เห็นด้านบนสงสัยว่า ทำไมช่วงหลังๆที่วิจารณ์นิยายมาถึงมีแต่อวย อันนี้ก็ตอบแทนคนอื่นให้ไม่ได้นะ แต่สำหรับกู การอวยนั้นเป็นปณิธานเริ่มแรกของกูอยู่แล้ว ถึงได้เรียกตัวเองว่าโม่งอารีไง
อาชีพที่กูคิดว่าหากินง่ายที่สุดอาชีพหนึ่งคืออาชีพนักวิจารณ์ โดยส่วนตัวที่ทั้งตอนเรียนมหาลัยก็อยู่คณะที่มีการถูกวิจารณ์งานค่อนข้างบ่อย (ทั้งจากตัวอาจารย์เอง และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่อาจารย์เชิญมา) รวมไปถึงตอนที่เรียนจบ ก็ได้มีโอกาสทำงานในสายงานที่ต้องวิจารณ์ผลงานคนอื่นอยู่บ่อยๆ ทำให้เห็นได้ว่า ไอ้การที่จะมานั่งติ นั่งด่างานของคนอื่นนี่มันง่ายมาก คืออะไรที่กูไม่ถูกใจกูหยิบเอามาด่าได้หมดอะ ยิ่งเมื่องานมันเป็นศิลปะด้วยแล้วนักวิจารณ์แม่งจะพูดอะไรก็ได้ เมื่อกี้เพิ่งด่างานชิ้นนี้ไป งานอีกชิ้นยึดคอนเซปต์เดียวกันกูก็หาเรื่องมาชมได้ถ้ากูพอใจ
อันนี้ไม่ได้จะด่าใคร แต่จะบอกว่าการด่ามันง่ายๆจริงๆ ให้มึงยกนิยายชั้นครูเรื่องไหนขึ้นมาก็ได้แล้วให้กูด่า กูก็ขุดหาความผิดพลาดของแม่งขึ้นมาได้หมดละ ยิ่งบวกอคติเข้าไปอีกด้วยยิ่งมันส์ ไอ้นี่ก็กาก ไอ้นั่นก็ไม่สมจริง ตรงนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ อันนี้อ้างอิงจากไหน มองสภาพสังคมในยุคนั้นด้วยสายตาของคนยุคนี้รึเปล่า บลาๆ
เพราะอย่างนั้นกูถึงเลือกที่จะมาทำสิ่งที่ยากกว่าคือการชม สำหรับกู ตราบเท่าที่นักเขียนมันยังมีความสามารถพอที่จะบรรยายสิ่งที่อยู่ในหัวของมันออกมาให้เข้าใจได้ในภาษาคน กูก็เชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรดีๆที่ติดอยู่ในกระแสความคิดนั้น หากคำชมของกูมันจะสามารถสร้างกำลังใจ หรือช่วยดึงความคิดที่เป็นประกายบางอย่างในหัวของมันให้ชัดเจนขึ้นได้ กูก็รู้สึกดีใจและยินดี
เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องที่ขอมา