>>335 เอาจริงๆนะในยุคนี้จะ Real Amp หรือ Amp Sim ในยุคนี้มันไม่ได้จะมีอะไรดีหรือด้อยไปกว่ากันแล้วมันอยู่ที่ความเหมาะสมอยู่ที่สถานการณ์มากกว่า อัดแอมป์จริงก็ไม่ได้แปลว่าจะได้ซาวด์ที่ดีกว่าเสมอไปถ้าขาดความรู้ประสบการณ์ หรืออุปกรณ์สถานที่ไม่พร้อมหรือแม้แต่มันไม่แมชกับโทนโดยรวมของเพลงสุดท้ายก็เจ๊ง ดังนั้นมันต้องมองที่ความเหมาะสมมากกว่ามองที่ค่านิยมเป็นหลัก เพราะการอัดแบบ Amp Sim ยิ่งกับยุคสมัยนี้มันไม่ได้กากเลยเพราะฝรั่งโดยเฉพาะแนวร็อคๆเขาก็หันมาใช้การอัดแบบนี้กันหมดแล้วแม้แต่วงระดับโลกก็ยังทำอย่างวง AC/DC อัลบั้ม Black Ice ปี 2008 รู้มั้ยว่าทั้งอัลบั้มนั้นใช้ Amplitube 3 อัดทั้งอัลบั้มเลยนี่ขนาดว่าในยุคสิบกว่าปีก่อนที่เทคโนโลยี Amp Sim ยังไม่พัฒนาก้าวกระโดดแบบยุคนี้นะแล้วซาวด์ที่ได้มันห่วยมั้ยล่ะก็ไม่เลยเพราะไอ้ซาวด์กีต้าร์ที่เขาเรียกว่า Wall of Sound เนี่ยหลักๆมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้แอมป์จริงจ่อไมค์เหมือนกับในคำโฆษณาในคลิปนั้นหรอก แต่หลักๆมันเกิดจากการ Sound Selection การทำ Source ของเพลงโดยรวมให้มันมันมีโทนที่แมชกันทำให้ย่านความถี่ของแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีมันไม่ซ้อนทับตีกันเองทำให้แต่และเครื่องมีพื้นที่ของมันในเพลงแล้วพอบวกกับการเอาไป Process เอาไปมิกซ์เอาไปมาสเตอร์ผลที้ได้คือซาวด์ที่เคลียร์สะอาดและแน่นใหญ่ไม่เพียงแต่กีต้าร์แต่ทั้งเพลงเลย แต่อย่างในคลิปนั้นมันก็เป็นแค่ห้องอัดเป็นงานเซอร์วิสอย่างหนึ่งเขาก็แค่ตอบสนองในสิ่งที่ลูกค้านั้นอยากได้ แต่ความเป็นจริงแล้วถ้าเป็นงาน Music Production จริงๆแล้วล่ะก็เอนจิเนียร์หรือโปรดิวเซอร์เก่งๆส่วนมากเขาจะไม่ตามใจลูกค้ามากเกินไปเพราะเขาเชื่อในหูและความรู้ประสบการณ์ตัวเองมากกว่าเชื่อในหูลูกค้าซึ่งก็ร้อยพ่อพันแม่ไม่ได้มีมาตรฐานอะไรมากำหนดว่าใครจะเก่งหรือไม่เก่ง เพราะต่อให้จะเล่นเก่งมันไม่ได้แปลว่าจะเก่งในเรื่องการทำเพลงเสมอไป เพราะถึงมันจะเป็นดนตรีเหมือนกันแต่มันก็ศาสตร์คนละแขนง