขียน รึถ้าไม่งั้นก็ทำเป็นวิกิของนิยายไปเลย
สองเรื่องก่อนไม่ได้แปะลิงค์ แปะตอนนี้ทันมั้ย? 555
Corsair's King ปริศนาโจรสลัดสะท้านโลก https://writer.dek-d.com/domemanager13233/story/view.php?id=1547598
Fusei no Seikai https://writer.dek-d.com/Zeitokung/story/view.php?id=1518446
-----
เรื่อง : สาวน้อยเวทมนตร์ ผู้ไร้บ้าน
หมวด : วิทยาศาสตร์
แนว : สืบสวน ที่ตัวเอกเป็นจอมเวท(เขาว่ามางั้น)
ลิงค์ : https://writer.dek-d.com/kunnate18/story/view.php?id=1540287
ตอน : 5 ตอนรวมบทนำ อัพครั้งล่าสุด 23 พ.ย. 59
บทนำ
มีความยาวมากบทนี้ ตั้ง 9 บรรทัดแน่ะ!
Fu*k…
บรรทัดแรกก็พูดบ่นกับตัวเอง บรรทัดที่สองก็บรรยายบ่นกับตัวเอง แล้วก็เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ สรุปคือสี่บรรทัดจากเก้าเป็นแค่การพูดบ่นเรื่องพลังเวท โดนตามล่า เป็นตัวประหลาดโน่นนี่นั่น หน้าตาตัวละครก็ไม่รู้ บรรยากาศรอบๆนี่ยิ่งไม่รู้ใหญ่ ทั้งบทนำได้ความแค่ว่าต้องทำไม่ให้อดตายแล้วก็เดินอย่างไร้จุดหมายไปบนถนน...
บรรยายยังทื่อๆ แปลกๆอยู่ เว้นวรรคก็ยังมีผิดๆถูกๆ ใช้คำลงท้ายยังไม่ค่อยดี(อารมณ์เหมือนผันเสียงผิด) อย่างเช่น
“อยากเป็นเหมือนคนอื่นจังเลยน่า~”
นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม
บทที่1
เริ่มมาที่ประโยคของคุณแม่ที่บอกให้ตัวลูกสาวไปนอน พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนใหม่ ตัวเอกก็ตื่นเต้น พูดคุยกับตัวเองอย่าจะเข้ากับเพื่อนได้มั้ย จะหลงทางมั้ย จะหาห้องน้ำได้มั้ย
แล้วก็ตัดฉากมาตอนเช้า คุณแม่ขับรถมาส่งโดยไม่มีเว้นบรรทัดบอกว่าจะตัดฉากสักนิด เมื่อล่ำรากันเสร็จ ตัวเอกก็เดินไปที่ห้องเรียน ป.4/2 พอเข้าไปในห้องก็เห็นแต่ละคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ทุกคนมองมาที่เธออย่างสนใจว่านี่เด็กใหม่เหรอ แล้วคุณครูก็เดินตามเข้ามาแนะนำพร้อมให้เธอแนะนำตัว
ตัวเอก(ชื่อริน)ก็เขินๆเลยพูดเสียงแข็งๆไป เพื่อนก็หัวเราะ ครูก็แซวเรื่องมาสายแต่วันแรก ก็โดนหัวเราะอีก(ไม่ใช่หัวเราะเยาะนะ) แล้วก็ตัดมาตอนเริ่มเรียนวิชาแรก ซึ่งรินก็บรรยายว่าวันแรกเรียนก็เหมือนไม่เรียน
เด็กชื่อน้ำเข้ามาชวนรินเล่นหมากรุกสากล(เรียกกันด้วยคำว่าคุณด้วยนะ อมก.) รินก็บอกว่าเล่นไม่เป็นค่ะ เลยขอให้น้ำสอนเล่น รินก็บรรยายว่าระกว่างเล่นก็คุยกันไป ตัวเองจะเดินแต่ละทีก็คิดหนัก อต่น้ำกลับไม่คิดอะไรเลย แล้วน้ำก็ประกาศรุกฆาต
อันนี้ไม่ได้ตั้งแง่ แค่สงสัยว่าเด็กตัวแค่นั้นเล่นหมากรุกกันเป็นได้ไงฟระ นอกจากวิธีเดินของม้าที่เป็นรูปตัวแอลนี่ก็ทำอะไรไม่เป็นแล้ว 555+
มาต่อๆ รินก็งงว่ารุกฆาตได้ไง น้ำเลยแจงให้ฟัง แล้วรินเลยถามว่าทำไมต้องเล่นอะไรยากๆ ไมไม่เล่นวิ่งไล่จับ นางเลยตอบกลับมาว่าร่างกายอ่อนแอ เล่นไม่ไหว พอพูดจบครูก็พาเด็กๆไปกินข้าว(ฮะ พักเที่ยงแล้ว? ตอนเริ่มเล่นยังชั่วโมงแรกอยู่เลยไม่ใช่เรอะ?)
รินก็บ่นๆในใจกับตัวเองไอ้ระบบระเบียบห้ามคุยห้ามเล่นตอนพักเนี่ย อยากขึ้นมัธยมเร็วๆจัง รินเนี่ยนั่งอยู่ข้างน้ำ เห็นอีกฝ่ายหยิบยาขึ้นมากินก็บ่นกับตัวเองว่าโชคดีจัง แล้วฉากก็ตัดไปตอนกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วไร้การเว้นบรรทัดอีกแล้วค่ะท่าน
น้ำก็ชวนรินไปอายน้ำ แต่อีกฝ่ายปฎิเสธ แล้วถามว่าทำไมต้องเติมจัง(รินจัง) อีกฝ่ายก็บอกว่ามันน่ารักดี แล้วก็ผละไปอายน้ำ สักพักรินก็ได้ยินเสียงน้ำร้องอ๊ะ เลยวิ่งไปดู บ่นกับตัวเองว่าห้องน้ำชั้นหนึ่งก็มีทำไมต้องขึ้นไปชั้นสองด้วย(เสียงร้องคงดังมาก อยู่ชั้นหนึ่งยังได้ยิน แต่คนอื่นไม่ได้ยินซะงั้น)
ขึ้นไปก็เห็นน้ำโดนคนอื่นรุมอยู่ แต่ไม่รู้จะทำไงดีเลยยืนแอบดู พวกที่รุมก็พูดจาหยาบๆคายๆใส่ มีพูดเรื่องเงินเหมือนพวกไถชาวบ้าน แล้วนางก็เตะเข้าที่หน้าของน้ำ รินเลยออกมาห้าม(แหม ไม่รอให้เพื่อนตายค่อยเข้ามาห้ามล่ะลูก)
พอมีคนโผล่มา หนึ่งในดกร.(เด็ก...ไม่ขอแปลละกัน-0-)ก็เดินมาจิกหัวตบน้องรินคนงามจนล้ม รินรู้สึกว่าตัวเองอยากให้อีกฝ่ายล้มลงมาบ้าง เลยเอื้อมมือออกไป ก็เกิดเสียงดังตูมขึ้น น้ำห้องถล่ม ล่วงลงไปด้านล่าง รินก็รู้สึกจุกแต่ร้องไม่ออก หันไปมองอีกทีเด็ก...ก็ตายจมกองหินไปเรียบร้อย แล้วก็มีเสียงกระซิบว่าเดินหมากผิดนะ ก่อนจะหมดสติไป
(ต่ออันล่าง)
>>947
บทที่2
รินตื่นมาที่โรงพยาบาล บ่นว่าตัวเองสลบไปนานขนาดต้องให้น้ำเกลือเลยหรือ แล้วก็พยายามนึกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ภาพของเด็กที่โดนหินทับเลยฉ่ายขึ้นมา แล้วนางก็ร้องไห้(ร้องด้วยคำว่าหือ...) พยายามบอกตัวเองว่าไม่ได้ทำ แต่ก็เหมือนมีเสียงในหัวบอกว่าหล่อนทำ นางเลยตวาดให้เงียบ แล้วหมอคนหนึ่งก็เดินเข้ามาปลอบ บอกว่าอีกหนึ่งวันรินจะออกจากโรงพยาบาลได้ แล้วต้องไปให้ปากคำที่โรงพัก เกลียดคำที่นางบรรยายว่า จะว่าไปพ่อแม่ฉันไปไหนเนี่ย ทีเวลาแบบนี้กลับหายหัวไปเลย หยาบคาย!(ขำๆนะเธอ -0-)
หมอพานางมาโรงพัก คุณตำรวจคนหนึ่งก็ขอให้นางเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟัง แล้วพ่อกับแม่ก็ปรากฏตัวขึ้น รินบรรยายว่าไม่โกรธที่พวกนั้นไม่มา เพราะรู้ว่าไม่ทิ้งก็พอใจ(มองประโยคด้านบนแปป) คุณตำรวจบอกให้กลับได้เลย แต่จู่ๆก็เกิดแรงระเบิดขึ้น รินโดนจับเป็นตัวประกัน แล้วก็ร้องในใจว่าไม่อยากตาย ไม่เอาๆๆๆ อยู่อย่างนั้น แล้วก็มีเสียงปืนดังที่ข้างหู ต่อท้ายด้วยการบ่นว่านี่คือโลกหลังความตายสินะ ว่างเปล่าเหลือเกิน
บทที่3
มาถึงนางก็บ่นว่าที่นี่ที่ไหน มีสายน้ำเกลือแต่ไม่ได้กลิ่นยาฆ่าเชื้อ เลยลุกขึ้นมานั่งอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี แล้วก็ตัดมาให้คนชื่อฟ้าบรรยาย(ง่ายงี้เลย?)
ฟ้าเป็นตำรวจมาประจำใหม่ หัวหน้าก็เรียกไปคุยเรื่องภารกิจใหญ่ คือเหตุการณ์ตอนที่นักโทษจับรินมาเป็นตัวประกันเนี่ยผ่านมาสองปีแล้ว ตัวรินหายไปไม่พบศพ แต่คนที่นั่นตายเรียบ ทั้งโดนระเบิด หรือตายแปลกๆอย่างไฟช็อต โดนเหวี่ยง ไฟไหม้ ฟ้าเลยถามว่าถ้าไม่เจอจะทำไง หัวหน้าบอกว่าเจอก็ได้หน้า ไม่เจอก็กลายเป็นคนหายสาบสูญ
สองวันไวเหมือนโกหก ฟ้าหาข้อมูลเกี่ยวกับรินได้หลายอย่าง แล้วก็มีนัดกับเพื่อนตอนเย็น พอไปถึงทั้งชุดเครื่องแบบเพื่อนก็แซว เล้วก็ถามๆกันว่าทำงานที่ไหน เพื่อนคนหนึ่งชื่ออลิซทำงานที่นาซ่า ฟ้าก็บรรยายวบอกว่าไม้แปลกใจเพราะอีกฝ่ายฉายแววฉลาดมาตลอด แล้วก็โม้ไป แล้วก็คุยไร้สาระ เล่นมุกที่ไม่ฮา ทั้งสามก็ได้กินข้าวเสียที แล้วทั้งสามก็คุยกันเรื่องตึกที่ถล่ม(จากเหตุการณ์ในห้องน้ำ) แล้วพวกนางก็ปล่อยมุกที่อ่านแล้วไม่มีความเก็ตสักนิด เพื่อคนนึงเลยบอกให้เปลี่ยนเรื่องหัวข้อสนทนา ก็วนแต่พวกอะไรแปลกๆ ควอนตัม เอกภพ เวทมนตร์ ทิ้งทวนก่อนจบบทด้วยคำว่า
“สาวน้อย เวทมนตร์”(เว้นเพื่อ?)
บทที่4
บทนี้เปิดมาก็กลับมาบรรยายมุมมองนังรินเฉยเลยแฮะ เล่นเอาไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
เปิดมาคือมีคนเดินเข้ามา รินเดาว่าเป็นหมอ แต่อีกฝ่ายเรียกแทนตัวเองว่าครู เขาบอกว่ารินโดนจับเป็นหนูทดลอง ทุกคนตายหมด ถ้าอยากหนีก็ให้บอก แล้วรินก็คิดกับตัวเองว่าพ่อแม่ตายหมดแล้วเหรอ แบบนั้นก็สบายดี(ว๊อท!)ยังไงก็เหลือตัวคนเดียวอยู่แล้ว
รินก็ไม่ได้ตกใจอะไร ว่าแล้วก็ถามๆๆ ครูคนนั้นเป็นชุด พี่แกก็ตอบ ได้ข้อมูลมาว่า ครูคนนี้เคยเป็นครูชีวะ แต่มาทำวิจัยผิดกฎหมาย ชื่อเล่นชื่อปัน สิ่งที่ต้องทำตลอดการอยู่ที่นี่ของรินคือกิน นอน เล่น เรียนประมาณนี้
สองวันต่อมา นางก็ดูการ์ตูนสบายใจ บอกว่าที่นี่มีทุกอย่างครบ ถึงเวลากินก็มีข้าวมาส่ง ถึงเวลานอนก็ปิดไฟตรงเวลา แลกกับต้องคอยทดลองทำอะไรแปลกๆ โดยของวันนี้คือให้ขยับแท่งเหล็ก ซึ่งนางก็ทำได้ แล้วก็เริ่มคิดว่าตัวเองมีเวทมนตร์เหรอ โดยตอนแรกก็บ่นว่าไม่เชื่อ เพราะนี่มันยุควิทยาศาสตร์แล้ว
พอโดนปล่อยกลับมา รินก็เดินคุยมากับครูปัน ครูถามอีกฝ่ายว่าอยู่คนเดียวคงเหงา รินอยากได้เน็ต ครูปันบอกว่าน่าจะยาก เดี๋ยวจะลองขอเบื้องบนให้ แล้วบอกต่อว่ารินต้องเริ่มเรียน ซึ่งนางก็งอแงเล็กน้อย แล้วพอลองเรียนจริงๆกลับรู้สึกสนุกดี นางบอกพยายามไม่สนใจอะไรมาก สนแค่ว่าตอนนี้มีความสุขดีก็พอ
สรุป
บรรยายขาดๆเกินๆ ผ่านมาห้าตอนภาพของตัวเองอย่างรินก็ยังคงเป็นหมอก รู้แค่ว่าเป็นเด็กประถม แต่ไม่รู้ว่าหน้าตารูปร่างเป็นยังไง สิ่งรอบข้างไม่ต้องพูดถึง เหมือนเดินอยู่ในดงหมอกอ่ะ รู้นะว่าเป็นห้อง แต่ห้องยังไงล่ะ? หมอกหนามากกก ใช้การบรรยายเป็นบุคคลที่หนึ่งซึ่งมีการเปลี่ยนสลับคนบรรยายได้งงงันมากๆ ตัวละครก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ตัวรินบอกว่าอายุ 10 ขวบ(ตอนล่าสุด 12) ก็ดูโตเกินวัย ไม่มีอารมณ์แบบเด็กประถมเลย คิดหรือทำอะไรก็ดูไร้เหตุผลแปลกๆ พ่อแม่ตาย ช่างมัน โดนจับมาทดลองในสถานที่แปลกๆ ก็สบายดี ว๊อท!?
บทหนึ่งสั้นประมาณ 1-2 หน้า ส่วนใหญ่จะเป็นประโยคสนทนา ไม่ค่อยบรรยาย อะไรๆก็ดูไม่แน่ชัด ช่วงเวลาในนิยายก็ไม่บอกแน่ชัด แต่ดูเหมือนจะเป็นยุคปัจจุบันธรรมดา ตัวหนังสือเล็กไปนิดสำหรับเรา แต่จัดย่อหน้าดี เสียอย่างเดียวคือไม่ว่าจะตัดฉากไปไหน ผ่านไปกี่ปีกี่วัน ไม่เคยมีเว้นวรรคหรือแสดงอะไรให้เห็นเลยนอกจาก...
สองวันต่อมา
ค่ะ...
ky หน่อย กูอยากรู้ว่าเว็บมาสเตอร์รีวิวมันคัดจากอะไรวะ ข้องใจมานาน กูตามอ่านนิยายในรีวิวบางเรื่องคำผิดกระจาย เว็บมาสเตอร์เหมือนไม่ได้อ่านเนื้อหาจริงจังด้วยซ้ำ
>>955 >>956 กูงงตรรกะ wm ตั้งแต่เรื่องดราม่านิยายแปลรอบที่ผ่านมาแล้ว ทำเหมือนคนคิดอะไรไม่ค่อยเป็นว่ะ
อีกเรื่องคือนิยายดีๆ มันมีนะมึง แต่แพ้กระแส โดนกระแสกลบหมด สังเกตดิว่านักเขียนดังแม่งโดนดึงร่วงหมดอะ
ตอนนี้มันคงเป็นยุคของนิยายสองหน้าเอสี่ กูไปอ่านนิยายท็อปของหมวดกำลังภายในมีเรื่องนึงอัพตอนเยอะละนะ แต่เนื้อหาประมาณ 2 หน้าเอสี่ต่อบท กูบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูกเลย
>>957 ก็มันเน้นยอดวิวไง คิดดูนะ นักเขียนดังๆ จะแต่งนิยาย 1 ตอน 6-20 หน้า ซึ่งคนคลิกมาดู 100 คนก็ได้ 100 วิว แต่ถ้าหั่นเป็น 2 หน้าต่อตอนก็จะได้ยอดวิว 300-1000 แล้วทีนี้คนก็ไม่ได้มาดูแค่ 100 ไง แต่ละวันยอดวิว 1000 ก็ติดท๊อปรายวันละ พอติดท๊อปก็เข้าถึงผู้อ่านได้ง่ายกว่า ฐานแฟนคลับก็เพิ่ม ต่อให้นักอ่านระดับกลางและสูงไม่โอเค แต่ได้ฐานแฟนคลับนักอ่านระดับล่างมันก็คุ้มละนะ พอแต่งไปสักพักก็บอกจะรีไรท์ก็จะได้แฟนคลับเพิ่มอีก >>>มันคือการตลาดอะจ๊ะ
>>957 ก็ปกติ ตอนนี้เขาไม่ได้แข่งกันที่คุณภาพเท่าไหร่หรอก มันเน้นกันที่ความเร็วทั้งนั้นล่ะ พวกคอนเทนท์ออนไลน์ ข่าวออนไลน์ มันถึงทำพวกนิตยสาร สื่อสิ่งพิมพ์พังกันหมดไง ทำไมต้องรออ่าน นสพ. กรอบเช้ากรอบเย็น ในเมื่อในเฟซบุกมีการอัพเดตข่าวเรียลไทม์จากทุกสำนักข่าว ยิ่งข่าวไหนเป็นประเด็นร้อน พวกเพจดังๆ ก็มักจะเอามาชำแหละ มีเนื้อหาลึกซึ้ง คนวงในวงนอกเข้ามาเสริมเติมแต่งเรื่องกันเต็ม จริงบ้างมั่วบ้างคละกันไป และถึงต่อให้มันเป็นการใส่ร้าย ไอ้พวกที่มาโพสต์ๆ ในเน็ตก็เสี่ยงโดนฟ้องน้อยกว่า นสพ. หรือนิตยสารเยอะ
ทีนี้คนมันก็ชินไงมึง จะเสพอะไรก็เน้นเร็วไว้ก่อน สั้นยาวไม่เกี่ยง ขอให้อัพทุกวันก็แล้วกัน พออัพทุกวัน คนก็เข้าดูมาก พอคนเข้าดูมาก คนก็จะคิดว่ามันสนุกเลยลองเข้าไปดูบ้าง แล้วมันก็ติดท็อป พอติดท็อปคนก็ยิ่งคิดว่าเรื่องนี้โคตรสนุก ก็เลยยิ่งมีคนดูมากขึ้นไปอีก
วิธีแก้ง่ายมาก
บังคับให้แต่งเกิน 5-6-7หน้าA4 ฟร้อนไม่เกิน18 อะไรก็ว่าไป จบ
ดูจะหนักกว่าเดิมอีก...
>>962 นับเป็นตัวอักษรก็ได้ เดี๋ยวไอ้พวกที่ทำแบบมึงว่าก็โดนคนอ่านด่าเองแหละ สุดท้ายทนไม่ไหวก็เลิกทำ แต่กูอย่างเสริมคือถ้านิยายเรื่องไหนติดท๊อปอยากให้ทีมงานเด็กดวกเข้ามาสับ มันจะได้รู้ว่าต้องแก้ไขอะไรยังไง ปล่อยไปอย่างนี้มาตรฐานเด็กดวกตกต่ำหมด ถึงไม่รู้ว่าวิธีนี้จะทำให้มาตฐานสูงขึ้นแค่ไหน แต่ 101 มันก็ต้องดี 100 ไม่ใช่เหรอ เพิ่มมาแค่ 1 ก็ยังดีล่ะวะ
>>968 มึงใช้อักษรอะไรขนาดเท่าไหร่ กูใช้ Cordia New 14 13,000 คำยังได้เกือบ 20 หน้า แต่กูใส่เชิงอรรถไว้เยอะด้วย
อันนี้กูลำบากใจเหมือนกัน กูติดนิสัยใส่เชิงอรรถเยอะๆ จากสมัยเรียน แล้วกูสร้าง World Building ไว้เยอะด้วย เลยอยากใส่มาให้คนอ่านกัน
แต่เวลาเอามาลงเว็ปมันอ่านลำบากนะสิ ไม่อยากใส่เป็นวงเล็บไว้ท้ายคำด้วย
อะ ช่วยน้องเค้าหน่อย
https://www.dek-d.com/board/view/3735763/
กูว่า ขนาด 16 หรือ 18 กำลังดี 14 มันตัวเล็กไปวะ (กูเคยโดนนักอ่านว่ามา)
ปล. ของกู Angsana 16
ไม่ใช่นิยายทุกเรื่องที่จะมีจำนวนหน้าต่อตอนเท่ากันนะมึง ใครจะลงกี่หน้ากูว่าอย่าไปเสือก ถ้านักอ่านมันรับได้ก็คือรับได้อ่ะ
ตอนนี้กูไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนคัดเลือกรีวิว แต่กูเคยเห็นอตินโพสเฟซขอนิยายแนะนำ หรือขอนักเขียนไปสัมภาษณ์ แล้วก็มีคนไปชูมือชูหน้ากันสลอน มันก็ได้คนในนั้นแหละมึง ไม่แปลกใจ ส่วน WM คนอื่น พี่น้ำผึ้งนั้นเพิ่งเรียนจบ นิยายมันติดนักเขียนหน้าใสด้วย (แต่กูอ่านแล้วก็ไม่เท่าไหร่นะ หรือกูไม่ใช่เทสก์แจ่มใสก็ไม่รุ้) เดี๋ยวจะกลายเป็นมู้นินทาไปก่อน กูจะบอกว่าวงการ WM ไม่ใสสะอาด นิยายแนะนำก็เหมือนกัน
โม่งที่ตั้งกระทู้นี้อยู่มั้ยวะกระทู้จะเต็มแล้ว เดี๋ยวเตรียมทำสารบัญรอไว้เลยนะมึง
https://my.dek-d.com/skyrer/writer/view.php?id=1395823
เรื่องนี้กูไปอ่านมาให้แล้วนะ ที่นางบ่นว่าทำไมไม่มีคนเม้นเลยหลังจากแต่งจบแล้ว....
ปัญหามันไม่ได้ดูที่การเขียนวะ ถึงจะมีบางจุดที่สามารถสับได้ แต่โดยรวมถือว่าโอเค การบรรยายกูว่าดีเกินมาตรฐานเด็กดวกมาก การจัดหน้า คำผิดอะไรก็ดีหมด คำโปรยเรื่องก็น่าสนใจ ถือว่าเป็นนักเขียนคุณภาพคนหนึ่ง....แต่ปัญหาคือเนื้อเรื่องของนิยาย เรื่องนี้มันเป็นแฟนตาซีมุ้งมิ้ง เหมาะกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี หรือพวกโลกสวย เพราะเนื้องเรื่องไม่ได้ซับซ้อน และไม่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสำหรับวัยรุ่นที่อายุ 16 ปีขึ้นไปจะไม่ค่อยอ่านกัน เพราะอายุประมาณนี้ต้องการหาอะไรที่มันท้าทาย หรือเวอร์วัง ถ้าคนเขียนแต่งเรื่องใหม่ลองแต่งแบบที่มีไซไฟ สงคราม วิทยาศาสตร์ ผสมแฟนตาซีดู หรือจะตามตลาดก็ได้
สำหรับกูคนเขียนยังไปได้อีกไกลวะ เพื่อนโม่งคนอื่นว่าไงบ้างลองอ่านแล้วคอมเม้นท์ดู เพราะส่วนนี้คือความคิดเห็นของกูล้วนๆ
......โม่งคานทอง
ถ้าตั้งใหม่ เอาลิงค์นิยายที่ไม่ได้สับไปแปะด้วยนะ
ตรัสสสสสสสสสสสส
ดันๆๆๆๆๆๆๆๆ
ช่วยวิ่งควาย
พวกมึงแต่งแนวไหนกันวะ มีเชิงอรรถด้วย หรือถ้าเป็นแฟนตาซี เป็นแฟนตาซีผสมกับอะไรวะ
ช่วยคุยเรื่องมีสาระก่อนกระทู้ปิดด้วย
กระทู้ใหม่เสร็จยังอะ อย่าลืมเอาประวัติศาสตร์ของกระทู้ลงด้วยนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.