Last posted
Total of 1000 posts
>>971 บางทีมันก็ต้องเลือกระหว่างการผลิตงานเขียนที่ดี กับการผลิตงานเขียนที่ติดท็อปอะว่ะ
คือไม่ใช่ว่างานเขียนที่ติดท็อปไม่ดีนะ แต่เท่าที่เห็นก็แบบ......... มันเกาะตลาดได้ไง ตลาดของเด็กดีก็คือนักอ่านวัยรุ่นที่ไม่มีความเข้าใจความงามด้านภาษามากนัก กูเคยอ่านบางคอมเมนต์ แม่งบอกว่าถ้าเห็นเรื่องไหนพยายามบรรยายสวยๆนี่จะปิดไปเลย อ่านยาก ชอบแบบเรียบๆมากกว่า กูแทบร้องไห้
คือบางทีก็ต้องยอมรับว่าการพยายามฝืนบรรยายเยอะๆทั้งที่สกิลตัวเองยังไม่ถึงเนี่ยมันอาจกลายเป็นเวิ่นเว้อจนคนอ่านงงได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่นักเขียนพึงมีปะวะ คือพยายามบรรยายไปก่อน อันไหนงงก็ปรับแก้ ค่อยๆเกลาภาษาตัวเองไป ดีกว่าที่จะเขียนทื่อๆแบบ โจเดินไปในตลาดเจอผู้หญิงผมทองหน้าตาสวยคนหนึ่ง (วิ๊ดวิ่ว //ผู้เขียน) "สวัสดี" โจเข้าไปทัก "ชื่ออะไรครับ" (แหมหน้าม่อนะโจ //ผู้เขียน) ปะวะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะงงหรือไม่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะของคนเขียนอย่างเดียว มันต้องเอาทักษะของนักอ่านเข้ามาคิดร่วมด้วย มันก็มีงานบางชิ้นที่กูเห็นว่าเขียนด้วยภาษาที่ค่อนข้างดี บรรยายลื่นๆสวยๆไม่งง แต่คนอ่านน้อยฉิบหาย ตัวกูเองชอบอ่านงานที่ใช้ศัพท์แปลกๆนะ เช่น โอภาปราศรัย ประดักประเดิด อากัปกิริยา ฯลฯ แต่คำพวกนี้ก็ใช่ว่านักอ่านในเว็บจะเข้าใจทุกคน กูเชื่อว่าบางคนแม่งก็คงเอาไปบ่นนั่นล่ะว่าเขียนเหี้ยอะไรงงชิบหาย
อัพถี่ๆอาจทำให้ขึ้นท็อปได้จริง แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้ว่างนั่งเกาไข่อยู่ที่บ้านทุกวันไม่มีทางเขียนงานดีๆ อัพลงเว็บได้ทุกวัน (แบบไม่ซอยตอน) ได้แน่ๆ และกูก็ยืนยันว่ากูยอมให้งานที่กูลงทุนลงแรงเขียนไม่เป็นที่รู้จัก ดีกว่ารีบๆปั่นให้ติดท็อปแต่เนื้อในกลวงโบ๋จนคนที่เขามีความรู้มาค่อนแคะเอาได้ว่างานแบบนี้ติดท็อปมาได้ยังไง
>>971 กูกะทำงี้อยู่ กูติดนิสัยชอบเขียนไปแก้ไป บางทีขึ้นตอนใหม่ได้ 3 ย่อหน้าก็กลับไปรีไรท์ตอนเก่าให้สอกคล้องกับตอนใหม่
กูคิดว่าถ้าอัพทีละตอนเนื้อหาจะไม่สอดคล้องกันคนอ่านจะงง กูเลยกะจะแต่งให้จบก่อนแล้วค่อยลงทีเดียว น่าจ 100 ตอนกว่าได้
นิยายกูข้อเสียอย่างคือเปิดเรื่องช้า กูกะปูพื้นไป 10+ ตอนแล้วหักมุมเปิดเรื่อง แต่สไตล์นี้คนไม่นิยมวะ บางคนด่าว่ากากด้วย
พวกวิจารณ์นิยายชอบบอกว่าต้องดึงดูดตั้งแต่ตอนแรกๆ อ่าน 3 ตอนแล้วยังไม่ไปไหนคือนิยายไม่ดี ไม่มีคนอยากอ่าน
แต่กูลองดูที่วางพล็อตทั้งหมดที่วางไว้แล้ว ถ้าเปิดเรื่องเลยมันจะขาดบางอย่างที่กูอยากให้คนเห็นในตัวพระเอก กูเลยลังเลว่าจะยังไงดี
>>979 ลองดูก็ได้นะ ไม่เสียหายหรอก แค่อาจเสียเวลาไปบ้าง
เน้นพิมพ์บทสนทนาเยอะ บรรยายไม่ต้องมี เอาเป็นเรื่องประมาณว่าพระเอกเป็นนักเลงในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่บังเอิญเดินสะดุดท่อหัวฟาดพื้นตาย พระเจ้าสงสารเลยส่งไปเกิดในโลกใหม่ แต่พระเอกโกงพระเจ้าด้วยการขโมยคฑาพระเจ้าไป จะเสกอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา แล้วก็โชว์พาวล่าฮาเร็มไปเรื่อยๆ เจอปัญหาอะไรแล้วตันก็ใช้มุกแอบได้ยินตัวโกงคุยกัน
เอาเป็นชื่อ the god's wand : เกรียนตะลุยต่างโลกกับคฑาแห่งพระเจ้า เขียนแม่งตอนสั้นๆ ตอนละฉาก สัก 2-3 หน้า อัพแม่งวันละสามสี่ตอน ไม่ดังให้เหยียบ
ขอขัดจังหวะแป๊บ กระทู้จะเต็มแล้ว ใครตั้งกระทู้เป็นก็เตรียมตั้งได้แล้วมั้งกูว่า เพราะกูตั้งไม่เป็น ; A ;
>>981 กูเขียนโดยยึดมุมมองบุคคลที่ 1 แบบเรื่อง maginal operation เป็นพื้นฐานนะ ดังนั้นมันจะไม่ค่อยมีเรื่องการพรรณณาอะไรมากนัก น่าจะไหวอยู่
แต่กูกังวลเรื่องการเปิดเรื่องวะ แรกๆ มันช้ามาก แต่ก็จำเป็นต้องให้ข้อมูลว่าพระเอกเป็นยังไง เพราะนิสัยนี้เป็นจุดสำคัญมากที่ทำให้เกิดเรื่องทุกอย่าง
คือพระเอกก็เป็นแบบนี้แต่แรก แต่มันปิดทุกอย่างไว้ไม่ให้ใครรู้ พอทุกอย่างเปิดเผยถึงได้ทำตัวแบบนี้ แต่นิสัย 2 หน้าก็เป็นของจริงเช่นกัน
ถ้าไม่มีบทก่อน turning point ประเด็นที่กูวางไว้จะอ่อนไป แถมเรื่องนี้เป็นปมที่จะใช้ตอนจบด้วยสิ ไม่อยากเร่งเลย
จะแต่งนิยายโม่งสมคบคิดเรอะ 555
>>987 ใช่มั้ยล่ะ การอัพยังงั้นแม่งโคตรยากเลย
ช่วงนี้กูชอบติดเล่นๆว่ะว่าไหนๆก็แต่งไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว งานคงออกมาไม่ดีมากแต่ก็คงไม่ห่วยทุเรศอะไรขนาดนั้น กูเลยอยากลองปลดปล่อยความเบียวว่ะ แบบแต่งเหมือนไอ้แคตตาล็อกพระเจ้าหรือพ่อฆาตรกรต่างโลก เอาให้ซูให้ไร้เหคุผลสุดๆ ประชดตัวเองไปเลยแม่ง คงผ่อนคลายความเครียดดี 555
>>995 คือให้เขียนแบบสั้นๆ ตู้มเดียวไม่ต้องปรู๊ฟคำผิดอ่านทวนเลยก็ทำได้นะ แต่รู้สึกแย่กับตัวเองว่ะ ...แต่ระยะนี้คิดแบบมึงเหมือนกัน อยากปลดปล่อยความเบียว ถ้าเบียวแล้วมันนิยมมันก็ควรเบียวเพื่อสร้างฐานแฟนคลับก่อนเปล่าวะ แล้วค่อยกลับมาเป็นคน (แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้อยู่ดีว่าแฟนคลับกลุ่มนั้นจะตามมาเรื่องใหม่ด้วย เพราะอาจจะอ่านแค่เบียวอย่างเดียว)
ปิดมู้จ้า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.