>>809 กอดมึงนะ ส่วนกูใช้วิธีอันฟอลเพจนักวาดทุกคนไปเลย555+ ถ้าอดเปรียบเทียบไม่ได้ก็ต้องอย่าให้ตัวเองไปเห็นว่ะ
>>810 กูเคยเป็นแบบมึง แม่งแย่ เงินเดือนน้อย เพื่อนไม่คบ ทุกครั้งที่เห็นเพื่อนในเฟสในทวิตมีคนมาคุยด้วย มาไลค์ มาปลอบ มาอวย แต่มองข้ามหัวกูไปหมดทั้งๆที่เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน กูคิดเปรียบเทียบกับทุกคนไปทั่ว กูเริ่มพาลแบบเงียบๆ เกลียดทุกคนมากตอนนั้น วาดรูปแล้วไม่มีความสุขเพราะมันวนกลับไปคิดว่าทำไมวาดรูปแล้วลงเฟสลงทวิตเหมือนๆคนอื่น แต่เพื่อนๆกูไม่เคยชมผลงานกูเลยวะ กูเหมือนอากาศธาตุชัดๆ ทำเหี้ยอะไรก็ไม่มีใครสนใจทั้งๆที่กูก็ไม่ได้ฝีมือกากอะไรขนาดนั้น แรกๆคิดว่าไม่ซึมเศร้าหรอก ไปๆมาๆเรื่องพวกนั้นเวียนอยู่ในหัวจนทำกูแอนตี้สังคม เก็บตัว คิดฆ่าตัวตาย แล้วเวลาผ่านไปกูก็รู้สึกไม่เห็นมันจะมีอะไรดีขึ้นนอกจากรอเวลาที่กูจะลาโลกไปจริงๆ สุดท้าย...กูไม่ได้ไปหาหมอแต่กูปรึกษาเพื่อนที่เป็นโรคนี้ ทุกขั้นตอนเขาเป็นเหมือนกูเลย กูเกิดตาสว่างขึ้นมา ก็ยั้งตัวเองได้แล้วแหละตอนนี้ ก็เรียกว่าทำแบบ >>811 น่ะแหละ กูใช้เวลาปีนึงตั้งแต่ตอนนั้นเพื่อตัดเรื่องโซเชี่ยลออกไป กูไม่สนใจแล้วว่าเพื่อนจะคุยไม่คุยกับกู คาดหวังน้อยลงก็ผิดหวังน้อยลงว่ะ กูว่าตอนนี้กูดีขึ้นเยอะนะ วาดรูปแล้วมีความสุขขึ้นมากๆ วาดเพื่อหาเงิน วาดเพื่อสนองนี้ด กูทำไปเรื่อยๆอะ เรียกว่ากำลังอยู่กับตัวเองแบบที่ไม่ใช่หมกมุ่นในความคิดตัวเองว่ะ กูหาสัตว์มาเลี้ยง ปลูกต้นไม้ ห่างไกลจากกลุ่มคนที่ทำให้กูรู้สึกแย่อะ กรองให้เหลือแต่เพื่อนน้ำดีจริงๆก็พอ แต่นะ วิธีนี้กูว่าจะได้ผลดีถ้าเป็นคนวัยทำงานแล้วและสังคมทำงานมึงไม่ร้ายกาจมาก เพราะถ้ามึงยังต้องไปเรียนไปเข้าสังคมที่ต้องเฟคใส่กัน กูว่าปรับตัวยากว่ะ
ยังไงก็ตาม หาหมอนะ สำหรับใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองถึงจุดที่ดีลกับตัวเองไม่ไหวแล้ว อย่าให้ถึงขั้นทำอะไรที่เรียกกลับคืนไม่ได้เลยนะ