เลือดชัชชาติไม่ใช่นักการเมืองที่ตั้งใจทำงานการเมืองอะ กระแสแกดีก็จริง แต่แกไม่มี passion ทาง polictical
ที่ผ่านมาคือแม่งทำงานลูกเดียว แกเป็น อ.มหาลัย แล้วถูกเชิญมาเป็น รมต. คมนาคม ซึ่งแกคิดจะพัฒนาในสายงานของแก
พวกนิติบัญญัติ,มติพรรค ฯลฯ แกไม่ออกความเห็นเลย งานบริหารพรรคแกยังไม่ยุ่งเลย
ณ เวลานี้ฝ่ายประชาธิปไตย นักบริหารอย่างเดียวไม่พอ ต้องเป็นคนที่มีไฟในการพลิกโครงสร้างด้วย
ความอยุติธรรมในโครงสร้างแกรู้ทุกอย่าง แต่แกไม่มีไฟในการเปลี่ยน ตอน พรบ. 2 ล้านล้าน แกทำรายละเอียดโครงการเป็นตั้งๆ
แต่โดนศาลปัดตกมา แกไม่โทษใครแม้แต่คนเดียว ก้มหน้ายอมรับว่าการเมืองคนใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล (ยอมรับว่าทำได้แค่นั้น ตกคือตก)
ในด้านการทำงาน แกดีนะ
แต่การเมือง มันคือการสร้างความเป็นไปได้หว่ะ สร้างในสิ่งที่ยังไม่มี เป็นฝ่ายพลักดันให้มันเกิด ไม่ใช่รอให้คนตัดสินว่าเกิดได้รึเปล่า
โน้มน้าวให้คนเชี่อในวิสัยทัศน์ เชื่อหัวปักหัวปำว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ถ้าลงมือทำ
ชัชชาติเหมือนนักวิเคราะห์+อาจารย์ ไม่ใช่ผู้ปกครองที่จะสร้างสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
นึกภาพเป็นธุรกิจจะเข้าใจ อย่าง จ็อป เกต มัสค์ พวกนี้มีจุดร่วมเหมือนกันไม่ใช่ความฉลาดหรือรู้ทุกอย่าง
แต่มันบ้าพอที่เชื่อว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างได้ องค์กรเลยขึ้นระดับท็อปได้
ชัชชาติเป็นคนสติดี แต่คนสติดีมักจะวิเคราะห์ในสิ่งที่เกิดมาแล้ว
ถ้าอยากเปลี่ยนแปลงเราต้องการคนบ้า คนบ้าที่มีหลักการ คนบ้าที่มีสมอง คนบ้าที่มีความฝันแบบเดียวกับเรา เพราะคนแบบนี้จะสู้ไม่หยุดในอุดมการณ์
ข้อสังเกตนี้ชัชชาติเองก็รู้ตัว (บอกแล้วแกรู้ตัวเองดี) แกจึงพยายามย้ำว่า พท ทำงานเป็นทีมงาน ไม่ให้คาดหวังกับแกนัก
อันนี้กูเขียนในมุมของคนที่อยากได้ประชาธิปไตยนะ คือกูคิดว่ามันต้องสู้ต้องไฟต์สักหน่อยเพื่อได้มา รอตกใส่หัวนี่ไม่มีทาง
ทางที่ง่ายในตอนนี้ ตอนที่ยังไม่โดนปิดตาย คือตอนที่ยังพอมีช่องทางให้ไม่เสียเลือดเสียเนื้อก็คือส่งตัวแทนเราไปสู้ไปคว้ามา