Fanboi Channel

นิยายเด็กดี บทที่ 4

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:QW/Bhwni.

เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป

คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/

ตั้งรอจ้า

2 Nameless Fanboi Posted ID:I4ojBAAdj

คุยไรต่อดีคะซิส

3 Nameless Fanboi Posted ID:hATERmpn7

ว่าด้วยเรื่องฮาเร็มต่อ
กูจำไม่ได้ว่าเคยอ่านจากที่ไหนมา
ที่บอกฮ่องเต้มีสนมมากมาย เพราะสมัยก่อนทำมาหากินยากลำบากมากๆ
ใครได้เป็นสนมก็หมดกังวลเรื่องนี้ไป
พอเข้ายุคนี้ผู้หญิงทำงานได้ไม่ต้องเพิ่งพาผู้ชายอีกแล้ว เรื่องฮาเร็มเลยหมดไป ยกเว้นบางศาสนาที่ยังคงไว้ด้วยเหตุผลความมั่นคงในประชากรของตน
แต่ทุนนิยมมันแค่ปรับรูปแบบฮาเร็มไป
จากยอมจำเจกับผู้ชายคนเดียว เป็นไม่แคร์เรื่องผูกพันเท่าไร ไม่เหมือนสมัยโบราณ
เปลี่ยนเป็นแนวฮาเร็มในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายผู้หญิงหลายคนได้แทน
คือผู้ชายและผู้หญิงก็มีซัมมิ่งระหว่างกันได้มากมายเกินและไม่ยึดมั่นความรักลึกซึ้งเหมือนเก่า
แบบอย่าถามว่าเธอหรือเขาเคยผ่านแฟนเก่ามาแล้วเท่าไร กว่าจะมาแต่งงานจริงจังกัน

4 Nameless Fanboi Posted ID:QW/Bhwni.

กูขอเรื่องเน็ตวอชบุกหน่อยแล้วกัน จริงๆกูก็เล่นมู้นินทาเด็กดีนะ แต่กูเบื่อเวลามึงเอามู้ที่ไม่เกี่ยวกับนิยายมาแปะมาก เข้าใจเว้ยว่ามู้นิยายคนคึกคักกว่ามู้นินทาที่ตอนนี้เงียบกริบ แต่แม่งมันนอกเรื่องไง แล้วมึงก็ไม่ต้องไปให้ความสนใจพี่ถุยมากก็ได้ ห่า ขยับตัวทีนึง ตั้งกระทู้ทีนึงมึงก็เอามู้มันมาแปะ ก็รู้อยู่ว่ามันวันนาบี มึงเมินๆมันไปมั่งก็ได้ ยิ่งให้ความสนใจมันก็ยิ่งเหลิงป่ะ

5 Nameless Fanboi Posted ID:Xk.utnLLT

กูไม่ค่อยนิยมนิยายฮาเร็มสักเท่าไร แต่กูเคยอ่านอสูรพลิกฟ้าแล้วก็ยอมรับว่าสนุกดีแต่ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผญ.ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้รู้สึกหมดสนุกเลยว่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะกูไปอ่านสปอยฮาเร็มของมันมาด้วยมั้ง

6 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

เห็นโม่งหอบนิยายมาตั้งเยอะ ไม่มีใครสับให้เลย กูจำได้ว่าห้องนี้เริ่มมีคนเข้ามาเยอะเพราะการสับนิยายนี่แหละ ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเริ่มจากใครสักคนเอานิยายหนูพริมณารามาสับมั้ง แล้วแม่มไอ้นั่นก็เสือกสับได้มีหลักการไม่ลำเอียงด้วย ถึงหนูพริมจะไม่ใช่ที่ชื่นชอบของใครๆ เท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าโม่งคนนั้นมันพูดไปตามเนื้องานจริงๆ โม่งคนนั้นถ้ายังเล่นโม่งอยู่กูเป็นแฟนคลับมึงนะ แต่ตอนนี้มีนิยายมากองตรงหน้ากลับไม่มีใครสนใจเลย หรือทาร์เก็ตของห้องมันเปลี่ยนไปแล้ววะ

7 Nameless Fanboi Posted ID:8waQxkm0I

>>6 กูโม่งฮินะ เคยสับอยู่บ้าง แต่หลังๆกูรู้สึกกูอคติเยอะ กลายเป็นอ่านจับผิดสับเอามันลูกเดียวไปหลายเรื่องเลยยังไม่อยากสับใคร อยากจะไปปรับความคิดตัวเองให้ดีกว่านี้ก่อน กูก็รอโม่งคนอื่นมาสับอยู่เหมือนกัน

8 Nameless Fanboi Posted ID:/1ICjMtAz

ตามมาจากนิยายห้อง 3 สรุปไม่มีใครแนะนำนิยายออนไลน์ตลกๆ ให้กูได้สักคนเลยเหรอ หาเองแม่งก็มีแต่พวกขี้โม้ ตลกฝืดหาดีไม่ได้สักเรื่อง

ไม่ก็สับนิยายเจ๋งๆ เรื่องสองเรื่องก็ยังดี จะได้ตามไปอ่าน ช่วงนี้กูว่างงาน

9 Nameless Fanboi Posted ID:dy.Xd9WM1

คิดยังไงบ้างกับนิยายแฟนตาซีสมัยนี้
https://www.dek-d.com/board/view/3691370/

10 Nameless Fanboi Posted ID:MM6VxnZs.

>>8 นิยายตลกๆ เขียนยากจะตายห่า กูพยายามเขียนหลายรอบแล้วแม่งไม่รอด

11 Nameless Fanboi Posted ID:WaJRSI5sx

นิยายตลกมันต้องมาจากความไม่พยายามว่ะ แบบนึกจะมาก็มาเอง ส่วนมากถ้าพยายามจะไม่ค่อยตลกหรือไม่ตลกเลย

12 Nameless Fanboi Posted ID:u1s/Pjts.

>>>/webnovel/2907/988 ขุดนิยายที่มีคนกองไว้ เผื่อมีใครมาสับ

13 Nameless Fanboi Posted ID:dy.Xd9WM1

>>8 ส่วนใหญ่แป๊ก แก๊งสามช่าแสดงตลกกว่าเกมออนไลน์พวกนี้เลย

14 Nameless Fanboi Posted ID:eUHX5Xf46

>>12 เรื่องกรุ สนุกใช้ได้ อ่านง่าย บอกเล่าทฤษฏีในเรื่องผ่านคำพูดตัวละครได้ดี คอนเซปมิติกรุในเรื่องคล้ายๆinsidious แต่ไม่ได้เหมือนเด๊ะ ชอบตรงสร้างเรื่องอาถรรพ์แบบไทยๆมาใส่ได้ดี แต่กุว่ายังเล่นกับความระทึกหรือหลอนได้ไม่สุดเท่าไหร่
ปล. ไม่ได้สับนะแค่ความเห็นเฉยๆ เพราะเคยแค่อ่านผ่านๆเท่านั้นไม่ได้จ้องหาจุดผิด

15 Nameless Fanboi Posted ID:4J4dyNVt5

>>11 ใช่มุกที่ไม่คิดว่ามันจะตลก เพราะมันไหลไปกับเนื้อเรื่อง คนอ่านมักจะฮากว่า ช่วงที่พยายามเล่นมุกเหมือนว่ามันรู้อยู่แล้ว

16 Nameless Fanboi Posted ID:eUHX5Xf46

>>9 ดูทู้แล้วอยากหาดาร์กแฟนตาซีโกธิค แนวๆยุคกลางอ่านเลย ในdek d มีหรือเปล่า

17 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>7 ดีจังที่มึงยังวนเวียนแถวนี้ กูยังไม่กล้าทักมึงหลังไมค์ไปเลยว่ะฮิ ฮือๆ (กูโม่งที่คุยกับมึงในห้องแชทวันนั้น)

นิยายตลกกูนี่แต่งไม่ได้เลย เพราะเซ้นด้านอารมณ์ขันของคนเรามันต่างกันมาก พวกคอมิดี้เท่าที่กูเคยอ่านนี่หาตรงจริตไม่ได้สักอัน(ละคร/หนังไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง วนแต่เรื่องตลกหยาบโลนกับตลกเรื่องเพศ)

วันก่อนเห็นคนพูดกันว่า แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีตอนนี้มันเป็น แนวโรงเรียน > ออนไลน์ > ต่างโลกเกิดใหม่ทะลุมิติ > แล้วเดี๋ยวมันก็จะวนไปโรงเรียนอีก เพื่อนโม่งคิดว่าไง พวกเราจะหลุดจากแนวเดิมๆกันได้มั้ยวะ แนวอื่นต้องทำยังไงถึงจะขึ้นมาได้บ้าง? (เรื่องที่แปลกใหม่นี่กูเจอเยอะนะ แต่มันไม่ค่อยดังอ่ะ...)

18 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

สวัสดี เราคือโม่งอารี ความจริงกลับมาเล่นโม่งได้สักพักแล้วแต่ขี้เกียจแสดงตัว เพราะจำได้ว่าติดวิจารณ์นิยายพวกนายอยู่เรื่องหนึ่ง

พูดก็พูดเถอะนะ ความจริงไอ้นิยายเรื่องนี้เนี่ยอ่านจบไปตั้งแต่เดือนสิงหานู่นแล้ว แต่ไอ้นิยายยาวเหยียดเรื่องก่อนแม่งสูบพลังกูฉิบหายเลย แถมมีงานเข้าด้วย เลยปล่อยเบลอไป วันนี้ก็ขอมาเคลียร์หนี้ให้ครบก็แล้วกัน ถ้าวิจารณ์ได้ไม่ดี หรือลืมเรื่องไปบ้างก็ต้องขออภัยก่อนนาจา

เรื่อง : The Parallel Dimensions
link : https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=1308156
จำนวน : 47 ตอน
สถานะ : จบแล้ว

เอาล่ะ สำหรับเรื่องนี้กูอ่านแล้วจำได้ว่าสนุก แถมยังจบแล้วด้วย ถ้าไม่ติดที่เรื่องก่อนหน้าดูดวิญญาณกูจนแห้งล่ะก็กูคงเขียนวิจารณ์ได้ยาวเหยียด แต่ก็เอาเถอะ ไอ้47 ตอนนี่จริงๆแล้วไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ธีมของเรื่องน่าสนใจ มันเป็นโลกในอนาคตนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ประมาณว่าโลกของเราเกิดเหตุโรคระบาดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลโลกก็เลยต้องสร้างเขตปลอดเชื้อ คนแต่ละคนก็อยู่แต่ในบ้านของตัวเองในเขตปลอดเชื้อนั่น แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อื่นใดนอกจากคุยกันผ่านเน็ตอะไรงี้ อารมณ์ว่าเป็นโลกที่สะดวกสบายมาก มึงไม่ต้องออกจากบ้านก็สามารถสั่งซื้อของ เรียนหนังสือ บลาๆ ทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียวได้ แต่รัฐบาลก็อยากให้คนมีสังคมไง เลยพยายามผลักดันให้คนออกจากบ้านบ้าง แบบบังคับให้เด็กต้องไปโรงเรียนถึงแม้ว่าจะเรียนผ่านเน็ตได้สบายๆ ไรงี้

จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเรื่องก็คือโลกนี้(หรืออย่างน้อยก็คือในเขตปลอดเชื้อ) ไม่มีสัตว์ เพราะถือกันว่าสัตว์เป็นตัวเชื้อโรค ดังนั้นเกมเสมือนจริงจึงเป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมคนในโลกใบนี้ อย่างเช่นพระเอกของเราที่ชื่อไอดิน เขาเล่นเกมสัตว์เลี้ยง เลี้ยงมังกรมังกรเหี้ยเห้ออะไรเต็มไปหมดอยู่ในโลกเกม

ในวันที่สงบสุขวันหนึ่ง จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในเมือง พระเอกก็รีบกลับบ้าน ล็อกบ้านแน่นหนาเพื่อป้องกันเชื้อโรค และทางหน่วยงานรัฐก็รมยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองไป ผ่านมาหลายวันไม่มีเหตุผิดปกติ จนมาถึงคืนที่สี่ก็มีไอ้ตัวประหลาดท่าทางทรมาณมาเคาะหน้าต่างห้องของพระเอก พระเอกแม่งสงสารก็เลยปล่อยให้เข้ามา ไอ้ตัวประหลาดนี่หน้าตาเหมือนเสือแต่มีขนปุยๆ มีเขาและก็มีปีก เอาเป็นว่าแม่งเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นตั๊ลลั๊คคค นั่นล่ะ แต่พระเอกแม่งเสือกแพ้ขนสัตวก็เลยจาม ไอ้สัตว์นั่นแม่งฉลาด รู้ว่าพระเอกแพ้ก็เลยยอมหลบมุมไปนอนไกลๆ

ขี้เกียจพิมพ์ยาวละ เล่าแบบรวบรัดไปเลยแล้วกันว่าไอ้สัตว์เนี่ยมันชื่อว่าโคซาน ซึ่งเป็นร่างแรก โคซานเมื่อรวบรวมพลังเวทก็สามารถแปลงร่างไปเป็นคนได้ คนก็แนะนำตัวว่ากูเนี่ยชื่อมุส มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรสักอย่างในโลกต่างมิติ ที่ข้ามมิติมาก็เพื่อที่จะมาตามล่าโจรขโมยไข่สัตว์เทพ(จริงๆมันมีชื่อไข่แต่กูขี้เกียจจำ)

มุสโม้ว่าจริงๆตัวแม่งเนี่ยเก่งเทพสัสๆเลยนะ แต่ว่าต้องรอชาร์จพลังแปลงร่างเป็นร่างสามก่อน มุสรู้สึกแปลกใจมากที่โลกนี้ชาร์จพลังได้ยาก จนในที่สุดไอดินก็หาคำตอบได้ว่า ที่ชาร์จพลังได้ยากเพราะมียาฆ่าเชื้ออยู่ในอากาศ และเวลาที่มุส(หรือโคซาน) เดินผ่านเครื่องฆ่าเชื้อ แม่งก็จะง่อยเปลี้ยเสียขาไปด้วย (สรุปว่าไอ้ห่านี่แพ้ยาฆ่าเชื้อนั่นเอง)

ไอดินต้องจำใจพามุสไปโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากโลกใบนี้มันไฮเทค ขืนให้มุสเดินท่อมๆไปเรียนก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลส่วนตัวอะไรอยู่ในฐานข้อมูลเลย ก็เลยให้มุสแปลงร่างเป็นโคซานจิ๋ว หลอกคนอื่นว่ามันเป็นหุ่นยนต์ สาวๆเห็นสาวๆก็กรี๊ดเพราะมันน่ารัก แต่มีเด็กผู้หญิง(สวย) คนนึงในห้องที่ตกใจเมื่อเห็นโคซาน เธอชื่อเกล็ดแก้ว ที่เธอตกใจก็เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นสัตว์จากต่างมิติ ซึ่งสาเหตุที่รู้ก็เพราะเกล็ดแก้วได้ให้ที่พักพิงแก่ลาทีฟ ซึ่งเป็นโจรขโมยไข่เทพที่มุสกำลังตามหานั่นเอง

เรื่องก็ผจญภัยไปเรื่อยๆ มีการเอาโคซานไปที่ห้องทดลองเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอบลาๆ อ่านเพลินๆก็สนุกดีแต่ขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วที่ลาทีฟขโมยไข่มาเพราะมีเจตนาดีอะไรสักอย่างที่กูจำไม่ค่อยได้ แต่มันก็มีนักเวทชั่วอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามล่าลาทีฟมาจากโลกต่างมิติเหมือนกัน พวกไอดิน+มุส+เกล็ดแก้ว+ลาทีฟ ก็ช่วยกันสู้บ้างอะไรบ้าง สุดท้ายมุสสามารถรวบรวมพลังจนแปลงร่างเป็นขั้นสามได้ก็จัดการโชว์เทพ สู้ชนะ แล้วก็พาลาทีฟกลับไปรับโทษที่มิติของตัวเอง

แต่ตอนสุดท้ายไอ้ลาทีฟนี่ก็ไม่ได้รับโทษหรอก ประมาณว่ามุสช่วยแก้ตัวต่อราชาให้ว่ามีเจตนาดีงู้นงี้ ลาทีฟจึงได้ครอบครองไข่สัตว์เทพ พอฟักก็เลี้ยงดูอย่างดีบลาๆ ตอนจบมุสก็ข้ามมิติกลับมาเยี่ยมไอดิน แฮปปี้เอนดิ้ง

เอาล่ะ ต่อไปเป็นการให้คะแนน

19 Nameless Fanboi Posted ID:4J4dyNVt5

>>17 รอให้ญี่ปุ่นหรือจีนเปลี่ยนแนว เกิดใหม่ย้อนยุค
เดี๋ยวไทยเราก็เปลี่ยนตาม ปัจจัยของเราส่วนใหญ่มาจากนั้น
ยกเว้นแฮรรี่ที่แทรกเข้ามาเป็นตำนานแนวโรงเรียน
ตอนนี้ยังไม่เห็นทางฝั่งตะวันตก มีแนวอะไรที่เป็นเรื่องจุดชนวนให้ไทยตามแห่เขียน

20 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>19 แสดงว่าสุดท้ายแล้วพวกเราก็ทำได้แค่รอให้มีกระแสแรงๆ จากประเทศอื่นมาจุดกระแสบ้านเราสินะ TT

21 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

ต่อจาก >>18 ให้คะแนนเรื่อง The Parallel Dimensions

ก่อนอื่นต้องขอโทษทั้งเจ้าของเรื่องและพวกมึงด้วยนะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเล่าเรื่องน้อยไปหน่อย แต่จริงๆแล้วสาระสำคัญมันก็มีอยู่ประมาณนั้นล่ะ

คำผิด : ไม่ค่อยพบคำผิดเท่าไหร่ น่าเสียดายที่ตอนอ่านละเอียดอ่านไว้นานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีการเขียนผิดแบบน่าเกลียดๆรึเปล่า เมื่อกี้ลองกลับไป skim อ่านมาก็ไม่เห็นคำผิดอะไรนะ อย่างมากก็แค่เว้นวรรคแปลกๆ หรือพิมพ์ตกนิดหน่อย ให้ 9/10 ละกันค่ะ

การบรรยาย : เนื่องจากเป็นการบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่ง เพราะงั้นเตรียมใจไว้ได้เลยว่าจะต้องโดนกูหักคะแนนแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการเล่าเรื่องก็ลื่นไหลไม่ติดขัด มีการเลี่ยงการใช้คำซ้ำ อ่านการบรรยายแล้วสามารถเข้าถึงอารมณ์ของพระเอก และยังพอที่จะวาดภาพสภาพแวดล้อมของเรื่องออกมาได้ ต้องขอชื่นชม กูให้ 8/10

ตัวละคร : เฉยๆ คือต้องบอกไว้ก่อนว่าเวลาของการดำเนินเรื่องมันน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเนี่ยผ่านมาแค่แป๊ปเดียวเองมั้ง เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นการพัฒนาของตัวละครสักเท่าไหร่ แต่คาแร็คเตอร์ของพวกมันก็ชัดดี อย่างไอ้เจ้าพระเอกก็ดูซื่อๆ เอ๋อๆ หงอๆ ไอ้มุสก็ดูหน้าหม้อ เกล็ดแก้วก็ดูหยิ่งๆ ยิ่งเมื่อบวกกับการบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจความนึกคิดของตัวละครอื่นๆนอกจากพระเอกเลย ให้ 7/10 แล้วกันนาจา

เนื้อเรื่อง : ชอบการเซ็ตธีมของเรื่องมากตรงที่พูดถึงเมืองในอนาคตได้อย่างมีมิติ กล่าวคือไม่ใช่แค่พูดว่าโลกเผชิญปัญหาโรคระบาด เมืองเลยต้องเป็นระบบปิดแค่นั้นจบ แต่ผู้เขียนมีการอธิบายถึงระบบต่างๆของเมือง เช่น ไปซื้อของยังไง สวนสาธารณะ การปกครอง การผลิตอาหาร การกำจัดขยะ ซึ่งขอชื่นชมมาก สำหรับตัวเนื้อเรื่องจริงๆ ถ้าจะย่อให้สั้นมากๆก็คงได้ว่า "ตามล่าหัวขโมยจากต่างมิติ สุดท้ายก็ตามเจอแล้วพากลับไป จบ" คือเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การเคลียร์ปมหลักของเรื่อง ปมรองๆเท่าที่เห็นก็มีแค่ จะปกปิดพ่อแม่ยังไงไม่ให้รู้ว่าพระเอกแอบเอาสัตว์เข้าบ้าน ประมาณนี้ ถ้าเพิ่มปมย่อยเข้ามาก็จะทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น ให้ 7.5 /10 นาจา

สรุปผล 31.5/40 ถือว่าเป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่ไม่ค่อยซู อ่านสนุกเพลินๆได้ แถมยังเขียนจบแล้วด้วยไม่ต้องกลัวค้างคาหรือลอยแพ หนูยกนิ้วให้ค่ะ

22 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>21 The Parallel Dimensions ถ้ากูจำไม่ผิดเรื่องนี้น่าจะผ่าน สนพ อะไรสักอย่างไปแล้วนะ หรือไม่ก็นักเขียนคนนี้มีงานตีพิมพ์ไปบ้างแล้ว ตรีพันธ์ นี่เป็นนักเขียนที่พอมีชื่อเหมือนกันแต่ไม่ดัง

23 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>18 >>21 มึงสับได้รู้สึกน่าอ่านมาก ว่างๆ กูไปลองอ่านดีกว่า

>>22 อ่านเม้นมึงแล้วกูเลยไปค้น ปรากฏว่าเขาคือคนแต่งเรื่อง Half Twin ที่พิมพ์กับเอนเธอร์ ซึ่งกูซื้อมาแต่ดองไว้นี่หว่า(...) เขียนจบหลายเรื่องดีวุ้ย นับถือ

แต่เรื่อง The Parallel Dimensions นี่กูว่าเขาเขียนแนะนำเรื่องได้ไม่ดีอ่ะ เขียนว่า "เรื่องของไอ้บ้าที่ข้ามมาจากมิติสารพัดสัตว์ มาพบกับไอ้บ้ารักสัตว์ในมิติที่ไม่มีสัตว์" มีไอ้บ้าตั้งสองครั้งจนกูแอบคิดว่าถ้ากูเข้าไปอ่านแล้วกูจะบ้ามั้ย แถมมันดูลอยๆ งงๆ เลยไม่เชิญชวนเท่าไร เม้นกับเฟ็บน้อยมากจนน่าตกใจ(ซึ่งขัดกับความรู้สึกกูมาก เพราะอารีสับแบบกูรู้สึกว่าน่าอ่าน) ยังไงเดี๋ยวกูไปลองอ่านดูเองก่อนแล้วอาจจะมาคุยว่าคิดเห็นอะไรต่างกับคนอื่นมั้ยนะ

24 Nameless Fanboi Posted ID:GlmJzovrh

>>23 half twin พิมพ์กับสถาพรนะถ้ากูจำไม่ผิด เห็นหลังจากนั้นออกเรื่องอะไรอีกสักเรื่องกับสถาพรด้วย

จากที่กูลองคลิกๆเข้าไปที่เพื่อนโม่งแนะนำ book revival นั่นคนแต่งก็เคยออกงานกับสถาพรป่ะ แต่ปีหลังๆไม่เห็นมีงานออก

25 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

>>22 แบบนี้นี่เอง ถึงว่าสิว่าทำไมคาแร็คเตอร์แม่งถึงดูตลาดๆ คงเพราะเคยได้ตีพิมพ์จึงจับแนวการเขียนถูก

สำนวนลื่นไหลดี แต่เรื่องไม่ค่อยซับซ้อนเลยนะสำหรับนักเขียนที่เคยมีผลงานเป็นเล่มมาแล้ว น่าจะวางปมให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านี้สักหน่อย

26 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>25 ถ้าออกกับเอนเทอร์ก็ไม่น่าแปลกนะที่เรื่องจะไม่ซับซ้อน เพราะค่ายนี้เน้นแฟนตาซีเด็กผู้หญิง อ่านง่ายสบายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เป็นนโยบายการตลาดเขาแหละกูว่า

27 Nameless Fanboi Posted ID:GlmJzovrh

กูไปหามาละ ไม่ได้ออกกับเอนเธอร์นะ เขาเขียนให้สถาพรมา 2 เรื่องแล้วนะตรีพันธ์เนี่ย

https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=539798

28 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>27 พอฟังงี้กูแล้วนึกสงสารพวกเขียนแนวดาร์คๆ จริงๆ ว่ะ เมื่อกี้กูเพิ่งเข้าไปอ่านมู้ที่โม่งมาแปะ >>9 ท่าทางพวกนี้คงหา สนพ ตีพิมพ์ยากจริงๆ แต่กูก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ตรีพันธ์ นะ เขาเป็นมวยเรื่องส่งต้นฉบับซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะงานเขามันก็อ่านเพลินดีอยู่ ส่วนพวกดาร์คก็คงต้องสู้ต่อไปในเมื่อใจรักจะเขียนแนวนั้น ก็ต้องทำใจกับเรื่องตลาด

29 Nameless Fanboi Posted ID:UKHDw8aTa

กูโมโม่(จั)งตัวจริงนะ มู้ที่แล้วกูเล็งไว้เรื่องหนึ่งแต่สับไม่ทัน มาสับมู้นี้ละกัน

Fantasy High School มาสร้างโรงเรียนเวทมนตร์กันเถอะ

เนื้อเรื่องน่าติดตามทุกตอน อ่านถึงตอนล่าสุดกูนี่กัดฟันเลย สนุกมากกก พล็อตจะแปลกใหม่ดี เป็นนิยายที่ว่าด้วยเบื้องหลังโรงเรียนเวทมนตร์ที่แท้จริงแล้วมันก็แค่ละครเรื่องหนึ่งที่พวกภูตหานักแสดงเป็นมนุษย์มาเดินเรื่องตามบทที่เขียนไว้โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว มีแซะว่าพระเอกนั้นบทต้องเด่นตั้งแต่เปิดตัวเช่น มาสาย โชว์เทพช่วยนางเอก แรกๆ กากกว่าตัวร้ายแล้วจะไปเก่งในช่วงหลังๆ ทำตัวผิดกฎแล้วเจอความลับของโรงเรียนกลายเป็นผู้ถูกเลือก บลาๆ คาร์นางเอกต้องสาวซ่า พระรองสุภาพบุรุษ นางรองแม่พระ ตัวร้ายโคตรอันธพาล ตรงจุดนี้ทำให้กูนึกถึงละครไทยขึ้นมาเลย แต่นิยายเรื่องนี้ยังมีการหักมุมเบาๆ ที่มีการแทรกแซงจากบุคคลลึกลับทำให้บทละครเริ่มเพี้ยน เช่นนางร้ายที่มีบทว่าแอบชอบพระเอกมีพลังแฝงมากกว่าหนึ่ง พระเอกเป็นตุ๊ด ความทรงจำถูกดัดแปลง

โดยรวมนับว่าดีงาม มีแซะพล็อตโรงเรียนเวทมนตร์และคาร์ตัวละครที่ส่วนใหญ่มาแนวเดียวกันหมด ถึงบางช่วงจะเล่าเรื่องงงๆ อยู่หน่อยก็พอให้อภัย คำผิดแทบไม่มีสำนวนลื่นไหลใช้ได้ เซ็ตติ้งโลกโอเค มีชื่อไทยชื่อฝรั่งผสมกันอย่างมีเหตุผล คือตั้งให้ดูอินเตอร์นักเรียนที่เป็นคนไทยจะไม่ได้สงสัย แอบฮาตรงที่เคยคิดจะให้ครูในโรงเรียนเวทมนตร์มีชื่อไทยแต่ถูกค้านเพราะมันดูไม่อินเตอร์นี่แหละ

สรุปคะแนน 8/10 บางฉากยังเรียงลำดับได้มึนนิดหน่อยนะ

ปล.ใส่ธีมในตอนย่อยแถมเป็นพื้นขาวอีกอ่านแล้วปวดตาว่ะ กูอ่านในมือถือนี่โครตเซ็ง

30 Nameless Fanboi Posted ID:fMJtXF.M7

โม่งฮิ โม่งอารี โมโม่(จั)ง พวกมึงรียูเนี่ยนกันในกระทู้นี้แล้วสินะ กูดีใจ T_T

31 Nameless Fanboi Posted ID:iC5xqqCBP

>>29 กุลองไปอ่านมารู้สึกอ่านได้3บรรทัดก็รำคาญจนต้องปิดทิ้ง ทำไมมันไม่เหมือนที่มึงสับเลยวะ T_T

32 Nameless Fanboi Posted ID:M4+QVNdgP

>>31 สงสัยมึงไม่ชอบแนวนี้มั้ง บทแรกกูก็รู้สึกรำคาญอยู่ แต่พออ่านบทต่อไปมันเริ่มสนุกละ ช่วงแรกอาจมึนๆ เรื่องที่ตัวเอกแทนตัวเองว่าข้าแต่คุยกันใช้ผม ฉัน พอเข้าบททที่สามที่สี่เดี๋ยวก็ชิน

33 Nameless Fanboi Posted ID:P04eEoYTH

หลังๆมานี่รีวิวมีแต่อวยว่ะ กูอ่านไปสามตอนได้แต่ส่ายหัว

34 Nameless Fanboi Posted ID:8O/3LreK1

>>33 ตอนแรกนึกว่ากูเป็นคนเดียวที่รู้สึกรำคารญซะอีกนะเนี่ย กำลังจิตตกนึกว่ากูขี้รำคาญเกินไป ตกลงกุยังปกติอยู่สินะ

35 Nameless Fanboi Posted ID:gKM8pijwY

>>33 มึงรอโม่งฮิสิ รับรองด่ารัวๆ

36 Nameless Fanboi Posted ID:RSV0BH67F

>>33 ไม่ขนาดนั้นมั้ง มันแล้วแต่คนชอบมากกว่า มึงจำไอ้คนที่มันมาตั้งมู้ไม่เห็นด้วยกับ บก ที่ปฏิเสธงานมันในเด็กดวกได้ไหม ต่อมามันก็ตั้งมู้ใหม่หลังจากส่งไป สนพ ที่สอง บก สอง สนพ นี่วิจารณ์ไปคนละทางเลย จนกูยังสงสัยอยู่จนทุกวันนี้ว่ามันส่งเรื่องเดียวกันไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่ามันรีไรท์งานดีขึ้น กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ ในเมื่อมันก็บอกเองว่าไม่เห็นด้วยกับ บก คนแรก กูเลยมาสรุปเอาเองว่าคนเรามันชอบต่างกัน มันอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเอาส่วนไหนมาพิจารณา ตัวกูเองชอบดูสำนวนการเขียนและการเดินเรื่อง ไอ้พวกใช้คำซ้ำรูปประโยคกำกวมนี่กูไม่อ่านต่อแน่ แต่ถ้าสำนวนดีเดินเรื่องช้ากูก็วางเหมือนกัน

37 Nameless Fanboi Posted ID:fMJtXF.M7

https://www.dek-d.com/board/view/3691582/ การกระทู้นี้ อยากมาถามเพื่อนโม่งว่าคิดยังไงกับเม้นที่ 3 ของพีทคุง ที่ว่าการเม้นนิยายเป็นเรื่องใหม่ ฝืนธรรมชาติ

ส่วนตัว กูคิดว่าเพราะเมื่อก่อนช่องทางการติดต่อกับนักเขียนโดยตรงมันไม่ค่อยมี คนก็เลยไม่ได้เม้นกัน(แต่ก็มีจดหมายเขียนไปคุยกับคนแต่งบ้าง ถ้าเป็นกรณีลงในนิตยสาร) แต่ตอนนี้เทคโนโลยีมันมาไกลแล้ว เพราะงั้นการเม้นนิยายก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติเท่าไร ...ทั้งนี้ทั้งนั้นกูไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับเม้นที่ 3 นะ เพียงแต่อยากลองเอามาถามว่าเพื่อนโม่งคิดยังไงกันบ้างอ่ะ?

38 Nameless Fanboi Posted ID:EBZ93gfmy

กูมองว่าการเมนต์คือ การทดสอบนิยายโดยตรงเลย ไม่ได้ฝืนอะไรทั้งนั้น
เพราะคนอ่านนิยายสามารถบอกอะไรกับคนเขียนได้โดยตรงในหน้านิยาย
ถ้าแค่ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมในเนื้อหาตอนนั้นๆ ไม่ได้ แสดงว่ายากที่จะเดินต่อ นอกจากเขียนเล่นๆ ไม่หวังอะไรก็เป็นอีกเรื่อง
เคล็ดลับในการเขียนนิยายแบบหวังส่งเข้าสนพ.ก็เหมือนกัน
ถ้า 5-10 ตอนแรกทำให้คนอ่านติดตามเรื่องไม่ได้
นักเขียนหลายคนแนะนำว่าให้เลิกเขียนเรื่องนั้นได้เลย หรือนำกลับไปปรุงแต่งใหม่ให้ดึงดูดคนอ่านเข้ามาให้ได้สักจำนวนหนึ่งจึงพอมีลุ้น

39 Nameless Fanboi Posted ID:I58Y0bXPS

>>37 มึงตัดข้อความของ คห.3 มาไม่ครบนะ ตอนแรกที่กูอ่านเม้นมึงก็นึกว่าไอ้ห่านั่นบ้า อยู่ดีๆมาบอกว่าเม้นนิยายฝืนธรรมชาติ

จริงๆคือแม่งบอกประมาณว่า ปกติแล้วเวลาเราอ่านนิยายน่ะก็คืออ่านไปเรื่อยๆจนจบ ไม่ใช่ว่าจบตอนนึงแล้วจะต้องอยากคอมเมนต์ เว้นแต่ว่าจะมีอะไรที่มันตื่นเต้น ขัดใจ ซึ่งก็จริงอะนะ เคยเป็นมะแบบเวลาอ่านบทสนทนาจี๊ดๆแล้วจู่ๆก็วางหนังสือลุกพรึ่บ เดินวนไปวนมา โอ๊ย แม่งโดนจัย

สรุปก็คือ ไม่มีคนเมนต์ไม่ได้แปลว่าไม่สนุก แค่อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้น ไม่ค้างคา ไม่จี๊ดหัวจัย

>>38 มีอารมณ์ร่วมมากๆ ก็เลยรีบกดตอนต่อไปอ่านโดยไม่เมนต์ก็มีนะมึง กูก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัล

40 Nameless Fanboi Posted ID:n8PO33H2X

>>38 โควต้ามึง 5 ตอนเลยเหรอวะ ของกูนี่ถ้า3บรรทัดแรกยังทำให้อยากอ่านไม่ได้ก็เข้าข่ายน่ารำคาญแล้วนะน่ะ = ='

41 Nameless Fanboi Posted ID:BBSqyjGjM

>>38 มึงอ่านอะไรตั้ง 5-10 ตอน

>>40 สามบรรทัดมึงก็ไทยเกิ้น

สำหรับกูให้สองตอน ถ้าอวยหน่อยกูให้สาม ถ้าตัวเอกมันไม่มีอะไรตั้งแต่สามตอนแรกกูไปนอนอ่านอย่างอื่นละ

42 Nameless Fanboi Posted ID:v+PoKLcsY

>>17 >>19 กูว่านิยายแฟนตาซีไทยหลุดเทรนยาก ต้องตามกระแสไม่งั้นขายไม่ได้ แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีก็คงวนไปแหละตอนนี้แปลจีนกำลังมาก็โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดมีเรื่องดีๆน้อยมาก นอกนั้นกูทนไม่ไหวอ่านไปสองสามตอนก็ลาละ แนวจีนก็เป็นเกิดใหม่ต่างโลก/ทุละมิติซะค่อนนึง...

ส่วนนิยายแฟนตาซีฝรั่งที่ดังๆ ก็มีวนๆอยู่แค่ dystopia, fairy tale retelling, epic/high fantasy, paranormal romance, urban fantasy (พวกแวมไพร์ shapeshifter ปีศาจเทวดา historical ฯลฯ) เรื่องก็วนๆกันอยู่ประมาณเนี้ยเดี๋ยวพอมีอะไรดังได้สร้างเป็นหนังก็มีแนวเดียวกันตามมาอีกเป็นสิบ เท่าที่กูเห็นก็มีแค่นี้ ส่วนแนวเกมออนไลน์ย้อนยุคเกิดใหม่แบบบ้านเรา/เอเชีย ฝั่งโน้นไม่ค่อยมีเท่าไหร่

43 Nameless Fanboi Posted ID:BBSqyjGjM

เปรียบเทรนด์นิยาย นิยายแหวกแนวมันก็เหมือน อีปลวกเพื่อนกู ที่มันหน้าตาขี้เหร่ มันชอบตัดพ้อด้วยคำว่า "พิมพ์นิยม" พุดแม่งทุกจังหวะที่เห็นคนสวยกว่า ทำไมคนเราจำเป็นต้องไปศัลย์หน้า ทำผิวขาว ทำจมูกโด่งตามโลก ไม่งั้นหาผัวไม่ได้หรอ?

เขียนนิยายแหวกแนว ก็เหมือนสะเออะจะแรด หัวหยิกก็ตัดผมสั้น หน้าก็บานเป็นถาดใส่เส้นมะละกอร้านส้มตำ สินสอดเป็นล้านมึงอย่าหวัง ให้ข้าวแถมอีกสิบกระสอบเขาก็ไม่เอา

แน่นอนอีปลวกเพื่อนกูมันอาจจะนิสัยสันดานดี แต่ถ้ามันไม่ตามเทรนด์ เฉิ่ม ใครเขาจะมองมัน เอวังดีออก เอวัง กูเลยแนะนำให้มันเอานิยายมันไปสไลด์เขื่อนแทน

44 Nameless Fanboi Posted ID:VNGYTXCnG

เพื่อนโม่งมึงสับให้กุหน่อย ลองเขียนแบบไลท์โนเวล กุเพิ่งลงได้สองตอนดีป่าวไม่รู้เลย
https://writer.dek-d.com/fictionpersi/story/view.php?id=1527867

45 Nameless Fanboi Posted ID:n8PO33H2X

>>44 นิยายมึงโคตรน่ารำคาญ กูอ่านได้นิดเดียวก็ปิดละ ไม่ดึงดูดสัดๆ

46 Nameless Fanboi Posted ID:kW0PLivpQ

>>44 กูอ่านแล้วตามไม่ค่อยทันว่ะ ลองเขียนแบบธรรมดา แล้วเอามาให้กูอ่านใหม่ได้ปะวะ?

47 Nameless Fanboi Posted ID:tU/h8brHR

>>44 เหี้ยมเช้ามาให้กูอ่านไรวะเนี่ย กูอดทนเต็มที่อ่านได้แค่ครึ่งตอน สำนวนภาษามึงไม่ได้แย่นะใช้ได้เลยแต่มึงเขียนห่าอะไรข้ามไปข้ามมาขาดๆหายๆ มึงต้องเข้าใจว่าคนอ่านไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องกับมึง นิยายมึงเนี่ยต้องมีรูปประกอบทุกย่อหน้าเลยสัสไม่งั้นอ่านไม่รู้เรื่อง

48 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>44 มึงนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สนใจอะไรเรื่องบทนงบทนำเลยนะ บทแรกมันควรเป็นบทนำ ที่สามารถบอกอะไรได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องของมึงมันเกี่ยวกับอะไร การต่อสู้ ความรัก ต่างโลก อะไรก็ได้ แต่กูอ่านได้ประมาณครึ่งหนึ่งกูมีความรู้สึกว่า มันคือการเดินเรื่องในบทธรรมดา เปิดฉากมาตัวเอกเล่นปาจิงโก๊ะมันทำให้กูคาดหวังว่า กูจะได้รู้ว่ามันไปทำอะไรในนั้น ภายในหนึ่งหรือสองย่อหน้าที่ไม่ยาวมาก แต่กูอ่านไปจนถึงกลางบทกูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเข้าไปทำอะไรในนั้น มึงต้องหัดสร้างประเด็นให้ตัวเอกก่อนว่ะ มึงต้องตอบให้ได้ว่าแต่ละฉากมันมีเพื่ออะไร อยากบอกอะไรกับคนอ่าน ไม่ใช่มีปมอยู่ในใจแค่ปมเดียวแล้วเขียนไปเรื่อยเปื่อยหาทางเข้าปมเดียวอันนั้นให้ได้ โดยไม่สนใจว่าที่ผ่านมาตัวเองเขียนอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับปมนั้นเลยยาวมาเป็นหน้าๆ กูอยากฝากไว้ว่าทุกฉากทุกการกระทำมันควรมีเหตุผล เอาไปปรับปรุงซะ

49 Nameless Fanboi Posted ID:sUaqNMeFx

>>44 รณรงค์ให้ใช้เครื่องหมายอัญประกาศให้ถูกต้องค่ะ ใช้ "แบบนี้" ว้อย ไม่ใช่ " แบบนี้ " จะเคาะเว้นวรรคข้างในทำแป๊ะซะเหรอวะคะ

50 Nameless Fanboi Posted ID:q4HZyDQe/

สงสารพวกเด๋อที่เอานิยายตัวเองมาลงโม่งแต่โดนด่า

51 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>50 ถ้ามึงอยากได้คำชมกูชมได้นะ แต่มึงคิดว่ามันดีกับงานเขียนมึงหรือเปล่าล่ะ ถ้าอยากพัฒนามึงต้องหัดฟังคำแนะนำ แล้วไปวิเคราะห์ต่อเอาเองว่าเขาแนะนำมึงถูกหรือเปล่า ไม่ใช่เชื่อทุกอย่างที่เขาพูด

52 Nameless Fanboi Posted ID:JKARwDmXK

>>43 ไม่ถึงขนาดนั้นปะมึง นิยายตลาดอาจเปรียบเสมือนคนสวยแบบพิมพ์นิยม อะไรล่ะ หน้าวีเชพ ขาวโอโม่ ตาโต นมใหญ่

แต่ถ้านิยายของกูเป็นสาวตาคม ผิวเข้ม ยิ้มสวย มันจะถึงขั้นไม่มีคนชายตามองเลยรึ

แม่งก็แค่จับกลุ่มลูกค้ากันคนละกลุ่มแค่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเขียนแหวกแล้วจะไม่ดีนี่หว่า

53 Nameless Fanboi Posted ID:JKARwDmXK

>>44 สำนวนใช้ได้ แต่ก็อย่างที่หลายๆ คห.บอกไปว่าอ่านแล้วงง มึงควรเน้นเรื่องการตัดฉากให้ดีกว่านี้ พยายามหาทางลงให้แต่ละฉากมีจุดมุ่งหมายของมัน ไม่ใช่เขียนลากยาวไปเรื่อยๆ คนอ่านเขาคิดไม่ทันมึงหรอก ยังไงก็สับสน

แต่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาได้นะ กูอ่านแล้วพอรับได้แต่คงพูดอะไรไม่ได้มากเพราะมีแค่ 2 ตอน ตั้งใจเขียนฝึกฝีมือไปแล้วกันนาจา

54 Nameless Fanboi Posted ID:4uAYrDQkC

กูอิจฉา >>44 ชิบเลยพวกมึงช่วยกันสับงานมันบอกว่าตรงไหนดีไม่ดีมั่งต้องแก้ตรงไหนมั่ง ทีตอนกูนะมึงไม่สับกันเลยพูดกันสองความเห็นแล้วเรื่องของกูหายไปกับสายน้ำดราม่าของหลุยส์ ฮือๆๆๆ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.