Last posted
Total of 1000 posts
>>866 กูเจอนิยายเสียวแบบที่ตัดฉากไปธัญวลัย อยากรู้ว่ามันจะไปไกลได้แค่ไหน อ่านไปพอๆ 50 ตอน นอกจากเนื้อเรื่องเหี้ยๆ ตรรกะวิบัติ โคตรไม่สมเหตุสมผล นิยายมันระหว่างตอน 10-50 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนึ่งวัน พระเอกล่อนางเอกไปแล้วอย่างต่ำ 4 รอบ แต่ยังไม่แตก เลยมีฉากล่อไปเรื่อยๆสลับกับการดำเนินเรื่อง กูอึ้ง เพิ่งเคยเจอแบบนี้ //open my eyes to the new world
สงสัยนิยายมันจะดำเนินเรื่องจบได้ภายใน 3 วันในนิยาย
ใครพูดเรื่องตัวละครเย็นชาไม่จริงวะ กูเห็นหลายเรื่องล่ะ ยัยตัวร้าย ยัยจอมหยิ่ง นายจอมโหด นี่ตัวร้ายหรือมันปัญญาอ่อนวะ นิสัยหยิ่งๆ พออ่านเนื้อในคือมันหยิ่งแค่ 5ตอนแรก เจอนางเอกแล้วหงอเป็นหมาเลยนะมึง ยิ่งเย็นชาปนกันมั่ว พูดมากชิบหาย ชื่อเรื่องไม่เมคเซ้นกับตัวละครอย่างแรง ไม่นับเรื่องซาตาน ปีศาจอะไรของแม่งอีกนะ
กู >>873 กูเหมารวมหลายเรื่องนะ ไม่ทันได้คิดถึงกิ่งน้า 5555555555 แต่กูขอบ่นหน่อย มึงงงง มึงเขียนนิยายคิดชื่อเรื่อง กรุณาให้ตัวะครมึงเมคเซ้นกะชื่อเรื่องด้วย ไม่ก็เจอหน้าแว่บแรกอย่าให้ตัวเอกรีบตีโพยตีพายว่าหมอนี่มันหยิ่ง เย็นชา จริงๆแล้วมันอาจจะแค่พวกสันดานเสียหรือขี้เก๊กเฉยๆ นี่มาถึง เจอหน้าไม่พูดด้วย ...เย็นชาจัง นิสัยไม่ดี โว๊ะ เจอหน้าครั้งแรกถ้าไม่เฟรนลี่มึงจะให้จับจูบตรงนั้นเลยป่ะวะ
อย่าจุดธูปเรียกนางมา
มีนิยายเรื่องไหนที่เขียนออกมาแล้วพระเอกดูหยิ่ง เย็นชาจริงๆมั่งป่ะ? อยากได้ตัวอย่างศึกษาแฮะ แล้วถ้าเย็นชาจริงๆมันจะรักกับนางเอกยังไงหว่า หรืออยู่ที่นิสัยนางเอกด้วย?
กูเคยเชื่อว่าคาโลนี่เย็นชาแล้วนะมึง 5555555555555555
กูว่าพระเอกเย็นชาแบบเย็นชาจริงๆแม่งไม่มีอยู่จริงว่ะ ครือนางเอกต้องสามารถทลายเกราะ กำแพงน้ำแข็ง อะไรของพระเอกจนได้ แล้วพระเอกสุดยอดเย็นชาก็จะกลายเป็นคนโรแมนติก มุ้งมิ้งเหี้ยๆ มองนางเอกตาเชื่อม รักจริงหวังแต่ง หึงแรงมาก อะไรแบบนี้อ่ะมึง
อยากลองเขียนพระเอกเย็นชาบ้าง กูไม่เคยเขียนอ่ะ ขอลองเล่นหน่อยได้มั้ย
ร่างสูงตวัดสายตามองเด็กสาวที่ตัวสั่นระริกอยู่บนพื้น เรียวคิ้วกระตุกเข้าหากันก่อนจะคลายออกในชั่ววินาที ดวงหน้าคมกลับมาเรียบเฉยดุจรูปปั้นหินสลัก ริมฝีบางขยับขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มต่ำไม่บ่งบอกอารมณ์ที่ดังออกมา
"เจ้า...น้ำลายหยดแล้ว" ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้ขยับตัว เขาก็หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงชายผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มอันสะบัดตามการเคลื่อนไหว
อร๊าง... สายตาของเจ้ามันช่างบาดลึกลงกลางใจเหลือเกิน มองข้าอีกสิ...มองอีก เลิฟมีไลค์ยูดูน่ะ เคยได้ยินไหม?
แม่งกลายเป็นนิยายตลก 555555555
เย็นชามึงคือซึนเดเระฉบับตัวผู้ใช่ไหม
เย็นชากับเงียบเหมือนกันมั้ยวะ
>>896 ไม่น่าเหมือนว่ะ เงียบคืออาจจะเป็นคนดี อ่อนโยน อบอุ่น บลาๆ แค่พูดน้อยจนแทบไม่พูดป่ะ กูคิดเอาเองนะ ถ้าเย็นชานี่ต้องดูที่การกระทำกับความคิดหรือลักษณะนิสัยมากกว่ามั้ง
กูว่าคาโลนี่ไม่เย็นชานะเอาจริงๆ มันเป็นเด็กมีปมป่ะเลยทำให้นิสัยมันเป็นงั้น ห่า ยิ่งหลังๆรักกับเฟรินนี่มาดเย็นชากูหายไปไหนโม้ดดดด #เจ้าชายเย็นชานั้นไซร้ไม่มีจริง ตัวละครสไตล์นี้จะเรียกว่าซึนเดเระอย่างที่ >>895 ว่าก็น่าจะเข้าข่ายมั้ง /แวะมาเสือกแล้วก็ถือเผือกจากไป
คูลเดเระนี่เย็นชามั้ย?
กูมีเพื่อนคนนึงที่พอจะเข้าเค้าคำว่าเย็นชา คิดว่าน่าจะประมาณนี้
1. ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าพูดจะโผงผาง ไม่รักษาน้ำใจคนฟัง
2. เวลาอยู่ในกลุ่มจะนั่งนิ่ง ไม่พูดคุยมากนัก เวลาสนใจฟังสิ่งที่คนในกลุ่มคุยกันจะมีรัศมีบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด
3. ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง (แต่มีเหตุผล) ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะบ่นแรงๆ แบบไม่รักษาน้ำใจคน คนฟังก็หน้าชา (เพราะมันจริง - เช่น ออกทริปแล้วต้องรอคนที่ไม่รักษาเวลา ก็จะสบถออกมาตรงๆ "ทำไมต้องรอ มันเสียเวลา")
4. ถ้ามั่นใจในเหตุผลของตัวเอง จะแย้งอีกฝ่ายแบบไม่สนใจว่าจะหักหน้าอีกฝ่ายหรือเปล่า
5. มีปมบางอย่าง ที่ถ้ามีใครกระตุ้นจะรู้สึกโมโหและของขึ้นทันที
6. ด้วยเหตุผลเหล่านี้เองที่ทำให้ใครหลายๆคนไม่ชอบ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปแหยมตรงๆอยู่ดี
7. แต่เจ้าชายเย็นชาก็ไม่สนใจด้วย พวกมึงไม่ได้สำคัญอะไรกับชีวิตกูขนาดนั้น
กูอ่านเรื่องโรเซเนียจนถึงตอนล่าสุด สับต่อนะ
กลิ่นแรงบันดาลใจโชยหึ่งเลยโว้ยยย! ตอนแรกกูนึกว่าคงจะมีแค่ช่วงแรกๆ แต่ผ่านมาร้อยกว่าตอนมาทั้งดุ้นเลย ลอกบุคลิกยังไม่พอ ยังเอาประวัติมาก็อป แค่ก! ดัดแปลงซะครบทีม แรกๆ ก็มังงะ(ที่กลายเป็นอนิเม)และหนึ่งนิยายแฟนตาซีไทยในตำนาน ตอนนี้มีเกมจีบหนุ่มแวมไพร์(ที่กลายเป็นอนิเมเช่นกัน) ด้วยว่ะ เรื่องบุคลิกกูยังพอถูไถว่ามันใช้กันเกลื่อนเพราะเป็นที่นิยม แต่ถึงขั้นเอาอดีตมาด้วยนี่คืออะไร? กูนึกว่าจะพัฒนาดีขึ้นนะเรื่องแรงบันดาลใจเนี่ย ซึ่งมันก็พัฒนาขึ้นจริงๆ ด้วยว่ะ แต่พัฒนาเอาเกมจีบหนุ่มมาใช้นะ... ต่อไปจะเอาไลท์โนเวลมาด้วยปะวะ?
และลำดับการตัดฉากก็มั่วมาก ความคิดผสมกับบทบรรยายยังชวนมึนไม่พอเรอะ ถึงเอาการตัดฉากคั่นแทรกสลับกันทุกสามย่อหน้า ถ้าอยู่ในที่เดียวกันยังพอว่า นี่อยู่คนละซีกโลกยังตัดมารวมคั่นกลางได้อย่างไร? มาทีสั้นๆ ไม่ถึงห้าบรรทัดแล้วย้อนกลับมาเนื้อเรื่องหลักคือเก่า คือถ้าใส่ช่วงแรกหรือช่วงท้ายของบทมันจะพอใช้ได้ อารมณ์เหมือนฟังเพลงฝรั่งแนวคันทรี่ดังคลอเบาๆ จู่ๆ ก็มีเพลงร็อคแนวเมทัลดังขึ้นให้ตกใจเล่นสักสามวิแล้วเงียบไป จากนั้นมันก็ดังขึ้นแล้วเงียบอีก เสียบรรรยากาศมากกก แล้วลักษณะตัวละครจะอุปมาเหมือนอะไรก็เอาให้แน่นอนหน่อยสิวะ แรกๆ ตาสีแดงดั่งโกเมน ต่อมากลายเป็นสีเพลิงเฉยเลย มันแดงคนละเฉดเลยนะเว้ย! ถ้าเป็นสีเลือดหรือสีกุหลาบก็พอถูไถ แต่นี่สีเพลิง? เอิ่ม...แล้วยังเรื่องตัวละครที่แข่งกันรูปงามหรือหล่อมากกก คนแรกว่าหล่อโคตรคนที่สองหล่อกว่า แต่ก็ยังสู้คนที่สามไม่ได้ แต่ไอ้คนที่สี่นั้นหล่อล่มเมือง คนที่ห้าหล่อจนชายแท้ยังหลง ส่วนคนที่หกหล่อกว่าไอ้ห้าคนที่ผ่านมารวมกัน ทว่าคนที่เจ็ดนั้นหล่อจนเวลาเหมือนหยุดนิ่งไปเลย บลาๆ แหม...เป็นสร้างฮาเร็มที่น่าอิจฉาจริงๆ
ข้อดีที่กูพอเห็นได้ คือการเดินเรื่องที่ไม่ยืดยาดเอื่อยเฉื่อย มุกตลกก็พอไหว แสดงด้านมืดในสังคมมาเปรียบเทียบได้ดี แต่พอหักลบกับ "แรงบันดาลใจ" ถึงสามเรื่อง(ที่กูพอรู้นะ อาจมีมากกว่านั้นแต่ก็ไม่รู้จัก) คาร์แร็กเตอร์ตัวละครที่ไม่คงที่ การบรรยายความคิดกับสภาพแวดล้อมปนกันมั่ว การลำดับฉากที่ตัดแทรกได้ชวนเสียบรรยากาศ กูขอให้คะแนนเรื่องนี้ 6/10
>>902 เปล่า กูเคยสิงอยู่ห้องนินทาสับเรื่องของกิ่งน้ากับเจ้มุรา พึ่งย้ายมาห้องนี้ก็สับเรื่องนังหนูพริมกับเรื่องนี้แหละ คือกูถ้าจะวิจารณ์ก็จะพยายามอ่านให้ถึงตอนล่าสุดแล้วสับ เพราะถ้ารีบสับตั้งแต่เนิ่นๆ อาจไม่ได้เห็นพัฒนาการที่(อาจ)ดีขึ้น เว้นแต่มันจะเหี้ยมากจนกูทนอ่านไม่ไหว เช่น เรื่องของเจ้มุราที่กูยอมแพ้ในสองบทแรก
ช่วยแปะนิยายที่บรรยายแบบบุคคลที่ 1 ดีๆ ให้หน่อย อยากได้เป็นแนวทาง
กูอ่านนิยายของหนูพริมจบแล้วนะ สั้นๆเลยคือ...ความเมคเซ้นคืออะไรเอ่ย?
>>907 กูก็เพิ่งอ่านจบ กูไม่รู้สึกเลยว่าพระเอกมันเย็นชาหรือหยิ่ง คาร์แม่งเปลี่ยนไปภายในสามบท ไวกว่าโรเซเนียอีก แล้วนางเอกที่ฝึกมาดีใยกลายเป็นตัวถ่วงให้พระเอกต้องช่วยตลอดล่ะเหวย จะสร้างสถานการณ์ให้พระเอกโชว์หล่อมึงไม่จำเป็นต้องให้นางเอกเป็นตัวถ่วงก็ได้ กลัวความสูง ไม่ยอมหนีเพราะจะอยู่คู่พระเอกเพื่อเป็นพลังคอยช่วยเหลือ (ทั้งที่มึงกำลังถูกจับเป็นตัวประกันใช้ข่มขู่เนี่ยนะ?) สรุปคือนิยายเรื่องนี้มุ่งจะจบแบบแฮปปี้ให้ตัวเอกรักกันสมหวังในตอนจบ แต่ระหว่างนั้นก็ต้องมีบทให้รู้ว่าตัวเอกนั้นรักมั่นกันเพียงใด สายใยผูกพันกันเพราะอะไร ซึ่งบทที่ว่ากูอ่านแล้วถึงกับกรอกตามองบน ถึงกระนั้นมันยังมีข้อดีตรงที่บรรยายได้กระชับไม่ชวนงงหรือเวิ่น (ซึ่งมันเป็นข้อดีข้อเดียวที่กูหาเจอ) ข้อเสียคือตรรกะตัวละครแม่งประหลาด สร้างสถานการณ์ได้วิบัติโคตรๆ ใส่ปมปริศนามาเรื่อยๆ ทั้งที่ของเก่ายังแก้ไม่หมด(เข้าใจนะว่าจะโยงไปถึงเรื่องอื่นในซีรี่ส์ แต่มึงช่วยใบ้ให้หน่อยก็ได้ ใส่มาปมละบทนี่คืออะไร?) ตัดสลับมุมมองบุคคลที่หนึ่งภายในบทเดียวกัน (ทำไมไม่แยกเป็นคนละบทไปล่ะเหวย) สรุปกูให้คะแนน 4/10 แต่เพิ่มพิเศษให้อีก .5 เพราะกลิ่นแรงบันดาลใจไม่ค่อยมี รวม 4.5/10
>>908 แก้ๆ กลอกตานะไม่ใช่กรอกตา และเรื่องอื่นในซีรี่ส์กูกำลังคิดว่าจะเสียสละเวลาว่างอันมีค่าไปอ่านดีไหม? รอโม่งคนอื่นมาเปิดก่อนละกัน
ปล.กูขอตั้งชื่อตัวเองว่า โมโม่(จั)ง /ตัด "จั" กลายเป็นโมโม่ง ลบวงเล็บมันจะกลายเป็นโมโม่จัง ตั้งแบบนี้เพราะอยากเพิ่มความน่ารักให้โม่งว่ะ(?)
>>908 ตอนจบพีคสุดคืออีพระเอก มึงรอจนน้องมึงโตจนอายุเกือบ7ปีเลยเหรอวะ แทนที่จะรีบมาหานางเอก นางเอกอยู่บนโลกมนุษย์สามเดือน แต่โลกมึงเกือบ7ปี เชี่ยมาก เป็นกูกูต่อยทีนึง แต่โดยสรุปที่กูอ่านมา มันเป็นกลิ่นตายแล้วข้ามโลกไปต่างมิติที่มีคนเรียกตัวเองว่าเป็นยมทูต ไม่ได้มีธีมของโลกหลังความตายอย่างที่คนเขียนบอกชัดเจนขนาดนั้น ยกเว้นช่วงพิพากษาความดีกับเลวตอนแรก บิบิ
เราแต่งนิยายเกี่ยวกับยมทูต เห็นหนูพริมแต่งยมทูตออกมาแบบนี้แล้วเรารับไม่ได้อ่ะโม่งๆ
พีคสุดของพริมคือพระเอกจะตายแต่มาร้อง save and sound
คนจะตายยังมาร้องเพลงมันใช่เรื่องป่ะ?
สำคัญสุดเลยคือเพลงนี้ไม่ได้มีเนื้อหาชวนฝัน ถ้าจะเอาเพลงมายัดให้ได้ช่วยเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเพลงด้วย เลือกให้มันถูกๆหน่อยมันขัดใจ
>>917 บทสัมพาทย์สิมึง 555 ว่าแต่ที่มันบอกเอาคาร์แรคเตอร์มาจากคนจริงรอบตัว ถ้ามีใครมาลอกก็ไม่ยอม โอเค อันนี้ปกติ แต่ไอ้ประโยคถัดมานี่สิ "และจะไม่ยอมด้วยถ้ามีคนมาขอซื้อลิขสิทธิ์ ไม่ยอมขายต่อให้ตั้งราคาสูงแค่ไหนก็ตาม" คือไรวะ ไม่อยากให้สนพ.เอาไปพิมพ์เหรอ ไม่น่านะ ส่วนใหญ่ใครก็ต้องอยากให้สนพ.มาติดต่อไม่ใช่เหรอ แล้วการเอาชีวิตจริงมาดัดแปลงเขียนนิยายแฟนซี มันต้องปกป้องขนาดนั้นเลยเหรอวะ
>>919 กูอุตส่าห์ไม่พิมพ์แล้วหอยหลอด 555555555 ตอนกูอ่านเจอคำว่า สัมพาทย์ คิ้วกูกระตุกเลย นั่งมองอยู่นานว่าแม่งผิดตรงไหน อ่อ ผิดตรงนี้นี่เอง อ่านแล้วกูก็สะดุดตรงนั้นเหมือนมึงอ่ะ เอาคาร์มาจากคนรอบตัวไม่แปลก แต่แปลกที่บอกว่าให้ราคาสูงแค่ไหนก็ไม่ขายให้ ไม่มีทางขายเด็ดขาด.... ห๊วงขนาดนี้เก็บไว้อ่านเองมั้ย
>>918 ผิดเรื่องละมึง โรเซเนียนะไม่ใช่ยมทูต มังงะคือเรื่อง Cheeky Angel (อันนี้คนเขียนก็บอกโต้งๆ ไว้ท้ายบท) ส่วนอีกสองก็ถูกตามที่มึงว่า แรกๆ กูก็ไม่รู้นะว่าสี่ขุนพลนี่ "ได้แรงบันดาลใจ" จากเกมจีบหนุ่ม แค่รู้สึกว่าบุคลิกทำไมมันคุ้นๆ จัง พออ่านถึงโหมดย้อนอดีตกูนี่นึกได้เลย แม่งเอาทั้งดุ้นตั้งแต่บุคลิกยันประวัติ ถ้าได้ตีพิมพ์เมื่อไหร่แล้วมีคนรู้จักมากขึ้น พวกสาวกแฟนเกมจะออกมาแฉไหมวะว่านิยายเรื่องนี้ "ได้แรงบันดาลใจ" มาจากเกมจีบหนุ่มชนิดที่ว่ามึงเอามาแปลไทยแล้วเรียบเรียงเป็นนิยายกลายเป็นแฟนฟิค หาใช่ออริจินอลที่ผสม "แรงบันดาลใจ"
>>908 กูชอบที่มึงสับมากมันทำให้กูไม่ต้องนั่งอ่านด้วยเพราะกูอ่านต่อไม่ไหว คนเขียนหลายชอบเขียนให้นางเอกเป็น Damsel in Distress แต่เธอเก่งนะแต่... /มองบน >>927 แรงบัลดาลใจ + ยำเรื่องอื่นๆรวมกันกับเกมจีมหนุ่มนี่กูไม่โอเคว่ะ เหมือนเขียนแฟนฟิค crossover มังงะxอนิเมะ ถ้ากูซื้อโรเซเนียมาอ่านกูคงเศร้าดีนะช่วงหลังกูไม่ได้อ่านแนวนี้อีกเลย
อยากรู้ว่าเหมือนกันยังไง ให้มึงลองอ่านเปรียบเทียบดู
เกมจีบหนุ่มที่ว่า มีสปอยประวัติตัวละครทั้งสี่แบบย่อๆ
http://my.dek-d.com/dekdee/story/viewlongc.php?id=1063436&chapter=5
โรเซเนีย บทที่ทำให้กูรู้ว่าลอก- แค่ก! ได้แรงบันดาลใจมา แค่สลับบุคลิกนิดหน่อยแต่ประวัติเกินครึ่งก็ใช่ละ
http://my.dek-d.com/minikikaboo/writer/viewlongc.php?id=1304540&chapter=140
ห่าราก! เกริ่นมาซะดีจนกูนึกชมว่ามีพัฒนาการดีขึ้นนะ พอได้กลิ่นแรงบันดาลใจกูนี่อึ้งเลย หนักกว่าช่วงแรกอีก อ่านไปเรื่อยๆ ซักบทสองบทยิ่งชัด
แรงบันดาลใจแรงกล้าขนาดนี้สถาพรก็ยังให้พิมพ์หรอวะ เขียนนิยายสมัยนี้แม่งง่ายดีจัง ควานหาพล็อตกับตัวละครในเมะมายำๆกันก็ได้แล้ว
ปล.แอบสงสารโม่งที่เอาโรเซนเนียมาแนะนำนะ เหมือนเอามาฆ่าให้ตายยังไงไม่รู้
กูจำได้ว่าคนเขียนเขาบอกว่า อย่าด่วนตัดสินนิยายเขา อะไรทำนองนี้ไม่ใช่เหรอวะ? ที่บอกว่าช่วงแรกได้แรงบันดาลใจมานะ แต่ช่วงหลังไม่เหมือน?
ปรากฏว่าช่วงหลังนั้นไซร้...
ผ่านการพิจารณาแล้วด้วยสิ ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมาจะมีผลอะไรมั้ยวะ โดนยกเลิก? หรือต้องรอให้พิมพ์ออกมาแล้วมีคนแย้งถึงจะสนใจกัน พอถึงตอนนั้นก็คงจะมีแบบก็พิมพ์แล้วนี่ แก้อะไรไม่ได้แล้วนี่แหงๆ
แย้งให้เป็นรูปธรรมไปเลยดีกว่าป่ะวะ อยากรู้ว่าสนพ.จะทำไง
>>936 กูว่าสถาพรไม่รู้มากกว่าว่ะ คือบารามอสนี่ยังพอถูไถว่าเป็นนิยายไทย(ที่ได้แรงบันดาลใจเยอะเหมือนกัน)ที่เป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลัง แต่เรื่อง Cheeky Angel นี่อย่างเก่า กูก็เพิ่งรู้จักตอนที่คนเขียนมันบอกนี่แหละ ส่วน Diabolic lover นี่ถึงจะมีอนิเมแต่มันก็รู้จักในวงแคบๆ ของพวกแฟนเกม
เฮ้ย แรงบันดาลใจห่าอะไรเยอะแยะงี้วะ คือปกติแรงบันดาลใจแม่งต้องแบบ กูไปอ่านลอร์ดออฟเดอะริงมากแล้วสนุกจุงเบย กูเขียนนิยายแฟนตาซีที่มีการเดินทางเพื่อปกป้องโลกควบคู่ไปกับสงครามดีกว่า หรือไม่ก็ กูอ่านแฮร์รี่แล้วสนุกจุงเบย กูเขียนนิยายเกี่ยวกับโรงเรียนเวทมนต์ที่มีหอสี่หอแล้วให้ตัวเองค้นหาความลับและก็ผจญภัยในโรงเรียนดีกว่า
ไอ้ที่แบบ เริ่มเรื่องนี่ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องนี้ ตัวโกงได้แรงบันดาลใจมาจากคาร์ตัวนี้ ฉากนี้เอาแรงบันดาลใจมาจากเรื่องนั้น ปมนี้เอาแรงบันดาลใจมาจากอีกเรื่องนึง บทสนทนานี้ชอบมาก เป็นแรงบันดาลใจจากตอนที่ a พูดกับ b ในเรื่อง xxx
นี่แม่งไม่ใช่นิยายแล้วมันสัส นี่แม่งยำสามกรอบ ห่า
>>942 อย่าเรียกนิยายเช่นนี้ว่ายำสามกรอบ ต้องเรียกให้ทันสมัยหน่อยว่า "มิกซ์แฟนฟิค"
พูดถึงเรื่องแรงบันดาลใจ กูว่าส่วนมากที่ออกมาแบบนี้มีสองสาเหตุหลัก 1.ย่อยแรงบันดาลใจไม่หมด เผลอติดมา 2.ประทับใจหรือชอบมาก อยากต่อยอดในแบบของตนเอง เลยสร้างโลกใหม่ขึ้นมาแล้วดัดนิดแปลงหน่อยยัดเนื้อเรื่องส่วนที่ "เป็นแรงบันดาลใจ" เข้าไปในตัวละครที่สร้าง
นิยายที่ได้แรงบันดาลใจแบบแท้จริงคือเขียนออกมาแล้วไม่ค่อยรู้สึกถึงแรงบันดาลใจที่ว่า รู้สึกคล้ายๆ ว่าจะใช่แต่ไม่เหมือน
คือนิยายเด็กดีมันมักง่ายเขียนขี้เกียจแปลงอะไรเยอะ อ่านไปนิภาพไลท์โนเวล หรือนิยายแปลเด้งขึ้นหัวหลายเรื่องเลย
สถาเคยสนเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ เมื่อก่อนแค่วิวเยอะต่อให้ขยะแค่ไหนก็เอาไปขาย เทพกระบี่หมื่นล้านยังโดนทาบทามเลย
โม่งอารี โมโม่(จั)ง โม่งไหนก็ได้ สนใจสับเรื่องนี้ป่ะ กูไปเจอมาแล้วเฟลแรง นิยายแบบนี้ยอดวิวคอมเม้นเฟ็บเยอะกว่านิยายหลายเรื่องที่กูชอบอีก ฮือออ http://writer.dek-d.com/rffgdshd/story/view.php?id=1459782
>>948 กูโมโม่(จั)ง ทนอ่านถึงบทที่ 5 และกระโดดข้ามไปที่บทนรกตอนที่ 6 ขอยอมแพ้ว่ะ สับเลยละกัน
ไอ้คนเขียนมึงรู้จักนิยายไหมหา! ที่มึงเขียนนี่จะเรียกว่าบทละครท่องจำกูยังกระดากปากเลย บทบรรยายสั้นหวนมีเหมือนไม่มี การจัดเว้นวรรคย่อหน้าติดลบ บทสนบทนาและความคิดมึงอัดมาอยู่ในบรรทัดเดียวกันทำไมวะ เดินเรื่องในมุมบุคคลที่หนึ่งหรือสามก็เอาให้แน่ๆ ดิ คิดว่าใส่เครื่องหมายคำพูดกับ ' ' ก็แยกบทสนทนากับความคิดออกได้โดยไม่ต้องเว้นวรรคจัดย่อหน้าใหม่เรอะ ลองกระโดดข้ามไปอ่านนรกตอนที่ 6 เผื่อว่าอาจจะมีพัฒนาการดีขึ้นแต่ระหว่างนั้นกูอาจทนไม่ได้ แต่ก็ยังห่วยเหมือนเดิม ฟัก!
ส่วนเนื้อเรื่องนี่กูขอนิยามว่าดอกปอปหมายเลขสอง มีความเป็นขยะวรรณกรรมมากพอกัน พระเอกเป็นหนุ่มน้อยวัยเรียนที่มีฉากหลังเป็นฆาตรกรฆ่าชิงทรัพย์ จู่ๆ ก็ถูกวาร์ปมาต่างโลกอย่างงงๆ เห็นระบบเกม RPG ก็ทำเป็นมึนนิดหน่อย จากนั้นก็นั่งคิดเองเออเองแล้วก็เข้าใจทุกอย่างในพริบตาโดยไม่ต้องมีคนสอน ฉลาดมากกก! ต่อไปก็เจอมังกรแก่ในถ้ำที่ถูกผนึก คุยกันเรื่องถ้าพระเอกไม่เชื่อใจมังกรกก็จะฆ่า ถ้าเชื่อใจก็จะไม่ คุยกันสลับกับการต่อสู้โดยมีมังกรโจมตีฝ่ายเดียว สุดท้ายพระเอกก็ปลดผนึกให้มังกร ซึ่งมังกรก็สัญญาว่าถ้าพระเอกช่วยปล่อยจะมอบพลังให้ แล้วพอกันหนีออกไปจากเกาะลอยฟ้าที่ขัวมังกร พอถึงพื้นดินมังกรก็กลับลำไม่ยอมทำตามสัญญาและจะชิ่งหนีไปดื้อๆ แต่ถูกพระเอกลอบเชือดปีกรีดเลือดไปนานแล้ว เดินไม่กี่ก้าวก็ล้มครืน พระเอกผู้แสนฉลาดและเก่งมากกก ก็เฉลยว่าตอนเข้าไปในถ้ำมีเควสฆ่ามังกรโผล่มาให้เห็น เลยวางแผนฆ่าตั้งแรกแล้ว(ทำไมมึงไม่เกริ่นให้คนอ่านรู้หน่อยวะว่าจะมีเควสโผล่ขึ้นมา ถ้าอยากอุบไว้เป็นปริศนามึงไม่ต้องบอกเนื้อเรื่องก็ได้ แค่บรรยายว่ามีความผิดปกติบางอย่างที่พระเอกมองเห็น เช่น มีจอภาพแสดงตัวอักษรมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นถ้ำ)
พอฆ่ามังกรสำเร็จตามเควสเวลก็พุ่งยิ่งกว่าเติมทรู จากสิบหกกระโดดไปถึงสามร้อยกว่า ได้สกิลใหม่มาก็ลองกดใช้รัวๆ เป็นเรียกอุกกาบาตออกมาห่าใหญ่แล้วเสือกทำให้พระเจ้าของโลกนี้ตายซะงั้น เลยทำให้พระเอกได้ฉายาผู้ฆ่าพระเจ้า พร้อมกันนั้นเวลก็อัพไปถึงห้าร้อยกว่า แหม...แค่บทเดียวเวลมึงก็เกือบตันแล้วเนอะ เร็วจัง
ต่อนะ หลังจากนั้นพระเอกก็ใช้อีกสกิลหนึ่งเป็น "เนตรพันลี้" มองได้กว้างมากและไกลโคตร เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกโจรสามคนรุมยำ ด้วยความเลวในสันดานพระเอกจึงเมินเฉยและจะเดินจากไป ทว่าทันใดนั้นพระเอกก็ฉุดคิดได้ช่วยไว้ดีกว่า เพื่อประโยชน์ในวันนี้และวันหน้า จากนั้นพระเอกก็วิ่งไปช่วยแล้วโชว์สกิล "โคตรอภิมหาเทพทรู" ตบโจรกระจอกเวลสิบกว่าๆ ตายในพริบตา จากนั้นก็เนียนตีซี้กับผู้หญิงที่เป็นถึงจอมเวทของกองทัพเวลสิบแปด(สูงกว่าโจรแล้วมึงแพ้ได้ไงวะ คิดจะยัดบทพระเอกโชว์เทพเก็บฮาเร็มก็หาบทที่ดีกว่านี้ไม่ได้เรอะ เช่นมอนสเตอร์รุม แต่นี่...คนเวลสิบกว่าๆ)
แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เกิดความซาบซึ้งบุญคุณของพระเอกผู้แสนดี จึงเล่าเรื่องโลกนี้ให้พระเอกฟังคร่าวๆ และบอกว่าจะตอบแทนบุญคุณในภายหน้าตามที่พระเอกต้องการ จากนั้นก็แยกกันที่หน้าเมือง พระเอกปลอมประวัติจากเทพทรูเวลห้าร้อยเป็นหนุ่มน้อยสามัญเวลสิบหก ซ่อนฉายาแล้วไปทำบัตรผ่านเมือง และด้วยสกิลพิเศษที่ทำให้แสกนเห็นเลเวลข้อมูลส่วนตัวของคนอื่นทำให้พระเอกรู้ว่าเจ้าหน้าที่หญิงคนนี้อายุมากกว่าที่ตาเห็น บลาๆ ทิ้งท้ายบทว่าพระเอกจะออกไปหาที่ซุกหัวนอน ซึ่งกูขอหยุดเพียงเท่านี้เพราะทนความเบียวที่เอ่อล้นและความแกรี่ที่ฟุ้งมากเกินไปไม่ไหววะ ที่มีคนสนใจเยอะคงเพราะมันพล็อตนิยมไปต่างโลกเจอระบบเกม RPG+พระเอกเก่งเทพ+ฮาเร็ม ซึ่งตัวเอกที่เหมือนคนเขียนจะสร้างให้เป็นพวกแบดบอยหน้าซื่อ ซึ่งกูก็พยายามคิดนะว่าที่เลวคงเพราะมีปม หรือเลวตั้งแต่ต้นแต่ถ้าผ่านไปก็จะเริ่มทำตัวดีเอง แต่พอกูลองกระโดดอ่านไปนรกตอนที่ 6 พระเอกเลวสุดขั้วชั่วสุดยอดละ หาได้มีพัฒนาการอันใดไม่
สรุปคะแนน หาข้อดีไม่เจอ กูให้ -10 พร้อมคำนิยาม "เศษเดนนิยาย"
/กูยังคงเป็นพวกมองโลกในแง่ดีอยู่นะ เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องแรกที่คนเขียนแต่งเลยนิยามเพียงเท่านี้เพราะคงไร้ประสบการณ์เลยสร้างผลงานแบบนี้ออกมา ถ้าเขียนมาหลายเรื้องแล้วยังห่วยไม่เปลี่ยนแปลง กูจะนิยามว่า "สวะวรรณกรรม" เพราะมันไม่น่าจะเรียกว่านิยายได้ด้วยซ้ำ นิทานยังสูงกว่าเลย
>>960 กูโม่งอารี กูไปอ่านต่อมาให้มึงถึงบทที่ 11 ละ คือหลังจากที่ไอ้พระเอกเนี่ยมันไปช่วยผู้หญิงคนที่มึงว่าแล้วน่ะ ก็ไปหาที่ซุกหัวนอนเป็นโรงแรมของหญิงม่ายที่ผู้หญิงคนนั้นแนะนำ พระเอกก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้หน้าเหมือนแม่ของมันมาก มีอยู่วันนึงมีพวกกักขฬะมาที่ร้าน มาลวนลามผู้หญิงเนี่ยแหละ ประมาณว่าผัวมึงติดเงินกูเอาไว้ มึงต้องเอาตัวมาใช้หนี้แทนอะไรงี้ พระเอกก็เลยโชว์เทพข่มไอ้พวกนั้นเอาไว้ แล้วเปย์เงินให้ผู้หญิงม่าย (ชื่อเฮเลนน่า) ไป
จากนั้นพระเอกก็ไปทำภารกิจล่าจระเข้อะไรสักอย่าง แล้วได้ไปเจอคู่แข่งที่เป็นหัวขโมย (ชื่อไรเนอร์มั้ง จำไม่ได้) พระเอกสู้ชนะ หัวขโมยหนีไปได้ พระเอกก็จัดการจระเข้แล้วเจอหีบสมบัติ ข้างในนั้นมีแหวนที่ใส่แล้วจะทำให้ล่องหนได้ แล้วทีนี้พระเอกก็กลับมาที่ที่พัก เฮเลนน่าก็บอกประมาณว่ากูรับเงินของมึงไม่ได้จริงๆนะ พระเอกก็บอกว่าเอาไปเถอะสัส บลาๆ สุดท้ายก็ยอมรับเงิน ทีแรกกูก็นึกว่าแม่งจะมาสายฮาเร็มแล้ว แต่จู่ๆแม่งก็เกิดอีเว้นท์ที่ไอ้พวกกักขฬะที่ตามก้อร่อก้อติกผู้หญิงม่ายคนนี้มาจับตัวเธอไป บอกว่าเฮเลนน่าเป็นแม่มด (เฉลยว่าไอ้คนพวกนั้นนับถือลัทธิบูชามังกร ไอ้อ้วนตัวหัวหน้าเป็นสังฆราช) พระเอกก็เดือดมากเลยใส่แหวนล่องหนลอบเร้นเข้าไปในที่ของพวกลัทธินั่น แล้วฆ่าพวกมันทิ้งทั้งหมด ไอ้อ้วนสังฆราชก็จับตัวเฮเลนน่าเป็นตัวประกัน แต่พระเอกแม่งเลือดขึ้นหน้าแล้ว เลยฆ่าแม่งทั้งสองคนเลย (อ้าว แล้วมึงจะมาช่วยทำไมวะอีสัส) พอฆ่าคนทั้งหมดตายแล้วพระเอกก็ผันตัวไปเป็นฆาตกรโดยสมบูรณ์ เดินทางไปตามหาตัวหัวขโมยไรเนอร์ แล้วบอกให้มันมาช่วยสร้างสงครามโลก เหตุผลคือเพราะพระเอกอยากทำ (?) ไรเนอร์ก็อิดออดนิดหน่อยแต่ก็ตกลง แต่มีข้อแลกเปลี่ยน 2 ข้อคือ 1. จะต้องไปขอความเห็นชอบจากเพื่อนของมันก่อน และ 2. พระเอกต้องไปช่วยหาของบางอย่างให้ไรเนอร์
อ่ะ อ่านถึงเท่านี้ ขอให้คะแนนแบบหยาบๆเลยแล้วกัน
คำผิด : ไม่ค่อยเห็นการสะกดคำผิด ไม่เห็นการพิมพ์ตก แต่ส่วนใหญ่เป็นคำง่ายๆ กูให้เยอะหน่อย 7.5/10 ไปเลย
การบรรยาย : ต่ำตมชิบหาย แบบนี้เรียกนิยายเหรอวะ ตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด ขาดการเว้นวรรค ฉากก็ไม่บรรยาย อะไรก็ไม่บรรยาย บทสนทนากับความคิดตีกันยุ่งเหยิงไปหมด กูให้คะแนนในฐานะที่ยังพออ่านรู้เรื่องที่ 2/10 คะแนน
ตัวละคร : เบียว แกรี่ แมรี่ โกง เวอร์ เทพแบบไร้เหตุผล เลือดเย็นแบบงงๆ เหมือนคนเป็นโรคประสาท ตอนแรกบอกว่าฆ่าคนเพื่อเอาเงินไปใช้ซื้อปัจจัยสี่ แล้วมึงจะตัดหัวตัดแขนตัดขาแม่งทำไม เหี้ยเอ๊ย กูให้คะแนนความเป็นคนแม่ง 2/10 คะแนน
เนื้อเรื่อง : อันนี้อ่านยังไม่จบ (ไม่ถึงตอนล่าสุด) เลยไม่ขอให้คะแนน เพราะไม่แน่ว่าอาจมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ ซึ่งเท่าที่อ่านมานี้ก็มองเห็นว่ามีเส้นเรื่องให้เดินอยู่นะ ไม่ได้ออกทะเลไปไหนไกล เห็นเป็นสเต็ปตั้งแต่ พระเอกมาถึงต่างโลก เดินทางเข้าเมือง ตามหาของ มีอีเวนท์ เดินทาง มีอีเวนท์ใหม่ ซึ่งก็ถือว่าพอใช้ได้ (ถ้าไม่นับความสมเหตุสมผลอะไรอื่น)
สรุป 11.5 / 30 ไม่ผ่านว่ะ
>>966 อืมมมมมม พูดก็พูดเถอะ กูให้คะแนนเรื่องนี้ (ฆาตกร) มากกว่าเรื่องแคตตาล็อกนั่นนะ 1. คำผิดน้อยกว่า 2. เนื้อเรื่องดูมีไลน์ของการดำนเนินเรื่องชัดกว่า
ในเรื่องของการบรรยาย แคตตาล็อกพระเจ้าทำได้ดีกว่านิดหน่อย แต่มาเสียตรงที่คำผิดบานเบอะ อ่านแล้วโคตรสะดุด ส่วนตัวละคร แคตตาล็อกเบียวแบบเด็กๆเขียน เหมือนจับนู่นมายัดใส่นี่ให้มันเทพๆ แต่เรื่องฆาตกรนีคือจงใจให้มันเก่งเทพอยู่แล้ว มาถึงก็จับยัดจัดเต็มเลย เนื้อเรื่องแคตตาล็อกก็ดูมั่วๆ ไม่เหมือนกับฆาตกรที่ดูชัดเจนมากกว่าว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร
สรุป แย่พอกัน แต่แคตตาล็อกแย่กว่าหน่อยว่ะ
เพื่อนโม่งกูขอถกประเด็นเรื่องอัพถี่ๆบ่อยๆแล้วจะติดท็อปเอง มันจริงแค่ไหนวะ
เห็นพวกมาบ่นเรื่องนิยายกากขึ้นท็อป แล้วทำไมแม่งไม่อัพถี่ๆดูบ้าง แต่งเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยมาอัพทุกวันเอายอดวิวดิวะ
จากที่กูเดาเอาเอง นอกจากอัพบ่อยแล้วเรื่องมันต้องโดนเด็กๆด้วย แต่คนแต่งหลายๆคนทำไม่ได้เพราะคิดแบบที่เด็กชอบไม่เป็น ถึงอัพทุกวันก็ไม่ติดท็อป
กูอยากรู้ว่ามีใครลองแต่งโดยหวังติดท็อปป่าววะ ใครอัพทุกวันแล้วติดท็อปหรือวิวเยอะบ้างมึงไม่ต้องบอกชื่อนิยายตัวเองก็ได้
>>971 บางทีมันก็ต้องเลือกระหว่างการผลิตงานเขียนที่ดี กับการผลิตงานเขียนที่ติดท็อปอะว่ะ
คือไม่ใช่ว่างานเขียนที่ติดท็อปไม่ดีนะ แต่เท่าที่เห็นก็แบบ......... มันเกาะตลาดได้ไง ตลาดของเด็กดีก็คือนักอ่านวัยรุ่นที่ไม่มีความเข้าใจความงามด้านภาษามากนัก กูเคยอ่านบางคอมเมนต์ แม่งบอกว่าถ้าเห็นเรื่องไหนพยายามบรรยายสวยๆนี่จะปิดไปเลย อ่านยาก ชอบแบบเรียบๆมากกว่า กูแทบร้องไห้
คือบางทีก็ต้องยอมรับว่าการพยายามฝืนบรรยายเยอะๆทั้งที่สกิลตัวเองยังไม่ถึงเนี่ยมันอาจกลายเป็นเวิ่นเว้อจนคนอ่านงงได้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่นักเขียนพึงมีปะวะ คือพยายามบรรยายไปก่อน อันไหนงงก็ปรับแก้ ค่อยๆเกลาภาษาตัวเองไป ดีกว่าที่จะเขียนทื่อๆแบบ โจเดินไปในตลาดเจอผู้หญิงผมทองหน้าตาสวยคนหนึ่ง (วิ๊ดวิ่ว //ผู้เขียน) "สวัสดี" โจเข้าไปทัก "ชื่ออะไรครับ" (แหมหน้าม่อนะโจ //ผู้เขียน) ปะวะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะงงหรือไม่มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะของคนเขียนอย่างเดียว มันต้องเอาทักษะของนักอ่านเข้ามาคิดร่วมด้วย มันก็มีงานบางชิ้นที่กูเห็นว่าเขียนด้วยภาษาที่ค่อนข้างดี บรรยายลื่นๆสวยๆไม่งง แต่คนอ่านน้อยฉิบหาย ตัวกูเองชอบอ่านงานที่ใช้ศัพท์แปลกๆนะ เช่น โอภาปราศรัย ประดักประเดิด อากัปกิริยา ฯลฯ แต่คำพวกนี้ก็ใช่ว่านักอ่านในเว็บจะเข้าใจทุกคน กูเชื่อว่าบางคนแม่งก็คงเอาไปบ่นนั่นล่ะว่าเขียนเหี้ยอะไรงงชิบหาย
อัพถี่ๆอาจทำให้ขึ้นท็อปได้จริง แต่คนทั่วไปที่ไม่ได้ว่างนั่งเกาไข่อยู่ที่บ้านทุกวันไม่มีทางเขียนงานดีๆ อัพลงเว็บได้ทุกวัน (แบบไม่ซอยตอน) ได้แน่ๆ และกูก็ยืนยันว่ากูยอมให้งานที่กูลงทุนลงแรงเขียนไม่เป็นที่รู้จัก ดีกว่ารีบๆปั่นให้ติดท็อปแต่เนื้อในกลวงโบ๋จนคนที่เขามีความรู้มาค่อนแคะเอาได้ว่างานแบบนี้ติดท็อปมาได้ยังไง
>>971 กูกะทำงี้อยู่ กูติดนิสัยชอบเขียนไปแก้ไป บางทีขึ้นตอนใหม่ได้ 3 ย่อหน้าก็กลับไปรีไรท์ตอนเก่าให้สอกคล้องกับตอนใหม่
กูคิดว่าถ้าอัพทีละตอนเนื้อหาจะไม่สอดคล้องกันคนอ่านจะงง กูเลยกะจะแต่งให้จบก่อนแล้วค่อยลงทีเดียว น่าจ 100 ตอนกว่าได้
นิยายกูข้อเสียอย่างคือเปิดเรื่องช้า กูกะปูพื้นไป 10+ ตอนแล้วหักมุมเปิดเรื่อง แต่สไตล์นี้คนไม่นิยมวะ บางคนด่าว่ากากด้วย
พวกวิจารณ์นิยายชอบบอกว่าต้องดึงดูดตั้งแต่ตอนแรกๆ อ่าน 3 ตอนแล้วยังไม่ไปไหนคือนิยายไม่ดี ไม่มีคนอยากอ่าน
แต่กูลองดูที่วางพล็อตทั้งหมดที่วางไว้แล้ว ถ้าเปิดเรื่องเลยมันจะขาดบางอย่างที่กูอยากให้คนเห็นในตัวพระเอก กูเลยลังเลว่าจะยังไงดี
>>979 ลองดูก็ได้นะ ไม่เสียหายหรอก แค่อาจเสียเวลาไปบ้าง
เน้นพิมพ์บทสนทนาเยอะ บรรยายไม่ต้องมี เอาเป็นเรื่องประมาณว่าพระเอกเป็นนักเลงในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่บังเอิญเดินสะดุดท่อหัวฟาดพื้นตาย พระเจ้าสงสารเลยส่งไปเกิดในโลกใหม่ แต่พระเอกโกงพระเจ้าด้วยการขโมยคฑาพระเจ้าไป จะเสกอะไรก็ได้ตามใจปรารถนา แล้วก็โชว์พาวล่าฮาเร็มไปเรื่อยๆ เจอปัญหาอะไรแล้วตันก็ใช้มุกแอบได้ยินตัวโกงคุยกัน
เอาเป็นชื่อ the god's wand : เกรียนตะลุยต่างโลกกับคฑาแห่งพระเจ้า เขียนแม่งตอนสั้นๆ ตอนละฉาก สัก 2-3 หน้า อัพแม่งวันละสามสี่ตอน ไม่ดังให้เหยียบ
ขอขัดจังหวะแป๊บ กระทู้จะเต็มแล้ว ใครตั้งกระทู้เป็นก็เตรียมตั้งได้แล้วมั้งกูว่า เพราะกูตั้งไม่เป็น ; A ;
>>981 กูเขียนโดยยึดมุมมองบุคคลที่ 1 แบบเรื่อง maginal operation เป็นพื้นฐานนะ ดังนั้นมันจะไม่ค่อยมีเรื่องการพรรณณาอะไรมากนัก น่าจะไหวอยู่
แต่กูกังวลเรื่องการเปิดเรื่องวะ แรกๆ มันช้ามาก แต่ก็จำเป็นต้องให้ข้อมูลว่าพระเอกเป็นยังไง เพราะนิสัยนี้เป็นจุดสำคัญมากที่ทำให้เกิดเรื่องทุกอย่าง
คือพระเอกก็เป็นแบบนี้แต่แรก แต่มันปิดทุกอย่างไว้ไม่ให้ใครรู้ พอทุกอย่างเปิดเผยถึงได้ทำตัวแบบนี้ แต่นิสัย 2 หน้าก็เป็นของจริงเช่นกัน
ถ้าไม่มีบทก่อน turning point ประเด็นที่กูวางไว้จะอ่อนไป แถมเรื่องนี้เป็นปมที่จะใช้ตอนจบด้วยสิ ไม่อยากเร่งเลย
จะแต่งนิยายโม่งสมคบคิดเรอะ 555
>>987 ใช่มั้ยล่ะ การอัพยังงั้นแม่งโคตรยากเลย
ช่วงนี้กูชอบติดเล่นๆว่ะว่าไหนๆก็แต่งไม่ค่อยเก่งอยู่แล้ว งานคงออกมาไม่ดีมากแต่ก็คงไม่ห่วยทุเรศอะไรขนาดนั้น กูเลยอยากลองปลดปล่อยความเบียวว่ะ แบบแต่งเหมือนไอ้แคตตาล็อกพระเจ้าหรือพ่อฆาตรกรต่างโลก เอาให้ซูให้ไร้เหคุผลสุดๆ ประชดตัวเองไปเลยแม่ง คงผ่อนคลายความเครียดดี 555
>>995 คือให้เขียนแบบสั้นๆ ตู้มเดียวไม่ต้องปรู๊ฟคำผิดอ่านทวนเลยก็ทำได้นะ แต่รู้สึกแย่กับตัวเองว่ะ ...แต่ระยะนี้คิดแบบมึงเหมือนกัน อยากปลดปล่อยความเบียว ถ้าเบียวแล้วมันนิยมมันก็ควรเบียวเพื่อสร้างฐานแฟนคลับก่อนเปล่าวะ แล้วค่อยกลับมาเป็นคน (แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้อยู่ดีว่าแฟนคลับกลุ่มนั้นจะตามมาเรื่องใหม่ด้วย เพราะอาจจะอ่านแค่เบียวอย่างเดียว)
ปิดมู้จ้า
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.