ก็เนี่ยแหละ เอาข้ออ้างเรื่องจบวิดวะมาเมคสตอรี่ ใช้เป็นจุดขาย จบมากี่สิบปีแล้ว วาดมากี่ปีแล้ว งานยังมั่วเละอยู่เลย มันอ้างไม่ขึ้นหรอก
หนังสือหนังหามีเยอะแยะ เวลามีเยอะแยะ เอาไปทำอะไรหมด อยากโชว์เหนือก็เลยรีบก๊อปติวเตอเรียลให้เร็วที่สุด ขยันใส่เยอะๆ วาดไม่ดีก็ไม่ต้องแก้
อย่าเอาคำว่าศิลปินมาใช้เป็นทางออกเลย มันไม่ได้เป็นคำลอยตัวขนาดนั้น งานมึงมีอะไรสื่อ มีอะไรอยู่ในงาน มันอยู่ในงานนั้นแหละ หลอกลวงอะไรไม่ได้ มีก็ปรากฎ ไม่มีก็ไม่เห็น จะสายใหนสายแอบ สายเรียล มันมีตรงนี้หมด
อย่างอัสมันเคยไปออกเซมินา ขึ้นเวทีมากูก็นึกว่าแม่งจะมาพูดอะไร มาพูดเรื่อง blend tool ในโปรแกรม บอกนี่นะมืออาชีพใช้ ถูเข้าไปแบบนี้
กูฟังแล้วกูอึนเลย ใครเค้าใช้กันแบบนั้น กูไม่แปลกใจทำไมงานแกจืดแห้งแบบนั้น คือแกไปเปิดติวเตอเรียล และก็ทำตามติวเตอร์แบบนักเรียนวิศวะท่องสูตร ครบถ้วนเป๊ะ และก็จำมาแบบนั้น
จากคนวาดรูปสุดท้ายก็แปรสภาพเป็นเซลล์แมน คอยวางแผนบิสิเนส การตลาด ต้องเมคว่าเป็นทาเลนต์ คอยหากลุ่มคอยอุ้มชูการตลาดกันไป
ล่าสุด คอซองนี่ก็ขายนักเรียนไทย หิ้วไปญี่ปุ่นก็ขายโอตะชุดนักเรียนได้นะ กูว่าวางแผนดี แต่งานมันก็วาดดุ้นเหมือนเดิม