ไอ้เหี้ยจะร้องไห้ที่บ้านกูมีอยู่เล่มนึง
Last posted
Total of 1000 posts
ไอ้เหี้ยจะร้องไห้ที่บ้านกูมีอยู่เล่มนึง
กูจะเขียนหนังสือ "นิ้วกลมใน 1 ชั่วโมง"
โดยรวบรวมมุมมองความคิดและวิธีคิดทั้งหมดของนิ้วกลม มึงว่าจะขายออกไหมวะ
เด็กๆจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาอ่านสี่สิบห้าสิบเล่ม
เพราะนิ้วกลมมันก็วนอยู่ไม่กี่เรื่อง กุรวมรวมแพทเทินไว้หมดแล้ว
อาทิมิสฟาวสนุกไหม
อาร์ทีมิสกูชอบเล่มแรกที่สุดละ
อาร์ทีมิสอ่านถึงแค่สามเล่มแรกพอหลังจากเปลี่ยนนามปากกาเขียนเหี้ยลง 120%
ถามนิยายเก่าหน่อย ที่เป็นเด็กสามสี่คนเรียนห้องเดียวกัน แล้วพระเอกมันชอบสาวคนนึงที่ลึกลับๆ หน่อยในห้อง
แล้วเกิดเรื่อง พวกพระเอกกับเพื่อนอีกสามคนหลุดไปในโลกเทพนิยายที่รวมๆ กันหลายอย่าง โดนพวกออร์คจับมั่ง พยายามหนีมั่ง แล้วก๊มีต้องพยายามตามหานางเอกคนนั้น
ตอนเดินเรื่องจะเปลี่ยนตามมุมมองความคิดเล่มละคน เวลาหลุดไปอีกโลกจะเป็นตื่นในโลกนั้น เวลานอนจะกลับมาโลกเดิม
คำว่า เชื่อขนมกิน นี่มันหมายความว่าไงวะ อ่านิยายย้อนยุคของไทยแล้วเจอคำนี้บ่อยจัง มันหมายถึงเชื่อฉันเถอะหรอ แล้วทำไมต้องเป็นเชื่อขนมกินอ่ะ เกี่ยวไรกะขนม แล้วกินมาจากไหน
>>357 เชื่อขนมกินได้เลยนี่ มันคือการรับประกันว่าคนที่เอาขนมจากร้านนี้ไปแดกจะมาจ่ายตังทีหลังแน่นอนไม่ทีชักดาบ เลยเอามาเปรียบเป็นสำนวนว่ารับรองได้ เชื่อถือได้
>>358 หลักสูตรสมัยนี้เขาไม่ได้สอนเรื่องสำนวน คำพังเพยแล้วเหรอวะ สมัยกูเรียนให้ทำบัตรคำเป็นเล่มๆ หาสำนวนที่ชอบจากพจนานุกรมแล้วจดไว้ในบัตรคำนั่นล่ะ
อัฐยายซื้อขนมยายอปลว่าไรอ่ะ ไม่เคยได้ยินเลย
>>357 เหี่ยอ่านแล้วคิดว่าตัวเองแก่ เดียวนี้เขาไม่สอนแล้วหรือวะ
เชื่อขนมกินได้ ..แปลว่าเชื่อถือได้ เป็นคำเปรียบเปรย เชื่อในที่นี้หมายถึง กู้ยืมนะมึง ไปเอาขนมเขามากินไม่จ่ายตังส์ เดี่ยวค่อยกลับมาจ่าย แล้วเจ้าของร้านเขายอมให้เซนต์ไง... แปลว่าคนนั้นมีเครดิตดีไรงี้อะ
อัฐยายซื้อขนมยาย .... แปลว่า เอาเงินเขามาซื้อของในร้านเขาเอง ซึ่งเชิงเปรียบเทียบว่า เจ้าของร้านคนนั้น(ยาย) มีแต่เสียกับเสีย อีคนทำก็มีแต่ได้กับได้ต้องไม่ลงทุน "อัฐ" แปลว่า เงิน มาจากสมัยก่อน เขาใช้เบี้ย ใช้อัฐแทนเงินไง .
ผิดถุกยังไง รอเพื่อนโม่ง ที่แก่..ทัน มาแก้นะจ๊ะ ...
กูไม่รู้ว่าเขาสอนไม่สอนหรอก แต่พวกสำนวนมึงไปถามอากู๋ดูก่อนก็ดีนะ เออถ้าจะถามที่มาสำนวนที่หาไม่เจอค่อยมาถามก็ได้
นึกถึงตอนอ่านจันดารา ไปงงกับคำว่า ไม่อินังขังขอบ ต้องไปถามแม่เอา
ว่าไปกูสงสัยอย่าง สตึแปลว่าอะไรวะ ค้นกูเกิ้ลมีแต่สติให้กู สงสัยมานานแล้วตั้งแต่เห็นเพื่อนโม่งคุยกันผ่านๆ
The World of Ice and Fire อย่าซื้อฉบับ e-Book
อ่านง่ายแต่ไม่สวยเท่าปกแข็ง
เล่มจริงสวยมากถึงจะเล่มใหญ่เวอร์ก็เถอะ
ปล. ราคา 1000++
ตํานานแห่งซิลมาริลนี่แปลดีไหมอ่ะเพื่อน
จะหาอะไรอ่านก่อนหนังเข้าโรง
พวกมึงมีใครมี 2 เล่มนี้ในครอบครองบ้าง
Celtic Myths and Legends
The Norse Myths (The Pantheon Fairy Tale and Folklore Library)
มันดีหรือไม่ดี? ถ้าไม่มีคนมีกูจะได้ไปซื้อตอนปลายเดือนเลย แต่ถ้าไม่ดีบอกกูกูจะได้ไปหาเล่มอื่น
เปิดโลกนิยานสืบสวนให้กูหน่อยสิเพื่อนโม่ง กูเคยอ่านแค่โฮมส์กับงานของอากาธา
>>381 เอลารี่ ควีน นักสืบหนุ่มพลังล้นเหลือ ไม่อมข้อมูล คนเขียนตั้งใจท้าคนอ่าน ถ้าชอบคิดตามให้อ่านคนนี้
ฟิลิป มาร์โลว์ ถ้าอยากเห็นหน้านักสืบแนวกร้านโลก ดื่มจัดสูบจัด แบบที่เห็นในหนังเก่าๆ ก็คนนี้เลย
มีสนพ.พยายามแปลและพิมพ์ซีรี่ย์สองคนนี้อยู่ หาอ่านได้
ส่วนตัวคดีเนี่ย ยุค CSI แล้วมันไม่มีอะไรให้ว้าวแล้วมั้ง
ฮาลาน โคเบน กูแนะเรื่องหายกับอย่าบอกใคร หักมุมซับซ้อนสับสนดี แต่มึงต้องทนความขี้บ่นของตัวเอกและความเมพของตัวร้ายได้นะ
พระอาทิตย์เที่ยงคืน ไม่เชิงสืบสวน แต่มีคดีหลายคดีเกิดในนี้ คนร้ายนี่ตำรวจรู้อยู่เต็มอกว่าใคร ขาดแต่หลักฐานกับเบาะแสที่จะสาวไปหาตัวการ
ฆาตกรรมบนถนนมอร์ก ของโปนี่ก็ใช้ได้ หักมุมนิดๆและคาดไม่ถึง
โฮล์ม แมวสามสี พระเอกเป็นตำรวจ คอยไขคดีโดยมีแมวช่วยนิดหน่อย
ยาคุโมะ นักสืบวิญญาณ อันนี้ออกแนวเรื่องเหนือธรรมชาติ พระเอกตาแดงเห็นผีเห็นปีศาจได้
ตี๋เหรินเจี๋ย นักสืบวังหลวงยุคบูเช็คเทียน มีเรื่องการเมือง ราชวงศ์แทรกเข้ามาด้วย
ถ้าเป็นมังงะกูแนะนำ Q.E.D. พระเอกเป็นอัจฉริยะที่ฟังเรื่องเล่าจากนางเอกก็ไขคดีได้ แต่จะไม่เอาตัวไปเสือกกับคดีนั้นๆนอกจากจะเหลืออด ส่วนนางเอกล้มหมีด้วยมือเปล่าได้ เรื่องเรียลพอสมควรตรงที่ีหลักฐาน พยาน แต่สำนวนอ่อนจนคนร้ายหลุดคดีไปก็มี ไม่ได้จบแฮปปี้แบบโคนัน
คินดะอิจิ 27 เล่มแรก ดาร์ก มืด หดหู่ คดีโหดๆอย่างฆ่าหั่นศพ ฆ่าตัดคอ ถ่วงน้ำทั้งเป็น
ถ้าเกมแนะนำ Pheonix right เกมทนาย สืบสวนสอบสวน ว่าความกันในชั้นศาล ต้องหาหลักฐานช่วยลูกความ เกทับบลัฟแหลก แต่ภาษาอังกฤษต้องแข็งแรงนะถึงจะรู้เรื่อง
ที่ใหนยังขายสิทธารถะมั่งอะ แล้วควรอ่านฉบับใหนดี
หมายถึงที่แปลจากเยอรมันเหรอ เห็นมีคนแปลอยู่ แต่ยังหาไม่เจอว่าที่ใหนขาย
นาร์ซิซัสแอนด์โกลมุนต์เป็นยังบ้าง มีใครเคยอ่านมั้ย
กุเพิ่งรู้ว่ากำมะหยี่มันขายคาฟกาเล่มละเกือบ 500
โชคดีจริงๆที่กุอ่านฉบับอังกฤษเล่มละ 300 แปลไม่กากด้วย
กูอ่านเด็กเก็บว่าวจบแล้ว สะเทือนใจเป็นบ้า มีประเด็นเกย์ๆ แต่ไม่ใช่นิยายวายนะ มันออกไปทางมิตรภาพและความเชื่อใจกันมากกว่า แนะนำเรื่องนี้ให้เหล่าโม่งอ่านนะ
แม่งนิยายแปลป้าหลินประกาศเลื่อนอีกแล้ว... แม่งสามภพสามชาติตามชื่อเรื่องจริงๆ
งวดนี้เปลี่ยนคนวาดปก เลยขอยาวถึงมิถุนาปีหน้า แม่ม
เลื่อนอีกแล้วเหรอ... กูตั้งใจว่าจะเก็บสามภพสามชาติป่าท้อนี่เป็นชุดสุดท้ายแล้วนะ แต่ได้ยินว่ามันยังมีต่ออีกชุดที่เป็นเรื่องของลูกพระเอกนางเอกภาคแรกป่ะ... กูตายแป๊บ
ตัดมา...ป้าแกจะเลื่อนต่ออีกไหมให้ทาย
5. คุณ 猫君大白 เคยอ่านเรื่องลิขิตเหนือเขนยมาแล้ว จึงทราบเนื้อหา ฉากภายในเรื่อง และบุคลิกลักษณะตลอดจนอุปนิสัยของตัวละครดี เธอยืนยันว่าจะไม่ทิ้งงานวาดค้างกลางคันแล้วเลิกวาด และเนื่องจากเพื่อความสวยงามของปก จำเป็นต้องให้คุณ猫君大白 วาดใหม่ทั้ง 4 ปก จึงต้องให้เวลาเธอวาดปกละ 1 เดือน คือเดือนพ.ย.-ก.พ.
6. เพื่อให้กระทบต่อเวลาที่ท่านจะได้รับหนังสือน้อยที่สุด ทางเราจึงตัดสินใจว่า จะจัดพิมพ์และจัดส่งเล่ม 1-2 ก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ ค่อยจัดส่งเล่ม 3-4 ในเดือนเมษายนพร้อมกับนิยายแนวปัจจุบันที่เคยเกริ่นไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
เคยได้ยินว่าเจ๊แกทำงานละเอียดมาก สั่งแก้งานเป็นร้อยครั้ง กูแอบสงสารคนวาดเก่ามากกว่า เงินคงไม่ได้ซักกะบาทแต่ต้องคว่ำโต๊ะหนีเพราะทนไม่ไหว
เจ๊แกบอกว่า ที่นักเขียนปกขอยกเลิก เพราะคิดงานไม่ได้ไม่ใช่เหรอว่ะ ประมาณไม่อินเรื่องไรงี้ เลยตัน
อยากอ่านสามชาติสามภพแต่แม่งแพงชิบหายเลย
4 เล่มปกอ่อนสองพันห้า แม่งงงงงงงง. ตอนแรกคิดว่าปกแข็ง.
สองพันห้า ถ้าขายได้ซัก 500 ชุด แม่งมีเงินตั้งล้านสองแสนกว่าๆ แล้วค่าลิขสิทธิ์ซื้อมาตีพิมพ์พวกนี้มันแพงมากมั้ยกูไม่รู้ว่ะ แต่หักลบนั่นนี่แล้วน่าจะมีกำไรเหลือซักแสนสองแสนล่ะวะ
อยากบ่นนิยาย ยังทำได้อยู่ป่าววะที่นี่ หรือต้องคุยแต่นิยายชั้นสูงเท่านั้น
บ่นไปเหอะ ดีกว่าเงียบ ไอ้พวกรสนิยมชั้นสูงไปถึงดาวพลูโตนั่นช่างหัวมัน ถ้ามาโทรลล์อีกก็เมินไปเหอะ
กูสงสัยนานละไอ้แฮมสเตอร์ลงรูนี้กูไม่เข้าใจ อย่างอื่นมีให้เทียบไม่เทียบอย่าง งูเงี้ย ทำไมมันต้องแฮมสเตอร์ลงรู ทำไมแม่งต้องเอาสัตว์หน้าตาบ๊องแบ๊วมาแทนอะไรแบบนี้ด้วยวะ กูไม่เข้าใจ
งั้นขอบ่นหน่อยละกัน
กุอ่านงานของป้าหลินแล้วกุว่ามันธรรมดาชิบหายเลยว่ะ ทั้งเนื้อเรื่องและความสละสลวยของภาษาไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย
ก่อนอ่านกุตั้งความหวังไว้พอสมควรแต่ก็เผื่อความผิดหวังไว้เหมือนกัน เพราะเรื่องที่ดังเพราะคนอวยมักจะทำให้กุผิดหวังเสมอ
งานแกเขียนเอง หรือว่างานแปลวะ งานแกเขียนเองกุว่าก็พออ่านได้ ส่วนงานแปล กุว่าเรื่องที่แกเลือกมาทำขายเองมันอึนๆ มันไม่สุดซักทางพิกล ถึงแกจะชอบบอกว่าเรื่องแกเนี่ยคัดแล้วคัดอีก งานดีสัสๆ ของดีมีคุณภาพ สามภพสามชาติภาคแรกอ่านแล้วกุว่าเฉยๆ ยิ่งม่านม่านแม่งยืดยิ่งกว่าลูฟี่แดกผลปีศาจอีก
อีกคนคือลวิตร แม่งอ่านแล้วจืดชืดเหมือนอ่านมังงะที่ผู้หญิงวาดเช่นพวก blue exorcist , magi
ถ้ากุไม่เคยอ่านพวกแฮรี่มาก่อนอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ หรือว่ามันเขียนไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้นวะ
magi นี่จืดดดดดดสุดตีนเลยล่ะ มันเหมือนจะวางพล็อตให้มีแง่มุมหลากหลายนะ แต่ทุกแง่มุมแม่งไม่พีคเลยสักอัน
ไม่ว่าเรื่องการวางแผน การเมือง บทบู๊ ความแฟนตาซี เหมือนจับมารวมๆให้มันดูหลากหลายไปงั้น แต่พอออกมาแล้วทื่อสัสๆ
กุว่าเพราะวิธีการเล่าเรื่องมันไม่ฉลาดด้วยแหละ
กุเคยไปวิเคราะห์ในพันทิปทีนึงก็โดนไล่กระทืบเละไปเรียบร้อย แต่ในมู้มังงะนี้ส่วนใหญ่ก็คิดเหมือนกับกุนะ
ส่วนที่กุงงมากที่สุดคือนิทเช่มันเกี่ยวเหี้ยอะไรด้วยวะ ?? กุรู้จักนะแต่กุไม่เข้าใจมึง ??
ก็มึงเอาไปเทียบกับแฮรี่แล้วบอกว่าจืดไง แฮรี่มีดีตรงที่เป็นhi-fantasyสูงมากและให้ความสดใหม่ในตลาด(ช่วงนั้น) แต่นอกนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก ถึงกูจะบ้ามันอยู่พักหนึ่ง แต่เนื้อเรื่องของแฮรี่นี่เดินตามขนบเหี้ยๆเลย กูอ่านheroes with a thousand faceเอาก็ได้
แล้วแฮรี่นี่นิยายเด็กดีมาก ในเรื่องแทบไม่มีคนตาย ตายก็ตายไม่โหด magiยังตายโหดกว่า ปาะเด็นและภาพก็matureพอควร ถึงกูจะคิดว่าหลายๆอย่างมันโลกสวยและไร้สาระก็เถอะ กูเลยขัดใจที่มึงอ้างแฮรี่ เหมือนมึงบอกว่าดราก้อนบอลจืดกว่าทอมแอนด์เจอรี่
ปล. เอาจริงๆกูก็คิดว่าmagiเป็นเรื่องโหลๆที่ดังเพราะเอาหลายๆอย่างมายำกันได้พอดี(สำหรับคนทั่วไป) แต่ประเด็นหลาบๆอย่างก็งั้นๆ แต่กูขัดใจที่มึงเอามาเทียบกับแฮรี่นี่ละ ถึงบอกให้เอาอะไรที่มันดีกว่านี้มาเทียบหน่อย
หลินโม่ว มีตำนานดราม่ากับคนวาดมาแต่โบราณการ นับแต่ ศึกจอมขมังเวท lol
เป็นเรื่องที่ดีจนจอมเวทวาร์ปมาฆ่าแม่ทัพ กูเลิกอ่านเลย
งานเจ๊หลินกูว่าม้าตีนต้นนะ ช่วงแรกๆ ที่แกลงให้อ่านฟรีนั่นกูอ่านแล้วติดมากกก ต้องควักกระเป๋าตังค์ซื้อ แต่อ่านจบแล้วรู้สึกไม่ฟินเท่าไหร่ แต่เข้าใจว่าที่ไม่ฟินเป็นเพราะคาดหวังสูงไป เจอความหนาของหนังสือที่เล่มหลังเชิงอรรถกินไปเพียบแล้วเลยแบ่บ... แต่กูนับถือว่าแกย่อยงานเก่งนะ เล่าเรื่องย่อได้สนุกน่าสนใจมาก อ่านเพลินมากๆ อ่ะ
ส่วนลวิตร์นี่ไม่รู้ว่ะ คือกูชอบไง เป็นนักเขียนที่กูอวยอ่ะ สไตล์งานของเขาอาจจะไม่เหมาะกับมึงแค่นั้นเองก็ได้ ไม่คิดว่ามันเป็นงานของผู้หญิงด้วย แต่ถ้างานละเมียดล่ะก็ใช่
ปล. มึงลองอ่านไมรอนยังล่ะ หนักๆ ดี อาจจะถูกใจก็ได้
สำหรับกู แฮรี่นี่อ่านแล้วเฉยๆ ไม่ได้อินอะไรมากมาย เท่าไหร่ว่ะ
ถามนิด กูหาไมรอนได้จากไหนวะ หรือกูมีทางเลือกเดียวคือต้องสั่งเว็บสนพ.เอา
กูชอบไมรอนนะ ปวารณาตนเป็นสาวกลวิตร์เลยแหละ แต่หลังจากอ่านเดมอนเบเกอรี่แล้วกูก็...
กุเทียบแฮรี่กับmagi ตอนไหนวะ มึงช่วยกลับไปอ่านใหม่ทีเถอะนะ ใครจะเอามังงะมาเทียบกับวรรณกรรมวะไอห่า
ถึงแฮรี่จะเป็นนิยายที่กูไม่ได้ชอบมาก เพราะกุไม่ได้อ่านแนวนี้เป็นหลัก แต่สำหรับแนวเดียวกันแล้ว ลวิตรแม่งเล่าเรื่องได้ทื่อมากเลยว่ะ ภาษาก็งั้นๆ
มึงไปอ่านงานยุโรปดู ขนาดกูอ่านภาษาอังกฤษที่ผ่านการแปลมาแล้วยังรู้สึกว่ภาษาและวิธีการเล่าเรื่องแม่งโคตรสวยงาม ถ้าอ่านต้นฉบับออกคงขึ้นสวรรค์
ส่วนเมไจนี่ต่อให้กุไม่เอามาเทียบกับวรรณกรรม มันก็เป็นหนังสือขยะรอขายทิ้งสำหรับกุอยู่ดีนั่นแหละ
อีกคนคือ"ลวิตร แม่งอ่านแล้วจืดชืดเหมือนอ่านมังงะที่ผู้หญิงวาดเช่นพวก blue exorcist , magi ถ้ากุไม่เคยอ่านพวกแฮรี่มาก่อนอาจจะรู้สึกดีกว่านี้"
มึงไม่ได้เทียบตรงๆแต่มึงเหมารวม ลวิตร์+มังกะที่ผู้หญิงวาด vs พวกแฮรี่(ยุโรป) แต่มึงจะแถว่ามึงหมายถึงลวิตรคนเดียวก็ได้ กูไม่ว่าอะไร
งานสายยุโรปแม่งก็ไม่ได้ดีไปหมดหรอก หลักๆที่มันมีดีคือเรื่องภาษา เพราะตลาดสายยุโรปเน้นเรื่องภาษาและสำนวน แต่งานกากๆก็ใช่ว่าจะไม่มี เพียงแต่มันก็อยู่ภายในประเทศของมัน ไม่ได้ส่งออกมาให้มึงรับรู้ ถ้ามึงไปดูตลาดบนๆของไทย ระดับสำนวนภาษามันก็ไม่ด้อยกว่ากันหรอก
ปัญหานี้ก็เกิดกับLN พวกที่นำเข้ามานี่ถือเป็นสายpopularของวรรณกรรมญี่ปุ่น เรื่องภาษาต่อให้ไม่แปลก็ไม่ได้ดีเด่อะไรมาก(อาจจะยกเว้นบาเกะ) ส่วนตลาดบนๆเขาก็เสพย์วรรณศิลป์ที่มีระดับอีกขั้น งานของพวกคินดะอิจินี่ก็เกิดด้วยสำนวนพอๆกับความลึกลับนั่นละ
แนวฝั่งตะวันตก กุชอบ โรอัลดาห์ แมรี นอร์ตัน ไรพวกนี้ กุเลยชอบจิ้นว่าแม่มด แม่งตัวหัวล้านเท่านั้น ถถถถถ
กูเถียงหน่อยละกันนะ กูผู้ชาย กูชอบงานลวิตร์ทุกเรื่อง ชอบสำนวนด้วย ชอบพลอตด้วย กูไม่มีรสนิยมคล้ายผู้หญิงสักนิด ถ้ามึงจะบอกว่าจืดเพราะดูเป็นเรื่องสำหรับผู้หญิง กูว่าลอจิกมึงพังแล้วว่ะ อย่าเอาตัวเองเป็นแกนโลกหน่อยเลยมึง
>>430 กูบอกว่าหลักๆ ไม่ใช่ทั้งหมด และภาษาของสายยุโรปมันก็เด่นจริงๆนิ เพราะตลาดบ้านเขามีรสนิยมแบบนี้ ยิ่งงานของฝรั่งเศสนี่ยิ่งต้องการเสพย์ภาษาหนักๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเนื้อเรื่องไม่ต้องซักหน่อย และถ้ามึงศึกษาเรื่องนี้จริงๆ งานเขียนสายยุโรปแทบทุกสาขาแม่งเล่นสะบัดสำนวนทั้งนั้นละ ตั้งแต่หนังสือพิมพ์ยันงานวิชาการ บทนำงานวิจัยวิทยาศาสตร์ของเยอรมันยังเคยเอาวาทะของค้านท์มาใส่เลย(แต่กูก็อ่านจากอ้างอิงในภาษาอังกฤษอีกทีนะ)
ปล. มึงเป็นโทรลรสนิยมสูงตัวนั้นสินะ กูก็ไม่น่ามาเถียงกับมึงเลย
เหอ ตกลงแอบโทรลล์ป่ะวะ แต่ก็สนุกดีกว่าบอร์ดเงียบ กูว่าสไตล์การใช้ภาษาของลวิตร์คือเรียบแต่ลึกป่ะ แบบว่าเป็นคนที่แตกฉานแล้ว แต่เลือกที่จะเล่าเรื่องด้วยภาษาเรียบๆ แบบ minimalist มากกว่า ทีนี้พอมึงคาดหวังการใช้ถ้อยคำหรูหราไฮโซประหนึ่งเครื่องเรือนหลุยส์ที่ 14 มึงก็ต้องมาว่าจืดเป็นธรรมดา
>>435 กำ กูโคตรชอบผู้เสกทรายเลย แบบว่าเป็นงานโปรดของกูเลยอ่ะ ทุกวันนี้ยังอยากให้เขากลับไปเขียนงานหนักๆ มั่ง ถึงกูจะเอ็นจอย DB ก็เหอะ
>>433 แค่กูไม่ชอบงานลวิตรกูก็กลายเป็นโทรลไปแล้วสินะ การอ่านหนังสือมันไม่ได้ช่วยให้มึงโลกกว้างเปิดใจมากขึ้นเลยหรอวะ
กูไม่ได้ด่าว่าลวิตรมันรสนิยมต่ำอะไรเลยนะ กูพูดถึงงานของเขาอย่างเดียว
ไอ้เหี้ยแฟนเมไจก็ด่ากูเป็นโทรลทั้งที่กูก็ยังไม่ได้ด่ามันเลยว่ามันโง่อ่านการ์ตูนแบบนั้นไปได้ไงวะ
กูอยากรู้จังว่าจากที่มีงศึกษามา มึงอ่านงานยุโรปอะไรมาบ้าง เอาแบบไม่ต้องชักแม่น้ำทั้งห้าน่ะ กุจะได้เชื่อว่ามึงไม่ได้พูดกว้างๆไปอย่างนั้นเอง
ปรกติกูอ่านสายวิชาการอย่างฟูโกต์ ค้านท์ มาร์กซ ไฮเดกเกอร์ แดริดาร์ แซนด์เดล มีทั้งจากภาษาไทยและอังกฤษ ซึ่งฉบับแปลอังกฤษของฟูโกต์นั้นเจ้าตัวชื่นชมมากว่าแปลได้ครบสมบูรณ์อย่างยิ่ง
ส่วนสายวรรณกรรมกูอ่านเฮสเส(ไทย) โทลคีน(ฉบับอังกฤษมีแต่อ่านไม่จบ) มอร์ ฮูโก้ ซาเบดรา ดันเต้(อังกฤษ) เดโฟ ตอลสตอย(ไทย-ยังอ่านไม่จบ)
เอาจริงๆกูก็ไม่ได้อ่าน(ฉบับอังกฤษ)จบทุกเล่มหรอก ซื้อมาประดับชั้นหนังสือซะมากกว่า แต่ปรกติกูอ่านข่าวภาษาอังกฤษ กูเลยรู้ว่ามันเล่นสำนวนกันยังไง แถมเรื่องการเล่นสำนวนในวงวิชาการยุโรปนี่เป็นเรื่องที่เลื่องลืออยู่แล้ว ฟูโกต์ยังเคยพูดเลยว่า"ถ้าคุณเขียนงานให้อ่านง่ายๆ คนจะถือว่างานของคุณนั้นต่ำต้อย ไม่ว่าข้อเท็จจริงในนั้นจะเป็นยังไง" ไอ้โล้นสติแตกนี่เลยเขียนงานที่อ่านยากสัดหมาที่สุดใน100ภาษาขึ้นมา
มีใครอ่านซีไรท์ปีนี้ยัง หรือแถวนี้ไม่อ่านแนวนี้กัน
เอาจริงๆ ไม่ประชดแบบบนๆ ไม่ได้อ่านอ่ะ ซีไรท์ (ถึงกูจะอ่านงานวินทร์บ้าง แต่กูอ่านเพราะเป็นวินทร์ ไม่ได้อ่านเพราะเป็นซีไรท์) แต่ชอบอ่านตอนคนในวงการวรรณกรรมสูงส่งลุกมาด่ากันเรื่องงานซีไรท์
กุอ่านซีไรต์บ้าง แต่ช่วงปีหลังๆไม่ได้อ่าน สุดท้ายที่อ่านน่าจะเจ้าหงิญมั้ง. พวกกวีซีไรต์นี่ยิ่งไม่ค่อยแตะเลย
รวบกวนสหายโม่งแนะนำนิยายไทยหน่อย
แฟนตาซี สำนวนสมัยใหม่หน่อย แต่ไม่ออนไลน์ก็ดี
ขอบพระคุณล่วงหน้า
มีแฟนโอตสีอิจิบ้างไหมวะ
>>448 กูชอบโอตสึนะ(อาจไม่ใช้แฟนตัวยงแต่ก็ถือว่าชอบ) แต่งานหนังสือที่ผ่านมาก็ยังไม่มีเรื่องใหม่เขาวะ กูเลยไม่รู้จะคุยไร ขอบ่นนิดหน่อยว่ากูผิดหวังกับกล่องจำลองฝันเขานะ พออ่านเจอที่บอกว่าหมดมุกเลยประกวดหามุก แล้วกูก็เข้าใจเลยว่าทำไมมันแย่เพราะเรื่องมันโดดไปโดดมาจนค่อยมาสนุกที่เรื่องหิมะนี้ละ
กูชอบช่วงโทรศัพท์สลับมิติ ดอกไม้ไฟ กะรอยสัก ไรนี้มากเลย แต่ช่วงหลังๆอ่านแล้วเฉยๆ
กูชอบ GOTH กับ ZOO น่ะ ของที่ J-Book เอามาทำชอบแค่ดอกไม้ไฟฯ เรื่องเดียว กูว่าคนโรคจิตในเรื่องของโอตสึมันดู real ดีนะ คือมันไม่มีเหตุผล ไม่ดราม่า ไม่เหี้ยอะไรทั้งนั้น มันทำก็เพราะมันอยากทำ จบอะ มีนักเขียนคนอื่นที่เขียนแนวนี้ได้อีกมั่งมั้ยแนะนำหน่อย
ช่วงหลังๆกูว่าหมดมุก(ฮา) แต่นิทานมืดกูชอบอยู่กูคงชอบเพราะคาแรกเตอร์นางเอกนั้นละ กับพลังคนร้ายกูว่ามันแปลกๆดี
>>451กูก็ชอบgoth กูอ่านแล้วได้อารมณ์คนโรคจิตที่ไม่มีห่าเหวอะไรแค่ก็กูโรคจิตอยากทำ จริงๆน่าจะเขียนแนวนี้บ่อยๆนะ ส่วนzooนี้กูชอบแค่7 roomวะเรื่อวอื่นกูเฉยๆบางเรื่องกูว่าไร้เหตุผลมากอย่างตอนเครื่องบิน งานเขียนเก่าๆเขาที่กูอยากอ่านอย่างเรื่องช็อกโกแลตแต่หาไม่เจอวะแย่จริง
พูดถึงเรื่องโหดกูอ่าน10คดีบาปแล้วกูโคตรคลื่นไส้ โคตรหยะแหยง กูอ่านgothได้ไม่มีปัญหา(หรือบางทีอาจเพราะมันไม่โหด กูก็ไม่รู้) คือแบบกูอ่าน10คดีบาป(กูเอาของเพื่อนมาพลิกๆอ่าน) แล้วแบบตัวละครหญิงเอาอสุจินร.ชายมาใส่ช่องคลอดตัวเอง สัสสสส คนรักกับหมาเงี้ย สัสสส แล้วคือแต่ละอย่างในเรื่อง+การบรรยายนี้มันทำให้กูแทบหาวิธีลบมันออกจากหัวกูเลย
งานสยองขวัญของจีนช่วงนี้เน้นเลือดสาดชวนแหวะเยอะ กูเคยอ่านของenterที่เป็นแนวสืบผี มันไม่มีความน่ากลัวเลย มีแต่ความชวนแหวะเลือกสาด ถึงกูจะอ่านไดีชิวๆแต่ก็ไม่ชอบแนวนี้ เลยดรอปไป
http://www.jamsai.com/product/1191-
กูไม่ชอบเรื่องนี้ของเอนเตอร์ว่ะ มันเป็นนิยายแบบที่กูคิดว่า อยู่ๆมึงอยากมีไอ้นี่โผล่มา มึงก็มีจนได้ ปีศาจที่โผล่มาก็งั้นๆแบบตัวร้ายในนิยายเกรด B ประกาศชัดเจนว่ากูจะฆ่ามึงแล้วนะ เคี้ยก เคี้ยก กลัวกูซะสิ ไม่หักมุมใดๆทั้งสิ้น มีแต่ฉากหยอกล้อกันของตัวเอกสองคน ขายวายแบบโจ่งแจ้ง พระเอกนายเอกเป็นสูตรสำเร็จอีกแบบนึงของนิยายวาย ปากบอกชอบผู้หญิงแต่เสือกโชว์ฉากเกย์จนฟุอย่างกูเลี่ยนเลย กูหลงผิดซื้อมาเพราะปกแท้ๆ
>>454 อ้าว...สัส ตกลงไม่สนุกเรอะ กูกะหยิบหลายรอบละ เพราะเห็นแฟนอวยกันเยอะ...อะไรวะเนี่ย ขอบคุณมึงที่รีวิว
เออ พูดถึงเอนเทอร์ มีใครอ่านเรื่องนี้บ้างป่ะวะ http://www.jamsai.com/product/3046 ตอนนี้กูอยากอ่านแนวเบาสมอง ของอวี้หว่อกูก็อ่านๆ เอาขำอยู่ แต่ล่าสุด unreal นี่ไม่ค่อยขำสำหรับกูเลย (เล่ม 2 กูเลยยังไม่ซื้อ) กูอยากได้แนวตลกว่ะ จะมีใครพอแนะนำอะไรให้กูบ้างได้ไหม...
ปืนกับช็อกโกแลตของโอตสึอิจิ คหสต กูนะ กูว่าไม่ค่อยมีกลิ่นของโอตสึอิจิเลยอะ ก็สนุกดีแต่มันไม่เหมือนเป็นนิยายของเขาเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเนื้อเรื่องมันดูเป็นฝั่งตะวันตก หรือเพราะตัวละคร หรือเพราะอะไร
>>455 กูรอรีวิวเรื่องนี้มีใครอ่านมั้ย...แต่กูว่าไม่มีดม่งคนไหนอ่านวะ
มันเป็นเรื่องที่กูรู้สึกถูกโฉลกในหลายๆด้านแต่ก็ไม่กล้าหยิบขึ้นมาเพราะกลัวไม่สนุก กูอยากอ่านในแง่คอมเมดี้คลายเครียดตัวละครหญิงไม่งี่เง่า(ถ้าตัวละครหญิงนิสัยหล่อก็ยิ่งดี) พระเอกไม่หน้าหมั่นไส้ออกมาโชว์หล่อเทพมันเป็นงี้มั้ยวะ
แนวเบาสมองกูแนะของป้าหนอนที่อยู่แจ่มใสอะ ชุดความรู้สึกดีๆ เขาชอบเขียนเรื่องเฮฮาๆ สูตรสเน่หาของกิ่งฉัตร แต่มึงหาหนังดูก็โอเคนะ เรื่องนี้แอนเล่นได้ฮาและกวนตีนมาก หญ้าแพรก ดอกมะเขือและเรือน้อยของว.วินิจฉัยกุล นางเอกเป็นครู พระเอกเป็นทหารลูกน้องพ่อ ไม่ได้โฟกัสเรื่องความรักอย่างเดียว แต่มีเรื่องหน้าที่การงานของนางเอกด้วย เทวาพาคู่ฝัน รักกุ๊กกิ๊กของพระเอกนางเอกวัยมหาลัย น้ำใสใจจริง เรื่องของนักศึกษารุ่นบุกเบิกมหาลัยในตจว. เรื่องนี้ฮามาก ของแก้วเก้ากูแนะเรื่องวิมานมะพร้าวกับพิมมาลา วิมานมะพร้าว นางเอกเป็นวิศวกรพระเอกเป็นเจ้าของโรงงาน มีวิญญาณคุณปู่พระเอกชงให้ลงเอยกัน พิมมาลา พระเอกโดนสาปให้เป็นผู้หญิงเพราะความเจ้าชู้ ใจแคบ เห็นแก่ตัว จะได้เข้าใจจิตใจของผู้หญิงบ้าง
>>458 แนวที่มึงพูดรู้สึกจะไม่ถูกโฉลกกูเท่าไร กูไม่ค่อยชอบแนวนิยายรักวะ หรือถ้าจะมีรักนี้กูขอแนวบิเบลียได้มั้ย คือเรื่องหลักคือสืบด้วยการเอาหนังสือเป็นสื่อกลาง แต่ละหว่างทางก็มีฉากมุ้งมิ้งพระนางนิดๆให้ฟินเล่น ส่วนนิยายรักไทยส่วนใหญ่นี้กูว่าคือมุ่งรักแล้วเอาเรื่องอื่นมาเติมวะ กูเลยไม่ค่อยชอบไม่อิน
กูอยากหาแนวแนวเบาสมองแฟนตาซีคอมเมดี้ อารมณ์แบบกูเตะเหตุผลออกนอกโลกแล้ว(แต่ไม่เตะความสมเหตุสมผลนะ) มีจริงจังบ้างตามเวลาไรแบบนี้
>>459 มึงเคยอ่านคุณฮาริยามะของบลิสมะ ไอนั่นอะแฟนตาซีเตะเหตุผลทิ้ง ชื่อเรื่องเป็นคุณฮาริยามะแต่จริงๆเป็นตัวประกอบ มีเชี่ยอะไรก็ไม่รู้อยู่รุมล้อมคุณฮาริยามะกันให้เต็มไปหมดทั้งมนุษย์ต่างดาว ฆาตกรโรคจิต กีกี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ฮีโร่ บลา บลา แล้วคุณฮาริยามะก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วย
ผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ เรื่องนี้แม่งเอาทฤษฎีหลายอันมายำรวมกันให้เบาสมอง มึงจะเจอฮอว์คิง ดาวินซี่ อะแซหวุ้นกี้ หรืออะไรก็ตามที่คนเขียนจะนึกออก เหมือนจะมีสาระ แต่แม่งไร้สาระสุดๆ
สึคุโดโมะ ร้านรับซื้อของเก่า ปริศนามีบ้าง สืบสวนกันบ้าง แต่พระเอกนางเอกหวานใส่กันทุกบทที่สี่
ไอ้ลิสต์ข้างบนกูแนะนำจริงๆว่ะเพราะมันตลก แต่มึงไม่ชอบ กูก็ไม่ได้ว่าอะไร
>>460 ฮาริยามะกูอ่านกูชอบมาก กูชอบเรื่องที่อะไรไม่รู้แม่งประเดประดังเข้ามาแถมไม่ได้มีแค่แนวเดียว เรื่องเหมือนดูไม่เกี่ยวแต่ก็โยงกันนิดๆตอนสุดท้ายกูชอบงานเขียนของคนนี้จริงๆ ส่วนผู้ชายที่ตามรักเธอทุกชาติ กับ สึคุโดโมะกูจะจดเข้าลิสน่าซื้อไว้
ขอโทษกูก็ไม่ได้ว่าอะไรมึงนะ แต่มันก็ไม่ใช้แนวกูจริงๆนั้นละ กูขอบคุณที่มึงแนะนำนะ
นิยายไทยมีใครเขียนฉากบู๊หนุกๆ มั่ง ไม่แนวออนไลน์นะ ถ้าจะอ่านแบบนั้นไปอ่านไลท์โนเวลดีกว่า
บิเบลียนี่ถ้าหลับตาอ่าน(?) นึกว่าของT1ทำนะเนี่ย รูปเล่มดีมาก แต่ก็บอบบางสัสๆ ไม่ชอบที่แปลทับศัพท์บางคำ อย่างอเลิร์ท > ตื่นตัว แต่เหนือสิ่งอื่นใด กูดีใจที่มีคนเอาเรื่องนี้มา
กูอ่านเรื่องนี้เข้าใจกว่าสาวน้อยวรรณกรรม การแปลน่าจะเท่ากัน แต่กูว่าสาวน้อยเรียบเรียงดีกว่า
ลวิตร์เค้ามีนักเขียนโปรดป่าววะ กุอยากรู้ที่มาของแนวทางการเขียนอะ
คงไม่ใช่ดอกเตอร์ผู้บุกเบิกนะ
ทำไมกูเฉยๆ กับลวิตร์มากเลยวะ อ่านผู้เสกทรายแล้วเฉยมากจริงๆ กูชอบภาษานะ รสนิยมกูคงไม่ใช่ทางนี้ละมั้งทั้งที่ปกติกูอินกับเรื่องอื่นที่เพื่อนโม่งเม้าท์กันมากนะ
แต่กูเสียศรัทธานิดหน่อยนะ ตอนเขาเขียน Riva Estella แล้วแนะนำให้ลองอ่านดู สนุกทุกเรื่องเนี่ย เข้าใจนะว่าต้องเชียร์เพื่อนนักเขียนด้วยกัน แต่บางเรื่องมันสัดหมาจริง...
Sinner Redeem << กุว่าเรื่องนี้ของลวิตร์ก็ดาร์กอยู่นา ตอนแรกกุยังไม่คิดเลยว่าเอ็นเธอร์จะเอาเรื่องนี้ไปพิมพ์
กุว่างานเขามีแบบหลากหลายอ่ะ เบาๆ หน่วงๆ แล้วแต่ช่วงว่ะ กุก็อ่านเรื่อยๆ มีชอบบ้างไม่ชอบบ้าง
ว่าแต่กุเห็น ลาสแฟนตาซีขายอยู่ในนายอินทร์วันก่อน เรื่องนี้มันยังไม่จบอีกเหรอวะ หรือมันเป็นรีปริ้นท์
จะให้เขาด่าเพื่อนร่วมสนพ.มันก็กระไรอยู่ เป็นกูอย่างมากก็เพลเซฟว่า"ทุกเรื่องเป็นเอกลักษณ์ของคนเขียนแต่ละคน" (ไม่ว่าจะดีหรือขยะก็ตาม)
มึงก็รู้ว่านักอ่านไทยสมัยนี้อ่านงานขยะและอวยไม่ลืมหูลืมตาเยอะแค่ใหน งานสวะอย่างมาซาลานห่ือปากกาฯแม่งก็มีคนอวยทะลุฟ้า ต่อให้ลวิตรบอกว่ากาก สาวกแม่งก็ชอบอยู่ดี เผลอๆจะมีดราม่าตามมาอีก
ก็นะส่งเสริมการขาย แต่ไอ้"ทุกเรื่องเป็นเอกลักษณ์ของคนเขียนแต่ละคน" นี้กูอ่านดูก็รู้สึกว่ามันจะเลี่ยงๆไม่พูดว่ามันดียังไงชอบกล ดังนั้นถ้าพูดงี้ก็สามารถตีความว่าไม่สนุกได้ เพราะงั้นถ้าจะส่งสริมการขายก็พูดว่ามันสนุกไปเลยดีกว่า(แต่คนอ่านจะสนุกทุกคนมั้ยก็อีกเรื่อง)
กูข้าวไปอ่านลวิตร์เลยว่ะ เพื่อนกูก็ซื้อเก็บเพราะลวิตร์เหมือนกัน กัลฐิดากูพยายามอ่านแล้ว ยืดชิบหาย เมื่อไหร่เขาจะเลิกพรรณาความหล่อ ความสวย ความดูดีของตัวละครแบบยาวๆยืดๆซักทีวะ แหม่ หยั่งกะอ่านบทชมโฉมตัวละครในวรรณคดี
นี่เขาก็ไม่ได้โกหกนะ ก็สนุกทุกเรื่อง แต่สนุกสำหรับใครก็ละไว้ในใจไง
ที่จริงเป็นแฟนลวิตร์แบบตามเก็บทุกเรื่อง แต่เซ็ตนี้ซื้อไม่ลงจริงว่ะ จะซื้อเฉพาะเล่มสุดท้ายที่มีของลวิตร์ยังเสียดายเงิน พูดตรงๆเรื่องนี้ของลวิตร์อ่านแล้วก็รู้สึกว่าไม่ถึงขั้น มาตรฐานดรอปยังไงไม่รู้
ริว่ามันเป็นแฟนตาซีของ บก. คนนี้ ซึ่งกูไม่แฟนตาซีด้วยว่ะ
ซื้อแค่เล่มสามยังเสียดายตังจริงๆ
เพื่อนโม่งเทพนิยายแปลของสนพ.freeformนี่ดีไหมอ่ะ
เห็นมีนิทานกริม อยากรู้ว่าเป็นเวอร์ชั่นดั้งเดิมป่ะ
ไม่ชอบแบบดิสนี่ย์ว่ะโลกสวยไป ถ้าเป็นแบบนั้นจะได้ไม่ซื้อ
นอกเรื่อง ถามนิดดิ่ มีใครจะลองส่งประกวดนิยายของ Enter มั่งป่ะ มีคุณลวิตร์เป็นกรรมการด้วยนะ ปีนี้
เพื่อนๆ ขอแทรกหน่อย มีใครอ่านเรื่อง กาหลมหรทึก บ้างปะ
http://www.goodreads.com/book/show/23264415
กุอ่านแล้วชอบมากนะ แนะนำเลย (ขัดใจที่ตอนจบรีบๆ เกินไป แต่นอกนั้นชอบหมด) เป็นสืบสวนถอดรหัสย้อนยุคแบบไทยๆ ที่เจ๋งมาก แต่ไม่ชอบไอ้คำโปรย "แดนบราวน์แห่งสยามประเทศ" เลยว่ะ เพราะนอกจากเรื่องถอดรหัส แม่งก็ไม่ได้มีอะไรเหมือนแดนบราวน์ซักเท่าไหร่
>>501 ส่วนตัวกูว่าอ่านต้นฉบับได้ก็อ่านเถอะ ฉบับแปลนี้อ่านแล้วบางจุดก็โอเค พยายามหาผลงานเชคเสปียร์ที่มีฉบับแปลไทยมาเทียบ แปลอ้างอิงผู้เขียนบ้าง แต่หลายๆ จุดแปลตรงทื่อจนกูรู้เลยว่าต้นฉบับมันเขียนไว้ว่าอะไร และความจริงแล้วมันควรจะแปลว่าอะไร(phrasal verb หลุดทื่อๆ มาบ่อยมาก) เพลงโซมาที่นางเอกร้องไปดูต้นฉบับภาษาแล้วจะรู้สึกว่าแปลได้ทื่อแทน
แต่ก็อย่างที่บอก เล่มแอนเดอร์สันแปลลื่นกว่านี้มาก สรุปว่าขึ้นกับคนแปล ของสนพ.นี้ตอนหลังๆก็พยายามหาเล่มจริงมาอ่านก่อนซื้อตลอด
ใครเคยสั่งหนังสือจาก amazon บ้าง
อยากรู้ว่าตรงราคาที่มี 3 ราคา คือ amazon new from used from
ไอ้ new from มันคืออะไรวะ สามารถส่งมาถึงไทยได้ปะ เห็นราคามันถูกกว่า
>>503 amazon priceคือราคาปก(มั้งนะหรืออาจจะถูกกว่าปกนิดหน่อยอันนี้ไม่ชัวร์) newคือมือหนึ่ง มึงต้องกดเข้าไปดูว่ามันมาจากคนขายคนไหนว่ะ เพราะราคาแต่ละคนมันไม่เท่ากัน (ที่เห็นมือสอง(used)แพงกว่าอย่าตกใจเพราะพวกนี้มันราคาต่ำกว่าปกอยู่แล้ว) แล้วเจ้าก็ส่งแค่ในประเทศ หรือ+ค่าส่งอะไรยังไงก็ดูเอาดีๆ
กุแนะนำ http://www.bookdepository.com/ ราคาตามปกแต่ส่งถึงไทยฟรี มือ1แท้แน่นอน
กูอยากได้หนังสือเล่มนึงจากเมกามาก แต่สั่งอเมซอนมันไม่ยอมส่งว่ะ ถ้าส่งแม่งก็ราคาเป็นเท่าตัวของค่าหนังสือเลย จะให้ร้านรับหิ้ว แม่งก็ราคาเป็นสองเท่าของหนังสือ กูเห็นแล้วยอมแพ้เลย การจะได้หนังสือเล่มนึงทำไมมันยากขนาดนี้วะ
กูเพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องเซ็งเป็ดในพันทิป อีเหี้ย ถ้าไม่จั่วหัวว่าเรื่องจริงนี่คงไม่มีใครเปิดอ่านหรอก กากเดนทั้งภาษา เนื้อหา ข้อมูล พวกมันปลื้มเข้าไปได้ยังไงวะกับเรื่องเล่าพรรค์นี้
โม่งอักษรเยอรมันยังสิงสถิตอยู่ป่าววะ
อยากรู้ว่า faust นี่ฉบับแปลอังกฤษของใครน่าอ่านสุดวะ พอรู้ป่าว
>>517 เรียนเชิญที่ http://www.reddit.com/r/books/comments/14r2gx/need_helping_finding_a_good_english_translation/
คือกูอ่านแค่ฉบับเยอแบบย่อความมาแล้วว่ะ ฮอล เคยเห็นศูนย์หนังสือเยอรมันขายเล่มภาษาเยอรมัน แต่กูไม่อาจเอื้อมจริงๆ
เออ เผื่อสนใจ ตอนนี้อาจารย์ภาษาเยอรมันในไทยกำลังแปล Nibelungenlied อยู่ กูไม่แน่ใจว่าอาจารย์กี่ท่านแปล แต่เรื่องมันมีราวๆ2400 strophe รึไงเนี่ย ตอนนี้เพิ่งแปลไป700เองมั้ง.. รอหน่อยนะ..
ถามหน่อย นิยายแบบไหนที่พวกมึงเห็นแล้วไม่คลิกเข้าไปอ่านเลย ของกูนี่เจอชื่อเรื่องหยาบคายกูก็เลื่อนผ่านแล้ว ไม่เสียเวลากดเข้าไปดูเลย
>>522 กูด้วยคน ตอนกูเปิดไปดูนิยายในเว็บเด็กดวกโหมดวายนี่กูถึงกับอึ้ง...เดี๋ยวนี้มันแปะคำหยาบกันหราอย่างงี้เลยเรอะ กูๆ มึงๆ มึงเป็นเมียกูเดี๋ยวนี้นะ เมียกูเซ็กส์จัด...อิห่า มึงใช้อะไรคิดชื่อเรื่องวะ กูที่อ่านนิยายภาษาสุภาพมาทั้งชีวิตอ่านไปนี่คงไม่มีทางอินลงว่ะ ถึงชีวิตจริงกูจะใช้คำหยาบก็เหอะ
กุไม่อ่านนิยายในเน็ตเลยอะ ในคอมมูกุก็ไม่อ่าน ส่วนมากแต่งกาก แล้วมันไม่มีอะไรดึงดูดรับรองด้วยว่าคนนี้แต่งดีนะ บางคนยิ่งแต่งยิ่งเบียว จะทนอ่านได้ก็ต่อเมื่อมันเป็นนิยายจากการ์ตูน ไม่ใช่สร้างขึ้นเอง
>>526 กูเสี่ยงดวงเอาว่ะ แต่ส่วนมากมักไม่เจอนักเขียนดีๆที่กูตามหามานานเลย กูให้โอกาสคนเสมอนะมึงถ้าเป็นหน้าใหม่ นามปากกาใหม่ แต่จำพวก สุดท้ายกูก็รักมึงจนได้ ไอ้โรคจิต หรือเมียผมชอบเอา อะไรแบบนี้กูไม่อ่านว่ะ ชั้นต่ำเกินกว่าจะคลิกไปให้เป็นเสนียดมือ แค่เห็นชื่อเรื่องก็ระคายตาแถมเดาเนื้อในได้เลย
>>526 กูเหมือน >>527 ปกติถ้ามีเวลาว่างกูจะคุ้ยนิยายในเด็กดีอ่านอยู่บ่อย ๆ ส่วนมากจะเลี่ยงชื่อเรื่องที่แม่งหยาบคายและส่อความต่ำออกมา...ซึ่ง กูเป็นสาววายนะ แต่นิยายวายในเด็กดีส่วนมากแม่งเป็นแบบที่กูว่ามาทั้งนั้นเลย ถึงปกติกูจะหมกอยู่กับแท็กแฟนตาซีและวรรณกรรมเยาวชนแต่ก็มีพวกนิยายเสนียดโผล่มาให้เห็นอยู่ตลอดเวลาซึ่งแม่งเหี้ยมาก ของกูขอเป็นนิยายที่โอเคอ่านได้กูก็พอใจแล้ว ไม่ต้องอะไรมากแต่ถ้าเหี้ยก็เลิกอ่าน
เล้าเป็ดคือไรอ่ะ
พวกนิยายเน็ตกูอ่านได้นะ แต่ต้องเลือกเรื่องหน่อย ในเด็กดอยกูคัดจากtop 20 ต่ำกว่านั้นก็ไม่อ่านแล้ว แต่ส่วนใหญ่ก็แกรี่แมรี่ซานต้ามากันให้พรึ่บ ถ้าแค่นี้นะไม่เท่าไหร่ แต่ตรรกะตลค.แม่งไร้เหตุผลเกิน กูอ่านไม่ลงวะ
แต่มีเรื่องหนึ่งที่กูอ่านแรกๆก่อนเป็นหนังสือแล้วน่าสนใจมากคือmagic world online ช่วงตอนที่มันสร้างเกมส์นี่กูชอบมากนะ แหวกแนวดี แต่ละคนดูมีเป้าหมายและความสามารถที่เข้ากับตลค.ดี จน"พระเอก"ผุ้แกรี่โผล่มาพร้อมกับความสามารถมากกว่าคนอื่น10เท่า โอเค กูเลิกอ่านเลย ไม่รู้หลังจากนั้นเป็นไงต่อ
นิยายเน็ตที่กูตามอ่านตอนนี้มี3เรื่อง นีทเกิดใหม่(mushoku tenshi) Ark(ของเกาหลี) แล้วก็monster soul แต่ละเรื่องมีเอกลักษณ์ของมันดี msoตอนแรกๆก็แกรี่ตามสูตรราชาแห่งราชันย์ที่ใช้กันเกร่อในแนวนิยายออนไลน์ แต่กูชอบที่มันเป็นนิยาย"กำลังภายใน"ด้วย เป็นเรื่องแรกๆเลยมั้งที่เป็นแบบนี้ แถมตัวร้ายอย่างมนตรานี่แม่งสเปกตัวร้ายในดวงใจกูเลย เชียร์ยิ่งกว่าพระเอกอีก
แต่กูว่าไอ้นิยาย top 20 ส่วนใหญ่น่าจะห่วนนะ(กูไม่ได้อ่านเด็กดวกนานแล้ว)ไอ้นิยายดีๆกูว่ามันจะอยู่ตามซอกหลืบประเภทนิยายดีพระเอกไม่แกรี่ เนื้อเรื่องไม่กระแส ตกพวกนักอ่านเด็กๆไม่ได้ ก็เลยไม่มีขึ้นอันดับ
>>533 นิยาย top แหล่ะยิ่งห่วย มีช่วงนึงหมวดนิยายรักหวานแหววนิยายเย็ดๆขึ้น top เป็นว่าเล่น มีสนพ.เอาไปตีพิมพ์อีก ไอ้พวกหมวดฟรีสไตล์ก็ฟิควาย exo นิยายวายแบบกากเดน นิยายอีโมติค่อน หมวดแฟนตาซีก็นิยายเกมออนไลน์ ไอนิยายดีๆที่บังเอิญไปเจอเสือกมียอดวิวกับคอมเมนต์หลักสิบ กูเสียดายมาก
กูเห็นด้วยว่าทอปๆนะห่วยเยอะ แต่ข้อดีของพวกนี้คือตอนเยอะ อัพไว เรื่องดีๆส่วนใหญ่ตอนน้อย อัพช้า บางคนก็เลิกเขียน กูเลยไม่อยากตามเท่าไหร่ กลัวติดแล้วไม่ได้อ่านต่อ จะสั้นจะยาวกูไม่ว่า ขอแค่มันจบก็พอ แต่แม่งหาได้น้อยจริงๆวะ
กุไม่ได้อ่านนิยายในเด็กดีเท่าไหร่วะ. ที่ไม่อ่านเพราะไม่ชอบระบบใหม่ของเว็บมาตั้งนานละ. แสบตา หลักกูก็หาอีบงอีบุ๊ค ไม่ก็ตามเพจนักเขียนที่ชอบๆเอา.
>>535 กูลองไปหาฟิค EXO ในเด็กดีมาดู...
- Prince and His Wife http://writer.dek-d.com/chiffon-cakez/story/view.php?id=1091518 นายเอกเป็นไพร่ หน้าสวยหยาดเยิ้ม แต่บ้านเป็นหนี้เลยทำสัญญายกเลิกหนี้โดยเป็นเมียพระเอก พระเอกเป็นรัชทายาท เป็นโรงเรียนเจ้าชายมีแบ่งระดับชนชั้นกัน มีหลายคู่ นายเอกคู่รองๆ โดนเรียกว่าเลดี้ของท่านลอร์ด (ชื่อพระเอกของคู่รองๆ) กูขำขี้แตกตั้งแต่คำอธิบายย่อเรื่อง "จากสามัญชนลู่หานสู่การเป็นพระชายาขององค์ชายรัชทายาทโอเซฮุน..." ยิ่งอ่านยิ่งขำบทบรรยายเลยหยุดอ่านเพราะหยุดหัวเราะไม่ได้
- These Little Boy (Boy มันต้องเติม s ด้วยไม่ใช่เรอะ) เคะทั้งหก http://writer.dek-d.com/nooker-088/story/view.php?id=1058907 เนื้อหาแนวโรงเรียนตัวดำเนินเรื่องเป็นนายเอก 6 คน บ้านรวย สวย ตุ๊ดแตกกันหมด (แต่คนละแบบ คนเขียนอธิบายไว้อยู่) อ่านแล้วเหมือนอ่านนิยายแจ่มใส สงสารศิลปินเลยทนอ่านต่อไม่ได้
เหี้ย กูไปเจอมาเพิ่ม กูเจอ Blogspot ของคนเขียนเรื่องที่สอง นางแต่งให้ศิลปินได้กับคนอ่าน เขียนยังกะเรื่องเสียว http://nooker088.blogspot.com/
กูสงสัยพวกนิยายแต่งไทย เด็กดี กับเล้าเป็ดที่แม่งชอบตั้งชื่อนิยายเหี้ยๆว่ะ คือบางเรื่องแค่เห็นชื่อกูก็อ่านไม่ลงแล้วสัส
โคตรเสร่ออ่ะ กูไม่เข้าใจว่าแม่งคิดกันมาได้ไงวะ บางเรื่องแม่งเสือกดังด้วยนะ จะบ้าตายห่า
กูเฉยๆกับคำหยาบนะ แต่ถ้าเปิดเรื่องมาแล้วมี กรูววว เมิง ปิดทันทีเลย แถมเรื่องแบบนี้แม่งไม่มีอะไรนอกจากปี้ตูดขุดทองกันไปวันๆ
สัสถุงยางก็ไม่ใส่ เอดส์แดกแน่ หนอกใน ซิฟิลิส
ห้องฟุก็มีวิจารณ์นิยายวายนะมึง กูอ่านแล้วหยุดหัวเราะไม่ได้เลย มีแต่เงี่ยนๆปี้ๆควยๆทั้งนั้น แม่งมีจับมือกันแล้วใจเต้น แอบรักกันแต่ต้องวางมาดต่อหน้าลูกน้อง ลับหลังก็ไปปี้กัน โดนจับมัดแล้วเกิดอารมณ์เลยไปปี้กัน ทุกเรื่องเคะสาวแตกล้วนๆ
ประเด็นนี่ยาวจนแทบจะย้ายไปคุยห้องฟุแทนได้แล้วนะพวกมึง
มันยังอยู่ประเด็นนิยายในเน็ต ไม่ถือว่าหลุดไปมากมั้ง หาทางวกกลับมาก็พอ กูเริ่มให้
กูว่าการเอานิยายลงเน็ตมันมีข้อดีที่สนพ.ต้องการคือการวัดเรตติ้งวะ เพาะถ้ามึงไม่เคยลงมาก่อนก็บอกยากว่าคนอ่านจะชอบรึปล่าว เรื่องบางเรื่องภาษาและพล็อตดีจริง แต่อาจขายไม่ออก เหมือนที่นิยายเกย์ถ้าไม่มีฉากเย็ดก็ขายไม่ออกนั่นละ
ปัญหาคือการลงเน็ตมันทำให้ต้องเอาใจคนอ่านเพื่อเรตติ้ง ไปๆมาๆมันเลยมีmain streamขึ้นมาเป็นยุคๆ เช่น โรงเรียนเวทย์ ออนไลน์ แกรี่แม่รี่ อันนี้ญี่ปุ่นก็เป็น แต่ตลาดของที่โน่นค่อนข้างหลากหลายกว่าไทยเลยยังมีนิยายดีๆแแกมาเรือ่ยๆ แต่พื้นฐานเรื่องสนองนีดคนแต่งก็คล้ายๆกันระหว่างเด็กดวกกะนาโร่
กูเชื่อว่ายุคหลังจากออนไลน์ในไทยน่าจะเป็นต่างโลกแบบของญี่ปุ่น แต่คงต้องซักพักกว่ากระแสจะมี เพราะกระแสต่างโลกยังไม่ค่อยมีในไทยเท่าไหร่ แต่ส่วนตัวกูไม่เกลียดแนวเกมออนไลน์นะ เพราะกูก็อยากอยู่ในโลกแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่มีพวกตัวละครตรรกะป่วยๆพวกนั้น
ทำไมยุคนิยายเกมออนไลน์มันนานจริงๆ ขนาดเกมออนไลน์ก็ไม่บูมเหมือนสมัยก่อนแล้วนะ แล้วแต่ละเรื่องนี่MMORPGหมดเลยรึเปล่า พอดีไม่อ่านแนวนี้เลย
มันนานจริง แต่กูว่าเพราะมันดันถูกกระตุ้นเรื่อยๆมากกว่า ราชาแห่งราชัน>>>เว้นช่วงใหญ่>>>>sao แต่พวกแนวต่างโลกหรือ รร. มันถูกกระตุ้นครั้งเดียว หรือถูกกระตุ้นช่วงสั้นๆ อย่าแฮรี่ บารามอส ก็มาช่วงใกล้ๆกัน พอไม่มีอะไรกระแสก็ซา(อาจรวมถึงความฝันว่ากูอยากอยู่ฝนเกม อยากเทพ ไรแบบนี้ด้วย)
>>548 mmoนั่นละ เพราะโลกเสมือนมันให้เราเป็นตัวละครในเกมส์ จะให้เล่นturn-baseคงไม่คุ้มกับการvrเท่าไหร่
ต่างโลกที่กูพูดถึงหมายถึงพวกที่พลัดไปต่างโลกแบบผู้กล้าโล่ นีทต่างโลก arifureta ดันเจี้ยนฮาเร็มพวกนี้นะ ไม่ใช่แฟนตาซีโลกอื่น แต่เป็นคนในโลกนี้ไปอยู่ต่างโลก กูเขียนไม่เคลียร์เอง
แนวต่างโลกนี่โคตรแก่อ่ะ ย้อนมาไงวะเนี่ย การ์ตูนเก่าๆแม่งก็แนวนี้ทั้งนั้น
กูว่าแนวนิยายมันก็วนๆเป็นวัฏจักรปะ อย่างแนวชีคนี่เคยฮิตมากสมัยสิบกว่าปีก่อน แล้วอยู่ดีๆก็มีช่วงนึงกลับมาฮิตใหม่อีก
แฟนตาซีต่างโลกนี่กูว่ากลับมาเกิดในไทยยาก ญี่ปุ่นมันก็นิยมในหมู่ผู้ใหญ่เพราะเป็นนิยายเน็ต
ล่าสุดแนวผู้กล้าจากต่างโลกหระกาศอนิเมไปอีกเรื่องแล้ว เห็นในห้องอนิมังงะ
แนวออนไลน์นี่ว่าไปพอจะจัดเป็นสับเซ็ตของแนวต่างโลกได้ปะวะ มันก็คือตัวเอกจากโลกที่เราอยู่ได้เข้าไปในโลกอื่น (โลกของเกม) เพียงแต่เป็นการเข้าไปโดยสมัครใจ และกลับออกมาได้ตามใจ ไม่ต้องไปลำบากหาวิธีกลับโลกตัวเอง แต่พล็อตหลักมันก็น่าจะอยู่ที่การผจญภัยในโลกอีกโลกเหมือนกัน (หรือมีเรื่องไหนที่ดำเนินเรื่องในสองโลกควบกันไปไหม เท่าที่เคยลองอ่านมาอ่านไม่รอดเกินตอนที่ตัวเอกกลับเข้าเกมไปครั้งที่สองสักเรื่อง ยกเว้นราชาแห่งราชันที่อ่านจบ)
คือจะเขียนพวกแนวเมนสตรีมก็เขียนได้ แต่ช่วยเขียนให้มันมีความหลากหลายกว่านี้นิดนึงเหอะ
ไม่ใช่ไปยัดองค์ประกอบเห่อหมอยเหมือนกันหมด อย่างตัวเอกโรงเรียนเวทมนตร์ซึ่งเป็นเด็กที่ถูกเลือก เด็กในคำทำนาย องค์หญิงองค์ชาย
หรือตัวเอกเกมออนไลน์ที่เริ่มเล่นเกมก็ได้ของเทพ สัตว์เลี้ยงเทพ ตบเพลเยอร์ตัวประกอบเละเทะ
ไปต่างโลกนี่กูชอบหลุยส์ 0 นะ แต่กูรำคาญนางเอกซึนว่ะ เชียร์ให้พระเอกแม่งได้กับคนอื่นไปซะ
อ่านพวกไปต่างโลกที่ไรพลังจูนิเบียวของกูมันกำเริบทุกทีวะ อยากไปมากกกกกก เพราะกูเบื่อชีวิตกู แต่ถ้าต้องทิ้งเพื่อนทิ้งครอบครัวไปนี่กูอาจไม่ใหววะ กูเลยสงสัยทุกทีที่อ่านพวกไปต่างโลกสมัยใหม่ว่ามันไม่คิดถึงครอบครัวเพื่อนฝูงมั่งเหรอ สมัยก่อนนี้เป็นบทแกนหลักเลยนะ ต่อสู้เพื่อกลับมาโลกเดิมเนี่ย
เพื่อนโม่ง กูอยากชวนคุยเรื่องวิจารณ์กับรีวิวว่ะ กูคุยในมู้นี้ได้ไหมวะ?
คืองี้
การวิจารณ์เนี่ย หน้าตามันเป็นยังไงวะ? คือเท่าที่กูอ่านมา กูแบ่งเอาเองคร่าว ๆ ได้สองแบบ คือหนึ่งวิจารณ์ตามมีตามเกิดโดยนักอ่าน (พวก 'สนุกค่ะ แต่ควรเพิ่มตรงนั้นหน่อย' 'ตรงนี้ยังไม่สมจริง' อะไรแบบนี้) กับสอง วิจารณ์แบบจับเอามาเข้าหลักเกณฑ์แบบนักอักษรศาสตร์ (โครงเรื่องแบบ saga อันจะแบ่งเป็น องค์ที่หนึ่ง ว่าด้วยเรื่องการเดินทาง องค์ที่สอง ว่าด้วยเรื่องการต่อสู้กับความขัดแย้งทางจิตใจและการค้นพบตัวเอง ฯลฯ) แล้วเมื่อพิจารณาจากบทความแนะนำวิธีวิจารณ์ที่ว่า 'มึงควรจะมีความรู้เรื่องที่มึงกำลังวิจารณ์' 'ไม่เอาอคติและประสบการณ์ส่วนตัวมาใช้ในการวิจารณ์' ฯลฯ กูเลยสงสัยว่า ไอ้การวิจารณ์แบบแรก จริง ๆ แล้วมันเรียกว่าการวิจารณ์หรือเปล่า เพราะส่วนใหญ่มันดูเหมือนเอาอคติตัวเองมาตัดสิน และนักอ่านทั่วไปก็ไม่ค่อยรู้ถึงหลักเกณฑ์การดำเนินเรื่องที่ดีแบบที่นักอักษรศาสตร์รู้ (อธิบายยากว่ะ มันเหมือนรูปถ่าย คนทั่วไปบอกได้แค่สวยไม่สวย น่าจะใส่อะไรเข้ามาตรงมุมนี้หน่อยนะ จะได้ไม่โล่ง แต่เซียนถ่ายภาพจะรู้แบบ ต้องจัดอัตราส่วนเท่านี้สิมันถึงจะสมดุลและเป็นรูปที่สะดุดตา ประมาณนี้) แล้วนักเขียน จริง ๆ แล้วได้ประโยชน์อะไรจากการวิจารณ์แบบแรกหรือเปล่าวะ? เมื่อมันไม่มีหลักเกณฑ์นอกจากความรู้สึก นักเขียนควรจะเชื่อมันไหม? จริง ๆ แล้วการวิจารณ์เป็นสิ่งที่ควรจะทำโดยผู้มีความรู้จริง ๆ ด้วยรูปแบบที่สองเท่านั้นหรือเปล่าวะ?
>>566 กูไม่ใช้เด็กสายภาษา เวลาอ่านกูอ่านด้วยความรู้สึกซะส่วนใหญ่ ถ้ากูจะพูดถึงนิยายเรื่องหนึ่งกูจะพูดแบบแรก
แต่พวกที่อ่านส่วนใหญ่กูว่ากูไม่ใช้เด็กสายอักษรเหมือนกัน การฟังคำพูดของผู้อ่านที่ไม่ได้อยู่กับสายภาษากูว่าก็จำเป็นนะ จะฟังแค่ของผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวไม่ได้หรอกเพราะคนซื้อคือคนธรรมดา แต่คือคนเขียนก็เองต้องเอาคำของคนอ่านมาวิเคราะห์อีกที ว่าอันไหนเป็นความรู้สึกเกินไป อันไหนมีประโยชน์
และอีกอย่างกูว่าเรื่องที่ดี กับเรื่องที่สนุกมันต่างกัน (แต่แน่นอนเรื่องที่สนุกต้องเป็นเรื่องที่ดีในระดับหนึ่ง ไม่งั้นมันจะเหี้ยจนหมดความสนุกหมด)
>>566 ถ้าจะวิจารณ์แบบอักษรศาสตร์ ต้องไล่นักอ่านทุกคนไปเรียนอักษรศาสตร์ให้หมดว่ะ คนอ่านทั่วไปเวลาจะติหรือวิจารณ์ก็ได้แต่เอาประสบการณ์ตัวเองตัดสิน แต่ไอ้ที่วิจารณ์ๆกันในนี้ กูว่ามันเป็นคอมมอนเซนส์ทั่วๆไปที่ควรคิดกันได้นะ ถ้าอยากได้วิจารณ์เชิงลึกต้องขอให้คนเรียนทางนี้ช่วยวิเคราะห์ว่ะ แต่จากประสบการณ์ตรง พวกนี้เรื่องมากเรื่องนิยายอ่านและไม่ค่อยว่างมาบรรยายทางวิชาการด้วยเพราะแม่งมีงานอ่านแล้วให้อภิปรายอยู่เพียบ ถ้าไม่สนิทจริงๆน่ะแทบไม่กล้าขอร้องเลย
กูเคยเขียนเรื่องคล้ายๆกันนี้ตอนมหาลัย จะลองอธิบายเท่าที่จำได้ให้ละกัน
การวิจารณ์ภาคทฤษฏี - คือการวิเคราะห์รูปแบบความสอดคล้องทางทฤษฏีกับโมเดล(ผลิตพันธ์) สิ่งนี้สัมพันธ์กับแบบ(From)และสถิติการนำโมเดลนี้มาใช้ในอดีตโดยใช้การเปรียบเทียบค่าต่างๆ เป็นการวิเคราะห์ขั้นฑุติยภูมิที่นำความรู้จากหลายๆส่วนมาอธิบาย
การวิจารณ์โดยผู้บริโภค - คือการวิเคราะห์ความรู้สึกของผู้ใช้จริง เป็นความเห็นของตลาด"ส่วนหนึ่ง" สิ่งนี้สัมพันธ์กับตัวผลิตภัณฑ์(Good) ภาพลักษณ์-วิธีการนำเสนอ(Image-Comers) กล่าวคือเป็นสิ่งที่ผู้บริโภครับรู้ในตัวเองโดยไม่นำความรู้อื่นๆมาพสม เป็นการวิเคราะห์ขั้นปฐมภูมิ
เรื่องนี้มี 2 ลักษณะ
1. การวิเคราะห์ขั้นปฐมภูมิคือการวิเคราะห์ตลาดโดยตรงจากข้อมูลจริง(Fact) ซึ่งไม่จำกัดทั้งดีและร้าย
2. การวิเคราะห์ขั้นฑุติยภูมิเป็นได้ทั้งการวิเคราะห์ก่อนหน้า(A)และหลัง(B)การนำเสนอผลิตภัณฑ์ Aคือการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางทฤษฏี(Model) Bคือการวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในตลาด(Market)ว่าสอดคล้องกับทฤษฏีแค่ใหน
คำวิจารณ์ที่ไม่ผ่านทฤษฏีใดๆนั้นสะท้อนตลาดอย่างแท้จริง(Fact) ดังนั้นมันจึงไม่สามารถลบล้างได้ด้วยทฤษฏี กล่าวคือต่อให้มันขัดทฤษฏีแค่ใหน แต่ถ้ามันขายได้คือขายได้ และทฤษฏีก็ต้องถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออธิบายมัน
คำวิจารณ์โดยทฤษฏีAแสดงถึงความสักยภาพ(Potential)ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ส่วนBคือการอธิบายว่าทำใมมันถึงเป็นเช่นนั้น เช่น ทำใมถึงขายได้หรือไม่ได้ มีประสิทธิภาพแค่ใหน และอนาคตของผลิตภัณฑ์
กล่าวโดยสรุปคือ คำวิจารณ์ต่างๆมีข้อดีของมัน และสะท้อนสิ่งต่างๆในตัวมันเอง ภาคทฤษฏีที่สมบูรณ์อาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ภาคการตลาดก็ไม่จำเป็นต้องอิงทฤษฏีเสมอไป ในกระบวนการทางตลาด ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน แต่สิ่งที่เป็นที่สุดคือความต้องการของตลาด(Demand)คือตัวกำหนดราคาและความสำเร็จของทฤษฏี(ผลิตภัณฑ์)นั้นๆ ถ้าทฤษฏีนั้นประสบความสำเร็จ ก็จะมีดีมานด์ต่อ"รูปแบบ"(Model)ความสำเร็จนั้น และรูปแบบนี้จะเป็นตัวขึ้นรูปทฤษฏีต่างๆที่เราใช้กันในทุกวันนี้
อธิบายให้สั้นกว่านี้ วิจารณ์โดยนักอ่านสะท้อนความต้องการของตลาด(ที่ผู้ผลิตนำเสนอผลิตภัณฑ์นั้นๆ - ตลาดมีหลายระดับ) การวิจารณ์ทางทฤษฏีสะท้อนศักยภาพยองผลิตภัณฑ์(ทั้งแบบAและB)
โดยพื้นฐานบอร์ดโม่งคือพวก2A เป็นพวกที่แสวงหาศักยภาพภายในของผลิตภัณฑ์(หนังสือ)นั้นๆ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า2Aสะท้อนความต้องการของตลาด ดังนั้น2Aจึงมักเป็น2Bที่พยายามวิเคราะห์1(ตลาด)ว่าทำใมไม่กลายเป็นหรือแตกต่างจาก2A ดังที่พวกเราทำอยู่บ่อยๆ แปลโดยสรุปคือ"ทำใมของกากๆขายได้แต่ของดีๆขายไม่ได้"
ดังนั้นถ้าจะพูดให้น่าเกลียด คำวิจารณ์ภาคทฤษฏี(2)นั้นไร้ค่า ถ้าตลาด(1)ไม่ยอมรับ แต่ข้อสรุปนี้ตั้งอยู่บนสมมุติฐานทางการตลาดว่า"มึงต้องการขาย(หนังสือ)ให้มากที่สุดตามความต้องการของตลาด"นะ เพราะกูเขียนเรื่องนี้ตอนIphoneแข่งกับSamsungและผลักBBออกจากตลาด(ที่ตอนนั้นไกล้ไปเต็มที) ตามทฤษฏี Iphoneมีดีกว่าทุกอย่าง แต่Samsungกลับสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมจนต้องสร้างทฤษฏีซัมซุงขึ้นมาอธิบายความสำเร็จที่หักปากกาเซียนนี้
ปล. แต่เอาจริงๆกูก็คิดว่าความเห็นผู้บริโภคค่อนข้างไร้ค่าในการเลือกซื้อมือถือ ยกเว้นเรื่องการบริการที่กูเชื่อผู้บริโภคมากกว่าผู้เชี่ยวชาญ
กูขอขัดจังหวะสาระนิดหนึ่ง
คือกูพึ่งอ่านราชบุตรเขยเจ้าสำราญมา แล้วเขาลบตอนกลางๆออกไปแล้ว กูค้างมาก กูอยากรู้ว่ามันมีเรื่องไหนออกแนวประมาณนี้มั้ยที่พระเอกสาวแตก สาวมากๆ สาวจนหญิงอายกับนางเอกที่หล่อ(หล่อแบบหล่อที่ใจ) เพื่อนโม่งช่วยแนะนำกูที
มันมีการวิเคราะห์ กับการวิจารณ์ ต่างกันอยู่นะมึง
อย่าง >>> วิจารณ์ตามมีตามเกิดโดยนักอ่าน (พวก 'สนุกค่ะ แต่ควรเพิ่มตรงนั้นหน่อย' 'ตรงนี้ยังไม่สมจริง' อะไรแบบนี้) >> อันนี้เรียกวิจารณ์
แต่ >>> วิจารณ์แบบจับเอามาเข้าหลักเกณฑ์แบบนักอักษรศาสตร์ (โครงเรื่องแบบ saga อันจะแบ่งเป็น องค์ที่หนึ่ง ว่าด้วยเรื่องการเดินทาง องค์ที่สอง ว่าด้วยเรื่องการต่อสู้กับความขัดแย้งทางจิตใจและการค้นพบตัวเอง ฯลฯ) >>> นี่วิเคราะห์ละ
ใครอยากวิเคราะห์แบบอักษรศาสตร์แนะนำให้เสิร์ชหา literary criticism แล้วอ่านๆไป จะเก็ทเอง
แม่งสาระสัสๆ กูปลื้มมู้นี้ว่ะ
>>572 ไม่แปลก เพราะกูเป็นMarxism การบรรยายความเป็นไปของโลก(History)ผ่านเศรษฐศาสตร์การแลกเปลี่ยนทางวัตถุนิยม(Materialism)เป็นความหลงใหลส่วนตัวของกู ถึงกูจะรู้ดีว่าคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ อ.กูยังปวดหัวเลยเพราะแกเกลียดMarx และถือLaiez-faireของAdam Smithเป็นพ่อ
จริงๆอ่านตรงสรุปสั้นๆบรรทัดท้ายก็ได้นะ แต่สรุปให้อีกรอบก็ได้
กูตอบคำถามโดยยก"ประโยชน์"ของการวิจารณ์มา เพราะก่อนนั้นมันบอกว่ากาตวิจารณ์ตามมีตามเกิดไม่มีประโยชน์เท่าการวิจารณ์ของคนที่เรียนมา
กูเลยอธิบายด้วยหลักเศรษฐศาสตร์ดังนี้
1.ความคิดเห็น(วิจารณ์)แบบตรมมีตามเกิดสะท้อนกลุ่มผู้อ่านตามที่ๆเขาอ่าน เช่น ถ้ามึงเอาไปโพสในเว็ปเรื่องเสียว การไม่มีฉากเย็ดจะไม่ฮิต ไปเด็กดีไม่แกรี่จะไม่ติดอันดับ ไปพันทิปไม่18+จะไม่มีคนตามเป็นต้น
2. ความคิดเห็น(วิจารณ์/วิเคราะห์)ตามทฤษฏีแบ่งเป็น2ส่วน Aวิเคราะห์คุณภาพของเรื่องตามหลักทฤษฏี Bวิเคราะห์ว่าทำใมถึงเป็นที่นิยม/ไม่นิยม
การวิจารณ์แบบ1คือการสะท้อนความต้องการของผู้อ่าน การวิจารณ์/วิเคราะห์แบบ2คือการตีความและวัดคุณภาพของเรื่อง หลักๆคือแค่นี้ แต่มันมีประเด็นต่อเนื่องคือ
1. ความต้องการของคนอ่านไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามหลักทฤษฏี ต่อให้เรื่องนั้นคุณภาพห่วยแค่ใหนตามหลักทฤษฏี แต่ถ้าคนอ่านชอบก็ค่อผ่าน
2. เรื่องที่เขียนตามหลักทฤษฏีทุกอย่างก็ใช่ว่าจะเป็นที่ต้องการของตลาด เรื่องที่ดีแค่ใหนแต่ถ้าคนไม่อ่านก็ถือว่าไม่ได้เรื่อง และทุกอย่างต้องขึ้นกับข้อ1
สุดท้ายคือทฤษฏทุกอย่างมีไว้อธิบายความเป็นจริง ตลาด(1)จึงเหน่อกว่าทฤษฏี(2) ต่อให้มันแย่ยังไงตรบใดที่คนต้องการมันก็คือสอ่งที่ขายได้ ความเห็นของมือสมัครเล่นจึงมีประโยชน์ในการตลาดมากกว่าผู้เชี่ยวชาญ นี่คือคำตอบต่อคำถามว่า"ความดห็นของคนอ่านทั่วไปจำเป็นหรือไม่" คำตอบในมุมมองของตลาดคือ"จำเป็นอย่างยิ่ง"
*ทั้งหมดนี่เขียนด้วยมุมมองแบบตลาดเสรีที่เน้นการแข่งขัน=คุณภาพไม่สำคัญเท่ากับการขายได้
หลักๆก็ประมาณนี้ละ อันบนนั่นเอามาจากที่กูเขียนส่งอ.ตอนมหาลัย จะออกวิชาการจ๋าไปหน่อย(จริงๆก็เยอะเลยละ) อันนี่กูขอโทษด้วยที่ลืมปรับภาษา กูมันส์มือคิดถึงตอนกูเรียนมากไปหน่อย กูไม่ได้ตั้งใจเขียนให้เข้าใจยากอะไร กูชินมือแบบนี้นะ
"ก่อนตาย ผมจะทำให้คนไทยอ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม "
กูว่ามันต้องไล่ซื้อหนังสือของมันแจกชาวโม่งหนังสือว่ะ ออกจะเป็นผู้สนับสนุนกันขนาดนี้ อีปอบนี่ขวัญใจชาวโม่งแท้ๆเลย
ถ้าแจกกูก็เอานะ กูอยากได้อะไรมารองโน้ตบุ้คที่ออฟฟิศอยู่พอดี
มีใครพอมีรีวิวหนังสือประวัติศาสตร์ของยิปซีบ้างวะ?
200 เล่ม = เดือนหนึ่งมึงต้องอ่านสัก17 เล่ม พูดง่ายๆมึงต้องอ่านสองวันต่อเล่ม มึงเอาเวลามาจากไหน!!!
เอามาจากザ・ワールド!!!
>>592 ไม่ไงมึง คือชีวิตกูแม่งงานๆสอบๆ(ชีวิตเด็กมหาลัย) แล้วกูมีหนังสืออยากอ่านเต็มไปหมดอย่างพวกคลายเครียดแบบln หรือนิยายเบาสมองของเอนเทอร์ นี้กูยังไม่มีเวลาจะไปอ่านเลย แบบแม่งไม่มีงานไม่ได้อ่านสอบกูก็นอน(เหนื่อย) คือกูทึ่งมากที่มังสามารถเจียดเวลามาอ่านสองวันต่อเล่มได้ถึงจะแค่พวกนิยายเบาสมองก็เถอะ
ถ้าว่าง กูอ่านได้วันละเล่มว่ะ ปีนึงๆก็ราวๆห้าสิบหกสิบเล่มมั้ง แต่ไม่มีหนังสืออีปอบในลิสต์กูแน่นอน
มีใครได้อ่านเกมออฟโทรนตอนที่คิงแลนดิ้งรบกับสแตนนิสมั่งอ่ะ คือกูงงมากจิตนาการไม่ออกเลย ก่อนหน้านั้นกูจำได้ว่าทีเรียนมันไปสั่งให้พวกช่างตีเหล็กในเมืองทำห่วงโซ่อันใหญ่ให้มันเป็นจำนวนมาก แบบด่วนๆด้วย แล้วพอถึงตอนที่รบกับสแตนนิสมันก็เอาโซ่นี่มาใช้แต่กูคิดไม่ออกว่ามันเอามาใช้ร่วมรบยังไง เหมือนในหนังสือจะบอกว่ามันเอาทิ้งไว้ในน้ำแล้วดึงขึ้นแต่กูอ่านแล้วไม่เข้าใจว่าทำแล้วมันได้ปนะโยชน์อะไร ดาวอสที่ลอยทะเลอยู่ก็ดูกลัวมันด้วย
จากประโยคนี้ที่ดาวอสเห็น โซ่ ทวยเทพช่วยเราด้วยเถอะ พวกนั้นยกโซ่ขึ้น
บริเวณที่แม่น้ำกว้างออกสู่อ่าวน้ำดำ ทุ่นลอยเหยียดตึง เรืองสิบสองลำพุ่งชนมันแล้ว จากที่ว่านี่แปลว่ามันเอาโซ่มาเป็นเกราะป้องกันประตูหรอ โซ่เป็นเส้นๆสามเส้นอ่ะนะหรือมันเอามาใช้ดึงอะไรไม่เห็นบอก
จากประโยคของทีเรียนนะ บอร์นจะหวดวัวให้เดินในขณะที่เรืองของสแตนิสผ่านใต้ป้อม โซ่เส้นนั้นหนักและเทอะทะกองเรือทั้งหมดจะผ่านตอนที่แววเรือนรางแรกของโลหะปรากฎให้เห็นใต้ผืนน้ำ ห่วงพวกนั้นจะโผล่มาในสภาพชุ่มโชก เนี่ยคือคิดไม่ออกเลยว่าโซ่มันโผร่ขึ้นมาแล้วมันจะทำอะไรเหมือนโผล่ขึ้นมาให้ดูเล่นๆอ่ะ งงมาก
King's landingนั้นมีลักษณะเหมือนกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ลหลายๆอย่าง มาตราการนี้และWildfireก็เหมือนกัน มันคือ"โซ่กั้นแม่น้ำ"ที่เอาไว้อุดทางน้ำ
เรือสมัยก่อนนั้นเป็นไม้และกำลังขับมาจากลม ทำให้มีความแข็งแรงและความเร็วจำกัด ถ้าเอาโซ่มากั้นแม่น้ำ เรือจะเจ้าไปไม่ได้เพราะติดโซ่ มีเป็นมาตราการป้องกันเมืองพื้นฐาน สมัยอยุทธยาก็มีแบบนี้ตามบันทึกของฝรั่งเศสสมัยฟอลค่อน
อย่างที่บอกว่าเรือสมัยก่อนนั้นไม่แข็งแรงนัก ถ้าท้องเรือขูดกับโซ่เหล็กมากไปก็อาจรั่วได้ กูไม่แน่ใจว่าเรืดในนั้นเป็นแบบใหน แต่เรือยุโรปโบราณนั้นไม่มีการแบ่งท้องเรือเป็นหลายส่วนเพื่อกันน้ำท่วม ถ้าโดนเข้าไปมีโอกาศจมสูงมาก และต่อให้ไม่จม การเป็นเป้านิ่งกลางน้ำก็อันตรายสุดๆเช่นกัน
ไอ้พวกอ่านยุโรปมึงอ่านเรื่องอะไรบ้างวะ แนะนำหน่อย
คือกุอ่านอเมริกันหรืออังกฤษแล้วคิดว่าเป็นยุโรปมาตลอดเลยว่ะ
>>597 เกมลูกแก้วของเฮสเส สงครามและสันติภาพของตอลสตอยก็ไม่เลว ถ้าทุนหนาจริงแนะนำเหยื่ออธรรม(les miserable)ของฮูโกต์ อันนี้ขึ้นหิ้งมาก แต่ถ้าอยากให้ชั้นหนังสือดูหรูสุดๆก็ไปยกดอนกีโฆเต้เดอลามันซ่ามาซะ
พวกนี้ส่วนใหญ่ที่คิโนะมี ยกเว้นอันสุดท้ายที่กูคิดว่ามือหนึ่งน่าจะหมดแล้ว เพราเป็นลิมิเตด ถ้ามีแล้วให้หันปกออกนะ อย่าเอาสันออก ชั้นหนังสือมึงจะดูหรูสัดๆเลย
>>595 โซ่ขวางเรือไม่ใช่ข้อเล็กๆ น่ะ ลองนึกถึงโซ่ใหญ่มากแบบโซ่สมอเรือบรรทุกเครื่องบินอะไรแบบนั้น
แล้วพอยกขึ้นขวางทางน้ำ เรือมันจะฝ่าไม่ได้เลย เพราะขับเคลื่อนคนละตรรกะกับเรือสมัยนี้ที่ใช้เครื่องยนต์ เรือสมัยก่อนใช้ลมอย่างที่ >>596 ว่า
ถ้าโซ่ยึดไว้บนฝั่งดีๆ ก็ไม่มีทางขาดหรือโดนเรือลากจนหลักยึดหักแน่นอน
ส่วนวิธีจัดการคือเรือมาชนโซ่ก็จบแล้วเพราะสมัยยุคกลางไม่มีเครื่องตัดโซ่ ถ้าจะไม่ยึดเรือก็สาดธนูเพลิงลงไปเลย รับรองติดไปอย่างดี
>>604 http://en.wikipedia.org/wiki/Boom_(navigational_barrier)
อ่านคร่าวๆเอาอันนี้ก็ได้ แต่ถ้าจะเอาหนังสือเต็มๆคงหายากหน่อย เพราะมันเป็นส่วนเล็กๆในระบบป้องกันสมัยโบราณ
เสริมอีกนิดละกัน ก็เป็น>>596นะ ที่บอกว่าKing's landingนั้นมีลักษณะเหมือนกรุงคอนสแตนติโนเปิ้ลหลายๆอย่าง มึงอ่านข้างล่างนี้เพิ่มด้วยก็ได้
http://en.wikipedia.org/wiki/Walls_of_Constantinople
http://en.wikipedia.org/wiki/Greek_fire
เชี่ยย กูพึ่งรู้คนแต่งชินเซไค เป็นคนเดียวกับisola งี้กูมีหวังจะได้ฉบับนิยายจากสยามมั้ยวะเนี้ย
คนแต่งชินเซไคเป็นคนเดียวกับคนแต่ง Aku no kyoten ด้วยนะเว้ย ตัวแรงๆ ทั้งนั้น ถ้ามาโปรโมทดีๆ กูว่าขายได้นะ แต่สยามเหมือนได้ของดีแต่ทำแอบๆ ไม่โปรโมท เลยขายไม่ออกมากกว่า เรื่องสืบสวนของคุณหนูกับพ่อบ้านปากร้ายนั่นสยามก็ทำนะ
ญี่ปุ่นดังชิบหาย ไทยเงียบสนิท
ปล. Aku no kyoten = Lesson of evil ใครสนใจไปหาอ่านที่เว็บแมวดุ้นก่อนได้ มีฉบับมังกะให้อ่านแก้ขัด
เพราะกูอ่านAku no kyotenในแมวดุ้นนั้นแหละเลยไปเปิดหาชื่อคนแต่ง แล้วก็ดันเจอว่าเป็นคนแต่งเดียวกับชินเซไคแล้วก็อิโซระ(อิโซระนี้กูบังเอิญไปเจอรีวิวในเด็กดี เห็นเป็นเรื่องเกี่ยวกับหลายบุคคลิกเลยซื้อมา ไม่งั้นกูไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีเรื่องนี้อยู่ไม่โปรโมตเลย) สยามตอนนี้ก็มีซายากะกับมิเกะเนโกะนะ แต่แม่งเงียบชิบหาย โปรโมทหน่อยก็ดีนะสยาม
แนะนำวรรณกรรมรักดีหน่อยดิยิ่งเป็นวรรณกรรมยุโรปด้วยจะดีมาก
Aku no Kyoten หนังสนุกสัสสสสสสสส เสียดายไม่ทำภาคต่อ
ถ้าโละเหลือห้าสิบบาท กูว่าอนาคตคงไม่มีหวังจะเอาเข้ามาต่อแหง...
เอ่อ กูมาขอคำแนะนำหนังสือนิยายแฟนตาซีที่จบไปแล้ว มีเรื่องไหนสนุกหรือน่าสนใจขนาดที่มึงอ่านแล้ววางไม่ลงอะไรแบบนี้ จะเก่าโคตรๆ หรือใหม่เอี่ยมก็ได้ ขอแบบภาษาไม่ถึงขั้นเกมออฟโตรน...
World without end ของ Ken Follett จริงๆ เป็นนิยายปวศ. แต่สนุกชิบหายวายวอดวางไม่ลง มีแปลไทยด้วย
Midnight childrenก็สนุกนะ เนื้อเรื่องแฟนตาซีประวัติศาสตร์ดี อ่านแล้วได้อะไรหลายๆอย่าง เป็นนิยายสมัยใหม่เรื่องหนึ่งที่คนอินเดียรู้สึก"ผูกพัน"มากเรื่องหนึ่งเลย
แม่มด โรอัลดาห์ (มันแฟนตาซีสำหรับกุมากก)
มอนลี่มูน
อบารัต (ที่โดนลอยแพ)
อ่อ คำสาปแม่มดราตรีสนุกนะ กับภาคต่อ (แต่ตัวหลักภาคเก่ามีเจวาลออกคนเดียว)
เรื่อง เม็ดทรายกับสายน้ำ แต่แฟนตาซีไม่มากแทบจะไม่ด้วยซ้ำมั้ง (แถมหน้าปกแม่มยังกับนิยายชีคตบจูบ)
>>628 แม่มดราตรีกูอ่านแล้วสยิวกิ้วกับพระเอกตอนพยายามเข้าหานางเอกว่ะ คนอะไรหล่อเข้มขนาดนั้น ลูกล่อลูกชนเยอะอีก เผลอใจให้ได้กับน้องชายนางเอกด้วยซ้ำ เพราะน้องนางเอกอยู่ในร่างหญิงโครตน่าเอ็นดูอะ ผู้หญิงแก่นแก้วซนๆเห็นแล้วมันเขี้ยว พระเอกแม่งไม่หน้ามืดวันละหลายสิบรอบก็ดีเท่าไหร่แล้ว
รบกวนเพื่อนโม่งหน่อย ;-; อยากได้หนังสือเกี่ยวกับสัตว์ในหิมพานต์อ่ะ แต่ไม่ต้องวิชาการจ๋าอะไรมาก ขอแบบอ่านง่ายๆเพลินๆ ใครมีเล่มไหนแนะนำมั้ย
สัตว์หิมพานต์ ของ ส. พลายน้อย
ถามเรื่องต้นอิกดราชิลหน่อย สงสัยว่าเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีรากสามรากรากนึงยาวถึงแอสการ์ด รากนึงยาวถึงดินแดนยักษ์ รากนึงถึงนรก แต่ละรากดูดน้ำจากน้ำพุแห่งปัญญมาเลี้ยง งั้นแปลว่าน้ำพุแห่งปัญญามีสามที่อ่ะดิ เห็นภาพประกอบในเน็ตแล้วยิ่งงงตกลงมันเป็นไม้ที่ใหญ่กว่าแอสการ์ด มิดการ์ด ใช่ป่ะ ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วมันมีลักษณะเป็นยังไงมีใครพอวาดแผนผังให้ดูได้บ้างป่ะ
หรือถ้าสามารถวาดแผนผัง แผนที่ ของโลกนี้ให้ดูได้จะขอบคุณมาก
มีใครอ่าน The Kingdom in crisis แล้วมั้ง เป็นไง สนุกมั้ย
>>637 ต้นไม้ที่มีรากแตกแขนงไกลไม่จำเป็นต้องมีลำต้นใหญ่ เห็ดราที่ใหญ่ที่สุดในโลกยังแตกแขนงไปได้ตั้ง 1500 เอเคอร์
http://abcnews.go.com/Technology/story?id=120049
คุยเรื่องหนังสือที่เกี่ยวกับการเมืองก็ไม่ได้เหรอวะ
งั้นถ้ากระทู้ดูหนังคุยเรื่อง hunger games จะโดนลบมั้ย
ก็คุยในประเด็นหนังอย่าลามมากีฬาสีแถวๆนี้สิวะ กูเห็นแล้วรำคาญพวกกระแดะโยงไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ เอาขอบเขตของหนังว่านางเอกมันทำอะไรๆบ้าง วิจารณ์ดีๆไม่แขวะชาวบ้านชาวช่องนี่ไม่ตายหรอก
>>647 หนังสืออันนี้มันเกี่ยวกับกีฬาสีโดยตรงอยู่แล้ว แถมเป็นหนังสือต้องห้ามอีก เบรกไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไร
ถ้าเป็นหนังสือที่วางขายทั่วไปกูจะไม่ห้ามนะ แต่เล่มนี้ก็รู้ๆกันอยู่ว่ามันยังไง ยิ่งเป็นช่วงนี้ด้วย
ถ้าอยากได้คำวิจารณ์ สมเด็จเจียมตรัสว่า"ค่อนข้างผิดหวัง" ที่เหลือตัดสินเองละกัน
>>648 ยิ่งกว่ากีฬาสีอีกมึง เป็นนิยายแนวสารคดีระดับ Game of Throne อะ
เรื่องรีวิวของ เด็จเจียมเนี่ย คือแกก็พลาดเหมือนกันว่ะ แกตกข่าวสำคัญไปเลยมองว่า AMM วิเคราะห์ผิดน่ะ (มากกว่านี้เรื่องต้องห้าม)
กูอ่านละโอเคนะ เป็นฝรั่งที่รีเซิร์ชเข้าใจดีกว่าคนไทยอีก แค่กูมองว่าอ่านเป็นนิยายจะสบายใจกว่า
เด็จพ่อตกข่าว? R U drunk?
แกขำจนหงอกร่วงแล้วมั้ง คุณคิดจริงๆเหรอว่าแกจะไม่รู้ข้อมูลที่คุณรู้ แกมีแหล่งข้อมูลเยอะจะตาย ความน่าเชื่อถือก็สูง เหนือกว่าข่าวชาวบ้านตามวิทยุเยอะครับ
แล้วหนังสือนั่นก็มีข้อเสียเหมือนที่แกบอกจริงๆนั้นละ หนาแค่200หน้าแต่ลากไปเรื่องกว่าครึ่ง มันเลยดูโดดๆไปสำรับการวิเคราะห์"สมัยใหม่" ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรู้ห่ือไม่รู้อะไร เป็นวิธีดขียนมากกว่าที่มีปัญหา
ปล. ะอาเป็นว่าแค่นี้ดีกว่า มากกว่านี้เดี๋ยวจะผิดกฏเอา
ไอโรบ็อทถ้าดูหนังไปแล้วไปอ่านนิยายยังจะสนุกอยู่ปะ ?
กฎ 3 ข้อของหุ่นยนต์ในหนังนี่อะไรนะ กูจำไม่ได้แล้ว แต่โชบิทส์ก็เคยพูดไว้เหมือนกันว่าคนสร้างไม่ต้องการให้นางเอกผูกติดกับกฎ 3 ข้อน่ะ
มันมีกฎข้อที่ 0 ด้วยนิ หุ่นยนต์ต้องปกป้องมนุษยชาติ การฆ่ามนุษย์บางคนที่อันตรายก็ยกเว้นกฎข้อ 1.
ไอโรบอทภาคหนังมันก็ได้แรงบันดาลใจจากชุดเรื่องสั้นไอโรบอทของอาซิมอฟแล้วเอามาเขียนเรื่องใหม่
กูไม่นับภาคหนังว่ะ เสียชื่อดร.ซูซานสัสๆ แม่งทำซะแอ็คชั่นเลย อีกนิดก็จะเอาไปวางขายข้างๆ Terminator ได้ล่ะ เสียของชิบหาย
ถ้ามึงอยากอ่านไอโรบอทมึงอ่านไปเลย สนุกกว่าหนังเยอะ อ่านเสร็จมึงจะไปตามหาหนังสือของอาซิมอฟมาอ่านจนจบแน่นอน แม่งติดยิ่งกว่าเฮโรอีน
ของ hbo ก็น่าจะเจ๋งอยู่นะ ตอนนั้นกูติด band of brother งอมเลย เห็นว่าน้องโนแลนเขียนบทด้วยนี่หว่า คงไม่ถึงกับแย่นะ
กูอยากเขียนนิยายไซไฟมั่งว่ะ พอจะมีทริคแนะนำมั่งมะ คือไม่ได้หวังจะดีเลิศแบบซีคลาร์กหรืออาซิมอฟหรอก แต่กูอยากลองเขียนอะไรที่มันไม่ใช่นิยายรักบ้าง
>>670 อันนี้ยกตัวอย่างแนวคลาสสิคนะ
เริ่มจากกำหนดเทคโนโลยีที่เป็นแกนหลักของพล็อตก่อน
ถ้าจะคิดเชิงลึกหน่อย ก็คิดว่าเทคโนโลยีนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาอะไร
แล้วคิดว่าเทคโนโลยีนั้นจะมีผลกระทบกับสังคมยังไง ทำให้เกิดความขัดแย้งหรือเปล่ายนแปลงอะไร
แล้วเขียนพล็อตออกมาเล่าถึงผลกระทบหรือความขัดแย้งกับเทคโนโลยีนั้น
ยกตัวอย่างก็หุ่นยนต์กับกฎสามข้อของอาซิมอฟ
กำหนดหุ่นยนต์ขึ้นมา กำหนดกฎ แล้วเขียนเรื่องจากการตีความกฎข้างต้น
ที่ตอนแรกๆ เป็นความขัดแย้งของหุ่นกุบกฎ ไปจนถึงตอนทัายที่หุ่นตีความกฎใหม่แลัวเขัาปกครองมนุษย์
ตัวอย่างใหม่หน่อยก็ไซโคพาส ที่คิดเทคโนโลยีมาเพื่อจัดระเบียบสังคม
แต่ก็มีปัญหาความเหลื่อมล้ำหรือจุดอ่อนในกฎ ที่ถูกเอามาใช้เป็นเนื้อเรื่องทั้งสองภาค
ย้ำว่าอันนี้คือแบบคลาสสิคเน้นเทคโนโลยี ไม่ใช่แบบสเปซโอเปร่าหรือแอคชั่นอนาคตอะไรแบบนั้น
มึงเริ่มเขียนจากไซไฟใกล้ตัวมั้ย ถ้าเป็นนักเขียนนิยายรักน้ำเน่ามาก่อนก็เขียนให้คนรักกับโรบ็อต หรือโรบ็อตรักกัน ฟังดูพล็อตมันเฝือๆ แต่ Chobits ก็ขายดีอยู่นะกูว่า
Love sci-fi ลองดูหนังเรื่องbicentennial manของริบบิ้น วิลเลี่ยมสิ สนุกนะ ซึ้งดีด้วย หนังดัดแปลงจากนิยายพอควร แต่ก็สนุกดี
ประเทศไทยสภาพอากาศเหี้ยแบบนี้งานเขียนดีดีมันจะเกิดขึ้นได้ยังไงวะ
แค่จะหยิบหนังสือมาอ่านยังขี้เกียจเลย เปิดแอร์ก็ไม่ได้ฟีล
>>683 ขอนอกเรื่องแต่กูพลาดบทความแรกไปมึงอ่านกันยังไงให้ตรงกับเฉลยบนเด็กดวก กูหาจุดเชื่อมโยงแม่งไม่เจอจริง ๆ จนกูแบบ....เชื่อมโยงของแพทย์ง่ายกว่าเยอะถึงแม่งจะให้กูมาวนหาตัวดำตัวหนากันเอาเองก็เหอะ
มึงมีคำถามการแต่งนิยายหรืออะไรที่ใส่ในนิยายจำเป็นต้องสัมพันธ์กับนิสัยหรือลักษณะส่วนตัวในชีวิตป่ะ? อย่างกูงี้เป็นคนเขียนอะไรแหวะ ๆ น่ากลัวได้ดี ครีเอทมอนสเตอร์ได้ แต่แบบ....ชีวิตจริงกูเป็นคนขี้กลัวชิบหาย ไม่เชิงว่าเลือดนิดหน่อยก็กลัวแต่มันออกแนวถ้า....อะไรแหวะ ๆ มากอย่างช่วงผิวหนังมีจุดเล็ก ๆ แล้วเนื้อแถบนั้นแม่งเหมือนราขึ้น+กำลังเน่า แถมบางรูเล็ก ๆ มีปลิงโผล่มางี้กูก็กรี๊ด
ห่า พอมึงพูดถึงแกทแพทกัน กูรู้สึกแก่ทันที โฮฮฮ (กูยุคโอเน็ตเอเน็ตว่ะ)
>>684 Walt Disneyเป็นคนกลัวหนู แต่เขาก็สร้างMickey Mouseได้ คนแต่งEnder Gameเกลียดเกย์ แต่ก็แต่งเรื่องที่แสดงถึงการยอมรับสิ่งอื่นได้ สตีเฟ่น คิงก็กลัวผี แต่เรื่องผีของแกโคตรน่ากลัว
ของแบบนี้มันแล้วแต่เรื่องแล้วแต่คน แต่โดยพื้นฐาน นักเขียนมักเอามุมมองของตัวเองมาใส่ในเรื่องราวเป็นปรกติ แต่การจะใส่ยังไงก็เป็นชั้นเชิงของผู้เขียน มันไม่มีผิดถูก สำคัญคือมึงต้องการเขียนอะไร ที่เหลือค่อยขยายแตกแยกจากสิ่งที่มึงต้องการเขียน แค่นี้ก็พอแล้ว
ปล. แต่งสิ่งที่มึงกลัวนะดีแล้ว และเอาความกลัวของมึงมาแสดงให้คนอื่นเห็นให้ได้ สิ่งสำคัญที่สุดในนิยายสยองขวัญคือสิ่งนี้ละ
พวกมึงที่ต้องสอบส่วนกลางกูสงสาร ; w ; ลำบากมากสินะพวกมึง
ปะกลับเข้าเรื่อง >>684 กูมองว่าเวลาแต่งนิยายมันจะมีเสี้ยวหนึ่ง(พวกมุมมอง การใช้ชีวิต แนวคิด)ของตัวเองอยู่ คือจะเขียนอะไรมันก็จะมีตัวเองเป็นพื้นฐานอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขียนอะไรที่ตรงข้ามกับมึงไม่ได้ อย่างสมมุติมึงกลัวผี มึงก็อาศัยพื้นฐานความกลัวตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วก็แต่งนิยายแนวนั้นออกมา
http://pantip.com/topic/32915370
เอาจริงดิ่... ชีวิตเปลี่ยนเลยเหรอวะ...อีดอกปอบมันแอบขายตรงป่ะ
กูรู้สึกว่ากูเป็นมนุษย์ที่แย่จริงๆที่พออ่านกระทู้อีปอบแล้วกูยี้ ความจริงคนเรามันก็เปลี่ยนแปลงตัวเองกันได้นี่นะ อีปอบมันอาจจะเปลี่ยนตัวเองไปแล้วก็ได้ แต่อ่านเจอชื่อมันกูก็ยังยี้และไม่เชื่อน้ำยสขนมจีนมันอยู่ดี
เข้าเรื่องหนังสือดีกว่า http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2012/08/K12500111/K12500111.html
พวกมึงคิดยังไงกับประเด็นนี้ โดยภาพรวมแล้วก็เห็นด้วยนะ เพราะมันทำให้มีหนังสือหลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะหนังสือในกระแส
พูดตรงๆว่ากูชอบการลดราคา ถ้าไม่ลดราคาแล้วซื้อคืออยากอ่านสุดๆ แต่ประเด็นนี้ก็น่าสนใจนะว่ามันจะดีรึปล่าวกับวงการหนังสือบ้านเรา
กูชอบหนังสือลดราคานะ เห็นราคาเต็มห้าร้อย กูซื้อไม่ไหว
กูโง่เรื่องการตลาดนะ กูเลยไม่เข้าใจว่าการไม่ให้ลดนี้มันจะทำให้หนังสือหลากหลายขึ้นได้ยังไง
คือเรื่องการตรึงราคากูเข้าใจว่า มันจะได้ไม่ได้มีแค่ร้านใหญ่ๆ(ที่สามารถลดได้แล้วมีกำไร) จะมีร้านเล็กๆเกิดขึ้น คนจะไม่ได้ซื้อแค่เพราะถูกแต่จะซื้อเพราะเดินทางสบายไรแบบนี้
แต่กูไม่เข้าใจการไม่ลด แล้วทำไมการวางหนังสือหลากหลายถึงขายดีกว่า คือเวลาคนซื้อมันก็เลือกเรื่องที่อยากได้(ส่วนใหญ่ก็แนวในกระแส) ไม่ได้ชายตามองเรื่องอื่นเท่าไร กูว่าการที่มีการลดมันยังจะทำให้คนมองไปที่ตัวหนังสือนอกกระแสมากกว่านะ(แบบซื้อครบ300 ลด 10% หนังสือที่อยากได้250 ก็มีไปดูเรื่องอื่นเพื่อจะได้ส่วนลด)
เพื่อรโม่งฉลาดๆช่วยอธบายกูทีเถอะ กูโง่เรื่องพวกนี้มาก
ลดราคาน่ะไม่ดีตรงที่สนพ มันหันมาบวกราคาส่วนลดไปในราคาปกก่อนแล้ว
คนที่ปกติไม่ได้รอไปกวาดที่งานหนังสืออย่างเดียวก็ซวยไป
คนที่ซื้อหนังสือลดก็มีความสุขกับภาพลวงตาต่อไปว่ากุได้หนังสือมาถูกๆ
>>703 ผิด กูไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่มาตอบกระทู้นี้จะมีคนโง่แบบนี้ /-"- กุมขมับแป๊บ
คือเวลาจะกระจายหนังสือไปทั่วๆประเทศเนี่ยมันต้องมี logistic นะเว้ย ที่เค้าเรียกกันว่าสายส่งน่ะ ปัญหาของไทยคือไอ้สายส่งเนี่ยขอส่วนแบ่งรายได้เยอะมากๆ เท่าไรไม่รู้จำไม่ได้แล้ว ถ้าสำนักพิมพ์ไม่ใช้บริการแม่งหนังสือก็ไม่มีไปวางขายให้คนมาเห็น
งานหนังสือสำหรับสำนักพิมพ์เลยเป็นโอกาสให้สามารถได้รายรับเต็มๆ แถมเอาหนังสือที่ร้านตีกลับมาขายได้ด้วย คือคิดดูว่าลดทิ้งลดขว้างขนาดนั้น ต้องขนของมาเอง บางทีก็ต้องจ้างคนเพิ่มมาเฝ้าบูธ แล้วยังได้กำไรมากกว่าขายแบบปกติอะมึง โครงสร้างของวงการนี้มันผิดปกติเหี้ยๆ
เพราะงั้นในไทยกูมองว่าตรงข้ามเลยว่ะ กลายเป็นว่างานหนังสือที่มีจุดขายคือลดราคาเนี่ยกลับทำให้หนังสือหลากหลายมากขึ้นกว่าระบบปกติซะงั้น
>>702 กูเข้าใจว่าร้านเล็กๆจะทำด้วยใจรักมากกว่า พอคำด้วยใจรักก็แนะนำหนังสือได้ดีกว่าพนักงานร้านใหญ่ๆ ดูจากที่บอกว่าส่งเสริมให้ร้านขนาดเล็กที่มีหัวหนังสือเยอะและจัดกิจกรรมด้วย
>>702 แข่งราคาไม่ได้ก็แข่งความหลากหลายไง ถ้าเรื่องใหนมันลดได้ร้านก็จะซื้อเรื่องนั้นมาสต็อคไว้ ทำให้กอินพื้นที่ร้าน แต่ถ้ามันลดไม่ได้ ร้านค้าก็จะไม่ซื้อมาสต็อคเยอะๆ แต่จะกระจายความเสี่ยงแทน โดยไปเลือกหนังสือหลายๆประเภทเพื่อขยายกลุ่มลูกค้า ถ้าร้านหนังสือมีลูกค้าหลายประเภทมากขึ้น ก็มีโอกาศที่หนังสือบางประเภทจะขายได้ดีขึ้น
แต่เรื่องนี้โดยพื้นฐานแล้วเอื้อต่อร้านค้าขนาดเล็กมากกว่า เพราะทำให้ร้านใหญ่ๆไม่สามารถผูกขาดการลดราคาได้ ถ้ามีกฏหมายนี้ ร้านเล็กๆที่มีหนังสืออินดี้ก็จะมีโอกาศขายหนังสือที่ร้านใหญ่ๆไม่เอาเข้าได้ กูเชื่อว่าพวกมึงส่วนใหญ่ไม่รู้จักหนังสืออินดี้ประเภทพิมพ์ทีละน้อยๆและไม่ได้ลงร้านใหญ่ สนพ.บางแห่งก็ระดมทุนพิมพ์จากคนอ่านเอาเองเลย เจ๊หลินโม่วก็เข้าข่ายแบบนี้
กูแนะนำให้พวกมึงลองเข้าไปดู
วรรณกรรมไม่จำกัด
มาตรฐานวรรณกรรมพิมพ์จำกัด
bookmoby
หนังสือพวกนี้มักไม่มีขายตามร้านใหญ่ เพราะพิมพ์มาน้อย แถมเฉพาะทาง คนที่จะขายและซื้อก็อินดี้พอกัน หนังสือพวกนี้ส่วนใหญ่จะไม่ลดราคา เพราะมีต้นทุนที่สูง(เนื่องจากพิมพ์มาน้อย) หนังสืออินดี้พวกนี้เป็นหนทางทำกินของร้านเล็กๆ เพราะมีหนังสือที่ร้านใหญ่ไม่มีเนื่องจากการขายของลดราคาทำกำไรดีกว่า แต่ถ้าส่งเสริมการขายด้วยราคาไม่ได้ ก็ต้องส่งเสริมด้วยกิจกรรมและความหลากหลาย เมื่อมีการส่งเสริมความหลากหลายแปลว่าจะมีการสั่งซื้อหนังสืออินดี้มาขายในร้านใหญ่ ทำให้ยอดพิมพ์มากขึ้น ส่งผลให้ราคาถูกลง เป็นการส่งเสริมการเขียนหนังสือนอกกระแสมากขึ้น
สรุปคร่าวๆก็ประมาณนี้ รายละเอียดเชิงลึกกูไม่รู้ แต่โมเดลนี้น่าจะส่งผลแบบนี้นะเท่าที่กูคำนวนดู เพราะที่หนังสือหน้าเท่ากันแต่ราคาต่างกันหลายๆครั้งมาจากจำนวนการพิมพ์ ถ้ามีการพิมพ์เยอะขึ้นก็จะทำให้หนังสือถูกลงตามกลไกการตลาด และส่งเสริมร้านเล็กๆให้แข่งกับร้านใหญ่ๆได้อีกทาง
>>704 มึงคือตัวอย่างที่ดีมากของคนโง่ที่อวดฉลาด ทำความสะอาดเขาบนหัวบ้างนะ
ไอ้เรื่องสายส่งเค้าก็รู้กันทั้งนั้น ไม่ได้มีมึงรู้คนเดียว ไปเสิร์จพันทิปก็เจอข้อมูลแล้วง่ายๆ แต่ข้อมูลทั้งหมดแม่งก็มาจากสำนักพิมพ์ทั้งนั้น
ซึ่งสำนักพิมพ์มันคงจะบอกมึงหรอกว่ามันต้องคิดราคาเผื่อลดไว้แล้ว เพราะเหตุผลหลักคือไอ้งานสัปดาห์หนังสือ
การขายออนไลน์ที่กำลังเพิ่มส่วนแบ่งมากขึ้นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง เพราะต้องลดราคาเพื่อแข่งกับรายใหญ่อย่าง se-ed และนายอินทร์
เป้าหมายต่อไปก็คือยอดขายทางออนไลน์โดยสนพเองเอาชนะทางหน้าร้านของสองเจ้าใหญ่ได้
ต่อไปก็ไม่ต้องไปเสียค่าสายส่งอีก ไม่ต้องง้อหน้าร้าย ไม่จำเป็นต้องคิดราคาเผื่อลด แต่มันจะลดราคาหนังสือให้มึงหรือเปล่าไม่มีใครรู้
บก ผีเสื้อแม่งถึงบอกไงว่างานสัปดาห์หนังสือมันทำลายระบบหนังสือ สนพ.ทั่วไปมันก็รู้อยู่แก่ใจ
แต่ว่ามันก็คิดแบบมึงว่าเป็นโอกาสกอบโกย จรรณยาบรรณมันจะไปสำคัญเท่ากำไรได้ไงวะ
พวกมึงคุยกันเรื่องที่ดูฉลาดมาก กูอ่านไม่รู้เรื่องอะกูโง่ ร้องไห้แปร๊บ
มีใครเคยอ่านนิทานตอลสตอยบ้างวะ ถามหน่อยว่าหนังสือเป็นไงบ้าง
ขอขัดจังหวะคิดไงกับเรื่องนี้กันวะ?
กูว่าแอปนี่แม่งเหี้ยว่ะ เหมือนเอาของเขามาวางขายแต่เป็นของที่ลักเขามา พอคนด่ามากๆก็ร้องห่มร้องไห้ ทำไมไม่เข้าใจความปรารถนาดีอยากแบ่งปันกันบ้าง อยากให้เจ้าของนิยายรวมตัวกันฟ้องแม่ง
ปล. ชื่อหนังสือทำไมมีแต่ซาตาน เสน่หา ไร้เดียงสา มาเฟีย ปรารถนาวะ
ได้ยินว่าแอปนี้ลบทิ้งไปล่ะ ก็โอเค แต่จริงๆ พวกนักเขียนที่มาโวยวายนี่ก็ไม่ควรจะอ่าน manga scan นะ กูรู้ว่าตรรกะวิบัติ แต่บางคนพอถึงเรื่องตัวเองล่ะเต้นโครมๆ ทีเรื่องคนอื่นทำเป้นตีหน้านิ่ง
https://www.facebook.com/DramaAdd/posts/207395612732296
อันนี้คือดราม่าเก่าเรื่องแอฟซินะ ผ่านไป2ปีแม่งกลับมาอีกและ
สหายโม่ง กูอ่านปริศนาร้านหนังสือบิเบเลียแล้วกูเกิดความสงสัยเรื่องวงการหนังสือเก่าของไทยว่ะ มันจะมีหนังสือเก่าที่ราคาพุ่งไปเป็นหมื่นๆ แสนๆ อย่างของญี่ปุ่นมั่งไหมวะ อาจเป็น "ปริศนา" ฉบับพิมพ์ครั้งแรก มีลายเซ็นต์ อะไรงี้ป่าว
SE-ED กำไรลดลงเยอะเลยว่ะ ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกกี่ปี
กูสงสัยว่าถ้าพวกร้านหนังสือใหญ่ๆปิดตัวไปกูจะไปหาซื้อหนังสือที่ไหนมาอ่านต่อได้มั่งวะ ปกติกูเข้าแต่ซีเอ็ดกะนายอินทร์ไม่เคยไปที่อื่นเลย
นายอินทร์เป็นสายส่งเองด้วย คงไม่เจ๊งง่ายๆหรอกมั้ง ถ้าร้านใหญ่ตาย ร้านเล็กก็ต้องเกิดแหละ ตามร้านมือสองตลาดนัดที่กูไปบ่อยๆก็สั่งมือหนึ่งมาขายเหมือนกันนะมึง
งานสัปดาห์หนังสือรออยู่ กูไม่ยี่หระถ้าร้านพวกนี้ล่ม ซื้อในงานกูได้ส่วนลดเยอะกว่าซื้อตามร้านที่ข่ยราคาเต็มอีก
เดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตมันแพร่หลาย ถ้าร้านหนังสือเจ๊งก็สั่งซื้อกับสำนักพิมพ์โดยตรงก็ได้นิ แถมยังมีเรื่อง E-book อีก น่าเสียดายที่เมืองไทยยังไม่ฮิตเท่าUSA ที่ขายดีถึงขนาดที่ว่ามี Kindle ไว้อ่านโดยเฉพาะ
เมืองนอกราคา e-book เค้าเทียบกับหนังสือเป็นยังไงมั่งวะ คือของเมืองไทยกูว่ามันต่างจากหนังสือเล่มไม่เท่าไหร่ กูเลยซื้อหนังสือเล่มดีกว่า ไม่ชอบสไลด์ ๆ อ่านด้วยอะ
ถูกกว่าแบบเล่ม จะกี่เปอร์ก็แล้วแต่ลิขสิทธิและความเก่าใหม่ บางเล่มพิมพ์มาเป็นสิบปี คนเขียนเลยปล่อยe-bookให้ฟรีๆ
อยากให้มี Amazon thai จัง กูจะได้ซื้อ kindle อ่าน หนังสือไทย
กูไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือในคอมเท่าไหร่ แค่เพ่งงานก็ปวดตาจะแย่ ชอบจับแบบเล่มๆมากกว่า มันคลาสสิคในกลิ่นหมึกและสัมผัสกระดาษ แต่ยุคสมัยนี้คงต้อง e-book มั้ง
กูชอบแบบเล่มนะ แต่กูก็อยากให้พวกนิยายเบาาสมองเอนเทอร์หรือพวก ln เป็น E-bookวะ คือราคาจะได้ถูกลง+มันเป็นนิยายประเภทที่กูอยากอ่านแต่กูไม่ได้อยากเก็บ แล้วนิยายพวกนี้เล่มแม่งเยอะชิบหาย
>>729 มึงเคยเห็น kindle ยัง มันเป็นจอ e-ink นะมึง(ยกเว้นรุ่นใหม่ๆบางรุ่นจะเป็นจอ lcd ธรรมดา) e-ink เนี่ยมันไม่มีแสงส่องออกมาจากจอ เวลาจะดูต้องมีแสงภายนอกส่องใส่เหมือนกับเวลาอ่านหนังสือเลย แล้วตัวเครื่องมันก็เบามาก นอกจากเรื่องกลิ่นหมึกกับเนื้อกระดาษที่ให้ไม่ได้แล้ว มันใช้อ่านหนังสือได้ดีจริงๆนะ
แต่กูก็ยังไม่เข้าใจทำไม ebook ในไทย ถึงไม่ยอมใช้ epub แม่งใช้แต่ Pdf แม่งรู้ไหมมันหนักเครื่อง
ไม่เกินสามปี มึงรอเลย อีบุ๊คเกิดแน่นอน
พวกมึงเคยพลาดในการซื้อนิยายกันบ่อยป่าววะ กูเพิ่งโดนเมื่อกี้นี้เอง โดนปกหลอกว่ะเหยดแหม่
กูโดนคำโปรยปกหลังหลอกประจำ ร้องไห้แป๊บ...
กุซื้อเพราะปก
เข้าไปเรื่องเหี้ยไม่พอ ภาพประกอบเหี้ยกว่า
มึงจ้างคนเดียวกันวาดปะวะ
>>738 เรื่องนี้ http://www.myfirstbrain.com/main_view.aspx?ID=36236 ซื้อครั้งแรกตอนงานสัปดาห์หนังสือเมื่อเกือบๆ 10 ปีที่แล้ว
ไม่เชิงปกหลอก แต่โดนSaleหลอก พี่แกโม้ว่าเรียนอยู่มหิดลอินเตอร์ พูดจาเหมือนเซลขายประกัน หนังสือเล่มนี้ดียังงั้นสนุกยังงี้ น้องลองเปิดไปหน้า xxx นะ หน้านี้มีรหัสอยู่ หนังสือเล่มนี้จะมีปริศนาทั้งเรื่อง บลาๆๆๆ พอกลับมาอ่านที่บ้านแม่งพิมพ์หน้าตก ห่าราก
ส่วนตัวเนื้อหาก็งั้นๆว่ะ จะว่าซื้อมาอ่านตอนอายุน้อยก็ไม่น่าเกี่ยว เพราะช่วงนั้นกูอ่านทั้ง เชอล็อคโฮม คินดะอิจิ อกาทา คริสตี้ แฮรี่พอตเตอร์ ก็รู้สึกว่าเขียนได้สนุกกว่าเล่มนี้มาก
ไวท์โร้ด โดนชื่อนักเขียนหลอกอ่ะ
นึกว่าจบหมอตั้งแต่ 15 แล้วผันตัวมาเขียนหนังสือ
Kindle มันมีที่เป็น e-reader กับ Kindle Fire ที่เป็นแทบเล็ตธรรมดา พวกตระกูล Kindle Fire นี่กูไม่ค่อยสน แต่ตระกูล e-reader นี่ปลื้มโคตร เมื่อก่อนก็คิดเหมือนกันแหละว่าไม่ชอบอีบุ๊ก ปวดตา จนได้มาสัมผัส Kindle นี่แหละ ตอนนี้เพิ่งออกรุ่นล่าสุด Kindle Voyage แล้วรุ่นก่อนนี้คือ Paperwhite ก็ลดราคาลงไปแบบกูว่าคุ้มโคตรๆ ถ้าใครอยากได้ (เคยได้ยินว่าซื้อทางบีทูเอสได้แต่แพงขึ้นเกือบเท่าตัวว่ะ ถ้ามีคนรู้จักอยู่ประเทศที่มี Amazon ลองฝากหิ้วได้จะแจ่มมาก) รุ่น Paperwhite กับ Voyage นี่มีไฟนะ อ่านในที่มืดก็ได้ แต่จอไม่ใช่ LCD เพราะงั้นจะไม่ปวดตาเหมือนจ้องจอคอมหรือแทบเล็ต และอ่านกลางแดดก็ได้ หน้าจอไม่สะท้อนแสง
>>739 โรงเรียนเชี่ยอะไรซักอย่างเกี่ยวกับเวทย์มนต์ ปกสีม่วงๆ พระเอกเป็นแวมไพร์ นางเอกเป็นสาวโก๊ะๆเอ๋อๆ บรรยายว่าพระเอกเป็นฝรั่งแต่เสือกร้องเพลงไทยจีบนางเอกซะคล่อง เพลงที่ร้องก็มีของเรโทรสเปคมั่ง โปเตโต้มั่ง นอกจากนั้นยังเป็นอีโมติค่อน บรรยายห่วยห้วนสั้น จับต้นชนปลายไม่ถูก สักแต่จะขายความหล่อความสวย ห่วยยิ่งกว่าเซวีน่าอีก
http://writer.dek-d.com/pinkwon/story/viewlongc.php?id=277810&chapter=1
นิยายอีโมนี่มันประมาณไหนวะ ไม่เข้าใจความหมายอะ
พวกมึงมีนิยายในเด็กดวยแนะนำมั่งปะ กูอยากพักสมองวะ หลังๆกูอ่านของหนักไปหน่อย อยากอ่านอะไรที่มันซอฟลงมาบ้าง มีเรื่องไรในนั้นแนะนำมั้งปะ เอาในหมวดฟรีสไตล์นะ เพราะกูไม่ชอบนิยายรักวะ
>>752 เด็กดีกูแนะนำของ foxilla เป็นแฟนตาซีแบบเฮฮา ปล่อยมุกรัวๆ แต่ตอนจะดราม่าแม่งก็ดราม่าสุดติ่ง มึงลองอ่านงานเขียนที่เขาทิ้งไว้เป็นตัวอย่างดูละกัน ไอ้เรื่องยิ้มหน่อยน่า คาโลเป็นฟิคบารามอสที่กูโครตชอบ งานออริเขากูชอบนิรันดร์กาลในม่านหมอกกับคำสาปแม่มดราตรี ความลับในหุบเขาหมอกกูไม่ถูกใจพระเอกเท่าไหร่
มังกรเฝ้าหอคอยของคนเขียนคิวบิกก็ใช้ได้นะ แต่กูชอบคิวบิกมากกว่านิดหน่อย
กุไม่ค่อยเข้าเด็กดีไปอ่านแล้วว่ะเดี๋ยวนี้ คือกุรู้สึกว่าเด็กดีแม่งแต่งหน้าห้องนิยายจนยุบยับไปหมด
เวลาเปิดมันก็กระตุกๆ ไหนจะเพลง ไหนจะอิมเมจตัวละคร แบนเนอร์ กลิตเตอร์เลื่อมระยับแพรวพราว
กว่าจะเลื่อนลงมาถึงหน้าอ่านนิยายได้ เล่นเครื่องอืดชิบหาย
มีนิยายไทยเรื่องไหนแต่งดีเท่าLNยุ่นบ้าง เออ... ไม่มีหวังสินะ งั้นเอาเป็นเรื่องที่มีตัวรุ่นพี่หรือพี่สาวแบบสาวแดกหนังสือละกัน
>>755 LNชั้นสวะมีเยอะแยะ
ถ้าเอาISเป็นมาตราฐาน ออนไลน์เด็กดีกว่าครึ่งก็พอผ่านเกณฑ์
ถ้าเอาคาเงโร่เป็นมาตราฐาน นิยายเห่อหมอย18+บนชั้นวางหนังสือของไทยก็สูสี
ถ้าเอาSAOเป็นมาตราฐาน พวกนิยายออนไลน์ของสถาพรกะสยามก็ไม่ต่างกันมาก
ในสายตากูนะ LNเป็นหนังสือระดับล่างของญี่ปุ่น เขียนมาเพื่อให้อ่านง่าย ไม่ต้องจริงจังมากเท่านิยายทั่วไปที่มี"ข้อเรียกร้อง"ด้านคุณภาพสูงกว่า ดังนั้นนิยายเห่อหมอยของไทยก็ไท่ต่างกับLNเท่าไหร่หรอก
ปล. ในโม่งเคยบอกว่านาโร่กับเด็กดีต่างกันแค่จำนวนคนอ่านกับการได้เป็นเมะ ดังนั้นมาตราฐานLNส่วนใหญ่จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่า"บุฮี้"แค่ใหน
>>756 กูรู้สึกมึงเทียบผิดๆไงไม่รู้แต่เอานิยาย จูนิเบียวคาเกโรไปเทียบกับนิยาย18+กูว่ามันคนละแบบกันเลยนะมึง
กูก็ไม่ว่าln ฮาเร็ม บุฮี้ จูนิเบียวแต่งดีหรอกนะ แต่เอาจริงๆกูว่ามันยังดีกว่านิยายไทยในเด็กดวกหรือบางเล่มที่มีขายพอประมาณนะ(กูขอเทียบตามที่กูอ่านๆมา) แต่ก็ไม่เถียงหรอก lnมันคือนิยายประเภทอ่านง่าย ชวนฝันบุฮี้ เน้นขายคาแรกเตอร์ มีไม่กี่เรื่องที่เขียนดี
ถ้าให้กูเทียบ
is,คาเกโร = นิยายในเด็กดวกส่วนใหญ่
นิยายบุฮี้ฮาเร็มปกติ = ดีกว่านิยายเด็กดวกปกติ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นดีอ่านเอาตัวละครพอ
sao = สนุกกว่านิยายออนไลน์สถารพรกับสยาม สองสามเท่า
จริงๆLNยุคแรกๆมันเนื้อหาดีกว่าตอนนี้หลายเรื่องเลยนะ แนวคิดหลายๆอย่างน่าสนใจ เหมือนเอาแนวคิดนิยายดีๆมาย่อยให้เป็นแนววัยรุ่น ไม่ก็อบอุ่นๆแบบวัยรุ่นที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่
เดี๋ยวนี้มีแต่แนวขายตัวละคร สงสัยจับตลาดได้มากกว่า
>>758 สมัยก่อนมันเริ่มหาแนวไง นักเขียนย้ายมาจากแนววรรณกรรมเยาวชนบ้าง แนวไซไฟบ้าง ตอนหลังมันจับทางได้จริงๆ แหละ แต่ไม่ใช่ LN สายดั้มเดิมมันหายไปนะ แค่เข้าไทยน้อย
ช่วงหมดยุคบลิส มีแต่ LP แม่งอนาถจริง เอามาแต่บุฮี้
>>756 สายตามึงกูว่าผิดว่ะ LN มีหลายระดับ เทียบได้กับเด็กดีแค่กลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นเท่านั้นล่ะ
แล้วถ้าจะเทียบนิยายเด็กดี ต้องเทียบกับไลท์โนเวลสายนาโร่ว่ะ พวกนี้มาจากเน็ตจริงๆ แต่งสนองนี้ด ยกตัวอย่างก็ เทพทัต มุโชคุเทนเซย์ ผู้กล้าโล่ หรือ SAO
อย่างคาเงโร่มันเป็นไลท์โนเวลอีกขนบหนึ่ง ที่เกิดมาใหม่ในยุคหลัง คือพวกมือสมัครเล่นทำเพลงดังแล้วมาแต่งนิยายขายคู่กับเพลง ความเป็นมืออาชีพมันต่ำ แต่งตามใจตัวเองเป็นหลักเหมือนกัน
จะเอาคาเงโร่ SAO เทพทัต มาวัดทั้งวงการ LN กูว่าไม่ใช่ว่ะ
>>757 ต้นทางพวก18+ห่าเหวมันก็มาจากเด็กดีซะเยอะ ข้างบนก็พูดกันไปแล้วว่าวันๆมีแต่จ้องจะโดนพระเอกข่มขืน แม่งก็ขายฝันแบบเดียวกับมีฮาเร็มขายฝันทั่วไปนั่นละ แต่โอเค กูเทียบคาเงโร่ผิดไป มันต้องไปเทียบกับดันเจี้ยนฮาเร็มหรืออาริฟุเรตะมากกว่า
แล้วที่มึงบอกว่าตัวละครไม่ผ่าน เพราะมึงน่าจะเป็นผู้ชาย ลองมึงเป็นสาวน้อยช่างฝันจะยิงเรือผู้ชายหล่อๆร้ายๆสิ พวกนี้ขอแค่หล่อและมีควยก็พอ ไม่ต่างจากมีนมมีหีก็พร้อมเย็ดแบบคุบุฮี้ๆเท่าไหร่หรอก
ส่วนSAO บางช่วงมันก็สนุกนะ แต่โดยรวมกูว่าไม่ได้ต่างจากพวกที่กูยกมาเท่าไหร่ เพราะSAOยังถือว่าไม่มีความลึกในเนื้อเรื่องและปมต่างๆ ยกเว้นมันจะจบแค่เล่ม1-2ที่กูคิดว่าทำได้ดี ถ้าเทียบกับAWจะชัดกว่าว่าสนุกกว่าพวกที่กูยกมา แต่กูก็ไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เท่าไหร่
ขัดจังหวะหน่อยมึงกูเจอนิยายที่คิดว่าลอกเมืองกระดูกในเด็กดี ชื่อ Forbidden Fruit แต่ใครก็ได้ช่วยกูเช็คที มีคนไปถามแล้วคนเขียนไม่ยอมรับ
แล้วก็ ไลท์โนเวล ยังไงก็จะมีความเป็นมืออาชีพอยู่ในโครงเรื่อง นิยายที่ผ่านระบบ กอง บ.ก. มา มันจะมีโครงสร้างเรื่องชัดเจนกว่านิยายแต่งลงเน็ตแบบเด็กดีเยอะว่ะ โครงสร้างก็จะคล้ายๆ มังงะมากกว่า
บุงโกะกับไลท์โนเวล จริงๆ ต่างกันแค่ภาพประกอบเอง
อย่างนิยายส่งประกวดไลท์โนเวลของเดงเกคิ บางเรื่องจะได้รับรางวัลบุงโกะ ตีพิมพ์เป็นบุงโกะ แต่ได้เงินรางวัลน้อยกว่า
ทั้งที่เขียนส่งมาเป็นไลท์โนเวลแท้ๆ
พอแบบนี้แล้ว กูเลยคิดว่า เอาเข้าจริงแยกนิยายกับไลท์ไม่ได้หรอก
>>759 โอเค กูเหมารวมไป แต่โดยรวมกูก็ยังคิดว่าLNมันก็ขายฝันไม่ต่างจากพวกเด็กดีเท่าไหร่ นานๆถึงจะมีอะไรหลุดออกมาจากกรอบนี้ซักเรื่อง อย่างน้องเหี้ยนี่กูคิดว่าพล็อตหลักและการดำเนินเรื่องดีมาก เพราะเน้นความรักแบบพี่น้อง และไกล้เคียงความจริงว่าน้องแท้ๆแม่งเหี้ย ถึงจะไม่เท่าคิริโนะ แต่ตอนจบแม่งก็จบสนองนีดคนแต่งอยู่ดี
>>762 พูดถึงบก. กูเคยตามอ่านfbของพวกนักเขียนเด็กดี จริงๆพวกนี้ก็มีบก.นะ แต่บก.มักจะเสนอแนวเรื่องที่"ขายได้"ให้นักเขียนมากกว่าเกลางาน ผลก็อย่างที่เห็น ดังนั้นด้านภาษาทางญี่ปุ่นน่าจะดีกว่าเพราะมีการเกลามาแล้ว แต่ทางไทยยังขาดด้านนี้ แต่เนื้อเรื่องโดยรวมกูว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่วะ
>>764 ตรงกันข้ามว่ะ ระบบลงเน็ตไทย นักเขียนมีอิสระกับเรื่องเยอะเพราะวิวการันตี อย่างระบบแจ่มใสยุ่งกับเรื่องน้อย แต่อีดิตภาษาเยอะ
สถาพรไม่ค่อยยุ่งกับบภาษาเท่าไหร่ แต่พยายามให้คำแนะนำเรื่องอย่างที่ว่า สำหรับเรื่องระบบการันตีพิมพ์ก่อนลงน่ะนะ
ส่วนนึงเพราะสถาพรเจ็บจากยุคออนไลน์บูม เสียภาพลักษ์ไปเยอะ
มีดีส์ปล่อยฟรีเลย ขายได้ก็พอ ยุ่งน้อย เพราะนักเขียนกับ บก ไปกันได้
>>763 ขายฝัน กับ สนองตันหา กูว่าสองอย่างนี้ต่างกัน
วรรรณกรรมขายวัยรุ่นมันต้องขายฝันอยู่แล้ว ไม่ได้เอาไว้ขายผู้ใหญ่โลกมืดไร้ฝันที่ชอบแนวเสียดสีสะท้อนสังคม
อย่างน้องเหี้ย หรือ ISของเหี้ยอิซึรุ นี่เรียกสนองตันหาคนแต่ง
แต่ว่านะ น้องเหี้ย คนไม่ชอบตอนจบมันก็เยอะนะ แต่กูรับได้ ที่มันไม่เย็ดแล้วหนีตามกันหรือเฉลยว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แบบนี้กูว่าแย่กว่า
เอาเข้าจริงแล้ว ตอนจบมันลงสวย กลายเป็นรีเซ็ตความสัมพันธ์ จบปลายเปิดไป
นอกจากเรื่องความเหี้ยอีน้องแล้ว กูว่าประเด็นรวมๆ ของเรื่องมันดี อย่างความสัมพันธ์พี่น้อง ครอบครัว เพื่อนฝูง ในเล่มแรกๆ กับปมวัยเด็กของพระเอกมันในเล่มท้ายๆ กูว่าทำออกมาดี
แต่อย่างว่า ตอนจบมันไม่ถูกใจทั้งพวกโปรสาวคนอื่น ทั้งพวกไม่โปรอินเซส
>>768 อันนี้ทำเอากูหมดศรัทธไปเลยจากที่กูมองว่าน้องเหี้ยทำได้ดี
>>770 มึงอยู่ในกระทู้LNสินะ กูจำได้ ถามจริงๆ ในโลกนี้นะ มันมีการรีเซ็ตความสัมพันธ์กันได้จริงๆเหรอวะ น้ำใจที่ถูกทำร้ายไปขนาดนั้น แค่มึงพูดว่ามาคืนดีกันใหม่=รีเซ็ตนะ โลกมึงนี่โคตรเพ้อฝันเลยวะ จิตใจคนถ้ามันถูกทำร้ายแล้วครั้งหนึ่ง ต่อให้มันฟื้นตัว มันก็ไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรอกวะ
ส่วนน้องเหี้ย>>768 >>770 กูเห็นด้วยกับพวกมึง ทั้งๆที่ตอนแรกกูว่าแม่งดีขนาดนั้นแท้ๆ ถ้าไม่สนองนีดตอนท้ายกูจะยกขึ้นหิ้งจริงๆนะ
>>771 อันนั้นไม่ใช่กูว่ะ แต่กูจำคำว่ารีเซ็ตจากอันนั้นล่ะ
ซึ่งกูอธิบายไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้คิดว่าความรู้สึกมันกลับเป็นเหมือนเดิมนะ รู้สึกว่ามันรีเซ็ตในแง่ความสัมพันธ์ไง
กลับมาเป็นเพื่อน เริ่มจุดสตาร์ แต่ข้างในมันเปลี่ยนไปแล้ว กูก็รู้
คิดว่ามันหาทางลงโอเคสำหรับเรื่องแนวแฟนอวย แต่ก็นั่นล่ะ
เดี๋ยวคอยดูว่าเพื่อนน้อยจะหาทางลงยังไงอีกเรื่อง นี่วิ่งเข้ารูทไม่เลือกสักคน
>>772 รีเซ็ตไม่ได้ว่ะ คนนะมึงไม่ใช่คอมที่เอาไปลงวินโดวใหม่ก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถึงปากบอกว่าลืม เป็นพี่น้อง แต่เรื่องมึงไปจูบกัน แต่งงานหลอกๆกัน มันไม่มีทางลืมหรอก มันเป็นตะกอนที่นอนก้น สะกิดนิดเดียวก็ขุ่นแล้ว ถ้ามันเป็นซิสค่อนต่อไปกูยังพอโอเคนะ เพราะแรกๆมันเป็นความสัมพันธ์ในครอบครัวอยู่แล้ว แต่นี่จะเย็ดน้องให้ได้ แม่งมีปมอะไรกับน้องสาวป่าววะ
สยามได้งานของหู้เสวียน The Unique Legend ตำนานจอมเวทพิทักษ์โลก รู้สีกหายห่วงเลยที่สยามได้ไป คงไม่มีปัญหาอีกนะ
ถามเรืรองการอ่านหนังสือหน่อย ปกติพวกมึงกันทีละเรื่องจนจบ หรืออ่านหลายๆเรื่องในช่วงเดียวกัน
>>778 เรื่องไหนสนุกหน่อยอ่านทีละเรื่องรวดเดียวเลย ถ้าไม่สนุกคืออ่านไปเรื่อยบางทีก็มีไม่สนุกจนไม่อ่านต่อก็มี
กระซิกคนช้ำจากซันบีมเยอะเหมือนกัน จริงๆเกือบไม่ได้อ่านของสนพ.นี้ถ้าไม่โดนพริตตี้หนังสือล่อลวง(เกือบพลาดของดีล่ะ)
แต่ปิดไปเหมือนกระตุ้นให้กุเรียนภาษาจีนขยันขึ้นนะ(ฮา) ถ้าแปลลงบล็อกจะมีคนสนไหม? เรื่องว๊าบๆอะ (กุรอสั่งต้นฉบับกะคิโนะอยู่)
>>781 นี่คือโม่งที่เคยบอกจะแปลเมื่อกระทู้ก่อนๆหรือเปล่าเนี่ย ถ้าแปลรอติดตามอ่านเลย ให้ช่วยค่าหนังสือต้นฉบับก็ยอมนะ 555 ว่าไปกูไม่มีเล่มหกอ่ะ พลาดตอนในเฟซซันบีมบอกให้อินบ็อกสั่งเอา ช่วงนั้นไม่สะดวก กะว่ารอวางขายร้าน สรุปหายยาวเลย เสียใจ
ตอนนั้นเห็นซันบีมบอกว่าแยกกับเพิร์ลตั้งแต่ก่อนหน้าเพิร์ลล่มสลาย แต่ยังวุ่นเรื่องออฟฟิซ ก็คิดว่าจะไม่หายไปด้วยกัน (พอดีได้ข่าวลือเรื่องปัญหาในเพิร์ลมาพักใหญ่แล้วด้วย) ตกลงไปคู่
กูซื้อพิภพมหัศจรรย์มาแล้วก็พบว่า สนพ. แม่งหายไปเลย คืองี้กูเสียใจชิบหายซื้อมาแม่งยังไม่จบกำลังพีคได้ที่ แล้วก็ไม่ออกต่อตอนแรกกูก็รอไปเถอะ คิดในแง่ดีไงแบบแม่งอาจจะเหมือนแฮปปี้บานาน่าที่ปล่อย WWV เล่ม 11 ช้าก็ได้....เปล่ามารู้อีกทีตอนแม่งเจ๊ง
>>783 สัส มึงพูดถึงWWVแล้วกูก็คิดถึง ไอ้เหี้ย นั่นเป็นนิยายเรื่องแรกที่ทำให้กูเริ่มอยากหัดเรียนภาษาจีนอย่างตั้งใจเลยนะเว้ย (อันที่จริงก่อนหน้านั้นกูก็เรียนอยู่แต่ไม่เคยตั้งใจ...) แม่งกิ๊วก๊าวมาก ถึงเนื้อเรื่องบางช่วงมันจะแปลกๆ คล้ายจะเป็นนิยายเกย์(ซึ่งตอนเล่ม6กูยืนยันว่าใช่ชัวร์)แต่กูก็ยังติดตามต่ออยู่ดี จนกระทั่งต้นปีนี้ ต้นปีมั้ง ใช่ป่ะวะ ที่HBประกาศว่าไม่ทำภาค 2 ต่อ ใจกูก็สงบนิ่งอย่างประหลาดแต่มือกูนี่คลิกเข้าคิโนะสั่งเล่ม12จีนมาเรียบร้อย พร้อมกับปฏิญาณตนว่าจะตั้งใจเรียนจีนจนอ่านมันให้ได้ และทุกวันนี้เล่ม12 20 21(กูซื้อข้ามเล่ม) ยังคาอยู่บนตู้หนังสือกูอยู่ ทั้งๆที่กูเกือบจะลืมมันไปแล้วนะเนี่ย...
>>783 >>784 เรื่องนี้กล้วยแม่งโดนด่าเละเทะเลย เป็นกูๆก็ด่า แม่งเอามาแล้วเอามาไม่หมดจะเอามาทำซากอะไร เหมือนกุนซือทะลุมิติของมติชนนั่นละ หัวควยมาก ทั้งๆที่กูเริ่มสนุกแล้วแม่งเสือกมีแค่3เล่ม สันดานสัดหมาเลย คือถ้ามันขายไม่ออกแล้วลอยแพกูยังรับได้หน่อย แต่นี่คนก็ตามกันเยอะ ดันบอกแพงไม่ซื้อต่อ kuy allมากๆ
หลังๆนี่กูอยากเรียนจีนมากกว่าญี่ปุ่นอีกนะ ตลาดหนังสือที่โน่นใหญ่มาก แถมมีเรื่องถูกจริตกูเยอะด้วย
พวกนิยายแปลพวกนี้ส่วนใหญ่มาจากไต้หวันใช่ไหม หมายความว่ากูต้องเรียนจีนกวางตุ้งแทนจีนกลางเหรอ จะหาเรียนจากไปไหนวะ
>>784 >>785 มากูตอบให้คืองี้ตอนช่วงงานหนังสือกูไปสัมภาษณ์พาร์ทไทม์มา(แต่กูไม่ผ่านนะสัตว์)กูถามเขามาแล้ว เขาตอบกูแบบพอเป็นพิธีว่า เรื่องเนี้ยกระแสไม่ค่อยดีในไทยเท่าไหร่ และเขาไม่มั่นใจว่าถ้าเอาภาคเสริมเข้ามามันจะขายได้ในไทยหรือเปล่า เพราะไม่แน่ใจว่าคนอ่านแต่ล่ะคนที่เคยอ่านภาคหลักเนี่ยจะตามอ่านภาคเสริมต่อไหม แล้วค่าลิขสิทธิ์กับอะไรอื่น ๆ อีกหลายอย่างมันดูแล้วไม่คุ้มกับการลงทุนเขาเลยไม่เอา
แต่กูก็โกรธอยู่ดี แม่งเหี้ยกูอยากจะบอกมากว่ากูนี่ไงที่อ่านแต่คือแม่งก็ไม่ใช่ว่ากูบอกแล้วเขาจะเอาเข้ามา แล้วความรู้สึกคือกูเห็น WWV ที่กูพึ่งซื้อเต็มราคามาลดเหลือเล่มล่ะ 60-100 ผ่านงานหนังสือไปงานหนึ่งนี่ทำเอากูจะร้อง ตอนนี้กูเลยไม่หวังอะไรกับแฮปปี้เลยสัตว์ คือแทบจะถีบตัวเองออกมาจากการซื้อนิยายสำนักพิมพ์นี้แล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่ามีบางเรื่องที่ซื้อค้างไว้อยู่
>>786 ของจีนถ้ามันไม่hypeแบบบันทึกจอมโจรหรืองานของหวงอี้ เห็นว่าค่าลิขสิทธิ์ค่อนข้างถูกถ้าเทียบกับของประเทศอื่นๆ แต่ตัวเลขชัดๆนี่กูบอกไม่ได้เหมือนกันวะ
>>787 ทั้งจีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน ตัวหนังสือจีนแผ่ยดินใหญ่ใช้จีนตัวย่อ ไต้หวันใช้จีนตัวเต็ม ในแสกนจีนก็มาจากไต้หวันนี่ละ ถ้าเรียนแค่ตัวอักษรมันจะมีหนังสือจีนตัวเต็มกับจีนตัวย่ออยู่ ลองถามที่เรียนดูก็ได้ แต่เรื่องชื่อเรื่องสำนวนนี่ต้องดูอีกทีนะ
>>784 กูลืมตอบไปประเด็นหนึ่ง ใช่เนื้อเรื่องมันแปลก ๆ คือแปลกมากแต่กูเจอคนอ่านที่กูรู้จักอวยว่าเนื้อเรื่องดี ดราม่าเก่งมากจนพอกูมาอ่านเอง...อื้อ ก็ใช่ ดราม่าไหมก็ดราม่านะ....แต่หลาย ๆ อย่างของเรื่องทำกูหงุดหงิด คุณสุ่ยแกอวยเพลแซมมากจนกลายเป็นว่าควรจะตายไปแล้ว แล้วก็ฟื้นคืนมาอยู่ดีคือข้ามหน้าข้ามตาแบบไม่มีเหตุผลชิบหาย(ถึงจะใส่มาช่วงท้าย ๆ แล้วก็เหอะ) โดยเฉพาะตอนจบที่เพลแซมกลับมาแทน ตอนกูอ่านตอนนั้นแบบอ้าวมึงแต่อินด์ไม่ได้รอเพลแซมนะ ให้เพลแซมกลับมาแล้วไงอ่ะ? คือให้ใช้ชีวิตแทนในฐานะคนอื่นงี้เหรอ จะบอกว่ากลับชาติมาเกิดกูว่ามันก็ไม่สมเหตุสมผล เพราะเพลแซมคือเพลแซมอ่ะไม่ใช่นั่น ถึงจะมีความทรงจำหรือบลา ๆๆๆๆๆ ก็เถอะ แถมเปิดตัวละครมาเยอะแล้วดูว่าน่าจะเล่นได้อีกแต่กลายเป็นว่าบทหาย โดยเฉพาะเปเลียกู อิห่าาาาาาา กูอวยคนนี้มากโผล่มาไม่ทันถึง 50 หน้าเลยหาย ไม่มีการกล่าวถึง กูชอบแองเจแต่ไม่ชอบท่านเจ้า เซนส์อานั่นล่ะ อีโมเหมือนผู้หญิงมาก....โอย มีหลายเรื่องอยากบ่น
>>788 >>790 โอ๊ยย ดีใจมึงงง ชีวิตจริงกูนี่ไม่มีเพื่อนคุยเรื่องนี้เลย ยื่นเล่ม1ไปให้มันอ่านหวังจะมีเพื่อนมอยบวกบ่นไปด้วยกัน แต่แม่งก็อ่านไม่จบเล่มด้วยซ้ำซึ่งกูก็คิดว่าไม่แปลกว่ะ เนื้อเรื่องเล่ม 1 มันเหียกจริง อ่านครั้งเเรกกูแทบเขวี้ยงทิ้งถ้าไม่เจอสปอยล์ว่าดราม่า ยัดตัวละครมามั่วซั่วมาก เนื้อเรื่องเดินไปเมาๆ แล้วกูอ่านไปก็นึกเสียดายตังค์ขึ้นมา (กูซื้อในงานหนังสือลด20เปอร์ ถึงจะไม่ได้ราคาเต็มแบบที่ซื้อตามร้าน แต่กูก็เข้าใจความรู้สึกของมึงเวลาเห็นมันลดราคาเหลือ2เล่มร้อย...) แต่ก็ตามนั้นแหละ สนุกขึ้นเรื่อยๆ จนกูติดอยากคุ้ยสปอยล์ต่อ แล้วทีนี้แม่งมาบอกไม่ทำต่อเพราะค่าลิขสิทธิ์แพง กลัวไม่มีคนซื้อ กูจุกชิบหาย อีห่าา กูนี่ไง กูจะซื้อออเว้ยยตอนนั้นนอยด์มาก แต่สนพ.นี้จะเลิกซื้อก็ไม่ได้ว่ะ กูตามงานจางเหลียนอยู่แล้วมันก็มีเข้ามาเรื่อยๆ
ส่วนเรื่องเนื้อเรื่องแปลกๆ กูก็เห็นด้วยตามมึงนั่นแหละ อวยเพลแซมสัสๆ ตอนเล่ม6 เพลเเซมแม่งตายอย่างหล่อมาก เป็นตัวละครที่อยู่ในจิตใจกูแต่พอมึงเอากลับด้วยเหตุผลแบบนี้เท่านั้นแหละจบเลย...มึง จบเลย แล้วก็พูดถึงอินด์กูก็อดไม่ได้...กูอดรู้สึกไม่ได้จริงๆ...ว่ากูเกลียดเเม่ง ถ้าให้เทียบท่านเจ้ากับอินด์กูชอบท่านเจ้ามากกว่าว่ะ อินด์แม่งงี่เง่า เห็นแล้วเกะกะลูกตาอ้อนไอซะอย่างกับพวกมึงเป็นผัวเมียกัน มึงเป็นผู้ชายนะเว้ย สัส สารพัดอ่ะ กูไม่ชอบอินด์ ไอกูก็เฉยๆ กึ่งไม่ชอบด้วยเหมือนกันเพราะพระเอกเกินนน ตัวละครที่กูชอบที่สุดในเรื่องนี้ก็คือแองเจไลน์ รองมากูให้ลุต แล้วต่อด้วยวัลเเคน(พ่อหนุ่มน่าสมเพช555) ที่4ก็ท่านเจ้า บางทีก็พอเข้าใจได้นะที่ท่านเจ้าแม่งอีโมหญิงเกิน ท่านเจ้าเขาอยู่ใต้ดินนี่หว่า คงไม่ค่อยรู้นิสัยของผู้ชายบนดินมั้งเลยออกอาการสาวแตกไม่หน่อย...อ้อ อันนี้กูช่วยแถนะ555 เอาเป็นว่ากูพอเเค่นี้แหละ กูมีความสุขจริงๆ ที่ได้มอยระบายอารมณ์
>>789 ครั้งแรกที่กูเห็นปกหลังบันทึกจอมโจรที่กูเงิบเลย ค่าลิขสิทธิ์แพงโคตร มีหนัง มีเกมด้วย ดังนั้นกูเลยเกิดความสนใจ คว้ามาไว้บนชั้นหนังสือเรียบร้อยละ
>>791 กูขอบคุณมึงมาก 55555 ไอนี่นิสัยพระเอกเกินกูไม่ชอบอ่ะคือถึงจะเป็นคนใจดีที่สุดแต่กูดันมองว่าไอนี่ล่ะไม่ใช่มนุษย์ที่สุด 5555 คือไม่ใช่แบบไม่ใช่เลยเทียบแล้วเปเลียกู <<<<<< กูอวย อวย อวย ยังออกมาดูดีกว่าเลยโดยเฉพาะตอนไปนั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนลุต ตอนนั้นกูอ่านแล้วเหี้ยยย กูนั่งจิ้นฟรุ้งฟริ้งอยู่คนเดียว ส่วนเรื่องอินด์...กูก็ไม่ชอบอีกคนคือนิสัยเป็นประเภทว่าไม่พัฒนาเลยมากกว่าถึงตอนที่ไอตายจะดูไม่เหมือนเดิม แต่กูอ่านแล้ว.....โถะ มึงก็ยังเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเดิม ทำตัวเหียก ๆ เหมือนเดิมไม่เพี้ยนจากเล่มต้น ๆ เลย แถมบางอารมณ์แม่งดูเหมือนทานอสได้ถุงมือเกรียนไปเลยสัตว์ ขอบคุณมึงมากที่บ่นกับกู T__T
อ่านงานสุ่ยเฉวียนไม่ค่อยรอดแฮะ แม้งานจะดีกว่าอวี้หว่อก็เถอะ WWVอย่างที่เพื่อนโม่งพูดกันเล่ม1เหี้ยมากอ่านไม่รอด sunken moon ดันไปเจอสปอยเต็มๆหมดอารมณ์ไปอีก the silver area เห็นคนบอกกันว่าไม่ปลื้มเลยเลี่ยงไปอีก ออกใหม่Strange Hope ก็ยังไม่มีความอยากสักกะนิด ช่วยบอกหน่อยว่าเป็นไง
กุไปทำการบ้านแป๊บเดี๋ยวมู้ไหลไกลเลย กุคือโม่งที่บอกว่าจะแปลว๊าบๆนะ(ตั้งแต่มู้ก่อน ยังวนเวียนแถวนี้แหละ55+)
คือจะแปลนานแล้วติดงานมหาลัยบ้างอะไรบ้าง กุโคกะเพื่อนไว้อีก2คนให้ช่วยเกลาภาษา มีติดปัญหาเรื่องแปลชื่อคน+สำนวนน่าจะได้นะกุเรียนเอกจีนมีเรียนอยู่ไม่รู้จะแปลไหวรึเปล่า กว่าจะแปลได้ก็ปีหน้า แต่ก็ไม่แน่ว่าจะได้รึเปล่าเพราะไปเรียนที่จีน
>>787 ไม่ใช่กวางตุ้ง จีนมีตัวเต็มกับตัวย่อ ไต้หวันใช้ตัวเต็ม จีนแผ่นดินใหญ่ใช้ตัวย่อ(แต่คนเก่าคนแก่ยังใช้ตัวเต็ม) คนส่วนใหญ่เรียนย่อกันหมด ถ้าอยากได้ตัวเต็มแบบกุ ลองไปเรียนที่ไต้หวันดู มันมีทุนรัฐบลไต้หวันอะไม่แพง พื้นฐานมีนิดเดียวก็ผ่าน ไม่ก็ยังมีบางทีสอนตัวเต็มนะไม่แน่ใจไม่เคยเรียน
เทรยบสุ่ยเฉวียนกับอี้หว่อในความคิดกูนะ
เปิดเรื่อง
- สุ่ยเปิดดีกว่า มีการแนะนำที่มาที่ไปก่อนขมวดปมแรก
- อี้เปิดเรื่องแย่ ชอบจู่ๆก็เปิดเรื่องแบบแปลกๆไม่สมเหตุสมผลบ่อย
กลางเรื่อง
- สุ่ยคุมได้ดีกว่า แต่ก็มีน้ำเยอะมาก แถมชอบมีบทจิ้นแปลกๆแทรกมา
-อี้ชอบออกทะเล เลือกรูทที่ไม่จำเป็นบ่อยๆ เหมือนเขียนประวิงเวลามากกว่า
ปิดเรื่อง
- สุ่ยแย่เรื่องนี้มาก ปมบางอย่างก็ตัดไปเฉยๆ อยากจบก็จบ ขมวดอารมณ์ไม่ค่อยได้
-อี้ทำตรงนี้ดีกว่า แต่บางครั้งก็จบเหมือนไม่จบ แบบคนที่ตัดใจจบแต่รอเขียนใหม่อีกรอบ
การบรรยาย
-สุยเล่นกับอารมณ์มากกว่า แต่หลายๆครั้งที่สื่อความไม่ดี และบรรยายบางจุดตกไป
-อี้บรรยายดีกว่า เชื่อมเนื้อเรื่องกับอารมณ์ได้ อ่านเข้าใจง่าย แต่ก็มีบรรยายคลุมเครืออยู่
โดยรวมนะ สุ่ยดราม่ากว่า อี้คอมเมดีกว่า ขึ้นอยู่กับแนวเรื่องด้วย อย่างsunken moonนั้นสุ่ยทำได้ค่อนข้างดีกว่าเรื่องก่อนๆ แต่ก็น้ำเยอะบทจิ้นเยอะพอกัน black flowerของอี้กูว่าดีมาก ผิดขนบของอี้เยอะ แต่ดันทำได้ดีที่สุด เปิดดี ดราม่าหนัก บรรยายไม่เลว แต่จบนี่ต้อวดูก่อน
ปล. งาสของสุ่ยกูชอบsilver areaสุดนะในด้านแนวคิดหรือตัวละคร มันดราม่าดี แถมงานคุณเฟอนี่ทำกูหลงเผ่าปีศาจโฮกๆๆ แต่เนื้อเรื่องอื่นๆแย่ไปหน่อย แถมตัดจบแปลกๆอีก กูละเซ็ง
>>795 ปะ กูไม่ได้อ่านสุ่ยนะแต่อี้นี้กูเห็นด้วยเลยวะ ถึงกูจะชอบอี้ก็เถอะแต่แบบแม่งแบบบางทีเดินเรื่องไปจะเข้ารูทนี้นะ แต่ก็เสือกเกริ่นๆแต่ไม่เล่นวกกลับเข้ารูปหลัก(?)แทน ส่วนbfนี้กูว่าทำดีนะแต่เผอิญกูไม่ขอบแนวแก้แค้นเท่าไรเลยดรอปไป
กูอยากให้เอนเทอร์มีe-bookจริงเว้ย คือแต่ละเล่มแม่ง 5เล่มอัพทั้งนั้น คือกูก็อยากอ่านนะแต่คือแม่งไม่มีที่เก็บอะ
>>793 มึงอ้่านwwvไม่รอดอย่าริไปอ่านstrange hope ดีกว่าว่ะ แม่งเล่ม1เหียกมาก เหียกแบบเหียกสัสๆอ่ะ ไม่รู้เรื่องห่าไรเลย พยายามจะสื่ออะไรกันแน่ ทำเอากูเข้าใจเลยว่าทำไมถึงออกสองเล่มพร้อมกัน มันพยายามยัดประศาสตร์ตามสไตล์คุณสุ่ยมากๆว่ะ แต่เรื่องนี้แม่งหนักกว่าเรื่องอื่น อ่านแล้วกุมขมับเลยกู ส่วนเล่มสองก็ดีขึ้นมาหน่อยกูรู้เรื่องขึ้นมานิดนึง แต่เนื้อเรื่องระดับนี้ถ้าสุ่ยไม่ได้เขียนกูก็ไม่อ่านต่ออ่ะ
กูสงสัยนิยายแนวพระเอกแบบตอนเด็กๆ เจอความเจ็บปวดดด ถูกพ่อแม่ทิ้งงง หรือห่าอะไรก็ได้ที่ทำให้ชีวิตมันบัดซบอ่ะ แล้วโตขึ้นเสือกอยากเป็นฮีโร่ช่วยชาวบ้านเขาไปทั่วเพราะไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บปวดแบบกูอีกกก กูแม่งไม่เคยอินกับนิยายแนวนี้เลยนะเว้ย เป็นกูกูจะเขียนให้โตขึ้นมันมาเป็นตัวร้าย อารมณ์แบบกูโดนทำไมมึงไม่โดนบ้างวะอีดอก กูโดดเดี่ยวแล้วทำไมพอเห็นมึงโดดเดี่ยวกูต้องช่วยมึงด้วยวะอะไรประมาณนี้อ่ะ พระเอกฮีโ่แม่งพระเอกเกินจนกูหงุดหงิด เจอแบบนี้มันจะเป็นคนแรกที่กูเกลียดในเรื่องทันทีเพราะแม่งเป็นตัวละครที่ไร้มิติโดยสิ้นเชิงว่ะ
>>799 ก็มันพวกเติมเต็มชีวิตตัวเอง(ด้วยการช่วยเหลือคนอื่น)แทนไงละวะ พูดง่ายๆก็พวกทำเพื่อตัวเองแต่อ้างว่าทำเพื่อคนอื่น พวกเห็นตัวเองในตัวคนอื่น ช่วยคนอื่น=ช่วยตัวเอง แต่กูว่ามันดีกว่าโดนทำเหี้ยเลยทำเหี้ยใส่คนอื่นต่อนะดูแล้วแม่งโคตรจะลูปไม่สิ้นสุด
ยิ่งตัวละครที่ออกแนวยอมรับว่าที่ทำเพื่อคนอื่นเพิ่มเติมเต็มตัวเองกูจะชอบนะดูแล้วไม่ได้หลอกตัวเองว่ากูเป็นพ่อพระดี แต่แน่นอนถ้าแม่งดีเกินไปกูก็หมั้นไส้อยู่ดี
>>799 ไร้มิติของมึงคือไม่สมจริงหรือว่ามึงไม่เข้าใจแนวคิดของเขา
ถ้าเอาเรื่องความสมจริง คนประเภทนี้มีให้เกร่อในประวัติศาสตร์พอๆกับแบบที่มึงชอบเลยวะ พวกนักปราชญ์ นักปกครองมีแบบนี้ซะเยอะ พวกฮีโร่ในตำนานก็มีให้เห็นบ่อยๆ เป็นอะไรที่คลิเช่สุดๆอย่างหนึ่งในประวัติของคนดังเลยวะ
ถ้ามึงไม่เข้าใจแนวคิดเขา อันนี้ต้องดูที่การบรรยายและขมวดปมให้เห็นว่าการกลายมาเป็นแบบนี้(ฮีโร่)มันสมเหตุสมผลแค่ใหน แบทแมนเป็นตัวละครที่แทนที่ตรงนี้ดีมาก ตอนแรกนั้นเขาต้องการแก้แค้น แต่ก็ไม่อยาเป็น"เหมือน"คนที่ทำแบบนี้ เขาจึงไม่ฆ่า ความขัดแย้งทางจิตใจนี้แสดงออกมาในโจ๊กเกอร์ ตัวละครที่มีมาเพื่อเติมเต็ม(Complete)แบทแมน
ถ้าอิงจิตวิทยา ฟรอยด์เสนอว่าเราเป็นตัวเราเพราะประสบการณ์ของปัจเจกที่มิอาจคาดเดาได้(ลูกเต๋าออกได้6หน้าที่"เป็นไปได้" แต่เราไม่อาจบอกได้ว่ามันจะออกหน้าใหน) จุงเสนอว่าเราเป็นเช่นนี้เพราะมันผูกติดมาโดยสิ่งที่เหนือเรา(DNA-Archetype) นีโอฟรอยด์เสนอว่าเราเป็นเช่นนี้เพราะสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมเรามาในฐานะ"ส่วนหนึ่ง"ของสังคม(A+B=AB)
มึงชอบอันใหนก็เอาอันนั้นไปอธิบาย มันไม่มีอันใหนเป็นทฤษฏีที่อธิบายได้ทุกอย่าง(Grand Theory) ฮีโร่ก็เป็นสภาวะจิตใจหนึ่งที่นักจิตวิทยาชอบยกมาอธิบายเรื่องการเติมเต็มช่องว่างในวัยเด็กและการแสวงหาชื่อเสียงในลำดับชั้นของมาสโลว์ พวกเขามีมิติของเขา แต่คนจะเข้าใจเขาหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง
ในโลกวรรณกรรม การอธิบายตัวละครเช่นนี้เป็นทั้งเสน่ห์และคำสาป มันคือสิ่งที่ทุกคนอยากมี(ชื่อเสียง) แต่ก็เป็นสิ่งที่ยากจะเติมเต็ม(มิติ) ทำดีก็ได้รับการสรรเสริญ ทำไม่ดีก็โดนดูถูกว่าไม่สมจริง แม่รี่ซูนับเป็นตัวละครฮีโร่(wannabe) เพราะมัน"เติมเต็ม"ความต้องการทุกอย่างของคนแต่ง(และอ่าน) ฮีโร่ที่ไร้มิติจะกลายเป็นแมรี่ซู แต่ถ้ามีมิติที่ลึกพอก็จะกลายเป็นแบทแมน พูดง่ายๆคือฝีมือคนแต่งล้วนๆว่าจะไปได้แค่ใหนนั่นละ
เข้ามาสครีม กุอยากจะร้องไห้ ลิสรายชื่อหนังสือที่กะจะซื้อไว้รองานหนังสือคราวหน้า แล้วอยู่ดีๆ แม่งก็หายไป เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
>>803 งั้นกูเข้าหลักสูตร 'ไม่เข้าใจ' ดีกว่าว่ะ เวลาอ่านนิยายกูชอบเทียบกับนิสัยตัวเอง กูชอบเอาประสบการณ์ของตัวเองมาตัดสิน เพราะกูไม่เคยรู้สึกแบบที่ว่าช่วยคนอื่นแล้วเหมือนช่วยตัวเอง ความรู้สึกฮีโร่ไม่เคยก่อเกิดในใจกูเลย จะหาว่ากูใจแคบก็ได้แต่เรื่องนี้มันเป็นไปตามจิตวิทยาจริงๆ ว่ะ ที่กูเห็นตัวละครประเภทนี้แล้วร้องยี้เพราะโลกความจริงกูเคยเจ็บ และกูเเค้น กูไม่อยากให้คนอื่นแม่งมีความสุข ถ้ามันจะมีความสุขมันก็ต้องไม่ใช่เพราะกูช่วย นี่คือความเห็นแก่ตัวของกูเอง ตอนกูเจ็บไม่มีใครช่วยกู งั้นตอนมึงเจ็บก็ต้องไม่มีใครช่วยมึงด้วย ก็ประมาณนี้แหละ
>>808 ตาม>>798 แต่กูขยายประเด็นเพิ่มให้หน่อย ความสัมพันธ์ตัวละครยัดมารวดเดียวอ่านแล้วเมามาก เดี๋ยวอีนี่ลูกอีนี่ สลับตัวลูก ลูกบุญธรรม สารพัดมาก ความอดทนไม่สูงจริง อ่านสุ่ยครั้งแรกคงเขวี้ยงทิ้ง กูยังจำความรู้สึกตัวเองตอนอ่าน Sunkenmoon ครั้งแรกได้อยู่เลยนะ กูอ่านไม่จบ แต่กลับมาอ่านอีกรอบข้ามไปเล่ม2เลยเพราะเห็นมันติดBest seller แล้วสนใจ เรื่องนี้ตัวละครเยอะ ใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ เเต่คิดว่าคงเล่นได้อีกในช่วงท้ายๆ ถ้ามึงอยากรู้เกี่ยวกับเนื้อเรื่องมันก็ประมาณว่า พระเอกฝันซึ่งอันที่จริงมันก็ไม่ได้ฝันหรอกมั้ง เอาเป็นว่าพระเอกมาจากโลกคู่ขนานดีกว่าเท่าที่อ่านจับใจความได้ แล้วที่นั่นเพื่อนมันเป็นผู้หญิงหัวทอง พอมันตื่นก็เห็นเพื่อนเป็นผู้ชายหัวดำแถมหล่อ(เชื่อเหอะ มึงไปอ่านตรงนี้มึงจะมึนมาก) แล้วมันก็พยายามจะหาความจริงว่าอีนี่เป็นผู้หญิงทั้งเล่มจนจบเล่ม1 เล่ม2สลับฝั่ง ย้อนอีดตกลับไปที่ผู้หญิงหัวทองเพื่อนพระเอก เล่าอะไรเรื่อยเปื่อยออกทะเลเเละน้ำเยอะ จนมาท้ายๆ เล่ม2ถึงได้เริ่มเชื่อมกับปัจจุบันได้บ้าง กูก็รออ่านต่ออยู่เพราะอยากรู้ว่าสุ่ยจะเล่นยังไงกับพล็อต
>>795 กูเห็นด้วยกับมึงมากๆ ถึงกูจะชอบสุ่ยมากกว่าอวี้ แต่สุ่ยเเม่งจบแย่จริง ในบรรดาเรื่องแปลไทยเข้ามาเเล้วจบตอนนี้มี4เรื่อง แม่งจบไม่เคลียร์สักเรื่อง แต่WWVดีกว่าหน่อยเพราะตอนจบแองเจกับท่านเจ้าทำกูน้ำตาไหล ซึ่งกูขอหักคะแนนเรื่องเพลเเซมกลับชาติมาเกิดหน่อย เอาเป็นว่าเรื่องนี้จบดีที่สุดในบรรดาตอนจบของสุ่ย
ซิลเวอร์แอเรียอย่างที่รู้กัน จบเหี้ย ตัดจบ Sunken moon จบเหมือนไม่จบ จนตอนนี้กูยังสงสัยอยู่เลยว่ามึงใส่น้องสาวของไม้ปัดฝุ่นมาทำไมวะนอกจากเป็นยาสารพัดนึกทำให้เรื่องจบเหี้ยๆ เหมือนไม่ได้คิดมา และ Blue vestige สามเล่มจบ...ตัดจบสัสๆ ไม่มีไรจะพูด
ส่วนอวี้คิลโนมอร์กูว่าจบดีใช้ได้เลย ลีเจ้นท์ซันไนท์กูอ่านผ่านๆ ตอนจบก็อ่านลวกๆ อ่านแล้วรำคาญพระเอกด้วยแหละ ที่เหี้ยคือ GOD หลังๆ ประเด็นเรื่องไปไหนแล้วไม่รู้ ไม่ดิ ตอนแรกมันไม่ประเด็นเรื่องแค่ผจญภัยไปเรื่อยๆ แล้วทีหลังค่อยใส่ประเด็นควายๆ เข้ามา จบก็เหี้ย ปาหมอนมาก แล้วกูก็นึกไม่ค่อยออกแล้วว่าของอวี้กูอ่านอะไรมามั่ง ช่างเถอะ
ในบรรดาของอี้ Godจบเหี้ยมาก แล้วพอกูบ่นกับเพื่อนเพื่อนแม่งบอกจบดี จบแนว(กูก็ไม่ได้หวังอะไรกับมันตั้งแต่มันเอายุทธภพออนไลน์มาให้กูอ่านแล้วละ) ประเด็นเรื่องก็งงๆวนๆ แต่ก็เออเรื่องแรกๆที่เขียนกูให้อภัย ของอี้แม่งเหมือนคิดเรื่องคร่าวๆเขียนไปด้นไปพอดูเหมือนใกล้ออกทะเลก็พยายามวกเรือเข้ารูทหลัก ซึ้งหลายๆครั้งก็ตอนวกเหี้ยบ้างอะไรบ้าง
sunken moonนี้กูครอปไปสักเล่ม 3มั่ง คือไงดีกูงงๆกับระบบในเรื่องวะ กูอ่านไปแล้วไม่ค่อยเข้าใจเรื่องโลกนั้นเท่าไรก็ดรอปไปรู้สึกเหมือนกูกับสุ่ยจะไปกันไม่ค่อยได้
god จะบอกจบเหี้ยก็ได้ แต่ในความรู้สึกกูจบโอเคอยู่ ทุกตัวละครได้กลับมีความสุขอีกครั้ง ยังน้อยดีกว่าเทพอัศวินที่จบได้ลวกเหี้ยๆ ครีอุสตอนเป็นเจ้าชายปีศาจไม่ต่างจากตอนเป็นเทพอัศวินติ๊งต๊องเลย
กู ky ถามหน่อยนะ งานอวี้หว่อนี่มันวายมะ คือกูเคยอ่านตะวันรัตติกาลแล้วรู้สึกมันวายๆชอบกลเลยปิดก่อน อยากขอคำยืนยันให้แน่ใจว่ะ ถัามันวายกูจะได้เลิกอ่าน ไม่ได้เหยียดเพศหรืออะไรนะ แต่กูไม่ไหวกับยาโอยจริงๆ
กูก็นึกว่าพี่มันบราคอนอย่างเดียวสรุปมีได้กันด้วย 5555 เพื่อนโม่งที่ถามว่าวายไม่วายกูขอโทษด้วย มึงเจอแจ็คพอตแล้ว
>>821 ประมาณอีราชาซอนเน่สมัยเด็กคบเด็กผู้หญิงน่ารักอยู่คนนึง แล้ววันดีคืนดี เด็กผู้หญิงน่ารักคนนั้นก็หายไป มารู้ทีหลังว่าจริง ๆ เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้ชาย ชุดที่เข้าใจว่าเป็นกระโปรง ก็เป็นชุดเด็กผู้ชายแบบจีน แล้วตอนเค้าแต่งตัวเป็นผู้ชายมาขอความรักก็เสือกจำเค้าไม่ได้ เค้าเลยแค้น บู้ม กลายร่างเป็นโกโก้ครั้นช์ เป็นศัตรูกัน มีลักพาตัวไปอยู่ด้วยกันด้วยนะ น้ำเน่าพอรึยัง
สรุปว่ามีทติ้งเราจะจัดกันที่คิโนะคุนิยะพารากอน
วันสิ้นปี เวลา 20.00 น โซนหนังสือการ์ตูนนะครับ
ให้ทุกคนนำหนังสือที่ชอบติดตัวไปด้วยคนละหนึ่งเล่ม เราจะทำการจับฉลากเพื่อแลกหนังสือกันอ่าน
อย่าลืมเอาถุงคิโนะคุมหน้าไว้ด้วยนะครับ จะได้หากันเจอ
กูจะเอา งาน ดร ป๊อป ไปจับยกชุดเลย
ดูรสนิยมโม่งแถวนี้แล้ว กูว่ากูต้องได้หนังสือที่เคยอ่านแล้วจับกลับมาแน่ๆ...
ใครเอาหนังสืออีดอกปอบ มาซาลัน นิ้วกลมมาจับ กูแช่ง
มีทติ้งกันจริงเรอะ เดี๋ยวกูเอาสแตมเบอรี่ไปให้
สรุปมันจะเป็นมีตติ้งนินทาหนังสือเหี้ยแทนสินะ 5555
กูเอาอะไรไปดีวะ 50 shade of grey ละกัน
หนังสือเล่มโปรดงั้นเหรอ กูคิดว่าวรรณกรรมเยาว์ชนอย่างLast Fantasyคงถูกรสนิยมเหล่าโม่งในที่นี้แน่ แค่ปกก็กินขาดแล้ว
Last Fantasy > White Road
เดี๋ยวกูหยิบของมูราคามิไปให้นะ
พวกมึงพูดจริงกันป่าววะ ถ้าจริงกูจะหยิบ Mockingbird ไปจับละกันนะ
ปัญหาตอนนี้คือเราจะซ่อนตัวยังไงไม่ให้โดนยามเตะออกมา
เอาถุงคิโนะมาคลุมหัวก็แสดงความเป็นลูกค้าแล้วนะเว้ย ! ยามจะเตะพวกเราออกมาได้อย่างไร !
พวกมึงดูจริงจังซะจนกูอยากเอาถุงคิโนะครอบหัวไปร่วมวงไพบูลย์จังว่ะ ถ้ามึงล้อเล่นบอกกูล่วงหน้าด้วยนะ เดี๋ยวกูครอบไปเก้อ
กุจะเอาเล่มที่มีลายเซน. ดร.ปอปไป สัสแรร์ขนาดนี้พวกมึงจะไปหาจากไหนได้อีก
กูว่าแทนที่จะได้แลกกันอ่าน พวกมึงจะได้ประชุมเพลิงหนังสือเหี้ยแทนมากกว่าว่ะ
กูว่าประชุมหนังสือเหี้ยก็ใช้ได้อยู่นะ เพราะแม้หนังสือดีของแต่ละคนจะแตกต่างกันไปตามรสนิยม แต่หนังสือเหี้ยนี่ความเห็นเป็นเอกฉันท์มากว่ะ
เราจะเคาท์ดาวน์ให้กับยุคอันรุ่งเรืองของหมอป๊อป
ยังไม่มีใครเอาทไวไลท์ๆป งั้นกูเอาไปนะ มึงจะชื่นชมความหล่อของท่านเอ็ดเวิร์ดเสีย
กุเอา aday. ไปละกัน พวกมึงเอาไปอ่านกันนะจะได้อินดี้ชิกๆ
ตื่นเต้นจังเลยครัช ตอนนี้กำลังเลือกถุงที่ยับน้อยที่สุดอยู่
ยังเลือกไม่ได้เลยเนี่ย
ถ้าเป็นคนเปิดเผยหน่อยใส่ถุงนายอินทร์ก็ได้ใสดี
กูเพิ่งซื้อหนังสือของคิโนะมา งั้นกูคลุมหัวถุงกระดาษคิโนะนะ รอเจอโม่งนายอินทร์กับโม่งซีเอ็ดไม่ไหวละ
ถุงเจซีสาส์นได้ไหมครับ
ถุง Oh Anime ได้มั้ย
ถุง7ได้มะ
กูว่าถ้ามีชุมนุมจริงคงแม่งโคตรคัลต์... กูคลุมปิรามิดเฮดเลยละกัน
ไม่มีถุงว่ะ เอากระเป๋าแอร์เมสคลุมแทนได้ปะวะ บ้านกูมีหลายใบพอดี
อ่านดูแล้วรู้สึกว่าอยากไปกันจริงๆนะฮะเนี่ย
เดี๋ยวเชิญน้องปอปผู้น่ารักของชาวโม่งมาเป็นเอ็นเตอร์เทรนเนอร์ในวันงานแล้วกัน กุได้ยินว่าร้องเพลงเพราะชิบหาย
กุใช้ถุงของ B2S นะ
เอาหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนได้มั้ยครับ
เดี๋ยวเอาถุงหนังสือจุฬาไปแล้วกันนะคะ
จริงๆแล้วมู้หนังสือนี่ไม่เห็นต้องโม่งเลยนะ เราน่าจะมาตั้งชมรมวรรณกรรมกันเลยน่าจะดีกว่า
ว่างๆก็นัดมาวิจารณ์ วิเคราะห์วรรณกรรมกัน ไปเดินเล่นร้านหนังสือด้วยกัน นัดกันไปเจองานหนังสือ
ถ้ากุทำเว็บเป็นกุจะมาลากพวกมึงไปอยู่ด้วยละกัน นานๆจะเจอคนอ่านหนังสือแบบนี้
ปล. กุถุงน่องนะ
กูคิดว่าที่ต้องโม่งเพราะคนในเยอะด้วยป่ะ นักเขียนที่เอามาด่าแต่ละคนในที่นี้แฟนคลับก็ไม่น้อยนะเว้ย อย่างเพื่อนกูเป็นแฟนกุลฐิดา ถ้ากูด่าเดี๋ยวแตกเพื่อนกัน แต่กูก็อยากเจอพวกมึงตัวเป็นๆ เหมือนกันนะ...
เพราะเป็นโม่งนี่แหละกุถึงกล้าคุย // เอาถุงคลุมหัวแน่น
กูว่าจะชุมนุมกันได้แม่งต้องนั่งห้องมืดแล้วมีไมค์คนละตัวแบบเซเล่ว่ะ ใส่โม่งเดินเข้าห้าง ยามแม่งคงไล่กันพอดี
นัดมาแบทเทิลรอแยล
กุมาไม่ทันเอาถุงร้านหนังสือ กุเอาถุงแฟมิลี่มาร์ทแทนได้มั้ย
นั่นไม่ใช่รูปเค้า ไอ้พวกโง่
กรูไม่ได้เข้ามาหลายอาทิตย์
ล่อไปจะ 900 แล้วเหรอ
คิดชื่อใหม่ไว้ยังเนี่ยเพื่อนโม่ง
ไวดีเหมือนกันแฮะ ทอปิคไม่ยักกะหมด ไปต่อเล่ม 4 ละกัน
มีตโม่งหนังสือ ใส่ถุงแล้วไปเจอกัน// ชื่อนี้ดีไหม นี่กูรีดถุงนายอินทร์รอพวกมึงแล้วนะเว้ย
บันทึกชุมนุมหนังสือแห่งบอร์ดโม่ง เล่มที่4 ภาค ใส่ถุงแล้วไปเจอกัน
บันทึกชุมนุมหนังสือแห่งบอร์ดโม่ง เล่มที่ 4 ภาคโม่งสดใสผจญภัยไวท์โรด ก็ไม่เลวนะ
เราจะเข้าAECแล้วต้องใช้ภาษาอังกฤษสิวะ นี่เลยFanboi Library Online By Masalan ชื่อย่อว่าFLO เชื่อกูแล้วจะดีเอง
รวมดาวขวัญใจชาวโม่งเหรอวะ ดอกปอบ มาซาลาน สแตมเบอรี่ ฮิเดโกะ กัลฐิดา
โม่งทาสรักพิศวาสทะเลทรายทาสชีคนางบำเรออสูรร้ายพรากพรหมจรรย์เมียเชลย เล่ม 4 // สไตล์โรแม้งไหมมึง
พวกมึงนี่ไม่Artเลยนะครัช ถ้าจะเอาให้ดูมีClassหน่อย มันต้องชื่อ ข้างหลังโม่ง 4 ถึงจะเดิ้น
ตกลงไปจริงหรืออำวะ กูจะไปด้อมๆมองๆแถวนั้น ถ้าใครคลุมโม่งกูจะคลุมด้วยนะ อย่าตกใจกูล่ะ
ไปจริงสิครับ โม่งเคยพูดเล่นที่ไหนกัน
ต่อให้ไปจริง กูเดาว่าโม่งสายหนังสือส่วนมากน่าจะเป็นพวก introvert ซะมาก สงสัยจะเกิดปรากฎการณ์คลุมโม่งนั่งเงียบ ต่างคนต่างพิมพ์กันรัวๆ หรือเปล่าวะ
วันสิ้นปีกูกลับบ้านอ่ะ อดไปเลย โถ่ กูอยากเจอเพื่อนโม่งนะเนี่ย แงแง
ใส่โม่งเข้าห้าง ภ้าพวกมึงหน้าโหดหน่อยคงมีคนเข้าใจว่ามูจาฮิดินจะมาวางระเบิดพาราก้อนแน่ๆ
เพื่อนโม่งมีใครเคยอ่านเรื่องรวมมิตรตำนานผู้ไม่มีวันตายบ้าง
https://nstore.net/store/index.html#!/details/BOOKS/2/1540
กูอยากรู้ว่ามันสนุกมั้ย
กูไปถามมาแล้ว คิโนะจะให้ถุงขนาดคลุมหัวได้ต่อเมื่อมึงซื้อหนังสือ 10 เล่มขึ้นไป
กูซื้ออาร์ตบุ๊คแอสซาซินครีดมา ก็ได้ถุงกระดาษมาคลุมหัวนะเว้ย
เพื่อนโม่งคือกูอยากอ่านโคโคโระของนัตสึเมะ โซเซกิ
ตามร้านหนังสือทั่วไปมันจะพอหาได้อยู่ป่ะวะ หรือไปหาตามร้านหนังสือเก่าดีกว่า
ถ้าเอาแบบฉบับแปลของอ.ปรียา อิงคาภิรมณ์ ไปร้านหนังสือเก่าหรือห้องสมุดเหอะ
คิโนะมันเคยลดถึง 20 เปอเซนต์บ้างป่าววะ ไม่นับพวกโละสต็อคอะ
เห็นแต่สมาชิกลด 10% ไม่เคยลดมากกว่านั้น
ถ้าเป็นหนังสืออังกฤษ มึงไปดูเอเชียบุคก่อน มึงอาจจะได้ของที่ถูกกว่า มาก่อนคิโนะ อย่างมูราคามิเล่มปกขาวๆวงสีๆ เอเชียบุคลง20เปอเซน ใครซื้อคิโนะก็เงิบไป
กูเคยเจอแต่เอเชียบุ้คลดแล้วราคาเท่าคิโนะยังไม่ลดว่ะมึง...
พวกอ่านนิยายภาษาที่สาม (หมายถึงภาษาอื่นนอกจากไทยและอังกฤษ) ออก มีใครอ่านนิยายภาษานั้นๆ แล้วปลาบปลื้มสุดๆ โคตรๆ อยากให้มีคนเอาเข้ามาแปลไหมอ่ะ เรื่องไรบ้าง คืออยากรู้ว่ามีคนที่เคยอ่านนิยายเรื่องอะไรจบแล้วกรี๊ดมากอยากหาคนอื่นคุยด้วย แต่ไม่มีใครคุย ต้องไปหารีวิวตามบอร์ดต่างชาติมาอ่านสร้างอารมณ์ร่วมบ้างไหมอ่ะ
กูกลับเป็นพวกอ่านแล้วคิดว่าถ้าเอามาแปลแล้วนักแปลมือไม่ถึงจะมีแต่เสียอรรถรสแฮะ ไม่ต้องภาษาที่สามก็ได้ แค่ภาษาอังกฤษนี่ก็หลายเรื่องแล้วที่รู้สึกว่าอ่านอังกฤษเอาดีกว่า
http://www.dek-d.com/board/view/3421018/ จากมู้ ที่เพื่อนโม่งบางคนเคยเดาไว้ว่ากระแสแฟนตาซีจะเปลี่ยนเป็นแนวต่างมิติถ้าจะจริงว่ะ
>>911 คนแต่งเทพกระบี่ฯกูเคยหลงไปอ่านงานเก่าของมันที่เป็นมังกรๆ บทแม่งแกรี่สัดน้องๆเทพทัต แถมตรรกะคนในเรื่องนี้เหี้ยจนกูรับไม่ได้
ย่อๆนะ พระเอกมันดวงดีล็อกอินเข้าไปตอนระบบช็อตแล้วเข้าร่างบอสใหญ่ ทำให้แม่งรวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แม่งเลย"ขู่"ผู้สร้างเกมให้แบ่งผลประโยชน์ให้กับมัน เพราะผู้สร้างแก้ระบบไม่ได้ แล้วพอมันเปลี่ยนเงินในเกมเป็นของมันราวๆ1000ล้านบาท ผู้สร้างดันบอกว่า"เป็นคนดีจริงๆที่เอาไปไม่หมด" พออกมาโลกภายนอกก็เล่าให้แม่ฟัง แม่มันก็บอกว่า"ลูกเป็นคนดีจริงๆ ที่ไปเจอสมบัติแบบนั้นแต่ไม่มีความโลภเอามาจนหมด" กูอ่านแล้วกูปิดเลย กูรู้เลยว่าสังคมแบบใหนสร้างไอ้คนอย่างในกระทู้ข้างล่างนี้ขึ้นมา
http://pantip.com/topic/32952382
ปล. กูเข้าไปอ่านพวกนั้นคร่าวๆยกเว้นเทพกระบี่แล้ว ส่วนใหญ่งั้นๆมาก เรียกว่าเหี้ยตามมาตราฐานเด็กดีก็ว่าได้ แต่กูได้กลิ่นLNหลายๆเรื่องเลยวะ โดยเฉพาะขอพระเจ้าเกิดใหม่นี่เห็นชื่อแล้วหน้าโรซี่โผล่มาเลย
>>916 >>>/subculture/957/868/ แค่ประกวดนิยายนะมึง แต่กูก็อยากรู้เหมือนกันว่ากูจะเริ่มเขียนนี้กูควรเริ่มยังไงอะไร คืกูก็มีไอเดียนิดๆแต่กูเริ่มไม่ถูก กูควรเริ่มทำไทม์ไลน์ ข้อมูลตัวละคร ข้อมูลเรื่องคร่าวๆไรก่อนมั้ย หรือยังไงกูเริ่มไม่ถูก
>>917 จากหัวข้อนั้น มึงต้องเข้าใจก่อนว่านาบูมันเป็นนิยายแจ่มใสเวอร์ชั่นวาย ดังนั้นมึงต้องฟีลกู๊ดทุกอย่าง จะว่าเขาจำกัดจินตนาการมันก็ไม่เชิงหรอก
แต่ส่วนใหญ่กูแต่งฟิคอะนะ มันก็ค่อนข้างจะมีเหตุการณ์สนองนี้ดกูพอสมควร ถ้าเริ่ม กูกำหนดตัวละครก่อนว่าจะให้มันทำอะไรแบบคร่าวๆ แล้ววางพล็อต คิดอะไรให้มันเชื่อมโยงไปถึงกลางเรื่องกับตอนจบได้ พล็อตสำคัญมากว่ะ คิดพล็อตมาให้ได้ก่อนแล้วกัน
920>> เหมือนกันเลยมึง ขอกอดที เศร้าสัดอ่ะตรงเชื่อมโยง กูโยงจนเป็นเงื่อนตายล่ะ
ไม่เคยเขียนนิยายอะนะ เคยแต่แต่งฟิคกับคอมิค ปกติก็มีอยู่ 2 แบบ plot driven กับ character driven คือคิดเรื่องได้ก่อนหรือคิดตัวละครหลักได้ก่อน แล้วค่อยคิดส่วนอื่นๆเติมเข้ามาทีหลัง
plot driven ต้องระวังว่าจะทำคาแรคเตอร์เพี้ยน เห็นได้บ่อยๆกับพวกนิยายเด็กดี นิยายบุฮี้ นิยายแกรี่ คืออารมณ์อยากได้ฉากนั้นนี้มากๆ ใส่เข้ามามันต้องฟินสุดๆ เลยต้องแถให้ตัวละครในเรื่องทำอะไรมั่วซั่ว
ตรงข้าม char driven มึงจะคุมเนื้อเรื่องไม่ได้ (lol) อันนี้พูดจริง แบบบางทีพอเข้าใจตัวละครมากๆแล้วกูพบว่าแม่งไม่ยอมทำตามพล็อตที่วางไว้ (สัดเอ๊ย กูคนแต่งนะมึง มึงฟังกูเซ่) ต้องเพิ่มนู่นนี่เข้ามาจนกล่อมให้มันเปลี่ยนใจได้
>>917 ถ้ามึงมือใหม่อย่าส่งแนวที่เขาล็อคไว้ชัดเจน มึงเริ่มไม่ถูกเพราะโดนจำกัดจินตนาการนั่นแหละ ทู่ซี้เขียนจนจบก็ไม่คุ้ม สู้เขียนอย่างที่มึงชอบจริงๆแล้วส่งสนพ.อื่นดีกว่า เดี๋ยวนี้วายแตกไลน์ออกมาเยอะ ถึงมันจะเกย์แบบแจ่มสวยกว่านะบู๋แต่โอกาสเกิดเยอะกว่ามากเพราะมึงจะถอยไปเขียนมุ้งมิ้งแกรี่หรือแฟนต้าซีซี่ในเครือเดียวกันยังได้ พอขึ้นชื่อว่าประกวดพวกมึงเลยนึกว่ามีโอกาสมากกว่าปกติ แต่โทษทีนะฮ๊าฟว์ มันใช้ได้กับสนพ.ใหญ่ที่ยอดตีพิมพ์สูงค่อดพ่อค่อดแม่ กองประกวดมีไว้คัดพวกหน้าใหม่เจ๋งๆอาทิ นักเขียนหน้าสวยที่พวกมึงชอบด่าว่าน้ำเน่าขี้หีอ่ะเข้ายากสัสเงินดีสัส นักเขียนแก่ดาวน์รถคันราคาล้านกว่าชิลๆ ที่แนะคือมึงจะส่งประกวดหรือส่งปกติแม่งไม่มีความแตกต่าง แถมประกวดนิยายแม่งไม่บังคับฉากที่ต้องเขียนด้วย แต่นี่คือไม่มีฉากขี่ควายมึงก็ปิ๋ว ไม่ตลกมึงก็ปิ๋ว ไม่ตรงใจบก.มึงก็ปิ๋ว กูว่าข้อบังคับเยอะยากไป
อีกประเด็นคือรางวัล ใครว่ากูหน้าเงินก็ว่า รางวัลที่สองที่สามถึงมันจะเล็กน้อย แต่กูก็รู้สึกว่าได้รางวัล แต่ไอ้รางวัลที่หนึ่งนี่คืออะไรวะ ได้ตีพิมพ์กับนาบู๋และได้ค่าต้นฉบับตามที่มันกำหนด นี่คือรางวัลเหรอวะ ไอ้ที่มันกำหนดนี่คืออะไรก็ไม่รู้ เป็นเปอร์เซ็นต์หรือเป็นก้อน ได้จากยอดขายหรือยอดพิมพ์ ขายขาดมั้ย มันคลุมเครือเกินไปนิดว่ะ แถมยังบอกว่างานที่ได้รางวัลถือเป็นลิขสิทธ์ของมัน ...เขียนผิดหรือเปล่าไม่รู้ มองโลกในแง่ดีมันตั้งใจจะหมายถึงมีข้อผูกพันให้ตีพิมพ์กับมันเฉยๆหรือเปล่า แต่ถ้าตีความตามตัวอักษร แปลว่าคนส่งประกวดยอมรับว่าถ้าได้รางวัลที่หนึ่ง งานจะเป็นของนาบู๋โดยอัตโนมัตินะ
ไม่ลองเขียนส่งประกวดกับ Enter แทนอ่ะ สายแฟนตาซีนะ กรรมการมีนักเขียนที่กูปลาบปลื้มด้วย กูอยากลองแต่ไม่รู้จะเขียนอัลลัย...
es company ลงไว้ให้อ่านฟรีอยู่นะ ในบอร์ดนาบู กูอ่านแล้วก็สนุกเรื่อยๆ ดี แต่ไม่ชอบคอนเซปต์ที่แบบว่า...แม่ง Y กันทั้งบริษัท คือกูไม่ได้ต่อต้าน Yaoi นะ แค่ไม่เข้าใจพวกที่ชอบแต่งแบบว่าผู้ชายเยิ้บตูดกันเป็นเรื่องธรรมดา หาคู่นอร์มอลไม่ได้ไรงี้ มันผิดความจริงเกินว่ะ กูว่า
minority report ในหนังกับนิยายต่างกันเยอะปะ
http://www.dek-d.com/board/view/3422447/ มีคนตั้งประเด็นว่านิยายติด Top ปั่นคอมเมนท์เอง เข้าไปดูก่อนโดนลบ
และคำแก้ตัวจากคนเขียน http://image.dek-d.com/27/0410/3158/117688213
555555 เดี๋ยวนี้ยอดคอมเมนต์ทำอะไรไม่ได้แล้วซินะ
อยากหานิยายในอินเตอร์เน็ตที่เป็นpovบุคคลที่1ดีๆสักเรื่องอ่านว่ะโม่ง
มีเรื่องไหนสุกๆบ้างไหม กูชอบแนวแฟนตาซี หรือจะผจญภัยก็ดี
*สนุกๆ
โม่ง คือกูกำลังแต่งนิยายแฟนตาซีเกี่ยวกับสงครามแบบเกมออฟโทรนอยู่ กูกำลังเขียนพลอตคร่าวๆเกี่ยวกับนางเอกของเรื้องแล้วกูรู้สึกแย่มากเลยกำลังคิดว่าจะวางพลอตแบบนี้ดีมั้ย คือกูให้นางเอกเป็นพวกหญิงสาวชนชั้นสูงที่มียศเป็นนายพล เข้าร่วมสงครามล่าอณานิคมที่นึงแล้วโดนจับเป็นเชลยแล้วถูกข่มขืนจนท้องแล้วแท้งแล้วถึงได้หนีมาได้ คือกูรู้สึกแย่สัส มันสงสารตัวละครแต่อีกใจก็คิดว่าแบบนี้แหละดีแล้วเพราะสงครามในความเป็นจริงมันโหดร้าย พวกผู้หญิงที่เป็นเหยื่อสงครามก็ถูกฆ่าข่มขืนกันทั้งนั้น กูเลยไม่อยากเว้นนางเอกเอาไว้ให้บริสุทธิ์สดใสเพียงเพราะเป็นนางเอกอ่ะ แต่กูไม่รู้ว่ามันจะดีจริงป่าววะกับการเขียนให้นางเอกระทมขนาดนี้ คนอ่านจะรับได้มั้ย ขนาดกูเขียนเองยังรู้สึกแย่เลย
ที่ต้องให้ท้องเพราะสมัยก่อนมันไม่มีการป้องกันอยู่แล้วถ้านางเอกโดนบ่อยๆแล้วไม่ท้องมันก็ดูไม่จริง และเนื่องจากนางเอกเป็นเชลยสภาพความเป็นอยู่ในคุกก็ทำให้มันแท้งน่ะ
>>940 ถ้านางเอกรอดมาแบบใสๆดูเวอร์เกินก็จริง แต่รันทดแบบนี้ถามว่ารับได้มั้ย? กูก็รับไม่ได้ว่ะ
ไหนๆก็เป็นถึงนางเอกแล้วไม่มีความสามารถพิเศษหรือจุดเด่นให้พอใช้เอาตัวรอดได้เลยเหรอ สมจริงมันก็ดี แต่ถ้าไม่มีอะไรเหนือกว่าคนอื่นมันก็ไม่ต่างอะไรจากตัวประกอบน่ะสิ อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ เพราะกูก็ไม่รู้รายละเอียดของนิยายมึง
แต่ถ้าให้เลือกจริงๆโดนๆไปก็ได้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตซะหน่อย
>>940 กูรับได้สบาย แต่มึงต้องให้เหตุผลที่เหมาะสมด้วย
ตัวอย่างนะ ทำใมนางเอกถึงเป็นนายพลได้ มีประสบการณ์รบหรือไม่ เพราะเหตุใดถึงต้องออกรบ และทำใมฝ่ายตรงข้ามถึงต้องข่มขืน อันสุดท้ายนี่สำคัญมาก ระบบสงครามโบราณ ยิ่งตัวประกันมีค่ามากยิ่งต้องดูแลดีๆเพื่อเรียกค่าไถ่ เซ็ตติ้งสังคมโบราณส่วนมากถ้าผู้หญิงโดนข่มขืน ยิ่งเป็นชนชั้นสูงมักจะเลือกฆ่าตัวตายมากกว่าอยู่ต่อ
ประเด็นหนึ่งที่ทำให้คนแต่งแทบทุกคนตกม้าตายคือ"วิธีคิด" พวกมึงเอามุมมองของตัวเองซึ่งเป็น"คนยุคปัจจุบัน"เข้าไปใส่ใน"คนยุคอดีต"มากเกินไป ส่วนหนึ่งเพราะขาดความรู้ความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสนตร์ ศาสนา การเมือง และอื่นๆอีกเยอะ ดังนั้นในสายตาคนทั่วไปอาจมองว่ามัสนุกมันอะไร แต่ประเด็นคือเนื้อเรื่องมึงมีจุดอ่อน ถ้าคนจะติจริงๆก็ติได้ แต่กูเองส่วนใหญ่จะปล่อยผ่านไป เพราะขี้เกียจดราม่าให้เสียเวลาชีวิต
ปล. เนื้อเรื่องแค่นี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้ แต่มึงไปคิดบทที่จะปิดจุดที่กูแนะก่อนดีกว่า เพราะถ้ามึงทำดีๆก็จะทำให้เนื้อเรื่องน่าเชื่อถือขึ้นเยอะ ยกเว้นสำนวนกับวิธีเล่าเรื่องมึงเทพพอจะปิดจุดอ่อนนี้ได้
>>945 ณาน ดาร์คนั่น"ถูกขาย"เว้ย เพราะกษัตริย์ฝรั่งเศสไม่ยอมจายเงินค่าไถ่ และอังกฤษต้องการประหารเธออยู่ก่อนแล้ว แต่ติดธรรมเนียมเรียกค่าไถ่ พอไม่ยอมจ่ายค่าไถ่ก็ตั้งศาลเองประหารเองสบายใจ
นักประวัติศาสตร์ยุคหลังมองว่าการข่มขืนน่าจะเป็นการทำลายชื่อเสียงมากกว่าการทำจริงๆ เพราะหลักฐานต่างๆออกมาจากฝ่ายอังกฤษซะมากกว่า แต่ข้อนี้ก็เป็นที่โต้เถียงกันมานานตั้งแต่ก่อนเธอถูกประหารอีก ดังนั้นก็แล้วแต่คิดละ
ถ้าเอาตัวเอกหญิงแบบฌานน์ ดาร์คก็ได้นะมึง ทำเพื่อประเทศแต่โดนหักหลัง โดนขาย โดนหมิ่นเกียรติ แทนที่จะฆ่าตัวตายก็ไปตั้งกองกำลัง ปราบดาภิเษกเป็นคิงเองแม่ง แล้วก็มาไล่ฆ่าไอ้พวกนี้ คงสะใจพิลึก
คำสาปแม่มดราตรีนี่กูยังหาซื้อได้อยู่ไกมวะ เห็นโม่งบนๆพูดถึงบ่อยจนกูชักจะสนใจ
>>943 นางเอกเป็นชนชั้นสูงแต่ไม่ได้เป็นพวกสมาชิกราชวงศ์น่ะ อารมณ์แบบเป็นตระกูลเก่าแก่ที่ทำงานรับใช้พระราชามาหลายชั่วอายุคน เป็นอัศวินบ้าง เป็นองค์รักษ์ส่วนตัวบ้าง ระดับความสำคัญที่มีต่อพระราชาก็จะประมาณตระกูลของเดอะฮาวน์กับตระกูลแลนนิสเตอร์อ่ะ ไม่ได้สำคัญต่อความรู้สึกมากแต่ก็จะมีบทบาทในกองทัพของประราชามาตลอด ส่วนนางเอกใต่เต้าขึ้นมาด้วยความสามารถและเส้น(เพราะพี่ชายเป็นองค์รักษ์พระราชาด้วย) คือเก่งจริงแต่ก็ได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่นเพราะชื่อเสียงของตระกูล คนใน สาเหตุที่ได้เป็นเพราะนายพลคนเก่าถูกปลดข้อหากบฎแล้วคนที่จัดการเรื่องนี้คือนางเอกบวกกับฝีมือและความดีความชอบเก่าๆ เส้น เลยได้รับเลือก
ส่วนเรื่องทำไมต้องข่มขืน เพราะเป็นเหมือนผู้หญิงที่ขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือผู้ชายเกินไป มีชื่อเสียง แล้วไอคนที่ข่มขืนมันเป็นมนุษย์ที่เหยียดๆเพศน่ะ(ตำแหน่งสูงด้วย)ว่ามึงเป็นแค่ผู้หญิงแต่ทำใหญ่เหลือเกินนะ อารมณ์ว่าอยากจะกดให้ตกต่ำอ่ะ ถึงจะเป็นชนชั้นสูงแต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากขนาดเอามาหยุดสงครามได้ เรียกว่ามีค่ามากกว่าเชลยทั่วไปฐานะประมาณเบรียนแห่งทาร์ตน่ะ
และเราวางนิสัยของนางเอกเป็นพวกผู้หญิงที่เห็นชีวิตสำคัญมากที่สุด เพราะวิธีการต่อสู้ของมันเป็นแบบออกแนวหลบหลีกหาจุดอ่อนไม่ได้เป็นพวกเข้าปะทะตรงๆ เพราะงั้นเลยมีถูกเหยียดหยามมาก่อนเป็นพวกขี้ขลาด ไร้เกียรติ แต่มันจะออกแนวไม่แคร์ว่าใครจะว่ายังไง ฆ่าได้ เอาชีวิตรอดได้ก็โอเคแล้ว ดีกว่ามัวแต่ห่วงเกียรติจนตายอะไรแบบนี้อ่ะ มันเลยเลือกที่จะหนีแล้วตามล้างแค้นมากกว่าฆ่าตัวตายอ่ะ
ทั้งหมดนี้คือพล๊อตของนางเอกที่วางไว้คร่าวๆ คิดว่ามันดูใช้ได้มั้ย กูก็เพิ่งเคยแต่งเรื่องแบบนี้ต้องหาข้อมูลอีกมาก แนะนำมาได้เลยนะ
คำสาปแม่มดราตรีถ้าไม่ใช่ลายเส้น waenaglariel นี่กรูไม่ซื้อหรอกนะ
แต่พอซื้อมาอ่านก็สนุกใช้ได้ เสียดายตัวอวยไม่เข้าวิน
คำสาปแม่มดราตรีกุเชียร์พระเอกมาแต่ต้นนะ แต่ความลับในหุบเขาหมอกนี่เซ็งจริงๆ พราก เอย์ระของกู
แนะนำหนังสือที่มีฉากอีโรติคแบบสวยงาม แต่ไม่ใช่นิยายอีโรติคหน่อย
50 shades of grey เป็นเรื่องที่เหมาะกับมึงมาก
กูได้ข่าวมาว่านิยาย vocaloid ขายดีมาก จนเริ่มรู้สึกว่าต่อให้เป็นขยะ ถ้ามันทำเงิน ก็ดีกว่าเพชรที่ไม่มีใครเหลียวแลว่ะ ซับน้ำตาแป๊บ
ขายดีจริงเหรอวะ กูดูไอ้ข้าเจ้าแล้วไม่เห็นมันจะน่าขายดีตรงใหนเลย หรือว่าเป็นเรื่องอื่น
ซีรี่ส์โวคาลอยด์ที่มันยกโขยงมาทั้งชุดอ่ะ คือเนื้อเรื่องก็เพลนๆ แบนๆ แต่ขายได้เพราะแคแรคเตอร์ ได้ยินว่างั้นนะ
กูว่าขายได้ก็โอเคนะ ไม่น่าเกลียดมาก (ยกเว้นคาเงโร่) คือถึงมันเป็นขยะมันก็เป็นขยะที่คนต้องการน่ะมึง ตลาดหนังสือคนไทยส่วนหนึ่งก็คือซื้อตามกระแสและซื้อเพื่อสร้างตัวตนนะมึง
หลังจากเห็นความสำเร็จของทไวไลท์และเทา 50 เฉด กูว่ากระแสแม่งเป็นกันทั้งโลกป่าว ขนาดป๋าคิง นักเขียนคนโปรดของกูยังลงมาแซะทไวไลท์กับเขาด้วย
ป๋าคิง มันเคยอ่านที่คนอื่นวิจารณ์งานตัวเองบ้างป่าววะ
โดนโขลกเละเหมือนกันนะ งานมันไม่ได้จะเลิศเลออะไรเลย
เหตุผลที่พวกนี้ขายได้มันเข้าใจง่ายจะตาย ก็เหมือนทำไมจั๊งฟูดถึงยังขายได้ทั้งๆที่ใครก็รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แถมเด็กยังชอบกินอีกตะหาก พอเห็นภาพไหม?
กูถามนิด พวกมึงมีนิยายลงเน็ตเรื่องไหนที่นางเอกนิสัยแม่งหล่อมั้ย(อารมณ์อยากจับทำผัวแบบหัวเห็ดไซโคพาสนะมึง กูไม่รู้จะยกอะไรยกอันนี้ละกัน) คือแม่งมันเฟติสส่วนตัวกูแต่ส่วนใหญ่กูเจอแต่แบบนางเอกตัวถ่วง หรือนางเอกต้องรอพระเอกช่วย ไม่ก็นางเอกงี่เง่าวะ
เพชรยอดขุนพล >>972
เล่าคร่าวๆก็แนวจีนต่างมิตินิยายแปล นางเอกเป็นตำรวจปราบปราม กำลังตามสืบคดีฆ่าต่อเนื่องแต่ดันหลุดไปอีกแดนนึง อยู่ในร่างสาวงามร่างน้อย
ที่ถูกจับส่งไปถวายตัวอีกแคว้นแล้วฮ่องเต้ก็โยนให้จวนแม่ทัพ แม่ทัพก็ไม่สนใจ นางเลยถือโอกาสนี้ อัพกล้ามไปพลาง หาทางกลับโลกไปพลาง
ไปๆมา ดันไปสอนทหารในจวนซะนี่ กูเล่าเรื่องไม่เก่งว่ะ เล่าได้เท่านี้ ลองไปหาอ่านดูละกัน
ภาพประกอบเรื่องนี้เหี้ยจนเป็นที่เรื่องลือ
หนังสือสนุกแต่กุบอกตรงๆว่าเสียดายเงินเพราะรูปวาดในเรื่อง
หนังสือตั้งแพง หาคนอื่นวาดไม่ได้เรอะ
หรือถ้ามึงงกมากก็ไม่ต้องใส่เลยก็ได้นะ
ภาพประกอบแม่งตำนานนนนน. อันนั้นมันยอดคทาไม่ใช่เหรอ ขุนพลยังไม่ออก ภาพเหียกกว่านั้นอยู่ที่บุปผาล้มเมืองเว้ยมึง ภาพเหี้ยมาก ภาพนี่กูได้ยินว่าเป็นแฟนอาร์ตว่ะ ใครวาดภาพสวยๆส่งไปให้แกทีดิวะ
มีตัวอย่างภาพให้ดูป่าววะ กูอยากเห็นวะ
โม่ง เรื่องบอยแอนด์กะดอของป๊อปนี่คือเรื่องที่ป๊อปเขียนให้ตัวเองเป็นพระเอกป่ะ เห็นโม่งด่ากันกูเลยอยากรู้ว่าเรื่องเป็นไง ห่วยไง ขี้เกียจไปหาอ่านเอง เล่าให้ฟังหน่อยดิ
พนักงานชายในคิโนะพารากอนแม่งกวนตีนทุกยุคทุกสมัยเลยวะ
เหลืออีกนิดแล้ว มู้หน้าชื่อไรดี
>>982 เล่าย่อๆก็อีปอบไปเจอระเบิดกลางกรุงแถวๆสยามพารากอน นักเขียนรูปหล่อผู้โด่งดังจึงกลับบ้านไปนั่งคิดนอนคิดเล่นๆว่าใครวะมาวางระเบิด ต่อมาน้องชายของป็อบเสือกมีพลังจิตขึ้นมาเลย แล้วต้องหาอีเด็กหกคนที่เหลือคาดว่าคงเป็นผู้มีพลังจิตเหมือนกัน ทั้งเรื่องไม่มีอะไรนอกจากการโชว์หล่อของดร.ป็อบพระเอกรูปหล่อชาญฉลาด
กูยังพิมพ์ไม่จบ โทดๆ ต่อจากพระเอกรูปหล่อ ก็จะพูดคำคมๆมหาศาล แบบที่ไม่มีใครเขาพูดกันในชีวิตประจำวัน เขียนเหมือนจะเอาต้นแบบมาจากเพื่อนๆแต่เยิ่นเย้อน่าเบื่อ ทุกคนในเรื่องล้วนแต่สวยหล่อราวกับหลุดมาจากกองประกวดซูปเปอร์โมเดล อะไรไม่สำคัญก็เน้นชิบ แต่รวมๆห่วย ไม่ควรให้เหล่าโม่งหยิบมาให้เป็นเสนียดมือ
สหายโม่ง นิ้วกลมมาเป็นวิทยากรในงานบ่มเพาะนักเขียนหน้าใหม่
http://www.dek-d.com/board/view/3423874
>>>/subculture/1243/
เห็นใกล้เต็มแล้วตั้งเลยละกัน
วิ่งควายโลด
( ´Д`) / สื่อค้าเมพร้ายยยยยยยโดดดดดดดดดด
( ´Д`) / สื่อค้าเมสากกกกกกกเซสสสสสสสสสส
เกงไคน้านเต่นายยย
เซตไตน้านเต่นายย
ถ้าหากลองวิเคราะห์ดูก็พอจะเดาออกค่ะ
สิ่งที่อร่อยที่สุด ก็คือเมล็ดทานตะวันน่ะสิ
ไปเจิมมู้หน้ากันได้แล้วพวกมึง
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.