เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป
คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
ตั้งรอจ้า
Last posted
Total of 1000 posts
เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป
คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/
ตั้งรอจ้า
คุยไรต่อดีคะซิส
ว่าด้วยเรื่องฮาเร็มต่อ
กูจำไม่ได้ว่าเคยอ่านจากที่ไหนมา
ที่บอกฮ่องเต้มีสนมมากมาย เพราะสมัยก่อนทำมาหากินยากลำบากมากๆ
ใครได้เป็นสนมก็หมดกังวลเรื่องนี้ไป
พอเข้ายุคนี้ผู้หญิงทำงานได้ไม่ต้องเพิ่งพาผู้ชายอีกแล้ว เรื่องฮาเร็มเลยหมดไป ยกเว้นบางศาสนาที่ยังคงไว้ด้วยเหตุผลความมั่นคงในประชากรของตน
แต่ทุนนิยมมันแค่ปรับรูปแบบฮาเร็มไป
จากยอมจำเจกับผู้ชายคนเดียว เป็นไม่แคร์เรื่องผูกพันเท่าไร ไม่เหมือนสมัยโบราณ
เปลี่ยนเป็นแนวฮาเร็มในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายผู้หญิงหลายคนได้แทน
คือผู้ชายและผู้หญิงก็มีซัมมิ่งระหว่างกันได้มากมายเกินและไม่ยึดมั่นความรักลึกซึ้งเหมือนเก่า
แบบอย่าถามว่าเธอหรือเขาเคยผ่านแฟนเก่ามาแล้วเท่าไร กว่าจะมาแต่งงานจริงจังกัน
กูขอเรื่องเน็ตวอชบุกหน่อยแล้วกัน จริงๆกูก็เล่นมู้นินทาเด็กดีนะ แต่กูเบื่อเวลามึงเอามู้ที่ไม่เกี่ยวกับนิยายมาแปะมาก เข้าใจเว้ยว่ามู้นิยายคนคึกคักกว่ามู้นินทาที่ตอนนี้เงียบกริบ แต่แม่งมันนอกเรื่องไง แล้วมึงก็ไม่ต้องไปให้ความสนใจพี่ถุยมากก็ได้ ห่า ขยับตัวทีนึง ตั้งกระทู้ทีนึงมึงก็เอามู้มันมาแปะ ก็รู้อยู่ว่ามันวันนาบี มึงเมินๆมันไปมั่งก็ได้ ยิ่งให้ความสนใจมันก็ยิ่งเหลิงป่ะ
กูไม่ค่อยนิยมนิยายฮาเร็มสักเท่าไร แต่กูเคยอ่านอสูรพลิกฟ้าแล้วก็ยอมรับว่าสนุกดีแต่ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผญ.ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้รู้สึกหมดสนุกเลยว่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะกูไปอ่านสปอยฮาเร็มของมันมาด้วยมั้ง
เห็นโม่งหอบนิยายมาตั้งเยอะ ไม่มีใครสับให้เลย กูจำได้ว่าห้องนี้เริ่มมีคนเข้ามาเยอะเพราะการสับนิยายนี่แหละ ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเริ่มจากใครสักคนเอานิยายหนูพริมณารามาสับมั้ง แล้วแม่มไอ้นั่นก็เสือกสับได้มีหลักการไม่ลำเอียงด้วย ถึงหนูพริมจะไม่ใช่ที่ชื่นชอบของใครๆ เท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าโม่งคนนั้นมันพูดไปตามเนื้องานจริงๆ โม่งคนนั้นถ้ายังเล่นโม่งอยู่กูเป็นแฟนคลับมึงนะ แต่ตอนนี้มีนิยายมากองตรงหน้ากลับไม่มีใครสนใจเลย หรือทาร์เก็ตของห้องมันเปลี่ยนไปแล้ววะ
ตามมาจากนิยายห้อง 3 สรุปไม่มีใครแนะนำนิยายออนไลน์ตลกๆ ให้กูได้สักคนเลยเหรอ หาเองแม่งก็มีแต่พวกขี้โม้ ตลกฝืดหาดีไม่ได้สักเรื่อง
ไม่ก็สับนิยายเจ๋งๆ เรื่องสองเรื่องก็ยังดี จะได้ตามไปอ่าน ช่วงนี้กูว่างงาน
คิดยังไงบ้างกับนิยายแฟนตาซีสมัยนี้
https://www.dek-d.com/board/view/3691370/
นิยายตลกมันต้องมาจากความไม่พยายามว่ะ แบบนึกจะมาก็มาเอง ส่วนมากถ้าพยายามจะไม่ค่อยตลกหรือไม่ตลกเลย
>>>/webnovel/2907/988 ขุดนิยายที่มีคนกองไว้ เผื่อมีใครมาสับ
>>12 เรื่องกรุ สนุกใช้ได้ อ่านง่าย บอกเล่าทฤษฏีในเรื่องผ่านคำพูดตัวละครได้ดี คอนเซปมิติกรุในเรื่องคล้ายๆinsidious แต่ไม่ได้เหมือนเด๊ะ ชอบตรงสร้างเรื่องอาถรรพ์แบบไทยๆมาใส่ได้ดี แต่กุว่ายังเล่นกับความระทึกหรือหลอนได้ไม่สุดเท่าไหร่
ปล. ไม่ได้สับนะแค่ความเห็นเฉยๆ เพราะเคยแค่อ่านผ่านๆเท่านั้นไม่ได้จ้องหาจุดผิด
>>7 ดีจังที่มึงยังวนเวียนแถวนี้ กูยังไม่กล้าทักมึงหลังไมค์ไปเลยว่ะฮิ ฮือๆ (กูโม่งที่คุยกับมึงในห้องแชทวันนั้น)
นิยายตลกกูนี่แต่งไม่ได้เลย เพราะเซ้นด้านอารมณ์ขันของคนเรามันต่างกันมาก พวกคอมิดี้เท่าที่กูเคยอ่านนี่หาตรงจริตไม่ได้สักอัน(ละคร/หนังไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง วนแต่เรื่องตลกหยาบโลนกับตลกเรื่องเพศ)
วันก่อนเห็นคนพูดกันว่า แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีตอนนี้มันเป็น แนวโรงเรียน > ออนไลน์ > ต่างโลกเกิดใหม่ทะลุมิติ > แล้วเดี๋ยวมันก็จะวนไปโรงเรียนอีก เพื่อนโม่งคิดว่าไง พวกเราจะหลุดจากแนวเดิมๆกันได้มั้ยวะ แนวอื่นต้องทำยังไงถึงจะขึ้นมาได้บ้าง? (เรื่องที่แปลกใหม่นี่กูเจอเยอะนะ แต่มันไม่ค่อยดังอ่ะ...)
สวัสดี เราคือโม่งอารี ความจริงกลับมาเล่นโม่งได้สักพักแล้วแต่ขี้เกียจแสดงตัว เพราะจำได้ว่าติดวิจารณ์นิยายพวกนายอยู่เรื่องหนึ่ง
พูดก็พูดเถอะนะ ความจริงไอ้นิยายเรื่องนี้เนี่ยอ่านจบไปตั้งแต่เดือนสิงหานู่นแล้ว แต่ไอ้นิยายยาวเหยียดเรื่องก่อนแม่งสูบพลังกูฉิบหายเลย แถมมีงานเข้าด้วย เลยปล่อยเบลอไป วันนี้ก็ขอมาเคลียร์หนี้ให้ครบก็แล้วกัน ถ้าวิจารณ์ได้ไม่ดี หรือลืมเรื่องไปบ้างก็ต้องขออภัยก่อนนาจา
เรื่อง : The Parallel Dimensions
link : https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=1308156
จำนวน : 47 ตอน
สถานะ : จบแล้ว
เอาล่ะ สำหรับเรื่องนี้กูอ่านแล้วจำได้ว่าสนุก แถมยังจบแล้วด้วย ถ้าไม่ติดที่เรื่องก่อนหน้าดูดวิญญาณกูจนแห้งล่ะก็กูคงเขียนวิจารณ์ได้ยาวเหยียด แต่ก็เอาเถอะ ไอ้47 ตอนนี่จริงๆแล้วไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ธีมของเรื่องน่าสนใจ มันเป็นโลกในอนาคตนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ประมาณว่าโลกของเราเกิดเหตุโรคระบาดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลโลกก็เลยต้องสร้างเขตปลอดเชื้อ คนแต่ละคนก็อยู่แต่ในบ้านของตัวเองในเขตปลอดเชื้อนั่น แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อื่นใดนอกจากคุยกันผ่านเน็ตอะไรงี้ อารมณ์ว่าเป็นโลกที่สะดวกสบายมาก มึงไม่ต้องออกจากบ้านก็สามารถสั่งซื้อของ เรียนหนังสือ บลาๆ ทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียวได้ แต่รัฐบาลก็อยากให้คนมีสังคมไง เลยพยายามผลักดันให้คนออกจากบ้านบ้าง แบบบังคับให้เด็กต้องไปโรงเรียนถึงแม้ว่าจะเรียนผ่านเน็ตได้สบายๆ ไรงี้
จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเรื่องก็คือโลกนี้(หรืออย่างน้อยก็คือในเขตปลอดเชื้อ) ไม่มีสัตว์ เพราะถือกันว่าสัตว์เป็นตัวเชื้อโรค ดังนั้นเกมเสมือนจริงจึงเป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมคนในโลกใบนี้ อย่างเช่นพระเอกของเราที่ชื่อไอดิน เขาเล่นเกมสัตว์เลี้ยง เลี้ยงมังกรมังกรเหี้ยเห้ออะไรเต็มไปหมดอยู่ในโลกเกม
ในวันที่สงบสุขวันหนึ่ง จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในเมือง พระเอกก็รีบกลับบ้าน ล็อกบ้านแน่นหนาเพื่อป้องกันเชื้อโรค และทางหน่วยงานรัฐก็รมยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองไป ผ่านมาหลายวันไม่มีเหตุผิดปกติ จนมาถึงคืนที่สี่ก็มีไอ้ตัวประหลาดท่าทางทรมาณมาเคาะหน้าต่างห้องของพระเอก พระเอกแม่งสงสารก็เลยปล่อยให้เข้ามา ไอ้ตัวประหลาดนี่หน้าตาเหมือนเสือแต่มีขนปุยๆ มีเขาและก็มีปีก เอาเป็นว่าแม่งเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นตั๊ลลั๊คคค นั่นล่ะ แต่พระเอกแม่งเสือกแพ้ขนสัตวก็เลยจาม ไอ้สัตว์นั่นแม่งฉลาด รู้ว่าพระเอกแพ้ก็เลยยอมหลบมุมไปนอนไกลๆ
ขี้เกียจพิมพ์ยาวละ เล่าแบบรวบรัดไปเลยแล้วกันว่าไอ้สัตว์เนี่ยมันชื่อว่าโคซาน ซึ่งเป็นร่างแรก โคซานเมื่อรวบรวมพลังเวทก็สามารถแปลงร่างไปเป็นคนได้ คนก็แนะนำตัวว่ากูเนี่ยชื่อมุส มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรสักอย่างในโลกต่างมิติ ที่ข้ามมิติมาก็เพื่อที่จะมาตามล่าโจรขโมยไข่สัตว์เทพ(จริงๆมันมีชื่อไข่แต่กูขี้เกียจจำ)
มุสโม้ว่าจริงๆตัวแม่งเนี่ยเก่งเทพสัสๆเลยนะ แต่ว่าต้องรอชาร์จพลังแปลงร่างเป็นร่างสามก่อน มุสรู้สึกแปลกใจมากที่โลกนี้ชาร์จพลังได้ยาก จนในที่สุดไอดินก็หาคำตอบได้ว่า ที่ชาร์จพลังได้ยากเพราะมียาฆ่าเชื้ออยู่ในอากาศ และเวลาที่มุส(หรือโคซาน) เดินผ่านเครื่องฆ่าเชื้อ แม่งก็จะง่อยเปลี้ยเสียขาไปด้วย (สรุปว่าไอ้ห่านี่แพ้ยาฆ่าเชื้อนั่นเอง)
ไอดินต้องจำใจพามุสไปโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากโลกใบนี้มันไฮเทค ขืนให้มุสเดินท่อมๆไปเรียนก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลส่วนตัวอะไรอยู่ในฐานข้อมูลเลย ก็เลยให้มุสแปลงร่างเป็นโคซานจิ๋ว หลอกคนอื่นว่ามันเป็นหุ่นยนต์ สาวๆเห็นสาวๆก็กรี๊ดเพราะมันน่ารัก แต่มีเด็กผู้หญิง(สวย) คนนึงในห้องที่ตกใจเมื่อเห็นโคซาน เธอชื่อเกล็ดแก้ว ที่เธอตกใจก็เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นสัตว์จากต่างมิติ ซึ่งสาเหตุที่รู้ก็เพราะเกล็ดแก้วได้ให้ที่พักพิงแก่ลาทีฟ ซึ่งเป็นโจรขโมยไข่เทพที่มุสกำลังตามหานั่นเอง
เรื่องก็ผจญภัยไปเรื่อยๆ มีการเอาโคซานไปที่ห้องทดลองเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอบลาๆ อ่านเพลินๆก็สนุกดีแต่ขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วที่ลาทีฟขโมยไข่มาเพราะมีเจตนาดีอะไรสักอย่างที่กูจำไม่ค่อยได้ แต่มันก็มีนักเวทชั่วอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามล่าลาทีฟมาจากโลกต่างมิติเหมือนกัน พวกไอดิน+มุส+เกล็ดแก้ว+ลาทีฟ ก็ช่วยกันสู้บ้างอะไรบ้าง สุดท้ายมุสสามารถรวบรวมพลังจนแปลงร่างเป็นขั้นสามได้ก็จัดการโชว์เทพ สู้ชนะ แล้วก็พาลาทีฟกลับไปรับโทษที่มิติของตัวเอง
แต่ตอนสุดท้ายไอ้ลาทีฟนี่ก็ไม่ได้รับโทษหรอก ประมาณว่ามุสช่วยแก้ตัวต่อราชาให้ว่ามีเจตนาดีงู้นงี้ ลาทีฟจึงได้ครอบครองไข่สัตว์เทพ พอฟักก็เลี้ยงดูอย่างดีบลาๆ ตอนจบมุสก็ข้ามมิติกลับมาเยี่ยมไอดิน แฮปปี้เอนดิ้ง
เอาล่ะ ต่อไปเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>18 ให้คะแนนเรื่อง The Parallel Dimensions
ก่อนอื่นต้องขอโทษทั้งเจ้าของเรื่องและพวกมึงด้วยนะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเล่าเรื่องน้อยไปหน่อย แต่จริงๆแล้วสาระสำคัญมันก็มีอยู่ประมาณนั้นล่ะ
คำผิด : ไม่ค่อยพบคำผิดเท่าไหร่ น่าเสียดายที่ตอนอ่านละเอียดอ่านไว้นานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีการเขียนผิดแบบน่าเกลียดๆรึเปล่า เมื่อกี้ลองกลับไป skim อ่านมาก็ไม่เห็นคำผิดอะไรนะ อย่างมากก็แค่เว้นวรรคแปลกๆ หรือพิมพ์ตกนิดหน่อย ให้ 9/10 ละกันค่ะ
การบรรยาย : เนื่องจากเป็นการบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่ง เพราะงั้นเตรียมใจไว้ได้เลยว่าจะต้องโดนกูหักคะแนนแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการเล่าเรื่องก็ลื่นไหลไม่ติดขัด มีการเลี่ยงการใช้คำซ้ำ อ่านการบรรยายแล้วสามารถเข้าถึงอารมณ์ของพระเอก และยังพอที่จะวาดภาพสภาพแวดล้อมของเรื่องออกมาได้ ต้องขอชื่นชม กูให้ 8/10
ตัวละคร : เฉยๆ คือต้องบอกไว้ก่อนว่าเวลาของการดำเนินเรื่องมันน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเนี่ยผ่านมาแค่แป๊ปเดียวเองมั้ง เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นการพัฒนาของตัวละครสักเท่าไหร่ แต่คาแร็คเตอร์ของพวกมันก็ชัดดี อย่างไอ้เจ้าพระเอกก็ดูซื่อๆ เอ๋อๆ หงอๆ ไอ้มุสก็ดูหน้าหม้อ เกล็ดแก้วก็ดูหยิ่งๆ ยิ่งเมื่อบวกกับการบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจความนึกคิดของตัวละครอื่นๆนอกจากพระเอกเลย ให้ 7/10 แล้วกันนาจา
เนื้อเรื่อง : ชอบการเซ็ตธีมของเรื่องมากตรงที่พูดถึงเมืองในอนาคตได้อย่างมีมิติ กล่าวคือไม่ใช่แค่พูดว่าโลกเผชิญปัญหาโรคระบาด เมืองเลยต้องเป็นระบบปิดแค่นั้นจบ แต่ผู้เขียนมีการอธิบายถึงระบบต่างๆของเมือง เช่น ไปซื้อของยังไง สวนสาธารณะ การปกครอง การผลิตอาหาร การกำจัดขยะ ซึ่งขอชื่นชมมาก สำหรับตัวเนื้อเรื่องจริงๆ ถ้าจะย่อให้สั้นมากๆก็คงได้ว่า "ตามล่าหัวขโมยจากต่างมิติ สุดท้ายก็ตามเจอแล้วพากลับไป จบ" คือเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การเคลียร์ปมหลักของเรื่อง ปมรองๆเท่าที่เห็นก็มีแค่ จะปกปิดพ่อแม่ยังไงไม่ให้รู้ว่าพระเอกแอบเอาสัตว์เข้าบ้าน ประมาณนี้ ถ้าเพิ่มปมย่อยเข้ามาก็จะทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น ให้ 7.5 /10 นาจา
สรุปผล 31.5/40 ถือว่าเป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่ไม่ค่อยซู อ่านสนุกเพลินๆได้ แถมยังเขียนจบแล้วด้วยไม่ต้องกลัวค้างคาหรือลอยแพ หนูยกนิ้วให้ค่ะ
>>18 >>21 มึงสับได้รู้สึกน่าอ่านมาก ว่างๆ กูไปลองอ่านดีกว่า
>>22 อ่านเม้นมึงแล้วกูเลยไปค้น ปรากฏว่าเขาคือคนแต่งเรื่อง Half Twin ที่พิมพ์กับเอนเธอร์ ซึ่งกูซื้อมาแต่ดองไว้นี่หว่า(...) เขียนจบหลายเรื่องดีวุ้ย นับถือ
แต่เรื่อง The Parallel Dimensions นี่กูว่าเขาเขียนแนะนำเรื่องได้ไม่ดีอ่ะ เขียนว่า "เรื่องของไอ้บ้าที่ข้ามมาจากมิติสารพัดสัตว์ มาพบกับไอ้บ้ารักสัตว์ในมิติที่ไม่มีสัตว์" มีไอ้บ้าตั้งสองครั้งจนกูแอบคิดว่าถ้ากูเข้าไปอ่านแล้วกูจะบ้ามั้ย แถมมันดูลอยๆ งงๆ เลยไม่เชิญชวนเท่าไร เม้นกับเฟ็บน้อยมากจนน่าตกใจ(ซึ่งขัดกับความรู้สึกกูมาก เพราะอารีสับแบบกูรู้สึกว่าน่าอ่าน) ยังไงเดี๋ยวกูไปลองอ่านดูเองก่อนแล้วอาจจะมาคุยว่าคิดเห็นอะไรต่างกับคนอื่นมั้ยนะ
กูไปหามาละ ไม่ได้ออกกับเอนเธอร์นะ เขาเขียนให้สถาพรมา 2 เรื่องแล้วนะตรีพันธ์เนี่ย
>>27 พอฟังงี้กูแล้วนึกสงสารพวกเขียนแนวดาร์คๆ จริงๆ ว่ะ เมื่อกี้กูเพิ่งเข้าไปอ่านมู้ที่โม่งมาแปะ >>9 ท่าทางพวกนี้คงหา สนพ ตีพิมพ์ยากจริงๆ แต่กูก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ตรีพันธ์ นะ เขาเป็นมวยเรื่องส่งต้นฉบับซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะงานเขามันก็อ่านเพลินดีอยู่ ส่วนพวกดาร์คก็คงต้องสู้ต่อไปในเมื่อใจรักจะเขียนแนวนั้น ก็ต้องทำใจกับเรื่องตลาด
กูโมโม่(จั)งตัวจริงนะ มู้ที่แล้วกูเล็งไว้เรื่องหนึ่งแต่สับไม่ทัน มาสับมู้นี้ละกัน
Fantasy High School มาสร้างโรงเรียนเวทมนตร์กันเถอะ
เนื้อเรื่องน่าติดตามทุกตอน อ่านถึงตอนล่าสุดกูนี่กัดฟันเลย สนุกมากกก พล็อตจะแปลกใหม่ดี เป็นนิยายที่ว่าด้วยเบื้องหลังโรงเรียนเวทมนตร์ที่แท้จริงแล้วมันก็แค่ละครเรื่องหนึ่งที่พวกภูตหานักแสดงเป็นมนุษย์มาเดินเรื่องตามบทที่เขียนไว้โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว มีแซะว่าพระเอกนั้นบทต้องเด่นตั้งแต่เปิดตัวเช่น มาสาย โชว์เทพช่วยนางเอก แรกๆ กากกว่าตัวร้ายแล้วจะไปเก่งในช่วงหลังๆ ทำตัวผิดกฎแล้วเจอความลับของโรงเรียนกลายเป็นผู้ถูกเลือก บลาๆ คาร์นางเอกต้องสาวซ่า พระรองสุภาพบุรุษ นางรองแม่พระ ตัวร้ายโคตรอันธพาล ตรงจุดนี้ทำให้กูนึกถึงละครไทยขึ้นมาเลย แต่นิยายเรื่องนี้ยังมีการหักมุมเบาๆ ที่มีการแทรกแซงจากบุคคลลึกลับทำให้บทละครเริ่มเพี้ยน เช่นนางร้ายที่มีบทว่าแอบชอบพระเอกมีพลังแฝงมากกว่าหนึ่ง พระเอกเป็นตุ๊ด ความทรงจำถูกดัดแปลง
โดยรวมนับว่าดีงาม มีแซะพล็อตโรงเรียนเวทมนตร์และคาร์ตัวละครที่ส่วนใหญ่มาแนวเดียวกันหมด ถึงบางช่วงจะเล่าเรื่องงงๆ อยู่หน่อยก็พอให้อภัย คำผิดแทบไม่มีสำนวนลื่นไหลใช้ได้ เซ็ตติ้งโลกโอเค มีชื่อไทยชื่อฝรั่งผสมกันอย่างมีเหตุผล คือตั้งให้ดูอินเตอร์นักเรียนที่เป็นคนไทยจะไม่ได้สงสัย แอบฮาตรงที่เคยคิดจะให้ครูในโรงเรียนเวทมนตร์มีชื่อไทยแต่ถูกค้านเพราะมันดูไม่อินเตอร์นี่แหละ
สรุปคะแนน 8/10 บางฉากยังเรียงลำดับได้มึนนิดหน่อยนะ
ปล.ใส่ธีมในตอนย่อยแถมเป็นพื้นขาวอีกอ่านแล้วปวดตาว่ะ กูอ่านในมือถือนี่โครตเซ็ง
โม่งฮิ โม่งอารี โมโม่(จั)ง พวกมึงรียูเนี่ยนกันในกระทู้นี้แล้วสินะ กูดีใจ T_T
หลังๆมานี่รีวิวมีแต่อวยว่ะ กูอ่านไปสามตอนได้แต่ส่ายหัว
>>33 ไม่ขนาดนั้นมั้ง มันแล้วแต่คนชอบมากกว่า มึงจำไอ้คนที่มันมาตั้งมู้ไม่เห็นด้วยกับ บก ที่ปฏิเสธงานมันในเด็กดวกได้ไหม ต่อมามันก็ตั้งมู้ใหม่หลังจากส่งไป สนพ ที่สอง บก สอง สนพ นี่วิจารณ์ไปคนละทางเลย จนกูยังสงสัยอยู่จนทุกวันนี้ว่ามันส่งเรื่องเดียวกันไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่ามันรีไรท์งานดีขึ้น กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ ในเมื่อมันก็บอกเองว่าไม่เห็นด้วยกับ บก คนแรก กูเลยมาสรุปเอาเองว่าคนเรามันชอบต่างกัน มันอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเอาส่วนไหนมาพิจารณา ตัวกูเองชอบดูสำนวนการเขียนและการเดินเรื่อง ไอ้พวกใช้คำซ้ำรูปประโยคกำกวมนี่กูไม่อ่านต่อแน่ แต่ถ้าสำนวนดีเดินเรื่องช้ากูก็วางเหมือนกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3691582/ การกระทู้นี้ อยากมาถามเพื่อนโม่งว่าคิดยังไงกับเม้นที่ 3 ของพีทคุง ที่ว่าการเม้นนิยายเป็นเรื่องใหม่ ฝืนธรรมชาติ
ส่วนตัว กูคิดว่าเพราะเมื่อก่อนช่องทางการติดต่อกับนักเขียนโดยตรงมันไม่ค่อยมี คนก็เลยไม่ได้เม้นกัน(แต่ก็มีจดหมายเขียนไปคุยกับคนแต่งบ้าง ถ้าเป็นกรณีลงในนิตยสาร) แต่ตอนนี้เทคโนโลยีมันมาไกลแล้ว เพราะงั้นการเม้นนิยายก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติเท่าไร ...ทั้งนี้ทั้งนั้นกูไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับเม้นที่ 3 นะ เพียงแต่อยากลองเอามาถามว่าเพื่อนโม่งคิดยังไงกันบ้างอ่ะ?
กูมองว่าการเมนต์คือ การทดสอบนิยายโดยตรงเลย ไม่ได้ฝืนอะไรทั้งนั้น
เพราะคนอ่านนิยายสามารถบอกอะไรกับคนเขียนได้โดยตรงในหน้านิยาย
ถ้าแค่ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมในเนื้อหาตอนนั้นๆ ไม่ได้ แสดงว่ายากที่จะเดินต่อ นอกจากเขียนเล่นๆ ไม่หวังอะไรก็เป็นอีกเรื่อง
เคล็ดลับในการเขียนนิยายแบบหวังส่งเข้าสนพ.ก็เหมือนกัน
ถ้า 5-10 ตอนแรกทำให้คนอ่านติดตามเรื่องไม่ได้
นักเขียนหลายคนแนะนำว่าให้เลิกเขียนเรื่องนั้นได้เลย หรือนำกลับไปปรุงแต่งใหม่ให้ดึงดูดคนอ่านเข้ามาให้ได้สักจำนวนหนึ่งจึงพอมีลุ้น
>>37 มึงตัดข้อความของ คห.3 มาไม่ครบนะ ตอนแรกที่กูอ่านเม้นมึงก็นึกว่าไอ้ห่านั่นบ้า อยู่ดีๆมาบอกว่าเม้นนิยายฝืนธรรมชาติ
จริงๆคือแม่งบอกประมาณว่า ปกติแล้วเวลาเราอ่านนิยายน่ะก็คืออ่านไปเรื่อยๆจนจบ ไม่ใช่ว่าจบตอนนึงแล้วจะต้องอยากคอมเมนต์ เว้นแต่ว่าจะมีอะไรที่มันตื่นเต้น ขัดใจ ซึ่งก็จริงอะนะ เคยเป็นมะแบบเวลาอ่านบทสนทนาจี๊ดๆแล้วจู่ๆก็วางหนังสือลุกพรึ่บ เดินวนไปวนมา โอ๊ย แม่งโดนจัย
สรุปก็คือ ไม่มีคนเมนต์ไม่ได้แปลว่าไม่สนุก แค่อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้น ไม่ค้างคา ไม่จี๊ดหัวจัย
>>38 มีอารมณ์ร่วมมากๆ ก็เลยรีบกดตอนต่อไปอ่านโดยไม่เมนต์ก็มีนะมึง กูก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัล
>>17 >>19 กูว่านิยายแฟนตาซีไทยหลุดเทรนยาก ต้องตามกระแสไม่งั้นขายไม่ได้ แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีก็คงวนไปแหละตอนนี้แปลจีนกำลังมาก็โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดมีเรื่องดีๆน้อยมาก นอกนั้นกูทนไม่ไหวอ่านไปสองสามตอนก็ลาละ แนวจีนก็เป็นเกิดใหม่ต่างโลก/ทุละมิติซะค่อนนึง...
ส่วนนิยายแฟนตาซีฝรั่งที่ดังๆ ก็มีวนๆอยู่แค่ dystopia, fairy tale retelling, epic/high fantasy, paranormal romance, urban fantasy (พวกแวมไพร์ shapeshifter ปีศาจเทวดา historical ฯลฯ) เรื่องก็วนๆกันอยู่ประมาณเนี้ยเดี๋ยวพอมีอะไรดังได้สร้างเป็นหนังก็มีแนวเดียวกันตามมาอีกเป็นสิบ เท่าที่กูเห็นก็มีแค่นี้ ส่วนแนวเกมออนไลน์ย้อนยุคเกิดใหม่แบบบ้านเรา/เอเชีย ฝั่งโน้นไม่ค่อยมีเท่าไหร่
เปรียบเทรนด์นิยาย นิยายแหวกแนวมันก็เหมือน อีปลวกเพื่อนกู ที่มันหน้าตาขี้เหร่ มันชอบตัดพ้อด้วยคำว่า "พิมพ์นิยม" พุดแม่งทุกจังหวะที่เห็นคนสวยกว่า ทำไมคนเราจำเป็นต้องไปศัลย์หน้า ทำผิวขาว ทำจมูกโด่งตามโลก ไม่งั้นหาผัวไม่ได้หรอ?
เขียนนิยายแหวกแนว ก็เหมือนสะเออะจะแรด หัวหยิกก็ตัดผมสั้น หน้าก็บานเป็นถาดใส่เส้นมะละกอร้านส้มตำ สินสอดเป็นล้านมึงอย่าหวัง ให้ข้าวแถมอีกสิบกระสอบเขาก็ไม่เอา
แน่นอนอีปลวกเพื่อนกูมันอาจจะนิสัยสันดานดี แต่ถ้ามันไม่ตามเทรนด์ เฉิ่ม ใครเขาจะมองมัน เอวังดีออก เอวัง กูเลยแนะนำให้มันเอานิยายมันไปสไลด์เขื่อนแทน
เพื่อนโม่งมึงสับให้กุหน่อย ลองเขียนแบบไลท์โนเวล กุเพิ่งลงได้สองตอนดีป่าวไม่รู้เลย
https://writer.dek-d.com/fictionpersi/story/view.php?id=1527867
>>44 มึงนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สนใจอะไรเรื่องบทนงบทนำเลยนะ บทแรกมันควรเป็นบทนำ ที่สามารถบอกอะไรได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องของมึงมันเกี่ยวกับอะไร การต่อสู้ ความรัก ต่างโลก อะไรก็ได้ แต่กูอ่านได้ประมาณครึ่งหนึ่งกูมีความรู้สึกว่า มันคือการเดินเรื่องในบทธรรมดา เปิดฉากมาตัวเอกเล่นปาจิงโก๊ะมันทำให้กูคาดหวังว่า กูจะได้รู้ว่ามันไปทำอะไรในนั้น ภายในหนึ่งหรือสองย่อหน้าที่ไม่ยาวมาก แต่กูอ่านไปจนถึงกลางบทกูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเข้าไปทำอะไรในนั้น มึงต้องหัดสร้างประเด็นให้ตัวเอกก่อนว่ะ มึงต้องตอบให้ได้ว่าแต่ละฉากมันมีเพื่ออะไร อยากบอกอะไรกับคนอ่าน ไม่ใช่มีปมอยู่ในใจแค่ปมเดียวแล้วเขียนไปเรื่อยเปื่อยหาทางเข้าปมเดียวอันนั้นให้ได้ โดยไม่สนใจว่าที่ผ่านมาตัวเองเขียนอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับปมนั้นเลยยาวมาเป็นหน้าๆ กูอยากฝากไว้ว่าทุกฉากทุกการกระทำมันควรมีเหตุผล เอาไปปรับปรุงซะ
สงสารพวกเด๋อที่เอานิยายตัวเองมาลงโม่งแต่โดนด่า
>>43 ไม่ถึงขนาดนั้นปะมึง นิยายตลาดอาจเปรียบเสมือนคนสวยแบบพิมพ์นิยม อะไรล่ะ หน้าวีเชพ ขาวโอโม่ ตาโต นมใหญ่
แต่ถ้านิยายของกูเป็นสาวตาคม ผิวเข้ม ยิ้มสวย มันจะถึงขั้นไม่มีคนชายตามองเลยรึ
แม่งก็แค่จับกลุ่มลูกค้ากันคนละกลุ่มแค่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเขียนแหวกแล้วจะไม่ดีนี่หว่า
>>44 สำนวนใช้ได้ แต่ก็อย่างที่หลายๆ คห.บอกไปว่าอ่านแล้วงง มึงควรเน้นเรื่องการตัดฉากให้ดีกว่านี้ พยายามหาทางลงให้แต่ละฉากมีจุดมุ่งหมายของมัน ไม่ใช่เขียนลากยาวไปเรื่อยๆ คนอ่านเขาคิดไม่ทันมึงหรอก ยังไงก็สับสน
แต่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาได้นะ กูอ่านแล้วพอรับได้แต่คงพูดอะไรไม่ได้มากเพราะมีแค่ 2 ตอน ตั้งใจเขียนฝึกฝีมือไปแล้วกันนาจา
การโดนสับนิยายมีข้อดีข้อเสียของมันนะครับ
คือนักเขียนบางคนเพิ่งเขียนไง สำนวน เนื้อเรื่อง คาแรค ยังไปไม่ถึงไหนเลย คือมันยังเร็วไปที่จะให้วิจารณาด้วยซ้ำ
อย่างต่ำๆ ต้องมี 100 หน้าขึ้นไปนะ คราวนี้ไม่ต้องให้ใครวิจารณาหรอก ในเบื้องต้น กลับไปอ่านงานตัวเองก็ขนตูดลุกแล้ว ตอนแรก กับตอนล่าสุด แม่ง เหมือนคนเขียนคนละคน
ดังนั้น อยากเป็นนักเขียนจริงๆ ต้องลองๆ คลำทางดูก่อน ถ้ามาให้สับแค่สี่ห้าตอน ยังเร็วไป
>>59 มันแล้วแต่นะ ถ้าสามารถอ่านเองได้แล้วรู้ว่าพิมพ์นิยมคืออะไร เขียนไปร้อยตอนก็แก้ข้อผิดพลาดน้อยไม่ต้องแก้มาก แต่ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ แล้วเขียนไปร้อยหน้า คิดว่านักเขียนคนนั้นคงต้องทำงานหนักมากในเรื่องแก้ สู้ฟังคำแนะนำแค่ตอนสองตอนแรกแล้วค่อยๆ ปรับปรุงงานจะเบากว่าไหม
>>60 ช่างเหอะกูไม่คิดมากหรอก มันจะเขียนเรื่องอะไรก็ช่าง การที่กูจะอ่านหรือไม่อ่าน สับหรือไม่สับ มันไม่ใช่ว่ากูลำเอียงหรือไม่อยากช่วย มันอยู่ที่อารมณ์กู ณ เวลานั้นๆ ว่ากูอยากอ่านอะไรแนวไหน ถ้ากูไม่มีอารมณ์อยากสับกูก็ปล่อยผ่าน เพราะคนที่มาวางงานก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับกู มันแค่เวลาผิดปกติของกู ถ้าปกติกูก็ช่วยดูให้อยู่แล้ว แต่บางทีกูก็ไม่ได้อยู่ในโม่งตอนใครวางงานให้สับ กูว่ามันก็มีแค่นั้นนะ
>61 ไม่ไง ถ้าให้วัดแค่ 3-5 ตอน มันจะน้อยเกินกว่าจะมาสับแล้วเกิดประโยชน์ อันนี้มุมมองส่วนตัวนะ
>>62 กูเข้าใจมึงนะ คือมึงจะอ่านเรื่องไหน จะสับเรื่องไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมึงนั่นล่ะ มันก็ต้องยึดตามความสะดวกของมึงไว้ก่อนอยู่แล้วแหละ มึงอย่าคิดไรมาก กูที่พวกมึงสับแล้วก็สนุกดี มีแต่ไอ้ตัวตะแง้วๆเรียกร้องให้คนมาสับ งอแงๆนี่ล่ะที่น่ารำคาญ ยิ่งมีการปั่นกระแสตัวเอง ไอดีเดียวกันยิ่งตลก
เห็นนิยายพิราบเรื่องโรงเรียนกลับมาแล้วว่ะ มีบ่นท้ายตอนว่าจะเปลี่ยนมาใช้คำพูดแบบผู้หญิงไม่พูดว่าครับหรือใช้ผมอีก มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเลิกตีพิมพ์ปะวะ ดูเขาเฟลๆ ไงไม่รู้ว่ะ
กุมาดูผลตอบรับแล้ว...ขอบใจพวกพวกมึงมาก
>>45 ขอบคุณสำหรับความเห็นตรงๆของมึงนะ
>>46 รอกุรีก่อน เดี๋ยวให้ใหม่อีกทีหนึ่ง
>>47 นั่นสิมันขาดๆเกินๆเหมือนที่มึงบอกนั่นแหละ
>>48 กุเห็นภาพล่ะ แต่พระเอกมันไม่ได้เล่นปาจิงโกะนะมึง มันเสี่ยงโชคต่างหาก ขอบใจหลายๆ
>>49 นี่กุเพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่าเขาไม่เคาะข้างเครื่องหมายกัน กุงมโข่งโลกไหนมาวะเนี่ย
>>53 กุจะพยายามลองแก้ดูก็แล้วกันแต้งกิ้ว
มีความโง่ในการใช้ไอดีซ้ำ
https://www.dek-d.com/board/view/3691743/1/?comment=16 ทำไมกูอยากให้ดอกขาวปะทะกับ ND111 จังวะ ถ้าเกิดขึ้นจริงคงเป็นมวยในฝันของกูเลย แนวๆ ว่าดอกขาวมันเป็นพวกโผล่ทุกกระทู้ แต่ ND111 มันเป็นประเภทรักสันโดษนานๆ จะเห็นมันไปตอบกระทู้ใครสักที แต่ดูในมู้นี้รู้สึกดอกขาวจะไม่กล้ายุ่งกับ ND111 เท่าไหร่ แหมกูตื่นเต้นจริงๆ นะเนี่ย ถ้าสองคนดังปะทะกันบอร์ดสะเทือนแน่ๆ
เออ น่ารำคาญมากอยากนินทาตัวบุคคลไสหัวไปที่อื่น กูไม่อยากรู้จัก ที่นี้เน้นสับนิยาย
มีใครอยากเอานิยายให้กูสับไหม กูโม่งฮู สับให้เรื่องนึงอะ
>>74 สับให้หน่อยนะ
>>78 กูเลือกปฏิบัติตรงไหน กูแค่สงสัยเอง แล้วนี่นินทาเหี้ยไร มึงอย่าโยงทุกอย่างไปนินทา กูบอกแค่นิยายแม่งเศร้าที่มีหลุยไปไกด์ไปโชว์เทพ กูก็พูดถึงนิยายอยู่เนี่ย ไม่ใช่ด่าบุคคลรัวๆ มึงอย่าอคติขนาดนั้นดิห่า
จริงๆอยากให้>>73 สับนิยายล็อตก่อนที่มีคนมากองไว้ เรื่องนี้เดี๋ยวกูสับให้ก็ได้ กูเข้าไปสไลด์กวาดสายตาตอนแรกแล้วเห็นบางอย่างที่อยากสับ
https://my.dek-d.com/vanaya/writer/view.php?id=1484470
1. ทำไมไม่เอาย่อหน้าแรกสุดเป็นบทนำ เพราะไอ้ที่เขียนว่าบทนำจริงๆ มันจืดชืดไร้ความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง
2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนไม่มีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป
3. ย่อหน้าที่สองของบทนำ อยู่ๆ ก็บอกว่าตัวละครมีแฝด มันไม่ใช่จังหวะที่จะบอกเลยควรโฟกัสที่ตัวละครนี้เดี่ยวๆ ไปก่อน
4. ในส่วนของตัวบันทึกที่เขียนไม่ขอติเรื่องเรื่องการใช้ประโยคหรือคำต่างๆ เพราะบันทึกมันมีค่าเท่ากับบทสนทนาทั่วๆ ไป ดังนั้นมันจึงสามารถมีคำซ้ำได้
***2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนมีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป
>>80 ขอเสริมมึงแล้วกัน ขอเป็นแนะเรื่องการเขียน การใช้ภาษาแล้วกัน กูค่อนข้างถนัดด้านนี้
สำนวนยืดเยื้อไม่กระชับตามที่ข้างบนบอกไป เหมือนอยากให้ภาษาสวยเลยใช้คำยาก แต่คนเขียนไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น คลังคำน้อย ทำได้แค่จับคำมาเรียงกันเฉยๆ ทำให้ย่อหน้าเดียวกันแท้ๆ แต่ระดับภาษาไม่เท่ากันซะงั้น มีความพยายามใช้ ที่ ซึ่ง อัน จนทำให้ประโยคกลายเป็นวลี ซึ่งไม่ได้จำเป็นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพยายามสร้างประโยคความซ้อนทำไม เวลาเขียนบรรยาย พรรณนามันใช้ประโยคธรรมดาก็ได้ แบบนี้มันอ่านไม่รู้เรื่องมากกว่า เรียกได้ว่าพยายามประดิษฐ์ภาษาให้สวยจนกระอักกระอ่วน ถึงกูจะชอบเสพวรรณศิลป์ แต่คือบางครั้งเขียนง่ายๆ ให้อ่านเข้าใจและสนุกได้ก็พอแล้ว
อีกอย่างเวลาจัดหน้าทางวารสารศาสตร์ ถ้าอยากให้ท้ายประโยคมันเสมอกันเหมือนในหนังสือนิยาย เขาใช้การจัดหน้าแบบ "กระจายแบบไทย" ไม่ใช่ "เต็มแนว" ในเวิร์ดมีลองเอาเม้าส์ชี้ๆ ดูก็ได้ เพราะใช้การจัดแบบเต็มแนวแล้วมันจะออกมาประหลาดชาติชั่วเหมือนนิยายเรื่องนี้ ที่บางจุดก็เว้นวรรคเป็นโยชน์ อ่านแล้วแทนที่จะดูเรียบร้อยกลับยิ่งขัดหูขัดตา
ส่วนเนื้อเรื่อง...เบื่อ ขี้เกียจอ่าน ดูแค่ภาษาพอละ
ปล.เกลียดการเน้นตัวดำ คนที่เน้นแบบนี้อีกคนคืออีหลุย แม่งเขียนตามๆ กันใช่มั้ย
ลงชื่อ โม่งฮิ จะไปเป็นครูสอนภาษาไทย ถุย
>>83 ขอถามหน่อยนึง คือเราก็กำลังพัฒนางานเขียนตัวเองอยู่ ทีนี้มีปัญหาตรงที่การประดิษฐ์ประโยคนี่ล่ะ คือนิยายเนี่ยถ้าภาษาไม่สลวยมากเอาแค่อ่านแล้วไม่ติดขัดแบบเจอคำซ้ำๆกันในประโยคเดียวเกินไปมันพอจะใช้ได้รึเปล่า คือเราไม่ถนัดใช้คำศัพท์อลังๆด้วยสิ
อีกเรื่องหนึ่งเวลาตัดฉากใช้การBold ตัวอักษรของประโยคแรกที่ขึ้นต้นถือว่าผิดไหม เมื่อก่อนเคยใช้พวกเครื่องหมาย อย่าว ... หรือ ---
ตีเส้นแบ่งไปว่าตรงนี้จบฉากแล้วจะตัดขึ้นอีกฉากแทน แต่หลังๆมาใช้พวกนี้แล้วทันทำให้จำนวนคำฟุ่มเฟือยโดยเปล่าประโยชน์ก็เลยลองเปลี่ยนไปใช้เน้นBold แทนอ่ะ
เห้ย กุโม่งฮู ทำไมมีคนแย่งงานกรูวววว
กุโกรธจนไข่สั่นไปหมดแล้วววว
>>85 มึงต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า ภาษาสวยกับคำสวยมันเป็นคนละเรื่อง คนที่เขียนภาษาสวยๆ หรือสำนวนสวยๆ มันไม่ได้ใช้คำสวยนะมึง มันอยู่ที่ความคิดในการสื่อและจังหวะการวางคำวางประโยค สำหรับคำซ้ำกูไม่อยากให้กังวลมากสำหรับมือใหม่ เขียนให้ออกมาได้ตามภาพในหัวที่เราคิดก่อนแล้วค่อยปรับคำปรับประโยคทีหลัง ถึงมันจะเป็นการทำงานหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเรามือใหม่ แม้กระทั่งมือเก๋าๆ เองเขียนเสร็จเขาก็ยังต้องมาไล่จังหวะไล่คำทั้งหมดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องคำซ้ำ
>>85 ตั้งแต่สับนิยายมา เราแนะนำให้เขียนแบบเบสิคก่อนทั้งนั้นเลยนะ เอาแบบแค่ประโยค who what where when why how ก่อน ค่อยๆ เล่าเรื่องไป การเขียนให้สละสลวยมันเป็นเรื่องของการสะสมประสบการณ์ อาศัยอ่านเยอะๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เป็นของตัวเองไป อย่าคิดมาก ทุกอย่างมันพัฒนากันได้ถ้าเปิดใจ
ส่วนเรื่องคำซ้ำ อันนี้เคยแนะนำไปแล้วว่าให้ ctrl+f หาดูว่าคำมันซ้ำติดกันไปหรือเปล่า เช่น ย่อหน้าแรกของเรื่องสายรุ้งต้องสาป แค่ 4 บรรทัด ล่อคำว่าที่ไป 5 ครั้ง อันนี้เฟ้อมาก เยอะไป คือต้องคิดตรรกะว่าเราใช้คำว่าที่ เพื่อขยายประโยค แล้วมันจะต้องขยายอะไรขนาดนั้น
ส่วนตัวไม่ชอบการใช้ bold เพราะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสายตาเท่าไร อันนี้เป็นเรื่องของงานพิมพ์ด้วย ลองสังเกตดีๆ ในหนังสือนิยายจะไม่ค่อยใช้ bold ยกเว้นการสื่อที่ว่าตะโกนอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่ใช้ bold จะเป็นงานวารสารศาสตร์จำพวก ข่าว สารคดี บทความ ที่ใช้เน้นย้ำความสำคัญของพวกชื่อที่ปรากฏมาครั้งแรก //วิชาการสัสๆ
>>88 เอ่อะ...
มาๆ ไหนกูก็สับไม่ทันละ กูจะมาแก้ไขปัญหานี้พวกมึงเองนะเพื่อนโม่ง
ปัญหาเรื่องคนำซ้ำ แก้ไขได้ดังนี้
1.อย่าไปห่วงเรื่องคำสวย
2.เขียนๆ ไป ซ้ำชั่งแม่ม
3.เน้นการเล่าเรื่องให้สนุก ตรงนี้สำคัญกว่าคำซ้ำอีก และขอย้ำอีกที คำซ้ำชั่งแม่ง
4.อ่านทวน
5.คำไหนซ้ำ มึงก็แก้คำนั้น แค่นั้นเอง
เดี๋ยวจะหาว่ากูกวนตีน มา ยกตัวอย่างให้
เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน ที่ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น ที่จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ ที่จะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้
มึงจะเห็นว่า คำว่า 'ที่' แม่งเต็มไปหมด คราวนี้ มึงก็มาอ่านซ้ำ แล้วเปลี่ยนคำว่า 'ที่' ให้กลายเป็นคำอื่นที่มีความหมายเหมือน หรือใกล้เคียงก้ได้
เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน 'อัน'ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น 'ซึ่ง'จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ โดยจะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้
อันนี้แค่เลเวลหนึ่งนะ เปลี่ยนแค่ที่ มึงไปฝึกกันก่อน เอาไว้เมื่อโปร ค่อยขึ้นเวลสอง คือเปลี่ยนทั้ง 'กลุ่มคำ'
by โม่งฮู ผู้โดยแย่งงาน
>>91 นี่กองไว้เยอะแยะ ไปสับสักเรื่องสิ >>>/webnovel/2907/988
ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง ไม่มีอะไรทำ ขอดึงประเด็นเรื่องการเขียนประโยคมาหน่อยแล้วกัน ใครอยากอ่านก็อ่าน อาจจะไม่เก่งกาจอะไรมาก แต่ไกด์จากคนเคยผ่านงานอีดิตเตอร์มานิดหน่อย อาจจะไม่ได้เทพมาก แต่ถือเป็นไกด์ขำๆแล้วกัน
ขอทำใน doc มันจะได้ป้ายให้เห็นชัดๆ เลย กำลังอีดิตอยู่อยากอ่านตอนเสร็จแล้วก็รอหน่อยนะ
https://docs.google.com/document/d/114JBGxAKQksdZ5sfWsOPCWKWCUWW_HvZwDaPN2nfbyE/edit?usp=sharing
https://writer.dek-d.com/bear_la_bear/story/view.php?id=1503683
ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง
>>98 1. เปิดเรื่องไม่เห็นภาพเพราะไม่รู้ว่า "ฉัน" ในเรื่องเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
ลองเปิดเรื่องแบบนี้ดู
เมื่อเช้าฉันยังเป็นนักเรียนหญิงแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยและรวบผมหางม้ามาโรงเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่น
แต่!!! ตอนนี้สภาพฉันคงดูไม่ได้แน่ๆ ชายเสื้อหลุดรุ่ยที่มัดผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันกำลังวิ่ง วิ่ง และวิ่ง บลา บลา บลา
กุดูให้แค่นี้แหละเดี๋ยวโม่งฮูมันหาว่าแย่งงานมันอีก
ฮูมาแล้ว จัดปายยย
>>บางครั้งฮูก็ติดนิสัยโลกเบื้องหน้ามามากไป คิดไปคิดมา ไม่ต้องถามหรอก ฮูขอสับให้คิดว่ากำลังพอดี และดีที่สุด เกิดประโยชน์ที่สุดละกัน
อย่างแรก คุณนักเขียนยังเขียนน้อยไป ที่ดูออกเพราะจังหวะการเล่าเรื่องยังแปลกๆ ถ้าให้เดา เพิ่งจะผันจากนักอ่านมาเขียนล่ะสิท่า
'ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง'
การบรรยายตามที่ >>100 บอก ฮูเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ขอเรียกคนเขียนว่า 'นาง' นะ
จะว่าไปนางก็เขียนออกมาโอเค พออ่านได้นะในเรื่องของการบรรยาย แต่ที่นางขาด ที่การ set ฉาก
นางต้องบอกนะ ว่าในเรื่องอยุ่ตรงไหน แล้วจะบอกว่าแค่ 'ในปราสาท ในโรงเรียนก็ไม่ได้ มันต้องอยู่ในการเล่าเรื่อง'
"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?"
ฉันเดินก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า มองไปรอบๆ ทางเดินภายในโรงเรียนซึ่งเป็นกำแพงอิฐและมีคบเพลิงแขวนเรียงราย ฉันรู้ได้ทันทีว่าทุกสิ่งหยุดการเคลื่อนไหว เนื่องมาจากเปลวไฟจากคบเพลิงซึ่งควรจะไหวไปมา มันกลับหยุดนิ่งเหมือนภาพวาด
อันนี้คือการ set ฉาก บอกว่านางเอกกำลังเดินในทางเดิน มีกำแพงนะเว้ย เป็นยุคกลางนะโรงเรียนอะ และที่เห็นว่าหยุดนิ่ง เพราะว่าคบเพลิงมันหยุดเคลื่อนไหวนะ
นั่นคือเรื่องแรก...
เรื่องที่สอง จะบอกว่าไงดี อย่ารรีบเกินไป ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าเรื่อง ลงดีเทลหน่อย ให้คนอ่าน อ่านเรื่อยๆ จะเหมาะกว่ากับบทที่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องอะไรพวกนี้
การใช้คำทำได้โอเค แต่ก็นั่นล่ะ พอกรเล่าเรื่องออกมาไม่ค่อยดี มันก็พังไปหมด ดังนั้น ในเบื้องต้น นางต้องเข้าใจนะ ว่าเวลาคือทุกสิ่ง นางต้องเขียนเยอะๆ เขียนบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวสกิลมันจะเข้าที่เข้าทางเอก
สุดท้ายพูดตรงๆ มันไม่มีอะไรให้สับอะ สามตอนเอง ถ้าอยากเก่งขึ้น แนะนำให้เขียนให้เยอะกว่านี้ แล้วค่อยกลับไป ไปทำการบ้านเรื่องการเล่าเรื่องมาใหม่ เอ้อ การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม
คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3
คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย
ไปฝึกมาใหม่ โม่งฮูยังไม่สับให้ไปมากกว่านี้ คำว่าสับ มันมาจากหมูสับ (เหรอวะ) เอาเนื้อชิ้นใหญ่ๆ มาสับ สับให้ละเอียด แต่ตอนนี้ ที่โม่งฮูเห็นมีแค่เศษเนื้อ มันยังสับไม่ได้ว่ะ
ด้วยรัก ขอให้ประสบความสำเร็จ by โม่งฮู
>>109 ขอบคุณมากคุณโม่งฮู
ยอมรับทุกจุดที่ติมาเลย สารภาพว่าตอนนั่งเขียนก็รู้สึกว่าตัวเองใจร้อนมาก มันเป็นความรู้แบบอยากดำเนินฉากนี้ไปให้ไวๆ แล้วไปต่อตรงเนื้อเรื่องจุดอื่นต่อ แต่ก็ลืมคิดไปว่าคนอ่านมันไม่ได้รู้เรื่องกับเราด้วยนี่หว่า
เรื่องการบรรยายฉากอันนี้เราก็ง่อยมากอีก แทบจะไม่มีทักษะทางด้านนี้เลย มันคิดไม่ออกว่าควรใส่มาตรงไหน บรรยายประมาณไหนถึงจะพอดี แต่เราจะพยายามฝึกนะ
ขอบคุณคุณโม่งฮูอีกรอบค่ะ
ลองสับเรื่องนี้ไหมมึง ซูฉี สาวงามสีขาว
เราคือ >>100 เองนะ เราเป็นนักเขียนเรื่องสั้น มีผลงานได้ตีพิมพ์ไปพอสมควรแล้วล่ะ เท่าที่อ่านเจ้าของเรื่องสำนวนดีนะ การใช้คำและประโยคทำได้ดี ถ้าจะให้ติคงต้องติเรื่องการบอกลักษณะตัวละคร มันบ่อยเกินไป เช่น สีผม สีนัยน์ตา อะไรพวกนี้ ส่วนจังหวะการเล่าจริงๆ เร็วแค่บางจุด อย่างตอนวิ่งไปใกล้ถึงสี่แยกแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนจากอีกด้าน ต้องถามว่าด้านไหนเพราะด้านหน้ามีอยู่สามทางถูกไหม ยังไม่ได้ดุเนื้อเรื่องให้ว่าเบียวอย่างเขาว่าหรือเปล่า อ่านแค่บทนำต้องบอกว่าทำได้ดีทีเดียว
>>110 วิธีฝึกการบรรยายฉากทำได้ง่ายมาๆ นางต้องคิดตลอดเวลา ว่าตัวละครเห็นอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องใส่แม่มทุกอย่างที่เห็นนะ เอาลงมาในบทบรรยายทีละนิดก็ได้ แฝงๆ เอาไว้ทีละจุด
มีตัวอย่างมาให้
สมมติตัวเอกอยู่ในโรงอาหาร โต๊ะกินข้าวสีดำไม้เนื้อดี โรงอาหารเป็นห้องโถงเพดานสูง ตรงข้ามมีคนคุยเสียงดัง
"เห้อ วันนี้ก็สอบอีกแล้ว"
ฉันพูดออกไปขณะนั่งลงบนโต๊ะอาหารพร้อมกับฮินะ เสียงจานกระทบกับไม้เนื้อดีส่งเสียงทุ้ม
"อย่าบ่นไปเลยเรย์ วันนี้ศาสตราจารย์เซนก็บอกแล้ว คะแนนไม่ได้มากเท่าไรในการสอบนี้"
ฮินะพูด พลางเขม่นไปยังโต๊ะตรงกันข้าม ซึ่งกำลังมีเด็กปีหนึ่งส่งเสียงจ้อกแจ้ก ให้ตาย เธอคงจะรำคาญพวกเขาพอๆ กับฉัน
"ก็แหม เธอก็รู้ ว่าฉันไม่ได้เก่งวิชาอักขระปิศาจ" ฉันพูดพลางเงยหน้าขึ้นสูงถอนหายใจ มองขึ้นไปยังเพดานสูงของโรงอาหาร ที่ด้านบนมีภูติจิ๋วบินเล่นไล่จับกัน ดูแล้วน่าจะสนุกสุดๆ
ประมาณนี้ ด้นสด ลองเอาไปใช้ดูนะครับ
by โม่งฮู
>>107 เอาจริงมั้ย กูเคยไปสมัครหมวดนักเขียนของเด็กดีด้วย ตอนนั้นว่างงาน เพื่อนขำกันชิบหายว่าอย่างกูนี่นะไปสมัครเด็กดี ถ้าได้จริงจะตำนานในหลายๆ แง่มาก ตอนนั้นกูอยากทำอะไรขำๆ สุดท้ายเขาไม่รับกูนะ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรเหมือนกัน อาจกลัวกูลาออกไปทำสายแข็ง หรือกูไม่เหมาะกับงานเขาก็ได้ เพราะเขาถามว่าให้เชียร์แจ่มใสนี่ทำได้มั้ย กูหยุดคิดไปนิดนึงแล้วค่อยตอบว่าไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นงานก็ทำได้
มีความขำที่ว่าเขาถามว่ากูเคยวิจารณ์มั้ย ให้ไกด์นักเขียนจะทำได้หรือเปล่า สมมติมีนักเขียนที่พล็อตดี แต่ภาษาไม่ดี จะช่วยชี้ช่วยปรับปรุงได้มั้ย กูได้แต่หัวเราะหึๆ ตัดภาพไปที่ทีมงานเขาสิ คุณภาพมากๆ
ทั้งหมดทั้งมวลกูไม่ได้เจ็บแค้นนาจา เพราะกูสิงโม่งเด็กดีมาตั้งแต่มู้แรกแล้ว แฉคนก็ทำมาเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับเข้าทำงานแล้วมาพาลเขา กูไม่ได้กลัวโม่งแตกด้วย ขำๆ กันไป
ปล. กูเสนอเรื่องขอให้นิยายในเด็กดีเป็นระบบแท็กแทนหมวดหมู่ไปตอนนั้น โน้ตแม่งเสียมารยาทมากตอนสัมภาษณ์ เล่นจิ้มมือถือตลอด ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอ มีอตินที่ดูจะสนใจฟังในสิ่งที่กูพูด
>>116 กูไม่ชอบการที่เปิดมาด้วยอาณาจักรนี้ ตัวเอกสีผม สีตา นิสัยนี้ เลยนะ แต่กูขอค้านเรื่องการเขียนบรรยายยาวๆ ไม่ค่อยมีบทสนทนาแล้วกัน คือถ้าเขียนให้ดี มันก็ทำได้นะ มันเป็นสไตล์ที่กูใช้ด้วยแหละมั้ง
ยกงานเก่าที่ไม่มีวันได้เผยแพร่มาเป็นตัวอย่างแล้วกัน อันนี้เป็นการเปิดเรื่องของนิยายแฟนตาซีเรื่องหนึ่งของกู ที่รู้สึกว่าพล็อตเรื่องยังไม่ดีพอเลยโละทิ้ง
‘เคล็ดลับของการรมควันอยู่ที่การเลือกไม้’
เอลิกซ์รู้สึกเหมือนตอนนี้เขาเป็นขาหมูที่กำลังถูกรมควัน...ถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกนิดเขาก็คงจะสุกจนกลายเป็นแฮม...
เด็กหนุ่มเคยช่วยป้าเมย์รมควันสารพัดสัตว์อยู่หลายครั้ง ทั้งปลาเทราต์ ไก่งวง เป็ด และส่วนต่าง ๆ ของหมูตัวอ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาต้องเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางควันไฟแบบนี้เลยสักครั้ง...ถึงมันจะไม่ใช่ควันจากเนื้อไม้ แต่กลิ่นหอมเอียนจากกำยานผสานกับเสียงสวดแหลมสูงที่เกือบจะเป็นเสียงโหยหวนของเหล่านักบวชในชุดขาวก็ทำให้เขาประสาทเสียจนอยากจะกลายเป็นแฮมอบน้ำผึ้งขึ้นมาจริง ๆ
แค่สวดเฉย ๆ ไม่พอเหรอ...ทำไมต้องจุดกำยานรมควันกันด้วย...
สามวันแล้วที่เอลิกซ์ถูกรมควันในพิธีอวยพรจากศาสนจักรแห่งแสง ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะควันหนาทึบ แสบตาเสียจนน้ำตาจะไหลเอ่อออกมาอยู่รอมร่อ แสบจมูกเสียจนไม่รู้สึกว่าเคยมีจมูกไว้หายใจ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะเข้าร่วมเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่ามีใครดันบ้าจี้ตั้งกฎให้ทุกคนที่เข้าร่วมขบวนตามหาตัวเจ้าชายเกเบรียลต้องผ่านการอวยพรจากเหล่านักบวชในทุกเช้า และใครที่ว่านั่นดันเป็นเจ้าชายรัชทายาทอันดับสองแห่งอาณาจักรอาริไพน์
มีนิยายเรื่องไหนที่ติดท็อปได้โดยไม่ลงทุกวันบ้างป่าววะ
มีเรียนมีงาน ไหนจะต้องมานั่งแก้ขัดเกลาอีก จะให้เขียนลงทุกวันคงเหนื่อยตาย 555
กูขอเปิดประเด็นหน่อย ไหนๆ โม่งฮูก็กล่าวไว้ใน >>109 นิดๆ แล้วว่า "การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม
คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3 คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย" เพราะงั้นกูเลยอยากขอคำชี้แนะจากพวกมึงทุกคนหน่อย คือกูเคยแต่งนิยายเรื่องนึง ตัวเอกเป็นผู้หญิง ใช้การบรรยายแบบบุคคลที่ 1 ก็ไม่มีปัญหาอะไรจนกูจะมาแต่งเรื่องที่สอง กูพบว่ากูมีไทป์คาร์ตัวเอกหญิงที่กูรำคาญเยอะมาก ถ้าไม่ใช่นางเอกแบบนิยายเรื่องแรกของกู กูจะทนอินเนอร์ไม่ได้เลย (นางเอกเรื่องแรกกูออกแนวลุยๆ ห้าวๆ หน่อย) ทำให้เหมือนกูมีไทป์นางเอกที่เขียนได้เพียงไทป์เดียวเท่านั้น เพราะงั้นนิสัยนางเอกในนิยายทุกเรื่องของกูมันก็จะซ้ำๆ คล้ายๆ กัน เลยอยากจะถามเพื่อนโม่งว่า พวกมึงคิดยังไงถ้านักเขียนคนนึงเขียนนิยายหลายเรื่อง แต่ตัวเอก(ในกรณีที่เป็นเพศหญิง) จะคล้ายๆ กันไปหมด ต่างก็แค่พล็อตเรื่องและelementอื่นๆ เท่านั้น ?
ปล. อันที่จริงกูถนัดเขียนผ่านมุมมองตัวเอกชายมากกว่า แต่อยากฝึกเขียนตัวเอกหญิงให้มากกว่านี้ ก็เลยมาถามน่ะ
ปล2. กูลองเขียนมุมมองบรรยายแบบบุคคลที่ 3 มาพอสมควรแล้ว พบว่าตัวเองเขียนแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ได้ดี และชอบมากกว่า
โม่งเฮ
>>128 คือเรื่อง lost แฟนคลับเก่าเยอะอยู่ตามฐานะนักเขียน
ส่วนหน้าใหม่
กูตามเซนมาแต่แรก ปกติไม่ได้ลงทุกวัน ช่วงไรท์ขยันคือ 3 วันมาตอน นานๆทีถึงจะมีลงต่อกัน2วันติด
เรื่องนี้ไต่อันดับมาช้าๆแบบขยับมาเรื่อยของหน้าใหม่ แต่พอเข้าอันดับท็อปก็อยู่ยาวแบบเรื่องท็อปในตอนนี้
เพราะมีคนอ่านติดตามแล้วนั่นเอง
แต่หลังจากเป็นเล่มแล้วก็หายๆมาๆ ตามแบบที่นักเขียนได้ตีพิมพ์
กูเห็นมีนักเขียนในเด็กดีหลายคนบอกว่าค่อนข้างยากที่ติดท็อป แต่พอติดแล้วแฟนคลับจะมาเองแบบเป็นเท่าตัวไปเรื่อยๆ
>>127 กูคือโม่งอารี และอย่างที่มึงรู้ กูไม่ชอบการเขียนแบบบุคคลที่ 1
มันมีหลายเหตุผล แต่เหตุผลสำคัญสำหรับกูคือการเขียนมุมมองบุคคลที่ 1 มันจะทำให้มิติของตัวละครอื่นทีไม่ใช่ตัวเอกหายไป เพราะแน่นอนว่ามันจะไม่มีการบรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นเลย เว้นแต่จะเขียนบุคคลที่ 1 แบบสลับไปมา บทนี้เป็นพระเอก อีกบทเป็นนางเอกนำเรื่อง
จึงเห็นได้บ่อยครั้งว่า นิยายที่เดินเรื่องด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 จะมีตัวเอกซึ่งเด่นมาก(และพูดมาก) และนักอ่านมักจะจำรายละเอียดปลีกย่อยของตัวละครเอกตัวนั้นได้เพียงตัวเดียว แต่ก็แน่นอน สำหรับนักเขียนที่เขียนบุคคลที่ 1 เก่งๆ ก็จะสามารถใส่ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นผ่านการแสดงออกทางสีหน้าแววตา คำพูด หรือแม้แต่การให้ตัวละครเอกคาดเดาความรู้สึกของตัวละครอื่นที่กำลังสนทนาด้วย เช่น 'ข้าเห็นมุมปากของเซโร่ยกขึ้น หนอย เจ้าหมอนั่นมันต้องแอบหัวเราะเยาะข้าอยู่ในใจแน่ๆ'
กูมองว่า การเขียนแบบบุคคลที่ 1 จะช่วยดึงอารมณ์ร่วมจากนักอ่านได้มากกว่า เพราะแน่นอนว่าบทบรรยายโดยส่วนใหญ่เป็นความนึกคิดของตัวเอก (หรือบรรยายฉากจากความรู้สึกของตัวเอกอีกที) ทำให้ภาษาที่ใช้ค่อนข้างง่าย (หรือมีใครคิดในใจว่า 'พลันเจ้าอวชาตบุตรผู้ประกอบไปด้วยรัตนทั้งเก้าก็ปลาสนาการไป') คือมันง่ายต่อการ self insert อะ อ่านเพลินๆเลย
ส่วนเรื่องคาแรคเตอร์ตัวละครคล้ายๆกัน ถ้ามันสนุกก็อาจมองข้ามไป แต่ถ้ามันหลายเรื่องเกินก็อาจด่าว่าเอาแบบนี้อีกแล้วเหรอวะ นำไปสู่การเดาทางถูกและเบื่อ แต่ถ้ามึงเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงก็จะมีคนเอาเรื่องนี้มานินทาในโม่งเอง จบข่าว
นักเขียนแฟนตาซีไทยนี่ มีใครที่เขียนดีๆบ้างวะหรือในเด็กดีก็ได้ แบบเขียนดีๆพอให้กูใช้ศึกษาได้น่ะ พวกมึงพอผ่านตาย้างป่าววะ
>>127 กูโม่งเรื่องสั้น(ชื่อนี้เพิ่งมีสมาชิกโม่งตั้งให้ตอนเย็นเมื่อกี้) ความจริงแล้วการเขียนนิยายด้วย บุรุษที่หนึ่งหรือแม้กระทั้งบุรุษที่สอง(ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮมจะรู้) มันก็เขียนได้แหละแต่กูพูดจริงๆ ว่ามันยากมากที่มึงจะดันไปจนจบเรื่องได้ มันมีโอกาสที่จะเกิดอาการตันสูงเพราะการมองจากบุรุษที่หนึ่งเราเห็นแค่ท่าทางหรือสีหน้าของตัวละครอื่นๆ มันจะเกิดอาการไม่อินกับเนื้อเรื่องเพราะทำได้แค่เดาความคิดตัวละครพวกนั้น แล้วพอคนอ่านรับรู้นิสัยตัวอื่นจากการเดาของตัวเอก ถ้ามึงสามารถเขียนให้คล้อยตามตัวเอกได้ก็รอดไป แต่ถ้าไม่ได้คนอ่านมันจะต่อต้าน ประมาณว่าใช่เหรอคนแบบนั้นมีจริงเหรอ มันจะทำแบบนั้นจริงเหรอ อะไรทำนองนี้ ถ้ายิ่งคนเขียนเป็นพวกโลกสวยแล้วดันไปเขียนแนวต้องใช้เหตุผลมากๆ กูรับประกันเลยว่าตายอนาถ(มาก)
ดังนั้นการเขียนมุมมองที่หนึ่งจึงเหมาะกับการเขียนเรื่องสั้นมากกว่า เพราะมันมีไม่มีกี่ฉากไม่กี่ตัวละคร แต่นั้นมันก็ยากไปคนละแบบกับนิยายเพราะเรื่องสั้นมึงต้องเฉียบคมมาก เพราะต้องเขียนให้คนอ่านรู้เรื่องแค่ไม่กี่ตัวอักษร จะเสียเวลาพรรณาฟองเบียร์กระฉอกจากแก้วที่กระทบกันไม่ได้
ถ้าให้แนะนำ ไม่แน่จริงอย่าเขียนนิยายด้วยมุมมองทีหนึ่งเลย เชื่อกู
กูโม่งฮู บุรุษ1 ดีๆ กูแนะนำ คนคืนชีพหนังสือ กูว่าดีเลยล่ะ
บุรุษที่หนึ่งคือ ชายแท้
บุรุษที่สองคือ ชายไบ
บุรุษที่สามคือ ชายที่สาม
ทำไมนิยายหมวดอดีตต้องนางเอกซูเทพทรูด้วยวะ แม่งกูจงใจเขียนประชดนางเอกไม่เก่งเทพ พ้อยต์เรื่องแบบนางเอกไม่โชว์เทพแน่นอน โฟกัสเรื่องอื่น ก็มีคนเม้นท์ว่าเมื่อไรนางเอกจะเทพ ว้อทททท
>>129 กูอ่านงานคนอื่นที่บรรยายผ่านมุมมองคาร์ไทป์ที่กูไม่ชอบ มันก็ทำให้กูรำคาญอยู่ดี หรืออาจเพราะกูยังไม่เจอฝีมือดีๆ ก็ได้ มึงพอจะมีนักเขียนคนไหน หรือเรื่องไหนแนะนำมั้ยฮู? เอาเป็นเรื่องที่บรรยายผ่านนางเอกประเภทใสๆ ขี้ตกใจ แบ๊วๆ แบบไม่รู้เชี่ยไรเลย แล้วต้องจับพลัดจับพลูมาดีลกับเรื่องสำคัญๆ เงี้ย คือกูอยากลองเขียนคาร์แบบนี้ไม่ให้น่ารำคาญ แต่สุดท้ายกูก็รำ เลยเป็นด่านที่กูเอาชนะไม่ได้สักที แล้วที่รุ่นพี่มึงบอกว่า "อย่าให้มันบ่นเยอะ" นี่เขามีขยายความบ้างมั้ยวะ ถ้าตัวเอกมันต้องคิดต้องวิเคราะห์อะไรสักอย่าง มันก็ปกติไม่ใช่เหรอถ้าจะมีบ่น โดยเฉพาะถ้ามันไม่ได้ฉลาดอะไรมาก? หรือต้องใช้วิธีให้คาร์โง่ๆ ไปเลยแล้วกระตุ้นให้ตัวละครแวดล้อมคิดแทน บ่นแทนอ่ะ?
>>130 นั่นสิ เป็นกูกูก็เบื่อ กูถึงอยากเอาชนะตัวเองให้เขียนคาร์หลายๆ แบบให้ได้เนี่ย
>>131 กูเห็นด้วยนะว่าการคุมไม่ให้ตัวเอกรู้ทุกอย่างยังกับพระเจ้านี่ยากอยู่ นิยายในเด็กดีหลายเรื่องที่กูอ่าน พอเจอว่าตัวเอกแม่มรู้เห็นทุกอย่างเช่นอิเรื่องฟองเบียร์แตกนั่น กูก็ปิดเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วกูยังไม่เคยเจอปัญหานี้ เพื่อนกับนักอ่านกูบอกว่ากูคุมได้โอเคอยู่
>>134 กูรอมึงอยู่เลยอารี เพราะจำได้ว่ามึงไม่ชอบบรรยายบุคคลที่หนึ่ง 55555 ที่มึงพูดมานั้นกูเห็นด้วย เพราะเขียนด้วยบุคคลที่หนึ่ง มันก็เหมือนตัวเอกเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง คนอื่นเลยกลายเป็นแค่ดาวที่โคจรอยู่รอบๆ กูไม่ชอบให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก็เลยพยายามให้ตัวละครอื่นแสดงออกทางสีหน้าแววตา แล้วให้ตัวเอกเดาความคิดคนอื่นบ่อยๆ ตามที่มึงยกมานั่นละ
ส่วนเรื่องโยกมุมมองไปให้พระเอกหรือตัวละครอื่นบรรยายบ้างนั่นกูไม่ค่อยใช้ เพราะหลายคนแนะนำมาว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าสลับมุมมองจะดีกว่า แล้วก็ที่มึงบอกว่าบุคคลหนึ่งทำให้ self - insert ง่าย กูก็เห็นด้วยเช่นกัน ที่กูเลือกเขียนมุมมองแบบนี้ก็เพราะอยากให้คนอ่านรู้สึกอินเหมือนตัวเองเป็นตัวเอกนั่นละ ใช้ภาษาไม่ต้องซับซ้อนมากแบบที่มึงบอกด้วย
สุดท้ายเรื่องคาร์ซ้ำ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ที่กูจะมีชื่อเสียงขนาดนั้น แต่กูไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเขียนคาร์เป็นแค่แบบเดียวอยู่ดี เลยต้องมาถามพวกมึงนี่แหละ ขอบใจมาก (มึงทำให้กูอยากกลับไปฝึกเขียนมุมมองบุคคลที่สามเลยว่ะ มาสายบุคคลที่หนึ่งจนชักจะเขียนบุคคลสามไม่เป็นละ)
โม่งเฮ
>>138 หวัดดีโม่งเรื่องสั้น กูเป็นคนที่เขียนเรื่องสั้นโคตรไม่ได้ความเลย...ไม่เคยเขียนสำเร็จเลย เฉียบไม่พอ เห็นด้วยว่าการจะดันให้ถึงตอนจบเรื่องนั้นยากมาก กูก็ตันเป็นพักๆ เหมือนกันเพราะบางครั้งก็คิดไม่ออกว่าจะให้ตัวเอกมันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฟระ T v T กูเลยใช้วิธีสร้างตัวละครแวดล้อมที่ค่อนข้างจะเอื้อให้ตัวเอกสามารถรู้เรื่องนั้นๆ ได้เอาน่ะ(จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่ามันช่วยตัวเอกมากไปเปล่า พยายามระวังอยู่) แล้วก็ที่มึงบอกว่าถ้าไม่แน่จริงอย่าเขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งดีกว่า...อันนี้กูแน่ใจว่าฝีมือกูอ่ะไม่แน่จริง แต่กูแค่อยากฝึกดูน่ะ ไม่อยากให้อะไรที่ตัวเองทำได้ไม่ดี ก็ไม่ดีอยู่แบบนั้น ถ้าพัฒนาได้ก็อยากพัฒนา T v T (แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ากูจะเขียนบรรยายบุคคลที่สามไม่ได้แล้ว แป่ว)
ปล. กูก็อยากเอาชนะความกากในการเขียนเรื่องสั้นของกูเหมือนกัน มึงทิ้งเคล็ดลับไว้ก็ได้นะ เผื่อกูเอาไปลองปรับใช้ดู
ปล2. มุมมองบุคคลที่สองแบบเชอร์ล็อคโฮล์มส์นั่นกูก็สนใจเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ กูว่าเขียนยากที่สุดในบรรดาการบรรยายทั้งหมดเลย
โม่งเฮ
>>145 ไม่สับแล้วกัน เอาเป็นขอพูดถึงในแง่รวมๆ ลักษณะการเขียนของคนเขียนโอเคเลย ดูราบเรียบ เหมาะกับนิยายที่มีนางเอกประมาณนี้ แต่กูรู้สึกถึงความย้อนแย้งหลายจุด ไม่ชอบความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเนื้อเรื่อง ที่เอาเรื่องนางเอกฝึกธรรมเป็นคำอธิบายไปหมดทุกเรื่อง
เช่น นางเอกดูฝึกธรรมปีเดียวก็บรรลุ ประหนึ่งว่าเป็นแม่ชีบวชเรียนมานาน ทำตัวบริสุทธิ์แต่แดกดันน้องห้า ตาทิพย์คืออะไร จู่ๆก็โผล่มา พ่อไม่ปกป้องลูก พอลูกเรียกร้องจะเรียนก็ตามใจ ตกลงอะไรยังไง นางเอกตัดกิเลสแล้วแต่ร้องไห้พอคิดถึงซิง มันตัดตรงไหนวะ แล้วการเป็นนักเขียนนิยายมีจินตนาการกับการฝึกธรรมที่อยู่กับความเป็นจริงมันตรงข้ามกันมะ พอฝึกธรรมแล้วสกิลนักเขียนจิตนาการยังบรรเจิดอีก มันค่อนข้างจะขัดกันในความรู้สึกกูนะ แล้วเหมือนเขาพยายามยัดเยียดให้นางเอกบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นสีขาว ทั้งที่จริงๆ ก็ยังมีกิเลส กูอ่านแล้วก็ติไป กระอักกระอ่วน เลยเหมือนอกหัก ไม่ค่อยถูกใจว่ะ
กูอ่านนิยายหมวดอดีตอยู่หลายเรื่อง พวกนี้เป็นนิยายที่กูอ่านแล้วปวดเฮด สงสัยว่าคนอ่านเยอะได้ยังไง เขาคิดอะไรกันอยู่ อยากแชร์ อีผี ใครอยากปวดกะโหลกก็อ่านดู กูไม่ได้สับ กูรีวิวความเกลียด
เหมยฮวา ธิดาหมื่นพิษ https://writer.dek-d.com/deviltotime/story/view.php?id=1513386
เกลียดความเชยแบบเหี้ยๆ ที่เขียนไปจู่ๆ ก็มีแบบ (ฉลาดจังนะ//ไรท์) เกลียดเนื้อเรื่อง เกลียดความไม่สมเหตุสมผล เกลียดที่ขอพรจากพระเจ้าให้มีความทรงจำ ให้มีพลังเหนือกว่าทุกคน ให้ฉลาดที่สุดในโลก แล้วพระเจ้าเสือกให้ เกลียดที่ไม่เขียนบรรยายเหี้ยอะไรเลย เกลียดที่บางตอนสั้นขนาดไม่ต้องสไลด์เม้าส์... เอาคะแนนไปเลยแปดผีเต็มสิบ
หงเยว่เฟยซิง ยอดสนมแห่งวังหลัง https://writer.dek-d.com/tanzanaza/story/viewlongc.php?id=1509967
เกลียดการเขียนที่อยู่ๆ ก็แทรกตัวเอนเป็นความคิดเข้ามา เกลียดการใช้เครื่องหมายคำพูดผิดๆ เกลียดนะค่ะ! เกลียดที่เขียนๆ ไปก็มี what the! very sad แทรกมา เกลียดนางเอกที่เป็นคณิกาแต่เสือกชื่อสี่พยางค์ ให้แปดผี
จอมนางเคียงบัลลัง https://writer.dek-d.com/daraga01/story/view.php?id=1520934
เกลียดที่สะกดว่าบัลลัง เกลียด O_O ที่เยอะกว่านิยายแจ่มใส เกลียดถามความเห็นฉันก่อนไหมค่ะ เกลียดพาไปด้วยได้ไหมเจ้าค่ะ เกลียด 5555 ในเรื่อง เกลียดความบ้าผู้ชายที่บ้าอยู่นั่น เกลียดกรี๊ดๆ คนนี้หล่อจัง คนนั้นหล่อดี เกลียดเครื่องหมายคำพูดที่เดี๋ยวใช้ถูกเดี๋ยวใช้ผิด สับสนเหรอ เอาไปเก้าผี ผีผีผีผีผีผีผีผีผี
อลหม่านป่วนใต้พิภพอลเวง https://writer.dek-d.com/garnet-t/story/view.php?id=1500102
นิยายในตำนานโม่งมั้ยล่ะมึง เกลียดปิรันย่า เกลียดพ่อมัน เกลียดแม่มัน เกลียด... ให้เก้าผีเหมือนกัน
เอาแค่นี้ก่อน เจออีกจะมาบ่นใหม่
กูโม่งฮูนะ อีกราวๆ สามสี่วันมั้ง จะส่งนิยายลงหมวดอดีต ปัจจุบัน สักเรื่อง พวกมึงให้กำลังใจกูหน่อย
โม่ง(นก)ฮู(ก)
โม่งตระกูล ฮ นี่โผล่กันตรึมเลยนะ กูเปลี่ยนจากฮิเป็นห๊ะ ได้มั้ย
กูโม่งเซฮุน
กลับไปเรื่องมุมมองบุคคลที่ 1 นิดนึงนะ
ถ้าใช้สลับกับบุคคลอื่นละ กูกะเขียนให้พระเอกการกระทำ (ภายนอก) กับความคิด (ภายใน) สวนทางกัน การบรรยายบุคคลที่ 2 - 3 จะมองพระเอกว่าดีไปหมด เป็นเทพเจ้ามาจุติ แต่บุคคลที่ 1 หรือก็คือพระเอกจะมีแต่ความคิดโฉดชั่วเลวทรามตลอดเวลา และเจ้าตัวก็รู้ดีด้วย เลยแสดงออกแบบนี้
แล้วกูกะจะวางทริคไว้ด้วย ถ้าเป็นบุคคลที่ 1 พระเอกจะบรรยายอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าพระเอกจะคิดให้ตัวเองดูดี "ชอบธรรม" เสมอ แต่บุคคลที่ 3 จะมองพระเอกอีกแบบ ชี้นำชัดเจนว่าพระเอกเป็นนคนดี ทำเพื่่อคนส่วนใหญ่ สิ่งนี้ดีแล้ว ถ้าไม่อ่านบุคคลที่ 1 ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่พระเอกทำมันเหี้ยแค่ไหน ส่วนบุคคลที่ 2 ก็จะคิดกันไปคนละแบบว่าพระเอกเป็นคนยังไง เพราะเคยเห็นโฉมหน้าของพระเอกต่างกันนะ
กูคิดว่าจะใช้บุคคลที่ 1 แค่ตอนให้พระเอกบรรยายแผนเหี้ยๆ ในหัวตอนที่อย่างจบแล้วหรือใกล้จบ เพื่อให้คนอ่านรู้ว่าที่ผ่านมามันดักควายยังไง ตอนนี้ทดลองเขียนแล้ว กูพบว่าที่ยากที่สุดคือการแบ่งแยกว่าเป็นมุมมองบุคคลไหนให้แน่ชัดวะ แล้วต้องปรับสำนวนไปมาอีก ค่อนข้างเหนื่อยแต่คิดว่าน่าจะรอด มั้งนะ
เห เห็นแยกบุคคลที่1,2,3 ช่วยแยกให้โม่งตาดำๆ ฟังหน่อย(หมายถึงข้อดีข้อเสียไง เพราะโม่งหลายคนบอกไม่เข้าท่า)
แล้ว MSO นี้ใช้แบบไหนอ่า
มีน้องอยากจะปรึกษาชีวิตหน่อย ไหนๆมีคนตกม้าตายไม่กี่ตอนแรก ช่วยทำวินิฉัยให้น้องทีว่าเป็นเพราะอะไรกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3692930/
นี่นิยายเรื่องแรกของน้อง
https://my.dek-d.com/Teenladyboy/writer/view.php?id=1528257
>>165
1. เกลียดอักษรสีชมพู ชมพูเข้ม ฟ้า แล้วป้ายขาว เกลียดที่มันไม่เป็นมิตรต่อสายตา
2. เกลียดการเขียน เกลียดการเรียบเรียง เกลียดการบรรยาย เกลียดการดำเนินเรื่อง เกลียดที่เขียนยาวเป็นพรืดแล้วไม่รู้ว่าเนื้อความคือตรงไหนกันแน่
3. เกลียดลักษณะการเขียนที่ไม่ใช่นิยาย นึกว่าหัดเขียนบทละคร
4. เกลียดการจู่ๆก็บอกว่าตัวละครนี้ขาว ปากแดง ดัดฟัน น่ารัก
5. เกลียดการใช้เครื่องหมายผิดๆ วงเล็บที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม
สรุปคือห่วย ไม่มีวันที่กูจะอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะซิส ไม่มีวันที่กูจะทนได้ถ้ามึงยังเขียนแบบนี้ อ่านไปก็งง ไม่เข้าใจ มันไม่ใช่นิยายด้วยซ้ำ ไปอ่านมาเยอะๆ จะได้รู่ว่าเขาเขียนกันยังไง
ใครบอกทางให้มันมาโม่งว่ะ ใครเอามู้นี้ไปปล่อย เด็กจัดขนาดนี้ไม่น่าโผล่ดาร์กเวิลด์มาได้ด้วยตนเอง
Haters gonna hate
>>164 สั้นๆ บุคคลที่หนึ่งคือการเล่าเรื่องของตัวละครผ่านมุมมองของตัวมันเอง เช่น 'เสียงไก่ขันปลุกให้ข้าตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ หนอยแน่เจ้าไก่บ้า ไม่รู้หรือยังไงว่าเมื่อคืนข้าแทบไม่ได้นอน ประเดี๋ยวพ่อจับต้มให้หมดเล้าเสียเลยนี่'
ข้อดี: คนอ่านอินกับตัวละครง่าย ข้อเสีย: การอธิบายถึงสิ่งไกลตัวทำได้ยาก เพราะมองผ่านมุมมองของตัวเอก ถ้าตัวเอกไม่รู้เรื่องอะไร ก็จะอธิบายออกมาไม่ได้เลย เช่น เหตุการณ์กลางสนามรบ ตัวเอกก็จะรับรู้แค่การต่อสู้ตรงหน้า ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสถานการณ์จริงๆมันเป็นยังไง
บุรุษที่สอง อันนี้ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮล์มจะเข้าใจดี เป็นการบรรยายตัวละครเอกโดยตัวละครอื่นอีกคน เช่น 'จูเลียนเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์กรอบเช้า เมื่อเห็นข้าพเจ้าเขาก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี "อรุณสวัสดิ์จอร์จ" เพื่อนสนิทของข้าพเจ้ากล่าวทักทาย "เมื่อคืนนี้มีสุภาพบุรุษจากคิวบาคนหนึ่งมาหากัน เขาทิ้งซิการ์อย่างดีกล่องหนึ่งไว้นั่นแน่ะ แกลองชมดูซี" '
ข้อดีข้อเสียไม่พูดถึงแล้วกัน ไม่ค่อยแน่ใจ และปกติก็ไม่เห็นคนนิยมเขียนแนวนี้เท่าไหร่นะ
ส่วนบุรุษที่สามก็ที่เห็นกันบ่อยๆ บรรยายฉาก บรรยายลมฟ้าอากาศด้วยมุมมองของพระเจ้า 'เสียงกระดิ่งยามต้องลมปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา เธอจ้องมองเพดานที่ถูกแสงตะวันอาบจนเปลี่ยนเป็นสีส้ม ในใจยังคำนึงถึงชายหนุ่มที่เธอพบพานในความฝัน'
ชาย2 เหมาะสำหรับแนวนักสืบที่สุดและล่ะ เอาไว้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดเหตุ คาดเดาการกะทำซูๆ ของตัวเอก ถ้าเป็นการ์ตูนก็เหมือนมุมมองตัวพระรองที่คอยตามพระเอกดูโชว์เทพไปเรื่อยๆ
พูดถึงบุรุษที่สอง กูนึกถึงเรื่องที่ใช้บุรุษที่สองที่เคยอ่านครั้งแรก เรื่อง The Great Gatsby (ชื่อไทย:รักเธอสุดที่รัก)
บุรุษที่สาม นี้ถ้าละเอียดมากเกินไปก็ไม่ดี(อาทิ ฟองเบียร์) ไม่ละเอียดก็ห้วนไปอีก(กูเป็นประเภทนี้แหละ เขียนให้มันพอดีไม่ได้ ห่วย)
>>132 อยากบอกว่าอกหักเหมือนกันสำหรับเรื่องนี้ อยากจะขอสับ 淑慈 ซูฉี สาวงามสีขาว https://writer.dek-d.com/jnanalin/story/view.php?id=1518923
อย่างแรกเลยคือนิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องได้มาน่าสนใจตรงที่คาแร็กเตอร์ของนางที่สวนกระแสกับนิยายจีนที่ลงกันอยู่ในเด็กดีตอนนี้ที่จะเป็นประเภทแบบว่าใครร้ายมาฉันร้ายตอบ มึงทำกูๆจะเอาคืนมึงสิบเท่า มีคำโปรยที่บอกว่า"และนั้นก็คือเรื่องราวของซูฉี ผู้มีใบหน้าอัปลักษณ์ แต่จิตใจกลับงดงามยิ่งนัก" แล้วในบทแรกๆที่นางตื่นขึ้นมาในร่างของคุณหนูสี่ ก็มีคนมาว่านางร้ายใส่นางก็ดูแบบว่ามีเหตุผลเป็นคนดี(แต่เหมือนบ่นอยู่ในใจคนเดียวมากกว่าเวลาคนแต่งพยายามทำให้นางเป็นดีคิดอย่างมีเหตุมีผล)แต่กลับมีเหตุพลิกผันตรงช่วงที่นางตกหน้าผาไปตรงช่วงนี้เหมือนคนแต่งจะเริ่มคุมคาแร็กเตอร์ของนางไว้ไม่ได้ตามมาตราฐานตอนแรก เพราะตามที่เราเข้าใจในตอนแรกคือนางเอกเป็นคนดีจิตใจงดงามมีเหตุผลอะไรประมาณนั้นแต่ช่วงนี้เหมือนมันเริ่มหลุดๆไปนิสัยดูเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นข้างตีนนิดหน่อยดูไม่สงบแบบตอนแรกเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ดูงี่เง่า สำหรับการบรรยายเราคิดว่าลื่นไหลพอใช้ได้และมีการหาข้อมูลมาสำหรับบางส่วนแต่จะชอบติดตรงที่ว่าคิดจะให้ผ่านไป 2 ปีก็ผ่านไปสะงั้น อ่าวอิห่าอยู่ดีๆผ่านไปอีกช่วงอีกแล้ว อ้าวมึงสวยแล้วหรอตอนไหนว่ะแล้วช่วงเวลาตัดผ่านเราคิดว่ามันไม่ดูไม่ลื่นพอกูอยากไปกูก็ไป ตอนนี้เนื้อเรื่องยังไม่ดำเนินไปไหนไกลแต่คิดว่าอีกไม่นานคงออกทะเลเป็นแน่แท้ (......./10)
ขอมาสับนิยายที่กูดองเอาไว้ ยุทธการครองรัก (猫头鹰) https://writer.dek-d.com/pingypop/story/view.php?id=1424658
เรื่องนี้ต้องขอโทาอย่างหนึ่งคือกุยังไม่ได้อ่านแบบรูปเล่มเต็มๆจะขอพูดถึงเท่าที่นักเขียนลงในเว็บ
เรื่องนี้จะเกี่ยวกับการทำสงครามมีการปูเรื่องมีปมหลังมาอย่างดี แต่จะมีการยืดเยื้อในช่วงแรกๆเพื่ออธิบายถึงตัวละครที่เกี่ยวข้องกับนางเอกก่อนที่จะหนีมาและปูมหลังของนางเอก เท่าที่อ่านมานางเอกกับพระเอกก็ยังไม่ได้โชว์กึ๋นในด้านการรบอะไรมากนัก แต่จะมีฉากหนึ่งที่นางไปช่วยเมืองอะไรสักอย่างนี้แหละทำอุบายศึกเพราะเจ้าเมืองเสือกโง่ไม่รู้ว่าจะทำให้กลไกที่ปกป้องเมืองทำงานยังไงเเราว่าตรงนี้ถึงจะเป็นฉากสั้นๆไม่ถึงพริงถึงขิงแต่ก็ทำได้ดีอยู่ จากนั้นนางเอกก็ยืดเยื้ออยูในจวนพระเอกไปไม่รูว่าเมื่อจะออกสนานรบแบบจริงๆจังๆสักที
>>175 นายๆ ผมนกฮูกเอง ช่วยสับนิยายจีนเราได้ไหม แต่มีแค่สามตอนนะครับ ผมกำลังพยายาม
https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=1529795
หรือน้อยไปไหมครับ รบกวนด้วยนะครับ
ต่ออีกเรื่องวันนี้มีอารมณ์ ฝนโลหิตคาววายุ ร่วมรื่นรมย์ชั่วคราว https://writer.dek-d.com/satancrow/story/view.php?id=1434938
สำหรับเรื่องนี้มาเปิดอ่านแบบไม่ได้คาดหวังอะไรนักอ่านไปตอนบทแรกๆก็ไม่ได้อะไรมาก นางเอกความจำเสื่อมแล้วพระมาเจอก็สนใจนางเอกคิดจะเก็บเอาไว้ใช้งานเลยวางยาพิษนางเอกตอนดำเนินเรื่องแรกๆก็เหมือนไม่มีอะไรอยู่ไปวันๆโดนพระเอกจิกหัวใช้งานทั่วไปแต่พอยิ่งมันกลับมีอะไรที่มากกว่านั้นนักเขียนวางปมวางเหตุผลได้ดีพอสมควร คือเป็นพระเอกที่เหี้ยจริงๆวางแผนหลอกใช้นางเอกได้อย่างคุ้มค่ามากมายนางเอกก็รู้เต็มอกละว่าเค้าหลอกใช้แต่ก็คิดว่าต่างคนต่างมีผลประโยชน์ มีฉากหนึ่งที่เราชอบมากกกกตอนที่นางเอกโดนจับตัวไปทรมานอิห่าคือแม่งโดนทรมานจริงแบบโรคจิตมากด้วยโดนถอดเล็บ ไฟจี้ ซ้อมสารพัด สุดท้ายโดนแล่เนื้ออกมาทั้งที่ยังรู้สึกอยู่แล้วก็โดนจับแก้ผ้าให้คนอื่นมารุมดู ห่านี้นางใช่นางเอกไหมว่ะแล้วพระเอกกูละสุดท้ายพระเอกมาช่วยตอนนางเอกฆ่าไปจะหมดพรรคไม่พอพระเอกยังให้นางรออยู่ที่ห้องทรมานเพื่อให้คนอื่นตามมาเห็นว่าพรรคนี้แหละที่จับนางเอกมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการจำกัดทิ้งซะใช้งานจนคุ้มค่าจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ แล้วนางเอกเวลาที่บาดเจ็บจนใกล้ถึงชีวิตจะโดนจิตมารคอบงำนักเขียนบรรยายออกมาโรคจิตดีมากเลยนางเอกจะกลายเป็นพวกชอบความเจ็บปวดและปูมหลังของนางเอกที่น่าติดตาม แต่ในเรื่องความรักเราว่ามันยังดูสับสนวุ่นวายอยู่มากทั้งการให้เหตุผลที่ทำไมพระเอกเป็นคนอย่างนี้อยู่ๆจะมารักนางเอกง่ายๆเลยใช่หรอมันยังดูเข้าไม่ถึงพอ
>>177 แต่ลองไปอ่านดูมาอาจจะไม่ได้เขียนอะไรมากนะ ไม่รูว่าจะเขียนเอาฮาอย่างเดียวหรือเปล่าแต่ว่าถ้าจะเขียนเรื่องในวังต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ทั้งตำแหล่งชื่อเรียกแล้วก็การแทนตัวเอง และก็การปฏิบัติตัวซึ่งในมุกเราว่ามันไม่เหมาะกับแนวจีนเลยอะ "นางชื่อจริงๆ ว่าจิงๆ" มันเหมือนนิยายเด็กน้อยเขียนอะ
ถามหน่อย มี่ยังเล่นโม่งอยู่ไหมวะ?
https://writer.dek-d.com/bi26678/story/view.php?id=1530390
ไอเดียดี แต่กูสยองว่าจะมีดราม่าอย่างทศกัณฑ์หยอดขนมครก
มีนิยายไหนสู้กันมันส์ๆให้กุอ่านะปะวะ
ช่วงนี้เห็นเพจแนะนำนิยายเด็กดีหลายเพจ เลยคิดว่าน่าจะไปสร้างเพจของตัวเองสักเพจนึง แล้วก็ไปสรรหานิยายแปลกๆ ในเว็บมาแปะ พร้อมการรีวิวสั้นๆ พวกมึงว่าจะโอไหม
จากนั้นถ้าเพจเกิดดัง มีคนไลค์สักหลักพันขึ้น อาจเปิดขายโฆษณา รีวิวในแง่บวกแลกทรูมันนี่ ฮรี่ๆๆๆ
ดีปะวะ
ห้องนี้เป็นกระแสพราะโม่งคนหนึ่งลากนิยายของพริมณารามาสับ(ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าโม่งคนนั้นเป็นใคร) จากนั้นโม่งอารีที่มีสกิลไม่แพ้โม่งคนแรกก็ถือกำเนิด ตามมาด้วยโม่งฮิและโม่งเฮ น้องใหม่สุดน่าจะเป็นโม่งฮู และกูโม่งเรื่องสั้นแวะมาเป็นครั้งคราว โดยส่วนตัวกูอยากให้โม่งทั้งหลายคงความขลังของห้องนี้ไว้ พวกมึงทำมาดีมากแล้ว กูอยากให้ทำแบบนี้ต่อไป
ลองวิจารณ์นิยายโม่งบ้างสิโม่ง กูว่ามันก็เขียนดีนะถึงเรื่องจะดูมั่วๆไปหน่อย+ไม่ค่อยมีใครอัพ
พล็อตนี้ให้ผ่านม่ะ
https://www.dek-d.com/board/view/3693334/
พวกมึงรู้ยัง นิยายของพริมณาราผ่านสนพ.แล้วว่ะ...
กุขอนิยายไปลืมหมดล่ะมั้ง 5555555
รสต
อาา..เราสนใจแนวเรื่องแบบนี้อา อาทิ เอาตัวละครในชีวิตจริงมาใส่ในโลกนิยายที่แต่งขึ้น(ไม่ใช่ทะลุนะเออ)เอง หรือมโนนั้นแลหะ ไม่รู้จะมีรึเปล่า อาจน่าเบื่อก็ได้ แต่คงไม่มีมั้ง^^
เห็นพิราบเปลี่ยนชื่อนิยายแฮกเกอร์ให้เข้ากับธีมเรื่องแล้ว แหม ส่องโม่งสินะ จะว่าไปมีนักเขียนกี่รายแล้ววะที่แอบส่องโม่งสับนิยายตัวเอง
>>213 การสับของโม่งเป็นสไตล์เฉพาะตัว แต่เป็นประโยชน์สำหรับคนอ่านและคนเขียน ถ้าใครอยากเขียนนิยายเก่ง ตอกเสาเข็มยึดห้องนี้ไว้เลย กูขอบอก มึงจะได้อะไรจากห้องนี้เยอะมาก เฮ้ย พวกโม่งสับทั้งหลายพวกมึงต้องยึดมาตรฐานเอาไว้ให้ได้นะเว้ย สิ่งสำคัญที่เป็นมาแต่แรก คือ ห้ามลำเอียง
นี่โม่งอารีนะ
มีใครจะเอานิยายมาให้วิจารณ์ไหม จริงๆช่วงนี้ก็ไม่ค่อยว่างหรอก แต่อยากหาอะไรอ่านบ้างนิดหน่อย ลองส่งๆมาดู ไม่เอาแนวรักแจ่มใส ไม่เอาสืบสวนสยองขวัญ ไม่เอากำลังภายใน ขอแบบไม่ยาวมากนะ เข็ดแล้วกับการเปิดรับนิยายยาวๆ สูบพลังฉิบหายเลยแม่ง
ถ้ามีคอมเมนต์น้อยๆจะดีมากเลยนะ แต่ขอให้เรื่องที่ส่งมามันพอดูได้หน่อยแล้วกัน ไม่งั้นก็คงไม่รู้จักวิจารณ์อะไร
สำหรับกูรสิตาแม่งเป็นสนพ.คุณภาพต่ำมาก เห็นนิยายที่ผ่านการพิจารณาแต่ละเรื่องแล้วแบบกลอกมองบน อีนาทีย่างี้ นิยายอีหนูพริมนี้ แต่ละเรื่องนี้แบบ ให้กูอ่านออนไลน์ฟรีๆแม่งยังเสียดายเวลาเลยข่า คงคิดแต่แบบนิยายแฟนคลับเยอะก็ขายได้แล้ว งี้หรา
>>220 มึงไม่รู้จักนาทีย่าเหรอ นิยายข้ามมิติเลื่องชื่อในโม่งพอๆกับฟองเบียร์ นางเอกเป็นแม่มดที่ข้ามไปจีนโบราณ อยากให้มึงลองสัมผัส ไปอ่านดูนะคะ <3
https://writer.dek-d.com/sunsy/writer/view.php?id=1432394
ขอถามเปิดประเด็นเรื่องการโปรโมท/ฝากนิยายในบอร์ดเด็กดีหน่อย
- การฝากแบบนี้จะทำให้มีคนมาอ่านจริงหรือ เพิ่มยอดวิว/ผู้ติดตาม/ความคิดเห็นได้จริงหรือไม่
- ถ้านิยายมีคนอ่านในระดับหนึ่ง ยอดวิวหลายพัน ยอดความคิดเห็นเป็นร้อย ยอดผู้ติดตามหลายร้อย ควรจะนำไปฝากอีกหรือไม่ ในเมื่อนิยายก็ดังอยู่แล้ว หรือนิยายดังก็ฝากได้
- การเอานิยายไปฝากถือเป็นการลดศักดิ์ศรีของผู้เขียนหรือไม่ เพราะในโม่งเองก็มีคำพูดที่ว่านิยายที่ดีจริงไม่ต้องไปฝากก็มีคนมาอ่าน
>>224 ดูกระทู้เสือขาวสิจ้ะได้พิมพ์จากที่โปรโมทบ่อยๆรีบไปโฆษณากันเถอะพวกมึง https://www.dek-d.com/board/view/3693903/
¡ɥʇnɹʇ ɟo plıɥɔ ǝɥʇ ɯ,ı ǝɯ uıʍ ɹǝʌǝu llıʍ noʎ
พิมพ์แล้วขายได้หรอวะ
เห็นด้านบนสงสัยว่า ทำไมช่วงหลังๆที่วิจารณ์นิยายมาถึงมีแต่อวย อันนี้ก็ตอบแทนคนอื่นให้ไม่ได้นะ แต่สำหรับกู การอวยนั้นเป็นปณิธานเริ่มแรกของกูอยู่แล้ว ถึงได้เรียกตัวเองว่าโม่งอารีไง
อาชีพที่กูคิดว่าหากินง่ายที่สุดอาชีพหนึ่งคืออาชีพนักวิจารณ์ โดยส่วนตัวที่ทั้งตอนเรียนมหาลัยก็อยู่คณะที่มีการถูกวิจารณ์งานค่อนข้างบ่อย (ทั้งจากตัวอาจารย์เอง และผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกที่อาจารย์เชิญมา) รวมไปถึงตอนที่เรียนจบ ก็ได้มีโอกาสทำงานในสายงานที่ต้องวิจารณ์ผลงานคนอื่นอยู่บ่อยๆ ทำให้เห็นได้ว่า ไอ้การที่จะมานั่งติ นั่งด่างานของคนอื่นนี่มันง่ายมาก คืออะไรที่กูไม่ถูกใจกูหยิบเอามาด่าได้หมดอะ ยิ่งเมื่องานมันเป็นศิลปะด้วยแล้วนักวิจารณ์แม่งจะพูดอะไรก็ได้ เมื่อกี้เพิ่งด่างานชิ้นนี้ไป งานอีกชิ้นยึดคอนเซปต์เดียวกันกูก็หาเรื่องมาชมได้ถ้ากูพอใจ
อันนี้ไม่ได้จะด่าใคร แต่จะบอกว่าการด่ามันง่ายๆจริงๆ ให้มึงยกนิยายชั้นครูเรื่องไหนขึ้นมาก็ได้แล้วให้กูด่า กูก็ขุดหาความผิดพลาดของแม่งขึ้นมาได้หมดละ ยิ่งบวกอคติเข้าไปอีกด้วยยิ่งมันส์ ไอ้นี่ก็กาก ไอ้นั่นก็ไม่สมจริง ตรงนี้มันจะเป็นไปได้เหรอ อันนี้อ้างอิงจากไหน มองสภาพสังคมในยุคนั้นด้วยสายตาของคนยุคนี้รึเปล่า บลาๆ
เพราะอย่างนั้นกูถึงเลือกที่จะมาทำสิ่งที่ยากกว่าคือการชม สำหรับกู ตราบเท่าที่นักเขียนมันยังมีความสามารถพอที่จะบรรยายสิ่งที่อยู่ในหัวของมันออกมาให้เข้าใจได้ในภาษาคน กูก็เชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรดีๆที่ติดอยู่ในกระแสความคิดนั้น หากคำชมของกูมันจะสามารถสร้างกำลังใจ หรือช่วยดึงความคิดที่เป็นประกายบางอย่างในหัวของมันให้ชัดเจนขึ้นได้ กูก็รู้สึกดีใจและยินดี
เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการวิจารณ์นิยายเรื่องที่ขอมา
เรื่อง : Beyond Infinite | ปฏิวัติรัฐอำพราง
link : https://writer.dek-d.com/kitchensdelight/story/view.php?id=1488151
จำนวน : 8 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
เอาล่ะ เรื่องมันเขียนด้วยมุมมองของบุคคลที่หนึ่ง โดยมีตัวเอกเป็นนักศึกษาชาย 2 คน สลับกันเด่นเป็นบทๆไป ชื่อพัชรกับอเล็กซ์ สองคนนี้เป็นเพื่อนรักกันอยู่ในโลกใบนี้ล่ะ หากแต่ช่วงเวลาของเรื่องนั้นเป็นยุคอนาคตที่มีทั้งรัฐบาลโลก รัฐบาลทวีป อะไรทำนองนั้น
ตัวละครเอกสองคนอยู่ในเมืองซิทาเดล ทวีปเอเชีย ฉากเปิดคือฉากในโบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่มีโป๊ปกำลังสวดมนต์ เทศนาธรรมอะไรไป ตัวเอกในบทนี้คือพัชร ไอ้ห่านี่เป็นพวกอ้อนตีน คือทำตัวสงบๆกับเขาไม่เป็น ก็ไม่สนใจฟังเทศน์ บ่นโน่นนี่ในใจ กูไม่เชื่อมึงโว้ยไอ้ศาสนาส้นตีนเหี้ยไรนี่ ที่กูมาฟังมึงพล่ามอยู่นี่เพราะโดนบังคับให้มา (เหมือนเป็นกิจกรรมมหาลัย ต้องสะสมชั่วโมงกิจกรรม) บลาๆ
ไอ้เหี้ยพชรก็เหม่อมอง ทำตัวกวนตีนทั้งๆที่คนอื่นเขาตั้งใจฟังเทศน์ จนผู้หญิงคนข้างหลังที่เป็นเพื่อนมันทนไม่ได้ ด่าแบบหยาบๆคายๆว่าอีสัส ทำไมมึงไม่ฟังที่โป๊ปพูดวะสัส มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ไอ้พัชรก็ปากดี บอกไปว่ากูไม่เห็นสนเลยศาสนาเหี้ยไรนี่ กูงมงายในวิทยาศาสตร์โว้ย บลาๆ อีผู้หญิงนั่นก็โกรธมากเลยแจ้งเรื่องว่าไอ้พัชรแม่งเป็นภัยต่อความมั่นคง ทำให้การแสกนข้อมูลของไอ้พัชรมันขัดข้อง ต้องไปเข้าพบกองกิจฯ เพื่อแก้ไขปัญหา
ไอ้การแสกนข้อมูลนี่มันก็เหมือนๆกับนิยายวิทยาศาสตร์ทั่วไป ประมาณว่าพอโลกเราเจริญขึ้นก็มีการฝังชิพคนแบบหมาแมว พ่วงบัตรประชาชน ประกันชีวิต กระเป๋าตังเข้าไว้ด้วยกันหมดยังกะพร้อมเปย์ พอตัวเองแสกนข้อมูลไม่ได้ก็ง่อยแดก พอไปแจ้งเรื่อง เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องแม่งเห็นข้อหาเป็นภัยต่อความมั่นคง แถมไอ้เหี้ยพัชรยังปากดีด่าศาสนาต่ออีก ศาสนิกชนที่ดีอย่างเจ้าหน้าที่คนนั้นเลยรับไม่ได้ บอกมึงโดนแน่ กูแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางให้มาสอยดากมึงแล้ว
ไอ้พัชรก็วิ่งหนี จะขึ้นรถเมล์ก็ไม่ได้เพราะไม่มีตังจ่าย(ตัวแสกนโดนล็อกไง) เลยโทรศัพท์ไปหาเพื่อนของตัวเองที่ชื่ออเล็กซ์ แล้วก็ไปเจอกันที่สวนสาธารณะ ปรากฎว่าคนของรัฐบาลกลางก็มาตามจับตัวได้พอดี ไอ้พัชรแม่งสู้ อเล็กซ์เห็นเพื่อนเจ็บฉันก็เจ็บเหมือนกันเลยเข้าไปสู้ด้วย สรุปก็คือโดนช็อตไฟฟ้าคว่ำแดกฝุ่นทั้งคู่ แล้วก็ถูกจับไปโรงพยาบาล
ทีนี้บทมันก็จะเริ่มกระจาย ประมาณว่าบทนึงจะเล่าในมุมมองของอเล็กซ์ อีกบทเล่ามุมมองของพัชร แต่ให้กูเล่ารวมๆก็คือ ไอ้พัชรโดนจับขึง กำลังจะใช้เครื่องล้างสมองให้รักศาสนา แต่เสือกหนีออกจากโรงบาลนั่นมาได้(แบบง่ายเกินไปสัสๆ บ้าไปแล้ววว) ก็หนีการตามล่าของรัฐบาลกลางไปเรื่อยๆ ทำเหี้ยไรก็ไม่ได้ ข้าวก็ไม่มีจะแดก(เพราะไม่มีเงิน) สุดท้ายขณะที่กำลังจะจนตรอกก็มีฮีโร่เข้ามาช่วยไว้ เป็นกลุ่มคนของตัวละครใหม่ชื่อ ดร.ธนา ถึงเรื่องจะยังไม่ได้บอกอะไรมากแต่ก็เดาได้ว่าแม่งก็ต้องมีขึ้นเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลกลางและศาสนาส้นตีนไรนั่นเนี่ยล่ะ
ส่วนด้านของอเล็กซ์นี่แม่งก็โคตรพระเอก คือมันโดนจับล้างสมองไปแล้ว แต่เครื่องล้างสมองทำอะไรมันไม่ได้ พวกนักวิทย์ฯ เลยลงความเห็นกันว่ามันเป็นพวกที่เรียกว่า "วิสดอม" ก็คือต้านทานพลังล้างสมองนั่นล่ะ ไอ้อเล็กซ์ก็ถูกพาไปหานักวิทย์สาวสวยคนนึงชื่อ ดร.ลินดา แม่งก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมการทดลองจับคลื่นสมองวิสดอม ถึงแม่งจะไม่เต็มใจแต่ก็ต้องทำ เพราะถูกขู่ว่าถ้ามึงตุกติกครอบครัวมึงได้ลาก่อยแน่
จบ 8 ตอน ต่อไปเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>237 ให้คะแนนนิยายเรื่อง Beyond Infinite | ปฏิวัติรัฐอำพราง
คำผิด: พบบ้างประปราย แต่ก็พอที่จะให้อภัยได้ ส่วนมากเป็นการพิมพ์ตกหล่น เว้นวรรคผิดจุด ซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก อันนี้ถือว่าดี ยอมรับได้ ให้ 8.5/10
การบรรยาย: ต้องบอกก่อนตามเคยว่ากูหักคะแนนในฐานะที่บรรยายบุคคลที่ 1 แน่ๆ และอันนี้จะหักคะแนนเพิ่มมากกว่าคนอื่นด้วย เนื่องจากมีเหตุผลหลายอย่างที่น่าตีมากๆ งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกบรรยายแบบบุคคลที่ 1
อันดับแรกต้องชมก่อนว่าเป็นการบรรยายที่ไหลลื่น กูอ่านได้ไม่ติดขัด มีการแยกความคิดของตัวละคร บทสนทนา และการบรรยายฉากได้ดี แต่ไอ้สัส มึงบรรยายด้วยบุคคลที่หนึ่งแบบนี้มันเดินเรื่องได้ปุบปับไปมาก อุตส่าห์สร้างโลกใหม่ที่มีกลิ่นอายดิสโทเปียจางๆ จากการที่ศาสนาเข้ามาแทรกแซงรัฐ แต่เสือกไม่สามารถบรรยายบรรยากาศอื่นๆได้เลย เพราะเอาเรื่องของการบรรยายมาผูกติดอยู่กับตัวเอกที่เป็นบุคคลที่หนึ่ง คือเข้าใจมะ ทั้งเรื่องแม่งก็มีแต่ไอ้พัชรคิด ศาสนาส้นตีนเนี่ยแม่งคือไรวะ เหี้ยจริงๆ บลาๆ กูไม่เห็นอยากจะนับถือเลย แบบนี้มันต้องล้างสมองกันแน่ๆ ไอ้การบรรยายแบบนี้แม่งโคตรลดเสน่ห์ของการเป็นดิสโทเปียล้างสมองคนไปเลย คือแม่งไม่มีความหน่วง ไม่มีความมืดมนแบบ อันนี้มันคืออะไร เป็นแบบนี้จริงเหรอ เฮ้ย แบบนี้ไม่ได้ แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ เหมือนมึงขีดเส้นให้เรื่องตั้งแต่แรกแล้วว่า ศาสนาห่านี่ = เลว ศาสนิก = ถูกล้างสมอง แทนที่จะบรรยายด้วยบุคคลที่สามให้เห็นถึงด้านต่างๆของศาสนา ทั้งมุมมองของคนที่นับถือ ให้เห็นว่าทำไมคนที่นับถือศาสนานี้ถึงได้เชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ ไอ้ห่า ล้างสมองนี่ไม่ใช่ล้างส้วมนะ จะได้แค่เอาเป็ดโปรเทๆแล้วฉีดน้ำไล่ มันต้องมีกระบวนการคิดที่ซับซ้อนกว่านั่นสิ ให้ 7/10
ตัวละคร: ชื่อจำง่าย เป็นภาษาคน แต่มิติของมันแบนมากอย่างที่เล่าไป คือแทนที่ตัวละครที่คลั่งศาสนาจะได้มีมุมมองที่แบบเห็นว่า เอ๊ะ ไอ้พัชรแม่งลบหลู่ยังไง โกรธพัชรที่หมิ่นศาสนายังไง แม่งกลับบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งผ่านสายตาของไอ้พัชรว่าอีกพวกศาสนิกนี่แม่งบ้า สติแตก โดนล้างสมองไปหมดแล้ว แถมอีกหน่อยคือไอ้พัชรนี่แม่งดูไม่ฉลาดเลย คือถ้าจะเขียนให้ตัวเอกดูโง่ๆ ปากเก่ง โผงผาง เน้นใช้กำลัง อันนี้สอบผ่านนะ แต่ถ้าจะฝังบุคลิกฉลาดให้มัน อันนี้ก็ต้องลดความปากของมันลงนิดนึง ควรรู้หน่อยว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด โง่ฉิบหายไปด่าศาสนาแม่งกับศาสนิกในวิหารใหญ่ของพวกมัน ให้ 6.5/10
เนื้อเรื่อง: สรุปรวมจากที่พูดๆมาอะ คือมันอ่อนเรื่องของมุมมองที่หลากหลายของตัวละครในโลก กลายเป็นฟันธงแล้วว่าไอ้ศาสนานั่นแม่งส้นตีนแน่นอน การเดินเรื่องที่ดูเร่งๆ แถมการผูกปมคลายปมยังดูไม่ค่อยสมูท อย่างเรื่องที่ไอ้พัชรมันด่าศาสนากลางวิหาร แล้วก็มาต่อด้วยการด่าศาสนาต่อหน้าศาสนิกอีกคนที่หมายหัวมันเอาไว้ คือถ้าจะให้ตัวเอกโดนจับก็ควรที่จะให้เรื่องมันยากกว่านี้สักหน่อย แถมเรื่องที่หนีออกจากโรงบาลนี่ยิ่งไม่เมคเซนส์เข้าไปใหญ่ คือมึงโดนจับกลางสวนโล่งๆ แบบง่อยๆ แต่เสือกหลบหนีการทดลองด้วยพลังกาย แหกกรงโรงบาลใจกลางเมืองออกมาได้พร้อมมือถือติดตัว มันออกจะเวอร์ไปหน่อยนะ ไม่มีบอดี้การ์ดหรือตำรวจแข็งๆให้ชนสักหน่อยเหรอ สมมติจะให้กูเดาเนื้อเรื่อง ก็อาจปูไปได้ว่า จริงๆแล้วไอ้ศาสนาแม่งก็เลวล่ะ แต่ก็คงมีข้อดีอะไรบางอย่างอยู่ ส่วนไอ้องค์กรต่อต้านศาสนามันก็มีด้านเลวของมันอยู่เหมือนกัน และไอ้พัชรก็อาจได้สู้กับอเล็กซ์ ประมาณว่าพัชรได้รับงานให้เข้ามาทำลายอะไรบางอย่าง ซึ่งอเล็กซ์รู้ว่าถ้าไอ้นี่ถูกทำลานจะวิบัติกันหมด ทำนองนี้มั้ง อันนี้ลองเดาเล่นๆนะ ให้คะแนน 7/10
สรุป 29/40 ถือว่าดีแล้ว ข้อดีคืออ่านลื่น เดินเรื่องกระชับ ภาษาโอเค พอให้อ่านเพลินๆไปได้ พยายามผูกปมแน่นๆ รักจะมาสายดิสโทเปียแล้วก็ควรเปิดโลกให้มันกว้างๆ เขียนระบบของโลกให้ดูซับซ้อนและน่าเชื่อถือจะดูน่าลุ้นกว่าการมาโฟกัสที่ความคิดมุทะลุของตัวละครนะ
โม่งสนใจสับนิยายแนวไปต่างโลกที่เป็นเกมจีบหนุ่มปะ เรื่องนี้กูลองอ่านรู้สึกเหมือนเจอร่างแยกคนเขียนนาทีย่า
https://writer.dek-d.com/forgetgirl/story/view.php?id=1503771
เวลาตัดฉากหรือเปลีทยนมุมมองการเล่าในบทเดียวกันไม่มีการเอนเตอร์เว้นย่อหน้าเลยว่ะ แต่ที่อินดี้ยิ่งกว่าคือการบรรยายที่แทรกในบทสนทนาอย่างน่าปวดกบาลและตัดไปตัดมาเดี่ยวมุมมองบุคคลที่หนึ่งเดี๋ยวมุมมองบุคคลที่สาม
จะมีใครสนใจสับบ้างล่ะ ออกตอนรัวๆอยากรู้มีดียังไง
https://my.dek-d.com/noma007/writer/view.php?id=1386417
http://writer.dek-d.com/andyphetty/story/view.php?id=1451100 ดูจากชื่อเรื่องและนามปากกา เอาตัวเองไปเป็นนางเอกใช่มะ
มีนิยายข้ามมิติเรื่องไหนแนะนำมั่งมั้ย เอาแบบเบาๆ ไม่หนักสมอง ช่วงนี้เครียดพอแล้ว
เรื่องนี้หนุกป่ะ กูอกหักจากนิยายหมวดอดีตรัวๆจนไว้ใจอะไรไม่ได้แล้ว https://writer.dek-d.com/xin-er/story/view.php?id=1523713
นิยายพวกนี้สินะที่เป็นสาเหตุให้เกิดการจับตัวประกันในงานหนังสือ
¡ɥʇnɹʇ ɟo plıɥɔ ǝɥʇ ɯ,ı ǝɯ uıʍ ɹǝʌǝu llıʍ noʎ
คือกูไม่ได้อยากจะดราม่านะ แต่กูสงสัยว่าแค่แคปภาพแล้วใส่คำบรรยายนิดหน่อยนี่เรียกว่าเขียนบทความได้แล้วเหรอวะ
https://www.dek-d.com/board/view/3694261
ตอนแรกกูนึกว่าคงเป็นพวกเมมเบอร์ แต่แท้จริงคือเว็บมาสเตอร์ คือความเข้าใจของกู บทความคือการเขียนเนื้อหาที่มีรูปประกอบเพียง 5-10% เพื่อให้เห็นภาพการบรรยายชัดเจนขึ้น แต่ที่กูเห็นในกระทู้ที่บอกว่าเป็นบทความนี่คือ 85% คือแคปภาพมาแปะแล้วใส่ชื่อนักเขียนเจ้าของข้อความกำกับ มีบรรยายอธิบายนิดหน่อย แบบนี้ก็ได้เหรอวะ?
เพิ่มเติม กูใจร้อนไปหน่อยเลยไม่ได้ตรวจสอบ ลองเข้าไปส่องไอดีคร่าวๆ เหมือนจะเป็นเมมเบอร์ธรรมดานี่แหละ แต่ทำไมสำนวนการเขียนมันคุ้นๆ เหมือนเว็บมาสบางคนวะ
ตั้งแต่นักเขียนที่เขียนเรื่องดันเจี้ยนสักอย่าง ออกมาตั้งกระทู้ว่าตัวเองใช้วิธีซอยตอนย่อยๆ เพื่อให้ลงถี่และติดท็อปเร็ว กูก็เจอนิยายหลายเรื่องทำแบบนั้นเต็มไปหมดเลยว่ะ ห้าหกเรื่องได้แล้วมั้ง แต่ซอยตอนน่าเกลียด บางตอนอ่านในมือถือไม่ต้องสไลด์หน้าจอด้วยซ้ำ สั้นเกินไปมั้ย
นิยายเรื่องโรเซเนียออกทีเดียว 5เล่มจบเลย ใครรู้มั่งว่าเรื่องนี้มีอะไรดี ทำไมสนพ. ถึงกล้าดัน
>>264-265 ลองเอาลิ้งค์ไปดูแล้วกัน กูเจอเยอะกว่านี้ แต่ค้น history มาได้แค่นี้
https://my.dek-d.com/noma007/writer/view.php?id=1386417
https://writer.dek-d.com/VampireAntares/story/view.php?id=1532122
https://writer.dek-d.com/somchai45/story/viewlongc.php?id=1532689
KY อมก. แปลว่าไรว่ะ
ตลค. ตลาดคุกเรอะ
มู้เงียบจังว่ะ ใครก็ได้ช่วยสับซะเรื่องหน่อยสิ
โลกเวทมนตร์ของคาออส
https://writer.dek-d.com/GriMMix/story/view.php?id=1504276
Tales of muay thai
https://writer.dek-d.com/subasa1258/story/view.php?id=1506611
เซียนจอมเวทย์ Deva Wizard
https://writer.dek-d.com/TanSoSoDa/story/view.php?id=1481130
Slime Is God ภาค ตามหาของหมั้นสุดหฤโหด
https://writer.dek-d.com/kickerkob2/story/view.php?id=1529270
Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
https://writer.dek-d.com/sakun9975/story/view.php?id=1529525
พ่อครัวแห่งเซนราคุ
https://writer.dek-d.com/amalina/story/view.php?id=873906
Twinless Twin แฝดหนึ่งร่าง
https://writer.dek-d.com/Airin_and/story/view.php?id=1524343
>>274 ตายละ นึกว่า อห. ย่อมากจากอะไรที่รุนแรงกว่านั้นมาโดยตลอด เดี๊ยนรู้สึกหยาบคาย
เอารายชื่อนิยายมาเพิ่มให้ https://www.dek-d.com/writer/42007/ มหัศจรรย์มากที่เรื่องดังๆ สนุกๆ อย่างพระชายารั่วซีไม่ติด
>>276 นี่มันลิสต์เก่าตั้งแต่ก.ค. กูว่ารั่วซีมาดังหลังจากนั้นนะ จริงๆ กูไม่ชอบความเว่อร์วังเทพทรูของรั่วซีเท่าไร คือศึกษาสมุนไพรมา แต่ทำไมมึงเทพขนาดนั้น จุดนี้กูให้เสี่ยวหวางเฟยที่นางเอกเทพเพราะชาติต่อมาเป็นผู้ปรุงยาจริงๆ สมเหตุสมผลกว่า
>>278 กูเคยอ่านสวรรค์ลำเอียง นางมารน้อยข้ามภพ ป่วนพิภพ หวน สายลับข้ามภพ มีสวรรค์ลำเอียงที่เอื่อยๆ แต่พอทำใจรับได้ ที่เหลือกูส่ายหัวรัวๆ
>>277 เข้าใจว่าแปลว่าอิห่า 5555+
>>278 เคยอ่านแค่บางเรื่องนะ ปกติอ่านแต่นิยายแปลอย่างยอดรักชายาอ๋องปีศาจ ศิษย์ข้าเจ้าตายอีกแล้ว ถ้าจะอ่านนิยายคนไทยแต่งก็ต้องมีเพื่อนชวนอ่านหรือมีประเด็นอะไรให้เผือก ในนี้ไล่จากข้างบนลงมาข้างล่างตอบได้แค่นางมารน้อยข้ามภพกับหวนสองเรื่องว่ามันโอเคไม่โอเคยังไง
นางมารน้อย ถ้าชอบแนวตบมุกก็น่าจะชอบ มีแซวๆนิยายกับหนังจีนเป็นระยะ แต่เนื้อหาน่าจะอีกยาวไกล จนถึงตอนนี้เนื้อเรื่องมันก็ยังไม่ค่อยไปไหนเลย
หวน ถ้าชอบผลาญชอบพวกแนวไปสิงร่างคนอื่นแก้แค้นแนะนำเรื่องนี้ เรื่องนี้เปิดตัวนางเอกนางร้ายได้ดี ผูกเรื่องก็ใช้ได้ แต่เหมือนมีวิบากกรรม อ่านเรื่ออะไรคนเขียนก็หยุดอัพ แม้แต่นิยายแปลยังโดนดองแถมเรื่องที่โดนดองยังไม่มีสำนักพิมพ์ไหนซื้อลิขสิทธิ์ ดำน้ำยาวๆ ไปค่ะ
เสี่ยวหวางเฟยก็เคยอ่าน เดินเรื่องเร็ว สนุกดี มาเขียนทีหลังหรือยังไงทำไมไม่อยู่ในลิสท์
ทำไมนิยายรักบางเรื่องถึงมีฉากบนเตียงกันว่ะ ไม่จั่ว 18+ ไม่นับพวกวายน่ะ
http://writer.dek-d.com/Black-Bell/story/view.php?id=1527468
อ่านแล้วก็งงว่าทำไมคนอ่านเยอะ เขียนๆไปมีวงเล็บความคิดคนเขียน คือมีเกร็ดความรู้ แต่ข้อมูลในเรื่องแม่งประหลาด ดูมั่วๆไงไม่รู้ นิยายข้ามมิติใหม่ๆไม่มีดีกว่านี้แล้วเหรอวะ
กูว่าอันดับพวกนี้มันไม่น่าเชื่อถือมานานแล้วแหละ ส่วนใหญ่ก็หน้าม้าทั้งนั้นแหละ
วันนี้ดูอันดับท็อปแฟนตาซีแล้วเป็นกว่าครึ่งเป็นนิยายแปล คุ้นๆ ว่าในโม่งเคยคุยกันไปแล้ว แต่วันนี้กูอยากมาถามใหม่ เพื่อนโม่งคิดว่าเด็กดีควรแยกหมวดนิยายแปลมั้ยวะ แยกไปต่างหากเลยอ่ะ หรือว่านักเขียนไทยควรผลักดันตัวเองให้ยอดวิวอะไรมันสู้นิยายแปลให้ได้เอง?
>>295 ความเห็นกู ใช้ระบบแท็คให้เป็นประโยชน์ซะ แยกหมวดนิยายแปลก็ดีจะได้หาอ่านง่าย แต่ยอดวิวส่วนใหญ่มันเทไปทางนั้นแน่นอนเพราะขึ้นชื่อว่างานแปลมันก็น่าสนใจกว่างานไทยอยู่แล้ว แถมลงสม่ำเสมอเพราะแค่แปลไล่ตามต้นฉบับวันละตอนสองตอนไม่ต้องกลัวว่าจะอดออ่านเป็นเดือน (เว้นแต่คนแปลจะเลิกแปล) แต่กูเห็นมีกลุ่มนักแปลไปตั้งเว็บเฉพาะนิยายแปลละ คงไม่จำเป็นต้องแยกหมวดละมั้ง และนิยายแปลมันก็น้อยกว่านิยายไทยประมาณ 3/10 เรื่องที่สนพ.ปล่อยให้อ่านเป็นตัวอย่างก็มีประมาณ 1/10 ที่เหลือก็แปลฟรีฝึกภาษาอะไรก็ว่าไป ซึ่งถ้าจะแยกหมวดมันเปลืองเนื้อที่เว็บนะกูว่า ดีไม่ดีจะมีนิยายคนไทยเนียนเป็นนิยายแปลแบบเรื่องฮาเร็มจอมมารในธัญวลัย ดราม่ากันสนุกละมุง
กูลองไปส่องนิยายใหม่ที่คนไทยเขียนในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่ติดท็อปใน 5 หน้า ไม่รวมนิยายวายนะ มาดูกันดีกว่าเพื่อนโม่งว่ามีอะไรบ้าง
1. เหมยฮวาฤดูหนาว
https://writer.dek-d.com/Maydox007/story/view.php?id=1530146
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 10/10/16 จำนวนตอน 16 ตอน
นี่เรียกว่านิยายได้จริงๆดิ ตอนนึงสั้นมาก สั้นเหี้ยๆ สั้นจนต้องร้องขอชีวิต หนึ่งตอนไม่ถึง 400 คำด้วยซ้ำ ดูรู้เลยว่าพิมพ์ในมือถือ เขียนไม่ได้ดี บรรยายไม่ได้ดี เนื้อเรื่องกูไม่รู้ว่าชวนติดตามได้ขนาดไหน เพราะกูทนอ่านได้แค่ 3 ตอน นางเอกเพิ่งคลอดกูก็บายละ
2.[懶婦] อี้จี จอมนางอสูรโลกันต์
https://writer.dek-d.com/Black-Bell/story/view.php?id=1527468
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 4/10/16 จำนวนตอน 8 ตอน รวมแนะนำตัวละคร
อีกเรื่องที่ไม่เข้าใจว่าทำไมมีคนอ่านเยอะ ตามที่ >>292-294 บอก
3. วาสนาพรางใจ (听姐姐的话)
https://writer.dek-d.com/pingypop/story/viewlongc.php?id=1521564
ท็อปหน้า 4 เริ่มลง 22/9/16 จำนวนตอน 7 ตอน นิยายจริงๆ 5 ตอน
ยังไม่ได้อ่านละเอียด แต่เท่าที่กวาดตาดู ไม่ข้ามมิติ แล้วก็เขียนได้ดี พอมีหวังกว่าสองเรื่องบน
4. 〈女神芳仙〉เทพธิดาจักรพรรดินี
https://writer.dek-d.com/bbbest-sb79/story/view.php?id=1525964
ท็อปหน้า 5 เริ่มลง 2/10/16 จำนวนตอน 9 ตอน
อห. ความเบียว ความซูมาเต็มตั้งแต่ตอนแรก นางเอกเป็นหมอที่สวยเก่ง เป็นดีไซเนอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เหนื่อย พอไม่อ่าน
5. ชะตาดอกท้อ...น้องสาวเจ้าสิ!
https://writer.dek-d.com/xin-er/story/view.php?id=1523713
ท็อปหน้า 5 เริ่มลง 27/9/16 จำนวนตอน 9 ตอน
ภาษาดีกว่าอีข้ามมิติสามเรื่องข้างบนหน่อย กวาดตาดูแล้วอ่านได้เรื่อยๆ มีความพาโรดี้นิดๆ
สรุปขุดมา 5 เรื่อง เป็นข้ามมิติไป 4 นางเอกซูเทพทรูขนบเดิมไป 3 พออ่านได้อยู่ 2 เรื่อง บายยยยยย
>>297 สนับสนุนให้ละเมิดลิขสิทธิกับเปิดโอกาสมันคนละเรื่องนะเพื่อนโม่ง เว็บควรคัดกรองเรื่องให้ดีหากพบเป็นการละเมิดควรรีบแบน หากเรื่องไหนสามารถแปลได้โดยไม่ผิดลิขสิทธิ์เราชาวโม่ง หรือใครก็ตามที่เสพนิยายและการอ่านควรสนับสนุน จะแปลดีหรือแย่ค่อยว่ากันอีกที เพราะใครก็อยากอ่านงานดีๆ กันทั้งนั้น ส่วนควรแยกห้องไหม ดูจากข้อมูลสัดส่วนที่เพื่อนโม่งให้มาใน >>296 ไม่ต้องแยกหรอก ท้าทายนักเขียนไทยดี ในสัดส่วนตามที่ว่ามาอ่ะนะ หากมากในอนาคตค่อยว่ากันอีกที ชั่วโมงนี้เหมาะสำหรับเป็นบททดสอบของนักเขียนไทยมาก
ต้องเข้าใจระบบเด็กดีในนิยายขึ้นท็อปด้วย
คือต้องลงทุกวันเป็นประจำ
นิยายแปลทำได้เพราะไม่ได้คิดเนื้อเรื่องเอง แค่เอาใจภาษาและเกลาสำนวนขึ้นมา
ส่วนนักเขียนไทย ตอนหนึ่งบางคนใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือมากกว่านั้น
บางคนเน้นเร็วลงวันต่อวันก็ไม่ได้หมายความว่างานดี เพราะต้องเร่งเขียนออกมา ซึ่งด้านความลึกของเนื้อเรื่องจะขาดไป
ที่ว่าทดสอบนักเขียนไทย กูเลยมองกลางๆ เพราะนักเขียนนิยายบ้านเราต้องเรียนหรือทำมาหากิน
ต่างจากนิยายแปลที่คนเขียนมีอาชีพนักเขียนจริงๆ แล้วเขามีอาชีพนักเขียนที่อยู่ได้สบายๆ ในเรื่องดังๆ ที่นำมาแปลอ่านกัน
ความต่างมันเยอะเกินไป กับนักเขียนในไทยที่เขียนลงเว็บเด็กดี
ประมาณไม้ซีกกับไม้ซุง
>>300 การที่เราจะก้าวไปข้างหน้าได้มันต้องมีความแข็งแกร่งนะเพื่อนโม่ง กูไม่ได้บอกว่านักเขียนที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะต้องก้าวข้ามสิ่งนี้ หลายคนมีข้อจำกัดในเรื่องเวลา เราทุกคนรู้ดี และหลายคนไม่ได้สู้กับนิยายแปลด้วยซ้ำ ในสัดส่วนแบบนี้ตามที่เพื่อนโม่งให้ข้อมูลมามันน่าสู้ เพราะถึงจะแพ้ ท็อปยังมีถึงยี่สิบอันดับให้ติด จะกลัวทำไม หากเราสามารถแซงขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งได้แทน มันน่าภูมิใจนะโม่ง ในอนาคต ถามโม่งจริงๆ อยากขายงานแค่ในไทยเหรอ ณ เวลานี้ มีบททดสอบที่น่าสนใจให้ลุยทำไมโม่งไม่คิดจะลุยล่ะ
จริงๆคือไม่แคร์ เพราะว่ากลุ่มลูกค้าในเว็บมีแต่เด็กๆที่ไม่ค่อยจะเสพอะไรที่งามๆเท่าไหร่ ส่วนมากก็ติดแนวการ์ตูนญี่ปุ่นแบบพระเอกต้องมีพลังพระเอกอะไรสักอย่าง โกงเทพ อะไรงี้
แถมพวกที่ติดท็อปโดยทั่วไปก็คือคนที่อัพงานบ่อยๆ วันละตอน สองวันตอน ถ้าไม่ว่างจริงๆแบบเป็นนักเขียนอาชีพ หรือซอยตอนเอา จะเขียนผลงานให้ออกมาดีๆภายในเวลาได้ยังไง เพราะงั้นจะติดท็อปหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาคิดมากจย้า
ติดท็อป > เพิ่มโอกาสการตีพิมพ์ ก็จริง แต่ถ้างานมันไม่ดี จะตีพิมพ์ให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาทำไมวะ
>>302 มึงเข้าใจถูกแล้วว่ามาตรฐานท็อปมันแย่ แต่มึงอย่าลืมว่านี่คือภาพสะท้อนจากคนเสพ กูเชื่อว่าหลายคนในโม่งอัพนิยายได้ทุกวันหรืออาจจะสักสามวันครั้ง เพราะงั้นมึงจงเชื่อเถอะถ้ามึงสามารถอัพงานคุณภาพได้บ่อยๆ กูว่าแค่นิยายแปลหรือแม้กระทั่งท็อปนิยายไทยกากๆ ขวางพวกมึงไม่ได้หรอก มึงอย่ามาย้อนถามกูว่ากูสามารถทำแบบนั้นได้ไหม กูตอบตรงๆ ว่ากูยังทำไม่ได้ แต่กูไม่ท้อที่จะทำแน่ๆ
>>303 เอาจริงๆ ส่วนตัวกูว่ากูสามารถอัพทุกวันตอนละ 4000 คำ+ โดยรักษามาตรฐานไว้ได้นะ แต่ต้องวางพล็อตแบบรัดกุมมากๆ และที่สำคัญคือต้องว่างมากๆด้วย แบบเขียนเป็นอาชีพ หรือมี passive income อื่นอยู่แล้วอะ
ซึ่งไอ้ข้อจำกัดเรื่องเวลาเนี่ยมันเป็นไปไม่ได้สำหรับกู คือกูก็ต้องกินต้องใช้ปะวะ เขียนนิยายมันเป็นแค่งานอดิเรกไง ทำงาน 5 วัน บางวันทำข้ามคืน เสาร์อาทิตย์บางทีต้องเคลียร์งาน ได้ว่างบ้างก็อยากพักผ่อน ได้เดือนละสองสามตอนก็เก่งละ
กูว่าให้เอามาตรฐานเด็กดีก็ต้องอัพบ่อย ตัวเอกเก่งเทพ เนื้อเรื่องเบียวๆ นี่แหละ
>>306 จริงๆ วิธีแก้ก็อย่างมึงทำนี่แหละ เขียนให้ได้สักล็อตแล้วค่อยปล่อย อย่าใจร้อน พูดง่ายแต่ทำยาก แต่กูเชื่อว่าต้องมีสักคนทำได้ โดยเฉพาะในโม่ง พวกมึงทำอะไรได้อีกเยอะ ไม่ใช่แค่นี้หรอก พวกมึงดึงนิยายมาสับในนี้ได้ และตอนนี้หลายคนก็อยากเอานิยายมาให้สับด้วย พวกมึงคิดว่าเป็นดวงเหรอ พวกมึงก็รู้ว่าไม่ใช่
ช่วงนี้นักเขียนไม่อัพเดทนิยายกันเท่าไหร่น่ะ บางคนประกาศงดอัพเดทนิยายยาวจนถึงสิ้นเดือน อะไรแปลกๆ ขึ้นมาติดอันดับก็ไม่แปลกหรอก เดี๋ยวพ้นสิ้นเดือนขาใหญ่เจ้าประจำตัวจริงก็มา
นิยายพี่ถุยจบภาคแรกแล้วนะ มีใครสนใจอยากสับไหมวะ
ไปอ่านชะตาดอกท้อน้องสาวเจ้าสิมาละ
เรื่องนี้นางเอกตายแล้วโดนโยนวิญญาณไปใส่ร่างผู้หญิงจีนโบราณในโลกต่างมิติอะไรทำนองนั้น กลายเป็นสตรีชะตาดอกท้อ เดาว่าต่อไปจะเจอผู้ชายแซ่บๆ มารุมรัก
สำนวนการเล่า อ่านได้เรื่อยๆ มีความพาโรดี้แบบที่เพื่อนโม่งข้างบนบอก แต่คงเพราะเนื้อหามันยังน้อย เลยไม่รู้ว่านอกจากความดอกท้อของนางเอกแล้วประเด็นเรื่องคืออะไร ถ้าเป็นนิยายโรแมนติกคอมเมดี้แนวพาโรดี้อ่านเล่นๆ ก็นับว่าสอบผ่าน
ตัวละครมีเสน่ห์ มีที่มาที่ไปดี แต่อุปนิสัยนางเอกกับจังหวะการเล่าเรื่องบางช่วงจะชวนให้นึกถึงแพทเทิร์นบางอย่าง ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยเห็นมาจากไหน แต่มันมีความรู้สึกวูบนึงว่าคุ้นมาก
กูพึ่งเห็นว่าพระชายารั่วซีจะหยุดอัพ ห่าแค่มีตอนเหมือนกันนิดๆหน่อยกับทราชตื้อรักก็มาด่ากันซะเนื้อเรื่องกำลังเดินสนุกเลย
เรื่อง : Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
link : https://writer.dek-d.com/sakun9975/story/view.php?id=1529525
จำนวน : 12 ตอน
สถานะ : ยังไม่จบ
ตอนแรกที่เปิดอ่านก็คิดว่าคงเป็นนิยายเกมออนไลน์ดาดๆ เรื่องหนึ่ง แต่พออ่านไปได้แล้วก็ยอมรับว่าประหลาดใจ นี่มัน pokemon go นี่หว่า
โลกในท้องเรื่องเป็นโลกอนาคต ผ่านไป 400 กว่าปีหลังจากเกิดเหตุการณ์อุกกาบาตถล่มโลก(ดูไม่เมกเซนส์ อุกกาบาตถล่มตั้งขนาดนั้นมนุษย์ควรสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ช่างเถอะ) แถมที่ตกลงมายังไม่ได้มีแค่อุกกาบาต แต่มีพวกเอเลี่ยนหลุดมาด้วย มนุษย์โลกก็สู้ๆไป สุดท้ายก็ชนะ แต่ประชากรโลกก็ลดฮวบ เหลือแค่ประมาณ 30%
เปิดเรื่องมานี่แม่งโคตรเบสิคของเบสิคนิยายเกม คือเป็นฉากการเปิดตัวเครื่องเล่นเกมใหม่เจ้าหนึ่ง พระเอกก็ไปเริ่มงาน แล้วโชว์ความเหี้ยด้วยการไปขโมยกล่องของชายคนหนึ่งที่กำลังหนีการตามล่าอยู่ ปรากฎว่าไอ้ที่ขโมยมาเสือกเป็นเครื่องเล่นเกมรุ่นลิมิเต็ด (พล็อตเดิมๆ)
พระเอกกลับมาบ้าน ก็พล็อตเดิมๆอีกเหมือนกันว่าพระเอกเป็นผู้ที่มีวิชา เนื่องจากเป็นศิษย์ของสำนักสอนศิลปะการต่อสู้ของผู้เฒ่าหงส์ ที่กำลังจะย้ายบ้านตามลูกสาว (มั้ง?) ไป ผู้เฒ่าก็เลยยกบ้านให้พระเอก ซึ่งจนแกลบแดกแต่มาม่า พอผู้เฒ่าไปพระเอกก็เหงา เลยคิดว่าเอาวะ กูลองเล่นเกมห่านี่ก็ได้ เลยสวมเครื่องเล่นเกมเข้าไป
ที่บอกว่ามันน่าสนใจคือตรงนี้ ปกติไอ้นิยายเกมต่างๆเนี่ยคือมันจะต้องเล่นเวลานอนหลับถูกมะ ประมาณว่าเข้าไปสู้กันในโลกคลื่นสมอง โลกความฝันอะไรก็ว่าไป แต่ไอ้เกมในเรื่องนี้มันเป็นอารมณ์ VR อะ คือใส่ไอ้อุปกรณ์นี้จะสามารถมองเห็นและต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่ถูกปล่อยออกมาในโลกจริงได้ เหมือนกับที่พวกมึงอาจเคยไปเดินจับโปเกม่อน แต่อันนี้สมจริงกว่า เพราะมีการคำนวณค่าสถานะของผู้เล่น มีท่าไม้ตาย มีดรอปของ สู้จริงเจ็บจริง สรุปก็คือมันเป็นนิยายเกมออนไลน์ ที่เล่นในชีวิตจริงด้วยร่างจริงเนี่ยล่ะ
พอไอ้พระเอกสวมเครื่องเล่นก็สลบไปครึ่งวัน ตื่นขึ้นมาก็มีเสียงของ A.I. สาวดังขึ้นในหัว ก็ตามพล็อตเดิมๆของนิยายเกม พระเอกเปิดตัวมาก็โกงแล้ว รู้อะไรหลายๆอย่างที่คนอื่นไม่รู้ (เพราะเครื่องเล่นแบบธรรมดาไม่แถม A.I.) เรื่องก็พาพระเอกไปเรียนรู้เรื่องระบบเกม (บางอย่างกูว่าไม่สมจริง เช่นระบบแลกเงิน) แล้วก็ไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ตามสวนสาธารณะเก็บเลเวลไปเรื่อยๆ และเนื่องจากที่พระเอกแม่งมี esp (เทพอีกละ) ที่สามารถจดจำอะไรได้ด้วยการมองหรือฟังเพียงเสี้ยววินาที แถมด้วย A.I. สุดแจ่ม มันก็เลยเทพๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปตามล่ามอนสเตอร์เพลินๆ กำจัดคนพาลอภิบาลคนดี ดรอปของมาขายจนร่ำรวย จากที่แต่เดิมต้องแดกมาม่า ปัจจุบันก็กินเหลาได้แล้ว
แต่บริษัทเกมแม่งก็ไม่โง่ แม่งรู้ว่ามีคนบางกลุ่ม(แปลว่าไม่ได้มีแค่พระเอก) ที่ได้เครื่องเล่นเกมพิเศษไปครอบครอง บริษัทเลยส่งคนไปตามล่าตัวพระเอก เพราะอยากรู้ว่ามันไปเอาเครื่องเล่นเกมนี้มาจากไหน ได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่า
ตอนล่าสุดพระเอกก็ไปเจอถ้ำแห่งหนึ่ง ข้างในก็มีผู้หญิงเทพๆ กำลังสู้กับบอสอยู่ แต่ก็พลาดท่า พระเอกก็เข้ามาช่วยไว้อีกแล้ว และอาจกลายเป็นฮาเร็ม (อีกแล้วอีกแล้วอีกแล้ว) ก็นะ พล็อตแม่งดาดๆเลย มีแค่ไอ้ระบบเกมเนี่ยล่ะที่กูว่ามันน่าสนใจ
ต่อไปจะเป็นการให้คะแนน
ต่อจาก >>319 ให้คะแนนเรื่อง Empire Link ภาค สงครามเกมนอกจอ
คำผิด: ผิดเยอะฉิบหาย คะ-ค่ะ ก็ยังผิด นี่ถ้าเนื้อเรื่องกับการบรรยายแย่หน่อยนี่กูจะกรี๊ดแล้วนะ นอกจากไอ้คะค่ะก็ยังมีคำกากๆอีกตั้งเยอะแยะที่ไม่ควรจะผิดแต่ก็เสือกสะกดผิด ตลกแดกจริงๆ มึงเป็นเด็กประถมรึไง เห็นแล้วหงุดหงิดเป็นบ้า เอาไป 4/10 พอ
การบรรยาย: ไหลลื่นพอควร ถือว่าพอรับได้ บางครั้งการใช้คำก็สวยจนประหลาดใจว่ามึงไปลอกใครเขามารึเปล่า(เมื่อเทียบกับความสามารถในการสะกดคำของผู้เขียน) ได้กลิ่นอายพวกนิยายจีนกำลังภายในสำนวนแปล น.นพรัตน์ มาสัสๆ แต่ก็ดีนะกูโอเค มีติดบรรยายมั่วบรรยายวกวนบ้างแต่กูก็เข้าใจและรับได้ ให้ 7/10 อะ
ตัวละคร: ก็ตามนั้นอะ พระเอกเก่งเทพอีกแล้ว มี A.I. ผู้หญิงโก๊ะๆ หน่อย เริ่มมีตัวละครหญิงหลายๆตัวมาเกี่ยวข้อง (คุณหนูบอบบาง ห้าวๆ ซึนๆ บลาๆ) เดี๋ยวอาจกลายเป็นฮาเร็ม ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เอาเป็นว่ากูมองว่ามันแบน แต่ถ้าจะอ่านคลายเครียดก็เอาเถอะ สนุกๆ เพลินๆ ให้ 5.5/10 นะคะ
เนื้อเรื่อง: มึงคิดการเริ่มเรื่องไม่ออกแล้วจริงดิ ไอ้แบบพระเอกไปงานเกมแล้วได้เครื่องเล่นเกมเทพมาเนี่ยแม่งมีมาจะสิบปีแล้วมั้ง แถมพระเอกก็ทำตัวเหี้ยๆ ประเภทฉกของอีก แต่เสือกจนซะงั้น มึงอวดอ้างนะว่าพระเอกเก่งเทพฝีมือดี ถ้ารึอาจเป็นขโมยทำไมมันถึงไม่มีเงินใช้กับเขาบ้างวะ เห็นแดกแต่มาม่า อาจารย์มึงก็ไม่ห้ามไม่ปรามอีก เอาเหอะ เรื่องที่จะชมก็คงเป็นการเซ็ตระบบเกมที่น่าสนใจขึ้นมา ซึ่งกูยอมรับว่ากูไม่เคยอ่านนิยายที่เขียนเกี่ยวกับเกมในรูปแบบนี้มาก่อน
แต่มีขาวก็มีดำ ถึงจะเซ็ตโลกเกมได้น่าสนใจ แต่ระบบย่อยในเกมมันก็ต้องดีตามไปด้วย เกมบ้านมึงสิเปิดมาได้ 2 วันอัพแพทช์ใหญ่แล้ว การแลกเงินจริงกับเงินในเกมก็ดูยากเวอร์ๆ เหมือนไม่เข้าใจหลักการแลกเปลี่ยนเงิน (100 เงินจริง แลกได้ 1 เงินเกม, 1000 เงินเกม แลกคืนได้ 1 เงินจริง wtf) ถามจริงๆว่าใครมันจะโง่ไปแลกกับระบบวะ สู้แลกกับผู้เล่นด้วยกันเองดีกว่า ได้ราคาเป็นธรรมกว่ากันเยอะแยะเลย
จริงๆมีอีกหลายอย่างที่อยากเขียนแต่ขี้เกียจและ เอาเป็นว่ากูโอเคกับเนื้อเรื่องแล้วกัน ดูเหมือนว่าจะมีอะไรดี (เรื่องเอเลี่ยนบุกโลกเมื่อ 400 ปีก่อน คงจะหาทางโยงมาเกี่ยวกับเกม) ให้ 7.5/10 ค่ะ
สรุป 24/40 ก็ผ่านเกณฑ์นาจา ถือว่าน่าสนใจพอควร แต่ไปหัดสะกดคำบ้างก็ดีนะอีหนู สงสารครูภาษาไทยมึงสัสๆ
>>321 ขอโทษที กูคงเขียนไม่เคลียร์ ประมาณว่ามันเป็นโลกซ้อนโลกอะ เหมือนแบบพวกมึงเล่นโปเกม่อนโกเงี้ย ไอ้ตัวโปเกม่อนที่จับๆกันมันไม่ได้มีจริงใช่ปะ แต่มึงสามารถมองเห็นได้ในมือถือมึงไง ไอ้เกมนี้ก็เหมือนกัน มอนสเตอร์มันไม่มีอยู่จริง แต่พอใส่เครื่องเล่นเกมสวมหัว (ประมาณแว่น vr) เข้าไปแล้วก็จะสามารถมองเห็นมอนสเตอร์ได้ทั่วไปตามข้างทางแถวบ้าน และก็ต่อสู้กับมันได้ อะไรงี้
ส่วนไอ้เรื่องอุกกาบาตถล่มโลก มีเอเลี่ยนโผล่มาอะไรงี้กูว่ามันเป็นพล็อตที่ไม่ได้แปลกเท่าไหร่นะ
>>323 น่าจะแบบนี้ https://www.youtube.com/watch?v=A6Gp5BPzYRs
ล่าสุดชะตาดอกท้อฯ มีระบบปราณธาตุด้วยนาจา มีปราณบริสุทธิ์ มีปราณคู่ พวกปราณเบญจธาตุคือพวกต่ำต้อยที่สุด แถมมีทดสอบระบบปราณธาตุ มีพาราดี้พวกนางเอกตัวขยะ ระบบเกจพลังก็แบ่งระดับชั้นมีราชัน จักรพรรดิ เทพเซียน โฮะๆ แฟนคลับศิษย์ข้าฯ and ทรราชย์ตื้อรักมาเอง
ไม่เป็นไร สำหรับเรา ตราบใดที่ไม่ชัดเจนว่าลอกกันมา ถ้าแค่อ่านแล้วเห็นเงาลางๆ ประหนึ่งว่าได้รับอิทธิพลหรือแรงบันดาลใจ เรายังโอเค
ฝากไว้ให้คิส เวลาจะเขียนอะไรออกมา *จะพาโรดี้ยังไงก็อย่าให้มันกลายเป็นมิกซ์แฟนฟิคนาจา*
and การได้รับอิทธิพลจากนิยายคนอื่น โดยเฉพาะนิยายคนไทยด้วยกันสูงมากๆ แล้วเสือกมิกซ์เก่งเขียนนิยายเป็นมันก็มีสองอย่างนะมึง ถ้าไม่รอดจนออกเป็นเล่มเก๋ๆ ให้คนแอบด่าไล่หลังเหมือนมิกซ์แฟนฟิคบางเรื่อง มึงก็จะโดนสอยร่วงโดนทุบหัวเบะตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากดักแด้ วงการพวกนี้แคบจะตายห่า และคนอ่านเขาฉลาด หลายคนเคร่งเรื่องพวกนี้มาก อย่ามาโลกสวยคิดว่าชิลๆ ชิคๆ คำว่าแต่งเล่นๆ ไม่อาจคุ้มกะลาหัวมึงได้ กูเห็นพูดแบบนี้กันหลายคน สุดท้ายพอเขียนจบมองเห็นช่องทางก็ขายแดกอยู่ดี
>>332 กูถามเป็นความรู้หน่อยเพื่อนโม่ง มึงแยกมิกซ์แฟนฟิคกับพาโรดี้ยังไงวะ อย่างบารามอส ไวท์โร้ด โรเซนเนีย ที่เอาองค์ประกอบพวกตัวละครเรื่องนั้นมาผสมกับพล็อตเรื่องนี้ กูเข้าใจได้ว่าอันนี้มิกซ์แฟนฟิค แต่ถ้ายกองค์ประกอบเรื่องอื่นมาเพื่อล้อเลียนไม่ใช่ว่าเป็นพาโรดี้หรอ ตามความคิดกูพาโรดี้เป็นการเอานิยายกระแสมาแซวเล่น มันเลยมีองค์ประกอบหรือขนบในเรื่องในฐานะของสิ่งที่ต้องถูกแดกดัน ไม่ใช่ไรกูอ่านดอกท้อแล้วเห็นว่ามันแซะนิยายเรื่องอื่นอยู่และมีแววว่าจะแซะต่อไปเรื่อยๆ เลยสงสัยขึ้นมา
>>334 มิกซ์แฟนฟิค=เอาเรื่องที่ชอบมาต่อยอดผสมกัน เช่น พระเอกนิยาย A ผมดำตาแดง นิสัยแบดบอย ชอบแกล้งนางเอกด้วยการข่มขู่เนียนลวมลาม นางเอกเป็นคนอ่อนโยนไม่สู้คน พระเอกนิยาย B ผมน้ำตาลตาฟ้า นิสัยร่าเริง ชอบแกล้งนางเอกด้วยการตามตื้อพูดแซวให้ได้อาย นางเอกเป็นสาวหวานซ่อนเปรี้ยว มิกซ์รวมกัน=พระเอกผมน้ำตาลตาแดง นิสัยร่าเริง ชอบแกล้งนางเอกด้วยการข่มขู่เนียนลวนลาม นางเอกเป็นสาวหวานและอ่อนโยน
พาโรดี้=ล้อเลียนเชิงประชด เช่น พล็อตแนวต่างโลกที่พระเอกต้องกลายเป็นเทพทรูดีกว่าชาวบ้าน หรืออาจเป็นสวะกากโคตรๆ แต่ก็จะเทพทรูในภายหลัง มีฮาเร็ม มีสกิลโกง พาโรดี้=พระเอกไปต่างโลก มีสกิลโกงและเทพทรู แต่พอจะสอยสาวเข้าฮาเร็มดันกลายเป็นต้องกินแห้วเพราะสาวๆ หันไปจับคู่ยูริกินกันเอง สกิลโกงพอใช้แล้วกลายเป็นที่เคารพบูชาของคนทั้งโลกถูกยกย่องเป็นผู้กล้า แต่พอได้เป็นก็มีหน้าที่ไม่ต่างจากเบ้ไล่ตบมังกรหรือจอมมารตามคำขอของชาวบ้าน ไปๆ มาๆ ความเทพทรูนั้นถึงจะทำให้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแต่ก็ต้องทำงานไล่ปราบหายนะแบบไม่จบไม่สิ้น
>>334 ตามที่ >>335 ว่านะเพื่อนโม่ง การเอาคาแรคเตอร์คนอื่น เอาสำนวนคนอื่น เอาระบบโน่นนี่นั่นของคนอื่นมาเขียนเป็นชุดๆ จนคนอ่านสัมผัสได้ มันจะไปเข้าข่ายหยิบโน่นผสมนี่
พูดให้เห็นภาพก็ คนเขียนไปอ่านนิยายเรื่องนั้นเรื่องนี้มา เจออันนี้น่าสนใจ เจออันไหนชอบ ก็จับๆ มาเรียงๆ ต่อๆ กันประหนึ่งงานศิลปะตัดแปะ ต่อให้ตัดแปะจนเป็นภาพใหม่ดูเนียนๆ สวยๆ มันก็คือตัดแปะอยู่ดีอะนะ
ถามนิดนึง เห็นในนี้น่าจะเคยอ่านพวกนิยายเว็บกันมาเยอะ คือ
กูอยากอ่านแนวแบบตัวเอกเป็นนักบวช(ศาสนาอะไรก็ได้)หลุดไปต่างโลกแล้วเดินทางเผยแผ่ศาสนาอะไรงี้อะ มีบ้างรึเปล่าหว่า
ทุกวันนี้กูลองนั่งอ่านพวกนิยายจีนที่มีแปลในเด็กดีแล้วรู้สึกแปลก ๆ ว่ะ พระเอกแม่งเหี้ยกว่าตัวร้ายอีกสัส แล้วยังเสือกมีหน้าไปว่าตัวร้ายชั่วอีก แถมคนรอบตัวพระเอกแม่งก็อวยชนิดที่ว่าเลียตั้งแต่รองเท้ายันซอกไข่ กูนี่แทบจะเอาตีนก่ายหน้าผาก กูอ่านต่อไม่ไหวเลยดรอปไปหลายเรื่องละ กูสงสัยมากว่าคนอ่านไม่รู้สึกแปลก ๆ มั่งหรอวะ แล้วคนจีนนี่แม่งเก็บกดอะไรมารึเปล่ากูเห็นเรื่องที่ดัง ๆ แม่งมาแนวนี้หมดเลย
เรื่องในฉีเตี้ยน (เว็ปเด็กดีจีน) ส่วนใหญ่ก็แบบนี้ละ เน้นเอามันส์ไว้ก่อน สมองไม่ต้อง ตรงข้ามกับนาโร่ (เว็ปเด็กดีญี่ปุ่น) ที่พระเอกเอื่อยเฉื่อยเหลาะแหละคิดแต่จะกินซูชิ ข้าวสวย และทำตัวอ่อนแอ
แต่นิยายพวกนี้ส่วนใหญ่ขยะทั้งนั้น ขายแบบเล่มไม่ดีนักหรอก เพราะมันด้อยค่าเกินกว่าจะซื้อเป็นเล่ม นิยายแบบเล่มที่ขายดีคือพระเอกจะต้องเป็นมนุษย์ มนุษย์ที่ทำตามคติเต๋า คือผ่านความทุกข์ยาดนานับประการเพื่อบรรลุเป้าหมาย แต่ยังไม่สูญเสียธาตุแท้ (จิตดั้งเดิม) ของคน นี่เป็นแบบฉบับที่คนจีนชอบที่สุด และขายดีที่สุดด้วย
ฉีเตี้ยนก็ไม่ต่างจากเด็กดีหรอก มันมีแบบแผนการติดท็อปของมัน ส่วนใหญ่จะเป็นขยะขายไม่ออก แต่เรื่องที่ดีคือดีจริงๆ อ้อ ฉีเตี้ยนมีระบบให้เงินคนเขียนตามยอดวิวนะ ดังนั้นตอนนึงจะสั้นๆ ลงถี่ๆ ลงยาวๆ และมุกตันกลางทางซะส่วนใหญ่
ลืมตอบข้อแรก เท่าที่รู้ไม่มี เพราะตอนนี้คนไม่มีศาสนาเยอะ การเล่นประเด็นศาสนามันขายยาก และอาจถูกมองในแง่ลบได้หลายอย่าง แต่ถ้าเป็น sub plot ก็พอมี อย่างหวงสือในจอมทัพพลิกแผ่นดิน ย้อนเวลาไปดัดแปลงศาสนาคริสต์ในจีนเพื่อสร้างทหารศาสนา
นอกนั้นคิดไม่ออกแฮะ แต่น่าสนใจดี
>>337 เคยมีคนยกเรื่องคนจีนเก็บกดด้วยเว้ยเฮ้ย
ถ้านึกเล่นๆ เท่าที่จะเป็นไปได้ก็คือ คนที่เป็นบิดาหรือมารดาหรือบรรพบุรุษปลูกฝังความเกลียดชังที่มีต่อเหตุการณ์ในอดีตผ่านมายังรุ่นลูกรุ่นหลาน แล้วทำให้เด็กคนนั้นโตขึ้นมามีอคติกับชาติอื่น โดยที่เด็กคนนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ กับสงครามในอดีตครั้งนั้น เด็กคนนั้นก็โตมาเป็นผู้บริหารพร้อมทั้งความคิดชาตินิยมที่ถูกปลูกฝังมาแบบผิดๆ
ซึ่งถ้าผมมองก็เหมือนประวัติศาสตร์ไทยที่ปลูกฝังให้เราเกลียดชาติอื่น เช่น พม่า เขมร โดยที่จริงๆ แล้วเรื่องสงครามในอดีตมันก็ผ่านมานานจนไม่มีใครเหลือชีวิตกันอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันเราก็ยังเน้นปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ในหัวของเด็กรุ่นหลังกันต่อไป
ส่วนตัวคิดว่าเราควรจะเลิกล้างสมองเด็กรุ่นหลังกับเรื่องราวในอดีต ถึงแม้ว่ามันจะขมขื่นแค่ไหน เพราะการปลูกฝังเรื่องนี้ผมมองว่าไม่ได้มีประโยชน์อันใดแม้แต่น้อยครับ ท่าจะสอนก็ควรถ่ายทอดเป็นอุทธาหรณ์สอนให้เด็กรุ่นใหม่อย่าทำแบบอย่างคนรุ่นเก่าซึ่งน่าจะมีประโยชน์มากกว่าครับ
ในอดีตจีนเคยเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ แต่พอจนฝรั่งยุคล่าอาณานิคมรุมกระซวก
วางยาใช้ฝิ่นทำลายชาติ และบอกว่าคนจีนเป็นคนป่วยแห่งเอเซีย
จีนก็หมดความยิ่งใหญ่ พอยุดสงครามโลก ก็โดนญี่ปุ่นยำเละ อย่างเรื่องน่านกิงนี่ใครอ่านจะรู้ว่าโหดพอกับนาซีทำกับยิว
ส่วนตอนนี้
อเมริกาก็ยังกดดันจีนอยู่ตลอดเวลา เพราะประเทศจีนมีศักษภาพมาตั้งแต่ยุคโบราณ กลัวจะยิ่งใหญ่เหนือตน(ฝรั่งผิวขาว)อ เช่นเดิมอีก
ถ้าจีนไม่คิดเรื่องสงครามที่เคยโดน ป่านนี้คงเละเทะแตกประเทศเป็นสิบไปแล้ว
สงครามไม่เคยหมดจากโลกนี้นะ
>>340 ปัญหาคืออเมริกายังเอาเรือรบมาปิดล้อมจีนอยู่นะ
ประชาชนก็ต้องรู้สึกต่อต้านเป็นธรรมดา
แถมยุแหย่ให้ดินแดนต่างๆ แยกตัวจากจีนตลอดเวลา
เกมการเมืองที่เปิดหน้าแบบนี้ ยังไงจีนก็ต้องโกรธอยู่แล้ว
ส่วนไทยเราไม่ใช่ว่าไม่มีเรื่องอะไรเลย
แค่เขมรยังปะทะกันตูมตามไปไม่กี่ปีนี่เอง ถ้าเราไม่มีอาวุธเหนือกว่ามาก รับรองทางเขมรไม่หยุดหรอกครับ
อนาคตอีกถ้าฝั่งพม่าเขาสงบเมื่อไร ปัญหาเรื่องดินแดนรอยตะเข็บ ได้ถกเถียงกันอีกหลายจุด เพราะพม่าถือว่าชาติของเขายิ่งใหญ่ในแถบนี้
ถ้ายอมรับความจริง ด้านเชื้อชาติแถวนี้ ยังดูถูกดูแคลนกันมาโดยตลอด ไม่มีใครชอบใครด้วยใจจริงหรอก
ไม่ว่า พม่า ลาว เขมร ไทย เวียดนาม มลายู มีโอกาสก็พร้อมเสียบข้างหลังทันที
แบบภาคใต้เรา ถ้ามาเลไม่สนับสนุนเป็นที่หลบภัยกลุ่มแบ่งแยก
ก็คงไม่ยืดยื้อมาถึงทุกวันนี้
กูว่าพวกมึงไปไกลกันละ ขอตัดกลับมาที่นิยายเด็กดีดีกว่ามึง
พักชมสิ่งที่น่าสนใจกันสักครู่ เห็นว่าคนเขียนเรื่องพระชายารั่วซีดราม่าแรงมาก ประชดถึงขั้นแบบว่าขอบคุณที่ทำให้รู้ตัวว่าบกพร่องทางสมอง กูจะเข้าไปดูมันปิดตอนไปแล้ว อมก.
ถ้าพูดถึงลอกหรือแรงบันดาลใจของพวกจีนเสิ่นเจิ้นนะ เรื่องหวนก็พอกัน ถ้าอ่านนิยายแปลจีนดังๆ มาเยอะหน่อยจะรู้สึกถึงกลิ่นอายและบางฉากจากหลายๆ เรื่อง อย่างอีฉากต้อนรับเจ้าหญิงต่างเมืองแล้วเจ้าหญิงออกมาเต้นระบำโยนผ้าอ่อยผู้ของนางเอก นางเอกหวงรับผ้าแทนแล้วออกไปเต้นประชัน แม่มใช่มาก ลำนำทะเลทรายไงจะอะไรล่ะ
พวกคนเขียนพวกนี้ส่วนใหญ่อายุยังน้อย ไม่เข้าใจว่าอะไรคือผิดคือถูก แยกไม่ออกระหว่างลอกกับแรงบันดาลใจ บางคนก็สับสนระหว่างพาโรดี้กับจิ๊กส่วนเล็กส่วนน้อยจากตรงนั้นทีตรงนี้ทีมายำใหม่
ประมาณว่าลอกเอาฉากเด่นในนิยายอื่นมาไว้ในนิยายตัวเอง แทนที่จะคิดประชันอย่างอื่นแทน
แต่เข้าใจได้อยู่เพราะขนาดแค่พล็อตใหญ่แค่ออกไปแนวเดียวกันอย่าง เรื่องพิษสวาท ยังโดนวิจารณ์มากมายเป็นดราม่า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.