>>>/subculture/648/ แม่บ้านโม่งสายหนังสือ วงการนิยายไทยมีเหี้ยไรให้นินทามั้ย
>>>/subculture/890/มหกรรมแม่บ้านสายหนังสือแห่งเว็บโม่งครั้งที่ 2
Last posted
Total of 1000 posts
>>>/subculture/648/ แม่บ้านโม่งสายหนังสือ วงการนิยายไทยมีเหี้ยไรให้นินทามั้ย
>>>/subculture/890/มหกรรมแม่บ้านสายหนังสือแห่งเว็บโม่งครั้งที่ 2
สารบัญเกี่ยวไรวะเฮ้ย
ดีแล้ว กระทู้ชื่อแม่ย้านมันฝือ
ไหนๆ แล้วก็รวบรวมนิยายขวัญใจโม่งจากกระทู้ด่อนกันหน่อย
เพื่อนโม่งมีใครอ่าน don Quijote บ้างวะ
มึงงงงกูอยากถามว่าพวกนิยายกริมม์แบบฉบับดั้งเดิมที่เนื้อหาแม่งกุโระหน่อย ๆ นี่มีใครพอรู้จักไหม เอาแบบอิ๊งก็ได้ กูไปเดินดูมาที่คิโนะแม่งเยอะจนกูแยกไม่ถูกว่าอันไหนเป็นอันไหน
หนังสือเยอะพอกัน บ้านกูไม่มีคนอื่นอ่านด้วยกูไม่อยู่บ้านยังดีมีแม่ช่วยไปปัดฝุ่นชั้นหนังสือให้บ้าง กะว่าสักวันคงทำใจเอาไปบริจาคต่อ ขายต่อหรือไรก็ตามแต่ พวกหนังสือดีมีสาระยังพอ แต่โดวายนี่กูต้องเผาทิ้งก่อนตายไหมวะเนี่ย
ของกู 30000 เล่ม อ่านแล้วจำใส่หัวแล้วจะไปไหนก็ไป (ส่วนใหญ่ไปบ้านญาติ บ้านแม่บ้าน) เก็บแต่เฉพาะที่ชอบจริงๆ
ตอนนี้ก็สะสม e book อยู่นะ สบายใจดีถ้าไม่โดนแฮคเอา account ไป
การ์ตูน นิยาย นิตยสาร ส่วนใหญ่การ์ตูน
มันตกมาตั้งแต่รุ่นตายาย รุ่นแม่ รุ่นพ่อละ แล้วพอคบกับแฟนก็กลายเป็นสองบ้านรวมเป็นหนึ่ง
ปัจจุบันที่อยู่กับตัวยังหลายพัน ขนาดทยอยเลิกซื้อแล้วนะ
จริงๆอยากสะสมหนังสือเพิ่มแบบบ้านโน๊สอุดมนะ หนังสือที่มีภาพสวยๆ หนังสือรวมศิลปิน แต่สู้ราคาไม่ไหว
รู้สึกสิ้นหวังกะห้องสมุดโรงเรียนวะ พวกวรรณกรรมอะไรที่พวกโม่งๆว่ามาไม่มีเลย สามก๊กก็หาย เหลือ2เล่มจาก4 พวกอารยธรรมกรีกก็มีแค่เล่มเดียว รู้สึกอนาถจัง
ห้องสมุดโรงเรียนกูมีฮันนิบาลซุกเหงาๆอยู่มุมตู้หนังสือ สะอาดเอี่ยมมากไม่มีรอยจับหรือการยืม กูอยากจิ๊กกลับบ้านจัง
ปล.กูเคยยืมหนังสือขุนช้างขุนแผนแบบกลอนเล่มหนาๆกลับบ้าน ดูในบัตรยืมแล้ว มีกูยืมอยู่คนเดียว กูรู้สึกเศร้าแปลกๆ หรือในโรงเรียนนี้กูจะรักการอ่านอยู่คนเดียววะ
มหาลัยกูมีเพชรพระอุมายกชุด เฮสเสเกือบทุกเรื่อง แล้วก็นิยายของพวกบ้านวรรณกรรมแบบคู่กรรม ทวิภพ มีของว.วินิจฉัยกุลหลุดมาประปราย มหาลัยกูไม่มีคณะพวกสังคมหรืออักษรมีให้อ่านเท่านี้ก็ดีถมเถแล้ว
มหาลัยกูมีแต่เท็กซ์บุ้ค เศร้าแปร๊บ
กูเลิกเข้าห้องสมุดโรงเรียนตั้งแต่ชั้้นวรรณกรรมเยาวชนโดนแจ่มใสปกลูกกวาดเบียดบัง
ยังดีที่ห้องสมุดมหาลัยยังมีหนังสือแบบที่กูชอบให้เสพย์
เพื่อนโม่งช่วยนิยาม+ยกตัวอย่างหนังสือที่เข้าข่ายขยะวรรณกรรมให้กูฟังหน่อยดิ อยากอ่านความเห็นว่ะ
พี่ครับ ผมมาจากต่างจังหวัดกำลังจะไปงานหนังสือ
อยากทราบว่าพอขึ้นที่สถานีสิริกิตแล้วต้องนั่งรถต่อไปอีกไหมครับ
ตอนนี้อยู่บนรถทัวร์กำลังจะถึงหมอชิต
กูไม่ตบมุกมึงนะ
LNเกือบทุกเรื่องในไทยก็เข้าข่าย ยิ่งของfuckpimนี่ยิ่งใช่
>>23 http://writer.dek-d.com/say-u/story/view.php?id=1211829
เอาอันนี้ไปอ่านแล้วจะร้องสัตว์ออกมา
พอเถอะนะโม่งจ๊ะ มาคุยเรื่องนิยายดีๆดีกว่านะ
เออเปิดประเด็นที่มันเข้าท่าใหม่ดิ...
ไอ้เรื่องประเด็นด่าๆนี่บ่อยไปก็ท้อ
เพราะด่าจนใจตัวเองขุ่นมัว
ช่วงนี้นิยายมาใหม่ไรที่น่าสนใจบ้าง ไม่ก็นักเขียนรุ่นใหม่ๆที่สำนวนเข้าท่าอ่ะ แนะนำหน่อยสหายโม่ง
ทำไมคนชอบมาถามหาอะไรใหม่ๆวะ เก่าๆมึงอ่านกันหมดแล้วหรอไง
วัฒนธรรมหนังสือมันเลยจุดสูงสุดมาครึ่งศตวรรษแล้ว มาตามหาหนังสือใหม่ๆมึงก็ได้แต่ขยะนั่นแหละ
>>36 มึงจะให้กูจมกับอะไรเก่าๆหรือ ถึงกูจะอ่านมันยังไม่หมดก็เถอะ
ถึงนิยายเก่าๆมันจะดีมันจะเป็นยุคทองแต่อะไรเก่าๆก็ไม่มีบรรยากาศแบบสมัยใหม่ ไม่มีอารมณ์แบบที่เจอตอนอ่านสมัยใหม่ และก็เพราะส่วนใหญ่มันมักเขียนห่วยเนี้ยแหละ คนถึงต้องถามว่า แบบใหม่ๆมีอันไหนดีบ้างจะได้หามาอ่าน
>>36 การอ่านของกูมีสองแบบคือ อ่านเอาเรื่อง กับอ่านเอาภาษาว่ะ และกูไม่เคยนับว่าสิ่งพิมพ์เป็นขยะ เมื่อก่อนกูก็เคยด่าเหมือนกันเรื่องขยะวรรณกรรมนี่ แต่ผ่านไปซักพักกูคิดว่าการอ่านมันอยู่ที่รสนิยมว่ะ คนเราไม่สามารถชอบอะไรเหมือนกันได้ งานเขียนที่บอกมาว่าขยะๆแต่เสือกขายได้คือแม่งตรงกับรสนิยมที่คนๆนั้นอ่านเว้ย บางคนชอบแนวตบจูบ บางคนชอบเรื่องลึกลับ งานกากงานดีก็แล้วแต่คนนั้นจะมองวะ
การที่กูชอบอะไรใหม่ๆ คือกูอยากเปิดรับมุมมองใหม่ๆ บ้าง ไม่ใช่ตีกรอบกันตัวเองให้อยู่ในคอก ท่องให้ขึ้นใจว่าสิ่งที่กูอยู่คือสิ่งที่ดีงาม ข้างนอกแม่งสวะ
การอ่านมันคือรสนิยม อย่าเอาคอกมากกั้นกู
//ถอนสายบัว
มีใครเคยอ่านงานของ วิวัฒน์ เลิศวิวัฒน์วงศา ไหมเพื่อนโม่ง
กูอ่านแต่กิ่งฉัตรกับอ.วินิดา แม่มไม่ค่อยรู้เรื่องหนังสืออะไรเล้ย
ไปดูในโม่งคอมมูตอนนี้สิ ถ้ามึงบอกว่าแบบนั้นไม่ใช่ขยะวรรณกรรม(คอมมู) กูก็นับถือมึงเลย แต่งเรื่องได้แบบไม่หาข้แมูล จะเอาแต่พลังมโนของตัวเองอย่างเดียว แถมเขียนขัดกันเองอีก แม่งขยะชัดๆ
ไม่รู้สินะ สำหรับกูคือ นิยายมันควรจะนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ว่ะ ไม่ใช่มีแต่พล็อตแนวเดิมรูปแบบเดิมซ้ำซากอะมึง เหมือนละครเนี่ย พล็อตเดิมตบจูบน้ำเน่า วนลูปสัส
แต่นำเสนอสิ่งใหม่นี่ ต้องดีด้วยนะมึง ไม่ใช่อะไรห่วยๆ ออกมา คือของพวกนี้มันเหมือนเป็นสื่ออย่างนึงปะวะ มันมีอิทธิพลกับคนอ่านว่ะ
หนังสือบนโลกมีเป็นล้านๆเล่ม
ถ้าเอาแค่นิยาย Plot มันจะซ้ำกันก็ไม่แปลก
แต่มันมีความต่างอยู่ที่การนำเสนอ การบรรยาย การพรรณนา
การคิด Character และเสน่ห์ของการดำเนินเรื่องปลีกย่อยอีกร้อยแปดทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์
ถ้าเอาแค่แฟนตาซีไทย
กรูก็เห็นตั้งแต่ยุคบารามอสเฟื่องฟูแล้วนะ (เรียกว่าแนวโรงเรียนแล้วกัน)
การบรรยายงี้มาในแนวทางเดียวกันหมดเลยหวะ...แต่ไม่เข้าท่าสักเรื่อง
ไอ้เรื่องได้รับอิทธิพลจากงานเขียนนู่นนี่นั่นก็เข้าใจ
แต่ถ้ากระทั่งเอกลักษณ์ยังแสวงหามาไม่ได้มันก็ขายคนอ่านที่ผ่านตางานเขียนแบบนี้มาเยอะๆไม่ได้หรอก
อารมณ์ประมาณแบบ...ผ่าน plot แบบนี้มาแล้ว มุกนี้แม่งดาษดื่น
บรรยายก็คล้ายๆกัน พรรณนาก็แนวทางเดียวกัน....
gen 2 ก็คงเป็นแนวออนไลน์
ซึ่งกรูก็ไม่เข้าใจว่า 80% เป็นเหี้ยไรมากกับ Plot สัตว์อัญเชิญเพศหญิง
เหมือนสร้างฮาเร็มกลายๆ
แต่ถ้าถามว่านักเขียนแฟนตาซีไทยคนไหนยำ Plot ได้เก่งสุด
กรูคงตอบแสงจันทร์แบบไม่ลังเล...
พล็อตแนวออนไลน์กูว่ามันมาในช่วงกระแสบุฮี้ฮาเร็มด้วยวะมันก็เลยเข้าทำนอง เข้าเกม โชว์เทพ ตกหญิง เซอร์วิส
เอาจริงกูว่าตั้งแต่แรกเลยนิยายไทยส่วนใหญ่แม่งก็ลอกมาหมด ขนาดรุ่นใหญ่ๆแม่งยังลอกเลยแบบคึกฤทธิ์(ยอมรับเลยว่ากูเสียความรู้สึกสัส)
แล้วลอกนะไม่เท่าไร ลอกแล้วยังเสือกทำให้เป็นแบบฉบับตัวเองไม่เป็น ก็ได้แต่วนเวียนอยู่กะพล็อตขายฝัน การบรรยายห่วยแตกนั้นละ
แต่ก็เสือกขายดีเพราะคนอ่านส่วนใหญ่แม่งเป็นเด็กที่ไม่ได้อ่านเยอะพอจะเทียบไรได้
กูเคยอ่านเจอว่าพล็อตเรื่องบนโลกมีซ้ำกันอยู่ 25 แบบ อยู่ที่วิธีนำเสนอออกมาว่าแตกต่างยังไง อย่างแฮร์รีก็เป็นพล็อตซ้ำชนิดหนึ่ง เช่นพระเอกมีพลังพิเศษ เป็นคนในคำทำนายว่าจะปราบตัวร้าย มีความกล้าหาญและเสียสละ แต่มันก็ยังสนุกเพราะขายความแตกต่าง โรงเรียนเวทย์มนต์ แฟนตาซี หาข้อปกปิดและสร้างโลกได้เจ๋งมากจนมีคนหลายล้านคนอยากเป็นส่วนหนึ่งในโลกแฮร์รี่ (กูด้วย) บรรยายก็สนุก มุกตลกแบบอังกฤษก็ไม่ได้ทำให้คนไม่สนุกเลย
อีพล็อตออนไลน์นี่มันดังเพราะอะไรวะ มันเป็นกระแสแทนโรงเรียนเวทมนต์ไปตอนไหนเนี่ย
ไม่อ่านเอาเนื้อเรื่องก็อ่านเอาภาษาบางเรื่องแม่งไม่มีดีสักอย่างแต่ยังเสือกได้ตีพิมพ์ นี่กูควรทำยังไงกับมันดีวะ
ตอนกูซื้อกูก็คาดหวังสักอย่างเหมือนกัน ไม่ต้องครบ แม่งมีสักอย่างก็พอ .....แต่เสือกไม่มี.... กูควรเรียกว่าอะไรดีวะ
พล็อตของแฮรี่มันแทบทำตามขนบในheroes with a thousand faceเลยนะ มึงลองอ่านดูจะรู้เลยว่าฮีโร่แต่ละคนมีแนวทางที่เป็นแบบแผนมาเป็นพันๆปีแล้ว เป็นหนังสือที่ดีมากๆะล่มหนึ่งเลย
งานใหม่ๆ กูอ่านแต่ของลวิตร์... แต่ถ้ามึงจะเอานิยายแปลด้วยก็ได้หลายเล่มนะ ถ้าเอาแบบหนาปึ้กๆ ร่วงใส่หน้าแล้วตายห่าก็ต้อง World without end ของ Ken Follet มีแปลไทยแล้ว ตอนกูอ่านหนุกมากๆ วางไม่ลง
กูอ่านนิยาย LN บางเล่มแล้วก็อิจฉาในความเปิดกว้างของตลาดสิ่งพิมพ์ญี่ปุ่นนะ บางเรื่องกากหมาสัดๆ มีแต่ตลกฝืดกับตัวละครหญิงไว้บุฮี้ก็ขายออกแล้ว ได้แปลขายตปท.ด้วย กูริษยา
กูชอบคำว่า "การอ่านมันคือรสนิยม อย่าเอาคอกมากกั้นกู" นะ แต่มึงก็ต้องเข้าใจด้วยของเหี้ยก็คือของเหี้ย ถึงคนชอบมันก็เหี้ย บางครั้งเราจะแดกของเหี้ยๆบ้างมันก็ไม่แปลก แต่ถ้าแดกเยอะๆไป หรือเห็นเหี้ยกลายเป็นดีมันก็ไม่ไหว
มาทีกูซื้อlnกากสัสหมามาเพื่เสพสมภาพกับอวยตัวละคร
เออ นอกเรื่องนิด ใครเป็นนักเขียนบอกกูทีว่าเนื้อหาของเรื่องสั้น (?) ในกระทู้นี้แม่งเป็นความจริงอ่ะป่าว http://pantip.com/topic/32778679
ถ้าจริงกูก็ไม่แปลกใจที่ทำไมนิยายไทยพล็อตมันซ้ำซากเยี่ยงนี้ เกิดจากการคัดสรรของบก.เองนี่หว่า...
คือการอ้างคำว่ารสนิยมนี่ มันหมายความว่า ถ้ามีคนชอบกินขี้ บอกว่าขี้คืออาหารชั้นยอด คือสิ่งดี แล้วมาพูดใส่หูคนอื่นว่ากินขี้กันเหอะ ดีนะ
กูต้องยอมรับหรอวะ
กูว่าถ้ามีคนชอบกินขี้ แล้วมันพร่ำพรรณาของมันอยู่คนเดียวว่าขี้แม่งดี ประเสริฐงั้นงี้ ไม่เอามายัดเยียดใส่หน้ากู กูก็รับได้นะ เพราะเป็นเรื่องของมัน
แต่ถ้าเอามาชักชวน กูตบใส่แม่ง
>>63 ก็นิยายที่ขายดีที่สุดเป็นนิยายเยิ้บนี่หว่า พวกป้าๆนี่กำลังซื้อเยอะ กูเคยเห็นป้าคนนึงเข็นรถเข็นผ่านหน้าไปในนั้นแม่งมีแต่นิยายเยิ้บ พอกูไปยืนหน้าบูธที่ป้าเขาซื้อ คนขายรีบแนะนำเรื่องนี้ขายดีมากค่ะ ฉากเรททุกฉากทุกตอนจุใจ เป็นเรื่องของนางเอกถูกขายเป็นโสเภณีเพื่อใช้หนี้ให้ครอบครัว อีกเรื่องก็พระเอกแค้นครอบครัวนางเอกเลยหลอกนางเอกมาเย็ด.......นี่มันอาชญากรรมชัดๆ
มันแยกระหว่างความชอบกับประโยชน์ได้นะ อย่างฟาสฟู้ดนี่กูว่าอร่อย แต่ถ้าบอกว่สมันมีประโยชน์เท่ากับสลัดนี่กูว่าไม่ใช่
วรรณกรรมก็เหมือนกัน มันแยกองค์ประกอบได้ว่าส่วนใหนดีไม่ดี เช่น ภาษา พล็อตเรื่อง ข้อมูล/ความสมจริง การผูกเรื่อง/ปริศนา-การเฉลย มิติตัวละคร หรือจรรยาบรรณ เช่น การลอกงานคนอื่น การโขมยงาน นีกเขียนผี ฯลฯ
ควาสชอบมันก็ส่วนหนึ่ง อย่างกูเองก็อ่านนิยายเด็กดีฆ่าเวลา แต่กูก็ไม่ปฏิเสธว่ามันนิยายขยะ แกรี่สนองนีดคนแต่ง มีส่วนน้อยที่กูคิดว่าพอไปวัดไปวาได้ แต่ก็เทียบกับนิยายขึ้นหิ้งไม่ได้อยู่ดี
>>69 นักเขียนชื่อทรรศิกาของแจ่มใส ลอกงานแบบเอาภาษาบรรยายเรื่องตามรักคืนใจของกิ่งฉัตรมาใส่ในงานตัวเอง แล้วหลังจากนั้นก็มาเกรียนจับผิดว่านิยายเรื่องสูตรสเน่หาของกิ่งฉัตร ลอกซีรี่ยส์เกาหลีเรื่อง Witch Yoo hee แต่จริงๆสูตรสเน่หาตีพิมพ์ก่อนตั้ง 3 ปี
อันนี้ตลกจริง ก๊อปรุ่นใหญ่แล้วมาหาเรื่องเขาต่อ ตัวเองไม่เจ๋งจริง ข้อมูลก็ไม่แน่น
dear เพื่อนโม่งที่รัก
กูถามชื่อนิยายเรื่องนึงหน่อยดิ กูจำได้แบบเลือนลางมาก
เผื่อมีใครเคยอ่าน เป็นนิยายญี่ปุ่นอะ นางเอกชื่อประมาน คิระ รึอะไรแบบนี้อะ
แล้วเหมือนนางเอกจะได้แชท รึเมล์คุยกับเพื่อนคนนึงในเนตอะ
ซึ่งน่าจะเป็นดาราที่นางชอบพอดี รึไงประมานนี้อะ
ใครช่วยกูบอกชื่อเรื่องได้กูขอกราบงามๆทีนึงนะะ
ของไต้หวันมีดังๆคือเรื่องพิภพพญามังกรภาค3ที่ไปลอกฉากสงครามของเรื่องอื่นมา อันนี้สนพ.เจ็บปวดมาก เพราะลงทุนไปกับเรื่องนี้เยอะแล้ว แถมยังพิมพ์ล็อตใหญ่มาเพื่องานหนังสือีก แต่ดันขายไม่ได้เพราะไปลอกงานคนอื่นเขามา คนเขียนก็ถูกขับไล่ออกจากวงการ ตอนนี้ไม่รู้ไปใหนแล้ว
ของญี่ปุ่นเร็วๆนี้ก็มี แต่เป็นการดราฟท์งานของคนว่างno game no life ซึ่งคนวาดปกดันเป็นคนแต่งเรื่องด้วย แต่อันนี้เรื่องเงียบไปแล้ว ไม่รู้เอาไงต่อ
ของไทยดังๆก็มีกาเหว่ที่บางเพลงของหม่อมคึกฤทธิ์ กับอีกอันที่ไปลองราโชมอนมาแล้วใส่องค์ประกอบเพิ่มเติมนิดหน่อย พวกเกมออนไลน์ในเด็กดีหลายๆเรื่องก็ลอกเรื่องอื่นมา ป่าละเมาะนี่ก็ลอกมาเยอะ แต่ออกตัวก่อนว่าลอกมา เลยไม่โดนอะไรมั้ง
http://www.happybanana-online.com/v3/talkboard_view.php?subject_id=0003903&v=1
เคสนี้ใช่ไหม พิภพพญามังกร โหดโคตร
>>83 นางเอกชะตาอาภัพถูกไล่ออกจากบ้าน มาทำงานร้านอาหารของสองผัวเมียคนไทยในอเมริกา(?) ทีนี้พระเอกที่เป็นมาเฟียแม่งมาทานข้าวร้านนี้ไง นางเอกก็กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าไปเสิร์ฟอาหารให้ แต่พระเอกเห็นแล้วเสือกถูกใจนางเอกให้ลูกน้องไปถามเจ้าของร้านว่านางเอกขายหรือเปล่า ฝ่ายเมียอ่ะไม่ขาย แต่ฝ่ายชายที่เป็นผัวติดหนี้อยู่เลยไปตกลงเจรจา แล้วส่งตัวนางเอกให้ไปที่คาสิโนซักที่ อินางเอกก็ใส๊ใส ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาจะพาตัวเองไปทำอะไร พอเข้ามาเจอพระเอก อีพระเอกก็จะปล้ำเลย ใส่ถุงยางเรียกร้อย มารู้ว่านางเอกบริสุทธิ์ตอนเสียบไปแล้วนี่แหละ เลยถอดถุงยางออกเพราะสำนึกผิด อินางเอกก็โดนข่มขืนเสร็จแล้ว หลังจากนั้นกูก็จำไม่ได้ข้ามไปแค่เพื่อนนางเอกแนะนำให้นางเอกไปทำงานที่ไร่ที่ตัวเองหรือแม่ตัวเองนี่ล่ะทำงานอยู่ นางเอกก็ไปผ่านไปไม่กี่เดือนแม่งพบว่าตัวเองท้อง
นางก็เลยอยู่จนคลอดลูกแล้วเลี้ยงลูก ทีนี้กลับมาทางฝั่งพระเอกตั้งแต่นางเอกหายไปแม่งก็ตรอมใจพร่ำเพ้ออย่างู้นอย่างงี้ จนไปประสบอุบัติเหตุร้ายแรงต้องพักรักษาตัว แล้วที่พักคือไร่ที่นางเอกทำงานอยู่ เพราะนั่นเป็นไร่ของแม่มัน ตอนมาก็มาแบบหนวดเคราดกงามรกรุงรัง เจอนางเอกคือจำได้เลยแต่อยู่นิ่ง ๆ ไว้ ส่วนนางเอกนี่ไม่รู้แต่เอะใจว่าทำไมชื่อมันดูคุ้น ๆ แค่ยังไม่เห็นนามสกุลเลยไม่อะไรมาก จนวันหนึ่งเอาอะไรซักอย่างไปให้นี่ล่ะ แล้วไปเห็นเอกสารลับวางอยู่ในห้องเห็นชื่อเลยรู้ว่าเป็นพระเอก จะตกใจหนี อิพระเอกโกนขนโกนเผ้าก็ออกมาจากห้องน้ำดักรอแล้ว
แล้วก็ลงท้ายแบบเดิม ๆ
เออ กูลืมไปมีฉากพ่อลูกอาบน้ำกัน แล้วลูกถามว่าทำไมค**คุณพ่อใหญ่จังเลย..........
พระเอกชื่อแดนเนียล ชื่อเล่นชื่อพอล
" อีพระเอกก็จะปล้ำเลย ใส่ถุงยางเรียกร้อย มารู้ว่านางเอกบริสุทธิ์ตอนเสียบไปแล้วนี่แหละ เลยถอดถุงยางออกเพราะสำนึกผิด อินางเอกก็โดนข่มขืนเสร็จแล้ว " <<< สำนึกผิดเลยถอดถุง? ตรรกะโลกไหน?
นี่กูเห็นคนแชร์มาในทวิตกูเลยกดเข้าอ่าน ชีวิตกูแบบโลกกูพังลงแล้ว
กูอยากรู้มากกว่าว่าใครเป็นคนแจ้งแบน
http://writer.dek-d.com/say-u/story/view.php?id=1133921 เลยเข้าไปอ่านอีกเรื่องของคนเขียวเดียวกันดู เห็นจั่วหัวไว้ว่าผ่านการพิจารณา สนพ อินเลิฟ นี่แปลว่าจะได้ตีพิมพ์แล้วเรอะ
พูดตามตรงกูอึ้งมากถ้างานนี้จะได้ตีพิมพ์จริงๆ กูอ่านมาสี่ตอนจับใจความห่ารากไรไม่ได้เลย มาถึงก็มาเที่ยวญี่ปุ่นไม่มีปีไม่มีขลุ่ย ไม่มีการบรรยายกูยังงงอยู่เลยตัดฉับๆซะกูจับใจความไม่ได้ ตัวละครพูดจาประดิษฐ์มากกกกก ดูไม่เหมือนคนเลยว่ะ แถมเขียนไม่รู้เรื่องอีก อ่านทวนสามรอบก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ามันพิมว่าอะไร เช่น "นี่สินะนางแบบรุ่นพี่ที่เคยได้เป็นคู่นอนของเขาได้รับจนถึงขนาดเอาไปเพ้อ พอเขาเรียกตัวหล่อนมารุ่นพี่ถึงกลับไม่พอใจ" << ประโยคนี้แปลว่าไรวะ ใครไม่พอใจใคร นางแบบอายุมากกว่าเป็นรุ่นพี่หรือแฟนนางแบบเป็นรุ่นพี่ของพระเอก(แล้วรุ่นพี่อะไรก็ไม่รู้ก่อนหน้านี้ไม่มีเปรยถึงแต่อยู่ๆก็มาใส่คำว่ารุ่นพี่) ใครเป็นคู่นอนใคร ตกลงประโยคนี้มีคนกี่คน กูงง งงจนพิมเองยังไม่รู้เรื่องเลย
บทบรรยายทื่อชิบหาย อธิบายแค่ว่าพระเอกหล่อ ตาสีไร หุ่นเป็นไง ตบท้ายด้วยสาวๆกรี๊ดสลบ นางเอกหน้าตาเป็นไงไม่รู้เท่าไหร่ รู้แค่ตัวเล็กผิวสีน้ำผึ้งแต่ใส่ความคิดคนเขียนมาว่าดูแล้วไม่น่าเบื่อ คือแม่งนามธรรมมากๆดูแล้วไม่น่าเบื่อมันเป็นไงวะ แต่ละตอนก็สั้นชิบหายอ่านไม่ถึงสองนาทีก็จบตอนแล้วอ่ะ ยังกับตอนนึงมีหนึ่งหน้ากระดาษ กูอ่านถึงตอนสามมีฉากเยิ๊บกันละ บรรยายได้ห่วยแตกสิ้นดีไม่มีอารมณ์ร่วมเลย มีแต่ ฉันทนไม่ไหวแล้วค่ะ ช่วยด้วย และเขาเข้าเติมเต็มให้ทันทีอย่างรวดเร็วและร้อนแรงจนแทบระเบิด....จบ อืมนะ ขนาดชื่อตอนยังมีชื่อแบบว่า "ตอน พี่ริวอ่ะ^//^ หรือ ตอน อร๊าย พี่เรียว \\*o*//" มันดูแปลกดีว่ะ
แต่ที่แย่ที่สุดมันคือแม่งไม่มีความสมเหตุสมผลเลย อยู่ๆเจ้านายอยากไปญี่ปุ่นจะพานางเอกที่เป็นเพื่อนซี้ไปด้วย เรียกนางเอกมาคุยแล้วบอกห้ามปฏิเสธนะ ต้องไป จะเซ็นหยุดงานให้(นี่คือความคิดของผู้บริหารนะ จะออกเงินให้ลูกน้องไปเที่ยว งานการไม่ต้องทำ ออกแนวงานน่ะช่างมันเถอะ อยากเที่ยว ถามจริงบริษัทไม่เจ๊งหรอวะ ความคิดยังกะเด็กเอาแต่ใจอยากได้ไรต้องได้งั้นแหละ) แล้วก็ตัดไปวันเดินทางเลยกินอยู่ฟรีเจ้านายเลี้ยง แถมยังมีการจะพาไปซื้อเสื้อผ้าให้ ถามจริงนี่เพื่อนหรือป๋าวะ ตลกป่ะทุ่มซะขนาดนี้ ผิดวิสัยไปหน่อยมั้ยอ่ะหรือเพื่อนกันเค้าเลี้ยงดูปูเสื่อแบบนี้เป็นปกติ(คือเพื่อนจ่ายตั้งแต่ค่าเดินทาง ค่าเครื่องไรงี้เลยนะ นางเอกแม่งโชคดีบ้า) แล้วพระเอกเจอหน้านางเอกครั้งแรกอยู่ๆก็อยากได้นางเอกซะงั้น ไม่รู้ทำไม ไม่มีเหตุผลนางเอกไม่ได้ทำอะไรแค่สวัสดีเองแต่แม่งอยากได้แบบหมกมุ่นเลย คือไม่เข้าใจอะไรจะขนาดนั้น แค่แม่งนึกถึงก็แข็งแล้ว (มันไม่ได้บอกงั้นนะแต่บทบรรยายมันพาคิดจริงๆ อ่านท้ายๆตอนสี่ดู) เห้อ
รวมๆแม่งเหมือนมีคนมาสรุปตัดจบให้กูฟังมากกว่าที่กูกำลังอ่านนิยายอ่ะ แถมเป็นสรุปตัดจบที่เห่ยน่าดู กูคาใจจริงๆมันไม่สนุกเลยแต่กำลังจะได้ตีพิมพ์ เป็นไปได้ไงวะ นิยายอีโมติค่อนยังสนุกกว่าอีกนะ
กูไม่อ่านต่อละ ไปๆมาๆมันออกแนวลามกโรคจิตไงไม่รู้ ไอการที่พระเอกมายืนคาดเดาสัดส่วนนางเอกนี่มันก็......พระเอกนี่ยังไงก็จะเยิ๊บนางเอกให้ได้เลยว่ะ ดูเชิงแล้ว
กูอ่านนี้แล้วรู้สึกมวลมนุษยชาติกำลังจะล่มสลาย
นิยายท็อปแฟนตาซีเด็กดีแม่มก็สัสหมาพอๆกับนิยายรักแหละมึง นิยายรักท็อปบางเรื่องถ้าดวงมึงดีมึงจิ้มไปก็มีแบบที่ไม่มีเยิ้บนะเว้ย
แต่แฟนตาซีนี่แม่ง 9ต่อ10แม่งออนไลน์ล้วนๆ
>>100 http://writer.dek-d.com/matsuo_masahiro/story/viewlongc.php?id=1070018&chapter=69
ทดลองแปะ 1 ใน 2 นิยายที่ไม่ใช่ออนไลน์ที่ติดท็อปแฟนตาซี
แล้วทีนี้ช่วยบอกหน่อยนะคะว่า บทบรรยายตรงนี้แม่งหมายถึงอะไร เพราะสกิลภาษาไทยกูห่วยไปเองหรือบทบรรยายมันแปลก ๆ
เขาเลยเป็นหนึ่งในนักเรียนชายที่ใส่ชุดนักเรียนได้ดูดีที่สุดคนหนึ่งในโรงเรียน
คือตรงนี้เนี่ยคนเขียนจะสื่อว่าอะไร? จะสื่อว่าพอถอดเสื้ออกมีหุ่นดี เลยกลายเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ใส่ชุดนักเรียนแล้วดูดีคนหนึ่งในโรงเรียน? หรือจะเป็นอย่างที่ว่า ว่า แม่งดูดีที่สุดในโรงเรียน
กูงงกับอันนี้มาก
และคนเขียนเขาตั้งใจเขียนใช่ไหมวะ? อย่างน้อยช่วยจัดหน้าหรือเปลี่ยนขนาดฟอนท์หน่อยก็ไม่ได้เหรอ หรือยุ่งจนไม่มีเวลา
ปล. กูแต่งนิยายแฟนตาซีในเด็กดีเจอมึงด่าแบบนี้นี่กูสะดุ้งเลย แต่นิยายกูไม่ติดท็อปน่ะ แล้วไม่ใช่แนวออนไลน์ด้วย
>>103 ถ้าอ่านประโยคที่มึงยกมาอย่างเดียวนี่ไม่งงนะ อ่านแล้วเข้าใจว่าเป็นหนึ่งในคนที่ใส่ชุดนักเรียนแล้วดูดีที่สุด แต่ทีนี้พอไปดูประโยคเต็มเสือกอวยต่อว่าแก้ผ้าก็ยังดูดี มันเลยงงๆ เพราะเป็นประโยคอวยซ้ำอวยซ้อนไง เออ ถ้าใส่ชุดนักเรียนแล้วซ่อนรูปเลยไม่รู้ แต่แก้ผ้าแล้วเห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เลยเกินคาดก็ว่าไปอย่าง
คุยกันแต่เรื่องขยะ
กูอยากรู้จริงๆว่าทำไมนิยายพวกนี้ถึงขายดี
อีการ์ตูนนี่ป่าววะ ที่เจ๊สแตมเบอรี่เขาเป็นเดือดเป็นแค้นนักหนา
เจ๊เขาเคืองไมอ่ะ กูว่าคนเขียนก็เขียนตรงดีนี่หว่า
>>113 เออๆ เหมือนตอนนั้นที่ดราม่ากันก็เพราะกาตูนนี่แหละ ถ้ากูจำไม่ผิดล่ะนะแต่กูค่อนข้างเห็นด้วยกับกาตูนนะ เพราะกูเกลียดนิยายของแตมเบอรี่มากกก โดยเฉพาะซีรี่7s 7x หรืออะไรซักอย่างนี่แหละ แม่งโครตพ่อโครตแม่เวอร์สัสๆ อายุน้อยร้อยล้านกันทุกคน ทุกเรื่อง แม่งโครตเพอร์เฟกกายทั้งชายและหญิง พื้นฐานต้องหน้าตาดี รวยบรรลัยยิ่งกว่าบิลเกต ชีวิตเพอเฟกทำตัวเหี้ยยังไงก็มีคนรัก เก่งระดับพระกาฬ ฉลาดขนาดลิงซีซ่าร์ยังต้องอาย คนเหี้ยไรวะแทบไม่มีรอยด่างในชีวิตเลออ
>>115 มึงอ่านด้วยเรอะ เออๆ กูไม่ได้ว่าอะไรหรอกแค่อยากจะบอกว่ากูก็อ่านเหมือนกัน แต่ที่กูอ่านคือกูเห็นว่ามันขายดีมากๆ ว่ะ ขายดีจนเกินเหตุ ขายดีกันชิบหาย ไปร้านหนังสือทีไร ต่อให้เล่มใหม่แม่งออกมา 2-3 เดือนแล้วแม่งก็ยังติดอันดับขายดีแปะหราให้กูเห็น จนกูเริ่มคาดหวังว่าถ้าขายดีขนาดนี้มันจะมีอะไรข้างในบ้างป่ะวะ เห้ย มันต้องมีบ้างดิ หรือเจ๊แสตมเขาเปลี่ยนแนวแล้ว จากนั้นกูก็หยิบ...มึงไม่ต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น นั่นเป็นเรื่องที่กูเสียใจที่สุดในชีวิต กูหยิบอีเล่มปกม่วงๆ ที่พระนางนอนก่ายบนปกแทบจะได้กันอ่ะ เล่มไหนวะ นางเอกโคตรปัญญาอ่อน พระเอกแม่งก็เหี้ย เซ็ตติ้งบอกอีนี่ฉลาด เพลย์บอย แต่เสือกทำตัวโง่ชิบหาย รักนางเอกภายใน 2 วัน สัส...
>>117 โชคดีจังที่ไม่อ่าน....นี่เห็นเพื่อนตัวเองติดมากขนาดว่าตามซื้อทุกเล่มเลยสงสัยว่าเป็นไง แต่เห็นชื่อเจ๊แตมป์ก็เพลียกับตรรกะแล้ว แต่งนางเอกกี่เรื่องนี่ถ้าไม่เห็นแก่ตัวก็เข้าขั้นโง่แบบเหี้ย ๆ ไปเลย
ใครสงสัยไปตามดูงานแรก ๆ ของแกได้อีวงไซโคที่พระเอกชื่อจีซัสอะไรนั่น
พวกมึงใจเย็นนะ 5555
ตกลงว่าที่กูถามชื่อเรื่องไปนี่ไม่มีใครรู้ใช่ป่ะ 55555
เหมือนกูอ่ะ ไม่ได้ตามข่าว แล้วหลงซื้อfifty shades of greyมาเพราะเห็นว่าขายดีๆสัสๆ กับปกดำๆนึกว่าเป็นนิยาย horror
ถือเป็นการใช้เงินที่โง่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
ยิ่งรู้ที่หลังว่าต้นฉบับมันเป็นแฟนฟิคของทไวไลท์มาก่อนนี้ กูถึงโกรธตัวเองเชี้ยๆ
>>122 fifty shade of grey เป็นนิยายที่ถูกทิ้งตามสถานที่ต่างๆมากที่สุดในโลก กูไปเจอบทความนี้กูเลยตัดสินใจได้ว่ะ ถ้ามันดีจริงมันคงไม่โดนทิ้ง พอดีไปทำงานสัปดาห์หนังสือในบูธมีแท็ปเล็ตให้อ่าน กูก็ยืนสไลด์อ่านตรงนั้น...ดีมากที่ไม่ซื้อ เก็บไปซื้อซีรีย์ชิงบัลลังก์ดีกว่า
>>123 คิดถูกแล้วล่ะ ไม่แปลกใจด้วยที่ถูกทิ้ง
เรื่องนี้คือเหียกอ่ะ มากๆ เหียกเหี้ยๆ ไม่มีห่าอะไรแปลกใหม่เลย ฉากเซ็กส์หรือbdsmก็งั้นๆ ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย
คือกูโกรธและสิ้นหวังมากอ่ะ ว่าขยะพรรค์นี้ขายดีได้ยังไง แถมกูเองนี้แหล่ะ ที่โง่ซื้อมาอีก ฟฟฟฟฟฟ
(ปัจจุบัน เอาไปรองตู้แล้ว)
มีใครอ่านหนังสือของ Jacqueline wilson บ้างปะวะ กูอยากหาเพื่อน 5555
กูชอบฟิฟตี้เชดส์ตรงที่มันทำให้กูรู้ซึ้งว่าไม่ได้มีแค่ประเทศกูเท่านั้นที่ชอบอ่านนิยายหื่นกาม
แต่กูไม่เคยอ่านเรื่องนี้นะ
มีใครเช็คมั้ยว่าไอ้แฮมสเตอร์เข้ารังนี้มันมาแต่แรกหรือคนแปลแปลงวะ ...แต่แฮมสเตอร์เข้ารัง บัดซบสิ้นดีเลยวะไม่มีคำให้เลือกแล้วรึไง 55555
ข้างบนมันคุยเรื่องส้นตีนไรกันวะ ไล่แม่งกลับรังไปดิ๊
พอๆ เลิกคุยเรื่องนิยายห่วยๆแล้วคุนนิยายดีๆกันเเถอะ แต่กูไม่รู้จะเปิดประเด็นไรดีวะ มึงมีไรเปิดมั้ย
>>135 >>137 อยากคุยอะไรก็เปิดประเด็นสิวะ พวกมึงที่มาแหกปากในกระทู้เพราะคุยเรื่องที่ไม่ถูกใจตัวเองนี่มึงเป็นคนเดียวกับกระทู้สาววายรึเปล่า เหี้ย หนังสือแม่งก็ต้องมีดี มีห่วย แล้วในนี้จะวิจารณ์ที่ตัวเองเคยอ่านอะไรห่วยๆเหี้ยๆมาไม่ได้ใช่มั้ย ต้องคุยวรรณกรรมดีๆเอาใจพวกมึงตลอด กูพอใจจะคุยเรื่องนี้แล้วมึงจะทำไม กูเห็นข้อความทำนองนี้ตั้งแต่กระทู้ที่แล้วกูรำคาญมากเลยนะ อยากคุยแต่ไม่เปิดประเด็นแล้วด่าคนอื่นนี่แม่ง....
จริงๆกูชอบให้พวกมึงพูดถึงหนังสือห่วยๆนะ รู้แล้วจะได้ไม่หาอ่าน...กูรู้สึกว่าหลังๆนี้กูพลาดบ่อย Ora
>>139 กูก็ชอบอ่านเวลาด่าหนังสือห่วยกัน เพราะหนังสือดีๆมันมีคนชมเยอะแล้ว 555555555
อยากคุยสาระเหรอ อืม วันนี้กูอ่านนิยายต่างประเทศเล่มนึงที่พูดถึงค่านิยมการถือครองพรหมจรรย์ทั้งๆที่มันไม่ใช่นิยายอังกฤษด้วยซ้ำ กูอยากรู้จริงๆว่าการแทรกซึมของค่านิยมวิกตอเรียนมันแผ่ขยายจนแทรกซึมไปทั่วโลกจนหลอกให้หลายๆประเทศหลอกตัวเองว่ามันเป็นค่านิยมของตัวเองไปได้ยังไง (งงมั้ย?) ซึ่งประเทศไทยเราก็รับค่านิยมนี้มาหลอกตัวเองว่าเป็นประเพณีไทยโบราณเช่นกัน มันลุกลามผ่านทางวรรณกรรมใช่หรือไม่ จงอภิปรายอย่างกว้างขวาง
อะ พอใจยัง สัส
SM ของพระเอกกับเพื่อนชายของแม่ แฮมส์เตอร์กูนี่ตื่นเลย
>>138 เห็นพวกมึงคุยกันแบบแม่บ้านนินทาผัวกูก็รู้แล้วว่าพวกมึงอพยพมาจากไหนกัน
มึงลองไปอ่านมู้ก่อนๆ เนื้อหาแม่งไม่มีนินทาเหี้ยไรแบบนี้หรอก กระทู้มันเริ่มเดินได้เพราะคนเริ่มเห็นว่ามันมีสาระ
แต่เสือกมีไอ้ตัวน่ารำคาญแบบพวกมึงที่เห็นกระทู้เริ่มดังแล้วอพยพกันเข้ามา เอาประเด็นขยะๆมาคุยกันแทนที่จะคุยกันที่เดิมของพวกมึงไป ไอ้พวกขยะ!!
กูถามเป็นความรู้หน่อยดิ ว่าพวกเล่น sm มันจะมีเซ็กส์กันด้วยมั้ย กูจะได้หายข้องใจว่าพระเอกมันโดนเพื่อนแม่มันเปิดซิงหลังไปยัง
>>144 มึงน่ะสิขยะ เขาคุยกันแป๊บๆเดี๋ยวเขาก็ไปคุยเรื่องอื่นกันแล้ว ใครว่ากระทู้แรกไม่มีนินทาวะ กูเถียงขาดใจ และกูไม่จำเป็นต้องเอาใจมึงด้วยการคุยเรื่องที่มึงปรารถนาจะอ่านหรอกนะ อยากคุยอะไรก็เปิดประเด็นเองสิ ใครจะไปตรัสรู้ว่าอยากคุยอะไร มีประเด็นอะไรเขาก็แจมตามน้ำ อีกอย่างกระทู้นี้บอร์ดนี้เป็นของมึงเหรอ ขยะจริงๆ กูจะเลิกสนใจความเห็นขยะแบบมึงแล้วนะ
Don't feed trolls กูหมายถึงพวกที่ชอบมาขวางๆ ด่าลมด่าแล้งบรรทัดเดียวจบ เมินๆ มันไปเหอะ กูคิดถึงกระทู้ก่อนที่มีโทรลล์มากลิ้งๆ แล้วทุกคนพร้อมใจกันเดินผ่านมันอย่างไม่แยแสว่ะ กูยินดีมาก มองเห็นเป็นแสงแห่งสติปัญญาเผาโทรลล์เป็นขี้เถ้าตายห่าไป
กูสนับสนุนให้คุยเรื่องหนังสือดีและห่วยอย่างไม่แบ่งแยกต่อไปด้วย ให้คุยกันแต่วรรณกรรมยุโรป มุราคามิอย่างเดียวกูก็เบื่อนะ อะไรที่มันห่วยๆ ก็ยกมาด่ามั่งก็ได้ ไม่งั้นเก็บกดชิบหาย
แถมอีกนิดไอ้เหี้ยบางตัวที่บอกน่าเบื่อเรื่องที่กำลังคุยอยู่แล้วให้เปิดประเด็นใหม่
ในเมื่อตัวมึงยังไม่มีปัญญาหาประเด็นมาคุย แล้วทำไมต้องไปให้คนอื่นมาหาประเด็นมาคุยเพื่อมึงด้วยวะ
แค่สมองคิดเรื่องที่จะหามาคุยยังไม่มีเลย
กูไม่โอเคกับนักเขียนที่ประกาศตัวว่าไม่วายนะครับ ไม่วายยยยยย แต่เสือกเขียนฉากเรียกแฟนอวย แบบเกินระดับขั้นจิ้นกรุบกริบ อย่างฉากตัวเอกในเรื่องแต่งหญิง แล้วตัวละครคู่จิ้นคิดว่าสวยจังเลย หัวใจกระตุกอะไรงี้ แม่งฉากอย่างกับในนิยายวายสมัยก่อน แต่ก็ป่าวประกาศต่อไปว่านิยายกูไม่วายครับบบบบ กูอยากบอกมากว่าไม่ต้องเขียนเรียกกระแสขนาดนั้นก็ได้ คนมันจะจิ้นต่อให้ตัวละครมันเกลียดกันแทบจะฆ่ากันตายมันก็จิ้นได้ว้อยยยยยย
แคร์อะไรมากนักวะ จะคุยเรื่องอะไรก็คุยไปดิ
ไม่ใช่ว่าหาประเด็นมีสาระมาคุยไม่ได้หรอก
แต่พอมีคนเริ่มประเด็นมาก็จะโดนกลบโดยเรื่องหีเปียก นิยายขยะ นักเขียนสวะ ของพวกแก๊งคุณป้าชะนีของพวกมึง
มึงกล้าพูดไหมล่ะว่าเผ่าอนารยชนแบบพวกมึงไม่ได้เพิ่งอพยพเข้ามา แล้วแทนที่มึงจะดูหน่อยว่ามู้เค้าคุยกันแบบไหน
นี่เสือกเอาภาษาคนป่ามาคุย ทำตัวเหมือนไอ้เหี้ยอีสานบ้านนอกย้ายถิ่นมาอยู่ในกรุงเทพแล้วเอารถกระบะลำโพงใหญ่มาเปิดในเมือง
ทำมาพูดว่านิยายมันเหี้ยอย่างนู้นอย่างนี้ แต่แม่งเสือกรู้รายละเอียดดีชิบหาย แสดงว่านิยายเหี้ยๆมันสนองรสนิยมเหี้ยๆของพวกมึงสินะ
เคสทางการแพทย์ มีกรณีที่ผู้ชายถูกคุณหมอตรวจภายใน(ทวาร) แล้วน้ำแตกกันบ่อยๆด้วยซ้ำ ทั้งที่ไม่ได้เป็นเกย์
กลับเยรูซาเล็มกันไหมนาย เราไม่ไหวละว่ะ 555
กูสงสารนิ้วกลมกับด๊อกป๊อบที่เคยโดนด่ามาจริงๆ
เห็นพวกมึงบอกชอบงานลวิตร์กัน งานเก่า ๆ เค้ากูก็ชอบนะ แต่อ่านเล่มล่าสุดแล้วรู้สึกแม่งอะไรวะกับมุกตลกตัวละครเค้าว่ะ พวกมึงขำกันมั้ยวะ
เดมอน เบเกอรี่นี้กูชอบมุกตลกเขานะ(หรือกูแค่เส้นตื้นก็ไม่รู้) แต่ตอนแรกๆกูก็อยู่ในขั้นชอบพอประมาณเฉยๆจนมาตอนหลังๆกูถึงชอบมากขึ้นเยอะ ยิ่งตอนจัดการมารุสไพรากูยิ่งชอบ เหมือนเขาจะลองเขียนอีกแนวดูก็เลยฝืนๆบ้างช่วงแรกๆ แต่ช่วงหลังๆกูว่าเขากลับมาใช้รู้แบบเดิมอะนะก็เลยดูจะดีขึ้น
พูดถึงลวิตร์แล้วกูชอบบทบรรยายหลายๆอย่างเขานะ ยิ่งบางประโยคกูชอบมากขนาดติดในหัว แต่ก็ชักเบื่อกับการบรรยายที่ชอบใส่ประโยคคำถามไว้วะ ถึงกูเข้าใจวาเขาอยากให้คนอ่านคิดร่วมแต่ใช้บ่อยๆมันชักเบื่อนา
>>174 >>175 มึงเคยอ่านวาณราสูรของลวิตร์ไหม? มันเป็น POV ของอสุรผัด (มั้ง? ถ้ากูจำไม่ผิด) แล้วมันเป็นช่วงที่ท้าวจักรวรรดิเข้าตีกรุงลงกา ที่ตอนนั้นพิเภกเป็นกษัตริย์อยู่ พิเภกเลยต้องถูกจำอยู่ใต้ดิน (แบบมีอะไรโฮลี่แปลกๆ) พอมาเจอท่านตาในเดมอนเข้า กูเลยรู้สึกเหมือนได้กลิ่น (จริงๆอาจไม่เกี่ยวอะไรกัน) แต่กูว่ากูชอบท่านตาพิเภกมากกว่านะ
พวกตำนานของเมโสโปเตเมีย แบบตำนานกิลกาเมช งี้กูสามารถหาอ่านได้จากไหนบ้างวะ มีหนังสือไรเขียนละเอียดๆบ้าง กูเจอแต่หนังสือตำนานเทพกรีกซะส่วนใหญ่
ลวิตร์ก็เคยเขียนเรื่องกิลกาเมชเมื่อนานมาแล้วนะ แต่ไม่จบ กูเสียจัย...
เราโพสมู้ไม่ได้
เพื่อนโม่งช่วยวิจารณ์ให้หน่อยดิ คือกูเขียนเรื่องนี้มานานมากแล้วล่ะแต่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาอ่านเลย ลองกลับไปอ่านเองอีกรอบก็ไม่รู้สึกว่าสนุกเท่าไหร่แต่ก็ไม่รู้ว่าจุดอ่อนของตัวเองอยู่ตรงไหน คืออยากเขียนนิยายดีๆออกมาบ้างน่ะแต่ไม่กล้าเอาให้คนรู้จักอ่านเลยไม่รู้จะแก้ไขตัวเองยังไงดี แนะนำหน่อยนะและถ้ายังไงอย่าอยากรู้ตัวตนของกูเลยนะ กูก็ไม่ใช่คนดังอะไรหรอกแถมขี้อาย สัสๆ แค่ยอมโม่งแตกเอานิยายของตัวเองมาโพสนี่กูก็กังวลแทบมุดดินหนีแล้ว ไม่รู้ทำไม ยังไงก็ช่วยวิจารณ์ แนะนำหน่อยนะ
ตอนเขียนกูก็เขียนออกมาเรื่อยๆไม่ได้มีเป้าหมายว่าอยากสื่ออะไร อยากให้อะไร กูคิดแค่อยากเขียนไปตามใจอ่ะ พูดตรงๆมาได้เลยนะ
ปล. ไม่รู้ยังไงโพสลิงค์ไม่ได้ว่ะ มันหาว่าเป็นสแปม งงจริง
เอ้ากูอุตส่าห์แปะลิงค์ให้มึงก็เสือกแปะได้พอดี เดี๋ยวขอเวลาอ่านแป๊บ อยากได้การสับระดับไหน? แบบหั่นเป็นชิ้นพอคำ สับหยาบๆ หรือแหลกละเอียด
ยังไงก็ได้รับได้หมด ขอแบบละเอียดๆเลยนะชี้เป็นจุดๆได้ยิ่งดี ขอบคุณมากนะ
>>บรรยายรวบรัดเกินไป สร้างจินตนาการให้ผู้อ่านไม่ได้ ร้านขนมเก่าแก่ที่สุดของในย่านขนมหวาน มันคือที่ไหน ประเทศอะไร แถวไหน ถ้าพูดว่าในวงการยังพอได้ แต่ย่านขนมหวานนี่คือที่ไหน
>>ตัวละครเป็นแยมส้ม แต่ไม่เขียนว่าแยมส้มที่ว่านี่โผล่มาในรูปร่างไหน อยู่ในขวด หรือดึ้บๆเป็นเศษอยู่เคาท์เตอร์ หรือเป็นคน หรือเป็นแบบการ์ตูนฝรั่ง เพิ่มตากลมๆกับปาก
>>ไม่อินกับแยมส้ม พรํ่าเพ้อถึงวันที่ร้านรุ่งเรืองอยู่นั่นแหละ แต่ยังไงก็นึกภาพไม่ออกสักที ถ้าจะให้ตัวละครนึกถึงอดีตควรปูพื้นก่อน จะเป็นย้อนอดีตเล็กๆย่อยๆก็ได้
>>จัดบรรทัดไม่ค่อยเวริค์
>>เล่าความหลังจัดเต็มยัดๆๆเข้าไปจนอึดอัด ควรใช้บทสนทนาของตัวละครช่วยมากกว่า
>>เขาพูดพลันวิ่งนำไปแต่ไปได้ไม่กี่ก้าวเขาก็พลันล้มลงสติดับวูบ ตรงนี้ต้องเว้นไปอีกบรรทัด ไม่ใช่ยัดมาตอนตัวละครกำลังพูดอยู่
>> “ลาก่อน” เป็นตัวละครดูน่ารักแต่ใช้ภาษาทางการไปหน่อย ลองเพิ่มให้มันดูเป็นภาษาพูดน่าจะเพิ่มอารมณ์ได้มากกว่านี้
ถ้าไม่ติดว่าตัวละครเป็นขนมปังกับแยมส้มที่ดูน่ารัก มันก็นิยายรักธรรมดาอะ
ลืมไปอีกข้อ
บรรยายสั้นมาก สร้างภาพไม่ได้ บทไหนไม่สำคัญก็ยัดจัง บทสุดท้ายบรรยายได้สั้นมาก มันควรจะมีอะไรมากกว่านี้นะ
อ่านได้เรื่อยๆ ข้อเสียตามที่ด้านบนว่าเลย เพิ่มอีกอย่างคือสรรพนาม เค้า นี่ไม่น่าใส่มาตอนบรรยายนะ
เวลาอ่านกูดันไปคิดถึงโคเงปังว่ะ เป็นหนมปังที่ชีวิตบัดซบสุดๆ ในสายตากู...
เอาภาพรวมก่อนนะ ความรู้สึกหลังอ่านจบคือ เรื่องไม่ดึงดูด อ่านจนจบก็ไม่รู้สึกเกิดอิมแพคหรือความประทับใจอะไร
ดูไม่ค่อยมีจุดหมายที่ต้องการสื่อ นอกจากการพร่ำเพ้อหาความหลัง ที่คนอ่านไม่ได้มีความผูกพันใดๆ ไปกับพวกมันด้วยเลย
จังหวะการดำเนินเรื่องมันเอื่อย ยืดยาดเยิ่นเย้อมาก แล้วพอถึงตอนที่อิขนมปังคิดได้บวกกับจะรำลึกความหลังก็ล่อมาแบบพรวดๆๆๆ รวดเดียวจบ เว้นวรรคเคาะย่อหน้าบ้างก็ด๊ายยยยยยยยยย
โทนเรื่องโดยรวมเข้าใจว่าจะเขียนให้เป็นแนวหม่นๆ เศร้าๆ แต่มันไม่อิน มันเลยไม่เศร้าตาม ขนาดอีขนมปังโดนราแดกตายก็ยังรู้สึกว่า เออ ก็ตายไปดิ แล้วไง... (ดูใจร้ายไร้ความรู้สึกมากเลยใช่มั้ยเนี่ย ขอโทษนะ...)
ก็พอจะเห็นภาพเป็นนิทานเด็กนะ พวกที่สมมติข้าวของพืชผักผลไม้สัตว์ป่าน้อยใหญ่ให้มีชีวิตเหมือนมนุษย์ขึ้นมา แต่มันยังไม่เป๊ะ คือพอเข้าใจว่าต้องการแนวไหน แต่อ่านไปก็ยังรู้สึกงงๆ อยู่ดี มึงต้องเข้าใจว่านิยายไม่ใช่นิทานภาพอะนะ แล้วเรื่องมันก็ดูไม่น่าจะเหมาะกับเด็กเท่าไหร่ปะวะ จากพล็อตเรื่องนี่ถ้าเด็กที่ไม่ได้ผ่านชีวิตผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาและยุคสมัย อาจจะไม่อินไปด้วยเท่าไหร่หรอกมั้ง
เรื่องภาษาไม่ถึงกับเลวร้าย แต่ไม่ดึงอารมณ์ให้เกิดความรู้สึกคล้อยตาม ดูเยิ่นเย้อแบบไร้จุดหมาย
พวกคำบรรยายประกอบบทสนทนาดูทื่อๆ ตัวอย่าง
“นั่นมัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและสีหน้าตื่นกลัวอย่างเป็นที่สุด <<< อ่านแล้วไม่รู้สึกตื่นเต้นตกใจอะไรตามอิแยมส้มเลยสักนิดว่ะ
รายละเอียดเล็กน้อยของการใช้คำ เช่น ซัก เค้า ถ้าไม่ได้จะเขียนภาษาวัยรุ่นที่เอาภาษาพูดมาเขียนแบบนิยายอีโมสมองกลวงหรือก็ควรเขียนให้เป็นแบบภาษาเขียน (แล้วบางทีก็ เค้า บางทีก็ เขา จะเอายังไงก็เอาให้แน่สักอย่าง)
เพิ่มเติมนิด การใช้ภาษาแบบอ่านง่ายๆ กับการใช้คำที่ไม่ใช่ภาษาเขียน สำหรับกูเป็นคนละเรื่องว่ะ อธิบายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน มีใครเข้าใจบ้างมั้ยเนี่ย
เช็กตัวสะกดด้วย รสชาติ สะกดงี้ (ถ้าอยากดูคนเถียงกันเรื่อง รสชาติ หรือ รสชาด ไปหาดูได้แถวพันทิป แม่งเถียงกันมาสิบชาติเศษได้)
“ฉันมีที่ๆอยากให้เธอดู ตามมาสิ” <<< ที่ที่ ในบริบทแบบนี้ใช้ไม้ยมกไม่ได้ เพราะที่จริงมันเป็นคนละคำ คือ "ที่" คำแรกเป็นคำนาม หมายถึงสถานที่ ส่วนคำหลังเนี่ยชี้อิคำข้างหน้าอีกที (ตัวอย่าง คนที่ไม่น่าคบ นิยายที่ดี แก้วน้ำที่ว่างเปล่า ที่ที่เคยไป ฯลฯ พอเข้าใจไหม)
นอกนั้นส่วนมากน่าจะแค่พิมพ์พลาดเฉยๆ มั้ง
เอออีกอย่าง ตอนเปิดเรื่องมาจะมีเสียงของคนบรรยาย คือคนที่มาเล่าว่าคุณอย่างนั้นคุณอย่างนี้น่ะ (ถ้าคุณมาที่ร้านเร็วกว่านี้สักสิบปี... เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คุณอาจจะแปลกใจ..." อยู่ดีๆ ก็หายไปเลยนะ เหมือนหมดประโยชน์แล้วโดนเขี่ยทิ้งชอบกล
มันไม่เหมือนนิทานเด็กอ่ะ นิทานเด็กน่าจะเล่าเรื่องตรงไปตรงมากว่านี้ ไม่เยิ่นเย้อขนาดนี้ กับเรื่องนี้กูรู้สึก surreal
จริงๆกูชอบพล็อตนะ กูอ่านแล้วมโนว่าเป็นเรื่องของแยมส้มโลกสวยผู้ขังตัวเองไว้ในอดีตหลอกตัวเองไปวันๆ กับขนมปังที่รักแยมส้มเลยอยู่ดูแลจนราขึ้น พอขนมปังตายแยมส้มเลยตื่นจากภาพหลอนชั่วขณะ มองขึ้นไปเห็นว่าหลังคาร้านสีฟ้าที่เห็นอยู่ทุกวันเหลือแค่โครงผุๆ แล้วตกใจหนีความจริงขังตัวเองในโลกจินตนาการว่าไปอยู่กับขนมปังอื่นๆแล้ว ความจริงแล้วแยมส้มใส่สารกันบูดเลยจะนั่งอยู่ตรงนั้นไปอีกสิบปี
ปัญหาคือสำนวนกับวิธีเล่าเรื่องแหละ มันไม่ดึงดูด กูอ่านสามย่อหน้าแรกแล้วเกือบเลื่อนไปกดปิด
>>199 ส่วนนึงน่าจะอยู่ที่การบิ๊วมาก่อนหน้านั้น คือตั้งแต่ขนมปังฝัน จนตื่นเพราะแยมส้มปลุก กับส่วนของการบรรยาย นี่เป็นการสังเกตเอาเองโดยไร้ซึ่งหลักวิชาใดๆ ว่าถ้าใช้การบรรยายประกอบบทพูดประเภท "เขาพูดอย่าง...." "เธอพูดด้วยน้ำเสียง...." มากเกินไป มันมักจะทำให้ความรู้สึกร่วมลดลงว่ะ คืออ่านแล้วรู้ว่าคนเขียนต้องการจะบอกว่าตัวละครนั้นรู้สึกอย่างไร แต่ไม่เกิดความรู้สึกแบบนั้นไปด้วย
แล้วก็สำหรับประโยคนี้ อาจจะใช้คำมากเกินจำเป็นไปด้วยมั้ง "น้ำเสียงหวาดกลัวและสีหน้าตื่นกลัวอย่างเป็นที่สุด" กว่าจะอ่านคำขยายจบก็หายตกใจแล้วว่ะ
คนแต่งเรื่องก็อย่าไปใส่ใจกับคำวิจารณ์มากนะครับ
นักวิจารณ์ใครก็เป็นได้ทั้งนั้น เค้าอาจจะอ่านแต่นิยายหีเปียกมาทั้งชีวิตแล้วมาวิจารณ์ก็ได้
อาจจะวิจารณ์เพื่อสนองนี้ดตัวเองเพราะว่าอยากทำร้ายจิตใจคนอื่นเล่นๆก็ได้
คุณเอาเวลาไปอ่านหนังสือให้มากแล้วเอามาขัดเกลางานตัวเองดีกว่าครับ
กูเคยโดนวิจารณ์นิยายจนเป๋ไปเลย จากเขียนเพราะสนุกกลายเป็นเขียนเพราะคนอ่าน
สุดท้ายก็ไม่ไหว มันไม่สนุกอีกต่อไปแล้ว กูเลิกเขียนมาพักใหญ่ๆแล้ว จากตอนนั้น ตอนนี้ก็เขียนไม่ค่อยได้ แบบเบื่อ เหนื่อย
กูแต่งนิยาย แล้วมีคนอวยเยอะเกินเพราะแนวเรื่องกูมันต่างจากคนอื่น กูเป็นมือใหม่เพิ่งแต่งเรื่องเดียว พอเจอคนอวยกุไปไม่ถูกเลยเพราะตอนแรกกุแต่งเรื่อยเฉื่อยของกุอยู่ แล้วไอ้ตอนนั้นมันเริ่มจริงจังขึ้นมา กุก็ไม่รู้จะแต่งจริงจังหรือแต่งเรื่อยเฉื่อยต่อดี แบบเหมือนโดนคาดหวังมากๆ กุเลยยัดไปทั้งความจริงจังทั้งความเรื่อยเฉื่อยปรากฏออกมาเละจนกูไม่อยากแต่งต่อ เศร้า... เพราะตอนแรกกุแต่งฆ่าเวลาเฉยๆไม่ได้วางพล็อตแน่นๆด้วยแหละ แย่มาก
กูแต่งนิยายลงเว็บเด็กดีนี่ล่ะ แต่เรื่องคนอ่านอะไรแบบนี้เรื่อย ๆ ว่ะ ส่วนมากเข้ามาอ่านแล้วปิดไป
Comment คือไม่ต้องพูดถึงนอกจากของคนรู้จัก และของคนรู้จักของคนรู้จัก แทบไม่มีเลย
กูแต่งนิยายเพราะกูอยากเสนอความคิดของกูออกมา อยากถ่ายทอดจินตนาการ ทัศนคติออกมา
กูเลยถือว่ากูแต่งนิยายเพื่อความสุขของตัวเอง มีแชร์ให้เพื่อนอ่านบ้างอะไรบ้าง ไม่ดิ ปกติเขาตามอ่านงานกูอยู่แล้ว
แล้วก็มีคนรู้จักของเพื่อนมาตามบ้างอะไรบ้าง
คือตอนมึงแต่งนิยายมึงก็น่าจะมีเหตุผลของตัวเองกันนี่? ไม่ไหวคือไม่ไหวรู้สึกกดดันก็พักไปก่อน อยากกลับมาแก้พล็อตใหม่ก็ทำ
ไม่อยากให้เอาเสียงคนอ่านมาเป็นตัวตัดสินชีวิตการแต่งนิยายมึงเท่าไหร่ เพราะคนแต่งคือมึงถ้ามึงแต่งให้ตัวเองพอใจมึงก็แต่งไปแบบนั้นล่ะ
เขาชอบเขาก็อยู่อ่านต่อ ไม่ชอบก็แค่จากไป
.........ในความเป็นจริงกูไม่มีฐานแฟนเลยล่ะ ฮ่า ๆ
เพิ่งอ่านบิเบลียจบ ปกติกูไม่ใช่คนอ่านหนังสือสักเท่าไรแต่กูว่ากูชอบความรักของพระนางจัง
คือเอาจริงๆเขาเจอกันแค่ไม่เท่าไรก็จริง แต่กูชอบลักษณะที่ดูเหมือนค่อยเป็นค่อยไป พระเอกธรรมดา
นางเอกน่ารัก มีเหตุการณ์ธรรมดาร่วมกัน
คือกูแค่อยากมาถามโม่งหนังสือว่ามีนิยายความรักประมาณนี้อีกไหม แนวประมาณเรื่องสั้นจบในตอนไม่ใช่ตอนยาว
คู่พระนางไม่มีเลิฟซีนแต่พอมีโมเม้นให้รู้ว่าเขาชอบกันนิดหนึ่งประมาณนี้น่ะ
กูชอบอ่านที่พวกมึงคุยกันมากเลย ถึงพวกมึงจะคุยกันแต่หนังสือเก่าๆยากๆ ไม่นับที่ด่าๆกันนะ 555
>>182 ในเล้าล็อคไปแล้ว >>>/meta/685/346-351/
ฝากถึงคนที่ขุดในเล้าหน่อย ว่ามึงควรแก้ความเน่าของกระทู้ด้วยการถมคอนเทนต์ใส่มันนะ บ่นใส่มันไม่ช่วย
มึงกูเจอคนบอกว่านิยายแนวออนไลน์เป็นดิสโทเปีย
เค้าจำสลับกับคำว่ายูโทเปียป่าว
ดิสโทเปียนี่เป็นนิยายแนวไหนวะ แบบโลกล่มสลายป่ะเท่าที่กูเข้าใจ
ส่วนยูโทเปียนี่คือโลกสงบสุข ถ้ายังไงช่วยขยายความให้ที ยกตัวอย่างได้ก็ดี นึกภาพไม่ออกเลย
>>219 ไม่ได้บอกแบบระบุเรื่อง แต่มีคนถามหาพวกแนวนิยายที่จะเป็นแนวแบบยุคต่อไปของเด็กดีในกระทู้ มีคนมาแบบแนวออนไลน์ ดิสโทเปีย...กูเลยงงเลย
เออ เรื่องนิยายที่มีคนทายแนวมีคนดัน"บันทึกจอมโจร"ขึ้นมาด้วยว่ะ แบบงี้แปลว่าในเด็กดีกูจะเจอคนแต่งแบบมุดกรวยมุดสุสานกันเป็นว่าเล่นใช่ไหมเนี่ย ถ้ามันกลายเป็นแนวจริง
>>216 ถมทำไมวะ ย้ายไปเล่นบอร์ดฝรั่งดีกว่า เลือกกลุ่มคุยได้ตามรสนิยมเลย
จะมาเสียเวลาอ่านให้เนื้อหาขยะรบกวนพื้นที่ในสมองทำไม ในนี้ที่กูรู้สึกว่ามีคลาสในการอ่านไม่เกิน 5 ตัวหรอก ดูจากสำนวนและเนื้อหาที่คุย
ส่วนที่แห่กันมาทีหลังก็ปล่อยมันจมกองหนังสือขยะไปทั้งชีวิตเหอะ
>>220 ไม่รู้กูเข้าใจถูกปะนะ ดิสโทเปียแบบที่กูนึกถึงคือมืดมนสิ้นหวังอะ แบบมันหม่นๆ กูเจอดิสโทเปียอยู่สองแบบคือโลกที่เผด็จการเหี้ยๆมีแต่กฎเกณฑ์ กับโลกที่ไม่มีกฎเกณฑ์ไรเลย บ้านเมืองไม่มีขื่อแป รอคนรู้มากกว่านี้มาขยายละกัน ฮาๆ ;;
แต่กูชอบอ่านนิยายเผด็จการมากอะ มีใครแนะนำได้มั้ยว่าเล่มไหนน่าสน
ถ้าโลกล่มสลายเต็มๆ มันจะไปลง Post Apocalypse แบบซึ่งจริงๆ มันคล้ายกันมากและมักจะมาคู่กัน
เพราะว่ามักจะเป็นเหตุเป็นผลกันว่าโลกล่มสลายจึงปกครองแบบควบคุมเพื่อรักษาสังคมไว้อะไรแบบนี้
โดยรวมๆ Dystopia มันจะหมายถึงสังคมที่ปกครองด้วยด้านลบน่ะแหละ นิยายจะเน้นเรื่องการกดดันควบคุมประชาชน
อย่าง Hunger Games เป็นแนวมี Dystopian เป็นส่วนเสริม
เรื่องยุคหลังที่กูชอบมากก็ชินเซโคโยริ (From the New World) ที่เป็นอนิเมจากนิยาย กำลังหัดอ่านญี่ปุ่นอยู่ เล็งจะอ่านเรื่องนี้ กับเคยถามคนที่อ่านนิยายแล้ว บอกว่าอ่านยากมาก
แต่สนุกแนะนำ เพราะมีทั้ง Apocalypse ทั้ง Dystopian ทั้ง Homo
เรื่องที่ไม่ถึงกับ Post Apocalypse ก็พวกคลาสสิกอย่าง 1984, Fahrenheit 451, Brave New World
บางเรื่องก็เป็นดิสโทเปียอ่อนๆ อย่าง Minority Report
เออ ลืมบอกว่า story teller ของลวิตร์ก็เป็นดิสโทเปียนะ ถึงจะไม่หดหู่รุนแรงแบบ 1984 แต่ก็เป็นสังคมสิ้นหวัง โลกถูกควบคุม สงครามระหว่างดาวกับผู้ชายที่เรียกหาสันติภาพ กูแนะนำอันนี้ด้วย
>>232 ชินเซไคกูก็นับว่ดิสโทเปียนะ แต่เป็นดิสโทเปียแบบที่อยู่ในมุมมองของคนที่กดขี่คนอื่น(แต่ตัวเองก็โดนผู้ใหญ่/บรรพบุรุษ/ยีนส์ควบคุมอีกที) บรรยายกาศเรื่องดูเหมือนออกแนวสบายๆอยู่กับธรรมชาตินะ แต่แบบทุกอย่างแม่งโดนคุมไว้หมดเลย
อยากอ่านฉบับนิยายเป็นบ้า แต่ดูภาษาแล้วน่ากลัวเป็นบ้า
กูดูชินเซไคแล้วกูเห็นต่างกับหลายๆคนนะ คือกูชอบยาโคมารุและอุดมการณ์มันก็จริง รวมถึงสงสารพวกมนุษย์ยุคก่อนที่โดนล้างเผ่าพันธ์ด้วย
แต่กูกลับสนับสนุนพวกผู้ใช้พรนะ เพราะกูออกแนวTrans-humanismด้วย กูเชื่อว่า"ผู้เหนือกว่าย่อมมีสิทธิปกครอง" เช่นเดียวกับที่มนุษย์"เลี้ยงสัตว์"
ถ้าผู้ใช้พรเหนือกว่ามนุษย์และพิชิต"โลกของมนุษย์"ได้ ผู้ใช้พรก็มีสิทธิปกครองมนุษย์ แต่กูเป็นคนที่เน้นความเท่าเทียม นั่นหมายถึงในทางกลับกันด้วย
ถ้ามนุษย์หรือพวกหนูผีชนะผู้ใช้พร พวกเขาก็มีสิทธิปกครองผู้ใช้พร กูไม่เชื่อในเรื่องCo-existenceเท่าไหร่ ยกเว้นทั้ง2ฝ่ายจะมีอำนาจเท่าเทียมกัน
พูดให้เลวคือกูค่อนข้างสนับสนุนแนวการปกครองแบบDystopiaหลายๆอย่าง ถ้าคนในสังคมนั้นๆ"ด้อยกว่า"จริงๆ เหมือนอย่างที่หมาเลือกนายไม่ได้
เรื่องนี้กูก็อยากอ่านนิยาย แต่กูเห็นยอดขายของเรื่องนั้นหลังจากฉายมา3เดือนได้ไม่ถึง500แผ่น กูก็ปลงพอๆกับการที่บ้านเราจะกลับมาฮิตSci-Fiอีกนั่นละ
ขนาดเรื่องNo.6ที่ออกแนวDystopiaเหมือนกันยังถูกลอยแพเลย กูดูคร่าวๆแล้วเรื่องนี้ก็มาแนวเดียวกับชินเซไคและPsycho-Passนั่นละ แค่มีYพ่วงด้วย
>>236 ส่วนตัวกูไม่ชอบแนวคิดว่าเพราะกูแกร่งกว่า ดังนั้นกูจึงปกครอง/เป็นเจ้าชีวิตเอ็งได้นะ ถึงความจริงส่วนใหญ่จะเป็นงั้นก็เถอะแต่ถ้าคิดงั้นจริงจิตใจกูคงหม่นหมองหน้าดู
งั้นกูขอยก แนวจากเรื่องพันธนาการของลวิตร์ละกัน คือแนวมันเริ่มด้วยการ กูแกร่งกว่าเอ็งดังนั้นกูจึงกิน/ล่าเอ็งไม่ผิด เหมือนกับที่มึงยกตัวอย่างนั้นละ แต่เมื่อไปเรื่อยๆแนวคิด กูแกร่งกว่ามึงจึงต้องอยู่ใต้กู ก็พากันให้สองเผ่าเกือบล่ม และกูชอบที่ลวิตร์เขียนไว้ตอนท้ายเล่มนะ
ชินเซไคขายไม่ออกจริงดิ เป็นอนิเม26ตอนที่ทำให้กุดูเพลินๆไม่บ่นเบื่อเลยนะ.... อีปิคดี
กุเบื่อพวกบอกดูๆๆๆไปซักพักสุดท้ายแม่งก็ข้ามไปเปิดตอนจบแล้วก็เอามาคุยชิบหายเลย ขี้เกียจดูนักก็กลับไปดูอนิเมขายนมไป
>>238 ขายไม่ออกจริงมึง โฮโม+ไม่เซอร์วิส ก็ไล่ลูกค้าได้หลายแล้ว แต่มึงพูดแล้วกูเจ็บนะ คือกูได้ครึ่งเรื่องแล้วกูข้ามไปตอนจบ แล้วพักสักพักใหญ่แล้วค่อยไล่ดูตอนที่เหลือ คือดูแล้วแม่งอึดอัดวะ ดูแค่ครึ่งแรกกูก็จิตตกแล้ว สุดท้ายก็ทนไม่ไหวไปดูตอนจบให้คลายๆลงหน่อย แล้วค่อยกลับไปไล่ดู สุดท้ายก็จิตตกอยู่ดี
เดี๋ยวไอ้ห่าเรื่องมากนั่นจะมาไล่อีก กูขออธิบายว่าชินเซไคโยริเป็นนิยายดิสโทเปียน+โลกหลังหายนะจากสงครามระหว่างมนุษย์กับมนุษย์กลายพันธุ์มีพลังจิต ผลคือมนุษย์ดั้งเดิมแพ้เพราะอาวุธนิวเคลียร์ทำลายตัวเองทั้งหลายแหล่ และเพื่อไม่ให้เป็นภัยอีกมนุษย์มิวแตนท์เลยรวม DNA มนุษย์ดั้งเดิมเข้ากับหนู ให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนด้อยไร้พิษภัยต่อมนุษย์พลังจิตอีก
มนุษย์มิวแตนท์ก็รู้ว่าตัวเองมีแนวโน้มทำลายตัวเองเลยผนึกยีนเผ่าพันธุ์ตัวเอง สะกดจิตตั้งแต่เด็กให้ทำร้ายมนุษย์ด้วยกันไม่ได้ เพื่อจะได้ไม่ฆ่ากันเอง แล้วก็มีระบบไว้คัดสรรค์คนที่จะควรจะอยู่ไม่เป็นภัยต่อเผ่าพันธุ์ ใครพลังด้อยหรือพฤติกรรมก้าวร้าวก็เก็บซะตั้งแต่เด็ก แล้วก็มีปมเล็กๆ (ว่าเพื่อให้ระบายความเครียด เลยโปรแกรมไว้ให้ผูกพันธ์กับเพศเดียวกัน เลยมีทั้งคู่ยาโอยคู่ยูริ)
ตัวเอกในเรื่องเป็นเด็กผู้หญิง เป็นมุมมองตั้งแต่เด็กจนโตเป็นผู้ใหญ่ ผ่านอะไรหลายอย่างในระบบโดยที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ช่วงท้ายพวกมนุษย์หนูก่อขบถตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่นางเอกเป็นเด็ก แต่สุดท้ายปราบถูกได้ จบเรื่องนางเอกลงเอยกับเพื่อนสมัยเด็กที่รอดอยู่คนเดียว (ได้เมียเพราะรอดเฉยๆ นี่แหละ)
ตอนแรกเหมือนจะเป็นโลกแฟนตาซี แล้วหักมุมเป็นไซไฟอนาคต เจ๋งดี พลังจิตของมนุษย์ในเรื่องเวอร์มาก ทำได้ทุกอย่างด้วยความคิดจริงๆ เลยต้องผนึกพลังตัวเองไว้ส่วนนึง อย่างลาสบอสก็เป็นเด็กมนุษย์ที่หนูเอาไปเลี้ยงแบบไม่ผ่านพิธีผนึกพลัง เทพเวอร์จนคนที่เก่งที่สุดในเรื่องยังสู้ไม่ได้
นิยายแปลยังหวังอยู่แบบสิ้นหวังแล้ว
ยอดอยู่แถวๆ 500 แผ่นมั้ง
>>237 กูอยู่สายสัจจะนิยม สำหรับกูIs(สิ่งที่เป็นอยู่)คือสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าOught(สิ่งที่ควรเป็น)จะเป็นเช่นไร แต่ตราบใดที่ISยังคงเป็นเช่นนั้น มันก็จะเป็นไปเช่นนั้น จริงอยู่ว่าเราสามารถทำตามOughtได้ แต่เมื่อเพชิญหน้ากับChoice Isย่อมชนะเสมอ ยกเว้นOughtจะมีอำนาจมากกว่าIs แต่ตราบใดที่Oughtยังไม่กลายเป็นIs=Universal ข้อยกเว้น(Black Swan)ก็ไม่มีความหมายมากไปกว่าคำพูดอันสวยหรู
แต่กูไม่ได้บอกว่าผู้ที่เหนือกว่าต้องโหดร้ายกว่าผู้ที่อยู่ต่ำกว่านะ กูพูดไม่เคลียร์เอง ในหลักการปกครอง กูยึดHegemony(อำนาจนำ)เป็นหลัก ใครมีHegemonyเหนือกว่าย่อมเป็นผู้นำ และในฐานะTrans-Humanism กูเชื่อว่าผู้ที่เหนือกว่า(ด้านวิวัฒนาการ)ควรมีHegemonyมากที่สุด ส่วนการได้มาซึ่งHegemonyเป็นอีกประเด็นหนึ่ง
กูเทียบกับCivilization Vก็แล้วกันที่มีVictoryหลายๆอย่าง เช่นDomination, Cultural, Vote, Science มันไม่สำคัญว่าจะเป็นHegemonyแบบใหน สำคัญที่ว่าใครมีHegemonyมากที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือ"การแข่งขัน" ทุกๆฝ่ายมีสิทธิสถาปนาHegemony แต่ใครจะมีHegemonyมากที่สุดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับกูคือ"ผู้เหนือกว่าย่อมมีสิทธิปกครอง(มากที่สุด)" แต่จะปกครองและสถาปณาHegemonyได้หรือไม่เป็นอีกเรื่อง
ที่ผ่านมาในโลกก็เป็นไปตาม >>242 ว่านะ สมัยหนึ่งเคยมีมองโกลปกครองครึ่งโลก(อย่างสงบสุขด้วยเหอะ) สมัยหนึ่งเคยมีโรมัน สมัยหนึ่งเคยมีจักรวรรดิอังกฤษ สมัยที่พวกนี้พีค ต่างก็มีอำนาจนำแบบไร้ต่อต้านทั้งนั้น แต่อำนาจนำมันอ่อนลงได้ด้วยหลายๆ สาเหตุ อย่างสุขสบายนานเกินไป แย่งอำนาจกันเอง หรือมีอำนาจอื่นมาท้าทาย ในชินเซไคก็เป็นงั้นเหมือนกัน มนุษย์พลังจิตขึ้นมาปกครองได้ ก็ถูกพวกหนูผีท้าทายได้
ส่วนตัวคิดว่าแนวคิดปกครองให้อยู่แทบเท้ากันแล้วจะล่มจมทั้งสองฝ่ายนี่เป็นการมองแบบสุดกู่เกินไปว่ะ ซึ่งก็เห็นได้ตามงานเขียนเรื่อยๆ นะ
ในยุคสงครามโลกหรือสงครามเย็น จะมีแนวๆ นี้เยอะ
เออ อีกอันที่เหี้ยมากๆ ในแนวดิสโทเปีย คือโลกของเรื่อง The Time Machine ต้นฉบับนิยาย ที่พวกกรรมมาชีพวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์สังคมระบบรังอาศัยอยู่ใต้ดิน ล่าพวกที่วิวัฒนาการมาจากชนชั้นนำที่กลายเป็นสัตว์สวยงามไม่ทำการทำงานกินเป็นอาหาร
สุดท้ายแล้วพวกข้างล่างแดกพวกข้างบนหมด สูญพันธุ์เกลี้ยง
กูเข้าไปดูเทรนทวีตของไทยมา #คนไทยอ่านปีละ50เล่ม
มีคนแนะนำอิด๊อกปอบด้วยว่ะ สิ้นหวังแล้วววววว 55555
>>249 มันมคโทรลรสนิยมสูงชั้นดาวพลูโตมาแหกปากทุกทีที่พูดเรื่องที่ไม่ถูกใจมันไง คนอื่นเลยพูดเพื่อมีคนถาม จะได้ไม่รกกระทู้จบเรื่องไวๆ
เข้าเรื่องนิยาย กูอยากอ่านหนังสือsci-fiดีๆแบบภาษาไทยอะ ใครมีเรื่องไรแนะนำมั่ง คือถ้าหนังสือประเภทอื่นกูพออ่านอังกฤษได้นะ แต่sci-fiนี่กูไม่ใหวจริงๆ แพ้ศัพท์เทคนิค
I robot นี่เป็นดิสโทเปียรึเปล่า หรือแค่ไซไฟเฉยๆ สงสัยมาก
>>251 Dune บอกแล้วว่าอย่าเด็ด ปกติสามารถทนอ่านแปลห่วยระดับ World War Z ได้ แต่Duneแม่งแปลไปเหนือกว่านั้นอีก จนกูอ่านมาแล้วครึ่งเล่มแล้วยอมแพ้ อ่านไปเหมือนโดนมอมยานอกจากแปลคำห่วยแล้วแม่งยังเรียงประโยคเหี้ยสัดๆ เหมือนกูต้องเล่นเกมไขปริศนาเอาประโยคมาต่อให้ได้ใจความ
โลกนี้มีอะไรแปลเหี้ยกว่าwwzอีกเหรอวะ
สถาบันสถาปนามีพิมพ์ใหม่หรอวะ ของสนพ.อะไร
ไซไฟแปลไทยมันดับเพราะคนไทยไม่ชอบอ่านอะไรยาก ไม่ใช่เพราะคนแปลศัพท์ประหลาดห่าเหวอะไรของมึง กุอ่านความคิดพวกมึงแล้วกุอยากเอาหัวโขกกำแพง ให้กับความฉลาดล้ำเลิศของพวกมึง พวกมึงอ่านจริงรึเปล่าวะ กูแนะนำว่าพวกมึงกลับไปอ่านภาษาอังกฤษเถอะ
กูว่าวงการนิยายไซไฟไทยนี่สมัยก่อนยังดูรุ่งเรืองกว่าอีกนะ มีนิตยสารชัยพฤกษ์แล้วก็รวมเรื่องสั้นไซไฟของนักเขียนดังๆ ด้วย กูมีเรื่อง "ห้องอนาคต" "ขายดวงดาว" อ่ะ เก่ามาก สมัยนี้แม่งเงียบกริบ... ขนาด Ender's game ยังต้องขายแบบสั่งจอง...
กูนอกเรื่องนิดได้ป่ะ เห็นบนๆ ดูเหมือนมีคนเขียนนิยายอยู่เยอะเหมือนกัน พวกมึงเคยน้อยใจไหมอ่ะที่สื่อรูปแบบตัวอักษรมันได้รับความนิยมน้อยกว่าภาพอ่ะ เคยนึกมั่งป่ะว่าถ้ามีคนเอาเรื่องของเราไปเขียนการ์ตูนมีหวังฮิตโคตรๆ ไรงี้อ่ะ
>>265 ไม่ว่ะ คนแต่งนิยายเขาภูมิใจในสำนวนของเขาด้วย ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่อง ถ้าคิดเนื้อเรื่องเทพ = นิยายเทพ แบบนั้นมึงก็คิดเรื่องเทพๆอยู่ในหัวของมึงไม่ต้องแต่งออกมา จบ หรือเขียนเป็นซินนอปซิส แค่นี้ก็ได้ละ นิยายเทพ จริงม่ะ?
คนทำนิยาย เขาอยู่ได้ด้วยสำนวนว่ะไม่ใช่เนื้อเรื่อง ไอ้เซ็งที่ภาพมีการโต้ตอบเยอะกว่านิยายน่ะมีบ้าง แต่ไอ้การคิดว่าถ้าเรื่องของเราโดนเอาไปวาดจะดังมาก นี่กูว่าเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรในการแต่งนิยายเลยนะ
ใช่ว่านิยายทุกเรื่องเอามาเขียนเป็นการ์ตูนแล้วออกมาดีจริงๆนะ
คนวาดการ์ตูนที่สามารถถอดอารมณ์กับเนื้อหามาได้โดยไม่เสียอรรถรสของนิยายนี่ต้องเก่งมาก
โดยส่วนตัวยกให้อ.ชิมิสึ อากิที่วาดกล่องภูตพราย อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าอ.ชิมิสึแกรักนิยายเรื่องนี้จริงๆ
ถ้าให้เลือกนิยายกับการ์ตูน กูเลือกนิยายวะ เพราะกูชอบเก็บรายละเอียด ซึ่งนิยายมันบรรยายได้ดีกว่า ยกเว้นพวกหน้าตาตัวละครนี่ละที่กูต้องการภาพ นอกนั้นไม่ต้องก็ได้ อ้อ พวกสิ่งของบางอย่างนี่มีรูปก็ดี อย่างพลั่วสยบซอมบี้ในWWZนี่กูนึกภาพไม่ออกจนไปหาในเน็ต แม่งเท่กว่าที่กูมโนเยอะเลย
นอกจากนักวาดกับนักเขียนแล้ว กูยังอยากนับถือนักแปลอีก แต่ละอย่างหาข้อมูลกับทำความเข้าใจได้ไงว้าาาาา
อ.ชิมิสึถ่ายทอดดีมาก ข้อมูลครบ อารมณ์ครบ แอบบอกด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าเข้าใจง่ายกว่าตอนเป็นนิยายอีกต่างหาก (โดยเฉพาะปริศนาหัวกะโหลก)
ทริคที่คิดว่าจะวาดออกมาเป็นการ์ตูนยาก อาจารย์แกก็อุตส่าห์วาดได้อีก ซูฮกพะยะค่ะ
>>273 กูซื้อมา แต่ยังไม่ได้แกะอ่านเลย โอเค กูจะรีบอ่านเลย
มีโม่งคนไหนอ่านผู้ชนะสิบทิศบ้างมะ ในเรื่องกูชอบคู่นันทวดีกับมังตรามากเลย ดูหงอเมียมากๆแต่ก็ยังเหล่หญิงอื่นอยู่นะ จะเด็ดแม่งเจ้าชู้ชิบ ไปที่ไหนก็มีเมีย ในเรื่องกูชอบตะละแม่จันทรานะ นางเป็นเมียที่ยิ่งใหญ่ดี อีกคนก็นันทวดีที่เอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อด้วยความเต็มใจเพราะรู้ว่ายังไงจะเด็ดแม่งก็ต้องมาตีเมืองคืน
กูพึ่งถูกหวยมาว่าจะซื้อหนังสือ
เลือกอะไรดีวะ ระหว่างเด็กเตอร์ซีรีย์กับไมรอนซีรีย์
Dexter
ฮาลาน โคเบน เป็นนักเขียนที่กูชังมาก
หมายถึงไมรอน โบลิทาร์สินะ
ยังไม่ได้อ่าน Dexter สักที แต่ถ้าไมรอนมันจะมีพวกมุกฮากริบแบบเมกันหน่อย พวกคดีจะเดาค่อนข้างง่ายอยู่ แต่ก็ลุ้นตามได้ ถ้าชอบกีฬาอาจจะอ่านสนุกขึ้นนิดหน่อยเพราะประเด็นมันจะอยู่กับพวกนักกีฬาเยอะ สรุปคือเป็นแนวสืบสวนที่อ่านสบายๆ กูอ่านสนุกเพราะตัวละคร +จิ้นวายได้ด้วย(ถ้าไม่ได้ชอบวายก็ถือว่ามันคุยเกย์กันฮาๆดี)
ใครรีวิวเด็กซ์เตอร์ต่อที เล็งมานาน ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดูซีรีส์อะไรหนุกกว่าวะ
ถ้านิยายของฮาลาน โคเบน มันจะมีแพทเทิร์นซ้ำๆกันเกือบทุกเรื่องเว้ย แบบ...พระเอกตกที่นั่งลำบาก ตัวร้ายเก่งมาก ใช้อำนาจมืด ส่งคนมาข่มขู่พระเอกและผองเพื่อน พระเอกหนีตาย ต้องไปสืบคดี พบว่าคนร้ายเป็นคนที่คาดไม่ถึง กูอ่านมาทุกเรื่องเลยจับทางมันได้ละ แต่ก็ยังอ่านอยู่นะ
นิยายสืบสวนญี่ปุ่นกับฝรั่งนี่มันมาคนละขนบกันเลยนะ อ่านของญี่ปุ่นเยอะๆ แล้วอ่านของฝรั่งไม่ค่อยสนุกเลยว่ะ
ไม่ได้บอกว่าใครดีกว่าใครนะ แค่เป็นความชอบน่ะ
ฝรั่งกูชอบของไมเคิล คอเนลี่ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่บ้าบอใส่อะไรให้มันดูจงใจบิ๊วอารมณ์มาก
ญี่ปุ่น อ่านแล้วสยิวดี ชอบแบบสมัยเก่าหน่อยๆ ได้รู้ได้เห็นสภาพสังคมค่านิยมสมัยก่อนด้วย คินดะอิจินี่ประทับใจจอร์จที่สุด
กูชอบงานโป มันดำๆมืดๆดี ส่วนของคินดะอิจินี่บางเรื่องวิปริตสุดๆอะ แบบปู่อยากอึ๊บหลานเลยสร้างห้องเอาไว้แอบดู สร้างสวนวงกตที่เอาไว้มองคนที่เดินเข้าไปในนั้น คินดะอิจิรุ่นหลานกูชอบตอนหมู่บ้านหกมุม ซานตาครอสเคราแดงกับทะเลสาปพ่ายรักว่ะ มันเศร้ามาก
นิยายฆาตกรรมกุว่าต้องของยุโรปว่ะ อย่างของเย็ดโด้นี่อ่านไปหนาวไป
ตอนอ่านมึงต้องสร้างบรรยากาศหน่อย ๆ แอร์เย็นๆ ไฟสลัวๆ อ่านตอนดึกๆ เงียบๆ
ถ้าเรื่องความวิปริตนี่แนะนำเอโดงาวะ รัมโป
เสียดายที่งานเขาไม่ค่อยมีแปลไทย
รัมโปเห็นแปลอันเดียวของผีเสื้ออะ อยากอ่านพวกนัตสึเมะ โซเซกิด้วยแต่ยังไม่เห็นมีที่ไหนเอาเข้ามาเลย
โซเซกิเคยมีสำนักพิมพ์ฟรีฟอร์มแปลเรื่อง บจจัง แต่จำชื่อไทยไม่ได้ละ
อ้อ ถ้าอยากอ่านวรรณกรรมญี่ปุ่นเด็ดๆ โอเอะ เคนซาบุโรก็มีแปลไทยเยอะอยู่
กูเคยเห็นโคโคโระแปลไทยนะ แต่เก่ามากๆแล้วสมัยกูเรียน
ถึงจะอ่านภาษาญี่ปุ่นออก แต่กูว่าวรรณกรรมคลาสสิคญี่ปุ่นนี่ไม่สนุกเลย... มันชืดๆ ไม่มีไคลแม็กซ์ว่ะ อ่านแล้วงง
ถ้า 純文学 นี่มันไม่เน้นเนื้อเรื่องนะ เน้นสำนวนภาษา โดยมากอ่านแล้วจะอารมณ์ WTF มากกว่า
อยากรู้ว่างานของมุราคามิมีดียังไง
คืออ่านนอร์วีเจียนวู้ดกับทาซากิ ซึคุรุแล้วรู้สึกเฉยๆ งงๆ เราโง่จนเข้าไม่ถึงหรือยังแก่ไม่พอจะเข้าใจชีวิต
นอร์วิเจี้ยนวู้ดกูเคยเช่ามาอ่านแต่อ่านไปได้บทสองบทก็หลับ เลยไปถามจากเพื่อนที่เคยอ่าน เพื่อนบอกมันเอากันทั้งเรื่อง.....มันจริงป่าววะ กูไม่เคยอ่านรีวิวอื่นๆนะ แต่มันพอจะมีประเด็นอะไรให้กูสนใจติดตามอยากอ่านต่อได้มั่งวะ
ไอ้เหี้ยคนแปลมันอีโมไง มึงลองไปอ่านฉบับอิงดูมึงจะเห็นความแตกต่าง
ไอ้อีโมนี่มันเสือกแปลจากฉบับอิงที่แปลมาจากยุ่นอีกที บวกอารมณ์อีโมส่วนตัวเข้าไปมึงคิดดูสิว่ามันจะห่างไกลจากออริจินอลแค่ไหน
กุแอบหัวเราะทุกครั้งที่มีคนบอกว่าอ่านมุราคามิของกำมะหยี่แล้วชอบมาก อารามณ์มันลึกซึ้งมาก ควยยยยยเหอะะะ
ส่วนไอ้ความเซอเรียลมันก็มีอยู่ตามสไตล์มัน ส่วนมากกุชอบบทสนทนาในเรื่องมากกว่าเนื้อเรื่องว่ะ
มุราคามิของกำมะหยี่หลังๆ ก็ไม่ได้ใช้นพดลแปลป่ะวะ หันมาแปลตรงจากญี่ปุ่นล่ะ มึงอย่าเหมารวมดีกว่านะ
>>299 .... ทำไมมันฟังแล้วเหมือนไม่ใช่ ... เอากันทั้งเรื่องนี่ห่างไกลก่ะคำจำกัดความของนอรฺวิเจี้ยนวู้ดนะ
กุเป็นติ่งมุราคามิว่ะ อ่านทั้งภาษาอังกฤษและไทยถ้าอ่านภาษาอื่นได้ก็จะอ่าน กุอยากอ่านภาษาญี่ปุ่นออกที่สุดจะได้อ่านต้นฉบับ
กุว่างานมุราคามิมันไม่อยู่ที่พลอทว่ะ มันอยู่ที่อารมณ์ คือเนื้อเรื่องช่างมันเหอะ แต่อารมณ์มันแบบได้อ่ะ
แล้วอารมณ์ที่ว่าเด่นๆ คืออารมณ์เหงาอึนๆอ่ะ เวลาอ่านจะรู้สึกหน่วงๆอึนๆ
อ่านจบแล้วแบบ เหี้ยกุเหงา กุวอนท์ซัมบอดี้ แต่พอเพื่อนมาชวนไปดูหนังกุก็จะตอบว่า ไม่เอาอ่ะอยากอยู่คนเดียว อยากไปทะเลคนเดียว
แล้วพอคนถามว่ามึงไปทำห่าอะไรคนเดียว กุก็จะบอกว่ากุไม่รู้กุเหงา ...
.... อะไรเงี้ย มึงเข้าใจกุไหม
แนะนำพวกหนังสือรวมเรื่องสั้นหน่อยดิ
มุราคามิกูชอบพวก พินบอล, Dance Dance dance กับ Sweetheart อะไรซักอย่าง
กูถามมึงหน่อย sputnik Sweetheart กับคาฟกา วิฬาร์ นาคาตะนี้เป็นไงวะ ถ้ากูจะเริ่มอ่านนิยายมุราคามิจากสองเรื่องนี้มันจะดีมั้ย
กุอ่าน Norwegian wood ได้จนจบเพราะรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติในเรื่อง ประมาณว่าเด๋วต้องมีใครซักคนสติแตกแน่ๆ แต่อ่านจบแล้วก็เฉยๆ
คาฟกัาแมวนี่เป็นเรื่องของคนสองคนมั้ง คนนึงเป็นชายหนุ่มที่มีชะตากรรมต้องเอาแม่ฆ่าพ่อ กับนากาตะตาลุงแก่ๆคนนึง กูอ่านนานแล้ว จำไม่ค่อยได้ จำได้ว่ากูค่อนข้างพยายามมากจนถึงช่วงท้าย 55555
เรื่องสั้นมุราคามิมีหลายเล่มนะ ลองอ่านจากเรื่องสั้นดูก่อนก็ได้ กูว่าน่าจะดีกว่า
เออ พวกมึงแนะนำแนวอีโรติกดีๆให้กูหน่อยได้ไหม กูอ่านปริมณฑลแห่งรักในมติชน ชอบสำนวนมากเสียดายแมร่งยูริ กูอยากได้ชายหญิง มีตอนโม้กจะดีมาก
อ่านฟรานส์คาฟก้ากันเลยดีกว่า(ไม่เกี่ยวอะไรกะมุราคามิเลย แต่เห็นชื่อคาฟก้าแล้วนึกถึง) ยังเห็นมีแปลขายอยู่นะ
>>310 ชุด In Death ของเพิร์ลอะ อีโรติคด้วย แล้วก็สืบสวนสอบสวนด้วย คดีค่อนข้างวิปริตและป่วยทางจิต บางเล่มโครตป่วยเลย อย่างฆาตกรเด็กหรือฆ่ากันตายในครอบครัวเพราะขัดขากันเรื่องผลประโยชน์ น่าจะยังหาได้อยู่นะเพราะออกมาเยอะอยู่ 25 เล่ม นางเอกเป็นตำรวจ พระเอกเป็นนักธุรกิจ
พวกณาราอะไรนี่ก็มีโม้กนะ แต่มันสวะไป ถ้าอ่านเอาเย็ดอย่างเดียวแนะเรื่องกลรักลวงใจ ธาราหิมาลัย เหตุผลเชี่ยอะไรโยนทิ้งไปให้หมด
พวกมึงจะคุยนิยายเอากันทำไม เดี๋ยวก็มีคนมาด่าว่าคุยนิยายชั้นต่ำอีก หัดมีรสนิยมวิไลไปถึงดาวเนปจูนหน่อย
ถึงดาวอังคารให้ได้ก่อนเหอะ
อิโรติกนี่แหละ ถ้าเขียนได้สวยล่ะก็มีรสนิยมโคตรๆเลย
>>303 กูเป็นเหมือนมึงเลย อ่านแล้วแม่งเหงาชิบหาย
กูอึนอยู่พักนึง แล้วก็เหงา แต่ถามว่าแล้วอยากมีใครมั้ยก็ไม่ 5555
ถามว่ากูชอบไหม กูก็ตามอ่านหมดนะ 1Q84นี่ก็สนุกดี
แต่พินบอลนี่เฉยๆ อิแกะนี่แทบเขวี้ยงทิ้ง แบบ เชี่ยอัลไลลล
>>306 sputnik Sweetheart นี่กูชอบอ้ะ
เข้าใจอารมณ์คนแอบรัก กูแอบอิน 555
กูมารู้จากห้องนี้แหละว่าคนแปลแปลมุราคามิได้แบบ...มาก
กูจะพยายามอ่านจากengเอามั่งนะ (ส่วนเวอร์ญี่ปุ่นปล่อยเบลอ55)
พวกเรื่องสั้นของนักเขียนยุโรป อเมริกา มีใครเจ๋งๆบ้างอะ
เคยอ่านแต่โปที่พวกมึงแนะนำมา ปกติอ่านแต่โนเวลหรืออย่างมากก็ชอตโนเวล
ถ้าเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว กูเชียร์ Different Seasons ของป๋าสตีเฟ่น คิง เรื่อง Shawshank redemption ก็อยู่ในนี้ด้วย ถ้าจำไม่ผิดนะ
สตีเฟ่น คิง แนะนำเรื่อง The Shining / Misery
เฮมิ่งเวย์ แนะนำเรื่องเฒ่าผจญทะเล
นาโบคอฟ แนะนำเรื่องโลลิต้า ภาษาสวยมาก อ่านอังกฤษจะยิ่งดี
อาซิมอฟ แนะนำเรื่อง สถาบันสถาปนา
มาร์ค ทเวน แนะนำเรื่อง การผจญภัยของทอม ซอว์เยอร์
โทลคีน เดอะลอร์ดยาวไปแนะให้อ่านเดอะฮอบบิท
โทมัส มอร์ Uthopia
ที่เคยอ่านมีแค่นี้ว่ะ รอคนอื่นมาเสริมละกัน
เชียร์มั่ง
The Yellow Wallpaper ของ Charlotte Perkins Gilman
และ Metamorphosis ของ Franz Kafka
อ่านจบกูวางถุงกาวแล้วตั้งสติเลย
ว่าไปกูยังหาซื้อ misery ไม่ได้เลย ชี้แหล่งให้หน่อยได้มะ จะไปคุ้ยที่จตุจักรก็ไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น
Metamorphosis มันใช้ภาษาง่ายๆ เล่าเรื่องธรรมดาๆ ไม่พรรณนาอะไรมากมาย
คนเลยตีความเนื้อเรื่องกันได้หลายแบบ ขนาดรูปแมลง คาฟคายังไม่ยอมให้เอาขึ้นปกเลย เพราะอยากให้คนจินตนาการเอาเอง
หลายคนอ่านแล้วชอบมาก เพราะรู้สึกว่าตีความแล้วเข้ากับชีวิตตัวเอง
กูอ่านแล้วโคตร depressed แต่กูก็อ่านหลายรอบ ทั้งไทยทั้งอังกฤษ
ถ้ากูอ่านเยอรมันออกก็คงจะหามาอ่านเหมือนกัน
อยากไดหนังสือเด็กๆแต่ให้แง่คิดดีๆแบบเจ้าชายน้อยวะแนะนำหน่อยย
พวกมึงเคยมีนิยายที่ความรู้สึกชอบพลอตมันมากๆ อ่านแล้วทรมานชิบหายบ้างมั้ยวะ
คือกูเจอเรื่องนึงแล้วเห็นว่าพลอตแม่งเจ๋งดี ตอนคนแนะนำมานี่กูแทบจะแหกโค้งไปจกมาอ่าน
ปัญหาคือแต่พออ่านแล้ว กูรุ้สึกว่าความสามารถในการดำเนินเรื่องเค้าแม่งเอื่อยเฉื่อยเป็นบ้า อ่านแล้วเหมือนจะหลับ
ไปบ่นกับคนที่อ่านมาแล้วคนเค้าจะบอกแต่แค่ว่า "เรื่องนี้มีของนะ" "อย่าอ่านเอาภาษาดิ"
กูก็แบบ....กูก็อยากเสพย์ตัวพลอตเมนเรื่องหลักนะ แต่การเสพย์แม่งต้องอ่านไง กูพยายามแล้วแต่แม่งเปิดแต่ละทีก็เหี่ยว OTL
ไม่เคยอ่านเรื่องนี้นะ แต่เคยอ่านอีกเรื่องของคนนี้ในเด็กดี ภาษามันเป็นภาษาวัยรุ่นมาก เล่นมุกปัจจุบันที่ถ้าไม่ตามข่าวคงไม่ขำ สำนวนเวิ่นเว้อพอควร น้ำก็เยอะ มึงอ่านข้ามๆไปก็ไม่มีปัญหา
คนเขียนนี่จะว่าเขียนดีก็เขียนดี เพราะจับจุดเด่นที่น่าจะดังและขายได้มาเขียนตลอด แต่ข้อเสียคือพยายามทำให้ภาษาตัวเองดูสวย และน้ำเยอะ บางแง่ไม่ถึงกับเป็นข้อเสียอะไร ขึ้นอยู่กับแนวนิยาย แต่อาจจไม่เหมาะกับแนวที่ต้องการๆเดินเรื่องฉับไวเท่าไหร่
ปล. แต่ในนักเขียนสถาพร กูให้เครดิตมันพอควรนะ อย่างน้อยกูก็รู้สึกดีกว่าของmasalanเยอะ อันนั้นให้เปิดยังรู้สึกหนักมือเลย
ลองเมนท์ไปบอกเขาหลังไมค์ดีมั้ยวะ เผื่อจะได้ปรับปรุงให้ดีขึ้น มาพูดแบบนี้คงไม่ได้อะไรว่ะ กูเคยส่งคอมเมนต์ไป(ไม่ใช่เรื่องนี้นะ)ไม่รู้เปิดอ่านรึเปล่า กูก็โอเค ถือว่าได้บอกแล้ว
>>336 เห็นเค้าเขียนออนไลน์ด้วยแต่ไม่ได้อ่าน มีเรื่องแรกนัยน์ตาสะกดมิติไรนั่น กับเรื่องนี้ ที่กูสนใจ กูว่าเค้าเป็นคนที่พัฒนาได้อีกนะ
คือพล๊อตน่าสนใจดีจัดว่ามันแปลกใหม่และเจ๋ง ติดที่ภาษานี่แหละ ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ อ่านละง่วงเหี้ยๆ น้ำนอง
มึงอย่าพูดถึงmasalan แม่งคนละเรื่องกันเลย กูโอเคที่จะเสียเงินให้SCนะแม้ภาษาจะทำให้กูหงุดหงิดใจ
แต่masalanนี่อิห่า...กูสงสารยันต้นไม้ที่ทำกระดาษให้แม่งพิมพ์
>>338 masalan นี่กูซื้อเรื่องจ้างมา ป๋าจัดให้ เพราะกูเห็นเซเบอร์ใส่สูทดำบนหน้าปก อ่านๆไป ไอ้เหี้ย สงครามจูนิเบียว ชื่อพระเอกก็จูนิเบียว แถมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีเรื่องการ์เดี้ยนของมันที่กูยังไม่ได้แกะอ่านอีก กูรู้สึกเสียใจมากเบย สปอยได้มั้ยวะว่ามันสนุกมั้ย ซื้อมาแล้วควรจะอ่านเพื่อให้คุ้มค่าเงินมั้ย
เออ ขอบใจมาก กูไล่อ่านกระทู้เก่าอยู่ เพิ่งเห็นว่ามีคนรีวิว กูควรเอาไปขายต่อสินะ
ไอ้เหี้ยจะร้องไห้ที่บ้านกูมีอยู่เล่มนึง
กูจะเขียนหนังสือ "นิ้วกลมใน 1 ชั่วโมง"
โดยรวบรวมมุมมองความคิดและวิธีคิดทั้งหมดของนิ้วกลม มึงว่าจะขายออกไหมวะ
เด็กๆจะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาอ่านสี่สิบห้าสิบเล่ม
เพราะนิ้วกลมมันก็วนอยู่ไม่กี่เรื่อง กุรวมรวมแพทเทินไว้หมดแล้ว
อาทิมิสฟาวสนุกไหม
อาร์ทีมิสกูชอบเล่มแรกที่สุดละ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.