>>521 555จริงมึง กูว่าคนชงก็น่าจะคนเดิมๆ วนอยู่ที่เดิมประเด็นเดิมๆ แต่พอไม่มีพวกนี้ก็ไม่มีใครเปิดหัวข้อคุยดีๆเลย
นานๆทีจะสร้างสรรค์
กูขอเติมจาก >>522 "นักเขียนต้องถามตัวเองว่าเราเขียนงานยังไง ต้องถามตัวเองเยอะๆ ไม่ใช่ไปโทษสังคมว่าทำไมสังคมไม่ชอบงานกู"
กูมองอีกมุม สำหรับกู คือนักเขียนควรต้องรู้ตัวอยู่แล้ว ว่าเขียนอะไร เขียนให้ใครอ่าน
แล้วต้องรู้ด้วยว่างานชิ้นเดียวตอบโจทย์ของทุกคนไม่ได้ ไม่มีทางที่ทุกคนในสังคมที่อ้างจะ ชอบงานมึงหมดทุกคน (โม่งไม่ใช่สังคมทั้งหมดด้วย)
เวลาได้รับคำวิจารณ์ต้องคิดเยอะๆ จำแนกว่าแต่ละอันเป็นอะไร
Hater << เขาเกลียดมึง มึงทำดียังไง เขาก็ด่ามึงหาเรื่องมาด่า
คนอ่านจริงแต่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของมึง << สมมุติคนที่อ่านเป็นคนศีลธรรมสูงไม่ชอบงานที่สื่อเรื่องเพศ การ์ตูนควรให้อะไรแก่สังคม และเขาเรียกร้องมันจากคนเขียน << แล้วมึงเขียนเซอร์วิส ล่อคนอ่านด้วยsex appeal แล้วมึงทำไง เมื่อเขาด่าอะ? เลิกเขียนไหม? หรือจะแถว่างานมึงสะท้อนสังคมเถียงโง่ๆไปเรื่อยๆ? เพื่อเขาจะรักงานมึงเพราะเหตุผลโง่ๆก็เอา หรือมึงเลือกทำใจแล้วปล่อยไป
คนอ่านจริงเป็นกลุ่มเป้า คนที่ชอบแบบมึง << แต่เขาด่ามึง เช่น มึงเขียนเซอร์วิส เขาวิจารณ์ "หด" << อันนี้มึงก็ต้องแยกแล้วแหละว่าอาจเป็น
Hater หรือว่า วาดแล้วหดจริงๆ ...
ไม่ใช่ว่าอะไรแล้วก็เป็นประเด็นหมด "ถ้ามึงเป็นคนเขียนมึงต้องรู้ว่ามึงทำอะไรอยู่"
กูไม่ใช่สงเสริมว่าโม่งด่าคือดีนะ แต่คือ อยากให้คิดไม่ใช่ไปฟังเขามั่วไปหมด ทั้งในและนอกโม่ง
คำชมก็เหมือนกัน เสพอย่างมีสติ คนแม่งลงเหวเพราะคำป้อยอโง่ๆมาเยอะแล้ว คิดเยอะๆ
ไม่ใช่ด่าคือเหี้ย พูดไม่ชอบ เกลียด เขาคือ ศัตรู
ใครชม ใครยอ คือเพื่อน