Fanboi Channel

นิยายเด็กดี บทที่ 4

Last posted

Total of 1000 posts

1 Nameless Fanboi Posted ID:QW/Bhwni.

เม้าท์มอยนิยายเด็กดี จะอวย ชม ติ ด่า วิจารณ์ก็จัดไป

คลังกระทู้เก่า
นิยายเด็กดี บทที่ 1 -- https://fanboi.ch/webnovel/2403/
นิยายเด็กดี บทที่ 2 -- https://fanboi.ch/webnovel/2703/
นิยายเด็กดี บทที่ 3 -- https://fanboi.ch/webnovel/2907/

ตั้งรอจ้า

2 Nameless Fanboi Posted ID:I4ojBAAdj

คุยไรต่อดีคะซิส

3 Nameless Fanboi Posted ID:hATERmpn7

ว่าด้วยเรื่องฮาเร็มต่อ
กูจำไม่ได้ว่าเคยอ่านจากที่ไหนมา
ที่บอกฮ่องเต้มีสนมมากมาย เพราะสมัยก่อนทำมาหากินยากลำบากมากๆ
ใครได้เป็นสนมก็หมดกังวลเรื่องนี้ไป
พอเข้ายุคนี้ผู้หญิงทำงานได้ไม่ต้องเพิ่งพาผู้ชายอีกแล้ว เรื่องฮาเร็มเลยหมดไป ยกเว้นบางศาสนาที่ยังคงไว้ด้วยเหตุผลความมั่นคงในประชากรของตน
แต่ทุนนิยมมันแค่ปรับรูปแบบฮาเร็มไป
จากยอมจำเจกับผู้ชายคนเดียว เป็นไม่แคร์เรื่องผูกพันเท่าไร ไม่เหมือนสมัยโบราณ
เปลี่ยนเป็นแนวฮาเร็มในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายผู้หญิงหลายคนได้แทน
คือผู้ชายและผู้หญิงก็มีซัมมิ่งระหว่างกันได้มากมายเกินและไม่ยึดมั่นความรักลึกซึ้งเหมือนเก่า
แบบอย่าถามว่าเธอหรือเขาเคยผ่านแฟนเก่ามาแล้วเท่าไร กว่าจะมาแต่งงานจริงจังกัน

4 Nameless Fanboi Posted ID:QW/Bhwni.

กูขอเรื่องเน็ตวอชบุกหน่อยแล้วกัน จริงๆกูก็เล่นมู้นินทาเด็กดีนะ แต่กูเบื่อเวลามึงเอามู้ที่ไม่เกี่ยวกับนิยายมาแปะมาก เข้าใจเว้ยว่ามู้นิยายคนคึกคักกว่ามู้นินทาที่ตอนนี้เงียบกริบ แต่แม่งมันนอกเรื่องไง แล้วมึงก็ไม่ต้องไปให้ความสนใจพี่ถุยมากก็ได้ ห่า ขยับตัวทีนึง ตั้งกระทู้ทีนึงมึงก็เอามู้มันมาแปะ ก็รู้อยู่ว่ามันวันนาบี มึงเมินๆมันไปมั่งก็ได้ ยิ่งให้ความสนใจมันก็ยิ่งเหลิงป่ะ

5 Nameless Fanboi Posted ID:Xk.utnLLT

กูไม่ค่อยนิยมนิยายฮาเร็มสักเท่าไร แต่กูเคยอ่านอสูรพลิกฟ้าแล้วก็ยอมรับว่าสนุกดีแต่ยิ่งอ่านเนื้อเรื่องเกี่ยวกับผญ.ก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ แล้วทำให้รู้สึกหมดสนุกเลยว่ะ หรืออาจจะเป็นเพราะกูไปอ่านสปอยฮาเร็มของมันมาด้วยมั้ง

6 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

เห็นโม่งหอบนิยายมาตั้งเยอะ ไม่มีใครสับให้เลย กูจำได้ว่าห้องนี้เริ่มมีคนเข้ามาเยอะเพราะการสับนิยายนี่แหละ ถ้ากูจำไม่ผิดน่าจะเริ่มจากใครสักคนเอานิยายหนูพริมณารามาสับมั้ง แล้วแม่มไอ้นั่นก็เสือกสับได้มีหลักการไม่ลำเอียงด้วย ถึงหนูพริมจะไม่ใช่ที่ชื่นชอบของใครๆ เท่าไหร่ แต่ยอมรับว่าโม่งคนนั้นมันพูดไปตามเนื้องานจริงๆ โม่งคนนั้นถ้ายังเล่นโม่งอยู่กูเป็นแฟนคลับมึงนะ แต่ตอนนี้มีนิยายมากองตรงหน้ากลับไม่มีใครสนใจเลย หรือทาร์เก็ตของห้องมันเปลี่ยนไปแล้ววะ

7 Nameless Fanboi Posted ID:8waQxkm0I

>>6 กูโม่งฮินะ เคยสับอยู่บ้าง แต่หลังๆกูรู้สึกกูอคติเยอะ กลายเป็นอ่านจับผิดสับเอามันลูกเดียวไปหลายเรื่องเลยยังไม่อยากสับใคร อยากจะไปปรับความคิดตัวเองให้ดีกว่านี้ก่อน กูก็รอโม่งคนอื่นมาสับอยู่เหมือนกัน

8 Nameless Fanboi Posted ID:/1ICjMtAz

ตามมาจากนิยายห้อง 3 สรุปไม่มีใครแนะนำนิยายออนไลน์ตลกๆ ให้กูได้สักคนเลยเหรอ หาเองแม่งก็มีแต่พวกขี้โม้ ตลกฝืดหาดีไม่ได้สักเรื่อง

ไม่ก็สับนิยายเจ๋งๆ เรื่องสองเรื่องก็ยังดี จะได้ตามไปอ่าน ช่วงนี้กูว่างงาน

9 Nameless Fanboi Posted ID:dy.Xd9WM1

คิดยังไงบ้างกับนิยายแฟนตาซีสมัยนี้
https://www.dek-d.com/board/view/3691370/

10 Nameless Fanboi Posted ID:MM6VxnZs.

>>8 นิยายตลกๆ เขียนยากจะตายห่า กูพยายามเขียนหลายรอบแล้วแม่งไม่รอด

11 Nameless Fanboi Posted ID:WaJRSI5sx

นิยายตลกมันต้องมาจากความไม่พยายามว่ะ แบบนึกจะมาก็มาเอง ส่วนมากถ้าพยายามจะไม่ค่อยตลกหรือไม่ตลกเลย

12 Nameless Fanboi Posted ID:u1s/Pjts.

>>>/webnovel/2907/988 ขุดนิยายที่มีคนกองไว้ เผื่อมีใครมาสับ

13 Nameless Fanboi Posted ID:dy.Xd9WM1

>>8 ส่วนใหญ่แป๊ก แก๊งสามช่าแสดงตลกกว่าเกมออนไลน์พวกนี้เลย

14 Nameless Fanboi Posted ID:eUHX5Xf46

>>12 เรื่องกรุ สนุกใช้ได้ อ่านง่าย บอกเล่าทฤษฏีในเรื่องผ่านคำพูดตัวละครได้ดี คอนเซปมิติกรุในเรื่องคล้ายๆinsidious แต่ไม่ได้เหมือนเด๊ะ ชอบตรงสร้างเรื่องอาถรรพ์แบบไทยๆมาใส่ได้ดี แต่กุว่ายังเล่นกับความระทึกหรือหลอนได้ไม่สุดเท่าไหร่
ปล. ไม่ได้สับนะแค่ความเห็นเฉยๆ เพราะเคยแค่อ่านผ่านๆเท่านั้นไม่ได้จ้องหาจุดผิด

15 Nameless Fanboi Posted ID:4J4dyNVt5

>>11 ใช่มุกที่ไม่คิดว่ามันจะตลก เพราะมันไหลไปกับเนื้อเรื่อง คนอ่านมักจะฮากว่า ช่วงที่พยายามเล่นมุกเหมือนว่ามันรู้อยู่แล้ว

16 Nameless Fanboi Posted ID:eUHX5Xf46

>>9 ดูทู้แล้วอยากหาดาร์กแฟนตาซีโกธิค แนวๆยุคกลางอ่านเลย ในdek d มีหรือเปล่า

17 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>7 ดีจังที่มึงยังวนเวียนแถวนี้ กูยังไม่กล้าทักมึงหลังไมค์ไปเลยว่ะฮิ ฮือๆ (กูโม่งที่คุยกับมึงในห้องแชทวันนั้น)

นิยายตลกกูนี่แต่งไม่ได้เลย เพราะเซ้นด้านอารมณ์ขันของคนเรามันต่างกันมาก พวกคอมิดี้เท่าที่กูเคยอ่านนี่หาตรงจริตไม่ได้สักอัน(ละคร/หนังไทยยิ่งไม่ต้องพูดถึง วนแต่เรื่องตลกหยาบโลนกับตลกเรื่องเพศ)

วันก่อนเห็นคนพูดกันว่า แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีตอนนี้มันเป็น แนวโรงเรียน > ออนไลน์ > ต่างโลกเกิดใหม่ทะลุมิติ > แล้วเดี๋ยวมันก็จะวนไปโรงเรียนอีก เพื่อนโม่งคิดว่าไง พวกเราจะหลุดจากแนวเดิมๆกันได้มั้ยวะ แนวอื่นต้องทำยังไงถึงจะขึ้นมาได้บ้าง? (เรื่องที่แปลกใหม่นี่กูเจอเยอะนะ แต่มันไม่ค่อยดังอ่ะ...)

18 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

สวัสดี เราคือโม่งอารี ความจริงกลับมาเล่นโม่งได้สักพักแล้วแต่ขี้เกียจแสดงตัว เพราะจำได้ว่าติดวิจารณ์นิยายพวกนายอยู่เรื่องหนึ่ง

พูดก็พูดเถอะนะ ความจริงไอ้นิยายเรื่องนี้เนี่ยอ่านจบไปตั้งแต่เดือนสิงหานู่นแล้ว แต่ไอ้นิยายยาวเหยียดเรื่องก่อนแม่งสูบพลังกูฉิบหายเลย แถมมีงานเข้าด้วย เลยปล่อยเบลอไป วันนี้ก็ขอมาเคลียร์หนี้ให้ครบก็แล้วกัน ถ้าวิจารณ์ได้ไม่ดี หรือลืมเรื่องไปบ้างก็ต้องขออภัยก่อนนาจา

เรื่อง : The Parallel Dimensions
link : https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=1308156
จำนวน : 47 ตอน
สถานะ : จบแล้ว

เอาล่ะ สำหรับเรื่องนี้กูอ่านแล้วจำได้ว่าสนุก แถมยังจบแล้วด้วย ถ้าไม่ติดที่เรื่องก่อนหน้าดูดวิญญาณกูจนแห้งล่ะก็กูคงเขียนวิจารณ์ได้ยาวเหยียด แต่ก็เอาเถอะ ไอ้47 ตอนนี่จริงๆแล้วไม่ค่อยยาวเท่าไหร่ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ธีมของเรื่องน่าสนใจ มันเป็นโลกในอนาคตนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ประมาณว่าโลกของเราเกิดเหตุโรคระบาดขึ้นทั่วโลก รัฐบาลโลกก็เลยต้องสร้างเขตปลอดเชื้อ คนแต่ละคนก็อยู่แต่ในบ้านของตัวเองในเขตปลอดเชื้อนั่น แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์อื่นใดนอกจากคุยกันผ่านเน็ตอะไรงี้ อารมณ์ว่าเป็นโลกที่สะดวกสบายมาก มึงไม่ต้องออกจากบ้านก็สามารถสั่งซื้อของ เรียนหนังสือ บลาๆ ทำอะไรต่อมิอะไรคนเดียวได้ แต่รัฐบาลก็อยากให้คนมีสังคมไง เลยพยายามผลักดันให้คนออกจากบ้านบ้าง แบบบังคับให้เด็กต้องไปโรงเรียนถึงแม้ว่าจะเรียนผ่านเน็ตได้สบายๆ ไรงี้

จุดสำคัญอีกอย่างหนึ่งของเรื่องก็คือโลกนี้(หรืออย่างน้อยก็คือในเขตปลอดเชื้อ) ไม่มีสัตว์ เพราะถือกันว่าสัตว์เป็นตัวเชื้อโรค ดังนั้นเกมเสมือนจริงจึงเป็นสิ่งที่คอยปลอบประโลมคนในโลกใบนี้ อย่างเช่นพระเอกของเราที่ชื่อไอดิน เขาเล่นเกมสัตว์เลี้ยง เลี้ยงมังกรมังกรเหี้ยเห้ออะไรเต็มไปหมดอยู่ในโลกเกม

ในวันที่สงบสุขวันหนึ่ง จู่ๆก็มีสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นในเมือง พระเอกก็รีบกลับบ้าน ล็อกบ้านแน่นหนาเพื่อป้องกันเชื้อโรค และทางหน่วยงานรัฐก็รมยาฆ่าเชื้อทั่วทั้งเมืองไป ผ่านมาหลายวันไม่มีเหตุผิดปกติ จนมาถึงคืนที่สี่ก็มีไอ้ตัวประหลาดท่าทางทรมาณมาเคาะหน้าต่างห้องของพระเอก พระเอกแม่งสงสารก็เลยปล่อยให้เข้ามา ไอ้ตัวประหลาดนี่หน้าตาเหมือนเสือแต่มีขนปุยๆ มีเขาและก็มีปีก เอาเป็นว่าแม่งเหมือนตุ๊กตายัดนุ่นตั๊ลลั๊คคค นั่นล่ะ แต่พระเอกแม่งเสือกแพ้ขนสัตวก็เลยจาม ไอ้สัตว์นั่นแม่งฉลาด รู้ว่าพระเอกแพ้ก็เลยยอมหลบมุมไปนอนไกลๆ

ขี้เกียจพิมพ์ยาวละ เล่าแบบรวบรัดไปเลยแล้วกันว่าไอ้สัตว์เนี่ยมันชื่อว่าโคซาน ซึ่งเป็นร่างแรก โคซานเมื่อรวบรวมพลังเวทก็สามารถแปลงร่างไปเป็นคนได้ คนก็แนะนำตัวว่ากูเนี่ยชื่อมุส มีตำแหน่งใหญ่โตอะไรสักอย่างในโลกต่างมิติ ที่ข้ามมิติมาก็เพื่อที่จะมาตามล่าโจรขโมยไข่สัตว์เทพ(จริงๆมันมีชื่อไข่แต่กูขี้เกียจจำ)

มุสโม้ว่าจริงๆตัวแม่งเนี่ยเก่งเทพสัสๆเลยนะ แต่ว่าต้องรอชาร์จพลังแปลงร่างเป็นร่างสามก่อน มุสรู้สึกแปลกใจมากที่โลกนี้ชาร์จพลังได้ยาก จนในที่สุดไอดินก็หาคำตอบได้ว่า ที่ชาร์จพลังได้ยากเพราะมียาฆ่าเชื้ออยู่ในอากาศ และเวลาที่มุส(หรือโคซาน) เดินผ่านเครื่องฆ่าเชื้อ แม่งก็จะง่อยเปลี้ยเสียขาไปด้วย (สรุปว่าไอ้ห่านี่แพ้ยาฆ่าเชื้อนั่นเอง)

ไอดินต้องจำใจพามุสไปโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากโลกใบนี้มันไฮเทค ขืนให้มุสเดินท่อมๆไปเรียนก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีข้อมูลส่วนตัวอะไรอยู่ในฐานข้อมูลเลย ก็เลยให้มุสแปลงร่างเป็นโคซานจิ๋ว หลอกคนอื่นว่ามันเป็นหุ่นยนต์ สาวๆเห็นสาวๆก็กรี๊ดเพราะมันน่ารัก แต่มีเด็กผู้หญิง(สวย) คนนึงในห้องที่ตกใจเมื่อเห็นโคซาน เธอชื่อเกล็ดแก้ว ที่เธอตกใจก็เพราะเธอรู้ว่ามันไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่เป็นสัตว์จากต่างมิติ ซึ่งสาเหตุที่รู้ก็เพราะเกล็ดแก้วได้ให้ที่พักพิงแก่ลาทีฟ ซึ่งเป็นโจรขโมยไข่เทพที่มุสกำลังตามหานั่นเอง

เรื่องก็ผจญภัยไปเรื่อยๆ มีการเอาโคซานไปที่ห้องทดลองเพื่อเปรียบเทียบดีเอ็นเอบลาๆ อ่านเพลินๆก็สนุกดีแต่ขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าสุดท้ายแล้วที่ลาทีฟขโมยไข่มาเพราะมีเจตนาดีอะไรสักอย่างที่กูจำไม่ค่อยได้ แต่มันก็มีนักเวทชั่วอีกกลุ่มหนึ่งที่ตามล่าลาทีฟมาจากโลกต่างมิติเหมือนกัน พวกไอดิน+มุส+เกล็ดแก้ว+ลาทีฟ ก็ช่วยกันสู้บ้างอะไรบ้าง สุดท้ายมุสสามารถรวบรวมพลังจนแปลงร่างเป็นขั้นสามได้ก็จัดการโชว์เทพ สู้ชนะ แล้วก็พาลาทีฟกลับไปรับโทษที่มิติของตัวเอง

แต่ตอนสุดท้ายไอ้ลาทีฟนี่ก็ไม่ได้รับโทษหรอก ประมาณว่ามุสช่วยแก้ตัวต่อราชาให้ว่ามีเจตนาดีงู้นงี้ ลาทีฟจึงได้ครอบครองไข่สัตว์เทพ พอฟักก็เลี้ยงดูอย่างดีบลาๆ ตอนจบมุสก็ข้ามมิติกลับมาเยี่ยมไอดิน แฮปปี้เอนดิ้ง

เอาล่ะ ต่อไปเป็นการให้คะแนน

19 Nameless Fanboi Posted ID:4J4dyNVt5

>>17 รอให้ญี่ปุ่นหรือจีนเปลี่ยนแนว เกิดใหม่ย้อนยุค
เดี๋ยวไทยเราก็เปลี่ยนตาม ปัจจัยของเราส่วนใหญ่มาจากนั้น
ยกเว้นแฮรรี่ที่แทรกเข้ามาเป็นตำนานแนวโรงเรียน
ตอนนี้ยังไม่เห็นทางฝั่งตะวันตก มีแนวอะไรที่เป็นเรื่องจุดชนวนให้ไทยตามแห่เขียน

20 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>19 แสดงว่าสุดท้ายแล้วพวกเราก็ทำได้แค่รอให้มีกระแสแรงๆ จากประเทศอื่นมาจุดกระแสบ้านเราสินะ TT

21 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

ต่อจาก >>18 ให้คะแนนเรื่อง The Parallel Dimensions

ก่อนอื่นต้องขอโทษทั้งเจ้าของเรื่องและพวกมึงด้วยนะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเล่าเรื่องน้อยไปหน่อย แต่จริงๆแล้วสาระสำคัญมันก็มีอยู่ประมาณนั้นล่ะ

คำผิด : ไม่ค่อยพบคำผิดเท่าไหร่ น่าเสียดายที่ตอนอ่านละเอียดอ่านไว้นานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้ว่ามีการเขียนผิดแบบน่าเกลียดๆรึเปล่า เมื่อกี้ลองกลับไป skim อ่านมาก็ไม่เห็นคำผิดอะไรนะ อย่างมากก็แค่เว้นวรรคแปลกๆ หรือพิมพ์ตกนิดหน่อย ให้ 9/10 ละกันค่ะ

การบรรยาย : เนื่องจากเป็นการบรรยายแบบบุคคลที่หนึ่ง เพราะงั้นเตรียมใจไว้ได้เลยว่าจะต้องโดนกูหักคะแนนแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการเล่าเรื่องก็ลื่นไหลไม่ติดขัด มีการเลี่ยงการใช้คำซ้ำ อ่านการบรรยายแล้วสามารถเข้าถึงอารมณ์ของพระเอก และยังพอที่จะวาดภาพสภาพแวดล้อมของเรื่องออกมาได้ ต้องขอชื่นชม กูให้ 8/10

ตัวละคร : เฉยๆ คือต้องบอกไว้ก่อนว่าเวลาของการดำเนินเรื่องมันน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องเนี่ยผ่านมาแค่แป๊ปเดียวเองมั้ง เลยทำให้ไม่ค่อยเห็นการพัฒนาของตัวละครสักเท่าไหร่ แต่คาแร็คเตอร์ของพวกมันก็ชัดดี อย่างไอ้เจ้าพระเอกก็ดูซื่อๆ เอ๋อๆ หงอๆ ไอ้มุสก็ดูหน้าหม้อ เกล็ดแก้วก็ดูหยิ่งๆ ยิ่งเมื่อบวกกับการบรรยายด้วยมุมมองบุคคลที่หนึ่งก็ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจความนึกคิดของตัวละครอื่นๆนอกจากพระเอกเลย ให้ 7/10 แล้วกันนาจา

เนื้อเรื่อง : ชอบการเซ็ตธีมของเรื่องมากตรงที่พูดถึงเมืองในอนาคตได้อย่างมีมิติ กล่าวคือไม่ใช่แค่พูดว่าโลกเผชิญปัญหาโรคระบาด เมืองเลยต้องเป็นระบบปิดแค่นั้นจบ แต่ผู้เขียนมีการอธิบายถึงระบบต่างๆของเมือง เช่น ไปซื้อของยังไง สวนสาธารณะ การปกครอง การผลิตอาหาร การกำจัดขยะ ซึ่งขอชื่นชมมาก สำหรับตัวเนื้อเรื่องจริงๆ ถ้าจะย่อให้สั้นมากๆก็คงได้ว่า "ตามล่าหัวขโมยจากต่างมิติ สุดท้ายก็ตามเจอแล้วพากลับไป จบ" คือเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การเคลียร์ปมหลักของเรื่อง ปมรองๆเท่าที่เห็นก็มีแค่ จะปกปิดพ่อแม่ยังไงไม่ให้รู้ว่าพระเอกแอบเอาสัตว์เข้าบ้าน ประมาณนี้ ถ้าเพิ่มปมย่อยเข้ามาก็จะทำให้เรื่องมีสีสันมากขึ้น ให้ 7.5 /10 นาจา

สรุปผล 31.5/40 ถือว่าเป็นนิยายดีๆอีกเรื่องที่ไม่ค่อยซู อ่านสนุกเพลินๆได้ แถมยังเขียนจบแล้วด้วยไม่ต้องกลัวค้างคาหรือลอยแพ หนูยกนิ้วให้ค่ะ

22 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>21 The Parallel Dimensions ถ้ากูจำไม่ผิดเรื่องนี้น่าจะผ่าน สนพ อะไรสักอย่างไปแล้วนะ หรือไม่ก็นักเขียนคนนี้มีงานตีพิมพ์ไปบ้างแล้ว ตรีพันธ์ นี่เป็นนักเขียนที่พอมีชื่อเหมือนกันแต่ไม่ดัง

23 Nameless Fanboi Posted ID:ZZszrMDPG

>>18 >>21 มึงสับได้รู้สึกน่าอ่านมาก ว่างๆ กูไปลองอ่านดีกว่า

>>22 อ่านเม้นมึงแล้วกูเลยไปค้น ปรากฏว่าเขาคือคนแต่งเรื่อง Half Twin ที่พิมพ์กับเอนเธอร์ ซึ่งกูซื้อมาแต่ดองไว้นี่หว่า(...) เขียนจบหลายเรื่องดีวุ้ย นับถือ

แต่เรื่อง The Parallel Dimensions นี่กูว่าเขาเขียนแนะนำเรื่องได้ไม่ดีอ่ะ เขียนว่า "เรื่องของไอ้บ้าที่ข้ามมาจากมิติสารพัดสัตว์ มาพบกับไอ้บ้ารักสัตว์ในมิติที่ไม่มีสัตว์" มีไอ้บ้าตั้งสองครั้งจนกูแอบคิดว่าถ้ากูเข้าไปอ่านแล้วกูจะบ้ามั้ย แถมมันดูลอยๆ งงๆ เลยไม่เชิญชวนเท่าไร เม้นกับเฟ็บน้อยมากจนน่าตกใจ(ซึ่งขัดกับความรู้สึกกูมาก เพราะอารีสับแบบกูรู้สึกว่าน่าอ่าน) ยังไงเดี๋ยวกูไปลองอ่านดูเองก่อนแล้วอาจจะมาคุยว่าคิดเห็นอะไรต่างกับคนอื่นมั้ยนะ

24 Nameless Fanboi Posted ID:GlmJzovrh

>>23 half twin พิมพ์กับสถาพรนะถ้ากูจำไม่ผิด เห็นหลังจากนั้นออกเรื่องอะไรอีกสักเรื่องกับสถาพรด้วย

จากที่กูลองคลิกๆเข้าไปที่เพื่อนโม่งแนะนำ book revival นั่นคนแต่งก็เคยออกงานกับสถาพรป่ะ แต่ปีหลังๆไม่เห็นมีงานออก

25 Nameless Fanboi Posted ID:L8UXTi+Gj

>>22 แบบนี้นี่เอง ถึงว่าสิว่าทำไมคาแร็คเตอร์แม่งถึงดูตลาดๆ คงเพราะเคยได้ตีพิมพ์จึงจับแนวการเขียนถูก

สำนวนลื่นไหลดี แต่เรื่องไม่ค่อยซับซ้อนเลยนะสำหรับนักเขียนที่เคยมีผลงานเป็นเล่มมาแล้ว น่าจะวางปมให้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านี้สักหน่อย

26 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>25 ถ้าออกกับเอนเทอร์ก็ไม่น่าแปลกนะที่เรื่องจะไม่ซับซ้อน เพราะค่ายนี้เน้นแฟนตาซีเด็กผู้หญิง อ่านง่ายสบายๆ ไม่ต้องคิดเยอะ เป็นนโยบายการตลาดเขาแหละกูว่า

27 Nameless Fanboi Posted ID:GlmJzovrh

กูไปหามาละ ไม่ได้ออกกับเอนเธอร์นะ เขาเขียนให้สถาพรมา 2 เรื่องแล้วนะตรีพันธ์เนี่ย

https://writer.dek-d.com/nukrob/story/view.php?id=539798

28 Nameless Fanboi Posted ID:YslF.K.W7

>>27 พอฟังงี้กูแล้วนึกสงสารพวกเขียนแนวดาร์คๆ จริงๆ ว่ะ เมื่อกี้กูเพิ่งเข้าไปอ่านมู้ที่โม่งมาแปะ >>9 ท่าทางพวกนี้คงหา สนพ ตีพิมพ์ยากจริงๆ แต่กูก็ไม่ได้ตำหนิอะไร ตรีพันธ์ นะ เขาเป็นมวยเรื่องส่งต้นฉบับซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะงานเขามันก็อ่านเพลินดีอยู่ ส่วนพวกดาร์คก็คงต้องสู้ต่อไปในเมื่อใจรักจะเขียนแนวนั้น ก็ต้องทำใจกับเรื่องตลาด

29 Nameless Fanboi Posted ID:UKHDw8aTa

กูโมโม่(จั)งตัวจริงนะ มู้ที่แล้วกูเล็งไว้เรื่องหนึ่งแต่สับไม่ทัน มาสับมู้นี้ละกัน

Fantasy High School มาสร้างโรงเรียนเวทมนตร์กันเถอะ

เนื้อเรื่องน่าติดตามทุกตอน อ่านถึงตอนล่าสุดกูนี่กัดฟันเลย สนุกมากกก พล็อตจะแปลกใหม่ดี เป็นนิยายที่ว่าด้วยเบื้องหลังโรงเรียนเวทมนตร์ที่แท้จริงแล้วมันก็แค่ละครเรื่องหนึ่งที่พวกภูตหานักแสดงเป็นมนุษย์มาเดินเรื่องตามบทที่เขียนไว้โดยที่มนุษย์ไม่รู้ตัว มีแซะว่าพระเอกนั้นบทต้องเด่นตั้งแต่เปิดตัวเช่น มาสาย โชว์เทพช่วยนางเอก แรกๆ กากกว่าตัวร้ายแล้วจะไปเก่งในช่วงหลังๆ ทำตัวผิดกฎแล้วเจอความลับของโรงเรียนกลายเป็นผู้ถูกเลือก บลาๆ คาร์นางเอกต้องสาวซ่า พระรองสุภาพบุรุษ นางรองแม่พระ ตัวร้ายโคตรอันธพาล ตรงจุดนี้ทำให้กูนึกถึงละครไทยขึ้นมาเลย แต่นิยายเรื่องนี้ยังมีการหักมุมเบาๆ ที่มีการแทรกแซงจากบุคคลลึกลับทำให้บทละครเริ่มเพี้ยน เช่นนางร้ายที่มีบทว่าแอบชอบพระเอกมีพลังแฝงมากกว่าหนึ่ง พระเอกเป็นตุ๊ด ความทรงจำถูกดัดแปลง

โดยรวมนับว่าดีงาม มีแซะพล็อตโรงเรียนเวทมนตร์และคาร์ตัวละครที่ส่วนใหญ่มาแนวเดียวกันหมด ถึงบางช่วงจะเล่าเรื่องงงๆ อยู่หน่อยก็พอให้อภัย คำผิดแทบไม่มีสำนวนลื่นไหลใช้ได้ เซ็ตติ้งโลกโอเค มีชื่อไทยชื่อฝรั่งผสมกันอย่างมีเหตุผล คือตั้งให้ดูอินเตอร์นักเรียนที่เป็นคนไทยจะไม่ได้สงสัย แอบฮาตรงที่เคยคิดจะให้ครูในโรงเรียนเวทมนตร์มีชื่อไทยแต่ถูกค้านเพราะมันดูไม่อินเตอร์นี่แหละ

สรุปคะแนน 8/10 บางฉากยังเรียงลำดับได้มึนนิดหน่อยนะ

ปล.ใส่ธีมในตอนย่อยแถมเป็นพื้นขาวอีกอ่านแล้วปวดตาว่ะ กูอ่านในมือถือนี่โครตเซ็ง

30 Nameless Fanboi Posted ID:fMJtXF.M7

โม่งฮิ โม่งอารี โมโม่(จั)ง พวกมึงรียูเนี่ยนกันในกระทู้นี้แล้วสินะ กูดีใจ T_T

31 Nameless Fanboi Posted ID:iC5xqqCBP

>>29 กุลองไปอ่านมารู้สึกอ่านได้3บรรทัดก็รำคาญจนต้องปิดทิ้ง ทำไมมันไม่เหมือนที่มึงสับเลยวะ T_T

32 Nameless Fanboi Posted ID:M4+QVNdgP

>>31 สงสัยมึงไม่ชอบแนวนี้มั้ง บทแรกกูก็รู้สึกรำคาญอยู่ แต่พออ่านบทต่อไปมันเริ่มสนุกละ ช่วงแรกอาจมึนๆ เรื่องที่ตัวเอกแทนตัวเองว่าข้าแต่คุยกันใช้ผม ฉัน พอเข้าบททที่สามที่สี่เดี๋ยวก็ชิน

33 Nameless Fanboi Posted ID:P04eEoYTH

หลังๆมานี่รีวิวมีแต่อวยว่ะ กูอ่านไปสามตอนได้แต่ส่ายหัว

34 Nameless Fanboi Posted ID:8O/3LreK1

>>33 ตอนแรกนึกว่ากูเป็นคนเดียวที่รู้สึกรำคารญซะอีกนะเนี่ย กำลังจิตตกนึกว่ากูขี้รำคาญเกินไป ตกลงกุยังปกติอยู่สินะ

35 Nameless Fanboi Posted ID:gKM8pijwY

>>33 มึงรอโม่งฮิสิ รับรองด่ารัวๆ

36 Nameless Fanboi Posted ID:RSV0BH67F

>>33 ไม่ขนาดนั้นมั้ง มันแล้วแต่คนชอบมากกว่า มึงจำไอ้คนที่มันมาตั้งมู้ไม่เห็นด้วยกับ บก ที่ปฏิเสธงานมันในเด็กดวกได้ไหม ต่อมามันก็ตั้งมู้ใหม่หลังจากส่งไป สนพ ที่สอง บก สอง สนพ นี่วิจารณ์ไปคนละทางเลย จนกูยังสงสัยอยู่จนทุกวันนี้ว่ามันส่งเรื่องเดียวกันไปหรือเปล่า ถ้าจะบอกว่ามันรีไรท์งานดีขึ้น กูบอกเลยว่าไม่เชื่อ ในเมื่อมันก็บอกเองว่าไม่เห็นด้วยกับ บก คนแรก กูเลยมาสรุปเอาเองว่าคนเรามันชอบต่างกัน มันอยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเอาส่วนไหนมาพิจารณา ตัวกูเองชอบดูสำนวนการเขียนและการเดินเรื่อง ไอ้พวกใช้คำซ้ำรูปประโยคกำกวมนี่กูไม่อ่านต่อแน่ แต่ถ้าสำนวนดีเดินเรื่องช้ากูก็วางเหมือนกัน

37 Nameless Fanboi Posted ID:fMJtXF.M7

https://www.dek-d.com/board/view/3691582/ การกระทู้นี้ อยากมาถามเพื่อนโม่งว่าคิดยังไงกับเม้นที่ 3 ของพีทคุง ที่ว่าการเม้นนิยายเป็นเรื่องใหม่ ฝืนธรรมชาติ

ส่วนตัว กูคิดว่าเพราะเมื่อก่อนช่องทางการติดต่อกับนักเขียนโดยตรงมันไม่ค่อยมี คนก็เลยไม่ได้เม้นกัน(แต่ก็มีจดหมายเขียนไปคุยกับคนแต่งบ้าง ถ้าเป็นกรณีลงในนิตยสาร) แต่ตอนนี้เทคโนโลยีมันมาไกลแล้ว เพราะงั้นการเม้นนิยายก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติเท่าไร ...ทั้งนี้ทั้งนั้นกูไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับเม้นที่ 3 นะ เพียงแต่อยากลองเอามาถามว่าเพื่อนโม่งคิดยังไงกันบ้างอ่ะ?

38 Nameless Fanboi Posted ID:EBZ93gfmy

กูมองว่าการเมนต์คือ การทดสอบนิยายโดยตรงเลย ไม่ได้ฝืนอะไรทั้งนั้น
เพราะคนอ่านนิยายสามารถบอกอะไรกับคนเขียนได้โดยตรงในหน้านิยาย
ถ้าแค่ทำให้คนอ่านมีอารมณ์ร่วมในเนื้อหาตอนนั้นๆ ไม่ได้ แสดงว่ายากที่จะเดินต่อ นอกจากเขียนเล่นๆ ไม่หวังอะไรก็เป็นอีกเรื่อง
เคล็ดลับในการเขียนนิยายแบบหวังส่งเข้าสนพ.ก็เหมือนกัน
ถ้า 5-10 ตอนแรกทำให้คนอ่านติดตามเรื่องไม่ได้
นักเขียนหลายคนแนะนำว่าให้เลิกเขียนเรื่องนั้นได้เลย หรือนำกลับไปปรุงแต่งใหม่ให้ดึงดูดคนอ่านเข้ามาให้ได้สักจำนวนหนึ่งจึงพอมีลุ้น

39 Nameless Fanboi Posted ID:I58Y0bXPS

>>37 มึงตัดข้อความของ คห.3 มาไม่ครบนะ ตอนแรกที่กูอ่านเม้นมึงก็นึกว่าไอ้ห่านั่นบ้า อยู่ดีๆมาบอกว่าเม้นนิยายฝืนธรรมชาติ

จริงๆคือแม่งบอกประมาณว่า ปกติแล้วเวลาเราอ่านนิยายน่ะก็คืออ่านไปเรื่อยๆจนจบ ไม่ใช่ว่าจบตอนนึงแล้วจะต้องอยากคอมเมนต์ เว้นแต่ว่าจะมีอะไรที่มันตื่นเต้น ขัดใจ ซึ่งก็จริงอะนะ เคยเป็นมะแบบเวลาอ่านบทสนทนาจี๊ดๆแล้วจู่ๆก็วางหนังสือลุกพรึ่บ เดินวนไปวนมา โอ๊ย แม่งโดนจัย

สรุปก็คือ ไม่มีคนเมนต์ไม่ได้แปลว่าไม่สนุก แค่อาจไม่ค่อยมีอะไรให้ลุ้น ไม่ค้างคา ไม่จี๊ดหัวจัย

>>38 มีอารมณ์ร่วมมากๆ ก็เลยรีบกดตอนต่อไปอ่านโดยไม่เมนต์ก็มีนะมึง กูก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัล

40 Nameless Fanboi Posted ID:n8PO33H2X

>>38 โควต้ามึง 5 ตอนเลยเหรอวะ ของกูนี่ถ้า3บรรทัดแรกยังทำให้อยากอ่านไม่ได้ก็เข้าข่ายน่ารำคาญแล้วนะน่ะ = ='

41 Nameless Fanboi Posted ID:BBSqyjGjM

>>38 มึงอ่านอะไรตั้ง 5-10 ตอน

>>40 สามบรรทัดมึงก็ไทยเกิ้น

สำหรับกูให้สองตอน ถ้าอวยหน่อยกูให้สาม ถ้าตัวเอกมันไม่มีอะไรตั้งแต่สามตอนแรกกูไปนอนอ่านอย่างอื่นละ

42 Nameless Fanboi Posted ID:v+PoKLcsY

>>17 >>19 กูว่านิยายแฟนตาซีไทยหลุดเทรนยาก ต้องตามกระแสไม่งั้นขายไม่ได้ แนวนิยายแฟนตาซีในเด็กดีก็คงวนไปแหละตอนนี้แปลจีนกำลังมาก็โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดมีเรื่องดีๆน้อยมาก นอกนั้นกูทนไม่ไหวอ่านไปสองสามตอนก็ลาละ แนวจีนก็เป็นเกิดใหม่ต่างโลก/ทุละมิติซะค่อนนึง...

ส่วนนิยายแฟนตาซีฝรั่งที่ดังๆ ก็มีวนๆอยู่แค่ dystopia, fairy tale retelling, epic/high fantasy, paranormal romance, urban fantasy (พวกแวมไพร์ shapeshifter ปีศาจเทวดา historical ฯลฯ) เรื่องก็วนๆกันอยู่ประมาณเนี้ยเดี๋ยวพอมีอะไรดังได้สร้างเป็นหนังก็มีแนวเดียวกันตามมาอีกเป็นสิบ เท่าที่กูเห็นก็มีแค่นี้ ส่วนแนวเกมออนไลน์ย้อนยุคเกิดใหม่แบบบ้านเรา/เอเชีย ฝั่งโน้นไม่ค่อยมีเท่าไหร่

43 Nameless Fanboi Posted ID:BBSqyjGjM

เปรียบเทรนด์นิยาย นิยายแหวกแนวมันก็เหมือน อีปลวกเพื่อนกู ที่มันหน้าตาขี้เหร่ มันชอบตัดพ้อด้วยคำว่า "พิมพ์นิยม" พุดแม่งทุกจังหวะที่เห็นคนสวยกว่า ทำไมคนเราจำเป็นต้องไปศัลย์หน้า ทำผิวขาว ทำจมูกโด่งตามโลก ไม่งั้นหาผัวไม่ได้หรอ?

เขียนนิยายแหวกแนว ก็เหมือนสะเออะจะแรด หัวหยิกก็ตัดผมสั้น หน้าก็บานเป็นถาดใส่เส้นมะละกอร้านส้มตำ สินสอดเป็นล้านมึงอย่าหวัง ให้ข้าวแถมอีกสิบกระสอบเขาก็ไม่เอา

แน่นอนอีปลวกเพื่อนกูมันอาจจะนิสัยสันดานดี แต่ถ้ามันไม่ตามเทรนด์ เฉิ่ม ใครเขาจะมองมัน เอวังดีออก เอวัง กูเลยแนะนำให้มันเอานิยายมันไปสไลด์เขื่อนแทน

44 Nameless Fanboi Posted ID:VNGYTXCnG

เพื่อนโม่งมึงสับให้กุหน่อย ลองเขียนแบบไลท์โนเวล กุเพิ่งลงได้สองตอนดีป่าวไม่รู้เลย
https://writer.dek-d.com/fictionpersi/story/view.php?id=1527867

45 Nameless Fanboi Posted ID:n8PO33H2X

>>44 นิยายมึงโคตรน่ารำคาญ กูอ่านได้นิดเดียวก็ปิดละ ไม่ดึงดูดสัดๆ

46 Nameless Fanboi Posted ID:kW0PLivpQ

>>44 กูอ่านแล้วตามไม่ค่อยทันว่ะ ลองเขียนแบบธรรมดา แล้วเอามาให้กูอ่านใหม่ได้ปะวะ?

47 Nameless Fanboi Posted ID:tU/h8brHR

>>44 เหี้ยมเช้ามาให้กูอ่านไรวะเนี่ย กูอดทนเต็มที่อ่านได้แค่ครึ่งตอน สำนวนภาษามึงไม่ได้แย่นะใช้ได้เลยแต่มึงเขียนห่าอะไรข้ามไปข้ามมาขาดๆหายๆ มึงต้องเข้าใจว่าคนอ่านไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องกับมึง นิยายมึงเนี่ยต้องมีรูปประกอบทุกย่อหน้าเลยสัสไม่งั้นอ่านไม่รู้เรื่อง

48 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>44 มึงนี่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่สนใจอะไรเรื่องบทนงบทนำเลยนะ บทแรกมันควรเป็นบทนำ ที่สามารถบอกอะไรได้อย่างชัดเจนว่าเรื่องของมึงมันเกี่ยวกับอะไร การต่อสู้ ความรัก ต่างโลก อะไรก็ได้ แต่กูอ่านได้ประมาณครึ่งหนึ่งกูมีความรู้สึกว่า มันคือการเดินเรื่องในบทธรรมดา เปิดฉากมาตัวเอกเล่นปาจิงโก๊ะมันทำให้กูคาดหวังว่า กูจะได้รู้ว่ามันไปทำอะไรในนั้น ภายในหนึ่งหรือสองย่อหน้าที่ไม่ยาวมาก แต่กูอ่านไปจนถึงกลางบทกูก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเข้าไปทำอะไรในนั้น มึงต้องหัดสร้างประเด็นให้ตัวเอกก่อนว่ะ มึงต้องตอบให้ได้ว่าแต่ละฉากมันมีเพื่ออะไร อยากบอกอะไรกับคนอ่าน ไม่ใช่มีปมอยู่ในใจแค่ปมเดียวแล้วเขียนไปเรื่อยเปื่อยหาทางเข้าปมเดียวอันนั้นให้ได้ โดยไม่สนใจว่าที่ผ่านมาตัวเองเขียนอะไรที่ไม่ได้เกี่ยวกับปมนั้นเลยยาวมาเป็นหน้าๆ กูอยากฝากไว้ว่าทุกฉากทุกการกระทำมันควรมีเหตุผล เอาไปปรับปรุงซะ

49 Nameless Fanboi Posted ID:sUaqNMeFx

>>44 รณรงค์ให้ใช้เครื่องหมายอัญประกาศให้ถูกต้องค่ะ ใช้ "แบบนี้" ว้อย ไม่ใช่ " แบบนี้ " จะเคาะเว้นวรรคข้างในทำแป๊ะซะเหรอวะคะ

50 Nameless Fanboi Posted ID:q4HZyDQe/

สงสารพวกเด๋อที่เอานิยายตัวเองมาลงโม่งแต่โดนด่า

51 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>50 ถ้ามึงอยากได้คำชมกูชมได้นะ แต่มึงคิดว่ามันดีกับงานเขียนมึงหรือเปล่าล่ะ ถ้าอยากพัฒนามึงต้องหัดฟังคำแนะนำ แล้วไปวิเคราะห์ต่อเอาเองว่าเขาแนะนำมึงถูกหรือเปล่า ไม่ใช่เชื่อทุกอย่างที่เขาพูด

52 Nameless Fanboi Posted ID:JKARwDmXK

>>43 ไม่ถึงขนาดนั้นปะมึง นิยายตลาดอาจเปรียบเสมือนคนสวยแบบพิมพ์นิยม อะไรล่ะ หน้าวีเชพ ขาวโอโม่ ตาโต นมใหญ่

แต่ถ้านิยายของกูเป็นสาวตาคม ผิวเข้ม ยิ้มสวย มันจะถึงขั้นไม่มีคนชายตามองเลยรึ

แม่งก็แค่จับกลุ่มลูกค้ากันคนละกลุ่มแค่นั้น ไม่ได้หมายความว่าเขียนแหวกแล้วจะไม่ดีนี่หว่า

53 Nameless Fanboi Posted ID:JKARwDmXK

>>44 สำนวนใช้ได้ แต่ก็อย่างที่หลายๆ คห.บอกไปว่าอ่านแล้วงง มึงควรเน้นเรื่องการตัดฉากให้ดีกว่านี้ พยายามหาทางลงให้แต่ละฉากมีจุดมุ่งหมายของมัน ไม่ใช่เขียนลากยาวไปเรื่อยๆ คนอ่านเขาคิดไม่ทันมึงหรอก ยังไงก็สับสน

แต่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาได้นะ กูอ่านแล้วพอรับได้แต่คงพูดอะไรไม่ได้มากเพราะมีแค่ 2 ตอน ตั้งใจเขียนฝึกฝีมือไปแล้วกันนาจา

54 Nameless Fanboi Posted ID:4uAYrDQkC

กูอิจฉา >>44 ชิบเลยพวกมึงช่วยกันสับงานมันบอกว่าตรงไหนดีไม่ดีมั่งต้องแก้ตรงไหนมั่ง ทีตอนกูนะมึงไม่สับกันเลยพูดกันสองความเห็นแล้วเรื่องของกูหายไปกับสายน้ำดราม่าของหลุยส์ ฮือๆๆๆ

55 Nameless Fanboi Posted ID:4uAYrDQkC

>>54 สัสมึงอ่อนเองมั้งถึงไม่มีใครเข้าไปสับให้ขนาดเอามาแปะในนี้แล้ว นิยายมึงคงน่ารำคาญเหมือนกับมึงที่มานั่งเย้วๆอยุ่ในนี้นั่นแหละๆไอ้กาก

56 Nameless Fanboi Posted ID:sUaqNMeFx

>>54 โถ อาดูรนาจา ชีวิตมันเส้าขนาดต้องให้โม่งดูนิยายให้เลยหรา
ขุดนิยายที่มีคนกองไว้แล้วกัน สักเรื่องในนี้นี่ล่ะ เผื่อมีคนอยากด่ามันเล่น >>12

57 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>55 >>54 ทำไมมึงสองคอมเมนต์ไอดีเดียวกันวะ

58 Nameless Fanboi Posted ID:JKARwDmXK

>>57 ถถถถถถถถถถถถถถถถ แม่งพลาดละ

59 Nameless Fanboi Posted ID:PiWx939KU

การโดนสับนิยายมีข้อดีข้อเสียของมันนะครับ

คือนักเขียนบางคนเพิ่งเขียนไง สำนวน เนื้อเรื่อง คาแรค ยังไปไม่ถึงไหนเลย คือมันยังเร็วไปที่จะให้วิจารณาด้วยซ้ำ

อย่างต่ำๆ ต้องมี 100 หน้าขึ้นไปนะ คราวนี้ไม่ต้องให้ใครวิจารณาหรอก ในเบื้องต้น กลับไปอ่านงานตัวเองก็ขนตูดลุกแล้ว ตอนแรก กับตอนล่าสุด แม่ง เหมือนคนเขียนคนละคน

ดังนั้น อยากเป็นนักเขียนจริงๆ ต้องลองๆ คลำทางดูก่อน ถ้ามาให้สับแค่สี่ห้าตอน ยังเร็วไป

60 Nameless Fanboi Posted ID:sUaqNMeFx

>>57 อุ๊ย แหก 555555
กูเดาว่ามันคือคนเขียนเรื่องกรุ

61 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>59 มันแล้วแต่นะ ถ้าสามารถอ่านเองได้แล้วรู้ว่าพิมพ์นิยมคืออะไร เขียนไปร้อยตอนก็แก้ข้อผิดพลาดน้อยไม่ต้องแก้มาก แต่ถ้าไม่รู้อะไรจริงๆ แล้วเขียนไปร้อยหน้า คิดว่านักเขียนคนนั้นคงต้องทำงานหนักมากในเรื่องแก้ สู้ฟังคำแนะนำแค่ตอนสองตอนแรกแล้วค่อยๆ ปรับปรุงงานจะเบากว่าไหม

62 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

>>60 ช่างเหอะกูไม่คิดมากหรอก มันจะเขียนเรื่องอะไรก็ช่าง การที่กูจะอ่านหรือไม่อ่าน สับหรือไม่สับ มันไม่ใช่ว่ากูลำเอียงหรือไม่อยากช่วย มันอยู่ที่อารมณ์กู ณ เวลานั้นๆ ว่ากูอยากอ่านอะไรแนวไหน ถ้ากูไม่มีอารมณ์อยากสับกูก็ปล่อยผ่าน เพราะคนที่มาวางงานก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรกับกู มันแค่เวลาผิดปกติของกู ถ้าปกติกูก็ช่วยดูให้อยู่แล้ว แต่บางทีกูก็ไม่ได้อยู่ในโม่งตอนใครวางงานให้สับ กูว่ามันก็มีแค่นั้นนะ

63 Nameless Fanboi Posted ID:gUZIVN8o0

>61 ไม่ไง ถ้าให้วัดแค่ 3-5 ตอน มันจะน้อยเกินกว่าจะมาสับแล้วเกิดประโยชน์ อันนี้มุมมองส่วนตัวนะ

64 Nameless Fanboi Posted ID:G9Q.Li.s8

>>51 มึงใจเย็นที่กูบอกใน >>50 คือกูด่าว่ามันเด๋อ ไม่ใช่ว่ากูอยากให้มึงชมนะ

65 Nameless Fanboi Posted ID:G9Q.Li.s8

>>62 กูเข้าใจมึงนะ คือมึงจะอ่านเรื่องไหน จะสับเรื่องไหนมันก็เป็นสิทธิ์ของมึงนั่นล่ะ มันก็ต้องยึดตามความสะดวกของมึงไว้ก่อนอยู่แล้วแหละ มึงอย่าคิดไรมาก กูที่พวกมึงสับแล้วก็สนุกดี มีแต่ไอ้ตัวตะแง้วๆเรียกร้องให้คนมาสับ งอแงๆนี่ล่ะที่น่ารำคาญ ยิ่งมีการปั่นกระแสตัวเอง ไอดีเดียวกันยิ่งตลก

66 Nameless Fanboi Posted ID:Acqx9QiB0

เห็นนิยายพิราบเรื่องโรงเรียนกลับมาแล้วว่ะ มีบ่นท้ายตอนว่าจะเปลี่ยนมาใช้คำพูดแบบผู้หญิงไม่พูดว่าครับหรือใช้ผมอีก มันเกี่ยวอะไรกับเรื่องเลิกตีพิมพ์ปะวะ ดูเขาเฟลๆ ไงไม่รู้ว่ะ

67 Nameless Fanboi Posted ID:4uAYrDQkC

>>66 กุเริ่มรำคาญไอ้พิราบๆนี่แล้วนะเรื่องแม่งเยอะเหลือเกิน

68 Nameless Fanboi Posted ID:hphtAkM+k

กุมาดูผลตอบรับแล้ว...ขอบใจพวกพวกมึงมาก
>>45 ขอบคุณสำหรับความเห็นตรงๆของมึงนะ
>>46 รอกุรีก่อน เดี๋ยวให้ใหม่อีกทีหนึ่ง
>>47 นั่นสิมันขาดๆเกินๆเหมือนที่มึงบอกนั่นแหละ
>>48 กุเห็นภาพล่ะ แต่พระเอกมันไม่ได้เล่นปาจิงโกะนะมึง มันเสี่ยงโชคต่างหาก ขอบใจหลายๆ
>>49 นี่กุเพิ่งรู้เลยนะเนี่ยว่าเขาไม่เคาะข้างเครื่องหมายกัน กุงมโข่งโลกไหนมาวะเนี่ย
>>53 กุจะพยายามลองแก้ดูก็แล้วกันแต้งกิ้ว

69 Nameless Fanboi Posted ID:m3e7zBpDD

มีความโง่ในการใช้ไอดีซ้ำ

70 Nameless Fanboi Posted ID:M+HXhDvyz

https://www.dek-d.com/board/view/3691743/1/?comment=16 ทำไมกูอยากให้ดอกขาวปะทะกับ ND111 จังวะ ถ้าเกิดขึ้นจริงคงเป็นมวยในฝันของกูเลย แนวๆ ว่าดอกขาวมันเป็นพวกโผล่ทุกกระทู้ แต่ ND111 มันเป็นประเภทรักสันโดษนานๆ จะเห็นมันไปตอบกระทู้ใครสักที แต่ดูในมู้นี้รู้สึกดอกขาวจะไม่กล้ายุ่งกับ ND111 เท่าไหร่ แหมกูตื่นเต้นจริงๆ นะเนี่ย ถ้าสองคนดังปะทะกันบอร์ดสะเทือนแน่ๆ

71 Nameless Fanboi Posted ID:tGyM.1Tl+

>>70 ไปมู้นินทา

72 Nameless Fanboi Posted ID:gF3GB3dN8

เออ น่ารำคาญมากอยากนินทาตัวบุคคลไสหัวไปที่อื่น กูไม่อยากรู้จัก ที่นี้เน้นสับนิยาย

73 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

มีใครอยากเอานิยายให้กูสับไหม กูโม่งฮู สับให้เรื่องนึงอะ

74 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>73 สัส เอนเทอร์เร็วไป ลืมบอก ถนัดสุดคือแนวแฟนตาซี หรือจะเอาอะไรก็ได้ โควต้าเรื่องนึง ใครไวสุดคนนั้นได้ไปโควต้านี้

75 Nameless Fanboi Posted ID:xUkdHaRN2

>>74 สับให้หน่อยนะ

https://my.dek-d.com/vanaya/writer/view.php?id=1484470

76 Nameless Fanboi Posted ID:KKoBfVSAb

>>75 อมก. เป็นนิยายที่อีถุยเข้าไปโชว์เทพรัวๆ เศร้าเหี้ยๆ มึงเอางานตัวเองมาแปะใช่มั้ยคะซิส

77 Nameless Fanboi Posted ID:mbF4rNukG

>>76 ไปมู้นินทา กูขอร้อง

78 Nameless Fanboi Posted ID:mbF4rNukG

>>76 สัดเอนเทอร์เร็วไป อย่าเลือกปฏิบัติ สับเละอย่างเท่าเทียม กูโม่งเซฮุน

79 Nameless Fanboi Posted ID:0sYm3lkcO

>>78 กูเลือกปฏิบัติตรงไหน กูแค่สงสัยเอง แล้วนี่นินทาเหี้ยไร มึงอย่าโยงทุกอย่างไปนินทา กูบอกแค่นิยายแม่งเศร้าที่มีหลุยไปไกด์ไปโชว์เทพ กูก็พูดถึงนิยายอยู่เนี่ย ไม่ใช่ด่าบุคคลรัวๆ มึงอย่าอคติขนาดนั้นดิห่า

จริงๆอยากให้>>73 สับนิยายล็อตก่อนที่มีคนมากองไว้ เรื่องนี้เดี๋ยวกูสับให้ก็ได้ กูเข้าไปสไลด์กวาดสายตาตอนแรกแล้วเห็นบางอย่างที่อยากสับ

80 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

https://my.dek-d.com/vanaya/writer/view.php?id=1484470
1. ทำไมไม่เอาย่อหน้าแรกสุดเป็นบทนำ เพราะไอ้ที่เขียนว่าบทนำจริงๆ มันจืดชืดไร้ความตื่นเต้นโดยสิ้นเชิง
2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนไม่มีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป
3. ย่อหน้าที่สองของบทนำ อยู่ๆ ก็บอกว่าตัวละครมีแฝด มันไม่ใช่จังหวะที่จะบอกเลยควรโฟกัสที่ตัวละครนี้เดี่ยวๆ ไปก่อน
4. ในส่วนของตัวบันทึกที่เขียนไม่ขอติเรื่องเรื่องการใช้ประโยคหรือคำต่างๆ เพราะบันทึกมันมีค่าเท่ากับบทสนทนาทั่วๆ ไป ดังนั้นมันจึงสามารถมีคำซ้ำได้

81 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

***2. สำนวนยืดเยื้อไร้ความกระชับ คำซ้ำต่างๆ อ่านดูก็รู้ผู้เขียนมีความรู้เรื่องการหลากคำและลงจังหวะแต่ละประโยคน้อยมาก โดยเฉพาะสรรพนาม "เธอ" วางในประโยคติดกันเป็นขบวนรถไป

82 Nameless Fanboi Posted ID:rdj0OX5uK

>>75 อ้าวvanayaเมียพี่ถุยเล่นโม่งด้วยหรอจ้ะ หลายคนวิจารณ์ไม่ตรงใจให้ไปก็เททิ้งเหมือนถุยไม่ใช่รึ

83 Nameless Fanboi Posted ID:KKoBfVSAb

>>80 ขอเสริมมึงแล้วกัน ขอเป็นแนะเรื่องการเขียน การใช้ภาษาแล้วกัน กูค่อนข้างถนัดด้านนี้
สำนวนยืดเยื้อไม่กระชับตามที่ข้างบนบอกไป เหมือนอยากให้ภาษาสวยเลยใช้คำยาก แต่คนเขียนไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้น คลังคำน้อย ทำได้แค่จับคำมาเรียงกันเฉยๆ ทำให้ย่อหน้าเดียวกันแท้ๆ แต่ระดับภาษาไม่เท่ากันซะงั้น มีความพยายามใช้ ที่ ซึ่ง อัน จนทำให้ประโยคกลายเป็นวลี ซึ่งไม่ได้จำเป็นเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพยายามสร้างประโยคความซ้อนทำไม เวลาเขียนบรรยาย พรรณนามันใช้ประโยคธรรมดาก็ได้ แบบนี้มันอ่านไม่รู้เรื่องมากกว่า เรียกได้ว่าพยายามประดิษฐ์ภาษาให้สวยจนกระอักกระอ่วน ถึงกูจะชอบเสพวรรณศิลป์ แต่คือบางครั้งเขียนง่ายๆ ให้อ่านเข้าใจและสนุกได้ก็พอแล้ว

อีกอย่างเวลาจัดหน้าทางวารสารศาสตร์ ถ้าอยากให้ท้ายประโยคมันเสมอกันเหมือนในหนังสือนิยาย เขาใช้การจัดหน้าแบบ "กระจายแบบไทย" ไม่ใช่ "เต็มแนว" ในเวิร์ดมีลองเอาเม้าส์ชี้ๆ ดูก็ได้ เพราะใช้การจัดแบบเต็มแนวแล้วมันจะออกมาประหลาดชาติชั่วเหมือนนิยายเรื่องนี้ ที่บางจุดก็เว้นวรรคเป็นโยชน์ อ่านแล้วแทนที่จะดูเรียบร้อยกลับยิ่งขัดหูขัดตา

ส่วนเนื้อเรื่อง...เบื่อ ขี้เกียจอ่าน ดูแค่ภาษาพอละ

ปล.เกลียดการเน้นตัวดำ คนที่เน้นแบบนี้อีกคนคืออีหลุย แม่งเขียนตามๆ กันใช่มั้ย

ลงชื่อ โม่งฮิ จะไปเป็นครูสอนภาษาไทย ถุย

84 Nameless Fanboi Posted ID:i9aiIcYM3

>>82 แม่งก็อยู่ในโม่งนี่หมดแร่ะ เดี๋ยว netwatch ปิดเมื่อไหร่ได้แห่กันรวมอยู่ในนี้แน่มึง

85 Nameless Fanboi Posted ID:5YTpnbnDh

>>83 ขอถามหน่อยนึง คือเราก็กำลังพัฒนางานเขียนตัวเองอยู่ ทีนี้มีปัญหาตรงที่การประดิษฐ์ประโยคนี่ล่ะ คือนิยายเนี่ยถ้าภาษาไม่สลวยมากเอาแค่อ่านแล้วไม่ติดขัดแบบเจอคำซ้ำๆกันในประโยคเดียวเกินไปมันพอจะใช้ได้รึเปล่า คือเราไม่ถนัดใช้คำศัพท์อลังๆด้วยสิ
อีกเรื่องหนึ่งเวลาตัดฉากใช้การBold ตัวอักษรของประโยคแรกที่ขึ้นต้นถือว่าผิดไหม เมื่อก่อนเคยใช้พวกเครื่องหมาย อย่าว ... หรือ ---
ตีเส้นแบ่งไปว่าตรงนี้จบฉากแล้วจะตัดขึ้นอีกฉากแทน แต่หลังๆมาใช้พวกนี้แล้วทันทำให้จำนวนคำฟุ่มเฟือยโดยเปล่าประโยชน์ก็เลยลองเปลี่ยนไปใช้เน้นBold แทนอ่ะ

86 Nameless Fanboi Posted ID:gAK4NCM0y

>>85 เออ กูก็เป็นแบบมัวแต่กังวลเรื่องคำซ้ำจนแต่งไม่ออกเลยว่ะ ไหนจะกลัวว่าตรงนี้คนอ่านจะรู้เรื่องมั้ย นึกภาพตามได้รึเปล่า ไอ้ตรั้นจะแต่งพรรณาศัพท์สวยๆก็สมองตัน แต่งไม่ออกอีก เฮ้อ

87 Nameless Fanboi Posted ID:8ltwgF7h/

เห้ย กุโม่งฮู ทำไมมีคนแย่งงานกรูวววว

กุโกรธจนไข่สั่นไปหมดแล้วววว

88 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

>>87 ก็มึงช้าไง มัวแต่นั่งดูหนังเอวีอยู่หรือไง

89 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

>>85 มึงต้องเข้าใจให้ถูกต้องก่อนว่า ภาษาสวยกับคำสวยมันเป็นคนละเรื่อง คนที่เขียนภาษาสวยๆ หรือสำนวนสวยๆ มันไม่ได้ใช้คำสวยนะมึง มันอยู่ที่ความคิดในการสื่อและจังหวะการวางคำวางประโยค สำหรับคำซ้ำกูไม่อยากให้กังวลมากสำหรับมือใหม่ เขียนให้ออกมาได้ตามภาพในหัวที่เราคิดก่อนแล้วค่อยปรับคำปรับประโยคทีหลัง ถึงมันจะเป็นการทำงานหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับเพราะเรามือใหม่ แม้กระทั่งมือเก๋าๆ เองเขียนเสร็จเขาก็ยังต้องมาไล่จังหวะไล่คำทั้งหมดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องคำซ้ำ

90 Nameless Fanboi Posted ID:KKoBfVSAb

>>85 ตั้งแต่สับนิยายมา เราแนะนำให้เขียนแบบเบสิคก่อนทั้งนั้นเลยนะ เอาแบบแค่ประโยค who what where when why how ก่อน ค่อยๆ เล่าเรื่องไป การเขียนให้สละสลวยมันเป็นเรื่องของการสะสมประสบการณ์ อาศัยอ่านเยอะๆ แล้วนำมาประยุกต์ใช้เป็นของตัวเองไป อย่าคิดมาก ทุกอย่างมันพัฒนากันได้ถ้าเปิดใจ

ส่วนเรื่องคำซ้ำ อันนี้เคยแนะนำไปแล้วว่าให้ ctrl+f หาดูว่าคำมันซ้ำติดกันไปหรือเปล่า เช่น ย่อหน้าแรกของเรื่องสายรุ้งต้องสาป แค่ 4 บรรทัด ล่อคำว่าที่ไป 5 ครั้ง อันนี้เฟ้อมาก เยอะไป คือต้องคิดตรรกะว่าเราใช้คำว่าที่ เพื่อขยายประโยค แล้วมันจะต้องขยายอะไรขนาดนั้น

ส่วนตัวไม่ชอบการใช้ bold เพราะไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสายตาเท่าไร อันนี้เป็นเรื่องของงานพิมพ์ด้วย ลองสังเกตดีๆ ในหนังสือนิยายจะไม่ค่อยใช้ bold ยกเว้นการสื่อที่ว่าตะโกนอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่ที่ใช้ bold จะเป็นงานวารสารศาสตร์จำพวก ข่าว สารคดี บทความ ที่ใช้เน้นย้ำความสำคัญของพวกชื่อที่ปรากฏมาครั้งแรก //วิชาการสัสๆ

91 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>88 เอ่อะ...

>>85 >>86

มาๆ ไหนกูก็สับไม่ทันละ กูจะมาแก้ไขปัญหานี้พวกมึงเองนะเพื่อนโม่ง

ปัญหาเรื่องคนำซ้ำ แก้ไขได้ดังนี้

1.อย่าไปห่วงเรื่องคำสวย
2.เขียนๆ ไป ซ้ำชั่งแม่ม
3.เน้นการเล่าเรื่องให้สนุก ตรงนี้สำคัญกว่าคำซ้ำอีก และขอย้ำอีกที คำซ้ำชั่งแม่ง
4.อ่านทวน
5.คำไหนซ้ำ มึงก็แก้คำนั้น แค่นั้นเอง

เดี๋ยวจะหาว่ากูกวนตีน มา ยกตัวอย่างให้

เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน ที่ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น ที่จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ ที่จะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้

มึงจะเห็นว่า คำว่า 'ที่' แม่งเต็มไปหมด คราวนี้ มึงก็มาอ่านซ้ำ แล้วเปลี่ยนคำว่า 'ที่' ให้กลายเป็นคำอื่นที่มีความหมายเหมือน หรือใกล้เคียงก้ได้

เขามาจากดินแดนที่ไม่ปรากฏในแผนที่ ว่ากันว่าบริเวณนั้นมีหุบเขาสูงชัน 'อัน'ไม่มีทางเลย ที่มองลงไปถึงก้นหุบเหว ในรอบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น 'ซึ่ง'จะปรากฏสะพานแสงทองของดวงอาทิตย์ โดยจะสามารถทำให้เห็นทางเข้าดินแดนที่ว่านี้ได้

อันนี้แค่เลเวลหนึ่งนะ เปลี่ยนแค่ที่ มึงไปฝึกกันก่อน เอาไว้เมื่อโปร ค่อยขึ้นเวลสอง คือเปลี่ยนทั้ง 'กลุ่มคำ'
by โม่งฮู ผู้โดยแย่งงาน

92 Nameless Fanboi Posted ID:KKoBfVSAb

>>91 นี่กองไว้เยอะแยะ ไปสับสักเรื่องสิ >>>/webnovel/2907/988

93 Nameless Fanboi Posted ID:8ltwgF7h/

>>93 ไม่อะ กูอยากได้แบบเจ้าตัวมาโพสเอง

by โม่งฮู

94 Nameless Fanboi Posted ID:.BzFBS8tk

ไหนๆ วันนี้ก็ว่าง ไม่มีอะไรทำ ขอดึงประเด็นเรื่องการเขียนประโยคมาหน่อยแล้วกัน ใครอยากอ่านก็อ่าน อาจจะไม่เก่งกาจอะไรมาก แต่ไกด์จากคนเคยผ่านงานอีดิตเตอร์มานิดหน่อย อาจจะไม่ได้เทพมาก แต่ถือเป็นไกด์ขำๆแล้วกัน
ขอทำใน doc มันจะได้ป้ายให้เห็นชัดๆ เลย กำลังอีดิตอยู่อยากอ่านตอนเสร็จแล้วก็รอหน่อยนะ
https://docs.google.com/document/d/114JBGxAKQksdZ5sfWsOPCWKWCUWW_HvZwDaPN2nfbyE/edit?usp=sharing

95 Nameless Fanboi Posted ID:sqIe/uEGK

>>93 ตั้งกระทู้ในบอร์ดรับสับไหมมึง

96 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>95 ไม่อะมึง รับเฉพาะห้องนี้ กูว่าพวกมึงจริงใจดี หลายๆ คนดูมีความตรงไปตรงมา กูมาส่งเสริมอีกคน

97 Nameless Fanboi Posted ID:.BzFBS8tk

>>94 เสร็จแล้ว

98 Nameless Fanboi Posted ID:HuM0W7j1y

https://writer.dek-d.com/bear_la_bear/story/view.php?id=1503683
ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง

99 Nameless Fanboi Posted ID:.BzFBS8tk

>>98 เบียวไปไม่อ่าน กูอ่านแนวนี้ไม่ไหว ฮูมึงจัดการดิ เขามาให้สับถึงที่แล้วนี่

100 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

>>98 1. เปิดเรื่องไม่เห็นภาพเพราะไม่รู้ว่า "ฉัน" ในเรื่องเป็นใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย
ลองเปิดเรื่องแบบนี้ดู
เมื่อเช้าฉันยังเป็นนักเรียนหญิงแต่งเครื่องแบบเรียบร้อยและรวบผมหางม้ามาโรงเรียนเหมือนเพื่อนคนอื่น
แต่!!! ตอนนี้สภาพฉันคงดูไม่ได้แน่ๆ ชายเสื้อหลุดรุ่ยที่มัดผมหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ฉันกำลังวิ่ง วิ่ง และวิ่ง บลา บลา บลา

กุดูให้แค่นี้แหละเดี๋ยวโม่งฮูมันหาว่าแย่งงานมันอีก

101 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

ฮูมาแล้ว จัดปายยย

102 Nameless Fanboi Posted ID:m+vU88Kkw

>>101 ทำงานอะไรอ่ะครับ พลังงานล้นเหลือจริงๆ

103 Nameless Fanboi Posted ID:gAK4NCM0y

>>94 ขอบใจมาก เป็นพระคุณอย่างสูง

104 Nameless Fanboi Posted ID:t6b+LEYWv

>>102 มันยังไม่ได้ทำอะไรเลย เสียพลังงานตรงไหนวะ

105 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>102 ฮูเป็นนักเขียนครับ

106 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>98 คนเขียนอยู่ไหม ฮูอ่านจบแล้ว ฮูถามหน่อย จะให้สับเลเวลไหน 1-2-3 ?

107 Nameless Fanboi Posted ID:rg3DZn9Fc

>>94 ละเอียดมากโม่งฮิ มึงไปเปิดคลาสสอนเขียนนิยายแข่งกับบก.ป เถอะ

108 Nameless Fanboi Posted ID:/Ut7Gvarz

>>100 ขอบคุณนะคุณโม่งอะไรสักอย่าง เราจะพยายามฝึกบรรยายเพิ่มนะ
>>106 แล้วแต่คุณโม่งฮูเลยละกัน ติมาให้หมดเลย เราจะได้เอาไปปรับกับนิยายเรื่องอื่นด้วย อันนี้เป็นแอคแยกสำหรับแนวรักน่ะ 55555

109 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>บางครั้งฮูก็ติดนิสัยโลกเบื้องหน้ามามากไป คิดไปคิดมา ไม่ต้องถามหรอก ฮูขอสับให้คิดว่ากำลังพอดี และดีที่สุด เกิดประโยชน์ที่สุดละกัน

อย่างแรก คุณนักเขียนยังเขียนน้อยไป ที่ดูออกเพราะจังหวะการเล่าเรื่องยังแปลกๆ ถ้าให้เดา เพิ่งจะผันจากนักอ่านมาเขียนล่ะสิท่า

'ช่วยวิจารณ์พวกการบรรยาย ลักษณะการใช้คำ ตังหวะการดำเนินเรื่องอะไรพวกนี้ให้หน่อยได้มั้ย อยากโดนสับแบบจริงจัง'

การบรรยายตามที่ >>100 บอก ฮูเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด

ขอเรียกคนเขียนว่า 'นาง' นะ

จะว่าไปนางก็เขียนออกมาโอเค พออ่านได้นะในเรื่องของการบรรยาย แต่ที่นางขาด ที่การ set ฉาก

นางต้องบอกนะ ว่าในเรื่องอยุ่ตรงไหน แล้วจะบอกว่าแค่ 'ในปราสาท ในโรงเรียนก็ไม่ได้ มันต้องอยู่ในการเล่าเรื่อง'

"นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?"
ฉันเดินก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า มองไปรอบๆ ทางเดินภายในโรงเรียนซึ่งเป็นกำแพงอิฐและมีคบเพลิงแขวนเรียงราย ฉันรู้ได้ทันทีว่าทุกสิ่งหยุดการเคลื่อนไหว เนื่องมาจากเปลวไฟจากคบเพลิงซึ่งควรจะไหวไปมา มันกลับหยุดนิ่งเหมือนภาพวาด

อันนี้คือการ set ฉาก บอกว่านางเอกกำลังเดินในทางเดิน มีกำแพงนะเว้ย เป็นยุคกลางนะโรงเรียนอะ และที่เห็นว่าหยุดนิ่ง เพราะว่าคบเพลิงมันหยุดเคลื่อนไหวนะ

นั่นคือเรื่องแรก...

เรื่องที่สอง จะบอกว่าไงดี อย่ารรีบเกินไป ใจเย็นๆ ค่อยๆ เล่าเรื่อง ลงดีเทลหน่อย ให้คนอ่าน อ่านเรื่อยๆ จะเหมาะกว่ากับบทที่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่องอะไรพวกนี้

การใช้คำทำได้โอเค แต่ก็นั่นล่ะ พอกรเล่าเรื่องออกมาไม่ค่อยดี มันก็พังไปหมด ดังนั้น ในเบื้องต้น นางต้องเข้าใจนะ ว่าเวลาคือทุกสิ่ง นางต้องเขียนเยอะๆ เขียนบ่อยๆ แล้วเดี๋ยวสกิลมันจะเข้าที่เข้าทางเอก

สุดท้ายพูดตรงๆ มันไม่มีอะไรให้สับอะ สามตอนเอง ถ้าอยากเก่งขึ้น แนะนำให้เขียนให้เยอะกว่านี้ แล้วค่อยกลับไป ไปทำการบ้านเรื่องการเล่าเรื่องมาใหม่ เอ้อ การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม

คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3

คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย

ไปฝึกมาใหม่ โม่งฮูยังไม่สับให้ไปมากกว่านี้ คำว่าสับ มันมาจากหมูสับ (เหรอวะ) เอาเนื้อชิ้นใหญ่ๆ มาสับ สับให้ละเอียด แต่ตอนนี้ ที่โม่งฮูเห็นมีแค่เศษเนื้อ มันยังสับไม่ได้ว่ะ

ด้วยรัก ขอให้ประสบความสำเร็จ by โม่งฮู

110 Nameless Fanboi Posted ID:/Ut7Gvarz

>>109 ขอบคุณมากคุณโม่งฮู
ยอมรับทุกจุดที่ติมาเลย สารภาพว่าตอนนั่งเขียนก็รู้สึกว่าตัวเองใจร้อนมาก มันเป็นความรู้แบบอยากดำเนินฉากนี้ไปให้ไวๆ แล้วไปต่อตรงเนื้อเรื่องจุดอื่นต่อ แต่ก็ลืมคิดไปว่าคนอ่านมันไม่ได้รู้เรื่องกับเราด้วยนี่หว่า
เรื่องการบรรยายฉากอันนี้เราก็ง่อยมากอีก แทบจะไม่มีทักษะทางด้านนี้เลย มันคิดไม่ออกว่าควรใส่มาตรงไหน บรรยายประมาณไหนถึงจะพอดี แต่เราจะพยายามฝึกนะ
ขอบคุณคุณโม่งฮูอีกรอบค่ะ

111 Nameless Fanboi Posted ID:rg3DZn9Fc

ลองสับเรื่องนี้ไหมมึง ซูฉี สาวงามสีขาว

https://writer.dek-d.com/jnanalin/story/view.php?id=1518923

112 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

เราคือ >>100 เองนะ เราเป็นนักเขียนเรื่องสั้น มีผลงานได้ตีพิมพ์ไปพอสมควรแล้วล่ะ เท่าที่อ่านเจ้าของเรื่องสำนวนดีนะ การใช้คำและประโยคทำได้ดี ถ้าจะให้ติคงต้องติเรื่องการบอกลักษณะตัวละคร มันบ่อยเกินไป เช่น สีผม สีนัยน์ตา อะไรพวกนี้ ส่วนจังหวะการเล่าจริงๆ เร็วแค่บางจุด อย่างตอนวิ่งไปใกล้ถึงสี่แยกแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนจากอีกด้าน ต้องถามว่าด้านไหนเพราะด้านหน้ามีอยู่สามทางถูกไหม ยังไม่ได้ดุเนื้อเรื่องให้ว่าเบียวอย่างเขาว่าหรือเปล่า อ่านแค่บทนำต้องบอกว่าทำได้ดีทีเดียว

113 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>110 วิธีฝึกการบรรยายฉากทำได้ง่ายมาๆ นางต้องคิดตลอดเวลา ว่าตัวละครเห็นอะไรบ้าง แต่ไม่ต้องใส่แม่มทุกอย่างที่เห็นนะ เอาลงมาในบทบรรยายทีละนิดก็ได้ แฝงๆ เอาไว้ทีละจุด

มีตัวอย่างมาให้

สมมติตัวเอกอยู่ในโรงอาหาร โต๊ะกินข้าวสีดำไม้เนื้อดี โรงอาหารเป็นห้องโถงเพดานสูง ตรงข้ามมีคนคุยเสียงดัง

"เห้อ วันนี้ก็สอบอีกแล้ว"
ฉันพูดออกไปขณะนั่งลงบนโต๊ะอาหารพร้อมกับฮินะ เสียงจานกระทบกับไม้เนื้อดีส่งเสียงทุ้ม

"อย่าบ่นไปเลยเรย์ วันนี้ศาสตราจารย์เซนก็บอกแล้ว คะแนนไม่ได้มากเท่าไรในการสอบนี้"
ฮินะพูด พลางเขม่นไปยังโต๊ะตรงกันข้าม ซึ่งกำลังมีเด็กปีหนึ่งส่งเสียงจ้อกแจ้ก ให้ตาย เธอคงจะรำคาญพวกเขาพอๆ กับฉัน

"ก็แหม เธอก็รู้ ว่าฉันไม่ได้เก่งวิชาอักขระปิศาจ" ฉันพูดพลางเงยหน้าขึ้นสูงถอนหายใจ มองขึ้นไปยังเพดานสูงของโรงอาหาร ที่ด้านบนมีภูติจิ๋วบินเล่นไล่จับกัน ดูแล้วน่าจะสนุกสุดๆ

ประมาณนี้ ด้นสด ลองเอาไปใช้ดูนะครับ

by โม่งฮู

114 Nameless Fanboi Posted ID:.BzFBS8tk

>>107 เอาจริงมั้ย กูเคยไปสมัครหมวดนักเขียนของเด็กดีด้วย ตอนนั้นว่างงาน เพื่อนขำกันชิบหายว่าอย่างกูนี่นะไปสมัครเด็กดี ถ้าได้จริงจะตำนานในหลายๆ แง่มาก ตอนนั้นกูอยากทำอะไรขำๆ สุดท้ายเขาไม่รับกูนะ ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรเหมือนกัน อาจกลัวกูลาออกไปทำสายแข็ง หรือกูไม่เหมาะกับงานเขาก็ได้ เพราะเขาถามว่าให้เชียร์แจ่มใสนี่ทำได้มั้ย กูหยุดคิดไปนิดนึงแล้วค่อยตอบว่าไม่ถนัด แต่ถ้าเป็นงานก็ทำได้

มีความขำที่ว่าเขาถามว่ากูเคยวิจารณ์มั้ย ให้ไกด์นักเขียนจะทำได้หรือเปล่า สมมติมีนักเขียนที่พล็อตดี แต่ภาษาไม่ดี จะช่วยชี้ช่วยปรับปรุงได้มั้ย กูได้แต่หัวเราะหึๆ ตัดภาพไปที่ทีมงานเขาสิ คุณภาพมากๆ

ทั้งหมดทั้งมวลกูไม่ได้เจ็บแค้นนาจา เพราะกูสิงโม่งเด็กดีมาตั้งแต่มู้แรกแล้ว แฉคนก็ทำมาเยอะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รับเข้าทำงานแล้วมาพาลเขา กูไม่ได้กลัวโม่งแตกด้วย ขำๆ กันไป

ปล. กูเสนอเรื่องขอให้นิยายในเด็กดีเป็นระบบแท็กแทนหมวดหมู่ไปตอนนั้น โน้ตแม่งเสียมารยาทมากตอนสัมภาษณ์ เล่นจิ้มมือถือตลอด ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอ มีอตินที่ดูจะสนใจฟังในสิ่งที่กูพูด

115 Nameless Fanboi Posted ID:r++YSoZBk

>>114 อตินน่ารักนะมึง โม่งฮูคอนเฟริม ทักไปถามไรตอบดีๆ ตลอด

116 Nameless Fanboi Posted ID:gAK4NCM0y

>>113 เออ กูก็ตั้งใจว่าจะแต่งแนวบรรยายแทรกในประโยคแบบนี้แหละ ไม่ใช่เขียนบรรยายเรียงเป็นย่อหน้าสารคดี เปิดเรื่องมามีอาณาจักรนี้ๆ ตัวเอกชื่อนี้ สีผม สีตา นิสัยงี้ๆ 555

117 Nameless Fanboi Posted ID:.BzFBS8tk

>>116 กูไม่ชอบการที่เปิดมาด้วยอาณาจักรนี้ ตัวเอกสีผม สีตา นิสัยนี้ เลยนะ แต่กูขอค้านเรื่องการเขียนบรรยายยาวๆ ไม่ค่อยมีบทสนทนาแล้วกัน คือถ้าเขียนให้ดี มันก็ทำได้นะ มันเป็นสไตล์ที่กูใช้ด้วยแหละมั้ง

ยกงานเก่าที่ไม่มีวันได้เผยแพร่มาเป็นตัวอย่างแล้วกัน อันนี้เป็นการเปิดเรื่องของนิยายแฟนตาซีเรื่องหนึ่งของกู ที่รู้สึกว่าพล็อตเรื่องยังไม่ดีพอเลยโละทิ้ง

‘เคล็ดลับของการรมควันอยู่ที่การเลือกไม้’

เอลิกซ์รู้สึกเหมือนตอนนี้เขาเป็นขาหมูที่กำลังถูกรมควัน...ถ้าปล่อยทิ้งไว้อีกนิดเขาก็คงจะสุกจนกลายเป็นแฮม...

เด็กหนุ่มเคยช่วยป้าเมย์รมควันสารพัดสัตว์อยู่หลายครั้ง ทั้งปลาเทราต์ ไก่งวง เป็ด และส่วนต่าง ๆ ของหมูตัวอ้วน แต่ไม่มีครั้งไหนที่เขาต้องเอาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางควันไฟแบบนี้เลยสักครั้ง...ถึงมันจะไม่ใช่ควันจากเนื้อไม้ แต่กลิ่นหอมเอียนจากกำยานผสานกับเสียงสวดแหลมสูงที่เกือบจะเป็นเสียงโหยหวนของเหล่านักบวชในชุดขาวก็ทำให้เขาประสาทเสียจนอยากจะกลายเป็นแฮมอบน้ำผึ้งขึ้นมาจริง ๆ

แค่สวดเฉย ๆ ไม่พอเหรอ...ทำไมต้องจุดกำยานรมควันกันด้วย...

สามวันแล้วที่เอลิกซ์ถูกรมควันในพิธีอวยพรจากศาสนจักรแห่งแสง ดวงตาของเขาแดงก่ำเพราะควันหนาทึบ แสบตาเสียจนน้ำตาจะไหลเอ่อออกมาอยู่รอมร่อ แสบจมูกเสียจนไม่รู้สึกว่าเคยมีจมูกไว้หายใจ อันที่จริงเขาไม่ได้อยากจะเข้าร่วมเลยสักนิด ถ้าไม่ติดว่ามีใครดันบ้าจี้ตั้งกฎให้ทุกคนที่เข้าร่วมขบวนตามหาตัวเจ้าชายเกเบรียลต้องผ่านการอวยพรจากเหล่านักบวชในทุกเช้า และใครที่ว่านั่นดันเป็นเจ้าชายรัชทายาทอันดับสองแห่งอาณาจักรอาริไพน์

118 Nameless Fanboi Posted ID:WXNHY1Zx/

>>112 ขอบคุณมากคุณโม่งเรื่องสั้น ตอนนั้นเราน่าจะคิดไม่ออกว่าจะใส่อะไรดีเลยแทรกบรรยายพวกตาบ่อยไป จะกลับไปอ่านซ้ำแล้วแก้ดูนะ
>>113 กอดคอคุณโม่งฮู ขอบคุณสำหรับเทคนิคค่ะ ด้นสดอย่างลื่น

119 Nameless Fanboi Posted ID:nJXHkEG+V

>>117 ในเด็กดีจะมีคนเขียนดีซักกี่คนวะ หายากชิบหาย อย่างน้อยไม่ขาดก็เกิน

120 Nameless Fanboi Posted ID:FQksb6SLh

>>119 คนเขียนดีมีเยอะ แต่อาจลงช้า ไม่ติดทอป คนอ่านน้อย นอย หายหัวในที่สุด

121 Nameless Fanboi Posted ID:Bv5sfTmal

มีนิยายเรื่องไหนที่ติดท็อปได้โดยไม่ลงทุกวันบ้างป่าววะ

122 Nameless Fanboi Posted ID:j.3fTjUk4

>>121 ยากครับพี่ จริง ๆ ลงทุกวันนี่ก็ยากไม่น้อยนะ ยิ่งเป็นคนมีเรียนมีงานต้องทำด้วยยิ่งยากเข้าไปอีก

123 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

>>121 มีนะแต่ไม่ใช่แฟนตาซี แต่ก็เหมือนหมวดแฟนตาซีนั่นแหละ ติดท็อปก็ไม่ได้แปลว่าจะเขียนดี

124 Nameless Fanboi Posted ID:Bv5sfTmal

>>123 แค่สงสัยว่ามันมีฐานคนอ่านเยอะขนาดนั้นเพราะอไร

พวกมึงสุภาพซะกุหงอเลย. 555555

125 Nameless Fanboi Posted ID:aeppsZHsO

มีเรียนมีงาน ไหนจะต้องมานั่งแก้ขัดเกลาอีก จะให้เขียนลงทุกวันคงเหนื่อยตาย 555

126 Nameless Fanboi Posted ID:QhXOLk/Gz

>>121 แฟนตาซีของนักเขียนที่ออกเล่มแล้ว อย่าง Lost ตุ๊ด รายสัปดาห์ ระดับบนๆ
หรือไรท์หน้าใหม่ๆ เรื่องเซน ที่นานๆ ลงทีตอนนี้ก็ขึ้นมาติดท็อปที
แต่แบบนี้จะมีแฟนขาประจำอยู่แล้ว ขนาดลบตอนกันไปเหลือเล่มละ10ตอนให้อ่านนะ ไม่ได้ลงยาวเต็มเรื่อง

127 Nameless Fanboi Posted ID:377gVICt/

กูขอเปิดประเด็นหน่อย ไหนๆ โม่งฮูก็กล่าวไว้ใน >>109 นิดๆ แล้วว่า "การ set ฉากด้วย บุรุษ1 มันเป็นอะไรที่มีทั้งดีและไม่ดี มันเป็นตอบสองคม
คมแรก มันทำให้เราเข้าถึงคนอ่านได้ง่าย อินง่ายกว่า บุรุษ3 คมที่สอง อันตรายมาก ถ้าอินเนอร์ตัวเอกน่ามคาน คนอ่านปิดเลย" เพราะงั้นกูเลยอยากขอคำชี้แนะจากพวกมึงทุกคนหน่อย คือกูเคยแต่งนิยายเรื่องนึง ตัวเอกเป็นผู้หญิง ใช้การบรรยายแบบบุคคลที่ 1 ก็ไม่มีปัญหาอะไรจนกูจะมาแต่งเรื่องที่สอง กูพบว่ากูมีไทป์คาร์ตัวเอกหญิงที่กูรำคาญเยอะมาก ถ้าไม่ใช่นางเอกแบบนิยายเรื่องแรกของกู กูจะทนอินเนอร์ไม่ได้เลย (นางเอกเรื่องแรกกูออกแนวลุยๆ ห้าวๆ หน่อย) ทำให้เหมือนกูมีไทป์นางเอกที่เขียนได้เพียงไทป์เดียวเท่านั้น เพราะงั้นนิสัยนางเอกในนิยายทุกเรื่องของกูมันก็จะซ้ำๆ คล้ายๆ กัน เลยอยากจะถามเพื่อนโม่งว่า พวกมึงคิดยังไงถ้านักเขียนคนนึงเขียนนิยายหลายเรื่อง แต่ตัวเอก(ในกรณีที่เป็นเพศหญิง) จะคล้ายๆ กันไปหมด ต่างก็แค่พล็อตเรื่องและelementอื่นๆ เท่านั้น ?

ปล. อันที่จริงกูถนัดเขียนผ่านมุมมองตัวเอกชายมากกว่า แต่อยากฝึกเขียนตัวเอกหญิงให้มากกว่านี้ ก็เลยมาถามน่ะ

ปล2. กูลองเขียนมุมมองบรรยายแบบบุคคลที่ 3 มาพอสมควรแล้ว พบว่าตัวเองเขียนแบบมุมมองบุคคลที่ 1 ได้ดี และชอบมากกว่า

โม่งเฮ

128 Nameless Fanboi Posted ID:Bv5sfTmal

>>126 พวกนี้เมื่อก่อนลงรายวันนี่โม่ง. ยกเว้นlostที่กุไม่อน่ใจแต่รายนี้ฐานเยอะอยู่แล้วเพราะนามปากกา

กุหมายถึงพวกคนที่ไม่ได้เป็นมืออาชีพหน่ะ. โทดทีพิมพ์ไม่หมด

129 Nameless Fanboi Posted ID:FQksb6SLh

>>127 กูโม่งฮู กูก็เขียนบุรุษ3 มาประจำ จนจะมาเขียนบุรุษ1 ที่กูทำแล้วได้ผลคือ

อ่านงานคนอื่นเป็นเรฟ

กูไปถามรุ่นพี่เขาก็บอกแค่ว่า อย่าให้มันบ่นเยอะก็พอ

130 Nameless Fanboi Posted ID:aeppsZHsO

>>127 สำหรับกู ถ้าเรื่องไหนๆก็นางเอกแนวเดิมก็มีสิทธิ์เบื่อนะ

131 Nameless Fanboi Posted ID:t6b+LEYWv

>>127 +100
กูรู้สึกว่าบุรุษสรรพนามที่ 1 คนเขียนต้องคุมมุมมองของตัวเองให้ดีๆ บางคนมาซะพระเจ้าเลย นางเอกคนเดียวแม่งรู้ทุกเรื่อง ทุกอย่าง ทุกการกระทำ ซึ่งแม่งไม่ใช่ล่ะ อย่างเรื่องอีฟองเบียร์แตกนั่นก็เหมือนกัน

132 Nameless Fanboi Posted ID:GHqUsO24x

>>111 กูอกหักจากเรื่องนี้นะ คือไม่ได้ดีงามขนาดนั้น มันมีหลายจุดที่แบบ เอิ่ม อ่ะ

133 Nameless Fanboi Posted ID:QhXOLk/Gz

>>128 คือเรื่อง lost แฟนคลับเก่าเยอะอยู่ตามฐานะนักเขียน
ส่วนหน้าใหม่
กูตามเซนมาแต่แรก ปกติไม่ได้ลงทุกวัน ช่วงไรท์ขยันคือ 3 วันมาตอน นานๆทีถึงจะมีลงต่อกัน2วันติด
เรื่องนี้ไต่อันดับมาช้าๆแบบขยับมาเรื่อยของหน้าใหม่ แต่พอเข้าอันดับท็อปก็อยู่ยาวแบบเรื่องท็อปในตอนนี้
เพราะมีคนอ่านติดตามแล้วนั่นเอง
แต่หลังจากเป็นเล่มแล้วก็หายๆมาๆ ตามแบบที่นักเขียนได้ตีพิมพ์

กูเห็นมีนักเขียนในเด็กดีหลายคนบอกว่าค่อนข้างยากที่ติดท็อป แต่พอติดแล้วแฟนคลับจะมาเองแบบเป็นเท่าตัวไปเรื่อยๆ

134 Nameless Fanboi Posted ID:FSctMSpLV

>>127 กูคือโม่งอารี และอย่างที่มึงรู้ กูไม่ชอบการเขียนแบบบุคคลที่ 1

มันมีหลายเหตุผล แต่เหตุผลสำคัญสำหรับกูคือการเขียนมุมมองบุคคลที่ 1 มันจะทำให้มิติของตัวละครอื่นทีไม่ใช่ตัวเอกหายไป เพราะแน่นอนว่ามันจะไม่มีการบรรยายถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นเลย เว้นแต่จะเขียนบุคคลที่ 1 แบบสลับไปมา บทนี้เป็นพระเอก อีกบทเป็นนางเอกนำเรื่อง

จึงเห็นได้บ่อยครั้งว่า นิยายที่เดินเรื่องด้วยมุมมองบุคคลที่ 1 จะมีตัวเอกซึ่งเด่นมาก(และพูดมาก) และนักอ่านมักจะจำรายละเอียดปลีกย่อยของตัวละครเอกตัวนั้นได้เพียงตัวเดียว แต่ก็แน่นอน สำหรับนักเขียนที่เขียนบุคคลที่ 1 เก่งๆ ก็จะสามารถใส่ความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอื่นผ่านการแสดงออกทางสีหน้าแววตา คำพูด หรือแม้แต่การให้ตัวละครเอกคาดเดาความรู้สึกของตัวละครอื่นที่กำลังสนทนาด้วย เช่น 'ข้าเห็นมุมปากของเซโร่ยกขึ้น หนอย เจ้าหมอนั่นมันต้องแอบหัวเราะเยาะข้าอยู่ในใจแน่ๆ'

กูมองว่า การเขียนแบบบุคคลที่ 1 จะช่วยดึงอารมณ์ร่วมจากนักอ่านได้มากกว่า เพราะแน่นอนว่าบทบรรยายโดยส่วนใหญ่เป็นความนึกคิดของตัวเอก (หรือบรรยายฉากจากความรู้สึกของตัวเอกอีกที) ทำให้ภาษาที่ใช้ค่อนข้างง่าย (หรือมีใครคิดในใจว่า 'พลันเจ้าอวชาตบุตรผู้ประกอบไปด้วยรัตนทั้งเก้าก็ปลาสนาการไป') คือมันง่ายต่อการ self insert อะ อ่านเพลินๆเลย

ส่วนเรื่องคาแรคเตอร์ตัวละครคล้ายๆกัน ถ้ามันสนุกก็อาจมองข้ามไป แต่ถ้ามันหลายเรื่องเกินก็อาจด่าว่าเอาแบบนี้อีกแล้วเหรอวะ นำไปสู่การเดาทางถูกและเบื่อ แต่ถ้ามึงเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงก็จะมีคนเอาเรื่องนี้มานินทาในโม่งเอง จบข่าว

135 Nameless Fanboi Posted ID:Bv5sfTmal

>>133 เคโม่ง. กุจะได้ไปอ่านมั่ง

136 Nameless Fanboi Posted ID:FpRONQOzo

นักเขียนแฟนตาซีไทยนี่ มีใครที่เขียนดีๆบ้างวะหรือในเด็กดีก็ได้ แบบเขียนดีๆพอให้กูใช้ศึกษาได้น่ะ พวกมึงพอผ่านตาย้างป่าววะ

137 Nameless Fanboi Posted ID:FpRONQOzo

กู >>136 โทษๆกูเขียนไม่หมด กูจะถามว่านักเจียนไทยมีเขียน "บุรุษหนึ่ง" ดีๆพอจะใช้ศึกษาได้บ้างวะ

138 Nameless Fanboi Posted ID:mBF2H85Wb

>>127 กูโม่งเรื่องสั้น(ชื่อนี้เพิ่งมีสมาชิกโม่งตั้งให้ตอนเย็นเมื่อกี้) ความจริงแล้วการเขียนนิยายด้วย บุรุษที่หนึ่งหรือแม้กระทั้งบุรุษที่สอง(ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮมจะรู้) มันก็เขียนได้แหละแต่กูพูดจริงๆ ว่ามันยากมากที่มึงจะดันไปจนจบเรื่องได้ มันมีโอกาสที่จะเกิดอาการตันสูงเพราะการมองจากบุรุษที่หนึ่งเราเห็นแค่ท่าทางหรือสีหน้าของตัวละครอื่นๆ มันจะเกิดอาการไม่อินกับเนื้อเรื่องเพราะทำได้แค่เดาความคิดตัวละครพวกนั้น แล้วพอคนอ่านรับรู้นิสัยตัวอื่นจากการเดาของตัวเอก ถ้ามึงสามารถเขียนให้คล้อยตามตัวเอกได้ก็รอดไป แต่ถ้าไม่ได้คนอ่านมันจะต่อต้าน ประมาณว่าใช่เหรอคนแบบนั้นมีจริงเหรอ มันจะทำแบบนั้นจริงเหรอ อะไรทำนองนี้ ถ้ายิ่งคนเขียนเป็นพวกโลกสวยแล้วดันไปเขียนแนวต้องใช้เหตุผลมากๆ กูรับประกันเลยว่าตายอนาถ(มาก)

ดังนั้นการเขียนมุมมองที่หนึ่งจึงเหมาะกับการเขียนเรื่องสั้นมากกว่า เพราะมันมีไม่มีกี่ฉากไม่กี่ตัวละคร แต่นั้นมันก็ยากไปคนละแบบกับนิยายเพราะเรื่องสั้นมึงต้องเฉียบคมมาก เพราะต้องเขียนให้คนอ่านรู้เรื่องแค่ไม่กี่ตัวอักษร จะเสียเวลาพรรณาฟองเบียร์กระฉอกจากแก้วที่กระทบกันไม่ได้

ถ้าให้แนะนำ ไม่แน่จริงอย่าเขียนนิยายด้วยมุมมองทีหนึ่งเลย เชื่อกู

139 Nameless Fanboi Posted ID:FQksb6SLh

กูโม่งฮู บุรุษ1 ดีๆ กูแนะนำ คนคืนชีพหนังสือ กูว่าดีเลยล่ะ

140 Nameless Fanboi Posted ID:xkVEjDX/c

บุรุษที่หนึ่งคือ ชายแท้
บุรุษที่สองคือ ชายไบ
บุรุษที่สามคือ ชายที่สาม

141 Nameless Fanboi Posted ID:GHqUsO24x

ทำไมนิยายหมวดอดีตต้องนางเอกซูเทพทรูด้วยวะ แม่งกูจงใจเขียนประชดนางเอกไม่เก่งเทพ พ้อยต์เรื่องแบบนางเอกไม่โชว์เทพแน่นอน โฟกัสเรื่องอื่น ก็มีคนเม้นท์ว่าเมื่อไรนางเอกจะเทพ ว้อทททท

142 Nameless Fanboi Posted ID:377gVICt/

>>129 กูอ่านงานคนอื่นที่บรรยายผ่านมุมมองคาร์ไทป์ที่กูไม่ชอบ มันก็ทำให้กูรำคาญอยู่ดี หรืออาจเพราะกูยังไม่เจอฝีมือดีๆ ก็ได้ มึงพอจะมีนักเขียนคนไหน หรือเรื่องไหนแนะนำมั้ยฮู? เอาเป็นเรื่องที่บรรยายผ่านนางเอกประเภทใสๆ ขี้ตกใจ แบ๊วๆ แบบไม่รู้เชี่ยไรเลย แล้วต้องจับพลัดจับพลูมาดีลกับเรื่องสำคัญๆ เงี้ย คือกูอยากลองเขียนคาร์แบบนี้ไม่ให้น่ารำคาญ แต่สุดท้ายกูก็รำ เลยเป็นด่านที่กูเอาชนะไม่ได้สักที แล้วที่รุ่นพี่มึงบอกว่า "อย่าให้มันบ่นเยอะ" นี่เขามีขยายความบ้างมั้ยวะ ถ้าตัวเอกมันต้องคิดต้องวิเคราะห์อะไรสักอย่าง มันก็ปกติไม่ใช่เหรอถ้าจะมีบ่น โดยเฉพาะถ้ามันไม่ได้ฉลาดอะไรมาก? หรือต้องใช้วิธีให้คาร์โง่ๆ ไปเลยแล้วกระตุ้นให้ตัวละครแวดล้อมคิดแทน บ่นแทนอ่ะ?

>>130 นั่นสิ เป็นกูกูก็เบื่อ กูถึงอยากเอาชนะตัวเองให้เขียนคาร์หลายๆ แบบให้ได้เนี่ย

>>131 กูเห็นด้วยนะว่าการคุมไม่ให้ตัวเอกรู้ทุกอย่างยังกับพระเจ้านี่ยากอยู่ นิยายในเด็กดีหลายเรื่องที่กูอ่าน พอเจอว่าตัวเอกแม่มรู้เห็นทุกอย่างเช่นอิเรื่องฟองเบียร์แตกนั่น กูก็ปิดเลย แต่โดยส่วนตัวแล้วกูยังไม่เคยเจอปัญหานี้ เพื่อนกับนักอ่านกูบอกว่ากูคุมได้โอเคอยู่

>>134 กูรอมึงอยู่เลยอารี เพราะจำได้ว่ามึงไม่ชอบบรรยายบุคคลที่หนึ่ง 55555 ที่มึงพูดมานั้นกูเห็นด้วย เพราะเขียนด้วยบุคคลที่หนึ่ง มันก็เหมือนตัวเอกเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่าง คนอื่นเลยกลายเป็นแค่ดาวที่โคจรอยู่รอบๆ กูไม่ชอบให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ก็เลยพยายามให้ตัวละครอื่นแสดงออกทางสีหน้าแววตา แล้วให้ตัวเอกเดาความคิดคนอื่นบ่อยๆ ตามที่มึงยกมานั่นละ

ส่วนเรื่องโยกมุมมองไปให้พระเอกหรือตัวละครอื่นบรรยายบ้างนั่นกูไม่ค่อยใช้ เพราะหลายคนแนะนำมาว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าสลับมุมมองจะดีกว่า แล้วก็ที่มึงบอกว่าบุคคลหนึ่งทำให้ self - insert ง่าย กูก็เห็นด้วยเช่นกัน ที่กูเลือกเขียนมุมมองแบบนี้ก็เพราะอยากให้คนอ่านรู้สึกอินเหมือนตัวเองเป็นตัวเอกนั่นละ ใช้ภาษาไม่ต้องซับซ้อนมากแบบที่มึงบอกด้วย

สุดท้ายเรื่องคาร์ซ้ำ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ที่กูจะมีชื่อเสียงขนาดนั้น แต่กูไม่อยากให้ตัวเองเป็นคนที่ได้ชื่อว่าเขียนคาร์เป็นแค่แบบเดียวอยู่ดี เลยต้องมาถามพวกมึงนี่แหละ ขอบใจมาก (มึงทำให้กูอยากกลับไปฝึกเขียนมุมมองบุคคลที่สามเลยว่ะ มาสายบุคคลที่หนึ่งจนชักจะเขียนบุคคลสามไม่เป็นละ)

โม่งเฮ

143 Nameless Fanboi Posted ID:377gVICt/

>>138 หวัดดีโม่งเรื่องสั้น กูเป็นคนที่เขียนเรื่องสั้นโคตรไม่ได้ความเลย...ไม่เคยเขียนสำเร็จเลย เฉียบไม่พอ เห็นด้วยว่าการจะดันให้ถึงตอนจบเรื่องนั้นยากมาก กูก็ตันเป็นพักๆ เหมือนกันเพราะบางครั้งก็คิดไม่ออกว่าจะให้ตัวเอกมันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงฟระ T v T กูเลยใช้วิธีสร้างตัวละครแวดล้อมที่ค่อนข้างจะเอื้อให้ตัวเอกสามารถรู้เรื่องนั้นๆ ได้เอาน่ะ(จนบางครั้งก็ไม่รู้ว่ามันช่วยตัวเอกมากไปเปล่า พยายามระวังอยู่) แล้วก็ที่มึงบอกว่าถ้าไม่แน่จริงอย่าเขียนมุมมองบุคคลที่หนึ่งดีกว่า...อันนี้กูแน่ใจว่าฝีมือกูอ่ะไม่แน่จริง แต่กูแค่อยากฝึกดูน่ะ ไม่อยากให้อะไรที่ตัวเองทำได้ไม่ดี ก็ไม่ดีอยู่แบบนั้น ถ้าพัฒนาได้ก็อยากพัฒนา T v T (แต่ตอนนี้กลายเป็นว่ากูจะเขียนบรรยายบุคคลที่สามไม่ได้แล้ว แป่ว)

ปล. กูก็อยากเอาชนะความกากในการเขียนเรื่องสั้นของกูเหมือนกัน มึงทิ้งเคล็ดลับไว้ก็ได้นะ เผื่อกูเอาไปลองปรับใช้ดู

ปล2. มุมมองบุคคลที่สองแบบเชอร์ล็อคโฮล์มส์นั่นกูก็สนใจเหมือนกัน แต่เอาจริงๆ กูว่าเขียนยากที่สุดในบรรดาการบรรยายทั้งหมดเลย

โม่งเฮ

144 Nameless Fanboi Posted ID:OCfvwDCi3

>>143 นิยายโม่งฮิไง ใช้บุรุษที่ 2 แต่ไม่เห็นอัพนานแล้วนะ

145 Nameless Fanboi Posted ID:Vi9ncqmp9

>>132 ยังไงวะมึง ลองสับหน่อยดิ

146 Nameless Fanboi Posted ID:yKGOCg8WB

>>143 โทษทีว่ะ พอดีเพื่อนอกหักมานั่งกินเหล้า เทคนิคเรื่องสั้นเดี๋ยวไว้ค่อยบอกวันหลังละกัน กูเมามากเลยโม่ง

147 Nameless Fanboi Posted ID:OkIDVvqaI

>>145 ไม่สับแล้วกัน เอาเป็นขอพูดถึงในแง่รวมๆ ลักษณะการเขียนของคนเขียนโอเคเลย ดูราบเรียบ เหมาะกับนิยายที่มีนางเอกประมาณนี้ แต่กูรู้สึกถึงความย้อนแย้งหลายจุด ไม่ชอบความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเนื้อเรื่อง ที่เอาเรื่องนางเอกฝึกธรรมเป็นคำอธิบายไปหมดทุกเรื่อง

เช่น นางเอกดูฝึกธรรมปีเดียวก็บรรลุ ประหนึ่งว่าเป็นแม่ชีบวชเรียนมานาน ทำตัวบริสุทธิ์แต่แดกดันน้องห้า ตาทิพย์คืออะไร จู่ๆก็โผล่มา พ่อไม่ปกป้องลูก พอลูกเรียกร้องจะเรียนก็ตามใจ ตกลงอะไรยังไง นางเอกตัดกิเลสแล้วแต่ร้องไห้พอคิดถึงซิง มันตัดตรงไหนวะ แล้วการเป็นนักเขียนนิยายมีจินตนาการกับการฝึกธรรมที่อยู่กับความเป็นจริงมันตรงข้ามกันมะ พอฝึกธรรมแล้วสกิลนักเขียนจิตนาการยังบรรเจิดอีก มันค่อนข้างจะขัดกันในความรู้สึกกูนะ แล้วเหมือนเขาพยายามยัดเยียดให้นางเอกบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นสีขาว ทั้งที่จริงๆ ก็ยังมีกิเลส กูอ่านแล้วก็ติไป กระอักกระอ่วน เลยเหมือนอกหัก ไม่ค่อยถูกใจว่ะ

148 Nameless Fanboi Posted ID:OkIDVvqaI

กูอ่านนิยายหมวดอดีตอยู่หลายเรื่อง พวกนี้เป็นนิยายที่กูอ่านแล้วปวดเฮด สงสัยว่าคนอ่านเยอะได้ยังไง เขาคิดอะไรกันอยู่ อยากแชร์ อีผี ใครอยากปวดกะโหลกก็อ่านดู กูไม่ได้สับ กูรีวิวความเกลียด

เหมยฮวา ธิดาหมื่นพิษ https://writer.dek-d.com/deviltotime/story/view.php?id=1513386
เกลียดความเชยแบบเหี้ยๆ ที่เขียนไปจู่ๆ ก็มีแบบ (ฉลาดจังนะ//ไรท์) เกลียดเนื้อเรื่อง เกลียดความไม่สมเหตุสมผล เกลียดที่ขอพรจากพระเจ้าให้มีความทรงจำ ให้มีพลังเหนือกว่าทุกคน ให้ฉลาดที่สุดในโลก แล้วพระเจ้าเสือกให้ เกลียดที่ไม่เขียนบรรยายเหี้ยอะไรเลย เกลียดที่บางตอนสั้นขนาดไม่ต้องสไลด์เม้าส์... เอาคะแนนไปเลยแปดผีเต็มสิบ

หงเยว่เฟยซิง ยอดสนมแห่งวังหลัง https://writer.dek-d.com/tanzanaza/story/viewlongc.php?id=1509967
เกลียดการเขียนที่อยู่ๆ ก็แทรกตัวเอนเป็นความคิดเข้ามา เกลียดการใช้เครื่องหมายคำพูดผิดๆ เกลียดนะค่ะ! เกลียดที่เขียนๆ ไปก็มี what the! very sad แทรกมา เกลียดนางเอกที่เป็นคณิกาแต่เสือกชื่อสี่พยางค์ ให้แปดผี

จอมนางเคียงบัลลัง https://writer.dek-d.com/daraga01/story/view.php?id=1520934
เกลียดที่สะกดว่าบัลลัง เกลียด O_O ที่เยอะกว่านิยายแจ่มใส เกลียดถามความเห็นฉันก่อนไหมค่ะ เกลียดพาไปด้วยได้ไหมเจ้าค่ะ เกลียด 5555 ในเรื่อง เกลียดความบ้าผู้ชายที่บ้าอยู่นั่น เกลียดกรี๊ดๆ คนนี้หล่อจัง คนนั้นหล่อดี เกลียดเครื่องหมายคำพูดที่เดี๋ยวใช้ถูกเดี๋ยวใช้ผิด สับสนเหรอ เอาไปเก้าผี ผีผีผีผีผีผีผีผีผี

อลหม่านป่วนใต้พิภพอลเวง https://writer.dek-d.com/garnet-t/story/view.php?id=1500102
นิยายในตำนานโม่งมั้ยล่ะมึง เกลียดปิรันย่า เกลียดพ่อมัน เกลียดแม่มัน เกลียด... ให้เก้าผีเหมือนกัน

เอาแค่นี้ก่อน เจออีกจะมาบ่นใหม่

149 Nameless Fanboi Posted ID:D62xCoYUf

กูโม่งฮูนะ อีกราวๆ สามสี่วันมั้ง จะส่งนิยายลงหมวดอดีต ปัจจุบัน สักเรื่อง พวกมึงให้กำลังใจกูหน่อย

150 Nameless Fanboi Posted ID:OkIDVvqaI

>>149 สู้ๆ กูว่าหมวดอดีตเป็นตลาดที่สนุกมาก ดีมานด์สูง ซับพลายก็สูง เป็นสถานที่ที่ไม่ต้องเขียนเก่งเลิศเลอก็อยู่ได้ถ้าอัพถี่ เขียนห่วยกองอวยก็เยอะอยู่ดี อานุภาพนิยายข้ามมิติน่ากลัวมาก กูเองก็กำลังทดลองอะไรสนุกๆอยู่ ตกใจกับผลอยู่เหมือนกัน

151 Nameless Fanboi Posted ID:MRqAD5L6b

>>147 อ๋อ...สรุปคือคนเขียนพยายามปั้นนางเอกที่มีความเป็นแม่ชีจ๋าละกิเลสทางโลก แต่ยังพลาดหลายอย่างทำให้ดูไม่เนียน เข้าข่ายชีแตก
>>149 สู้ๆ ว่ะ ได้ผลยังไงเอามาให้พวกกูส่องด้วยนะ

152 Nameless Fanboi Posted ID:D62xCoYUf

>>151 หรอยยย กูก็โม่งแตกกกกกกกเดะ

ปล.เปิดโม่งไปคนก็ไม่ค่อยชอบกูหรอก รู้จักกันแบบนี้แหละ จริงใจดี

153 Nameless Fanboi Posted ID:7K8XwtvWH

โม่ง(นก)ฮู(ก)

154 Nameless Fanboi Posted ID:gkdIKZcqZ

โม่งตระกูล ฮ นี่โผล่กันตรึมเลยนะ กูเปลี่ยนจากฮิเป็นห๊ะ ได้มั้ย

155 Nameless Fanboi Posted ID:a0YibkujE

>>150 จะรร.เวท เกมออนไลน์ ต่างโลก จีนโบราฯ ถ้าแนวไหนกำลังฮิต มันก็มีอานุภาพทั้งนั้นแหละน่า 555

156 Nameless Fanboi Posted ID:cQ10tyG+Q

กูโม่งเซฮุน

157 Nameless Fanboi Posted ID:0vGo.jAms

ทำไมพวกที่มาสิงในโม่งเป็นนกทั้งนั้นเลย
>>150 ทดลองอะไรอ่ะขอเผือกหน่อย

158 Nameless Fanboi Posted ID:qgKqUdRKa

>>146 เป็นไงบ้างมึง เพื่อนมึงโอเคมั้ย กูห่วงใย ;w;

>>148 กูเรื่องมึงว่าโม่งเฮทเตอร์ได้มั้ย 555555 มึงรีวิวตลกดี

>>149 สู้ๆ มึง ขอให้ติดท็อป ว่าแต่ของมึงนี่จีนโบราณทะลุมิติเหมือนเรื่องที่ลงกันโครมๆ ในนั้นป่ะ?

>>154 ตอนแรกกูจะโม่งเอ แต่เห็นมึงฮกัน กูเลยเฮ

159 Nameless Fanboi Posted ID:haqsFLUoU

>>158 กูโม่งฮู ไม่ๆ กูไม่เอาทะลุมิติ ยุคนี้อยากเกิดมันต้องแหวก นี่กูแนะนำเลยนะ ต้องแหวกจริง

พลอตของกูเกี่ยวกับในวัง แต่ทุกอย่างหักมุมหมดเลย ไม่เกิดก็ดับไปเลย ยอม

160 Nameless Fanboi Posted ID:nMyJxuJ3t

>>159 กูอยากอ่านของมึงว่ะ

161 Nameless Fanboi Posted ID:RM1BtFuEj

>>157 ทดลองแบบว่าถ้าเขียนนิยายหมวดอดีต แบบไม่ได้ดีเลิศเลอมาก แต่อัพถี่ๆ แบบอัพแทบทุกวันไรงี้ จะสามารถขึ้นท็อปได้ในเวลาเท่าไหร่ ตอนนี้ลงไปไม่ถึงสองสัปดาห์ ได้ขึ้นมาถึง 50 อันดับแรกของหมวดแล้ว

162 Nameless Fanboi Posted ID:EELe/OB/Y

>>161 อ่ะ กูก็อยากเขียนอัพทุกวันนะ แต่มันทำไม่ได้ว่ะ ยากนะเนี่ย

163 Nameless Fanboi Posted ID:jY3ngSXAI

กลับไปเรื่องมุมมองบุคคลที่ 1 นิดนึงนะ

ถ้าใช้สลับกับบุคคลอื่นละ กูกะเขียนให้พระเอกการกระทำ (ภายนอก) กับความคิด (ภายใน) สวนทางกัน การบรรยายบุคคลที่ 2 - 3 จะมองพระเอกว่าดีไปหมด เป็นเทพเจ้ามาจุติ แต่บุคคลที่ 1 หรือก็คือพระเอกจะมีแต่ความคิดโฉดชั่วเลวทรามตลอดเวลา และเจ้าตัวก็รู้ดีด้วย เลยแสดงออกแบบนี้

แล้วกูกะจะวางทริคไว้ด้วย ถ้าเป็นบุคคลที่ 1 พระเอกจะบรรยายอย่างตรงไปตรงมา แน่นอนว่าพระเอกจะคิดให้ตัวเองดูดี "ชอบธรรม" เสมอ แต่บุคคลที่ 3 จะมองพระเอกอีกแบบ ชี้นำชัดเจนว่าพระเอกเป็นนคนดี ทำเพื่่อคนส่วนใหญ่ สิ่งนี้ดีแล้ว ถ้าไม่อ่านบุคคลที่ 1 ก็แทบจะไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่พระเอกทำมันเหี้ยแค่ไหน ส่วนบุคคลที่ 2 ก็จะคิดกันไปคนละแบบว่าพระเอกเป็นคนยังไง เพราะเคยเห็นโฉมหน้าของพระเอกต่างกันนะ

กูคิดว่าจะใช้บุคคลที่ 1 แค่ตอนให้พระเอกบรรยายแผนเหี้ยๆ ในหัวตอนที่อย่างจบแล้วหรือใกล้จบ เพื่อให้คนอ่านรู้ว่าที่ผ่านมามันดักควายยังไง ตอนนี้ทดลองเขียนแล้ว กูพบว่าที่ยากที่สุดคือการแบ่งแยกว่าเป็นมุมมองบุคคลไหนให้แน่ชัดวะ แล้วต้องปรับสำนวนไปมาอีก ค่อนข้างเหนื่อยแต่คิดว่าน่าจะรอด มั้งนะ

164 Nameless Fanboi Posted ID:78.uYz7kb

เห เห็นแยกบุคคลที่1,2,3 ช่วยแยกให้โม่งตาดำๆ ฟังหน่อย(หมายถึงข้อดีข้อเสียไง เพราะโม่งหลายคนบอกไม่เข้าท่า)
แล้ว MSO นี้ใช้แบบไหนอ่า

165 Nameless Fanboi Posted ID:ELBMdsSnp

มีน้องอยากจะปรึกษาชีวิตหน่อย ไหนๆมีคนตกม้าตายไม่กี่ตอนแรก ช่วยทำวินิฉัยให้น้องทีว่าเป็นเพราะอะไรกัน
https://www.dek-d.com/board/view/3692930/

นี่นิยายเรื่องแรกของน้อง
https://my.dek-d.com/Teenladyboy/writer/view.php?id=1528257

166 Nameless Fanboi Posted ID:xjKXUMije

>>165
1. เกลียดอักษรสีชมพู ชมพูเข้ม ฟ้า แล้วป้ายขาว เกลียดที่มันไม่เป็นมิตรต่อสายตา
2. เกลียดการเขียน เกลียดการเรียบเรียง เกลียดการบรรยาย เกลียดการดำเนินเรื่อง เกลียดที่เขียนยาวเป็นพรืดแล้วไม่รู้ว่าเนื้อความคือตรงไหนกันแน่
3. เกลียดลักษณะการเขียนที่ไม่ใช่นิยาย นึกว่าหัดเขียนบทละคร
4. เกลียดการจู่ๆก็บอกว่าตัวละครนี้ขาว ปากแดง ดัดฟัน น่ารัก
5. เกลียดการใช้เครื่องหมายผิดๆ วงเล็บที่ไม่รู้จะใส่มาทำไม
สรุปคือห่วย ไม่มีวันที่กูจะอ่านนิยายเรื่องนี้ค่ะซิส ไม่มีวันที่กูจะทนได้ถ้ามึงยังเขียนแบบนี้ อ่านไปก็งง ไม่เข้าใจ มันไม่ใช่นิยายด้วยซ้ำ ไปอ่านมาเยอะๆ จะได้รู่ว่าเขาเขียนกันยังไง

ใครบอกทางให้มันมาโม่งว่ะ ใครเอามู้นี้ไปปล่อย เด็กจัดขนาดนี้ไม่น่าโผล่ดาร์กเวิลด์มาได้ด้วยตนเอง

Haters gonna hate

167 Nameless Fanboi Posted ID:GSzMg5Qwh

>>164 สั้นๆ บุคคลที่หนึ่งคือการเล่าเรื่องของตัวละครผ่านมุมมองของตัวมันเอง เช่น 'เสียงไก่ขันปลุกให้ข้าตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ หนอยแน่เจ้าไก่บ้า ไม่รู้หรือยังไงว่าเมื่อคืนข้าแทบไม่ได้นอน ประเดี๋ยวพ่อจับต้มให้หมดเล้าเสียเลยนี่'

ข้อดี: คนอ่านอินกับตัวละครง่าย ข้อเสีย: การอธิบายถึงสิ่งไกลตัวทำได้ยาก เพราะมองผ่านมุมมองของตัวเอก ถ้าตัวเอกไม่รู้เรื่องอะไร ก็จะอธิบายออกมาไม่ได้เลย เช่น เหตุการณ์กลางสนามรบ ตัวเอกก็จะรับรู้แค่การต่อสู้ตรงหน้า ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าสถานการณ์จริงๆมันเป็นยังไง

บุรุษที่สอง อันนี้ถ้าเคยอ่านเชอร์ล็อคโฮล์มจะเข้าใจดี เป็นการบรรยายตัวละครเอกโดยตัวละครอื่นอีกคน เช่น 'จูเลียนเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือพิมพ์กรอบเช้า เมื่อเห็นข้าพเจ้าเขาก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี "อรุณสวัสดิ์จอร์จ" เพื่อนสนิทของข้าพเจ้ากล่าวทักทาย "เมื่อคืนนี้มีสุภาพบุรุษจากคิวบาคนหนึ่งมาหากัน เขาทิ้งซิการ์อย่างดีกล่องหนึ่งไว้นั่นแน่ะ แกลองชมดูซี" '

ข้อดีข้อเสียไม่พูดถึงแล้วกัน ไม่ค่อยแน่ใจ และปกติก็ไม่เห็นคนนิยมเขียนแนวนี้เท่าไหร่นะ

ส่วนบุรุษที่สามก็ที่เห็นกันบ่อยๆ บรรยายฉาก บรรยายลมฟ้าอากาศด้วยมุมมองของพระเจ้า 'เสียงกระดิ่งยามต้องลมปลุกหญิงสาวให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา เธอจ้องมองเพดานที่ถูกแสงตะวันอาบจนเปลี่ยนเป็นสีส้ม ในใจยังคำนึงถึงชายหนุ่มที่เธอพบพานในความฝัน'

168 Nameless Fanboi Posted ID:NK2VaNiTA

ชาย2 เหมาะสำหรับแนวนักสืบที่สุดและล่ะ เอาไว้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดเหตุ คาดเดาการกะทำซูๆ ของตัวเอก ถ้าเป็นการ์ตูนก็เหมือนมุมมองตัวพระรองที่คอยตามพระเอกดูโชว์เทพไปเรื่อยๆ

169 Nameless Fanboi Posted ID:Dl/e+Qh3U

>>164 1 มองผ่านมุมมองตัวละครหลักอย่างศิลาและมนตรา มีบ้างที่ใช้ 3 หรือกึ่ง 3 เพราะคนปกติจะไม่คิดแบบบทบรรยายอะไรแบบนั้น

170 Nameless Fanboi Posted ID:v0xw9//VG

>>163 ถ้ามึงคิดว่าสามารถคุมไม่ให้คนอ่านมึนเวลาสลับมุมมองไปมาได้ ก็ฟังดูน่าสนใจดีนะ

>>165 กูนี่ไม่รู้สึกอยากอ่านตั้งน้องพิมพ์ "นะค่ะ" แล้วว่ะ...

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.