>>110 จริงแล้วสังคมนี้ไม่มีความพอดี คนที่เก่งก็เก่งไปเลย คนที่ไม่รู้ก็ไม่รู้เรื่องไปเลย มันมีความเหลื่อมล้ำ ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะมันเกิดความเหลื่อมล้ำมากเกินไป ถ้าจะพอดีมันต้องเฉลี่ยๆกัน คนที่ไม่เก่งก็ไม่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยตามเขาไม่ทัน มันต้องเกิดจากการร่วมพัฒนาวงการทั้งสองฝ่ายว่ะ คนเก่งก็ต้องลงมาสอนคนไม่เก่ง แล้วที่สำคัญคนที่ไม่เก่งก็ต้องตั้งใจเปิดรับ ไม่ใช่ว่าไปทำปากเก่งอวดดีใส่เขาแบบนี้คงไม่มีใครเขาอยากจะสอนหรอก
>>112 จริงแล้วทุกอย่างแม่งอยู่ในยูทูปและกูเกิ้ลหมดเว้ย แม่งมีสารพัดวิชาศาสตร์โคตรเยอะ ถ้ามึงมีความใฝ่รู้ใฝ่ที่จะค้นหาจริงๆ ไม่ใช่แค่เปิดไปหน้าสองหน้าพอไม่เจอก็เลิก แต่ก่อนกุก็เริ่มศึกษาทั้งหมดมาจากตรงนี้ ก่อนที่กุจะดิ้นรนกระเสือกกระสนนำพาตัวเองเข้ามาสู่แวดวงนี้ได้พบเจอเหล่าท่านอาจารย์ ทำให้กุได้พูดคุยแลกเปลี่ยนรับความรู้วิชามาพัฒนาตัวเองต่อไปอีกขั้น คือเรื่องไม่มี connection มันไม่ใช่ข้ออ้างเว้ย เพราะโอกาสและโชคชะตามันไม่หล่นมาจากฟ้าตกอยู่หน้าบ้านมึงเองหรอก มึงต้องวิ่งเข้าไปหามันด้วยตัวเองต่างหาก
คือกุพูดไม่ได้หมายความว่าให้มึงมาทำขนาดกุ เดี๋ยวนี้สมัยนี้ขอแค่มีอินเตอร์เน็ตมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พัฒนาฝีมือได้
>>118 กุหมายถึงเรื่อง ทฤษฎีดนตรีครับ ไม่ใช่ทฤษฎีการร้องเพลง คนละส่วนแยกกัน คือแม่งเป็นคอมมอนเซ้นสัส เรื่องโน๊ต เรื่องจังหวะเนี่ย คือแม่งเป็นสิ่งที่คนทำงานเกี่ยวกับดนตรีไม่ว่าจะระดับไหนก็ตามก็ต้องควรรู้เว้ย อย่างมึงบอก เรื่องกรูฟ แม่งก็โยงเข้าเรื่องทฤษฎีดนตรีเต็มๆ ถูกมั้ย เรื่องเกี่ยวกับ articulation ของจังหวะ ของส่วนโน๊ต ถามหน่อยถ้านับจังหวะไม่เป็น ไม่รู้ว่าไหนตัวตกตัวยก แม่งจะรู้จักคำว่ากรูฟได้ไงจริงป่ะ แล้วคนมิกซ์อย่างงี้อ่า ถามหน่อยเวลาทามมิ่ง แม่งจะรู้ได้ไงว่าโน๊ตนี้ตรงหรือไม่ตรง ถ้าไม่รู้เรื่องส่วนโน๊ต เรื่อง time signature ดูเส้น grid ไม่เป็น เวลาจูนงี้อ่ะแม่งจะรู้ได้ไงว่าโน๊ตนี้มันตรงจริงหรือป่าว มันถูกคีย์หรือไม่ถูกคีย์
คือแค่พื้นฐานเว้ย แค่พื้นฐานก็พอเว้ยไม่ต้องมารู้มากเท่านักดนตรีหรอก แต่มันควรต้องรู้ไว้ไงเป็นคอมมอนเซ้นไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลยศูนย์ ไม่เปิดรับไม่เอาไรแล้ว แต่มาบอกว่าพยายามแล้ว ทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ ก็มันจะทำได้อย่างไรล่ะในเมื่อตัวมึงเองยังไม่เปิดใจ ยังคิดว่าตัวเองทำไม่ได้อยู่เลย