พิธ๊อคคิโอ กำลังโดนจับแก้ผ้าทุกวัน
เราเป็นเพื่อนกับพ่อมัน รู้จักกับพ่อมันแบบเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนป.4 ที่กรุงเทพคริสเตียน พ่อพิธ๊อคคิโอ ชื่อพงษ์ศักดิ์ เราเรียกเล่น ๆ ว่า ไอ้บ๊อก เพราะมันลักษณะมันเป็นฟันล่างข่มฟันบน ปากมันเลยเหมือนปากหมาบ๊อกเซอร์ มันก็ไม่เคยว่าอะไร ยอมรับชื่อเล่นมันจนจบมาทำงานกัน
บ๊อก เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ จบวิทยาศาสตร์ อาหารจากม.เกษตร ฯ เรียนต่ออเมริกาสายเดียวกัน จบมาทำงานกับเกษตรรุ่งเรืองที่สำนักงานอยู่ถนนเดียวกับ KBank สาทร ที่เราเป็นผู้จัดการสาขา ได้พบปะสังสรรค์กันทุกสัปดาห์ รวมทั้งกินข้าวกันทุกเดือน แม้แต่ทำบุญสาขา ก็ชวนบ๊อกมาทำบุญด้าย พร้อมกับพาเจ้าทิมที่พิธ๊อคคิโอ ขณะนั้นอายุ 4-5 ขวบมาด้วย
บ๊อกเริ่มธุรกิจหลายอย่าง ตลอดระยะเวลาที่เจอกัน สำเร็จทุกโครงการที่บ๊อกคิดทำ แม้กระทั่ง โรงงานสกัดน้ำมันรำ ก็ยังเริ่มมาในสายตา เรารวมทั้งให้การสนับสนุนเงินกู้บางส่วน
บ๊อกตายไปเมื่อ 2547 ด้วยการติดเชื้อจากโรคไตเสื่อม ตายตามเพื่อน BCC อีกคนชื่อสมัยจิตต์ เวเปุลละ ที่ตายก่อนไปสองวัน ด้วยความใจเสียและหมดกำลังใจบ๊อกก็ตายไปอย่างกระทันหัน
พิธ๊อคคิโอ กลับมารับมรดกจากพ่อ ไม่ได้บริหารกิจการโรงงานสกัดน้ำมันรำข้าวอย่างสมควร มีการดูดซึมเงินออกจากกิจการ จนทุกวันนี้ ญาติพี่น้องรวมทั้งเจ้าผดุง อาของบ๊อกที่เคยเป็นเลขาฯของทักษิณยังไม่ยอมนับญาติ อีกไม่กี่วันก็คงโดนแก้ผ้าเรื่องนี้ออกมาให้พวกเราได้รู้
บริษัทน้ำมันจิ้งเหลนฟอร์ไลฟ์
แม้มีแผนจะเรียนต่อจนจบระดับปริญญาเอก แต่เนื่องจากบิดาต้องเสียชีวิตกะทันหัน “ทิมมี่” จึงต้องกลับประเทศเพื่อดำเนินกิจการของครอบครัว ล้มเลิกความตั้งใจด้านการศึกษาไปโดยปริยาย
ด้วยความรู้จากสถาบันการศึกษาระดับโลก เขาจึงรื้อฟื้นโครงสร้างภายในบริษัทใหม่ทั้งหมด
ลำดับแรก เขาสั่งเลิกจ้างพนักงานสูงวัยซึ่งเปรียบเสมือนช้างป่วย โดยจะชดเชยให้เดือนละ 3,000 แต่สุดท้ายกลับไม่ได้ให้แม้แต่เดือนเดียว
สูตรการผลิตน้ำมันจิ้งเหลนซึ่งอยู่ในมือพนักงานอาวุโส จึงสูญหายไปนับตั้งแต่บัดนั้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทจึงไม่ได้คุณภาพเหมือนเก่า ส่งผลให้ยอดขายตกลงต่อเนื่อง ทิมมี่พยายามกระทำทุกวิถีทางแล้ว แต่ยอดขายก็ไม่กระเตื้องขึ้นแม้แต่น้อย สภาพบริษัทตอนนี้เหมือนกับกรุงศรีอยุธยาใกล้เสียกรุงครั้งที่ ๒ ก็มิปาน
“หรือเราจะเป็นพระเจ้าตาก รวบรวมกองกำลังตีฝ่าออกไปสร้างอาณาจักรใหม่ จะว่าไปการกลั่น การสกัด ไม่ใช่เรื่องที่เราถนัดเหมือนการปั้นน้ำเป็นตัวสักหน่อย”
หลังจากคำนวณถี่ถ้วน ในที่สุด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจตามนั้น เขาถอนเงินออกจากบัญชีจนเกือบหมด บันทึกว่าเป็นการให้กู้ยืมโดยไม่มีการค้ำประกัน หรือระบุชื่อผู้ยืม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องนักหรอก ยังไงอยุธยาก็ล่มอยู่แล้วนี่
น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่า การเอาตัวรอดในครั้งนั้น กลับส่งผลเสียมาถึงทุกวันนี้ สถาบันเขาไม่ได้สอน หรือสอนเท่าสอน ไม่เคยจำ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้แต่ตัวเขาเอง…
ผู้อ่านกวีเหลวไหล
๑๖ มิย ๖๖
Comment: เมื่อคดโกงทำกับครอบครัวตัวเองได้ มีหรือจะไม่คดโกงประเทศชาติเมื่อมีโอกาส