มีรุ่นน้องถามว่าสมัยผมเรียนป.เอก ผมเปิดบริษัทไปด้วยแล้วทำไมถึงเรียนไหว เลยขอก๊อปปี้คำตอบตัวเองมาตรงนี้และเพิ่มเติมเล็กน้อยเผื่อเป็นประโยชน์ให้คนที่กำลังเรียนหรือตัดสินใจจะเรียนนะครับ
สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเรียน คือ (นิยามประสบความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของผมคือในช่วงเวลา 2 ปีครึ่งที่เรียนเอก สามารถตีพิมพ์ได้ 4 journal (2 ISI journals) มี ACM SIGCOMM CCR 1 เปเปอร์ ร่วมแต่งอีกประมาณ 8-9 IEEE conference เปเปอร์ ธีสิสผ่านในระดับดีมากจากคณะกรรมการที่ผมคิดว่าทุกคนในสายวิจัยยอมรับในกรรมการชุดนี้ และสำคัญสุดคือผมรู้สึกตัวเองพัฒนาขึ้นมากทั้งความรู้และจิตใจในการเรียนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนจบเอก)
1. “Commitment”
บอกกับตัวเองว่าจะทำให้สำเร็จแล้วทำให้ได้ ทำทุกวัน ทุกสัปดาห์ต้องมีอัพเดทให้อาจารย์ที่ปรึกษาฟังแบบมีประเด็นสำคัญไม่ให้เสียเวลาอาจารย์และเวลาเรา ผมเปิดบริษัทเองกับเพื่อนๆ เลยเลือกเวลาทำงานตอนกลางคืนเองได้ เลือก outsource บางงานไม่ต้องทำเองได้ เลยแบ่งเวลาเรียนได้เต็มที่ (ผมไม่เคยขาดประชุมแล็บแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เรียนตรี โท เอก รวม 6 ปี) และเพื่อนๆที่บริษัทก็ช่วย support ในช่วงวิกฤติ (6 เดือนสุดท้ายก่อนจบ ให้ผมมาเรียน full time ได้เต็มที่) ถ้าใครทำงานเป็นพนักงานประจำเต็มเวลาจะค่อนข้างยากมากในการ commit งานให้ดีทั้งสองด้าน
2. “Passion”
มีความอินในหัวข้อที่ตัวเองทำจริงๆ อยากค้นคว้าอ่านเปเปอร์เองโดยไม่ต้องมีคนบอก และหลายคนอาจจะทราบแล้วว่าจุดมุ่งหมายในการเรียนเอกของผมคือ อยากตีพิมพ์เปเปอร์ใน top-tier journal/conference โดยมีชื่อผู้แต่งมาจากมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยบ้าง ซึ่งช่วย drive ผมเช่นกัน
3. “Set a high bar”
ไม่ใช่แค่อยากทำให้ผ่านเงื่อนไขการจบ แต่ตั้งใจว่าต้องตีพิมพ์ในระดับ top-tier ซึ่งจะทำให้เราอ่านเปเปอร์ระดับ top-tier และเรียนจากสิ่งที่ดี ต่อให้สุดท้ายเปเปอร์เราไม่ผ่าน top-tier แต่ก็ผ่านในระดับรองลงมาง่ายขึ้นมากเพราะคุณภาพถึงระดับที่ยอมรับได้ และยิ่งตีพิมพ์บ่อยๆก็จะทำให้เขียนเปเปอร์ถัดไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ
4. “Better plan”
ไม่จำเป็นต้องเรียนวิชาตามลำดับใน curriculum พวกคอร์สเวิร์คเป็นอะไรที่การันตีการจบไม่จำเป็นต้องรีบอัดเรียนให้หมด กระจายไปเทอมละตัวหรือเฉพาะที่ต้องใช้ดีกว่า เวลาช่วงปีแรกควรหนักกับการหาหัวข้อวิจัยและอ่านเปเปอร์ให้เยอะที่สุด เพราะงานวิจัยเป็นอะไรที่ไม่การันตีการจบ
5. “Get the most out of your time”
เวลามีจำกัดอย่าปล่อยเวลาทิ้ง เช่น ของผมต้องเดินทาง 1 ชั่วโมงไปรับแฟนทุกเย็น (แฟนเลิกงาน 3 ทุ่ม) ก็เอาเปเปอร์มาอ่านระหว่างเดินทางและนั่งรอ (อัลกอสุดท้ายในงานจบก็คิดได้บนแท็กซี่ตอนไปรับแฟน) และยังมีช่วงเวลาว่างๆในชีวิตที่เราอาจยังใช้ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ
6. “Great advisor”
และสุดท้ายที่สำคัญมากก็คืออาจารย์ที่ปรึกษา ผมได้เรียนรู้กระบวนการคิด ได้รับแรงบันดาลใจ (และแรงกดดัน ^^) จากอาจารย์ที่ปรึกษาผมเยอะมากที่ช่วยผลักดันให้ผมประสบความสำเร็จได้
ทั้งหมดนี้คิดว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเรียนปริญญาเอก ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเรียนหรือตัดสินใจจะเรียน และระหว่างเรียนก็ต้องอย่าลืมติดตามการพัฒนาของโลกนอกงานวิจัยไปด้วยครับ