ถ้ามึงเป็นฝ่ายต่อต้านจริง มึงก็เหลืองานไม่กี่อย่างคือ เป็นเจ้าของกิจการเอง หรือเกาะพ่อแม่แดก,คนอื่นคอยเลี้ยง
Last posted
Total of 1000 posts
ถ้ามึงเป็นฝ่ายต่อต้านจริง มึงก็เหลืองานไม่กี่อย่างคือ เป็นเจ้าของกิจการเอง หรือเกาะพ่อแม่แดก,คนอื่นคอยเลี้ยง
commie = loser
คนที่อยู่ในระบบใช้เงินสดหรือเงินผ่อนกีคน คนที่อยู่นอกระบบใช้เงินสดเงินผ่อนกี่คน ประเด็นคือ ความสำเร็จวัดกันที่ใจต่างหาก ใจสู้ก็ชนะ
มันโทรลมึง
ในภาพยนตร์ที่มีเธอเป็นนางเอก
ฉันจะไม่ขอเป็นพระเอก
ไม่ขอเป็นตัวรอง
และจะไม่ขอเป็นตัวร้าย
แต่จะขอเป็นเพียง 'สบู่' ประกอบฉาก
ตอนที่เธออาบน้ำก็เท่านั้น
อ่ะครับ . .
#มิตรสหายขาด้วนท่านหนึ่ง
"อ่านเจอเรื่องน่าสนใจจากเพื่อนในเฟสบุค
เหตุเกิด ณ เซเว่นแห่งหนึ่งในอ.สายบุรี
ขณะกำลังต่อคิวจ่ายเงิน มีเด็กสาวคลุมฮิญาบกำลังลุ้นอะไรสักอย่าง แล้วข้าพเจ้าก็พบว่าเด็กกำลังลุ้นให้พนักงานรีบดำเนินการจองตั๋วคอนเสิร์ต ของนักร้องเกาหลีวงหนึ่ง
พอจองได้สำเร็จ เด็กสาวคนนั้นตะโกนดีใจดัง
สิ่งที่ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งตกใจ คือ เมื่อเด็กจ่ายเงิน ในราคาหกพันบาท ซึ่งนั่นคือบัตรราคาที่แพงที่สุด แล้วพูดต่อว่าจะจองในอีกรอบของอีกวันด้วย ในราคาพันห้าร้อยบาท...
เมื่อจองเรียบร้อยเด็กสาวคนนั้นดีใจหนักมาก.... เงินเจ็ดพันห้าที่สำหรับบางคนคือเงินเดือนทั้งเดือน....
เมื่อทุนนิยมมากลืนกินวัยรุ่นในพื้นที่แบบนี้ แล้วเราจะรับมืออย่างไรกับเรื่องแบบนี้ก็น่าคิดไม่น้อย"
- มิตรสหายชาวมุสลิมท่านหนึ่ง
"ด่าทุนนิยมแต่มึงก็เข้าไปซื้อของในเซเว่น อย่า ดจร."
- มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
คนเกลียดทุนนิยมเยอะ แต่ไม่รู้จะไปไหนกันดี
ทำไมมึงจะไม่โดนหมายจับล่ะ ก็เสือก "ตัดควย" เหยื่อทุกราย ตำรวจก็ต้องพุ่งเป้ามาที่มึงสิ เพราะเป็นคนเดียวที่มีปัญหากับควยอี 7 คนนี้
ถ้าไม่ตัดควย ตำรวจก็ยังพอคิดว่าเป็นการฆ่ากันเพราะเรื่องอื่นได้ แต่พอมึงตัดควยไปเป็นที่ระลึกเป็นองคุลีมาล ตำรวจเลยรู้เลยะว่าใครทำ แล้วจะลงทุนปลอมตัวทำไมวะ
>>68 กูก็งงกับนางเอกเรื่องนี้พอตัว ในนิยายนี่ไม่มีทรมานเหยื่อไรเลยนอกจากปลอมตัวมาฆ่าแล้วรีบๆหนี แต่ฉบับดัดแปลงล่าสุดนี่ก่อนจะฆ่าเสือกจับมาทรมานเล่นแล้วตัดควยเหมือนคนไม่มีงานมีการทำ (ใครงงว่ามธุสรทำงานอะไรนะ ในเนื้อเรื่องนิยายคือมันทำงานเป็นช่างแต่งหน้าตามที่ต่างๆ)
Lenin rose up against the Tsar on Nov 7.
Trump got elected on Nov 7.
Trump is Lenin confirmed.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ขนาดประธานบริษัทอิตาเลียนไทย ต้องออกล่าสัตว์หาอาหาร คิดดูว่าเศรษฐกิจมันแย่ขนาดไหน”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>73 เหรอ บ้านกูนี่ญาติฝั่งพ่อทำสวนยางกันนะ ทำแบบแนวผสมเหมือนแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงเลย(พื้นที่40 ไร่) ปลูกยางด้วย มาทำทุเรียนด้วย มังคุดนี่บางทีก็เก็บๆเองบ้าง ไม่ได้รวยอย่างที่มึงคิด พอเหลือแดกเฉยๆ อยู่รอดไปเป็นช่วง แถมดูแลพืชพวกนี้นี่แม่งถ้าวอนท์กำไรแบบทุกเม็ดเลยนี่คือต้องดูทุกเรื่องอ่ะ ทั้งค่าปุ๋ย โรคระบาด ขโมย(ทั้งคนและสัตว์) ศัตรูพืช สภาพอากาศ สารอาหารที่พืชต้องการเพื่อผลที่ดี ปริมาณปุ๋ย สภาพดิน (น้ำกูไม่แคร์เพราะบนเขาติดแหล่งน้ำฟรี ต่อท่อเอา บิบิ) ต้องก่ะให้เป๊ะที่สุดเท่าที่จะทำได้อ่ะมึง มันไม่ใช่ง่ายๆกับพืชต้นใหญ่ๆอย่างพวกลองกอง ทุเรียน มังคุด หรือยางเองเลยนะ นี่ลามไปยันดูตลาดอีกว่าช่วงนี้อะไรขาดอะไรเกินแล้วอะไรที่ควรจะปลูกเยอะๆแล้วลดอีกอันเพื่อให้ขายได้ เยอะสัสๆ แล้ววิชาการเกษตรบ้านเรานี่แม่งที่ดีๆมีมันสมองออกไปเชิงวิจัยซะมากกว่าการตลาดด้วยอะดิ
>>78 เออถามหน่อย ไอเศรษฐกิจพอเพียง 30 30 30 10 อะไรเนี่ย ถ้าแบบมีแต่ที่เปล่าๆของตัวเองไม่มีเงินเลย แล้วไม่สามารถรับความช่วยเหลือได้ (รับเมล็ดพันธ์หรือลูกปลาเงี้ย) ทฤษฎีนี้มันใช้ได้จริงมั๊ยวะ เพราะกูคิดว่าต้นไม้หรือสัตว์ที่เลี้ยงจะโตคงอดตายกันพอดี ไหนจะหนี้สิน รวมถึงสถานที่ที่ปลูกก็ไม่เหมือนกัน
>>80 ไม่เวิก มึงทำหลายอย่างใช่ว่าจะขายได้ทุกอย่าง แถมการคุมมาตราฐานก็ยากเข้าไปอีก
ใช่ว่าปลูกมาเท่าไหร่คนมันจะรับหมดโดนคัดทิ้งแน่นอน
แล้วหลายๆ หมู่บ้านทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่แบบตัวใครตัวมันแล้ว มันอยู่กันเป็นกลุ่มบ้านหลายหลังติดกัน
ถึงเวลาทำงานค่อยออกไปที่นาของตัวเอง
"ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วท่านเปรมชัยได้ต่อสู้กับขบวนการลักลอบยิงสัตว์ป่าที่มีนายสับ วาปี เป็นผู้บงการรายใหญ่ แล้วนำซากสัตว์กับอาวุธเตรียมไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ เฮ่ออ พรุ่งเนร้พี่โจวตื่นมาต้องล่าชื่อในเช้นต์ดอทโออาร์จีเพื่อแจ้งความจริงตัวเนร้ต่อชาวประเทศชาติไทยเราครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เทหมดหน้าตัก
และชนะ
ปัญหา คือ ออกจากบ่อนหรือยัง ?
>>80 เกษตรหมุนเวียนกูว่ามันเหมาะกับเกษตรกรที่ทำมาหากินกับการปลูกนู่นนี่อยู่แล้วว่ะ โดยไอเดียแล้วกูว่ามันหมายถึงการสร้างรายได้หลายทางนั่นเอง โดยที่แต่ละอย่างก็เกื้อหนุนกัน มันประยุกต์ได้กับทุกสายอาชีพนั่นแหละ อย่างกูเป็นกราฟิก ก็รับฟรีแลนซ์ด้วย(จะเลิกรับละ) ขายสต๊อกโฟโต้ด้วย ตัดเพลงตัดต่อคลิปเป็นงานอดิเรกด้วย สกิลต่างๆ ที่ได้มันก็เอื้อกันหมด แถมมีรายได้เข้าหลายทางด้วย อะไรประมาณนั้น หรือถ้าเจ้าใหญ่ๆ มึงลองดูสิ่งที่ทรูทำอ่ะน่าจะเก็ท
>>80 ตามที่ >>81 ว่านั่นแหละคือมีหลายคนพยายามทำจริงแต่มันไปไม่รอดว่ะ เพราะไม่มีตลาดรองรับ สมมติมึงทำนามีคนรับซื้อในท้องถิ่นถึงที่หรือไม่ไกล แต่พอมึงแบ่งนามา ทำสวนลำไย เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ดันไม่มีแหล่งรับซื้อ จะขายก็ต้องไปส่งเองซึ่งมึงทำเล็กๆเพราะแบ่งที่เดิมมาทำผลผลิตก็ไม่มากพอ จะขนไปเองก็ไม่คุ้ม สุดท้ายคนส่วนใหญ่ก็ต้องเลิกทำ เพราะได้ไม่คุ้มเสีย ที่ยังเหลือก็คงมีแต่แปลงสาธิตที่มีรายได้จากการหลอกคนดูงานนั่นแหละ ไม่งั้นมันเอาผลงานมาโชวทำ pr ไปทั่วแล้ว โฆษณามาเป็น10ปี แต่ไม่มี pr เชิงประจักษ์เลยก็ควรรู้ได้แล้วว่าทำไม่ได้จริง แต่คนเมืองหลายคนก็ชอบด่าเกษตรกรว่าชอบงอมืองอตีนเขามาแนะเทคนิคมากมายไม่ทำตามโดยไม่รู้เรื่องอะไร
จากที่เคยคุยๆกับคนอายุ 50 - 70 พบว่าหลายคนหลงใหลนิยาย "เพชรพระอุมา" และหนังอย่าง "ทอง" "อินเดียน่าโจน" "ขุมทรัพย์โซโลมอน" และฝันอยากถือปืนเข้าป่าไปสู้กับสัตว์ป่าแบบพระเอกในเรื่องนั้นๆ โดยมองว่ามันเป็นความเท่ในแบบลูกผู้ชาย
(ไม่ต้องดูอื่นไกล ผู้กำกับที่ชอบทำละครแนวบุกป่าล่าสัตว์ หรือ ผู้กำกับที่พยายามขายโปรเจ็คหนังแนวเข้าป่าสู้สัตว์ ก็เห็นมีแต่แก่ๆ 50 - 80 ทั้งนั้น)
>>88 กูโม่งยุค90นะ กูดูหนังท่องป่าแบบอินดี้,romanicing the stones,out of africa กุยังมีฟีลแบบอยากลองปืนไรเฟิลนั่งห้างล่าสัตว์เลย แต่กูก็โตมาในยุคงี้กูก็สงสารสัตว์อะ กูเลี้ยงแมวอยู่บ้านแมวป่วยกูยังเป็นห่วงแทบแย่ ฆ่าคงฆ่าได้แต่ยุงอะ สรุปกูเลยคิดว่าถ้ากูอยากยิงปืนกูคงไปสนามยิงปืน ถ้ากูอยากเข้าป่าก้คงเข้าไปแบบมีแต่มีดไว้อาจจะเอาไว้ตัดนู่นนี่นั่น
>>88 ตามนั้นแหละ สมัยก่อนการล่าสัตว์ถือเป็นกิจกรรมยามว่างไม่ต่างจากการไปช็อปปิ้ง ไปดูหนัง ฯลฯ กระแสอนุรักษ์ธรรมชาติมาทีหลังเลยเลิกๆ กันไปเพราะคนรุ่นต่อมาไม่ยอมรับ
อย่างสวนสัตว์ในห้างบางแห่งที่เป็นดราม่ากัน นั่นก็สร้างมาก่อนที่กระแสอนุรักษ์สัตว์-กระแสสิทธิสัตว์จะบูมในบ้านเรา ฉะนั้นจะไปโทษเจ้าของห้างก็ไม่ได้เพราะเขาสร้างมาก่อน
ปอลิง : ก็เหมือนการเอาเด็กๆ นั่นแหละ กูเคยคุยกับคนแก่ๆ อายุเลขห้าเลขหก เขาบอกสมัยก่อนตอนยุคตกเขียว (ตำนานค้ามนุษย์ของแท้บ้านเรา ไปกว้านซื้อเด็ก ผญ จากภาคเหนือมาขายตัวตามซ่องใน กทม. หรือที่อื่นๆ) เด็ก 12-15 หาเอาไม่ยาก แต่ถ้าหน้าใหม่ๆ ก็แพงหน่อย แต่ต่อมากระแสต่อต้านการมี sex กับเด็กเกิดขึ้นทั่วโลก บ้านเราก็เลยเลิกๆ ไปเพราะไม่ใช่แค่ผิดกฎหมายแต่สังคมไม่ยอมรับ แต่ก็มีการแอบทำกันอย่างที่เป็นข่าวละนะ
ปวดใจที่แอบรักคนมีเจ้าของ
และฉันมักจะอดคิด
พร่ำเพ้อไปไม่ได้ว่า
คนของเธอจะทิ่มแทง
ตรงส่วนไหนของเทอบ้างนะ . .
- มิตรสหายขาด้วน
>>84 อ้าว เป็นแบบนั้นเหรอวะ? ถ้าที่ดินเยอะขนาดนั้นกูว่าจะรวยก็ไม่แปลกหว่ะเอาตามตรงเพราะเพื่อนๆกูทำกันแบบที่มึงว่ามาอ่แหละ นี่ขนาดที่บ้านญาติพ่อกู40ไร่ช่วงยางออกยังต้องจ้างคนมาตัดเลยนะ ล่อทั้งสวนคงไม่ไหว หอบแดกตายคาป่ายางก่อน แต่สมัยก่อนที่ราคายางภาคใต้แม่งขึ้นนี่ทำเอาลุงๆที่ช่วยดูแลสวนยางตรงนั้นมีทุนไปทำร้านนวดถึงมาเลย์เลยอ่ะ
"ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป เราควรทำงานชนิดที่ไม่มีเวลาว่างไปช้อปปิ้ง นี่คือวิถีชีวิตที่ถูกต้อง และเมื่ออายุ 35 ทุกอย่างจะเหมาะสมและถูกต้องแก่การจับจ่าย แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงคุณจะช้อปปิ้งสนุกมากที่สุด"
1. ที่บอกว่า "ช่วงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป เราควรทำงานชนิดที่ไม่มีเวลาว่างไปช็อปปิ้ง"
นี่ถามตรงๆ มีใครสามารถทำแบบนี้ได้บ้างครับ? คือ ต่อให้คุณทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ ทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด คุณสามารถที่จะไม่ซื้ออะไรเลย ไม่ซื้อของ ไม่เดินดูของ ได้ตลอดเลยเหรอครับ ผมว่านะ ไม่มีใครทำได้หรอก อย่างน้อยคุณไปทำงาน คุณต้องกินข้าว ระหว่างเดินไปกินข้าวคุณก็ต้องเดินดูของข้างทางไปด้วยอยู่แล้ว คุณเลิกงานกลับบ้าน แวะกินข้าวที่ห้าง คุณก็ต้องเดินดูของ อาจจะเห็นอะไรที่คุณชอบ คุณก็ซื้อ
เพราะฉะนั้น มันไม่มีทางหรอกฮะที่จะมาบอกว่า ให้ทำงานชนิดไม่มีเวลาว่างช็อปปิ้ง มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วครับ คุณต้องกิน ต้องซื้อของ มันคือช็อปปิ้งไปในตัวอยู่แล้วครับ
2. "นี่คือวิถีชีวิตที่ถูกต้อง"
ชีวิตเรามันไม่มีวิถีตายตัวหรอกว่าวิถีไหนถูกต้อง วิถีไหนผิด มีแต่วิถีที่เรารักเราชอบหรือเราเชื่อมั่น ไม่ต้องพูดถึงวิถีทางที่ผิดกฏหมายนะ ไม่มีหรอกครับ วิถีชีวิตที่ถูกต้องที่สุด หรือ วิถีชีวิตที่ผิดที่สุด มันมีแค่ วิถีชีวิตที่เรารักเราชอบ วีถีชีวิตที่เราไม่ชอบ วิถีชีวิตที่จำเป็น เท่านั้นเองครับ
จะมาบอกว่าวีถีนี้ถูกต้องที่สุดมันไม่ได้ บางคนก็ยึดมั่นในวิถีการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทำงานในสิ่งที่ตนเองชอบตนเองรัก ถึงแม้เงินน้อยแต่ก็มีความสุข บางคนก็ยึดมั่นในวิถีแห่งการหาเงินเพราะมองว่ามีเงินเยอะๆเท่านั้นตนเองถึงมีความสุข บางคนก็ต้องอยู่ในวิถีทางแห่งการทำงานตลอดชีวิตเพราะครอบครัวมีหนี้ไม่มีโอกาศได้ช็อปปิ้งอะไรเลย เป็นต้น
คุณจะบอกว่าวิถีของพวกเขานั้นผิด ส่วนวิถีที่ตัวเองกล่าวมานั้น "ถูกต้องที่สุด" งั้นเหรอ มันค่อนข้างจะเป็นการมองโลกแคบๆไปหน่อยรึเปล่า จะเอามุมมองความคิดหรือวิถีชีวิตของตนเองมาเป็นที่ตั้งแล้วมาบอกว่าเป็น วิถีที่ถูกต้องที่สุด นั้นมันไม่ถูกครับ
3 "และเมื่ออายุ 35 ทุกอย่างจะเหมาะสมและถูกต้องแก่การจับจ่าย"
ใครเป็นคนกำหนดครับว่าอายุ 35 ทุกอย่างจะเหมาะสม? ไม่มีอะไรตายตัวและมาเป็นตัวบอกเราหรอกครับว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาที่เหมาะสม
เหมาะสมที่คุณพูดถึงคืออะไร? คือมีครอบครัว? หรือมีเงินมีทอง มีบ้าน มีรถครับ? หรือแค่เหมาะสมกับการจับจ่ายใช้สอยช็อปปิ้งครับ?
มันใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอกครับ อย่างที่บอก ชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับมุมมองว่า เหมาะสม คืออะไร คนเรามีเวลามีโอกาศหาเงินได้ทุกช่วงเวลาของชีวิต อายุขึ้นเลขสี่ไปแล้วก็หาเงินได้และชอปปิ้งได้ ไม่มีอะไรตายตัวและแน่นอนหรอกชีวิตเรา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เถียงชนะแล้วได้อะไร?
"เรื่องนายป.ที่เป็นข่าวในขณะนี้ผมไม่สงสัยเลย ถ้าเขาล่าจริงเขาล่าเพราะอะไร เพื่อนในเฟสผมที่ชอบเที่ยวป่าเหมือนกันก็คงทราบแบบที่คอเที่ยวป่าทราบกันแหละครับ ว่าเขาล่าเพราะอะไร
" ถ้าวันนี้คนที่ยิงเสือเป็นนายพรานชาวบ้าน ชัดเจนเลย ล่าเพราะ มันเป็นรายได้หลักหลายๆแสนเผลอๆอาจจะถึง ล้านบาทต่อตัว" เพราะชิ้นส่วนเสือขายได้ทุกส่วน แต่นายป.รวยขนาดนั้นไม่มานั่งล่าเสือขายแน่นอน เสือดำเป็นสัตว์หายาก แนวเดียวกับเครื่องรางของขลังเช่น เขี้ยวหมูตัน เขี้ยวเสือกลวง ช้องหมู ในเมื่อเสือดำในอุทยานเชื่องคุ้นชินคนคุ้นชินไฟที่ จนท.เคยลาดตระเวนตามคำให้การ ของ จนท.อุทยานว่า เจอเดินสวนหน้ารถมาก็ไม่แปลกว่าทำไมเหยื่อจึงเป็นเสือดำที่ถูกคมกระสุนพรานกรุง ที่ดูจากสรีระนายป.แล้วหมดสภาพในการแกะลอยแน่นอนเเค่เดินก็ลำบากงานนี้คงเดินสวนรุหรือไม่ก็ส่องไฟเจอตาก็เหนี่ยวเปรี้ยงล้มตึงไปแบบง่ายๆ แหม่ไม่สมศักดิ์ศรีเลยจริงๆถ้าจะเป็นนายพราน
สมัยผมเที่ยวป่า กาญจนบุรีเคยได้รู้จักนายพรานพื้นบ้านหลายคน เวลาต้มกาแฟกินกันยามดึกในป่าก็มักจะเสวนากันบ่อยๆ เคยถามเขาว่าเจอเสือกลัวมั้ยกล้ายิงมั้ย คำตอบคือไม่กลัว แต่ไม่กล้ายิง เพราะพรานป่าชาวบ้านมีแต่ปืนแก๊ปซึ่งอานุภาพการยิงไม่สามารถหวังผลได้ร้อย% และถึงบางคนมีปืนดีอย่างลูกซอง ถ้าใจไม่ถึงก็ไม่กล้ายิงอยู่ดี สมัยก่อนปืนลูกซิงกระสุนถือว่าแพงลูกเก้าลูกโดดราคาขายปลีกเป็นนัดนัดละหลายสิบบาท เสือจึงไม่ตกเป็นเป้าในการล่าเท่าไหร่
แต่หลังๆมานี้มีพรานกรุงถือกำเนิดขึ้นมา พรานกรุงคือคนที่มีฐานะดีไม่จำเป็นต้องมีชาติตระกูลดีแค่มีเงินมากพอจะซื้อาวุธดีดี พรานกรุงมักจะไม่ได้มีบ้านพักอาศัยติดชายเขตป่า แต่เขามีฐานะการเงินดีมีอาวุธปืนที่ดีที่ทันสมัย กระสุนอุปกรณ์อำนวยการล่าเต็มพิกัด พรานกรุงคือคนเมืองที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตในป่า ส่วนชอบล่าหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไม่เหมารวมว่าพรานกรุงจะชอบยิงสัตว์ทุกคน ด้วยเหตุที่พรานกรุงมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมครบเสร็จสรรพ พรานป่าเลยชอบคบหากับพรานกรุง เพราะเที่ยวป่ากับพรานกรุงไม่ต้องกังวลเรื่องอาวุธในการล่า สมัยก่อนค้องขัดห้างดักยิงสัตว์ เยี่ยวยังต้องระวังต้องปลดทุกข์ใส่กระบอกปิดฝา กันกลิ่นลอยไปกระทบสัตว์ที่จะล่า สมัยนี้มีเปลพร้อมผูกได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ต้องมานั่งตัดลูกห้างขึ้นไปผูกเป็นวันครึ่งวัน
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>100 )
เเละเมื่อพรานไพรมาเจอพรานกรุง มันจึงเกิดอำนาจการทำลายล้างชาติพันธุ์สัตว์ทุกชนิดที่พบเจอ ขาดความคิดไตร่ตรองแบบพรานไพรที่ล่าเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น คณะนายเปรมชัยมีความพร้อมในการล่า 100% ผมบอกเลยตรงนี้ ล่าได้แม้แต่สัตว์ในน้ำเช่นปูปลา ยันนกที่อยู่บนฟ้า เพราะเขามี เบ็ด มีอุปกรณ์การล่าครบทุกมิติดังนี้
เบ็ด- ใช้จับสัตว์น้ำและตุ่นที่อยู่ในรูใต้ดินได้
ปืนไรเฟิล*1 - สมเสร็จยัน-ช้าง
ปืนลูกซองเบอร์20*2 - สัตว์ปีกทุกชนิด กระด่าย นิ่ม หมู เก้ง
ปืนลูกกรด .22LR*3 -(ผมเรียกปืนเเม่ครัว) ล่าได้ครอบคลุมในการหากับข้าวตั้งแต่ ปลาในน้ำ ลิง ค่าง หมู เก้ง กว้าง ค่าง ลิงบนยอดไม้
*1 - ปืนไรเฟิลที่นิยมใช้ล่าสัตว์กันมากคือ 30.06 นี่แหละอานุภาพกระสุนรุนแรงพอดีพอดีไม่ใหญ่เกินไป แถมในคลิปข่าวใช้กระสุนหัวตะกั่วแบบนิ่ม บอกเลยว่าใช้เพื่อการล่าสัตว์โดยเฉพาะ ปืน30.06นี้เป็นที่รู้กันครับว่าใช้คว่ำเสือกันมากที่สุด แต่สำหรับผมถ้าคิดจะล่ามากิน แค่ปืนลูกซอง 9เม็ดก็ยิงเสือคว่ำแล้วง่ายกว่าหมีที่หนากว่าเสือหลายเท่า เสือเป็นสัตว์หนังบาง แต่ถ้าใช้ลูกซองหนังจะไม่สวยเท่านั้นเอง เขาจึงใช้ไรเฟิลไงรูเดียวหนังไม่เสียหายมีราคาและสมบูรณ์
*2-ปืนลูกซิงทั่วไปที่หาง่ายตามตลาดมักจะเป็นเบอร์12 ที่มีลูกขนาดใหญ่กว่า เบอร์20 และที่สำคัญราคากระสุนเบอร์12 ถูกกว่าเบอร์20ด้วย แต่คณะนี้เปนคนมีฐานะจึงมีแฝดค่ายดังอย่า อาย่าไว้ใช้งาน และปืนขนาด20 นี้แรงรีคอลย์ต่ำกว่าเบอร์12 เสียงเบากว่า เหมาะกับป่าประเทศไทยในปัจจุบัน
*3 -ปืน .22LR ค่าย CZ ถือเป็นปืนไรเฟิลขนาดเล็ก มีใช้กันเกือบทุกบ้านทุกสวนในประเทศไทย ลูกราคาถูก ยิงเเล้วเสียงเบาไม่ดังเปรี้ยงปร้างให้ป่าแตก อานุภาพการยิงไม่แรงมากแต่ถ้าเข้าจุดสำคัญเช่นหัว กระทิงก็ล้มได้เช่นกันเพราะหัวกระสุนเล็กมีความคมมาก คนที่เคยใช้จึงเรียกว่าปืนแม่ครัวเพราะใช้ยิงได้ทุกสิ่งอย่างจริงๆ ปลา ในน้ำยันนกบนฟ้าครบทุกมิติ เบา เร็ว แม่นหวังผลได้มาก มีลูกกรดเข้าป่าไม่อดตายครับ
สรุป คณะนี้ล่าสนอง Need ไม่ใช่เพื่อปากท้อง ไม่ใช่เพราะหลงป่า ไม่ใช่เพราะความไม่รู็ใดๆทั้งสิ้น กลุ่มนี้เตรียมการมาอย่างดี ในเรื่องการเข้าออก พักแรม ประกอบอาหาร ปืนที่ใช้ล่า การถนอมอาหาร ครบวงจรจริงๆ เหมือนประเทศไทยไม่มีกฎหมายคุ้มครองเลย ไม่มีความเกรงกลัวใดๆทั้งสิ้นจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ไม่ควรลดโทษแม้แต่นิดเดียวครับ
อ่านแล้วชอบใจก็แชร์ได้ นี่วิเคราะห์จากประสบการจริงในอดีตที่เคยเป็นพรานกรุงเที่ยวป่ากับพรานไพรเช่นกัน แต่ถึงจะเคยเป็นพรานกรุงแต่ผมก็ไม่เคยคิดจะล่าสัตว์ใหญ่หายากที่เป็นมรดกของผืนป่าเมืองไทย ทั้งๆที่สมัยที่เที่ยวเคยพบสัตว์หายากอยู่หลายครั้ง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กรมป่าไม้นี่เขาตั้งขึ้นมาเพื่อไว้ตัดไม้นะครับ
ไปจ้างมือ 1 นักล่าอาณานิคมด้านการสูบทรัพยากรชาวอังกฤษจากอินเดียมาบริหารเลยครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ส่วนตัวไม่มีปัญหากับซีรี่ส์วาย แต่ไม่ชอบใจที่เกย์หลายคนเสือกเอาซีรี่ส์วายเป็นต้นแบบในการดำรงชีวิต (การมีคู่) คือ มันเป็นนิยายเพ้อฝันที่ถูกแต่งโดย "คนที่ไม่ใช่เกย์" แล้วพวกมึงยังจะเอามาเป็นต้นแบบชีวิตพยายามจะทำชีวิตตัวเองให้เป็นแบบในซีรี่ส์อีกเหรอ
เปรียบให้เห็นภาพ "เหมือนฝรั่งทำหนังเกี่ยวกับชีวิตคนไทย ซึ่งผิดเพี้ยน ไม่ตรงตามความจริง" แต่เสือกมีคนไทยหลงใหล แล้วอยากเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้เป็นไปตามหนังฝรั่งเรื่องนั้น
>>103 ค. ลัทธิลักเพศนิยม (Homosexuality) คือการเสพย์เมถุนระหว่างชายกับชาย และหญิงกับหญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกัน ลัทธิเสพย์เมถุนระหว่างหญิงกับหญิงนั้นยังมีชื่ออีกอย่างว่า "เลสเบียนิสม์ " (Lesbianism) "ลักเพศนิยม" ถือว่าเสรีภาพของบุคคลที่จะกระทำการใดตามความพอใจในการเสพย์สุขนั้นมีค่าสูงสุด บุคคลจึงต้องหาความสุขสำราญให้เต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงศีลธรรมอันดีของปวงชน เพราะการเสพย์เมถุนระหว่างคนเพศเดียวกัน ลัทธินี้ถือเอาความเสพย์สุขทางเมถุนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชาติพันธ์ของมนุษยชาติ โดยไม่คำนึงถึงว่ามนุษยชาติมีเพศชายและเพศหญิง ซึ่งได้แพร่พันธุ์สืบต่อ ๆ มา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มิฉะนั้นมนุษยชาติก็สูญสิ้นชาติพันธุ์ไปพ้นจากโลกนี้ช้านานมาแล้ว ผู้ประพฤติลักเพศและเผยแพร่ลักเพศในชาติใด ผู้นั้นก็ทำลายชาติพันธุ์แห่งชาติของตนเอง อันเป็นอาชญากรรมอย่างมหันต์
มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
พวกลักเพศจะต้องตกนรกหมกไหม้
ร้อยเอ็ดเป็นพื้นที่สีแดง ของโรคพิษสุนัขบ้า อ.เสลภูมิ ฆ่าหมาทิ้งเป็นร้อยศพ ไม่มีการฉีดวัคซีน ขอดูอาการ อุ้มหายเหมือนทหารอุ้มนักกิจกรรม อ.เมืองมีรถแห่ ขอให้หมาตัวไหนไม่ฉีด จนท มา ก็พามาฉีด ตัวไหนฉีดสวมสร้อยคอที่คลีนิคให้
#โครต2มาตราฐาน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สนับสนุนการแก้ปัญหาสุนัขจรจัดอย่างยั่งยืนด้วยการจัดปาร์ตี้ลูกชิ้นหมาทุกเดือน ปีเดียวรู้เรื่อง
บางงานแม่งก็ไม่ควรมีพวกโฮโมเซกช่วล มาปนนะ
เพราะสมัยมีเอดส์ใหม่ๆ ระบบป้องกันก็ไม่ดี สถิติมันก็ออกมาว่าเกย์มันมีอัตราเป็นเอดส์มากกว่ากลุ่มอื่นตั้งหลายเท่าตัวเพราะพฤติกรรมแตกในไม่ใส่ถุง
แล้วถ้าเอาไปเข้ากลุ่ม ที่มีความเสี่ยงต้องไปเจออุบัติเหตุให้เสียเลือด หรือเป็นงานที่ต้องมีแผลที่เลี่ยงไม่ได้บ่อยๆ เราจะเอากลุ่มเสี่ยงไปปนให้คนรอบข้างไม่ไว้ใจทำหอยอะไร
นัดเจอกับผู้หญิงทีไร ก็โดนมองในทางไม่ดีบ้าง จะทำอะไรเธอบ้าง เราเลยบอก ถ้าเจอเราแล้ว อย่าโดนตัวเรานะ
แม่งได้ผลว่ะ ผญ อยากโดนตัวเราแทนอ่ะ พอโดนเราก็แบบ โอ้ยอย่าโดน โดนแล้วมันรู้สึก >< 555
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>109 กูไม่ซีเรียสเรื่องเกย์กระเทยทำงานนั้นงานนี้นะ แต่ซีเรียสเรื่องบริจาคเลือด คือขนาด ช-ญ ปกติเขายังรณรงค์กันอยู่เลยว่าถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยงก็อย่ามาบริจาคเลย เพราะเมื่อก่อนมันมีเคสมาบริจาคเพราะอยากตรวจว่าเป็นเอดส์ไหม แต่ดันมาช่วงที่ยังตรวจไม่พบ ถึงหลังๆ เทคโนโลยีการตรวจจะแม่นขึ้นและตรวจได้เร็วขึ้น แต่เขาก็ไม่อยากให้กลุ่มเสี่ยงมาบริจาค คือเลือดที่ให้คนไข้มันควรปลอดภัย 100% ไง
แต่เรื่องนี้อย่าไปพูดเชียว โดนด่าเหยียดเพศที่ 3 ได้ง่ายๆ กูโดนมาแล้วทั้งๆ ที่มันเป็นความจริงที่ว่าเกย์กระเทยมีความเสี่ยงเอดส์มากที่สุด (ถุงยางไม่ช่วยเท่าไรนะ ต่อให้ใช้เจลหล่อลื่น โอกาสรั่วหรือแตกก็ง่ายกว่า ช-ญ เอากันอะ เพราะรูก้นมันไม่ได้สร้างมาเพื่อมี sex)
#มีเรื่องตลกร้ายเรื่องนึงจะเล่าให้ฟัง คือเจอมาในช่องแชท สดๆร้อนๆในวันนี้แล้วมันก็อดเก็บไว้คนเดียวไม่ได้ เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้เปิดอ่านข้อความในแชท ซึ่งมีตกค้างอยู่5-6ข้อความ 1ในนั้นเป็นของน้องผู้หญิงคนนึง สมมุติว่า ชื่อน้องเสตลล่า น้องเขาเข้ามาปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับ พรบ.คอม ซึ่งเธอได้แจ้งความไว้ เธออยากรู้ว่ามีวิธีมั้ย ที่จะทำให้คดีนี้ตัดสินช้า เพราะเธออยากให้จำเลยเรียนจบก่อนค่อยตัดสิน.... แน่ะ ใจดีจัง
" ทำไมถึงอยากให้เขาเรียนจบก่อนร่ะคับ จบก่อนจบหลัง มันก็มีประวัติติดตัวอยู่ดี "
ผมถามเชิงสงสัยในเรื่องที่ยังไม่กระจ่างนัก .... น้องบอกว่า จริงๆแล้ว คนๆนี้คือแฟนเก่าน้องเอง เขาเอาคลิปลับเฉพาะ ไปปล่อยในกลุ่มไลน์ จนมันกระจายในโลกออนไลน์ เพื่อนเธอไปเห็นเข้าจึงแคปมาให้ดู
" เชรดดดดดเข้ !! แล้วจะช่วยเขาทำไม เขาทำร้ายเรานะ "
" หนูสับสนค่ะพี่.... "
เธอตอบเพียงสั้นๆ แต่ผมก็พอรับรู้ความรู้สึกได้ จึงได้แต่ปล่อยให้เธอครุ่นคิดคำตอบ (หรือจริงๆนอนเล่นเกมอยู่ก็ไม่รู้ถึงตอบช้า) จริงๆ เสตลล่ากับแฟนพึ่งเลิกกัน คลิปเนี่ยมันถูกปล่อยไปก่อนจะเลิกอีก... สาเหตุเป็นเพราะเรื่องเรียน เรื่องกิจกรรม ทำให้เราเริ่มห่างๆกัน แล้วเขาก็ปล่อยคลิปออกไป
" หนูคิดว่า... มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบอ่ะค่ะ "
เธอตอบอย่างมั่นใจ.... แต่ผมก็ไม่ล้มเลิกที่จะยุแยง
" แต่เขาทำร้ายเรานะ คิดดีๆ "........
ระหว่างรอคำตอบจากเธอ ผมใช้เวลานั้นเลื่อนดูแชทอื่นๆไปพลางๆ อันไหนตอบได้ก็ตอบเลย อันไหนตอบไม่ได้ก็ทิ้งไว้ก่อน เหมือนจะหยิ่ง แต่ที่จริงผมโง่
" หนูว่า ด้านดีของเขา มีมากกว่าด้านไม่ดีค่ะ.."
อืมมมมมม คำๆนี้ ทำเอาผมต้องกลับมาย้อนดูเรื่องราวต่างๆมากมายในเพจ คนมากมายติดคุก เสียอนาคตเพียงเพราะด้านไม่ดีเพียงด้านเดียว โดยไม่มีใครสนว่าคนๆนี้จะมีด้านดีบ้างหรือไม่ แฟนเก่าของเธอก็เช่นกัน เพียงอารมณ์ชั่ววูบที่ทำเรื่องไม่ดีไปมันแทบจะทำลายอนาคตเขาได้เลย ในทางกลับกัน หากเสตลล่ายอมที่จะให้เรื่องเสียหายเหล่านั้น เป็นเพียงอดีต ที่มันจะย้อนมาทำร้ายเธออีกเมื่อไรไม่รู้... แลกกับการกู้คืนอนาคตคนๆนึง ผมว่าเธอเป็นเด็กที่มีความคิดที่ดีมากๆคนนึง
" โชคดีของเขานะ ที่ยังมีแสงสว่างส่องถึงด้านดีของเขา ถ้าเรื่องมันยังไม่ถึงชั้นศาล เราก็ลองไปขอร้องตำรวจดูว่าถอนแจ้งความได้มั้ย เราแค่ทะเลาะกับแฟน "
" ขังมันซักอาทิตย์ สองอาทิตย์ไม่ได้หรอพี่ มันจะได้เกรงกลัว "
" ไม่ได้คับ มันเป็นคดีอาญานะ ถ้าเข้าสู่ชั้นศาลมันจะยุ่งยาก เกิดตัดสินติดคุกขึ้นมาทำไง พี่ไม่แน่ใจเรื่องคดีแบบนี้ด้วย พูดยาก เอาแค่จะถอนแจ้งความเนี่ย ตำรวจจะถอนให้มั้ยยังไม่รุ้เลย "
ระหว่างสนทนา แนะนำเสตลล่าเรื่องถอนแจ้งความ สลับกับการเลื่อนดุแชทตกค้างอื่นๆ ผมสะดุดตาเข้ากับแชทหนึ่ง....... #สมมุติว่าชื่อโดมินิค
" พี่คับ พรบ.คอม มาตรา140 พอจะมีทางยกฟ้องหรือหลุดคดีมั้ยคับ คือผมผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ "
ผมไม่ทันได้ตอบอะไรไป แต่สังเกตุจากช่วงเวลาที่เขาส่งแชทมามันไล่เรี่ยกับเสตลล่าเหลือเกิน
" นี่ เสตลล่า แฟนเก่าแกที่ว่า ชื่อโดมินิกใช่มั้ย เขาก้เข้ามาปรึกษาในเพจเหมือนกัน..... "
....... ครั้งแรกเลยนะคับ ที่ต้องให้คำแนะนำทั้งโจทย์ และจำเลย พุดไปก้ตลกดี เสตลล่ามันยังขำ แถมยังบอกอีกว่า
" สงสัยเป็นพรมลิขิตมั้งพี่ ที่ทำให้บังเอิญมาปรึกษาเพจเดียวกัน "
" ถรุยยย นี่ไม่ใช่เพจหาคู่นะเว่ย "
ผมกล่าวติดตลก แต่ดูๆแล้วเรื่องราวคงจะจบด้วยดีหากตำรวจยอมถอนแจ้งความให้ ..........
..... #เพราะในตัวคนๆนึงมันไม่ได้มีแต่ด้านไม่ดี
.....
@เหนือ
11.2.18 เป็นอีกวันที่เหมือนได้เห็นด้านมืดและด้านสว่างในระบบการศึกษาไปพร้อมๆกัน #clubfridayชิดซ้ายไปเลย ฟังจบแล้วอยากลุกขึ้นปรบมือ+มอบโล่ให้กับครูทุกคนที่อดทนและแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์สุดๆ 👏👏🏆🏅
Insights: เด็กๆชอบเล่นเกม #RoV มากๆ 🤭🤭🤫🤫
ร.ร.1: เด็กเล่นเกม RoV ในเวลาเรียน สอบตก ติด 0 ติด ร ก็ไม่แก้...
ครู1: จัด tournament แข่ง RoV เวลากลางวันโดยตั้งกติกาในการสมัคร 1. นักเรียนต้องไม่ติด 0 ติด ร 2. ต้องใช้มือถือตัวเองเท่านั้น (แปลว่าถ้าเล่นในเวลาเรียนแล้วโดนยึดคือโดนตัดสิทธิทันที)
ผล: เด็กไปตามแกั 0 แก้ ร กันเพียบ +ไม่เล่นมือถือในเวลาเรียนแล้วเพราะกลัวโดนยึด เดี๋ยวอดแข่ง 😂 -> ความพิเศษอีกอย่างคือสำหรับทีมที่ชนะครูพาไปกินข้าวกับ gamer อาชีพจริงๆ แล้วให้เค้าเล่าให้ฟังว่าต้องมีสกิลอะไรบ้าง ต้องรับผิดชอบกับชีวิตส่วนอื่นๆด้วยเหมือนกันนะหนู
ร.ร.2: เด็กไม่ส่งการบ้าน ติด 0 ติด ร และไม่สนใจจะแก้ (อีกแล้ว)...
ครู2: ประกาศรับสมัครเด็กมาแข่ง RoV บน fb ส่วนตัว ให้เด็กรวมทีมกันมาแข่ง ใครไม่ส่งการบ้าน ติด 0 ติด ร โดนตัดสิทธิ์ ครูเช็คจริงจัง (เพื่อนๆก็มีการเช็คกันเองด้วย 555)
ผล2: 1. ครูวิชาอื่นมาบอกว่าเด็กติดต่อขอแก้ 0 แก้ ร เพียบบอกว่าให้ครูรีบเซ็นว่าเค้าแก้เสร็จแล้วเพราะจะไปเตรียมแข่ง RoV 2. เด็กๆพยายามจัดการเวลาตัวเองมากขึ้น เพราะต้องเคลียร์ให้ว่างพร้อมๆกันทั้งตอนซ้อมและตอนแข่งจริง #จริงจังเบอร์ไหนคะลูก 3.กลายเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพี่ๆน้องๆข้ามทีมก็ดีขึ้นเพราะต้องไปนัดแข่งกันเองให้ได้ด้วย lol
ร.ร.3: เด็กมาสาย เข้าห้องไม่ตรงเวลา
ครู3: จัดแข่ง RoV และแจกใบดำ ใบแดงเป็นโทษในเกม เช่น เข้าห้องช้า ห้ามออกจากป้อมตอน 5 วิแรก มาสายต้องรอ 20 วิแล้วค่อยเริ่มเล่น
ผล3: เด็กเข้าเรียนตรงเวลาพร้อมๆกับลากเพื่อนๆให้มาตรงเวลาด้วยเพราะกลัวแพ้ 555+
ครูบางคนถึงขนาดไปโหลดเกมมาลองทำความเข้าใจ และลองไปศึกษาวิธี live ตอนเด็กๆเล่นรอบชิงเพื่ออรรถรสสูงสุด นับถือจริงๆจากหัวใจ ไว้มาดูกันต่อว่าเราจะทำอะไรหลังจากนี้ได้อีกบ้าง เฮ่ #tedclub #staytune #thksforsharing
"ผมไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่า พวกเสรีนิยมจะทำใจยอมรับคำสอนของอิสลามที่คัดค้านรักร่วมเพศหรือไม่ เพราะอิสลามและชีวิตผมไม่ได้มีอยู่เพื่อคนพวกนั้นอยู่แล้ว
ยังไงเสีย พวกเสรีนิยม ก็ตั้งธงไว้แล้วว่า จะขอต่อต้านคนที่ไม่เอารักร่วมเพศอย่างพวกเขา
นั่นก็หมายวามว่า พวกเสรีนิยมก็ไม่ยอมรับนิยามของเพศสัมพันธ์ที่ "ศาสนาโลก" กำหนดไว้แต่แรกแล้ว
เมื่อไม่ยอมรับเรา แล้วเรื่องอะไรจะมาสร้างวาทกรรมว่าเราจิตใจคับแคบที่ไม่ยอมรับท่าน ? ท่านเองก็คับแคบด้วยไม่ใช่เรอะ?
ผมจะตอบสั้น ๆ อิสลามห้ามรักร่วมเพศ เพราะถ้าท่านรักร่วมเพศ พระเจ้าจะไม่ให้ท่านเข้าสวรรค์ พระเจ้าสร้างท่านมาพระองค์มีสิทธิในการกำหนดว่าอะไรคือคำว่า "เพศสัมพันธ์" ที่ถูกต้อง
เรารู้ว่าร่วมเพศกับ "น้องสาว" ตนเองไม่ได้ เพราะพระเจ้าเป็นผู้ตัดสิน
ถ้าเอามนุษย์มานิยามกันเอง ว่าร่วมเพศกับใครได้ไม่ได้ มันก็จะได้อีกหลายแนวคิด
วันดีคืนดี เกิดการนิยามสิทธิทางเพศแบบใหม่ ป้ากับหลานจะขอแต่งงานกัน พี่กับน้องของเป็นผัวเมียกัน ในวัฒนธรรมโบราณใช่ว่าจะไม่มี ถ้ามีใครจะเอานิยามความสัมพันธ์ทางเพศแบบนี้มาเสนอสังคมอีก มันก็จะมีคำพูดสวยหรูสนับสนุนได้ทุกครั้งไปแหละ และนั่นหมายความว่าเราต้องยอมรับมันด้วยใช่ไหมถึงจะเรียกว่า ศรีวิไล หัวก้าวหน้า
คำตอบว่า พระเจ้าไม่ทรงประสงค์รักร่วมเพศ หลายท่านอาจจะแย้งว่า ก็เราไม่เชื่อพระเจ้า
ก็ถ้าอย่างนั้นไม่ดีเบทที่หัวเรื่องไปเลยล่ะว่าพระเจ้ามีจริงไหม ?
บางคนอาจพูดว่า เรื่องพระเจ้าเถียงไปก็ไม่ได้ข้อสรุป ผมก็จะพูดเหมือนกันว่า เรื่องรักร่วมเพศที่เถียงบนฐานไม่มีแหล่งตัดสินจริยธรรมที่ชัดเจนก็ไม่ได้ข้อสรุปเหมือนกัน
ฉะนั้นสำหรับพวกเรามุสลิม การที่ท่านพยายามยัดเยียดให้เรายอมรับว่ารักร่วมเพศเป็นสิ่งถูกต้อง เท่ากับพยายามยัดเยียดความเชื่อที่ว่า พระเจ้าไม่มีจริง อัลกุรอานไม่ใช่ความจริง สวรรค์ไม่มีจริง
เพราะสามสิ่งนี้ไม่ยอมรับรักร่วมเพศ!
ฉะนั้นเมื่อพวกท่านไม่ยอมรับพระเจ้าของเรา แล้วเรื่องอะไรที่ผมจะต้องไปยอมรับ "ความอยาก" ของพวกท่าน
ท่านว่าเราใจแคบที่ไม่คล้อยตาม "ความอยาก" ของท่าน แต่ท่านเองก็ใจแคบที่ไม่ยอมรับอำนาจพระเจ้าของเรา!
ถ้าท่านบอกว่า พวกเรากีดกันท่าน เผด็จการกับท่าน
เราจะตอบว่า ภายใต้รัฐเสรีนิยมของพวกท่าน พวกท่านก็กีดกันสิทธิของเราด้วยไม่ต่างกัน
พวกท่านยอมไหมเล่า ให้พวกเราใช้กฎหมายชะรีอะฮฺ ในหมู่พวกเราชาวมุสลิมกันเอง ? เวลาญาติพี่น้องของเราถูกฆ่าตาย พวกท่านจะยอมให้พวกเราใช้กฎหมายชะรีอะฮฺตัดสินกันเองไหม ? ทำไมต้องบังคับเราให้ตามกฎหมายอ่อนแอของพวกท่าน?
ในรัฐเสรีนิยมของพวกท่าน กำหนดกฎหมายขั้นตำ่ของการแต่งงานแตกต่างออกไป เฉลี่ยคือ 16 จะแต่งตำ่กว่าที่กฎหมายกำหนดไม่ได้เว้นแต่ด้วยอำนาจศาสในกรณีพิเศษจริง ๆ
แต่ในศาสนาเรา เด็ก ม.ต้น หากมีความประสงค์จะแต่งงาน ก็ถือว่าแต่งได้ (บนเงื่อนไขที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ด้วย). เพราะเราถือว่า การแต่งงานของเด็ก ไม่ใช่ความเลวแต่ความเลวคือ การมั่วกันของเด็ก ม.ต้น หรือผู้ใหญ่ก็ตาม
เมื่อท่านมีสิทธิบังคับ เราก็มีสิทธิ
พระเจ้าทรงเกรียงไกร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มุกเด็ดวาเลนไทน์เอาไปใช้ได้
วันก่อนทำงานยืนบูธที่ศูนย์สิริกิติ์
ที่บูธที่บีมอยู่มันจะมีให้แสกน QR Code เพื่อทำแบบสอบถามแลกของรางวัล
มีพี่ชายคนนึง จะร่วมกิจกรรม
บีมถือป้าย QR อยู่ระดับอก
พี่ชายยกมือถือขึ้นมา
แสกนหน้าเรา !!!
"อุ้ยโทดครับแสกนผิด"
คิดได้ 2 แบบคือ
1. เราสวย
2. เราหน้าเหมือน QR Code
55555
จบ
“ความรักยังคงอยู่ แม้ไม่ได้ครอบครอง”
แม่ชีศันสนีย์
กูว่าเป็นแม่ชีก็ดีแล้ว ชีวิตคงผ่านอะไรมามาก ยกเว้น ควย สำหรับกูรักคือการครอบครองค่ะ รักแต่ไม่ได้ครอบครอง เรียกว่า นก ค่ะ คือมึงโดนเทยังไม่รู้ตัวอีก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บางที่เราก็ลืมไปนะว่า ค่าตัวคนที่มานั่งประชุมรวมกันหลายชั่วโมง เพื่อแก้ปัญหาเทคนิคอะไรบางอย่าง รวมๆแล้วแพงกว่า เงินที่เราจ่ายเพื่อแก้ปัญหาอีกนะ ยังไม่นับค่าเสียโอกาส ... โลกที่ยังเชื่อว่า ต้องแยก "คนคิด" กับ "คนทำ" ออกจากกัน โลกที่ "คนคิด" คิดว่าตัวเองเก่งกว่า "คนทำ" โลกที่ "คนคิด" ไม่เชื่อใจ "คนทำ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>114 เหมือนจะมีหลักการแต่ปัญญาอ่อนชิบหาย
ที่เค้าให้ยอมรับก็แค่ต้องการให้พวกมุซซี่คลั่งมันยอมอยู่ร่วมกันในสังคมกับเกย์ได้เท่านั้นเอง
ไม่ได้ให้ไปแก้สำสอนดักดานงมงายของพวกมุซซี่เสียหน่อย ยกมาอ้างก็คนล่ะเรื่องแล้ว
แล้วมาทำบอกให้ยอมรับกฏหมามุซซี่ เหี้ยสมองมีแต่ความรุนแรง สอนกันแค่ความคลั่ง
กูเคยอ่านในเมนต์ยูทูปนะ คนมุสลิมมาตอบเองบอกว่า ท่านนบี เห็นว่า หมู กับสุนัข เป็นสัตว์สกปรกเพราะ กิน อุจจาระ ตัวเอง เลยห้ามมุสลิมกินเพราะทำให้เกิดโรค
กูว่าสัตว์กินพืชบางตัวก็กินอึเพราะมันต้องย่อยซ้ำว่ะ กระต่ายก็กินอึตัวเอง ส่วนหมานี่มุสลิมไม่นิยมเลี้ยงว่ะ แต่แถวบ้านกูดงมุสลิมก็พอมีให้เห็น คงจะเลี่ยงๆกฏ เลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน
ขนาดคนยังแดกขี้เลย (เมล็ดกาแฟ)
ต้องดูว่าเขาเอ่ยถึงเมื่อพันปีก่อนด้วยว่ะ สมัยนั้นสุขอนามัยมันไม่ได้ดี ถ้าป่วยด้วยโรคที่ยังไม่มีทางรักษา ถึงตายได้ง่ายๆเลย
ทหารไทยยุคนั้นพลีชีพต่อต้านคอมมิวนิสต์ มาถึงยุคนี้มีแต่ทำตัวเป็นเผด็จการระบอบคอมมิวนิสต์ เลียดากเจ๊กคอมจนเรี่ยม ตายไปคงมองหน้าวิญญาณบรรพบุรุษไม่ได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>125 อะไรที่เคร่งคัมภีร์มากปัญหาก็ตามมาเพราะยุคสมัยเปลี่ยน พุทธก็เป็นตรงเรื่องพระห้ามครอบครองเงินตรา สมัยพุทธกาลนี่คนอยู่กันง่ายๆ วัตถุดิบทำอาหารปลูกเองหาเองได้ ระบบของแลกของยังมี สิ่งที่ต้องใช้เงินซื้อจริงๆ มักเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่สมัยนี้ไม่มีอะไรที่ไม่ใช้เงินซื้อแม้แต่ปัจจัย 4 การเดินทาง และพระต้องเรียนหนังสือ สมัยพุทธกาลพระคือผู้ขาดจากโลก แต่ปัจจุบันพระถูกคาดหวังให้ต้องรู้ทั้งทางธรรมและทางโลกเพื่อจะได้มีประโยชน์ต่อสังคม แต่การเรียนมันก็ต้องใช้เงินละนะ ใช้มากด้วย ทุกวันนี้เลยเป็นเรื่องเทาๆ ที่คนเลี่ยงจะพูด คือศีลพระศีลเณรห้ามพระจับเงิน แต่ชีวิตจริงก็ต้องจับต้องใช้ (กูไม่ใช่มุสลิมนะ..บอกไว้ก่อนเดี๋ยวหาว่ากูเป็นมุสลิมอีก)
>>126 นายทุนจีนบ้านเราไม่คอมน่ะสิ ถ้าเป็นคอมจะหนีจากบ้านเกิดมาทำไม
>>127 เรื่องพระจับเงินนี่พูดยากว่ะ ถ้าจับเพื่อแค่พอกินพอใช้ตามสมควรก็ดีไป แต่ส่วนใหญ่พอจับไปจับมาอำนาจเงินมันก็ครอบงำ เริ่มหลงในทรัพย์สิน เริ่มสะสมทรัพย์ ไม่มีใครตรวจสอบได้ ไม่มีใครกล้าตรวจสอบ ภาษีก็ไม่จ่าย ทีนี้ก็โคตรรวยเลย รวยกว่าโยมซะงั้นทั้งๆที่เดิมทีคอนเซปท์ดั้งเดิมของพระก็คือขอทานผู้ขอข้าวขอน้ำเขากินเพื่อให้มีแรงมาศึกษาพระธรรมเพื่อให้หลุดพ้น
เพราะงั้นเรื่องกฎห้ามพระจับเงินนี่กูเห็นด้วยกับบุดด้าเต็มๆเลยว่ะ จริงๆแล้วเขาก็กำหนดให้มีโยมมาเป็นผู้ดูแลเงินค่าใช้จ่ายจำเป็นให้พระกับเณรอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าไอ้โยมคนนั้นทำหน้าที่ของมันให้ดีก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก หรือถ้ากลายเป็นว่าไอ้โยมคนนั้นมันโกงเงินพระ กูว่ามันก็น่าจะง่ายและสะดวกใจกว่าที่จะลากโยมมากระทืบแทนที่จะกระทืบตัวพระทุศีลโดยตรงจริงมะ เพราะต่อให้มันผิดจริงแต่ถ้ามันดื้อไม่ยอมสึก คนก็คงลำบากใจอยู่บ้างที่จะกระทืบคาชุดผ้าเหลือง
นิยายสยองสองบาท
เรื่อง คนอิสานไม่กินปลาไหล
ผมเคยไปฝึกงานที่โรงงานแช่แข็งกุ้งแล้วถามเขาว่าจะมีโปรเจคอะไรใหม่ๆบ้าง ที่ทำส่งญี่ปุ่น ผมถามว่าทำไมไม่ลองปลาไหลล่ะ วงสนทนาก็เงียบไป แล้วพี่คนนึงก็เล่าให้ฟังว่า แถวบ้านเขาเชื่อว่าปลาไหลเป็นสัตว์กินซาก ตอนเด็กพี่เขาเคยเจอผู้ใหญ่เรียกไปดูซากหมาตายกลางท้องนา เขาพลิกซากหมาให้ดูว่าข้างล่างเจอปลาไหลหลายตัวมันซุกอยู่ใต้ซากหมา ถ้าวันไหนฝนตก แล้วมีซากสัตว์ตาย กลางทุ่ง ปลาไหลมันจะตามกลิ่นขึ้นมาถึงบนบกเพื่อกินซากศพ คนแถบอิสานจึงไม่นิยมกินปลาไหล
ผมยังเคยได้ฟังชาวบ้านริมแม่บ้านเล่าให้ฟังว่า เวลาเจอศพจมน้ำตาย ถ้าเจอช้า ในร่างศพจะเจอปลาไหลเจาะเข้าไปกินอวัยวะภายใน พวกดำน้ำจะรู้ดี
แม่ผมเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนวัดแถวบ้านมีโรงเก็บศพอยู่ริมแม่น้ำ ตรงสะพานข้ามคลอง เมื่อก่อนเป็นที่รู้กันว่า ถ้าเปิดโรงเก็บศพ จะได้ยินเสียงแซ่กๆ คือเสียงปลาไหลมันได้ยินเสียงคนเลยหนี ปลาไหลมันจะขึ้นมาดูดกินน้ำเหลืองจากศพ
ผมได้ฟังแล้วก็ไม่ค่อยอยากกินข้าวหน้าปลาไหลแล้วล่ะ
อ่านแล้วพรุ่งนี้ไปหาข้าวหน้าปลาไหลกินดีกว่า
จริง ล้างป่าช้าก็จะเจอปลาไหลแอบอยู่ในดินเต็มไปหมด
แล้วปลาไหลทัยกับยุ่นก็คนล่ะสายพันธ์ ของทัยมุดตามโคลนขี้ดินกินซาก
ของยุ่นอยู่ในแหล่งน้ำสะอาด
เรื่องกินไม่กินก็อยู่ที่คน บางคนถือก็ไม่กิน บางคนก็ไม่สน
จริงๆแล้วมนุษย์เราก็สัตว์กินซากนะ
สมัยโบราณพืชผักที่กินๆ กันนี่โตมาจากปุ๋ยที่ทำโดยอุจจาระทั้งสัตว์และคนนะเออ
แดกๆเข้าไปออแกนิคล้วนๆ
>>135 ไม่เป็นไร แค่เอามาทำแพ็คเกจสวยๆ แปะป้ายแบรนด์หน่อยมันก็จะดูมีความเป็นซากน้อยลง
>>136 แบบนี้สิดี วิถีธรรมชาติของแท้ ขอแค่ทำให้สะอาดก่อนกินก็โอเคแล้ว ไม่งั้นก็ต้องเลือกเอาระหว่างผักเปื้อนขี้ กับผักเปื้อนเคมี ยาฆ่าแมลง หรือถ้าดวงเฮงหน่อยก็อาจจะได้ผักเปื้อนเคมีที่บังเอิญเคยมีตัวอะไรซักอย่างแวะมาขี้ใส่
>>136 นึกถึงการ์ตูนจีนอันนึงที่เคยอ่านเจอ
คนปลูกผักโดนเจ้าหน้าที่รัฐมาเจอตอนเอาขี้ราดใส่ผัก เลยบอกว่ามันไม่ถูกสุขลักษณะ ห้ามทำอีก
ต่อมาเจ้าหน้าที่คนเดิมมาซื้อผักไปกินปรากฏว่าผักขม เลยไปถามคนปลูกผัก คนปลูกผักก็บอกว่าเพราะไม่ได้ราดขี้ผักก็เลยขม
เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เลยถามว่างั้นเอามาราดตอนนี้เลยได้มั้ย
Boy : Will you married me..?
Girl : Do you have a house..?
Boy : None but...
Girl : Do you have a BMW car..?
Boy : None but..
Girl : How much your salary..?
Boy : No salary but..
Girl : No but. You have nothing, how I can marry you? Just leave me, please!
Girl goes away..
Boy : talking to himself, I have one villa, 3 plots, 3 ferrari, 2 porche, 1 lamborghini..
Why I still need to buy cheap BMW..?
How I can get a salary when actually I'm the BOSS
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จริงๆ ต่อให้เป็นบอสก็ต้องมีเงินเดือนนะ #กู
“คนเราก็แค่ต้องการเพื่อน เพื่อนนอน เพื่อนกิน เพื่อนช่วยจ่าย*** เพื่อนคุย เพื่อนเล่น เพื่อนช่วยทำงาน เพื่อนช่วยคิด ฯลฯ บางคนได้หมด บางคนได้บางอย่าง บางคนต้องการอย่างแต่ได้อีกอย่าง ดีๆ ชั่วๆ ถูๆ ไถๆ กันไป เพราะเราไม่ได้มีพลังจะศึกษาใครใหม่ได้ตลอด ไม่มีเวลาจะลงทุนแบบไม่มีสิ้นสุด เราต้องการความมั่นคงเรืองนี้เพื่อเอาพลังและเวลาส่วนใหญ่ไปทำอย่างอื่นในชีวิตที่สำคัญพอๆ กันหรือยิ่งกว่า งานการ ธุรกิจ ฯลฯ อีกทั้งสังขารเวลาเข้าโซนขาลงก็ร่วงโรยเร็วอย่างน่าตกใจ หัวล้าน อ้วน เหี่ยว เหนื่อย ปวดข้อ กรดไหลย้อน ฯลฯ และเราไม่ได้สวยหล่อ เก่ง เด่นอะไรนักหนา ยิ่งแก่เราจะยิ่งพบว่าเรานี้ไม่มีอะไร แล้วทุกคนที่แหว่งวิ่นเช่นนี้ก็ต่างมาเจอกันและจับคู่กัน เรามีเวลาเลือกคู่อยู่พักหนึ่งก่อนเราจะไม่เป็นที่ต้องการของตลาด เมื่อเราโยนบ่วงก์ไปคล้องอีกคนสำเร็จ เราอาจสนุกกับการเรียนรู้กันไปซักพัก แต่ยิ่งนานเรายิ่งรู้สึกใดๆ ในโลกล้วนน่าเบื่อ เราจึงอยากมีอะไรที่เป็นของเราจริงๆ สิ่งที่ควรค่าให้เราถวายชีวิตให้ สิ่งที่ทำให้คนสองคนที่อยู่กันพักใหญ่จนโลกอาจเริ่มแยกห่างจากกันรวมเป็นหนึ่งอีกหน สิ่งที่เรารู้สึกมีพลังอำนาจจะควบคุมดัดแปลง อย่างน้อยก็สามสี่ปีแรก ลูก ไง สิ่งยึดเหนี่ยวและพลังขับดันชีวิต แล้วเราก็ไปต่อในสเต็ปต่อไป อันนี้ต้องใช้จินตนาการขั้นสูง ขอติดไว้ก่อน
ไม่มีคำว่า รัก ซักคำ ไม่รู้จะเติมลงตรงไหน เพราะความหมายไม่ชัดเจนขึ้นกับจินตนาการแต่ละคน และเป็นสภาวะที่เลื่อนไหล จับต้องยากเหมือนเวทมนต์ของพ่อมดหมอผี
แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ก็บอกไปเลยว่าอิจฉาคนเย็ดกันวาเลนไทน์นี่จะพิมพ์ให้ยืดยาวทำไม"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
#ช่วงฮาหน่อยได้ไหมอ่ะครับกับสายไม่ลับคังคังฉิก
A: เฮ้อ... พรุ่งนี้ก็วันจ่ายแล้ว ตรุษจีนปีนี้ไม่สดใสเลยนะครับ กรุงเทพมีค่าฝุ่นควันในอากาศสูงกว่ามาตรฐานโดยเฉลี่ยอยู่มากทีเดียว สาเหตุหลักของปัญหามลพิษก็เกิดมาจากปัญหาการจราจรซึ่งโครงสร้างขนส่งมวลชนยังไม่ตอบโจทย์ และปัญหามลพิษจากการกระจุกตัวของแหล่งอุตสาหกรรมที่นโยบายพัฒนาประเทศไม่มุ่งกระจายการพัฒนาสู่ต่างจังหวัดนี่แหละครับ
B: ฟังดูฉลาดมากๆครับ ว่าแต่นั่นคุณกำลังทำอัลไลอ่ะครับ
A: ผมกำลังเผากระดาษกงเต็กไปให้อาเหล่าม่าอ่ะครับ
B: เอิ่ม... ซี๊ปังโต้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประกวดนางงามสำหรับเลามันคือกิจกรรมฟีมินิสที่แท้จริงนะ เพราะเค้าเลือกจากรสนิยมกระเทยกับผู้หญิงล้วนๆ จนได้เพศหญิงในนิยาม"ความสวย" แบบที่ไม่น่าเยเลย จะรู้สึกน่าเยขึ้นในมุมมองผู้ชาย คือต้องไปผูกกับสัญญะความน่าเยอย่างอื่นเช่น การแต่งตัววับๆแวมๆ ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่มีออร่าความน่าสืบพันธุ์ในสายสายตาเพศตรงข้ามพุ่งออกมา มันคือความสวยในนิยามที่ตอบยาก ว่ามันสวยตรงไหนในสายตาเพศผู้สเตรทแท้ๆ เพราะรู้กันเองแค่ในกลุ่ม Lgtvhd4k กับผู้หญิงเท่านั้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าให้ผู้ชายล้วนคัดผู้หญิงด้วยเกณฑ์ความน่าเย่ซ อย่างเดียว คงไม่ต้องทำเวทีประกวดอ่ะ
ทำไมไม่มีนายงามจักรวาลมั่ง
พึ่งเริ่มมีผัวแห่งชาติเอง ถ้าจะให้มีถึงระดับจักรวาลต้องให้ไอ้ทรัมป์มันลงทุนก่อน
>>147 แรกเริ่มเดิมทีประกวดนางงามมันมีไว้ล่อพวกใหญ่ๆ โตๆ มาออฟเด็กไปเยรึป่าววะ เยแล้วฟินแบบมีตำแหน่งการันตีงี๊ แต่ยุคสมัยเปลี่ยน จะเยเด็กต้องแอบกินเงียบๆ ไม่ให้นักข่าวรู้ กลายเป็นงานประกวดแฝงโฆษณาแทน ขายสินค้าสวยๆ งามๆ กับผู้ชายแม่งยากก็ต้องขายกับผู้หญิงกับเพศทางเลือกนี่แหละ
คะแนน toeic ไม่เคยเกิน 650 มาเรียนกับครูเบิร์ด ยังไม่จบคอร์สได้ 720 เลย
^
นั่นก็แสดงให้เห็นว่า toeic วัดทักษะภาษาอังกฤษได้ห่วยแตกมากๆ แค่เรียนวิธีทำข้อสอบหน่อยๆก็สอบได้คะแนนสูงๆแล้ว
นายจ้างไม่ควรใช้คะแนน toeic เป็นเกณฑ์ในการรับสมัครพนักงาน เราอยู่ในแวดวงอาชีพที่ใช้ภาษาอังกฤษทำงานมาหลายสิบปี เราพบบ่อยๆว่าคนสอบ toeic ได้คะแนนเกือบๆเต็มเป็นจำนวนมาก ยังฟังพูดอ่านเขียนอังกฤษในระดับใช้ประกอบอาชีพจริงไม่ได้เลย! เพราะส่วนใหญ่พวกเขาไปเรียนทำข้อสอบมา แต่ไม่ได้เรียนเนื้อหาสาระภาษาอังกฤษและฝึกฝนซ้ำๆ (drill) มากพอที่จะใช้ประกอบอาชีพจริงได้
เพื่อนกูไม่เคยทำแนวข้อสอบ toeic ใดๆทั้งสิ้น ไปสอบได้ 900 เพราะมีประสบการณ์การใช้ภาษาอังกฤษทั้งในชีวิตจริงและการทำงาน
แต่กูเข้าใจว่าเด็กจบใหม่ หรือ คนที่ไม่ได้มีประสบการณ์มาพอสมควร ก็อยากได้คะแนนเยอะๆ เพราะต้องใช้ในหน้าที่การงาน จะมีการติวเกิดขึ้นก็ไม่เห็นแปลก
อีกอย่างที่นายจ้างรับสมัครจาก toeic ทั่วไป เค้าใช้แค่คะแนน reading กับ listening ซึ่งในสายงานที่ต้องฟังกับพูดเยอะๆ เค้าก็ขอคะแนน ielts ด้วยอยู่แล้ว
ก็ต้องดูเป็นบริบทไปปะ ว่าคนทำงานที่เธอ/นาย เจอ ทำงานตำแหน่งอะไร แล้วเค้าจำเป็นต้องมีสกิลที่สูงแค่ไหน
ผมทราบมาว่าที่ McGill University กับ MIT มีวิธีการสอนอย่างหนึ่งที่มีประสิทธิผลมาก คือ อาจารย์หา open problems มา แล้วเอามาคุยกับนักศึกษาในชั้นเรียนว่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง เพราะว่ามันเป็น open problems จึงยังไม่มีใครทราบคำตอบ รวมทั้งตัวอาจารย์เองด้วยนะครับ
นักศึกษาก็จะเสนอวิธีแก้ปัญหามา อาจารย์ก็จะฟัง แล้วพิจารณาว่ามันผิดตรงไหนไหม หากผิด ก็จะให้คำแนะนำ ให้ความคิดเห็นว่าน่าจะทำแบบนั้นแบบนี้ดีกว่านะครับ การร่วมกันคิดแบบนี้ดำเนินไปตลอดทั้งเทอม จนท้ายที่สุดก็จะได้งานวิจัยตีพิมพ์ออกมาเป็นเรื่องเป็นราว
ผมว่าวิธีสอนแบบนี้มีประสิทธิผลมากที่สุดครับ เพราะนักศึกษาได้ฝึกคิดพร้อมกับได้รับคำแนะนำแบบทันที (immediate feedback) จากอาจารย์ นอกจากนี้ ยังได้เห็นอาจารย์คิดแบบสด ๆ ให้ดูด้วย ซึ่งหลายครั้งก็จะผิดเหมือนกัน การเตรียมการสอนมาก่อนจะไม่มีอะไรแบบนี้ครับ
เทอมนี้ผมเลยลองเอาวิธีแบบนี้มาใช้สอนกับเด็กปริญญาตรี ใช้ randomized algorithms ในการแก้ปัญหา wireless sensor network เราจะคุยกันแบบสด ๆ หน้ากระดานดำ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นักศึกษาเตรียม solution มาให้ผมดู ผมก็จะบอกว่ามันถูกมันผิด มีประสิทธิภาพน้อยมากแค่ไหน สอนแบบนี้สนุกมากครับ นักศึกษาได้เห็นวิธีการคิดของอาจารย์โดยที่ไม่มีการเตรียมตัวอะไรมาก่อน จะเห็นว่าอาจารย์ก็คิดผิดได้เหมือนกัน ที่สำคัญ เขาจะเห็นว่าถ้าคิดผิดแล้ว ควรทำอย่างไรต่อครับ เท่าที่ทำมาก็รู้สึกว่าได้ผลดีมากครับ
ผมคิดว่านักศึกษาได้เรียนรู้อะไรไปเยอะเลย เพราะเป็นการเรียนตัวต่อตัวกับผม คิดผิดคิดถูก ก็เห็นกันเดี๋ยวนั้นครับ ผลงานนี้น่าจะเอาไปตีพิมพ์ได้ในท้ายที่สุดครับ
ใครอยากลองดูก็ได้นะครับ แต่จะต้องจำกัดจำนวนนักศึกษาและเลือกนักศึกษานิดหนึ่งครับ
Cc : Woratham Kh
คิดว่าเจตนาจริงๆของตุ๊ดกะเทยเหล่านี้คืออะไร?
ตุ๊ดกะเทยที่เวลาไปออกงานสังคม เช่น งานพรมแดง งานแจกรางวัล งานฉายหนังรอบสื่อมวลชน งานเลี้ยง งานเปิดตัวสินค้า ฯลฯ จะต้องพาชายหนุ่มหน้าตาดี 2 - 8 คน มาด้วย ให้เดินตามหลังตัวเองเป็นขบวน เดินประกบซ้ายประกบขวา
โดยจะไม่พาผู้หญิง หรือตุ๊ดกะเทย หรือผู้ชายหน้าตาไม่ดีมา จะพามาเฉพาะหนุ่มหล่อเท่านั้น แน่นอนว่า เมื่อถามนาง นางจะตอบว่า "นี่เป็นน้องๆที่รู้จักกัน" (มึงไม่มีคนรู้จักเป็นเพศหญิงหรือผู้ชายหน้าตาไม่ดีเลยเหรอ) หรือในกรณีที่เป็นโมเดลลิ่ง ก็จะตอบว่า "นี่เป็นเด็กๆในสังกัดของชั้น" (โมเดลลิ่งมึงไม่มีเพศหญิงเลยเหรอ)
เพศที่ 3 บางคนมีปมนะ คือปกติเพศที่ 3 นี่หารักจริงใจยากอยู่แล้ว (เพราะคนส่วนใหญ่เขา ช-ญ กันปกติไง) บางคนที่กูเจอนี่น่าสงสารเลย คือโดน ผช หลอกเสียเงินเสียทองไปเยอะ บางคนเป็นก็ขออยู่เงียบๆ คนเดียว หาเงินกินเที่ยวสุขส่วนตัวเลี้ยงพ่อแม่ไป แต่บางคนก็ประชดด้วยการเอาเงินเปย์ ผช แบบจัดหนักจัดเต็มเลย แล้วก็อวดว่ากูมีปัญญาหา ผช ควงละกัน
มันต่างไรกับพวกนิกก้าที่ต้องมีสาวๆรุมล้อมวะยิ่งมิวสิควีดีโอนี่สรรหามาโอบล้อมหยั่งกะฮาเรมโชวชาวบ้านว่ากูเป็นยอดนักเย็ด จนประเทศบ้านนอกต้องเลียนแบบ
"หากอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตไปเรื่อย ๆ สิ่งแรกที่ต้องทำให้ได้ก่อนคือการละทิ้งความสำเร็จในอดีตไปให้เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น
มิฉะนั้นชีวิตก็จะวนอยู่แต่กับสิ่งนั้นจนไม่อาจก้าวผ่านไปยังเรื่องราวใหม่ ๆ ได้อีก"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นหลายคนตลกว่าคนที่มีอำนาจ เรียนวิทยาศาสตร์ ฉลาด มางมงายเรื่องโชคลางคุณไสยเหมือนป้าหน้าปากซอย
เอาจริงๆมันอาจจะกลับกัน ว่าเพราะพวกนี้มีอำนาจ เรียนสูง รู้ทุกเรื่อง ถึงได้รู้สึกว่าทุกอย่างควบคุมได้ ไม่ว่าจะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว เงินซื้อได้ทุกอย่าง ไม่ต้องกลัวแม้แต่ว่าจะโดนสั่งเก็บเพราะมีเส้นอยู่แล้ว
เหลือแต่ไสยศาสตร์ที่ไม่รู้ว่ามีจริงรึเปล่าที่น่ากลัว เป็นอันตรายได้ พวกนี้เลยหันมางมงายไสยศาสตร์
เอาจริงๆกว่านั้นคือที่ประเทศไทยเชื่อเรื่องโชคลาง อาจจะเพราะระบบการเมืองของประเทศไทยมันแข็งตัวแล้ว คนมีอำนาจก็จะมีอำนาจไปชั่วลูกชั่วหลาน คนไม่มีอำนาจก็จะอับเฉาไปชั่วลูกชั่วหลาน คนรวยมีโอกาสทุกอย่าง คนจนไม่มีโอกาสเข้าถึงเหี้ยอะไรเลย
สิ่งเดียวที่หวังพึ่งได้คือดวง คนจนก็หวังจะดวงดี ถูกหวย คนรวยก็กลัวแค่ดวงตก ถ้าดวงตกชีวิตอาจพังพินาศ โดนล้างบางทั้งตระกูล นอกจากนั้นก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว ก็เลยเชื่ออะไรก็ได้ที่จะทำให้ดวงไม่ตก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บางทีเราก่อยากเข้าไปเม้นต์บอกในพวกแซะรูปอาหารจานนิดหน่อยๆ ว่าเขาแดกกันเป็นเซ็ตอะครับ บางรูปมันเป็นอาหารในเซ็ต วัฒนธรรมการแดกตะวันตกอย่าไปดูอเมริกาที่แดกอะไร portion ขนาดควายๆ
เซ็ต 9-12 จาน ถ้าทำจานเดียวอิ่ม ก่แดกในเซ็ตไม่ได้ละครับ
แต่เออ ดูละปล่อยให้แดกข้าวมันไก่ ข้าวขาหมูอย่างเดียวทั้งชีวิตตลอดไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าบิ้กป.ช่วยเหลือป้าทุบรถ แล้วเล่นงานมาเฟียตลาดสดได้ กูจะเลิกล้อนาฬิกาแก
#มิตรสหายหลุดปากท่านหนึ่ง
รุ่นพี่ที่ผมรู้จักแกเปิดร้านรับถ่ายเอกสาร ทำเลก็ไม่แย่มากแต่ไม่ใช่ย่าน ธุรกิจหรือเขตการศึกษา หน่วยงานราชการ
แต่แกกลับสามารถทำรายได้มีเงินหมุนเวียน หลักแสนถึงล้านบาทได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผมถามพี่ทำได้ไง สรุป เปิดร้านรับแทงบอล
#มิตรสหอยท่านหนึ่ง
A: ผมว่าคุณนี่ไม่เคยไหลไปตามกระแสข่าวรายวันเลย น่าจะเป็นคนที่มีมุมมองระยะยาว และไม่โดนสื่อกล่อมให้สมาธิสั้นเกรี้ยวกราดรายวันแบบผู้ใช้โซเชียลมีเดียทั่วไป
B: ห๊า?
C: เขาหูตึงครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมว่าใส่ฉากนี้ลงไปก็ไม่เลวนะครับ
นาย J นั่งยองๆ ทำหน้าเหมือนคนปวดท้องอึอยู่ที่หน้าเวที ครุ่นคิดอนู่นานในที่สุดเค้าก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์มือถือต่อสาย ต่อสายหานาย B
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดด แกร๊ก ฮัลโหลว B พูด
นาย J : ไอ้คนที่ไร้จินตนาการ !
นาย J : ไอ้ไม่เคยประดิษฐ์คิดค้นอะไรเลย
นาย J : ไอ้ตัวลอกไอเดียจากผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย
นาย J : ข้าเกลียดท่าน !!!
นาย J : ทั้งหมดนี่ ที่เราเคยพูดกับนายไปอ่ะ เราขอโทษนะที่ผ่านมาอ่ะ เราว่าไอ้เกมส์ที่ Apple ต้องชนะ Microsoft ต้องเจ๊งอ่ะ จริงๆ เราไม่ต้องเล่นมันก็ได้
นาย B : .... หมดตูดแล้วสินะ จะเอาเท่าไหรหล่ะ ?
นาย J : แล้วแต่นายเลยเพื่อน
นาย B : โอโห จะยืมตังทีนึง ยกระดับเป็นเพื่อนเลยนะ ด่าเราเป็นหมาอยุ่ตั้งนาน จะเอา Office ด้วยมั้ยหล่ะ ?
นาย J : กกก กะ ก็ดีนะ ได้ก็ดีอ่ะ แต่ .. ให้เราจริงเหลอเนี่ย เกรงใจอ่ะ ด่าไปตั้งเยอะ
นาย B : เอาไป $150 ล้าน แล้วกันนะ เดี๋ยวโทรไปอีกรอบ ตอนนี้กำลังนับเงินอยู่ ไม่ว่าง เข้าใจป่ะ
นาย J : B, thank you. the world's a battle place เลยอ่ะเพื่อน
นาย B กดสายทิ้งดังแกร๊ก
มีกลิ่นอาย ประวัติศาสตร์นิดๆ เผ็ดร้อนหน่อยๆ ไรงี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เคยไปซื้อของ ละพี่ผู้หญิงข้างหน้า แกซื้อผ้าอนามัยกับน้ำแข็ง พนักงานแม่งยังมีหน้ามาถาม ว่าใส่รวมได้มั้ยครับ พี่ผู้หญิงนิ่งไปสามวิ ก่อนบอกว่า”อย่าดีกว่าค่ะ เดี๋ยวมันเย็น”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Black panther คือนิยายต่างโลก ของคนดำอะคับ ไม่ต้องมีทรัคซัง มีแต่ธักไลฟ์ รู้สึกตัวอีกที อ้าว กุเป็นรัชทายาทในอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าอเมริกา แม่งขายฝันให้คนดำจูนิเบียวคับ เชื่อผม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ปกติหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ จะติดคำพูดเหล่านี้
“อย่าทำแบบนั้นนะลูก” “ระวังนะลูก” “แบบนี้ไม่ดีเลย”
เช้านี้ผมมีเรื่องจริงมาเล่า เกี่ยวกับคำสอนของพ่อ ต่อลูกสาว
เพื่อที่จะไม่ให้โดนคนอื่นหลอก จากฤทธิ์ความมึนเมาจากแอลกอฮอล์
“คำสอนของพ่อ ต่อลูกสาว”
ตอนฉันยังเด็ก ฉันค่อนข้างเป็นเด็กซน เคยคบกับเพื่อนที่นิสัยไม่ดี
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จนกระทั่งถึงวัยที่ “ดื่มได้”
ฉันคิดว่าพ่อแม่ฉันคงจะเริ่มกังวลในตัวฉัน แต่คงไม่รู้ว่าจะบอกฉันยังไงดี
อยู่ดีๆ วันนึงพ่อก็เข้ามาพูดกับฉันว่า
“นี่ เรโกะ ไว้วันไหนออกไปดื่มด้วยกันนะ
พ่อจะพาหนูไปทุกที่ที่อยากไป
และหนูเองสามารถสั่งทุกอย่างได้ตามใจชอบเลยนะ
ไว้เราไปที่ที่สนุกๆกัน มันคงจะดีมากเลยเนอะ”
.
สำหรับเด็กหนุ่มสาวอาจจะไม่ค่อยชอบที่จะต้องไปที่แบบนั้นกับพ่อแม่
แต่อีกอารมณ์นึงเรโกะรู้สึกว่า
น่าจะได้ประสบการณ์อะไรบางอย่างจึงตัดสินใจไปกับพ่อ
.
วันนั้นฉันออกไปกับพ่อสองคน เมื่อเราไปถึงในตัวเมือง
พ่อเอ่ยบอกกับฉันว่า “โอเค ดื่มได้ทุกอย่างเลยนะ
จนกว่าลูกจะดื่มไม่ไหว ไม่ต้องเป็นห่วง พ่อจะพาลูกกลับบ้านเอง
หนูจะทำตัวบ้าแค่ไหนก็ได้ เอาให้สุดๆไปเลย”
.
ตอนแรกฉันก็รู้สึกกังวลว่า แม่จะไม่พอใจถ้าเห็นฉันเมากลับบ้าน
แต่ในเมื่อพ่อเอ่ยปากจะดูแลฉันอย่างเต็มที่แล้ว
ฉันจึงตัดสินใจจะรับโอกาสครั้งนี้เอาไว้
**************************************************
- ร้านแรก : เป็นร้านปิ้งย่างร้านประจำของพ่อ -
สาวเจ้าของร้านแซวพ่อฉันว่า “นึกว่าพาแฟนที่ไหนมาซะอีก”
พ่อฉันก็ดูมีความสุขกับการพูดเล่นของสาวเจ้าของร้าน
**************************************************
- ร้านที่สอง : Nightclub ร้านประจำของพ่อ -
ฉันได้ดื่มเพิ่มไปอีกบ้าง ส่วนผู้หญิงคนที่พ่อเลือกมานั่งด้วยก็แซวพ่อว่า
“นี่ลูกสาวใช่มั้ย ฉันรู้นะ” พ่อฟังแล้วดูมีความสุขมาก
แถมยังบอกว่า “เหมือนผมล่ะสิ ดวงตาเราสองคนเหมือนกันใช่มั้ย”
**************************************************
- ร้านที่สาม: ร้านซูชิ ร้านประจำของพ่อ -
Master พูดกึ่งอิจฉากับพ่อว่า “ดีจังเลย ได้มาดื่มกับลูกสาว
นี่ความฝันของคนเป็นพ่อเลยนะ”
พ่อบอกกับฉันว่า “กินของที่ชอบเยอะๆเลยนะ
ไม่ค่อยมีโอกาสมาด้วยกันแบบนี้บ่อยๆ”
**************************************************
- ร้านที่สี่ : ร้านเหล้าร้านประจำของพ่อ -
..มาถึงตรงนี้ฉันเริ่มไม่มีสติ จำอะไรไม่ได้แล้ว..
ดื่มอะไรไปบ้าง?...คุยกันเรื่องอะไร?...
**************************************************
- ร้านที่ห้า : ร้าน Snack (ร้านเหล้าที่ให้บริการผ่านเคาน์เตอร์) -
..จำอะไรไม่ได้แล้ว...เหมือนฉันฟุบลงตรงเคาน์เตอร์ตลอด
**************************************************
พ่อเรียกแท็กซี่ และอุ้มฉันขึ้นไป
ถึงตรงนี้ฉันจำได้อยู่นิดนึงว่า ฉันพูดกับพ่อว่า
“รู้สึกดีจัง... ขอโทษนะคะพ่อ หนูเมาแล้ว”
“ไม่เป็นไร นอนเถอะลูก”
เช้าวันถัดไป ลืมตาขึ้นแล้วพบว่าฉันนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนตัวเอง
ฉันรู้สึกอายไม่มีหน้าจะไปเจอพ่อ
พอลงไปที่ห้องนั่งเล่นข้างล่างก็ไม่เจอพ่อ พ่อออกไปทำงานแล้ว
แม่ฉันยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับฉัน
ใจความเขียนไว้ว่า
“เรโกะ เมื่อคืนสนุกมากๆเลยเนอะ ไว้ไปด้วยกันอีกนะลูก
เมื่อคืนจำปริมาณเหล้าที่ดื่มไปก่อนที่ลูกจะล้มฟุบไปได้มั้ยลูก?
เบียร์ 2 แก้ว เหล้าอีก 5 แก้ว...นี่คือปริมาณเหล้าที่ลูกกินได้นะ
ถ้าคราวหน้าไปดื่มกับใคร ก็ให้กลับบ้านก่อนจะถึงลิมิตนี้นะ
สังคมสมัยนี้ไม่ได้มีเฉพาะคนดี อาจจะถูกหลอกพาไปไหนก็ได้
พ่อไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดเวลาหรอกนะ
เลยอาศัยโอกาสนี้ในการสอนลิมิตการดื่มของลูก
สัญญากับพ่อนะว่าจะดื่มไม่เกินลิมิตนี้ พ่อเชื่อลูกนะ”
จากพ่อ
ฉันทานข้าวเช้ามื้อนั้นทั้งน้ำตา
แม่บอกฉันว่า พ่อกังวลมานานพอสมควร ว่าจะสอนกับลูกเรื่องนี้อย่างไร
จะห้ามก็ไม่ดี เพราะยิ่งห้ามก็จะยิ่งไม่ทำตาม
“ใช่แล้ว ฟังดูแล้วฉันก็เข้าใจพ่อเลย
เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ฉันเที่ยวเล่นบ่อยมาก ไม่ฟังใคร”
“พ่อ...ขอบคุณนะ เพราะพ่อสอนฉันวันนั้น ฉันจึงไม่เคยถูกใครหลอกเลย”
“ไม่เคยผิดพลาดในชีวิต เพราะฤทธิ์ของของมึนเมาอีกเลย”
ขอบคุณนะคะ.
คนเป็นพ่อย่อมเป็นห่วงลูกสาวเป็นเรื่องธรรมดา
อีกหนึ่งวิธีสอนที่ยิ่งใหญ่สำหรับหัวอกหัวใจของคนเป็นพ่อ
"พ่อรักลูก ลูกก็รักพ่อนะ"
ใครคิดว่าเป็นคำสอนที่ดี ลองแชร์ให้กับคนเป็นพ่อได้อ่านกันนะครับ
เป็นกำลังใจให้หัวหน้าครอบครัวทุกคน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รุ่นพี่ขอคำปรึกษาเมื่อสักครู่ว่าทำไงดี รับไม่ได้ลูกชายจะเป็นเกย์...พี่เลยแสดงความยินดีกับเขาที่ลูกแสดงตัวจนแม่สังเกต ลูกชายไม่เก็บกด และคุยกันนานจนเขาเริ่มจะเข้าใจ...รับได้หรือไม่ต้องให้เวลา...พี่คนนั้นบอกว่าอายเวลาเจอกลุ่มเพื่อนแล้วคุยเรื่องลูกกัน...อันนั้นไม่ได้รักลูกนะคะ เขาเรียกรักตัวเอง
ตอนอยู่อังกฤษก็มีแม่คนหนึ่งมาให้พี่ช่วยบอกลูกชายของนางให้หน่อยว่าอย่าเพิ่งเป็นเกย์ เพราะอายุแค่ 17 พี่ถามกลับไปว่าเกย์ต้องเป็นตอนอายุเท่าไร แม่บอกน่าจะรอถึง 20 นะคะ ลูกถึงจะคิดได้เพราะบรรลุนิติภาวะ...อีแม่คะ เกย์นะคะ ไม่ใช่เกณฑ์ทหาร...นี่แม่ก็อายุ 50 แล้วยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะคะ...(อันนี้พี่ไม่ได้พูด)...แต่สุดท้ายก็คุยจนนางเริ่มเข้าใจ...และเริ่มสารภาพว่ากลัวลูกออกไปอยู่ข้างนอก พี่เลยแนะนำให้แม่อนุญาตให้ลูกพาแฟนมาบ้านสิคะ...แม่ดูตาเป็นประกายและมีรอยยิ้ม
อีกบ้านหนึ่งเร็วๆนี้ กลุ้มใจบอกว่าลูกเป็นทอม กลัวลูกสาวจะไม่มีลูก...แม่ขาต่อให้ลูกแม่ไม่เป็นทอม ถ้าไม่มีผัวก็ไม่มีลูกนะคะ และการมีลูกหรือไม่มีลูกให้ลูกสาวคุณแม่เลือกให้ชีวิตตัวเองดีกว่าเนอะ
ข้างบ้านพี่คุณพยาบาลมีลูกชายที่ตอนนี้สวยสุดในซอยและเรียนเก่งเว่อร์ แม่ค้าแถวนั้นเม้าท์ลับหลัง แต่พี่ได้ยินเพราะซื้อมะเขือยาวอยู่ พวกนางบอกว่าเสียดายเนอะ หน้าตาดี เรียนเก่ง ดี๊นเป็นตุ๊ด...อีป้าคะ เหลือบไปมองลูกชายตัวเองข้างแผงที่ไม่ช่วยไรเลย ที่ป้าต้องเลี้ยงดูตลอดแม้โตมากแล้ว ดูเมาๆ และนั่งสูบบุหรี่แบบไม่แคร์สื่อดีกว่านะคะ ...ชายแท้เชียวค่ะป้า ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นตุ๊ดหรือเปล่า อยู่ที่ดูแลตัวเองได้หรือเปล่า
เพื่อนนักเรียนชายล้วนเคยเล่าให้ฟังว่า เดินเป็นกลุ่มหมู่คณะ มีแม่เดินจูงลูกชายอนุบาลผ่านหน้า รีบเอาลูกมากอด ปิดตาลูก และพูดว่า "อย่าไปดูนะคะลูก พวกนี้เขาเรียกตัวตุ๊ด" นั่นคนนะคะแม่...ลูกแม่ยิ่งอยากรู้อยากเห็นใหญ่เลยนะคะ โตขึ้นมาเขาเป็นยังไคุณแม่เป็นสาเหตุนะคะ
พวกนักเลงแถวบ้านชอบแซวดี้เรื่อง เย็นๆ อุ่นๆ ของอวัยวะต่างๆ...ไอ้พวกไร้มารยาท ขาดการอบรม และยังเต็มไปด้วยปมแน่นอน แถมชอบพูดลอยๆ ว่าตนเองเปลี่ยนทอมเป็นหญิงได้แน่นอน...แหม ไปขุดดินเหนียวเล่นตรงโน้นก่อนไป๊...มั่นหน้ามากลูกเอ๊ย
เอาล่ะ เขียนมาเสียยาว เพราะอ่านเรื่องเควียร์อย่างเมามันในส่วนละครชาวบ้าน ละครนอก ละครบริติชแพนโท แล้วเพื่อนปรึกษาพอดี เลยอยากบอกว่า LGBTQ เป็นความปกติของมนุษย์ เป็นเรื่องของรสนิยม เป็นความชอบและพึงใจแบบเลือกเอง และเท่าเทียมกัน ไม่ได้เป็นอาการใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นหวัดต้องรักษา เพราะแพร่เชื้อโรค
เป็น LGBTQ=Straight คือเท่ากัน และไม่มีใครดีกว่ากัน ดังนั้นไม่ต้องรักษาให้หาย แต่ต้องรักษาเอาไว้ เพื่อหัวใจที่เห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน
เขียนทั้งหมดด้วยความเคารพทุก gender and sexual orientation นะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไร เราทุกคนเป็นคนค่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>171 นึกถึงประสบการณ์ที่กูเคยเจอเลย คือตอนกู18ก้แบบ สาวห้าว อยากลองไง ทีนี้ตอนนั้นไปเที่ยวล่ะเค้ามีเบียร์ให้ เปนลีโอเตมแก้ว กูก้อยากลอง ซึ่งพ่อแม่กูไม่ว่าเว้ย กูก็ดีใจดิ ปกติแค่ไวน์ก็ไม่ให้55555 กูก็กินกับพี่(อายุ22)2คน พ่อแม่กูไม่กินเพราะไม่ชอบ(2คนนี้เจอกันตอนทำงานในบริษัทเหล้า ล่ะลาออกหลังแต่งเพราะไม่แดกเหล้าทั้งคู่) พอกูแดกเท่านั้นแหละ อิเหี้ย ขมชิบหาย จะอ้วก แต่กูก็ทำเท่ แดกไปเต็มแก้ว ล่ะแม่งจบที่กูอ้วกออกมาหมด ไม่รุ้ว่ากูแพ้หรือกูแดกรวดเดียว อายมาก แล้วกลิ่นมันยังติดตัวอีก หลังจากนั้นกูถามแม่ แม่กูก้บอกว่า แม่กูก็เคยไปงานเลี้ยงบริษัท โดนบังคับแดกจนอ้วกเหมือนกัน รู้ว่ากูเปนพวกอยากรู้อยากลองเลยให้กูรู้ซะบ้าง ไม่งั้นกูก้จะเห่ออยากลองอยุ่นั่น ส่วนพ่อกุก้บอกว่า ถ้ามันดี พ่อดื่มให้กูดูไปนานล่ะ หลังจากวันนั้นกูเป็นคนเลิกยุ่งกับแอลกอฮอล์เลยว่ะ ถึงเพื่อนจะชวนว่าให้กูกินแบบผสมๆกูก็ไม่เอา ไปไหนมาไหนกูบอกเพื่อนเลยว่ากูไม่ดื่ม เพราะกูจำสภาพที่กูหน้าแดง อ้วกกลางพื้น กลิ่นเบียร์ติดตัว รสขม ร้อนท้อง นั่นไม่ลืม
กูมีลูกคงสอนงี้อะ ช่วงมันวัยรุ่นให้มันจัดซักแก้วเด่วก้เลิก555
>>173 ห่ามึง วิธีให้ลองดื่มไม่ได้ผลนะ แล้วถ้าลูกมึงชอบรสเหล้าขึ้นมาหล่ะ อย่างกูเนี่ยพ่อแกล้งให้ดื่มตอนเด็กๆ แล้วกูรู้สึกว่ามันคือรสชาติที่ใช่เลย หลังจากนั้นทุกครั้งที่ไปร้าน ตอนที่พ่อกูเผลอกูก็แอบกระดกไปสองสามอึก ส่วนตัวกูชอบเหล้ามันหอมและเข้มข้นอร่อยไงไม่รู้ เบียร์ก็เช่นกัน//ชอบรสชาติเบียร์มากกว่า อาจจะเป็นเพราะไม่ได้ลองเหล้าหบายๆยี่ห้อ สุดท้ายกูก็รอให้กูอายุถูกกฎหมายที่ซื้อแอลกอฮอล์ได้ แล้วจะลองชิมดู กูว่ามันเป็นศิลปะวัฒนธรรมอย่างหนึ่งนะ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย แค่ต้องควบคุมปริมาณไม่ให้ตัวเองเมาแล้วไปก่อเรื่องเท่านั้นแหละ สวยเงามมมมมม🍻🥂🍾🍺🍸🍹🍷🥃
ทำอะไรเกินตัว เป็นเหตุแห่งทุกข์หนัก จะขอความช่วยเหลือคนอื่น ก็ต้องปิดบังสาเหตุ นานเข้าก็จะตัดสินใจผิด ฝืนธรรมชาติ เพราะไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>175 กูคือโม่งตัวนั้นนะ ความจริงกูก็เคยผ่านประสบการณ์แดกไวน์มาก่อน รุ้สึกแดีกว่านี้มากๆอะ แดกสองสามแก้วยังโอเคตอนนั้นก้รุ้สึกว่าใช้ได้แต่กุก็ไม่ได้ติดใจรสนะ(คือกูไม่ชอบรสแอลกอฮอล์อะ555 แต่พวกกลิ่นเบียร์ กลิ่นองุ่น กูโอเค)
ถ้ามึงสนจริงๆแต่งหน้าจัดๆเข้าร้านเหล้าไปเจ้าของร้านแม่งก้ไม่สนล่ะ อันนี้เพื่อนกุบอก
ลง ICO ไว้ตัวนึงตั้งแต่ปีที่แล้ว
ผ่านไปสามเดือนไม่มีอัปเดตด้าน Development เลย ทวงถามไปก็นิ่ง เขียนเป็น Mentoring Document ยาว 5 หน้าไปเลย พี่แกไม่ตอบ บอกว่าจะ Design First เรื่อง Dev ไม่สำคัญ มี Steve Jobs เป็นไอดอล (จ็อบส์ Design First แต่ก็ให้ทีมพัฒนาไปพร้อมกันโว้ยยย มั่วซั่ว)
แต่ Timeline คืออีกสามเดือน Launch โปรดักส์แล้วนะ แต่ตอนนี้ยังไม่เริ่มทำ จะ Design First สามเดือนที่ผ่านมาเขียนแต่ Document ซึ่งควรจะทำเสร็จตั้งแต่ก่อน ICO แล้ว
ทนต่อสองสัปดาห์ สุดท้ายตัดสินใจขาย Token ทิ้งหมด พร้อมทวีตบอกว่าขายหมดเพราะเชื่อว่าทีม Deliver โปรดักส์ไม่ได้
ห้อง Telegram เอาไปดราม่าด้วยทวีตจากคนธรรมดาคนนี้ทวีตเดียว
โดนคนเอาชื่อไปขุดประวัติ แล้ว Backer คนอื่นดันคล้อยตาม พร้อมรุมกันทวงถามทีมเรื่องการพัฒนาโดยถ้วนหน้า
คนเริ่มเทขายทิ้งตาม
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ วันนี้วันเดียว Git Repo มี Commit เยอะกว่าที่สามเดือนที่ผ่านมารวมกันอีกจ้าาา
ต้องดราม่าช่ะ คน Silicon Valley สมัยนี้นี่ บ้าจริง ...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เห็นคริสเตียนด่าเกย์แล้วขัดใจ มึงด่าเกย์แล้วแน่จริงเลิกกินกุ้ง กินหมูดิ เรื่องเกย์ผิดอะไรทั้งหลายนี่อยู่ในพันธสัญญาเก่าทั้งนั้น ถ้าสูจะเอาพันธสัญญาเก่ามาอ้างก็เอาให้หมดสิ ไอ้สัส ไม่งั้นก็แดกหมูไปและยอมรับรักร่วมเพศซะ เอาสักทางๆ"
- มิตรสหายท่านหนึ่ง
"นึกถึงอีป้านั่นที่ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสให้เกย์แต่ตัวเองหย่ามาสามรอบแล้ว ไอ้สัส ถ้ามึงเคร่งจริง ต้องปาหินตัวเองแล้ว"
- มิตรสหายท่านเดิมในคอมเมนท์ย่อย
พุทธแท้ไม่มีตั้งแต่พศ.300(พุทธศตวรรษที่3)หลังพระเจ้าอโศกมหาราชเริ่มบันทึกตำราศาสนา
(ไม่เหมาะสำหรับผู้นิยมว่าเถรวาทไทยเป็นพุทธแท้)
หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ชัดว่า
1 ไม่มีเมืองกบิลพัศดุ์และไม่ปรากฎการบันทึกของอินเดีย แต่หลักฐานบ่งบอกว่า เมืองของเจ้าชายสิทธัตถะคือเมือง ติเลาราโกต ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบเมื่อปี พศ.2442 ที่ประเทศเนปาล
2 หลักฐานที่นักโบราณคดีค้นพบคือ
เจ้าชายสิทธัตถะไม่ใช่เจ้าชายอินโดอารยันวรรณะกษัตริย์ตามคติพราหมฮินดูอย่างที่พระเจ้าอโศกบันทึก แต่เป็นชนเผ่า ทารู (มองโกลอยด์)ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของเนปาล(ลักษณะทางกายวิภาคเหมือนคนจีนมากกว่าอินเดีย) โดยสมัยพุทธกาลถือเป็นชนเผ่านักรบที่เข้มแข็ง
3 การที่พระเจ้าอโศกมหาราช หันมานับถือศาสนาพุทธ ทำให้พราหมจำนวนมากแทรกคำสอนของตนใว้กับศาสนาพุทธ(เช่นเรื่องบุญกรรมชาติที่แล้วส่งผลต่างๆกับชีวิต)ซึ่งภายหลังเปลี่ยนให้พุทธะเป็นพระนารายอวตารตามคติฮินดูแทน(ศาสนาฮินดูเกิดขึ้นภายหลังก่อนหน้านั้นเป็นแต่พราหมสอน)
4 นักวิชาการทั่วโลกยอมรับว่า พุทธแบบทิเบตใกล้เคียงกับสมัยพุทธกาลมากกว่าพุทธทุกนิกาย
พุทธที่อินเดียรับอิทธิพลพราห์ม ฮินดู
ที่จีนรับอิทธิพล ลัทธิหยู เต๋า
ส่วนไทยนั้นมีทั้งพราห์ม ฮินดูแบบเขมร และผี
ส่วนทิเบตนั้น สภาพทางภูมิศาสตร์ทำให้ไม่ได้รับอิทธิพลจากลัทธิศาสนาอื่น ศาสนาพุทธแบบทิเบตถือว่าใกล้เคียงของเดิมมากกว่าทุกนิกาย
ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
1 ตามพุทธประวัติของเนปาล ทิเบต ระบุว่า พระเจ้าสุทโธทนะ สั่งสร้างกำแพงวังให้สูงแล้วให้คน"กระโดดข้ามกำแพง" แสดงว่า วัง ของเจ้าชายสิทธัตถะเป็นวังสร้างจากไม้ แทนที่สร้างจากหิน หินอ่อน ศิลา ไม่ได้มีกำแพงใหญ่โตแบบวังกษัตริย์อินเดียแสดงว่าการอยู่อาศัยเป็นแบบชุมชนที่ไม่ซับซ้อน
2 จากข้อ1 การให้คน"กระโดด"ข้ามกำแพง แสดงว่าต้องมีการฝึกฝนคนให้เป็นนักรบที่แกร่งมากเพราะพื้นที่ของเมืองอยู่ท่ามกลางป่าที่มีสัตว์ร้าย และตามประวัติ ชาวเมืองถือว่ายิงธนูแม่นยำมาก
3 ทั้งการออกนอกวังพบเทวทูตทั้ง4 และการออกบวช ตามพุทธประวัติดั้งเดิมเจ้าชายสิทธัตถะและนายฉันนะต่าง นั่งม้าตัวเดียวกัน อันเป็นรูปแบบของชนเผ่านักรบ ซึ่งผิดกับคติวรรณะแบบพราหมฮินดู ที่กษัตริย์อยู่บนหลังช้างและ กษัตริย์และผู้รับใช้ไม่นั่งม้าตัวเดียวกันอันเป็นธรรมเนียม
4 พุทธเป็นแบบ อเทวะนิยม นั่นคือปฏิเสฐพระเจ้า แต่พุทธไทยนอกจากรับมาจากศรีลังกาที่พยายามแทรกเรื่องการสวามิภักดิ์กษัตริย์แล้ว ก็ยังมีการรับเอาระบบคติเทวะราชาสมมุติเทพของเขมรมาใช้และแทรกเพิ่มเติมอีก ทำให้ พุทธแบบไทยๆไม่เหมือนใครบนโลก
เกร็ดเล็กน้อย
พระพุทธเจ้าไม่เคยทำนายอายุศาสนาพุทธว่าอยู่ถึง5,000ปี
แต่เคยกล่าวตอนพระอานนท์ขอให้พระพุทธเจ้าบวชให้พระนางปชาบดีโคตมีว่า
หากไม่ให้ผู้หญิงบวช พระธรรมอันไม่ปลอมปนจะคงอยู่กว่า1,000ปี
แต่หากให้ผู้หญิงบวชพระธรรมอันไม่ปลอมปนจะคงอยู่เพียง500ปี
ซึ่งพระอานนท์คงกล่าวราวๆว่า 500หรือ1,000ปีคำสอนก็ถูกปลอมปนอยู่ดี บวชให้พระนางผู้เป็น(ดั่ง)มารดาเลี้ยงเถิด
(ต่อคอมเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>182 )
บางส่วนจากเวปศิลปะ-วัฒนะธรรม
พุทธประวัตินอกกระแส (ในไทย): “สิทธัตถะ” เกิดในสังคมแบบชนเผ่า ไม่ได้ปกครองด้วยระบอบกษัตริย์
ผู้เขียนอดิเทพ พันธ์ทอง
เผยแพร่วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2559
การเรียนในหัวข้อพุทธประวัติ (ในระดับต่ำกว่าอุดมศึกษา) ในเมืองไทย ล้วนแต่มีเรื่องราวที่สอดคล้องกันไปในทิศทางเดียวกันว่า “สิทธัตถะ โคตมะ” เป็น พระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายาแห่งศากยวงศ์
อันเป็นราชสกุลวงศ์ที่ปกครองกรุงกบิลพัสดุ์มาช้านาน
ฟังแล้วย่อมทำให้เข้าใจได้ว่า กรุงกบิลพัสดุ์ ปกครองด้วย “ระบอบกษัตริย์” ที่อำนาจปกครองตัดสินและสืบทอดกันด้วยชาติกำเนิด
แต่แหล่งข้อมูลจากต่างประเทศบางส่วนกลับให้คำอธิบายที่ต่างออกไป เช่น โดนัลด์ เอส. โลเปซ (Donald S. Lopez) ศาสตราจารย์ด้านพุทธศาสนาและธิเบตศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยมิชิแกน กล่าวว่า
นักวิชาการจำนวนหนึ่งเชื่อว่า ในช่วงปลายยุคพระเวท ผู้คนในลุ่มน้ำคงคาตอนใต้ของเนปาล ซึ่งรวมถึงกรุงกบิลพัสดุ์ น่าจะรวมตัวกันในลักษณะของ"สภาชนเผ่า"
ปกครองผ่านที่ประชุมผู้อาวุโส หรือผู้นำที่มาจากการลงคะแนนเสียง
ส่วนปราสาทราชวังต่างๆที่ถูกบรรยายในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาก็ไม่เหลือหลักฐานทางโบราณคดีมาถึงปัจจุบัน
แม้ตระกูลศากยะได้รับการเล่าขานว่าพวกเขาถูกจัดอยู่ในวรรณะกษัตริย์ แต่ก็ไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่าลำดับชั้นทางสังคมของผู้คนในภูมิภาคนี้ได้หลอมรวมเข้ากับระบบวรรณะแบบอินเดียมากน้อยเพียงใด
ด้าน ริชาร์ด เอฟ. กอมบริช (Richard F. Gombrich) นักอินเดียวิทยาและนักวิชาการด้านภาษาบาลี-สันสกฤต และพุทธศึกษา ซึ่งเคยเป็นศาสตราจาย์ด้านภาษาสันสกฤต แห่งมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ก็มีความเห็นไปในทางเดียวกันกับโลเปซ เขากล่าวว่า
กบิลพัสดุ์อยู่ค่อนข้างไกลจากศูนย์กลางอารยธรรมพราหมณ์ (ฮินดู) ตำราของพราหมณ์จึงแทบมิได้กล่าวถึงสถานที่แห่งนี้
และก็น่าสงสัยว่าอิทธิพลของคัมภีร์พระเวทน่าจะยังเข้าไม่ถึงบ้านเกิดของสิทธัตถะ (ในยุคพุทธกาล) เห็นได้จากการที่ครอบครัวของสิทธัตถะเองยังมีการแต่งงานในหมู่เครือญาติ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นเรื่องต้องห้ามตามสังคมพราหมณ์ และมีความเป็นไปได้ที่ภาษาแม่ของสิทธัตถะจะไม่ใช่ภาษาในตระกูลอินโด-อารยัน
ขณะเดียวกัน กรอมบริชกล่าวว่า การใช้คำว่า “ชนเผ่า” กับสังคมของกลุ่มศากยะต้องมีความระมัดระวัง
เนื่องจากคำนี้ทำให้รู้สึกว่าสังคมดังกล่าว ดูตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีการจัดลำดับทางสังคมที่ต่างชนชั้นกัน
แต่กลุ่มศากยะ แม้จะไม่มีระบบวรรณะแต่พวกเขาก็มีคนรับใช้
และการตัดขาดจากภายนอกก็เพียงเพื่อให้พวกเขามีอำนาจในการปกครองตนเองด้วยระบอบการเมืองที่ต่างไปจากสังคมพราหมณ์
จากคำบอกเล่าของกรอมบริช การปกครองของพวกศากยะน่าจะใช้ระบบที่ประชุมของผู้อาวุโส
ซึ่งเป็นตัวแทนจากครอบครัวต่างๆเข้ามาแสดงความเห็นเพื่อหามติร่วมกัน
ซึ่งนักประวัติศาสตร์มักเรียกว่าระบบ “คณาธิปไตย” หรือ “สาธารณรัฐ” ซึ่งมิใช่การปกครองด้วยระบบกษัตริย์แบบสังคมพราหมณ์แน่ๆ
และภายหลังเมื่อสิทธัตถะบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้า
พระองค์ก็เป็นผู้ที่นำระบบการปกครองแบบนี้ไปปรับใช้กับการปกครองในคณะสงฆ์ที่ไม่มีลำดับศักดิ์แต่ใช้ระบบอาวุโสเป็นหลัก
ด้วยเหตุนี้ กรอมบริชมองว่า การที่ตำนานบอกเล่าในยุคหลังกล่าวว่า บิดาของสิทธัตถะเป็นกษัตริย์ท้องถิ่นจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ
เป็นไปได้ว่าเมื่อพระพุทธเจ้าได้พบปะกับสังคมพราหมณ์การจะอธิบายสถานะของพระองค์ให้คนกลุ่มนี้เข้าใจ
ก็ต้องอาศัยการเทียบเคียงกับระบบวรรณะของสังคมพราหมณ์
พระองค์ที่มาจากครอบครัวชนชั้นนำในสังคมเดิมจึงแทนตนเองว่ามาจากวรรณะกษัตริย์โดยอนุโลม
นี่ก็เป็นมุมมองหนึ่งของนักวิชาการต่างชาติ (อาจจะถูกหรือผิดก็ได้) ซึ่งต่างไปจากระบบความคิดของผู้ศรัทธาที่ต้องยึดถือ “คัมภีร์” (ซึ่งเขียนขึ้นหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานหลายร้อยปี) เป็นหลัก บางครั้งจึงอาจจะหลงลืมไม่ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ไปบ้าง
เพราะถือว่ามิใช่แก่นสารของศาสนา หากเป็นการศึกษาตามจารีตในวัดวาย่อมเป็นเรียกปกติ
แต่หากเป็นการศึกษาในระบบการศึกษาสมัยใหม่ก็น่าจะให้ความรู้ในเชิงวิชาการและข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์เสริมเข้าไปให้มากเสียยิ่งกว่าเรื่องของหลักธรรม เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพความหลากหลายของสังคมสมัยใหม่ด้วย
ที่มา
https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_289
ผมใส่ความเห็นส่วนตัวลงไปบ้าง ไม่ว่ากันนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าอ่านไตรปิฎก ตรงคัมภีร์กถาวัตถุจะมีบอกว่า สมัยอโศกมีนิกายแยกย่อยมา18สำนัก พระเจ้าอโศกก็ไปศึกษาศาสนามา แล้วก็เอามาถามบรรดาหัวหน้านิกายสำนักต่างๆ คนไหนตอบไม่ตรงตามที่อโศกศึกษามาก็เอาผ้าขาวให้ใส่แล้วไล่ไปสึก
สรุปว่าที่สืบทอดมาฝั่งเถรวาทตอนนี้คือที่ถูกจริตพระเจ้าอโศกเท่านั้นล่ะ
อันนี้กุเคยไปดราม่าใน pantip มาแล้ว กุขอแค่หลักฐานการมีตัวตนของพระพุทธเจ้าแม่งยังหามาให้ไม่ได้นอกจาก กะลานุกรมที่เขียนตอนหลัง
หลักฐานแท้ๆจะเหลือเหรอวะ มีแต่ทำสงครามตีกันไปมาตลอด เหลือแต่คำบอกเล่าปากเปล่าทั้งนั้น
นั่งอ่านแล้วได้มุมมองใหม่ขึ้นเยอะเลยวุ้ย
กูเองก็คิดมาตั้งนานแล้วนะว่าไอ้เรื่องเจ้าชายสิทธัตถะนี่มันดูแหม่งๆ ตั้งแต่ระบบชนชั้นแล้ว แล้วยิ่งพอนำหลักคำสอนของแต่ละนิกายมา analyze ดู ก็ยิ่งดูขัดๆ เพราะดูออกแนวพรามห์มากกว่า โดยเฉพาะเรื่องที่มีการอ้างถึงพระนารายณ์บ่อยมาก ทั้งที่ศาสนาพุทธขึ้นชื่อว่าเป็นศาสนาที่ไม่เชื่อในพระเจ้า
ว่าง่ายๆ คือศาสนาพุทธคงโดนบิดเบือนในยุคพระเจ้าอโศกฯ ไปเยอะเลย
เอาจริงๆ ทั้งพุทธ คริสต์ มุสลิม ฮินดู นิกายแก่ๆ ก็โดนบิดเบือนตามยุคสมัยมาหมดวะ
>>191 ฮินดูนี่เป็นพัฒนาการทางศาสนาที่เห็นเป็นขั้นเป็นตอนดีนะ เริ่มจากเป็นความเชื่อแบบชนเผ่า เน้นพิธีกรรม พัฒนาเข้ายุคอุปนิษัทที่ข้ามพิธีแปรรูปเป็นหลักปรัชญา นำไปสู่ขบวนการสมณะที่พยายามค้นหาความจริงที่แท้ แยกเป็นสายนัสติกะที่มองข้ามเทพ-พระเวทไปเลยเช่นพุทธ-เชน กับสายอัสติกะที่ยังเอาเทพ-พระเวทอยู่ แล้วในสายอัสติกะก็เกิดขบวนการภักติที่มุ่งเทกายถวายใจให้เทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง จนเกิดเป็นสองกระแสฮินดูใหญ่ๆตอนนี้ และก็อาจจะพัฒนาได้อีกในอนาคต เพราะตัวคัมภีร์พระเวทมันไม่ได้จำกัดอะไรขนาดนั้น
พุทธประวัติที่เรียนๆดันนี่มาจากอรรถกถาซะมาก ซึ่งก็ลอกจากคัมภีร์พุทธจริตของฝ่ายมหายาน
สมัยนึง ศาสนา -การเมืองมันแยกกันไม่ได้เลย เพราะคนมันก็เอาศรัทธานำด้วยซ้ำ บางยุคศาสนาก็เละไปแล้ว จนชนชั้นปกครองต้องรื้อกันทีนึงมาจัดระเบียบใหม่ อย่างเมืองไทยก็เคยจับพระสึกไปเยอะนี่ฟว่า
“Your life will never be as valuable as of the others, because c’est la vie.
Don’t seek justice, seek strength, with strength justice will come”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าสังคมปลอดภัยพอสมควร แล้วมีคนดีเยอะๆมันก็สร้างสรรค์อะไรแปลกๆใหม่ๆได้เยอะว่ะ
ไปตอบกลับคอมเมนท์ที่บ่นว่าทำไมทหารไม่รู้จักทนคนล้อเลียนบ้าง
{ จริงๆพวกนี้มันคิดว่าตัวเองมาเพื่อปกครองไม่ใช่มาเป็นผู้นำ มันคือคนสูงกว่า ศักดิ์สิทธิ์ พวกไพร่จะมาล้อเลียนไม่ได้ แค่พวกมันให้พวกไพร่มีชีวิตรอดไม่เอาไปยิงทิ้งก็ต้องสำนึกบุญคุณแล้ว อย่าลืมจ่ายค่าคุ้มครองที่เรียกว่าภาษีด้วย
นี่แหละคือ mindset ของพวกที่เรียกว่าทหารและข้าราชการ มันไม่เคยคิดว่ามันทำงานให้ประชาชน มันคิดว่ามันปกครองประชาชนเหมือนเป็นปศุสัตว์ไง นี่แหละคือสิ่งที่พวกสัตว์นรกนกหวีดออกไปร่านไล่นักการเมืองเพื่อให้ได้มา
ความคิดมันยังเหมือนสังคมไทยสมัยก่อนว่าไพร่ทาสไม่ชอบเจ้านายก็ต้องแอบไปซุบซิบอย่ามาแสดงออก เป็นแค่ไพร่อย่าสะเออะอย่าหืออย่าอือ มีงานอะไรก็ทำไป
สังคมสมัยก่อนที่บอกสงบร่มเย็นมันไม่ได้มีความสุขเหี้ยอะไรหรอกนะ มันเป็นสังคมแบบนี้แหละ สงบทุกอย่าง }
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>199 กูต่อให้
ทำไมชนชั้นกลางถึงแฮปปี้กับระบบทหารและ คสช. เพราะชนชั้นกลางไม่เคยมีปากมีเสียง เดือดร้อนคับข้องใจอะไรสื่อไม่เคยมาทำข่าว NGO ไม่เคยมานำประท้วง ต้องอดทนเอาตัวรอดกันเอง อย่างดีก็ระบายซุบซิบนินทากับคนรู้จัก ไม่เหมือนคนจนรากหญ้า อยากได้อะไร มีปัญหาอะไร ทั้งสื่อทั้ง NGO ช่วยโหมประโคมกระแสหมด จนได้สิ่งต้องการบ้างไม่มากก็น้อย คนชั้นกลางจ่ายภาษีเต็มๆ เลี่ยงไม่ได้ แต่ประท้วงอะไรไม่ได้เลย แถมเงินภาษียังเอาไปเลี้ยงรากหญ้าที่มีคนช่วยประท้วงอีก แต่พอประท้วงปุ๊บคนชั้นกลางก็เดือดร้อนอีก เช่นม็อบปิดถนนก็เดินทางลำบาก แถมสื่อยังเล่นแต่ข่าวประท้วง เถียงกันไปมาวุ่นวาย ทุกช่องทุกสื่อเล่นเหมือนกัน เปลี่ยนหนีไม่ได้อีก ปวดหัว เครียด ดังนั้นแบบนี้ดีแล้ว สงบเงียบ ไม่ประท้วงไม่ทะเลาะ
ลองต่อให้ละนะ..เวิร์คป่าววะ
"ถ้านักการเมืองไทยหยุดโกงเพียง 2 ปี ถนนประเทศไทยจะปูด้วยทองคำก็ยังได้"
>>206 ปชต. มันช้า มึงคิดดู อังกฤษ ฝรั่งเศส EU เมกา กว่า ปชต. จะเข้มแข็ง ใช้เวลาเป็นร้อยปี ผ่านยุคไม่ดีมาก็เยอะ บ้านเรายังไม่ถึงร้อยปีเลย แต่เชื่อเถอะมันดีขึ้น ถึงไล่นักการเมืองไม่ได้ในฉับพลัน แต่อย่างน้อยๆ เสียง ปชช. ก็ทำให้ต้องขยับตัวทำอะไรบางอย่างนะ
อย่างข่าวนี้ https://www.thairath.co.th/content/9462 เอาละถึงใครจะไม่ชอบตามาร์ค ไม่ชอบ ปชป. แมงสาบอะไรก็ช่าง แต่อย่างน้อยๆ รมต. มีข่าวฉาวเขาก็ให้ออกก่อนแม้ผลสอบจาก ป.ป.ช. ยังไม่ออก ผิดกับตอนนี้ ลุงใส่นาฬิกา 25 เรือนมาจากไหนไม่รู้ นอกจากไม่ออกแล้วยังตอบโต้ประชาชนที่โหวตออกทุกทางอีก
คนที่อยู่ด้วยภาษีปชช.ทำห่าอะไรที่น่าสงสัยแต่ไม่สามารถตรวจสอบและลงโทษได้นี่ยังไม่ชัดเจนว่าแย่อีกหรอวะ
เหี้ยกว่าคือหันกลับมาเล่นคนที่สงสัยอีก แค่นี้แม่งก็ควยละ
ยังไม่รวมอะไรที่สูงและฮาร์ดคอร์กว่าที่ไม่ใช่แค่สงสัยไม่ได้แต่ต้องหมอบกราบด้วยนะ
เรื่องจริงนะ คนที่มีเงินมีอำนาจเยอะๆ ไม่ต้องการให้คนที่ตัวเองปกครองอยู่ได้ดีหรอก
แต่เลี้ยงไว้แต่ให้อยู่ได้ ไม่ตายแต่ก็ไม่เจริญ เพิ่อให้ทำงานให้พวกมันไปเรื่อยๆ จนตาย
ไม่เชื่อก็ช่างมึง กุเห็นมาแล้วถึงได้เอามาพูด
>>202 ชนชั้นกลางชอบ Minimum State เพราะเชื่อว่าตนเองกำหนดชีวิตตัวเองได้ +กับดิ้นรนมาทั้งชีวิต ถือคติว่าเก่ง/ขยันได้ก็รวย/ประสบความสำเร็จได้ ดังนั้นใน Mind Set ของชนชั้นกลาง สิ่งที่ต้องการที่สุดคือระเบียบ+สงบ รัฐบาลทหารในสายตาพวกนี้เลยไม่ได้แย่อะไร ขอแค่ทุกอย่างมีระเบียบ สงบเรียบร้อยก็พอ
พูดตามตรงนะ กูเองก็คิดแบบนี้ กูอยากทำงานหาเงิน ไม่อยากเจอม็อบ บาโฟเองก็มองออกว่าความต้องการของคนส่วนใหญ่ ไม่เพียงแต่ชนชั้นกลาง ตอนนี้แทบทุกคนต้องการความสงบ ไม่อยากเดินขบวนประท้วงกันแล้ว ไม่งั้นถ้าเป็นเมื่อก่อนทุกอย่างคงถูกจุดติดไปนานแล้ว ไม่เงียบเพราะแค่ทหารปราบเด็ดขาดแบบนี้หรอก
>>216 กูก็ไม่ได้ชอบ แต่ตอนนี้ขอแค่ไม่มีม็อปก็ดีแล้ว ถ้าเป็นเลือกตั้ง กูก็ยังไม่เห็นจะมีใครดีพอจะเป็นนายกจริงๆ เลย ทั้งพท.และปชป.เละไปหมดแล้ว กูไม่เชื่อมั่นในบุคลกรของทั้ง 2 พรรคเลยวะ และพรรคอื่นก็คงครองเสียงข้างมากไม่ได้อยู่ดี ทางเลือกแม่งมืดมนจริงๆ
>>217 พูดยาก เอาแค่พระพุทธเจ้ามีผมรึเปล่ายังพูดไม่ตรงกันเลย
เลือกตั้งไปก็เท่าเดิมเข้ามามันก็แดกกัน พอมีปัญหาแม่งก็ช่วยกันปิดเงียบ (มาความแตกตอนรัฐบาลทหารทั้งนั้น)
ยังคงความคิดขี้ข้ากันเหมือนเดิม
ที่ให้เลือกตั้งเพราะเค้าให้หาคนมาคุมพวก ข้าราชการ ให้มันทำงาน
ไม่ให้มันทำตัวจองหองเหนือประชาชนที่ให้เงินเดือนพวกมันใช้
ที่โกงกันได้แดกกันได้ก็เพราะข้าราชการมันเหี้ย มันรู้เห็นเป็นใจ
หัดใช้สมองมองนักการเมืองว่าจริงๆ มันคืออะไร
ไม่ใช่ปัญญาอ่อนเค้าหลอกว่านักการโกงหมดๆ ก็เชื่อตามเค้า
"ถ้านักการเมืองไทยหยุดโกงเพียง 2 ปี ถนนประเทศไทยจะปูด้วยทองคำก็ยังได้"
มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>223 เอาจริงๆแล้วกูว่าคนในประเทศนี้ตั้งแต่หัวหงอกยันหัวดำมันไม่เคารพในกฎ กติกากันมากกว่าหว่ะ ไม่งั้นทำไมกองทัพในต่างประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง เมกา เกาหลีใต้ เยอรมนี แม่งไม่พยายามขึ้นมายึดอำนาจกันให้สนุกเวลานักการเมืองโกงกินกันวะ ไพร่พลก็มี กองทัพก็มี แต่แปลกนะ ยังทำตามระบบรัฐธรรมนูญไม่เหมือนแดนสารขัญแถวๆนี้
>>224 นั่นก็ส่วนนึง อีกส่วนคือสองสายของเรามันชิงอำนาจกันมาตั้งแต่เอา ปชต เข้ามาในประเทศแล้วด้วย อ้อ ที่ เมกาฯ แอนด์ เดอะแกงค์ มันไม่ต้องมาเล่นเกมชิงอำนาจกันเองเพราะพวกแม่มสามัคคีกันแดกจากการทำสงครามตัวแทนทั่วโลกอยู่แล้วแดกกันแบบชิลๆและยาวๆ เลยไม่ต้องแย่งกันแดร๊กซ์คับ ถ้าสายเขียวกับสายการเมืองของเรามันสามัคคีกันแดกเมื่อไหร่ที่ซวยก็คือกูกับมึงนี่ล่ะ
>>220 นักการเมืองมาคุม "ให้ไม่โกง/ทำงาน" ?
มึงนี่ซื่อจริงๆ สิ่งแรกที่นักการเมืองจะทำคือคุมราชการ "ให้โกง/ทำงาน" เพื่อตัวนักการเมืองเอง
องค์กรที่เห็นชัดสุดคือตำรวจนี่ละ ไม่มีใครไม่ต้องการคุมตำรวจ ใครคุมตำรวจได้ก็มีชัย (รวย) ไปกว่าครึ่งแล้ว
แต่กูเข้าใจ>>218 นะ ตัดเรื่องโกงออกไป นักการเมืองตอนนี้ก็ไม่มีคนเก่งๆ พอเป็นจุดขายได้ว่ะ
ถึงได้บอกไงว่าสันดานขี้ข้า คำว่าการตรวจสอบ การคานอำนาจ รู้จักไหม
ทุกความเลวร้ายของประเทศนี่คงมาจากนักการเมืองหมดอะ ถ้าไม่มีนักการเมืองนี่รับรองว่าพวกข้าราชการ ทหาร หรือตำรวจนี่มันจะไม่โกงเล้ย
>>229 มันก็ยังโกงอยู่คับ แค่หารตัวแดกออกไปอีกตัว อีกประการคือเราไม่มีประเทศราชไว้ให้พวกนักปกครองแดร๊กซ์แบบง่ายๆแล้วคับ พวกแม่มเลยต้องมาแดกกับประชาชนโดยตรง ไม่เหมือนชาติตะวันตกที่เก็บส่วยเอากับขี้ขาตัวเองได้ชิลๆยกตัวอย่างพวกขี้ข้าเลียแผล่บๆแถวนี้ก็เช่น แดนสารขัณ แดนกิมจิ และ ไอ้ยุ่น 5555+
สรุปคือจะหันไปไหนเราก็เป็นได้แค่ขี้ข้านะคับ เจ้านาย
>>227 ยังไงละ มีอำนาจมากไปแบบทักษินก็ตรวจสอบไม่ได้ มีอำนาจน้อยไปแบบมาร์กก็เฮ็งซวย
>>229 ไม่ใช่สาเหตุ แต่ไม่ว่าใครเข้ามากุมอำนาจ ทุกคนก็โกงหมด ทักษินถึงมีคนชอบเยอะ เพราะบอกว่าโกงแต่ทำงาน
ตอนนี้ทั้ง 2 ขาดบุคลากรอย่างหนัก ทักษิน 1 เป็นยุคทองของนักการเมือง ไม่เพียงเพราะทักษินบริหารเก่ง แต่ยังเพราะมีลูกน้องมือดีจำนวนมาก สมคิดก็เป็นคนนึงที่เก่งที่สุดในนั้น แต่ตอนนี้ต่อให้ทักษินกลับมา ก็ไม่มีบุคลากรแบบยุคทองให้ใช้อีกแล้ว
เรื่องนี้เป็นจริงทั้ง 2 พรรค ชื่อมันเสียไปเยอะ ถึงกูอยากให้มีเลือกตั้ง แต่เมื่อดูบุคลากรของทั้ง 2 พรรค กูไม่รู้จะหวังอะไรดี ขอแค่ไม่มีนโยบายเหี้ยๆ แบบจำนำข้าวก็คงพอแล้วมั้ง
อย่างน้อย รบ.นักการเมือง ชาวบ้านยังต่อรองได้นะ อย่างที่เม้นบนๆ บอกแหละ รมต. มีข่าวอื้อฉาวและมีชาวบ้านกดดันมากๆ กูมั่นใจว่ายังไงต้องมีไขก๊อก ขนาดตอนนิรโทษสุดซอย ท้ายที่สุดยิ่งลักษณ์ยังยอมยุบสภาเลย แต่ กปปส. มันไม่จบเอง เลยเสียแนวร่วมไปพอสมควร (ก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 56 ที่ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา แดงบางสาย หรือพวกกลางๆ ก็ไปร่วมกับนกหวีดนะ เพราะไม่เห็นด้วยกับนิรโทษสุดซอยกับสภาผัวเมีย แต่พอเขายุบสภาแล้วไปเรียกร้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไปป่วนเลือกตั้งที่ กกต. กำหนดแล้ว นั่นแหละพวกนี้ถอยออกหมด )
ส่วนเรื่องทุจริตเนี่ย ถ้ากูบอกว่าเป็น Mindset แบบไทยๆ พวกมึงจะโกรธกูไหมล่ะ คนไทยไม่ชอบอะไรที่เป็นระเบียบแบบเคร่งครัด และยังเน้นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล คือเราไม่ได้เป็นสังคมปัจเจกแบบฝรั่ง (บ้านเราผู้ใหญ่ต้องใจกว้างกับผู้น้อย และผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่..Mindset แบบนี้ ถ้าด้านมืดของมันก็คือระบบอุปถัมภ์นี่แหละ) อย่างชาวบ้านด่านักการเมือง ด่าข้าราชการ แต่เวลาจะเปิดเทอมก็ไปขอ สส. อบต. ฯลฯ หาที่เรียนให้ลูกหน่อย หรือถ้ามีเพื่อนมีญาติเป็นตำรวจ ขับรถโดนใบสั่งมาก็ขอให้เคลียร์หน่อย เรื่องจัดงานแต่งงานบวชแล้วขอยืมเลนซ้ายจอดรถ ชาวบ้านก็ทำนะ เจ้าหน้าที่ก็มาอำนวยความสะดวกให้ ถามว่าเมืองนอกที่เจริญแล้วทำแบบนี้ได้ไหม? ทำไม่ได้หรอก แต่บ้านเราทำได้ ถ้าตำรวจเคร่งๆ มา ชาวบ้านด่าอีกประท้วงอีก
ฉะนั้นแม้กระทั่งเรื่องทุจริต บ้านเราแม่งต้องมาคุยกันก่อนละว่าแบบไหนรับได้แบบไหนรับไม่ได้ อย่างการห้ามใช้ทรัพย์สินขององค์กรไปกับเรื่องส่วนตัว ฝรั่งเขาถือมาก แต่บ้านเราบอกเฉยๆ ใช้กันทั้งราชการและเอกชน จำตอนคำสั่งห้ามชาร์จมือถือ ห้ามจอดรถล้างรถในสถานที่ราชการได้ไหมล่ะ คนไทยด่าคนออกกฎนี้โดยพร้อมเพรียงกัน
>>232 แต่เวลาจะเปิดเทอมก็ไปขอ สส. อบต. ฯลฯ หาที่เรียนให้ลูกหน่อย หรือถ้ามีเพื่อนมีญาติเป็นตำรวจ ขับรถโดนใบสั่งมาก็ขอให้เคลียร์หน่อย เรื่องจัดงานแต่งงานบวชแล้วขอยืมเลนซ้ายจอดรถ ชาวบ้านก็ทำนะ เจ้าหน้าที่ก็มาอำนวยความสะดวกให้ ถามว่าเมืองนอกที่เจริญแล้วทำแบบนี้ได้ไหม?
ได้สิ
ฝากเข้าเรียน - เป็นทุกที่ ระดับ ivy league ก็มีระบบบริจาคเงินกับจดหมายแนะนำตัว
ใบสั่ง - ยิ่งกว่าเรื่องปกติ ถ้าำม่ร้ายแรงมากส่วนใหญ่ก็หลุดหมดละ
ตำรวจอำนวยความสะดวก - อันนี้แล้วแต่เรื่อง แต่ก็มีให้เห็นนะ
>>233 กูเห็นคนที่ไปอยู่ ปท. เจริญ แล้ว มีแต่บ่นๆ กับว่าต้องปรับตัว ใบสั่งคือใบสั่ง จะขอหยวนๆ แบบที่ขอกับ ตร. บ้านเราก็ไม่ได้ จอดรถไม่ดูตาม้าตาเรือก็โดนปรับแถมตัดแต้ม ยึดใบขับขี่กันจริงๆ จังๆ
ส่วนมหาลัยในเมกาแม่งกลับกันกับบ้านเรา ของเขาพวกท็อปๆ เป็นของเอกชน ต้องหารายได้เอง ก็เลยมีระบบบริจาคเงิน แต่ก็ตรงไปตรงมานี่นะ ไม่ได้หลบๆ ซ่อนๆ สีเทาๆ แบบโรงเรียนรัฐบาลบ้านเรา
>>236 กระเหรี่ยงไปอยู่บ้านเมืองคนอื่นก็ต้องโดนเข้มแบบนี้ละ ไม่ใช่คนบ้านมันซักหน่อย จะไปสนิทกับตำรวจยังไง ละมึงคิดว่าตำรวจไทยไม่เข้มงวดกับพม่าเหรอ
ตรงไปตรงมาเหรอ ถ้ามึงคิดว่าการบริจาคมากพอก็เข้ามหาลัยที่คนอื่นต้องสอบเข้าได้คือตรงไปตรงมา ก็โอเค มึงเป็นคนไทยแท้ๆ คนนึงเลย
ที่นั่นก็มี White Supremacist ไงเล่า ไอ้อภิสิทธ์ชนกับระบบอุมภัมป์เนี่ยมันมีกันทุกที่นะ บ่องตง เพียงแต่ไอ้กฏหมายหลักหลายตัวมันควรจะเข้มไม่ใช่หย่อนยานจนน่าเกลียดแบบของเรา
รู้ดีกันจริงเรื่องคนอื่นเนี่ย
>>240 white supremacist มีจริง แต่มันเป็นfringe populationโว้ย KKKมีไม่กี่พันในทั้งสหรัฐ
ที่มึงพูดถึงในเม้น238เขาเรียกว่าInstitutional Racismโว้ย อย่างJim Crow law หรือ Segregation ที่โดนยกเลิกไปชาตินึงแล้ว ความหมายเบสิคมึงยังไม่รู้เลย แล้วที่ว่าหลุดคดีนี่มึงรู้จักOJ Simpsonsไหม ฆ่าเมียแต่ศาลตัดสินว่าไม่ผิด ถ้าwhite supremacistที่มึงว่ามาเป็นส่วนใหญ่ในเมกาจริงOJโดนโทษประหารไปแล้ว
หายไปตั้งนานที่แท้ก็ไปนั่งค้นศัพท์นี่เอง
เอาล่ะ อย่ามาหัวหมอพยายามเบี่ยงประเด็นด้วยศัพท์แสงเลยว่ะ เรื่องความไม่เท่าเทียมกับการเลือกปฏิบัติทางผิวสีใน เมกาฯ มันมีจริงและอาการหนัก ตัวมึงเองนั่นล่ะที่เน้นย้ำประเด็นนี้เองในเม้นท์ >>237 แล้วมันไม่โดนโทษประหารแต่มันเล่นวิสามัญกันเลยว่ะ
เอ้า เชิญไปนั่งค้นข้อมูลเพื่อมาเถียงต่อได้
มีcuckหลุดเข้ามาในนี้ได้ไงวะ
เถียงกันเรื่องไรว่ะเนี่ยสัส
เอาเฉพาะเรื่องที่รู้ล่ะกัน เรื่องเหยียดชาตพันธ์ในเมกา ถ้าอยู่ในกลุ่มคนหมู่มากอะไม่เป็นไร มึงจะชาติสีไร ก็เท่ากันหมดอะ
แต่ถ้ามึงไปอยู่ในชุมชนที่มึแต่พวกมันเหมือนกันทั้งชุมชนเมื่อไหร่อะ มึงหนาวแน่นอน รู้เลย
(ยกเว้นชุมชนคนทัยนะ แสนดี ใครมาก็เฟรนลี่ ส่วนนึงก็เพราะคนทัยไม่ค่อยใส่ใจเรื่องการเหยียดเท่าไหร่ด้วยแหละ)
เมืองนอกโดนจับเรื่อง หนังโป้เยดเด็ก จ่ายเงินก็รอดคุกได้แล้ว
มีใครรู้บ้างป่ะว่ะ ว่าเจียมไปอยู่ฝรั่งเศสนี่ทำงานไร
รัฐบาลมันมีเงินเลี้ยงน่า ไม่ต้องห่วงแทนหรอก รับพวกมุซซี่อพยพไปเลี้ยงได้ตั้งเยอะ แต่เจียมลี้ภัยการเมืองตัวเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่ได้
ผลออสการ์ปีนี้ถือว่าไม่พลิกโผ
The Emoji Movie ถือว่าเป็นอนิเมชั่นเรื่องแรกที่ได้รางวัล Best Picture ของออสการ์ไป และถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดของงาน นำชายตกเป็นของเดน เดอฮาน จากวาเลเรี่ยน ที่เล่นบทท่อนไม้ได้อย่างสมบทบาท (จากเดิมทีสาขานี้เก็งกันไว้ว่า ไรอันกอสลิ่งจาก Blade Runner 2049 จะได้ไป แต่เสียดายที่เขาเล่นเหมือนมนุษย์ปลอมเกินไป ขาดความเป็นธรรมชาติมากๆเลยไม่ได้ชิง) สมทบชายตกเป็นของแอนโทนี่ฮ็อปกินส์จาก Transformers the Last Knight นำหญิงตกเป็นของนาโอมิวัตต์ จากบทโชว์นิ้วกลางใส่ลูกตัวเอง ใน The Book of Henry
หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมตกเป็นของ Guardians จากรัสเซีย เฉือนชนะกัดกระชากเกรียนอย่างเฉียดฉิว
รางวัลด้านบทตกเป็นของ Transformers the Last Knight ที่อุดช่องโหว่ภาคก่อนๆได้อย่างดีเยี่ยม
และสเปเชี่ยลเอเฟคยอดเยี่ยมตกเป็นของ Justice League
ซึ่งทาง JL เดิมชิงสองรางวัลคือสเปเชี่ยลเอฟเฟคกับผู้กำกับยอดเยี่ยม แต่ทางกรรมการดูไม่ออกว่าใครกำกับกันแน่ ทำให้การเข้าชิงถือเป็นโมฆะ
แต่ถึงอย่างนั้น Justice League ก็ได้เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพแฟนบอยแทน เพราะมันสามารถทำให้ทั้งแฟนบอยดีซีและมาร์เวล ผนึกกำลังกันรักหนังเรื่องนี้อย่างไม่มีแบ่งแยก
#มิตรสหายในจักรวาลคู่ขนานท่านหนึ่ง
อ๋อใช่ แต่เหมือนอีโมจิจะได้รางวัลจริง ๆ นะ แต่เป็นรางวัลหนังห่วยน่ะ
อีโมจิไม่สนุก ไม่ต้องดูหรอก เสียเวลา
"เคยเป็นคนรุ่นใหม่ครับ ปัจจุบันรักษาหายแล้วโดยไม่ต้องทำการผ่าตัด"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"รู้สึกว่ากระแสทวงคืนความยุติธรรมให้กับความตายของเสือดำนี่แม่งเป็นกระแสที่แรงกว่าการทวงความยุติธรรมให้กับความตายของมนุษย์คนใดในประเทศนี้ (ไม่ได้หมายถึงความตายทางการเมืองด้วย ตายทั่วๆ ไปแม่งก็น้อยกว่านี้)
ก็เป็นการยิ่งตอกย้ำไปอีกว่า Sentiment ด้าน "สิทธิสัตว์" ในประเทศนี้แม่งแรงกว่า "สิทธิมนุษยชน""
#มืตรสหายท่านหนึ่ง
>>267 มันช็อคไง ปกติยุคนี้มันไม่น่าจะมีแล้วนะการล่าสัตว์เพื่อความบันเทิง ขนาดในต่างประเทศที่ให้ล่าได้ถูกกฎหมายเพื่อควบคุมประชากรสัตว์ฺบางชนิดไม่ให้มีมากเกินไป ก็ยังมีการถกเถียงกัน ส่วนคนเราโดยมากฆ่ากันถ้าไม่ใช่เพราะชิงทรัพย์ก็เพราะโกรธแค้นมีเรื่องกันมาก่อนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แถมที่คนเคืองกันมากเพราะคนทำไม่ใช่ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำ แต่เป็นคนร่ำคนรวยที่ไม่ได้จำเป็นต้องหากินกับการล่าสัตว์ไปขายเลย
แต่บางกรณีการฆ่าคนก็เป็นเรื่องใหญ่นะ จำวัยรุ่นที่ไปรุมทำร้ายชายพิการจนตายได้ไหมล่ะ กระแสเยอะมากนะ เพจดังๆ จะยุให้เป็น 289 ฆ่าโดยไตร่ตรองให้ได้ด้วยซ้ำ สาเหตุเพราะ 1.มีผู้ต้องหาบางคนเป็นลูกหลานตำรวจ 2.คนตายเป็นคนพิการ แค่ 2 ข้อนี้ก็เรียกกระแสสังคมบ้านเราได้ละ แม้จะมีเสียงท้วงว่ามันไม่เข้า ต้อง 288 ฆ่าคนตายโดยเจตนาเฉยๆ เพราะไม่ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะไปฆ่าอีกฝ่าย แต่คดีนั้นสรุปตำรวจสั่งฟ้อง 288 โดยรวมก็ถือว่าพอใจในระดับหนึ่ง กระแสก็เงียบไป
เห็นเสือดำตายแล้วมัคนมาดิ้นก็ดีนะครับ
ยังไงว่างๆก็ช่วยไปดิ้นแทนสัตว์ป่าที่โดนรถชนตายคาที่แถมชนแล้วหนีกันบ้างสิ หรือเพราะพวกนั้นจนกว่าครับ
เสือดำมันก็เสือกไม่วิ่งหนีเอง
#ช่วงพี่โจวน๊อครอบปัญญาชน
ถ้าเสือดำไปม๊อบสักสี คนก็จะมีเกลียดเสือดำบ้างอ่ะครับ แต่เสือดำเป็นกลางทางการเมืองจึงทำให้คนไทยทั้งประเทศลุกขึ้นมารณรงค์เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก
.
นี่แหล่ะครับความเป็นกลางทางการเมืองย่อมได้ใจคนไทยอ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พี่ไม่รู้จะซื้ออะไรให้หนู เอาเงินไปซื้อเองนะคะ #โอ้ยยยยยยยยยยย20k😳
05-03-2018
การออกจากงาน ความรับผิดชอบ คอมฟอร์ทโซน และการเอาชีวิตไปโหนกับความสำเร็จ #ท่าจะหนอม
วันนี้มีเหตุให้คิดถึงเรื่องนึงที่รู้สึกผิดมากๆ ในช่วงที่ชีวิตเรากำลังไปได้ดีเมื่อหลายปีก่อน มีรายได้จากเน็ตเยอะมาก มากกว่าเพื่อนในวัยทำงานรุ่นเดียวกันที่เป็นมนุษย์เงินเดือน
ความภูมิใจในตอนนั้นถือเป็นเรื่องน่ารังเกียจเพราะเราคิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว มีเงินไหลมาเทมา และเชื่ออย่างสุดใจว่า ถ้าใครอยากจะทำอะไรเป็นอะไรก็ทำได้ เพียงแค่มีความพยายามและความฝัน ซึ่งมันเป็นการมองโลกแค่เพียงมิติเดียว
ในตอนนั้นน้องคนหนึ่งมาปรึกษาเรื่องลาออกจากงาน เราตอบไปทันทีด้วยความมั่นใจ "ออกซิวะ รออะไรอยู่ ชีวิตมึงจะอยู่เป็นทาสเขาไปตลอดชีวิตเหรอ รีบออกไปหางานใหม่ที่ทำให้ชีวิตมึงดีกว่าไหม"
ความจริงหลังจากนั้นคือน้องเครียดจนต้องพบจิตแพทย์เมื่อพบเจอกับสังคมใหม่ในที่ทำงานใหม่ รับไม่ได้กับการเมืองในองค์กร ปรับตัวไม่ทัน จนสุดท้ายต้องลาออกจากที่ทำงานนั้นไปซะดื้อๆ โดยที่ไม่รอให้ผ่านโปร
ชีวิตน้องคนหนึ่งพังทลายพร้อมกับคำถามที่ผุดขึ้นมาในใจว่า เรามีสิทธิอะไรไปกำหนดและบอกว่าชีวิตคนอื่นต้องเป็นอย่างนั้น ทั้งๆที่มันไม่ใช่ชีวิตของเราเสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญ เราไม่เคยถามเขาสักคำว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต
หลังจากนั้น ถ้ามีใครมาปรึกษาเรื่องคิดจะเปลี่ยนงานหรือลาออก เราจะบอกให้เขาคิดดีๆเสมอ อย่ารีบคิดถึงสิ่งที่ได้มา แต่ให้คิดถึงสิ่งที่กำลังจะเสียไป
โอกาสใหม่ๆ ความก้าวหน้า และอนาคตที่ดีขึ้น มักจะเป็นคำตอบของการเปลี่ยนงานในยุคนี้ เงินเดือนที่ก้าวกระโดดขึ้นหลายเท่า ความก้าวหน้าของคอนเนคชั่น และความฝันทีจะยกระดับชีวิตคือสิ่งที่ผลักดันเราให้เดินไปในเส้นทางใหม่นั้นอย่างมีความสุข
แต่เราไม่เคยถามตัวเองว่าเสียอะไรไปบ้าง กับการที่ได้มา และส่วนใหญ่เราเชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนเสียไปมากที่สุดคือ "เวลา" ในการใช้ชีวิต
นอกจากค่าตอบแทนที่ถูกแปรผันตรงกับความคาดหวัง โอกาสที่เข้ามายังต้องแลกกับเวลาที่ต้องเสียไปในด้านอื่นๆ เพราะเขาจ่ายเงินให้เราเพื่อซื้อเวลาของเขาเช่นเดียวกัน
คำถามสำคัญที่เราไม่เคยถามตัวเองเลย คือ เราต้องการอะไร โอกาสใหม่ๆที่ว่าดี เราจะมีและใช้ไปเพื่อสิ่งใด ความก้าวหน้าต้องเดินทางไป รู้ไหมว่าถึงจุดไหนมีคือความสำเร็จ และอนาคตที่ดีที่ว่ามา เราเป็นคนต้องการมันจริงๆหรือเปล่า
อย่าเอาชีวิตไปผูกกับอะไรบางอย่างที่คุณไม่รู้ว่าคุณต้องการมันหรือไม่ มันอาจจะเป็นคำพูดกระจอกๆ เมื่อเทียบกับการก้าวผ่านคอมฟอร์ทโซน แต่เชื่อเถอะว่าต่อให้คุณโหนและกระโจนไปกับความสำเร็จมากแค่ไหน คุณอาจจะเสียโอกาสอะไรบางอย่างไปเช่นเดียวกัน
สุดท้ายแล้ว เราอาจจะพบความว่างเปล่าบนจุดสูงสุดของความสำเร็จก็ได้ หรือเราอาจจะกลายเป็นผู้อยู่รอดท่ามกลางสงครามที่ทำให้นิยามชีวิตของเราไม่เหมือนเดิม
เราไม่รู้เลยว่าอีกทางเลือกหนึ่งนั้นจะดีกว่าแค่ไหน เพราะชีวิตที่เราใช้ทุกวันนี้มันเลือกได้เพียงแค่เส้นทางเดียวเท่านั้น
ได้โปรดอย่าไปฝันอะไรเยอะเลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยุคนี้ทำเหี้ยแค่ไหนขอแค่มีตังก็พอ ต่อให้มึงขายยาค้าหีถ้ามีเงินจ่ายส่วยก็จบสวยได้สบาย
ปธน.ตุรกีพูดกับเด็กหญิง 6 ขวบ: “ถ้าเธอพลีชีพเพื่อชาติ เธอจะได้รับเกียรติ”
เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา ขณะที่เรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับการระดมพลของกองทัพ เขาได้เรียกให้หญิงในชุดเครื่องแบบฝึกทหารคนหนึ่งขึ้นมาบนเวที เมื่อเด็กหญิงคนดังกล่าวเดินขึ้นมาก็เริ่มร้องไห้ เออร์โดกันจึงพยายามปลอบ จากนั้นก็พูดกับผู้เข้าร่วมประชุมว่า “ในกระเป๋าเสื้อของเธอมีธงตุรกีอยู่ ถ้าหากเธอสละชีวิตเพื่อชาติ ขอให้พระเจ้าคลุมธงผืนนี้บนร่างของเธอ” จากนั้นก็หันไปหาเด็กหญิงแล้วพูดว่า “หนูเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม” เด็กน้อยตอบว่า “ใช่ค่ะ” จากนั้นเขาก็ก้มลงหอมที่แก้มของเธอ แล้วให้เธอลงจากเวที
สื่อเผยว่า เด็กหญิงคนดังกล่าวมีชื่อว่า Amine Tiras อายุ 6 ปี และไม่แน่ชัดว่าเหตุใดจึงใส่ชุดทหารมาเข้าร่วมงาน ซึ่งข้อความของเขาทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง มีชาวตุรกีที่แสดงความเห็นว่านี่คือการใช้ความรุนแรงกับเด็ก ในขณะที่ส่วนหนึ่งกล่าวว่า “เด็กควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกทำร้าย” และมีความเห็นกล่าวว่า “น่าอับอาย แย่มากๆ เธอเป็นแค่เด็กน้อย แช่งให้เด็กไปตายได้อย่างไร”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“อยากย้อนเวลาไปยุคแม่การะเกดจัง”
วาร์ปปปปปป....
โผล่ซัวเถา
มิตรสหายท่านหนึ่ง
แต่งตัวย้อนยุคเก๋ถวิลหาอดีต โหยหวนรำพึงอยากย้อนเวลากลับไปเป็นท่านขุนสุดเท่ห์กับแม่หญิงการะเกดสุดคูล
มโนแจ่มจินตนาการ นุ่งชุดไทยผ้าไหมเหนือทอมือ
ล่องเรือพายดูวัดวาใส่บาตรทำบุญ เป็นขุนนางมีหน้าที่คุยหารือราชการงานเมือง บ้างหารือวางแผนค้าขายกับฝรั่งดั้งขอ ว่าง ๆ นั่งร้อยมาลัยถวายพระ
.
พอย้อนกลับไป....ไปโผล่เป็นวงศ์ไพร่ราบ ไพร่สม เป็นทาสสินไถ่ ทาสในเรือนเบี้ยตามโคตรเดิม ชื่ออีแดง อีดำ อีต้อย ไอ้ตู่ ไอ้เฟือง โดนเกณฑ์ไปรบ ไปขายแรงงาน โดนเฆี่ยนโดนตีโดนล่าม ชี้หัวด่าสันดานต่ำไม่สำเหนียก สะเออะเผยอหัวเงยหน้าไม่ก้มกราบ ต้องตื่นขัดเรือนกวาดลาน ปีนต้นมะพร้าว ขุดลอกคูรอบ แบกข้าวไปแลกผ้า บ้างโดนทรมานจนตายหมกร่องสวนเพราะนาที่บ้านเช่ามาล่ม ไม่มีอัฐมาไถ่ตัว นายบ่นเลี้ยงเปลืองข้าวแดงฆ่าแมร่งเพราะชังนัก
.
ดูรากดูเหง้ากันด้วยเนาะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“พรรคหลังพี่เลิกสนใจการเมืองแล้วค่ะ”
#ตั้งชื่อพรรคให้ธนาธร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เขาว่า วันมาฆบูชา เหตุอัศจรรย์เกิดขึ้น 4 อย่าง ที่เรียกว่า จาตุรงคสันนิบาต
ซึ่งพอลองพิจารณาก็ไม่เห็นว่า มันอัศจรรย์อย่างไร
1. วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์
>> ก็คือวันพระจันทร์เต็มดวงธรรมดา คนสมัยก่อนดูดาวเป็น มีปฏิทินใช้
2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
>> ในจำนวนนี้เป็นคณะของชฎิลสามพี่น้อง 1,000 รูป ซึ่งก่อนหน้านี้นับถือลัทธิบูชาไฟ พระพุทธเจ้าเดินทางไปโปรดชฎิลสามพี่น้องเลื่อมใสทำให้สาวกทั้งพันบวชตาม หลังจากพระพุทธเจ้าแสดงธรรมที่คยาสีสะทั้งหมดก็บรรลุอรหันต์
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าก็พาชฎิล 3 พี่น้อง และบริวารจำนวน 1,000 รูป ไปยังกรุงราชคฤห์ และโปรดพระเจ้าพิมพิสารจนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาและถวายป่าไผ่เวฬุวรรณให้เป็นที่พำนักของพระพุทธเจ้า
ส่วนอีก 250 รูป เป็นคณะของพระสารีบุตร ซึ่งเดิมเป็นลูกน้องบริวารของอุปติสสะซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงราชคฤห์อยู่แล้ว พอมาบวชเป็นพระที่เวฬุวรรณ ทั้งหมดก็บวชตาม
พระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย แต่
พระพุทธเจ้าอยู่เวฬุวัน คณะชฎิลสามพี่น้องอยู่แถวเวฬุวรรณ คณะพระสารีบุตรเวฬุวรรณ
สาวก 1,250 รูป มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายที่เวฬุวรรณ อย่าง "มหัศจรรย์มาก" เลยครับ แหม่
3. พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"
>> สมัยพุทธกาลนี่ส่วนใหญ่บวชด้วย วิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา ส่วนวิธี ติสรณคมนูปสัมปทา ที่ภิกษุอื่นบวชใช้เฉพาะเมื่อผู้ต้องการบวชเดินทางมาไม่สะดวก หรืออยู่ไกลจากพระพุทธเจ้ามากๆ เท่านั้น
ซึ่งถ้าคนที่แม้แต่มาบวชยังเดินทางมาไม่ได้ ย่อมเดินทางมาชุมนุมฟังโอวาทไม่ได้
การที่มีเฉพาะภิกษุที่บวชด้วยวิธี "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" มา ก็ถูกแล้ว
4. พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6
>> คือในสมัยพุทธกาลนี่คนอัจฉริยะมากครับ ฟังคำพูด 2-3 ประโยค บรรลุอรหันต์กันหมด พระพุทธเจ้าคงสอนดีมาก คนที่ฟังพระพุทธเจ้าเทศแล้วไม่บรรลุมีน้อยกว่าอีก
ตั้งแต่ตรัสรู้จนถึงวันมาฆบูชา เป็นเวลา 9 เดือน มีพระอรหันต์ทั้งหมด 1,340 รูป ประมาณ 90 รูป เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาที่อื่น ที่เหลือคือ 1,250 ที่มาชุมนุมนี่แหละ (ไม่รวมชฎิลและพระสารีบุตร)
และถ้า ภิกษุที่มามีอภิญา 6 จริง มีตา ทิพย์หูทิพย์ รู้ใจผู้อื่นได้ เหาะได้ ดำดินได้ ความมหัศจรรย์เรื่องมาชุมนุมโดย "มิได้นัดหมาย" นี่แม่งไร้สาระไปเลย เพราะทุกคนรู้ทุกอย่างอยู่แล้วนิ
-----------
สาธุชนผู้เลื่อมใส อาจจะบอกว่า แก่นแท้จริงๆ อยู่ที่ "โอวาทปาติโมกข์"
แต่เวลาโฆษณาเชิญชวนก็เห็นชู "ความมหัศจรรย์" ของจาตุรงคสันนิบาตนำทุกทีเลยนะ
ถ้าไม่มหัศจรรย์จะไม่เลื่อมใสเหรอครับ? ไหนบอกนับถือคำสอนไง?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
1941
Germany: you lost against Greece!? What happened to the 10 divisions I gave you!?
Italy: uhhh....
Germany: ich can't believe I'm allied with you
2018
Germany: you're bankrupt again!? What happened to the 50 million euros I gave you!?
Italy: uhhh....
Germany: ich can't believe I'm in the EU with you
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนที่บอกว่าโกงเงินประเทศไปเถอะถ้าประเทศสงบสุข ก็ให้ดูกรณีศุลกากรบังคับแจ้ง Declare คอมพิวเตอร์และกล้องถ่ายรูปก่อนบินออกจากประเทศไว้เป็นตัวอย่างครับ ว่าสุดท้ายตอนประเทศเงินร่อยหรอ รัฐก็จะมารีดเงินประชาชนทุกวิถีทางที่เป็นไปได้จนสุดท้ายประชาชนอยู่ไม่ได้
และนี่มันแค่เริ่มต้น จากนี้จะแย่ลงเรื่อย ๆ ด้วย ก็ขอแสดงความเสียใจกับคนไทยทุกคนมา ณ ที่นี้ที่ร่วมพาประเทศมาสู่จุดนี้กัน
บางครั้งก็สงสัยว่า เมืองไทยเรายอมรับคู่รักเกย์ได้จริงๆเหรอ หรือจริงๆแล้ว เรายอมรับได้เฉพาะคู่รักเกย์ที่หล่อเหมือนพระเอกซีรี่ย์วายช่องone กับ LineTV เท่านั้น
มอยากเล่าให้ทุกคนได้อ่านนะครับ เมื่อสมัยที่ผมเป็นบรรณาธิการนิตยสารบันเทิงเล่มหนึ่ง ซึ่งติดทอปไฟว์ของเมืองไทย ผมไปทานข้าวที่สยาม แล้วก็เลยแวะไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่นั่นซึ่งมีนักข่าวกับช่างภาพผมไปทำข่าวอยู่ด้วย ก็เลยตั้งใจแวะไปดูเขาทำงานกันหน่อย
ปกติผมไม่ค่อยไปงานไหน ถ้าไม่สนิทสนมกันจริง หรือเขาไม่เชิญ ดาราบางคนจะไม่ค่อยรู้จักตัวผม แต่จะรู้จักชื่อผม ในวานนั้น ผมเจอน้องนักแสดงใหม่คนหนึ่ง เป็นผู้หญิง ชื่อ ป.ปลา น้องน่ารักมาก มีแววดังในอนาคต ผมชอบก็เลยขอเธอถ่ายภาพ ภาพหนึ่ง รู้มั้ยเธอย้อนถามผมว่า "ลุงจะถ่ายภาพหนูไปอะไร " สีหน้าดูถูกมาก เพราะผมอายุห้าสิบกว่า แล้วเธอก็สะบัดหน้าไปเลย ผมโกรธนะที่ถูกดูถูก แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมก็เลยเรียกช่างภาพกับนักข่าวของผมที่อยู่ในงานนั้นมา ถามว่า ถ่ายภาพน้องคนนี้ไว้เยอะมั้ย สัมภาษณ์ไว้หรือยัง ช่างภาพบอกว่า ถ่ายไว้เยอะครับพี่ นักข่าวบอกว่า สัมภาษณ์ไว้แล้วค่ะ ผมก็เลยบอกว่า ลบทิ้งให้หมดนะ ถ้าใครเอาภาพอีนี่ไปลงแม้แต่ภาพเดี่ยว ก๔จะไล่ออก แล้วผมก็เดินออกจากงานไป
นักข่าวผมคงไม่ถามผู้จัดการน้องเขาซึ่งเขาก็รู้จักผม แต่ตอนนั้นเขาไม่เห็นผม ถามว่าไปทำอะไรให้ผมโกรธ ผู้จัดการเขารีบวิ่งมาขอโทษผมแทนน้องคนนั้น ผมบอกผมไม่โกรธ แต่ผมไม่สนับสนุนคนที่นิสัยอย่ๆแบบนี้เข้ามาในวงการบันเทิง
"เธอเองก็เหมือนกัน จะปั้นใคร จะเอาใครมาทำอะไรก็สอนเขาหน่อย หรือดูที่นิสัยดีๆหน่อย คนแบบนี้เอาเข้ามามีแต่จะทำให้เสื่อม"
ผมบอกเขาอย่างนั้น นักข่าวฉบับอื่นก็ยืนฟังอยู่ เชื่อมั้ย หลังจากนั้นผมไม่เคยได้ยินชื่อน้องดาราคนนี้อีกเลย ทราบข่าวว่าไปเป็นตัวประกอบที่พอมีบทพูดอยู่บ้าง แต่ไม่ดัง ไม่มีคนสนับสนุนทั้งๆที่เขาหน้าตาดีมีแววมาก ตอนนี้น้องมีผัว มีลูกไปเรียบร้อยแล้ว และคงไปเป็นแม่บ้านอย่างเดียว
พวกที่อินฯคิดว่า "พุทธไทย เป็นพุทธแท้" นี่ผมบอกเลยว่า ต้องไปตรวจสมองแล้ว รับของต่อเขามา ห่างจากต้นกำเนิดเป็นพันๆกิโลเมตร เมื่อ 2600 ปีก่อน "เสือกคิดว่าตัวเองเป็น Original เลอะเทอะ คิดสั้น ปัญญาอ่อน หลอกตัวเอง" เอาสั้นง่ายๆ แค่เรื่องคิ้วเนี่ย กูบอกเลย พระไทยโกนคิ้ว ชาติเดียวในโลก ยังมีหน้าเสือกไปมองพระประเทศอื่นว่า"แปลก ไม่โกนคิ้ว"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พุทธแท้มันสูญพันธุ์ไปนานแล้วนะ ของเรานี่ออกแนวพราหมณ์มากกว่าพุทธด้วยซ้ำ
>>298 กูคงอคติ แต่อ่านแล้วนึกถึงครูวิชากพอ.โรงเรียนเก่ากูที่ชอบโวยวายเรียกร้องให้เด็กทั้งโรงเรียนต้องรู้จักและบูชาตัวเอง ทั้งที่นักเรียนสายวิทย์ไม่เคยเรียนวิชามึง ถ้าไม่แนะนำตัวจะไปรู้จักมึงได้ไงวะ
แล้วอีดาราในเรื่องแม่งผิดตรงไหน อยู่ดีๆมีลุงแปลกหน้าท่าทางไม่เหมือนช่างภาพมาถ่ายรูปเค้าก็ควรถามอยู่แล้วนี่ว่าถ่ายทำไม
แล้วที่บอกว่าเค้าทำสีหน้าดูถูกนี่แม่งมโนไปเองเหมือนครูกพอ.ของกูรึเปล่า กูยืนทำหน้าโง่ๆงงๆไม่รู้ว่ามันเป็นใคร มันเสือกไปฟ้องผอ.ว่ากูทำสีหน้าดูถูก ดีว่าผอ.มีสติไม่บ้าตามมัน
บางคนก็ประหลาด .... กลัวที่จะร่วมมือกับคนตัวเล็กๆ ที่แม้แต่ resource (men-money-materials), know-how, knowledge, connection ที่จะทำอะไรของตัวเองยังไม่พอ เพราะกลัวว่าจะทำอะไรเลียนแบบ .... แต่ไม่กลัวยักษ์ใหญ่ที่มีสิ่งเหล่านั้นมหาศาลแทบไม่จำกัด จะเลียนแบบหรือแม้แต่ขโมยไอเดีย
ไม่เรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์กันบ้างเสียเลย โดยเฉพาะในวงการ tech ...... ยักษ์ใหญ่ออก product เลียนแบบคนตัวเล็กๆ แล้วคนตัวเล็กๆ ก็ตายมากี่ครั้งกี่รอบแล้ว .....
แน่นอนว่ากรณีแบบย่อหน้าแรก มันก็มีแหละ ไม่ใช่ไม่มีเอาซะเลย แต่โอกาสมันน้อยกว่ามากๆ และมากๆ .....
ย่อหน้าสอง นี่เกิดเป็นเรื่องปกติ ......
คนตัวเล็กกลัวจะร่วมมือกัน เพราะตั้งประเด็นกันแต่ว่าจะกลัวอีกฝ่ายเลียนแบบกัน แล้วจะไปพึ่งยักษ์ คิดว่ายักษ์จะดีด้วยจะต้องการตัวเอง .....
ฆ่าตัวตายแบบนี้ซะเยอะ ..... และบางคนก็ไม่ยอมเข็ดซักที
ประวัติศาสตร์ไม่เคยเรียนรู้ก็ไม่เป็นไร .... เรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเองบ้างก็ดีเนอะ .... ไม่ใช่ให้มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ... อย่าฆ่าตัวตายแบบเดิมๆ หลายรอบเลย .... กรอบความคิดแบบนี้ แนวคิดแบบนี้ เลิกดีกว่าเนอะ
#อันนี้ลืมไปว่าตัวผมเองจะเลิกโพสท์แบบนี้
#อันนี้ลืมไปว่าตัวผมเองจะโพสท์แต่รูป
พอตาสว่างปุ้บ ทักษะการเอาตัวรอดในสังคมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยเราจะลดหายลงไปทันทีอ่ะครับ
.
สว่างระดับสปอตไลต์นี่ ก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศไม่ก็กรมราชฑัณฑ์ทุกราย - -"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ยืนคุยกับ Line Man และ Lalamove ที่มาต่อแถวร้านขนมปังปิ้งเจ้าดังเยาวราช เขาบอกว่าค่าบริการ 50บาทเริ่มต้นแล้วแต่ระยะทาง และชอบมีคนจ้างหน้าร้านให้ยืนต่อคิว ไม่แน่ใจว่าผิดกฎเขาไหมนะ แต่เขาบอกรายได้และส่วนแบ่งออฟฟิศมันไม่พอจริงๆ
ถ้าจ้างให้ยืนข้างหน้าแล้วคุณเดินไปกินข้าวกลับมาหรือเสร็จก่อนเขาโทรหาได้ คิด20-30 อย่างน้อยได้ค่าขนมไปร.ร.ของลูก ก็ถือว่าเป็นชีวิตที่ไม่มีทางเลือกมากนัก ท่ามกลางยุคที่คนพูดเรื่องสตาร์ทอัพ-เทคโนโลยี มันอาจมีคนที่รับค่าแรงขั้นต่ำในการรันระบบนี้อยู่ก็ได้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าแบ่งการบรรยายตามผลลัพธ์ที่ได้คงมีอยู่สองแบบ คือแบบที่บรรยายให้คนฟังได้ความรู้ กับอีกแบบบรรยายให้คนอื่นรู้ว่าคนบรรยายเก่งจุงเบยแต่คนฟังไม่ได้เอี้ยอะไรกลับไปเลย
อย่าเป็นแบบหลัง มันเสียเวลาทุกคน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คนแบบที่เรารู้สึกว่าดีลด้วยยากมากคือพวกหัวเก่าที่แสร้งทำเป็นหัวก้าวหน้าเพราะจะมีความคิดกลับไปกลับมาเหมือนฐานความคิดเขาไม่แน่น คิดอีกแบบแต่พยายามแสดงออกอีกแบบ ซึ่งมันก็จะหลุดความเป็นอนุรักษ์นิยมออกมาหรือมีความคิดย้อนแย้งกันเอง จนเราไม่รู้ว่าเขาคิดแบบไหนหรือจะเอาไงกันแน่ อย่างพวกอนุรักษ์นิยมจ๋าเลยนี่ดูง่ายเพราะจะคิดวนๆ อยู่ไม่กี่อย่าง แต่พวกแบบที่เราพูดถึงนี่ดูเหมือนจะเปิดใจแต่จริงๆ ไม่เปิด ยึดติดมากด้วยซ้ำ บางทีเขาก็จะนิยามตัวเองว่าฉันใจกว้าง รับได้ทุกอย่าง แต่พอปฏิบัติจะเป็นอีกแบบ เหนื่อยกับคนประเภทนี้จริงๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเราจะเผลอทำอะไรขัดใจเขาเมื่อไหร่"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>298 นึกถึงที่่สื่อมวลชนรุ่นเก่าๆ เล่าว่าก่อนยุคอินเตอร์เน็ต นักข่าวนี่มีอำนาจไม่ต่างจากนักการเมืองและข้าราชการ ทีนี้บางคนก็เอาอำนาจตรงนี้ไปใช้แบบทุเรศๆ คือถ้าเรามีนักการเมืองและข้าราชการที่ไปรีดไถเรียกรับผลประโยชน์จากภาคธุรกิจเพื่อให้อำนวยผลประโยชน์ เราก็มีนักข่าวที่ไปรีดไถผู้ประกอบการเพื่อแลกกับการทำข่าวเชียร์บ้าง งดเว้นไม่วิพากษ์วิจารณ์บ้าง หรือวงการบันเทิงนี่ยิ่งเสื่อม เหมือนกรณีฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ของอเมริกานั่นแหละ ดาราสาวๆ โนเนม ยังไม่ดังมาก ถ้าอยากได้ทางลัดก็ต้องเข้าหาโปรดิวเซอร์ เข้าหาผู้กำกับ หรือเข้าหาเจ้าของธุรกิจสื่อ
น้องคนนั้นโชคร้ายเองละที่เกิดมาในยุคที่การโปรโมตเป็นอำนาจผูกขาดโดยสื่อหลัก
"เมื่อวานไปอิซะกะยะยุ่นแห่งนึงแถวสุขุมวิท เหนคนชงเหล้ากำลังกรอก red label ใส่ขวด jack daniels ใครชอบกินไฮบอลล์ ก็ระวังยุ่นหลอกล่ะกันค่ะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เกสซาร์ (Qaisar) ชายชาวปากีสถานอายุ 58 ปี จะทำอาหารและหอบหิ้วมาที่ ต.ม. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ไม่มีขาดแม้แต่วันเดียว เพื่อเยี่ยมภรรยาอายุ 64 ปี ที่โดนจับมาไว้ในห้องขัง 25 เดือนแล้ว. ทุกครั้งที่ผมไปที่นั่น จะต้องเจอลุงเค้าใส่เสื้อผ้าชุดเดิมตลอด ในสภาพที่มอมแมมอย่างที่เห็นในรูป
ครอบครัวลุงเกสซาร์เป็นครอบครัวชาวคริสต์ มีลูกชาย 2 คน อายุ 26 ปี และ 28 ปี. เมื่อตอนที่อยู่ปากีสถานนั้น พวกเค้าโดนคุกคามและขู่ฆ่าจากชาวมุสลิมที่นั่น และถูกทำร้ายจนลุงได้รับบาดเจ็บที่หัวค่อนข้างรุนแรง ส่วนลูกชายสองคนของเค้าก็ถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน
ครอบครัวของลุงดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อเอาชีวิตรอด หนีมาตายเอาดาบหน้าที่ประเทศไทย แต่มากันได้แค่ 3 คน พ่อ,แม่,และลูกชายคนเล็กเท่านั้น ส่วนลูกชายคนโตไม่สามารถมาได้เพราะติดปัญหาเรื่องเงินและเอกสาร แต่ก็สัญญาว่าจะตามมาภายหลัง
ช่วงแรกในไทย พวกเค้าจะมีวีซ่าแค่ 3 เดือนเท่านั้น และได้ดิ้นรนทุกทางเพื่อต่อวีซ่า แต่ลุงเกสซาร์ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้ ส่วนภรรยาไม่สามารถขอวีซ่าได้ จึงโดนจับในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และลุงก็ทำอาหารหิ้วขึ้นรถเมล์จากห้วยขวางมาเยี่ยมภรรยาทุกวัน เป็นแบบนี้มา 25 เดือนแล้ว
รายได้หลักของลุงมาจากลูกชายคนเล็ก ที่ออกไปรับจ้างทำงานรายวัน วันละ 200 บาท (6พันบาท/เดือน) ซึ่งรายได้ตรงนี้ต้องเลี้ยงดูทั้งครอบครัว รวมถึงแม่ที่อยู่ในห้องขังด้วย
ลุงเกสซาร์บอกว่าเค้ารักภรรยาสุดหัวใจและไม่สามารถทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ในห้องขังได้แม้แต่วันเดียว ถึงแม้วันไหนลุงจะไม่มีเงินซื้อของมาทำอาหาร แต่ลุงก็จะต้องมาเยี่ยมให้ได้ ถึงมาตัวเปล่าก็ขอแค่มาเยี่ยมและปล่อยตัวภรรยาให้ออกจากห้องขัง วันละ 1 ชั่วโมงก็ยังดี
เราถามลุงเกี่ยวกับลูกชายคนโตว่าเป็นยังไงบ้าง ลุงบอกว่าตั้งแต่มาที่ไทย ก็ติดต่อลูกชายคนนี้ไม่ได้อีกเลย ไม่มีข่าวคราว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ แถวบ้าน มีคนเปิดร้านขายจักรยาน ร้านสอนโยคะ ร้านของตกแต่งสวน ร้านนวดสปา ตอนนี้ทุกร้านกลายเป็น ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ ร้านข้าวแกง ร้านข้าวหน้าเป็ด หมดเลย แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่มนุษย์ต้องการจริงๆคือ "การแดก"
อ่านแล้วเหมือนจะดี แต่จริง ๆ มันคือการกดขี่เพศหญิง ให้จิ๋มมีไว้สงวน การโดนเยสต้องมาจากความรักแท้เท่านั้น ต้องเยสกับคนที่แต่งงานด้วยถึงจะเป็นจิ๋มที่มีคุณค่า ส่วนจู๋ไม่โดนอะไร จิ๋มมาถวายจู๋ก็ต้องสนอง ไม่ใข่ความผิดจู๋ ผิดที่จิ๋มยอมแบะให้เอง บลา ๆ ๆ งี้หรอ
ทำไมต้องเสียใจกับการผ่านผู้ชายที่สุดท้ายไม่ได้แต่งงานมา ทำไมต้องเสียใจกับประสบการณ์ทางเพศที่ทำให้เรารู้เทคนิคลีลาและรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร
ค่าของผู้หญิงอยู่ที่จิ๋มหรอ? นี่งงใจกับความคิดแบบนี้ จะปล่อยให้ผู้ชายเอาเปรียบกดทับไปถึงเมื่อไหร่ ด่าแต่ผู้หญิงแต่ผู้ชายลอยตัว ยังไปเฮโลเห็นด้วยเป็นขุนพลอยพยัก
อยากยกย่องเชิดชูก็ยกไปนะคุณผู้หญิง มันก็จิ๋มคุณอ่ะ แล้วอย่าข่นเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ หรือทำไมผู้ชายลอยตัวจากสารพัดปัญหาละกัน
มีผัวตอนเรียน
ไม่เรียกว่า "ผัว "หรอก เรียกว่า "คู่นอน"
ไม่ว่ามึงจะวางแผนหลังโดนเย็ดยังไง 98 % ไม่เป็นจริง
ไอ้ที่คิดว่า
โดนรุ่นพี่เย็ดหลังกลับจากเที่ยวผับ
แล้วทึกทักว่านั่นความรัก เขารักเรา
เลยชวนเที่ยวผับ เมา แล้วอาสามาทับบนตัวมึงบนเตียงมึง ห้องที่พ่อแม่มึงจ่ายค่าเช่าให้...นั่นเรียกว่ า #เงี่ยน!!
หลายคู่
ที่ตั้งใจและวางแผนชีวิตด้วยกัน
ตอนที่ได้กันระหว่างเรียน พอเรียนจบมา
ผู้ชายไปทำงานที่นึง/ผู้หญิงไปทำงานที่นึง
ผู้ชายแม่งก็ไปเจอผู้หญิงคนใหม่ในที่ทำงาน
สวยแปลกตา/กลิ่นน้ำหอมก็ไม่เหมือนมึง
สีผมก็สวยกว่า/ทุกอย่างแปลกใหม่
ผู้ชาย ไปจากมึง!!
ส่วนผู้หญิง
ไปฝึกงาน รุ่นพี่ที่ทำงาน
เกือบทั้งแผนกแม่งรุมจีบ
เลิกงานอาสาไปส่งชวนไปเลี้ยงข้าว
บางคนเอางานมาอ้างเพื่อใกล้ชิดสนิทสนม
จากที่เคยอยู่กับแฟน บ่นหิวข้าวร้านข้าวอยูใต้หอยังไม่ลงไปซื้อให้
สุดท้าย ผู้หญิง(บางคนใจอ่อน)
บางคนโดนหลอกฟันแล้วก็ทิ้ง มึงก็ร้องไห้ไม่ต่างจากแม่โดนควายขวิดตาย
บางคนดันเพิ่งมาเจอรักแท้ๆ
เอาตอนทำงาน เพิ่งมาเจอการดูแลเอาใจใส่แบบจริงๆจัง
บางคนหนักมาก
ร้องไห้วันแต่งงาน เพราะเสียใจว่า
ที่ผ่านๆมากูนอนให้คนที่ไม่ได้รักกูจริงเย็ดอย่างไม่รู้คุณค่า เสียดายที่ไม่ได้มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดให้คนที่รักเราที่สุด!
มีคนนอนขยับๆเอวทับบนตัวมึง
ตอนที่ยังเรียนอยู่...ไม่ได้เรียกว่าผัวนะ
เรียกว่าคู่นอนอย่าเข้าใจผิด
ก่อนจะแรด
ก่อนจะเรียกร้องหาคนดีๆมึงควรทำตัวยังไง?
และให้จำใส่หัวกระโหลกบางๆไว้ว่า
“พ่อแม่ส่งมาเรียน”
หาเงินให้เรามาเรียน
จ่ายค่าห้องให้เรานอนสบาย
ไม่ได้ขายข้าวผัดส่งอีดอกมาเป็นแรด
ไม่ได้เก็บผักขายให้อีห่าที่ไหนเอาเงินไปเช็คอินร้านเหล้า!!
ไม่ได้ รับจ้างเกือบตาย ให้อีควาย
พาผู้ชายมานอนเย็ด. ในห้องที่แม้แต่พ่อแม่ยังขึ้นไปดูไม่ได้มีแต่จ่ายเงินให้อย่างเดียว!
ทุกครั้งที่จะให้ใครเย็ดคิดถึงหน้าแม่ไว้
ทุกครั้งที่จะเช็คอินร้านเหล้า
คิดไว้พ่อมึงหาเงินลำบากมั้ย??
ทุกครั้งที่จะเหี้ย...มีคนเสียใจ
ที่ไม่ใช่กูแต่เป็นคนที่มึงเรียกเขาว่า..พ่อแม่
จงรัก "ผู้ให้ชีวิตมึง" ให้มากกว่าเหี้ยที่มึงพร่ำเพ้อว่ารักมัน...!!
>>318 เห็นด้วยนะ กูเข้าใจฟีลนี้เลยเวลาที่แบบรักใครมากๆก็อยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเค้า ในแง่การมีเซ็กซ์ก็คืออยากจะให้เค้าเป็นคนแรกของเรา(และอยากเป็นคนแรกของเค้าด้วย)มันให้ความรู้สึกที่ว่าเรามีแค่เค้าคนเดียวจริงๆ เหมือนเกิดมาเพื่อคนนี้จริงๆ เค้าเป็นหนึงเดียวของเราจริงๆอ่ะ
แต่เหตุผลของ>>317 มันก็ใช่อีก เพราะถึงต่อให้การเก็บซิงไว้ให้คนที่รักมันคือความโรแมนติกหน่อยๆ แต่เราก็ไม่รู้ว่าอีคนนี้มันจะอยู่กับเราตลอดไปหรือซักวันนึงอาจต้องเลิกกัน ถ้าอยู่ตลอดไปมันก็ดีไงแต่ถ้าเลิกกันสุดท้ายก็จะเหมือนไม่เหลือความเพ้อฝันตรงนี้อีกแล้วที่ว่าเราอยากให้คนที่รักได้สิ่งที่สมบูรณ์แบบที่สุด เพราะชีวิตแม่งก็ไม่แน่นอนถ้าคิดแบบนี้แม่งก็จะนอนกับใครไม่ได้เลยชั่วชีวิต
เพราะงั้นกูเลยสรุปเอาเองว่าการเก็บซิงไว้ให้คนที่รักเนี่ยก็เป็นเหลวไหลเพ้อฝันไม่ต่างจากคำว่าเราจะรักกันตลอดไปหรอก คำว่าตลอดไปแม่งอุดมคติมากๆมันขัดต่อความเป็นจริง เพราะงั้นกูก็ให้มันเป็นแฟนตาซีของกูไปแต่ในความเป็นจริงแล้วความซิงไม่ใช่เรื่องต้องเอามาคิด
ปล. กูมีแฟนตาซีแบบนี้พูดตรงๆก็อยากได้ผุ้ชายซิงเหมือนกันนะ พอรู้ว่าผู้ชายเคยเย็ดมายิ่งมากเท่าไหร่ความรู้สึกมันก็ติดลบลงไปเท่านั้นแหละ ถ้ากูไม่ซิงแล้วความรู้สึกตรงนี้อาจหายไปก็ได้ เพราะกุรู้สึกว่าตัวเองสะอาดบริสุทธิ์กูก็อยากได้คนที่เป็นเหมือนกูเช่นกัน แต่แค่ว่าถ้ากุรักใครซักคนแล้วถึงจะไม่ซิงก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้กูเลิกรักได้ กูสามารถมองข้ามได้แต่ลึกๆก็หวังอยากได้ซิงเหมือนกันแหละ
เพราะงั้นเลยคิดว่าถ้าผู้ชายบริสุทธิ์อยากได้ผู้หญิงบริสุทธิ์ก็ไม่แปลกอะไร แต่ผู้ชายช่ำชองอยากได้ผู้หญิงบริสุทธิ์อันนี้เรียกเหี้ยและกดขี่ผู้หญิงของแท้ ถ้ากูเจอผู้ชายคนไหนบอกอยากได้ผู้หญิงซิงแต่มีพฤติกรรมเอาไปทั่ว กูกาหัวทิ้งแน่นอน คนอุบาทว์
บางทีก็แอบคิดนะว่า คนที่ไปเม้นอวยพี่ดี้นี่จริงๆแล้ว เค้าเกลียดมันป่าววะ
ประมาณว่า เม้นให้มันมีกำลังใจในการโชว์โง่ต่อไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ทุนนิยมชั่วช้า ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ!"
"มึงรู้จักAral Seaไหม?"
"..."
มิตรสหายสองท่านได้คุยกัน
💠 ซอมบี้[Zombie] ชื่อ วีรชน อิสลาม ที่ถูกลวงโลก ว่าเป็น ชื่อ ผีดิบ 💠
❇ ประวัติความเป็นมาของ Zombie ซอมบี้ ที่คนทั้งโลกถูกหลอกว่าเป็นผีดิบ ❇
▶ เมื่อพูดถึงซอมบี้.. สิ่งที่เกิดขึ้นในความคิดของเราก็คือ ศพที่เดินได้หรือผีดิบที่เที่ยวทำร้ายกัดกินมนุษย์ และทำให้คนอื่นเป็นผีดิบตามไปด้วย และสิ่งนี้ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของตะวันตกที่ต้องการล้างสมองของคนทั้งโลกให้เข้าใจว่า ซอมบี้คือผีดิบ
ตะวันตกได้ใช้ความพยายามที่จะสร้างความเข้าใจผิดในคำว่า “zombie” เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าใจว่าคือ ผีดิบ ที่ไม่มีความคิดจิตใจ ด้วยวิธีการสร้างบทละคร, เรื่องเล่า จนถึงภาพยนตร์ เพื่อให้เห็นว่าซอมบี้ ไม่ได้ดีความดีงามและประโยชน์ใดๆเลย
แต่อย่างไรก็ตาม.. ซอมบี้คือผีดิบตามที่ตะวันตกได้สร้างเรื่องราวหลอกลวงชาวโลกจริงหรือไม่?
ซอมบี้ที่แท้จริงคือ วีรบุรุษอิสลามของประเทศบราซิล
เมื่อประมาณปี ค.ศ.1550 อิสลามได้เริ่มแผ่ขยายเข้าสู่ประเทศบราซิล ในเวลานั้น ชาวโปรตุเกสได้นำเด็กๆ ชาวอาฟริกาจำนวนมากมายเข้ามาทำงานเป็นกรรมกรในไร่อ้อย และเด็กๆเยาวชนชาวอาฟริกาส่วนใหญ่นี้ต่างล้วนนับถือศาสนาอิสลาม และจากการที่มีกรรมกรชาวอาฟริกาจำนวนมากที่เป็นมุสลิม จึงทำให้อิสลามในบราซิลเริ่มขยายมีคนเข้ารับอิสลามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นับแต่นั้นมาในแต่ละปี จำนวนประชากรมุสลิมในบราซิลก็เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น มิใช่เฉพาะชาวกรรมกรในไร่อ้อย แต่อิสลามได้แผ่ขยายและได้รับการยอมรับของชาวเมืองและจึงทำให้กองกำลังซาลิบิซเกิดความไม่สบายใจ และพยายามที่จะสกัดกั้นพร้อมทั้งทำลายการเติบโตของอิสลามในบราซิลจนถึงรากถึงโคน และในที่สุดกองกำลังซาลิบิซก็ได้รับความสำเร็จภาระกิจของเขาที่ได้ทำลายและหยุดยั้งการเติบโตของอิสลามในบราซิล
ในปี ค.ศ.1643 ได้เกิดวีรบุรุษมุสลิม ด้วยความเข้มแข็งและกล้าหาญ ที่ต้องการสร้างประเทศอิสลามให้เกิดขึ้นมาในบราซิล ด้วยการที่เขาได้เผยแพร่อิสลามตามพื้นที่ชนบท นอกเมือง จนถึงการเรียกร้องบรรดาผู้มีตำแหน่งในสังคมสู่อิสลาม และผู้ที่เป็นวีรบุรุษที่สร้างความเข้มแข็งให้กับอิสลามในบราซิลนี้เองที่มีชื่อว่า “ซอมบี้”
กองกำลังซาลิบิซเข้าใจว่าอิสลามในบราซิลได้สูญสลายตายไปหมดแล้ว แต่ความจริงแล้ว อิสลามยังไม่ตาย ซอมบี้ได้ฟื้นฟูอิสลามให้เข้มแข็งขึ้นมาอีกครั้งบนแผ่นดินบราซิล และด้วยเหตุนี้เองที่ กองกำลังซาลิบิซได้พุ่งเป้าหมายการทำลายล้างไปที่ซอมบี้ และถือว่าซอมบี้คือศัตรูตัวฉกาจที่ต้องกำลังและทำลายล้างให้หมดสิ้นแม้แต่ชื่อ ซอมบี้ ก็ตาม
อ้างอิงจากหนังสือ مائة من عظماء أمة اﻹسلام غيروا مجرى التاريخ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลิเบอร่านกำลังจะมาดิ้นใน 1...2....3....
2014 ลิเบอร่านGamergate : เกมทำให้ผู้ชายเหยียดเพศ เกมชั่วร้าย!
2018 ลิเบอร่าน : ทรัมป์โคตรโง่ เกมไม่ได้ทำให้คนรุนแรง!
ลิเบอร่านเอาแน่นอนไม่ได้
เมื่อวานมิตรสหายรุ่นพี่ท่านหนึ่งทวงเงินอ๋อ อาก้า สองร้อยบาทในวงเหล้า แกตบโต๊ะ ยืนขึ้นกางมือแล้วกล่าวว่า
.
"ถ้าพี่ค้นตัวผมแล้วเจอเงินสองร้อยหรือมากกว่านั้น พี่เอาไปหมดได้เลยพี่"
.
เอิ่ม - -"
.
#ชายผู้มีแต่ตัวและหัวใจ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยามเช้า
#ผมไม่ได้เขียนเองนะครับ #คนเขียนไม่ขอเปิดเผยตัวตน #ขออนุญาตแล้ว
วาทะกรรม ประจำปีนี้ #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค เราพร้อมจะเปลี่ยนทั้งหมด
พอได้ยินเยอะๆ เค้า เริ่มคิดว่า สรุปที่คนที่มีอยู่ไม่โอเคเนี่ย แม่งเพราะใครฟระ
เอา HRM ที่ทุกคนกร่นด่ามาดูซิ ว่าปัญหาแม่งอยู่ตรงไหน
กระบวนการรับเข้า แม่งบอกอยากได้ Java Programmer 5 Years Exp แสรด ก็กรองกันแบบเนี้ย เมิงหา Object Oriented Real-Experienced มามั๊ย ถ้าพื้นสตรองจริงๆ ภาษาห่ารากอะไรที่เป็น OO แม่งก็ผ่านไปได้หมดแหละ ให้เวลามันหน่อย ลองหา Web-Technology Primer มั๊ยว่าแม่งเข้าใจ HTTP มากแค่ไหน ไม่ใช่ RESTful with return status 200, message {"error": true } เนี่ย Java 5 Years Exp บางคนแม่งก็ย่ำอยู่กับที่ 5 ปีนะโว้ย แค่คุณสมบัติไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเขียนโปรแกรมกันซักนิดและ กะเอามาแบบพรุ่งนี้เริ่มงานได้เลย Java ที่ไหนก็เหมือนๆ กันแหละ #เหมือนกัน...สิ
แล้วไอ้ที่บอกว่า เอาแบบเคยทำ Agile บอกเลย กุทำ software หว่ะ กุไม่ทำ Agile ถ้าอยากได้ Software Dev อยู่ใน methodology หมวด Agile สิ่งที่ต้องทำคือในสองอาทิตย์นี้ เรามี Feature ที่พยายามทำคือ ... เรียงมาให้เรียบร้อย เสร็จคือ พี่ต้องพร้อม deploy ได้นะ รายละเอียดคุยกันเต็มๆหน่อยว่ามีอะไรบ้าง Software Dev ดีๆ เค้าก็ทำได้แหละ แต่ถ้าเค้าบอกว่าไม่ทัน เพราะ บลาๆๆ ฟังมันเฟร้ย ฟัง แล้วหาทางแก้ปัญหาด้วยกัน ไม่ใช่บอกว่า ต้องเสร็จ เรา Agile #Agile...สิ สั่งกันแบบนี้ ยิ่งกว่า Waterfall แล้ว เรียกใช้แรงงานทาสกันเลย
แล้วไอ้ที่บอกว่า Feature นี้ เจาๆๆๆ พอ Dev บอก cost เยอะ ยาก หรือมีวิธีการดีกว่า ไม่ฟังหรอกเพราะนายสั่งมา นี่..กล้าเรียกตัวเองว่า Business กันอยู่ป่าวว่ะ สติ ค่ะ สติ ตื่นค่ะ หมดยุคเดินตามหลังนายแล้วจะเจริญแล้ว เพราะดูสิ นายแม่งยังบอกเลย #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค มันโยนความผิดให้คนที่มีอยู่หมดแหละ น้อยอ่ะที่มันจะสำเหนียกว่าตัวเองผิด ให้โอกาส แล้วเริ่มแก้ที่ตัวเอง วิธีการ 5 ปีก่อน มันใช้ได้กับ 5 ปีนี้แน่หรอ อะไรที่เคยสำเร็จแล้ว มาใช้ซ้ำๆ กับ context ที่เปลี่ยนไป จะได้แน่หรอ ตื่นค่ะ ไม่ได้ว่าเจ้านายดีๆ boss ดีๆ manager ดีๆ ไม่มีนะ มีเว้ย เจอมาทั้งชีวิตเลย เลียแข้งเลียขานายก็เคย แต่เลียด้วยสติงัย ถามนายเลย ทำไมต้องทำอย่างงี้คะ แล้วกลับมาลองหาข้อมูลประกอบ ถ้าไม่ใช่ เดินไปถามใหม่ พอนายเห็นข้อมูลมาขึ้น นายกลับชมด้วยซ้ำ เออ ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ดีมากๆ กุได้คำชมซะงั้น
แล้วไอ้ที่ประเมินกันแต่ละปี หาคนที่ทำงานผิดพลาดน้อยที่สุดแล้ว Promote ซะ พอเกิดปัญหาแม่งก็ถามหาใครรับผิดชอบ ... เกลียดอีคนำนี้มาก เพราะคนจะสะดุ้งแค่คำว่า "รับผิด" ชอบแม่งจะหายไป สรุปว่าคนที่ลองอะไรใหม่ๆ แล้วพลาด แม่งโดนซ้ำเติมกันไป แทนที่จะหาวิธีแก้ไขหรือทำให้ดีขึ้นกัน ก็สร้าง culture พลาดโดนซ้ำกันไป แทนที่จะหาทางให้เค้าได้ลองเพื่อพัฒนาทั้งตัวเองและองค์กร เริ่มแม่งจากน้อยๆ ที่พลาดได้ไม่เจ็บหนัก กลายเป็นใครพลาดกดหัวซ้ำ ตั้งแต่เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ยันลูกน้อง แล้วจะทำให้คนศึกษาสิ่งใหม่ๆ ไปทำซากอะไร พอเวลาผ่านไปก็วนไปที่ #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค
แล้วพอจะหาคนใหม่มา เอาคนเก่งๆ เอาเงินฟาดเลย เด็กสมัยนี้ มีเงินพอใช้ค่ะ เงินเยอะมากอาจจะฟาดได้ แต่ถ้าเยอะมากแต่ชีวิตตรูตกต่ำ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ เข้าไปอยู่กับของพังๆ ให้ลองวิธีการใหม่ๆ ก็กลัวหัวหดกัน แล้วมันจะอยากไปอยู่หรอ สอนให้เด็กมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีโอกาสให้มันถามมันเถียงเนี่ย คุณไม่ได้มีเงินคนเดียวนะค้าบ บริษัทอื่นที่ดีๆ ก็มีเงิน
พิมพ์อะไรเยอะแยะ ได้อะไรมั๊ย? ไม่ แถมเข้าตัวอีก คนเขียน Agressive Mode
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อถึงจุดนึงในชีวิตเราจะถูกโลกทดสอบด้วยแบบทดสอบที่ยากขึ้น มันจะไม่ได้ทดสอบเราด้วยให้เราเลือกระหว่างสิ่งที่ดีและไม่ดี
มันจะทดสอบเราด้วยคำว่าโอกาส โอกาสที่ถูกใจแต่ไม่เหมาะสม โอกาสในการทำสิ่งที่เหมาะสมแต่ไม่ถูกใจ โอกาสที่ถูกใจสังคมแต่ไม่ถูกใจเรา โอกาสที่ถูกใจเราคนเดียวแต่ไม่ถูกใจสังคม และเพิ่มความยากด้วยการโยนโอกาสเหล่านี้มาพร้อมๆกัน ในเวลานี้การรู้ภายในเป็นเรื่องสำคัญ รู้ว่าเรามีความต้องการอะไร อะไรทำให้เราสุข อะไรทำให้เราทุกข์ อะไรที่เราจะทำ อะไรที่เราจะไม่ทำ
การมีสิ่งนี้ติดไว้จะเป็นเครื่องกรองให้เหลือเฉพาะโอกาสที่เหมาะกับเราในขณะนั้น ทำให้กระบวนการตัดสินใจของเรามีความแน่นอนเข้าใจได้ นอกจากจะเข้าใจตัวเองแล้ว คนอื่นก็จะเข้าใจเราได้ถึงแม้ว่าการตัดสินใจของเราจะถูกใจหรือไม่ก็ตาม
และอีกสิ่งที่จะช่วยคือ การเป็นคนตรงไปตรงมา ทำในสิ่งที่ถูกต้องแม้จะทำให้เสียโอกาสก็ตาม
สองสิ่งนี้จะทำให้เราอยู่รอดปลอดภัยในวันที่โอกาสเต็มไปหมด
ขออภัยที่เลือกไม่ได้ทุกโอกาส
ขอบคุณทุกโอกาสที่เข้ามา
>>322 Zumbi dos Palmares เป็นผู้นำทาสอัฟริกาจากอังโกลา ลุกฮือก่อกบฏต่อโปรตุเกสซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมของบราซิลช่วงปี 1675 ได้รับความนับถือว่าอยู่ยงคงกระพัน แต่เขาก็ถูกโปรตุเกสฆ่าตายในปี 1695 ตำนานการต่อสู้ของเขาสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าทาสในอเมริกาใต้แสวงหาความเป็นไท
ส่วนการกบฏของทาสมุสลิมในบราซิลเกิดขึ้นในปี 1835 ช่วงเดือนรอมฏอน เรียกกันว่า The Malê revolt หรือ The Great Revolt ทาสมุสลิมชนเผ่าโยรูบาลุกฮือขึ้นในเมืองซัลวาดอร์ดาบาเฮีย พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการกบฏของผิวดำในเฮติ (1791−1804) ภายใต้การนำของ Jean-Jacques Dessalines จนขับไล่ฝรั่งเศสออกไปได้ (การลุกฮือครั้งนั้นบางคนก็แขวนสร้อยคอมีรูปของ Jean-Jacques Dessalines ด้วย) แต่กบฏของมุสลิมในบาเฮียถูกโปรตุเกสปราบลงได้ ทาสจำนวนมากถูกส่งกลับอัฟริกา
#มิตรสหายท่านหนึ่งจากกลุ่ม The wild chronicles
สรุปก็โม้เย็ดแพะตามเคย
ผมจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นนีทนะครับ
จะไปหางานทำหรือ?
จะออกจากบ้านทุกวันเพื่อนบ้านจะได้ไม่คิดว่าเป็นนีท ถถถถถถถถะถถ
เฮ่ออ พวกลูกหลานนักการเมืองปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่พ่อแม่เลี้ยงมาแบบเจ้าหญิงเจ้าชาย แล้วมาเห่อกระแสคนรุ่นใหม่ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค
.
พวกนี้ไม่รู้หรอกครับว่านักการเมืองรุ่นพ่อรุ่นแม่พวกเขาในอดีตต้องลำบากตรากตรำแบกกระสอบเงินไปซื้อเสียงในคืนหมาหอนมันเสี่ยงแค่ไหน กว่าจะลงหลักปักฐานประชาธิปไตยให้พวกคุณได้อ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝอยทอง : ปรากฏการณ์globalizationของโลกประวัติศาสตร์
และเรื่องราวที่มากกว่าท้าวทองกีบม้า (ตอนแรก)
_______________________________
ขนมตระกูล “ทอง” เป็นขนมที่มีส่วนผสมหลักคือไข่แดงและน้ำตาลทราย เริ่มต้นเป็นที่รู้จักของคนไทยโดยการแนะนำของท้าวทองกีบม้า หรือมารี ปินยา เดอ กีย์มาร์ ผู้มีเชื้อสายญี่ปุ่น (อาจจะมีโปรตุเกส และหรือเบงกอลด้วยแต่ไม่ได้มีหลักฐานชี้ชัด) ภรรยาของคอนสเตนติน ฟอลคอน หรือออกยาวิชาเยนทร์ พ่อค้าชาวกรีกที่เข้ามารับราชการได้ดิบได้ดีในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มารีตกระกำลำบากเมื่อฟอลคอนหมดอำนาจและโดนประหารชีวิต แต่กลับมาตั้งตัวได้ใหม่เมื่อได้รับความไว้วางใจจากพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ผู้แต่งตั้งนางเป็นชาววิเสทประจำห้องเครื่อง มีหน้าที่ดูแลอาหารหวานและผลไม้ อีกทั้งยังดูแลพระภูษาตลอดจนฉลองพระองค์ ช่วงนี้นี่เองที่ท้าวทองกีบม้านำขนมหวานตำรับโปรตุเกสมาแนะนำให้กับทางห้องเครื่อง โดยขนมที่ว่ามีทั้งขนมตระกูลทอง เช่นฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ตลอดจนขนมอย่างลูกชุบ กะหรี่ปั๊บและขนมหม้อแกง
ถึงแม้ว่าเราจะรู้กันว่ามารีเอาต้นแบบของขนมเหล่านี้มาจากโปรตุเกส แต่แท้จริงแล้วด้วยชาติกำเนิดของนางซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่นเป็นหลัก เป็นไปได้มากที่ขนมเหล่านี้เป็นวัฒนธรรมที่ถูกส่งไม้ต่อมาจากโปรตุเกส มาที่ญี่ปุ่นอีกทีก่อนที่ท้าวทองกีบม้าจะนำมาให้ชาวไทยรู้จัก
_______________________________
หลักฐานที่น่าสนใจปรากฏให้เห็นอยู่สองข้อ
ข้อแรกตามลำดับเวลาการเดินเรือของนักสำรวจชาวโปรตุเกส โดยตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชาวโปรตุเกสมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี ค.ศ. 1511(พ.ศ.2054) แล้วจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปถึงญี่ปุ่นในปีค.ศ.1542 (พ.ศ.2085) ช่วงระยะเวลากว่า 30 ปีที่ชาวโปรตุเกสเริ่มเข้ามาเจริญสัมพันธ์ทางการฑูตกับอยุธยากลับไม่มีบันทึกเกี่ยวกับขนมที่ได้รับอิทธิพลจากโปรตุเกสในช่วงนั้น อีกทั้งกว่าที่จะถึงรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระซึ่งเป็นเวลาที่ท้าวทองกีบม้ารับราชการในตำแหน่งชาววิเสทก็กินเวลามาอีกถึงกว่า 160 ปี กลับไม่มีบันทึกเกี่ยวกับขนมฝรั่งเลย ดังนั้นอาจตั้งสมมุติฐานได้ว่าชาวโปรตุเกสที่เข้ามาในสยาม ไม่ได้ส่งอิทธิพลมาถึงวัฒนธรรมการกินของชาวสยามแบบเป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก หรือถ้ามีก็ไม่ได้รับบันทึกเอาไว้
ข้อที่สองรูปแบบของขนม ซึ่งในที่นี้เรามองที่ฝอยทองเป็นตัวเอก Fios de ovos อันเป็นต้นแบบมาจากโปรตุเกสมีลักษณะเป็นไข่ที่ทำเป็นเส้นขยุ้มเข้าไว้ด้วยกัน กลับกันรูปแบบของ Keiransomen ขนมที่เกิดจากวัฒนธรรมของชาวโปรตุเกสนำไปเผยแพร่ที่ญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายกับฝอยทองของไทย ที่เส้นของไข่ถูกรวบเอาไว้ด้วยกันอย่างเป็นระเบียบ ข้อสังเกตข้อที่สองนี้อาจไม่ได้มีน้ำหนักเท่าข้อแรก เพราะลักษณะของขนมอาจเปลี่ยนไปได้ตามความนิยม แต่หากเราไม่สามารถค้นพบหลักฐานการบันทึกเกี่ยวกับขนมตระกูลทองและขนมฝรั่งทั้งหลายว่าเริ่มปรากฏในไทยก่อนสมัยท้าวทองกีบม้า ดังนั้นเป็นไปได้มากเลยทีเดียวที่ศาสตร์ของขนมดังกล่าวถูกถ่ายทอดให้ท้าวทองกีบม้าโดยแม่ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น ไม่ใช่จากชาวโปรตุเกสโดยตรง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝอยทอง : ปรากฏการณ์globalizationของโลกประวัติศาสตร์
และเรื่องราวที่มากกว่าท้าวทองกีบม้า (ตอนจบ)
_______________________________
แล้วกำเนิดของ Fois de ovos นั้นมาจากไหน หลายบันทึกเล่าว่าที่แห่งแรกที่มีการทำขนมชนิดนี้คือสำนักชีแห่งหนึ่งในเมืองโปร์ตู อันมีชื่อว่า Monastery of São Bento de Avé-Maria ในปีค.ศ.1518
แต่เทคนิคการนำไข่มาทำเป็นเส้น แล้วใช้น้ำตาลเป็นเครื่องชูรสชาตินั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากชาวโปรตุเกสโดยตรง แต่กลับเป็นพื้นที่ราบในเอเชียกลาง อันเป็นที่ตั้งของประเทศอิหร่านและอัฟกานิสถานในปัจจุบัน อาหารดังกล่าวมีชื่อว่า Abrayshum kebab หรือ Silk kebab (Abraysham เป็นภาษาเปอร์เซีย หมายถึงสิ่งที่ได้รับจากการปั่น(ด้าย) แต่ความหมายในปัจจุบันคือไหม) ส่วนคำว่า kebab นี้อาจมาได้จากสองที่มาคือการทำให้สุกด้วยความร้อนโดยไม่ใช้น้ำ(ส่วนมากหมายถึงการย่าง) หรืออีกที่มาบอกว่า Abraysham kebab เดิมมีไว้ทานคู่กับเนื้อบดย่างชนิดหนึ่งซึ่งมีรสจัดเรียกว่า Shami kebab ซึ่งเป็นที่นิยมในประเทศฝั่งปากีสถาน อินเดียและบังคลาเทศ ซึ่งเข้าเค้ากับบางแหล่งกำเนิดที่บอกว่า Abrasham kebab มีพื้นเพมาจากแคชเมียร์ก่อนถูกส่งต่อมาให้กับชาวอัฟกานิสถาน
_______________________________
Abraysham kebab มีลักษณะเป็นฝอยไข่ที่นำมาทำให้สุกบนกระทะกับน้ำมัน โดยวิธีทำแบบดั้งเดิมจะใช้มือสะบัดไข่ให้เป็นฝอย ก่อนรวบเข้าด้วยกันแล้วพับให้เป็นแพ ราดด้วยน้ำเชื่อม ถั่วพิชตาชิโอ และผงกระวานเขียว หากมองแค่วิธีการทำ Abraysham kebab นี้ไม่ได้คล้ายฝอยทองแค่เพียงอย่างเดียว ยังมีความละม้ายคล้ายล่าเตียงอีกด้วยแต่ในจุดนี้ขอยกทดไว้ก่อนในบทความต่อๆไป
_______________________________
ทีนี้มันมาเกี่ยวข้องกับโปรตุเกสตรงที่ช่วงหลังยุคกลางประมาณปี ค.ศ.750 เป็นต้นมาเป็นยุคทองของศาสนาอิสลาม ดินแดนบริเวณแหลมไอบีเรียอันได้แก่สเปนและโปรตุเกสตกอยู่ภายใต้การปกครองกลุ่มชาติพันธุ์อาหรับซึ่งนับถือศาสนาอิสลาม อาหรับที่ว่านี้เป็นการเรียกรวมกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยอยู่บริเวณคาบสมุทรอาราเบีย ทะเลทรายซีเรียน และดินแดนเมโซโปเตเมียเก่า(อิรัก) อาหรับปกครองโปรตุเกสตั้งแต่ช่วงปีค.ศ.750 จนหมดอำนาจในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่17 วัฒนธรรมอาหารอย่าง Abraysham kebab น่าจะแทรกซึมเข้าสู่วัฒนธรรมโปรตุเกสในช่วงนี้นี่เอง
เหตุผลหลักอย่างหนึ่งมาจากการใช้น้ำตาล อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารชนิดนี้ ประวัติศาสตร์น้ำตาลอ้อยถึงแม้จะเริ่มต้นที่จีนและอินเดีย แต่โลกมุสลิมเป็นผู้เริ่มต้นการผลิตน้ำตาลทรายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในแทบอันดาลูเซียซึ่งถือสเปนและเกาะซิซิลี การเริ่มมีน้ำตาลใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นทำให้น้ำตาลซึ่งแต่เดิมนิยมใช้ในยารักษาโรคกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญในวัฒนธรรมอาหาร แต่ด้วยราคาที่สูงทำให้น้ำตาลถึงแม้จะใช้ในบ้านเรือนทั่วไป แต่ก็ยังถูกนำมาใช้เฉพาะในเวลาสำคัญ อย่าง Abraysham kebab ซึ่งเป็นเมนูที่นิยมเสิร์ฟในงานแต่งงาน ทำให้ถึงแม้การทำอาหารจากไข่จะมีอยู่ในหลายวัฒนธรรมโบราณ แต่จุดตัดของไข่และน้ำตาลน่าจะมาบรรจบกันที่ดินแดนอาหรับ ณ จุดใดจุดหนึ่งก่อกำเนิดเป็น Abraysham kebab ขึ้นมา
_______________________________
ดังนั้นฝอยทองที่เราคุ้นเคยกันกลับมีประวัติศาสตร์ที่สืบเนื่องยาวไกลกว่าท้าวทองกีบม้าหรือเหล่า Nanban อันเป็นชื่อที่ชาวญี่ปุ่นเรียกชาวโปรตุเกส แต่ย้อนกลับไปได้ถึงผู้คนที่อาศัยอยู่บนเส้นทางค้าขายที่ถักทอโลกยุโรปและเอเชียเข้าด้วยกันอย่างเส้นทางสายไหมอันเป็นเครือข่ายแรกของโลกที่ปรากฏการณ์ globalization ก่อนอินเตอร์เนตในสองพันปีถัดมา
#มิตรสหายท่านเดิม
ภาค 2 ครับ เหมือนเดิม #ผมไม่ได้เขียนเอง #คนเขียนไม่ประสงค์ออกนาม #ขออนุญาตแล้ว
ได้ข่าวมาว่า ดราม่าที่แล้วโดนใจมาก ถึงขนาดที่ว่ามีคนแห่มาถามว่า คนเขียนอยู่บริษัทโน้นหรอ บริษัทนี้หรอ จริงๆ ไ่ม่ได้ตั้งใจจะดราม่าเท่าไรนะ อาจจะเป็นเพราะสำนวนดิบๆ ในสัญชาตญานเวลาเขียนใน FB ส่วนตัวเลยจัดเต็มไปซะ ไม่ได้หมายถึงบริษัทไหนเป็นพิเศษด้วย เพราะฟังมาหลายที่ ไม่ได้เจอเอง ส่วน Bussiness Administration เล็กๆ ในตัวมันเริ่มทำงานสวนกลับกับส่วน Technical ที่รันอยู่เป็น Everyday life ในช่วงนี้
กลับมาเห็นว่าจุดที่เราคิดว่าสังคม Software Development ไม่น่าอยู่เลย ใน 10 ปีก่อนที่เรียนจบมาใหม่ๆ เลยพยายามไปหาทางอื่นดูว่าเค้าเป็นงัยกัน ทำอะไรกัน แล้วพอกลับมาก็มีหนทางที่มันก็น่าอยู่นะ แต่ส่วนด้านมืดก็ยังมีให้เห็นเป็นวงกว้างแหละ โปรแกรมเมอร์กากๆ ที่อาจจะกากแต่ช่วงตัวอ่อนอยู่ ก็ไม่ได้ protect ว่าไม่มีจริง แต่เราเริ่มเห็น pattern ของฝั่ง business ช่วงนี้ที่รุ่นลูกเริ่มกลับมาบริหาร หรือฝ่ายบริหารเห็นความอับแสงของฝั่ง IT เลยเปลี่ยนตัว top เข้ามา หรือหนีไป fork หน่วยงานใหม่ตั้งชื่อเท่ห์ๆ กัน แต่สุดท้ายแล้ว pattern ที่มุมมองภายนอกคือ การไม่ยอมรับความผิดพลาดของสายบริหารที่ไล่ไปจนถึงจุดสูงสุด
การมาของผู้บริหารใหม่ส่วนใหญ่ อาจจะมาจากสายที่วิชาแก่กล้า แต่เข้ามาก็ต้องส่ายหัวกับ human, culture, politics and collective power ของรากฐานที่สร้างไว้กันแต่โบราณ ซึ่งเหมือนมาเป็นตัวแทนจากฝั่งข้างบนมาบอกว่า #คนที่เรามีอยู่ไม่โอเค เพราะ Message ที่ส่งถึงเค้าคือ คุณสร้างทีมได้เต็มที่เลย อาวุธ downstream เดียวของผู้บริหารคือ Human Resource Management และอย่างแรกที่มีโดยที่ไม่ต้องงัดข้อกับฝั่งใดๆ เลยคือ ไล่ออกและรับใหม่ เพราะความกดดันจากด้านบนเช่นกันที่คิดว่า culture เสกได้ แค่เราคิดคำเท่ห์ออกมา ตั้ง motto แปะข้างฝา แค่นี้ culture ก็เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยน...สิ (ว่าจะ soft กุไปและ)
สิ่งต่อมาเวลาที่ฝั่งบริหาร realize แล้วว่า IT เราไม่เวิร์คหว่ะ เราล้าหลัง เราสร้าง software ที่ไม่มีใครรักมันเลย แทนที่จะกลับไปหาปัญหาว่าเกิดอะไรขึ้นนะ ทำทุกอย่างให้ช้าลง คิดให้มากขึ้น แต่ช่วงสองปีที่ผ่านมากลับกลายเป็นว่าหลายๆ เจ้าตัดสินใจปั๊มฟีเจอร์แก้เขิน อุ๊ย เราทำไม่ดีอ่ะ ทำแม่งเยอะๆ เลยละกัน เขิลอ่ะ ... แล้วนึกออกป่ะ แบบของเก่ามันก็ไม่ค่อยสเถียรอยู่ละ เมิงยัง amplify มันให้มากขึ้นมากขึ้น แม่งอย่างกับระเบิดถอยหลังรอวันเอาไม่อยู่ แต่ไม่เป็นไร เราจ้างคนมาค้ำยันระบบไปเรื่อยๆ ได้ ไม่เป็นไรหรอก ... โถๆๆๆ แถมไอ้ฟีเจอร์แก้เขินเนี่ย คืองงมาก product ต่างๆ ในองค์กรต่างๆ ถูกคิดมาอย่างปรานึต ผ่านทีมงานหลายส่วนช่วยกันคิด refine improve วางโครงสร้างต้นน้ำยันปลายน้ำก่อนออกสู่ตลาด แต่ไหงพอเป็น software เหมือนใช้หัวแม่ตีนคิดกัน เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ คิดว่าดีและไปได้ แต่ market research หายไปไหนหรอ ทั้งๆ ที่ product หลักก็ทำกันอย่างดี พอ software ทำไป ก็ราวกับว่าทุกอย่างได้มาฟรีๆ พอมีของที่ทำๆ เร่งๆ แล้วก็ทิ้งๆ วนลูปไปเรื่อยๆ กำลังใจที่จะทำให้ดีมาจากไหนค้าบ
ที่เขียนมาหมดนี่อยากได้อะไร...แค่คิดว่า การที่ผู้บริหารลงมายอมรับความผิดที่วางรากฐานให้ฝั่ง IT แบบนี้ทั้งโดยตั้งใจ และไม่ตั้งใจ (เช่น การ Promote คนผิด, การเร่งเอาเพียงแค่ Deadline, การไม่เข้าใจ Quality of Software คืออะไรกันแน่, การที่ชี้ทิศทางของ Value ใน Software Product ที่ผิดพลาดไป) กล้าเดินออกมายอมรับกับลูกน้องหน่อยว่าผิดพลาดไปแล้ว ให้โอกาสคนที่เคยเดินตามพวก...มาตลอดหน่อย บอกเค้าให้ชัดเจนว่าอยากให้เค้าเป็นแบบไหน ให้เวลาเค้าพัฒนาตัวเองจริงจัง ไม่ใช่ให้งานเพิ่มจนหัวปั่นกว่าเดิม แต่ถ้าให้โอกาสแล้วมันไม่ไป ก็สุดแล้วแต่กรรมของมัน ฝั่งผู้บริหารเองก็ต้องเปลี่ยน mindset ไม่ต่างกัน ที่ต้องกระโจนลงมาดู Detail หน่อย ปล่อยให้ Middle Management มัน Loop วงจรอุบาทว์เป็นวงจรแม่ผัวลูกสะใภ้ แบบตอนช้านอยู่ช้านก็โดนแบบนี้ แกก็โดนไม่ต่างกัน ต้องทนให้ได้ vision ห่าเหวคิดแทบตาย market research ทุ่มทุนทำไป จ่ายค่า consult เพื่อช่วยวาง strategy กันไปกี่สิบล้าน แต่ middle management ไม่เข้าใจ และวางออกมาเป็น Execution Plan ในระดับที่ย่อยลงไปได้ แม่งก็สูญเปล่านะ เราอยากทำงานกับคนที่เก่งนะ แต่ถ้านายผิดพลาดเป็น และรับผิดชอบไปด้วยกันจะเป็นนายที่น่ารักที่สุดในสามโลก
สุดท้าย Software Developer ทุกท่านที่โอดครวญ ผมไม่ได้อยู่ในวงจรที่คุณเจอ ผมแค่เห็นมา และเห็นใจ แต่สุดท้าย จงจำไว้ว่า อัตหิ อัตโนนาโถ จงพึงเก่งไว้ตลอดเวลา อย่าให้ใครมาบอกว่าทำแค่ก็พอแล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
http://www.royin.go.th/?p=18360
ถ้าจะสะกด พนมเปญ (เมืองหลวงเขมร) เป็น ภนุมปึญ
มึงก็ควรจะสะกด โตเกียว (เมืองหลวงญี่ปุ่น) เป็น โตคโย とうきょう Tokyō
โซล (เมืองหลวงเกาหลีใต้) เป็น ซออุล 서울
เปียงยาง (เมืองหลวงเกาหลีเหนือ) เป็น พยองยาง 평양 ด้วยมะ อิผลี
มาตรฐานของราชบัณเฑาะก์คืออะไร #ให้เกียรติเมฮี่โกกูด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พรุ่งนี้มีนัดปิดโปรเจคงานกับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง
โดยใน TOR ระบุไว้ว่า
"จัดทำซีดีรอมบันทึกข้อมูลให้เป็นไฟล์ PDF จำนวน 10 แผ่น พร้อมปกและบรรจุในกล่องพลาสติก" 💿
เอาจริงๆ นะ...ไรต์แผ่นครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ยังจำไม่ได้เลย (แต่มันก็ไม่ได้นานขนาดต้องระทึกชาติ) พอมาเจอข้อกำหนดแบบนี้ ก็เลยต้องไปซื้อเครื่องไรต์แผ่นมาใช้ เพราะคอมตอนนี้ไม่มีไดร์วให้ไรต์แผ่นแล้ว (ขนาดรู USB มึงยังเขียมให้กูมารูเดียวเลย) 💢
แผ่นก็ไปซื้อมาจากฟอร์จูน เป็น Princo ขาว 10 แผ่น 50 บาท กล่องอีก 50 บาท ซองพลาสติกอีก 10 บาท รวมแล้ว 110 บาท
คือไม่ได้อะไรนะ ...แต่ก็แอบคิดในใจว่ามันตกยุคแหละ จริง ๆ มันควรทำเป็น digital archive กันได้แล้วม้างง ผู้ตรวจเช็คไฟล์จะได้สบายๆ (ฮา)
(แต่ก็เข้าใจระบบครับ ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะเอกชนหลายเจ้าก็ยังมีนะ การต้องส่งงานกันแบบให้มี physical จับต้องได้)
และที่ไม่คิดมากอะไร เพราะระหว่างนั่งไรต์แผ่นไปก็ได้อารมณ์ถวิลหาอดีตไปด้วย จำได้สมัยหนุ่มๆ เคยตะบี้ตะบันก็อปหนังจากเพื่อน ยืมหนังเพื่อนมาหลอดนึง (ก็...หนัง...ล่ะนะ พวกหนังสารคดี หนังกำลังภายใน...อะไรเงี้ย...อืม) แล้วคือก็ต้องมานั่งไรต์นั่งก็อปแบบนี้แหละ แล้วเมื่อก่อนไรต์ทีไดร์วเรามันเก่ามาก ไรต์ได้ 4x 8x ก็รอไปดิ กว่าจะก็อปปี้กันมาได้ให้หมดหลอด
หนักสุดคือตอนต้องก็อปจากเครื่องลงแผ่นเพื่อเคลียร์ไม่ให้ฮาร์ดดิสก์ขนาด 40 Gb มันเต็ม ก็ต้องมาคำนวณพื้นที่ให้ลงล็อคความจุพอดี คือถ้าไม่ลงล็อคจะเสียดายมาก เฟลมาก ๆ รู้สึกว่าภารกิจล้มเหลว ขาดไป 30 Mb ไม่เต็มแผ่น กูยอมไม่ด้ายยย!!
เลยต้องกระทั่งมานั่งแปลงไฟล์ก่อนจาก WMV, AVI มาเป็น DIVX codec ไม่ก็ .FLV (ยุคนั้น MP4 ยังไม่ฮิต) เพื่อพยายามบีบขนาดไฟล์ให้ได้ตามช่องที่เหลือที่สุด แล้วอัดมันลงแผ่นให้แน่นที่สุดให้จงได้
🙏 ปัจจุบันกลับตัวกลับใจเข้าสู่พิธีชดใช้และถวายวิญญานกับไข่เบเฮริตไปแล้วด้วย iFlix เหมารวด 2 ปี และ Netflix 4K แบบรายเดือน🧘♂️
ซึ่งเรายังเคยมีแผ่นรวม MP3 ด้วยอีก 1 หลอดเต็ม แต่ไม่ใช่แผ่นแวมไพร์ เพราะเราเหี้ยกว่าคือเป็นพวกรุ่นแรกๆ ที่โหลดตามเว็บนอก เว็บใน (อัดเองก็เคย เหี้ยมั้ยล่ะ) แล้วมานั่งแปลงไฟล์เองก็มี โดยเฉพาะพวก OST หนังและอนิเมะที่หายากๆ นี่ต้องหาเอง หากันจนเหนื่อย ยากลำบากสัดๆ ได้ไฟล์มาครบทีนี่มีน้ำตาจะไหล กัดฟันโหลดทีละ part จนครบ
🙏 ปัจจุบันกลับตัวกลับใจเข้าสู่พิธีชำระล้างบาปแล้วด้วย Spotify และ Apple Music แบบรายเดือน 🧘♂️
คือระหว่างไรต์แผ่นอยู่...มันก็ได้โมเมนต์อะไรแบบนี้กลับมานะครับ จำได้ว่าเคยซื้อแผ่น Patch Ragnarok Online มา 150 บาทด้วย เพราะเนตสมัยนั้นช้ามาก เกมออนไลน์ออกแพชใหญ่ ๆ มา 600 Mb - 1.2 Gb มันเสียเวลาโหลดมากถ้าเทียบกับซื้อแผ่น (และเสียเงินด้วยเหอะ เพราะเนตยุคนั้นแม่งเป็นแบบจำกัดความเร็ว หรือถ้าไม่จำกัดก็ขายกันเป็น Mb ก็โหลดไปดิ แป้บเดียวหมด ขูดบัตรเนตกันนิ้วถลอกอะ)
พ่อค้าแผ่นยุคนั้นมีเนตเร็วกว่า (เอาง่ายๆ ซื้อเนตแพคแรง จ่ายแพง แต่กะมาเอาคืนกันเต็มที่) เลยโหลด patch เกมออนไลน์มาไรต์แผ่นขายกันเน้นๆ (แถมขายแพงโคตร) แต่ถ้าเทียบกับต้องมารอโหลดจนไปเก็บเลเวลไม่ทันเพื่อน หรือโหลดแล้วต้องมานั่งดูมันหลุดแล้วหลุดอีก ฟังเพลงที่หน้าล็อคอินจนหลอน หลายคนเลยใช้วิธีลงขันกันซื้อแผ่นแล้วเวียนไปลงที่บ้านอัพเดทวนไปจนกว่าจะครบคนดูจะเข้าท่ากว่า
🙏 ปัจจุบันถือศีลกินเจกันแล้วด้วยเกมที่ซื้อมาจาก Steam และ PSN เต็มไปหมด แต่ดั๊นไม่มีเวลาเล่นอีกเลย...ไอ้สาด 🧘♂️
...โอ้ย มีอีกเยอะแยะที่นึกถึงระหว่างที่ไรต์แผ่นส่งงานนี่ คือไม่ต้องย้อนไปถึง '90 หรอกครับ เอาแค่ยุคมิลลิเนียมไม่ใกล้ไม่ไกลนี่ก็มีเรื่องให้เหนื่อยและนึกถึงกันเยอะพอสมควรเลยล่ะ 🧙♂️
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"แง่หนึ่งของคนรุ่นใหม่ก็คือคนเห่อหมอยนะครับ
เผื่อจะลืมความเป็นธรรมชาติข้อนี้ไป
อ้อ โลกนี้มียุวชนเรดการ์ดด้วยนะครับ เผื่อจะตกหล่นระหว่างความคิด"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A: ผมว่าคุณนี่นิ่งกว่าคนรุ่นใหม่ที่ออกมาวิจารณ์พรรคพลังอนาคต ที่เขาพึ่งเปิดตัวได้ไม่กี่ชั่วโมง ในด้านหนึ่งมันแสดงถึงความอดกลั้นต่อการรอคอยอัลไลบางอย่างที่สะท้อนถึงความเป็นคนรุ่นก่อนหน้านี้เมื่อเทียบกับคนรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน
B: ความจริงผมก็อยากวิจารณ์อ่ะครับ แต่พอดีเคยยืมเงินคนก่อตั้งพรรคเขาไป นี่ยังไม่ได้คืนเลย จะวิจารณ์ไปก็กลัวเขาทวงเงินอ่ะครับ
A: เอิ่ม - -"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อันนี้คือก็น่าสนใจและอยากเขียนถึงหน่อย
---------------------------
สิ่งนึงที่อยากให้เข้าใจ คือ สุดท้าย management ก็เป็นคนธรรมดาคนนึงที่มาบริหารงาน เขาก็ไม่ใช่เทพยดาอะไรที่จะรู้ไปหมดทุกอย่าง
คือเวลาที่อะไรออกมาไม่ดีเนี่ย management ด้วยความเป็นคน มันก็จะรู้สึกว่า “ต้องทำอะไรซักอย่าง อยู่กันแบบนี้ไม่ได้” แล้วถ้าเขาไม่เข้าใจเรื่อง technical สิ่งเดียวที่เขานึกได้ก็คือ feature ก็เลยไม่แปลกว่าทำไมมันมักจะออกมาเป็น feature factory
Incentive ของระบบมันประมาณนี้
คือจะไปบอกว่าขณะที่ผลงานทำได้ไม่ถึงเป้า บริษัทกำลังจะเจ๊ง คุณหัวหน้าผู้มีความรับผิดชอบสูง คุณจงยืนเฉยๆ นิ่งๆ อย่าคิดอย่าทำอะไรทั้งนั้น ยักไหล่ไปสิ ปล่อยพวกผมทำงานไป ผมรู้ดีว่าต้องทำอะไร
อืมมมม ถ้าเขาตายด้านกับงานแล้วก็คงทำได้แหละ
สิ่งนึงคือถ้าระบบมันถูก Setup ให้ Management สามารถ Contribute ได้โดยการแค่บอกว่า "จะสร้างอะไรดี" เขาก็จะย้ำ Contribution ไว้ที่ตรงนั้น เวลาที่เขารู้สึกว่าเขาต้องทำอะไรซักอย่าง แล้วสิ่งที่ระบบมันเปิดทางให้เขาทำมีอย่างเดียวคือ "ออกไอเดียสิว่าสร้างอะไร" มันก็ไม่แปลกใช่มั้ยที่เขาจะเลือกทำสิ่งนั้น
ก็เป็นที่มาของ Feature factory
โอเค คุณจะไปบอก management ว่าเราต้องทำอะไรซักสิ่งที่ยูไม่มีวันเข้าใจ อย่าง technical debt ทำ market research ทำ design sprint, etc. ยูไม่ต้องเข้าใจหรอกแต่ยูต้องให้พวกเราทำ
ก็อาจจะเป็นทางที่ดีกว่าพยายามปั่นงานออกไป แล้วสุดท้าย Management บางคนก็ approve ให้ได้นะ ถึงแม้ไม่เข้าใจเต็มร้อย
แต่ซักพักพอแรงกดดันลงมา ถามย้ำว่า “ทำไมเราต้องทำ technical debt” ตลอด ถ้าเขา approve ให้ด้วยความเข้าใจเต็มร้อยความเชื่อมั่นเต็มร้อย เขาก็จะบอกได้ว่าทำไม ถามอีกกี่ครั้งก็บอกได้
แต่ตรงข้าม ถ้าเขา approve ไปโดยไม่เข้าใจ เขาก็จะเอ๋อต่อหน้าคำถามนั้น เวลาลูกค้า/ระดับสูงถามลงมา แล้วก็จะกลับมาสงสัยเรื่อยๆ ว่าทำไปทำไมนะ ทำไปทำไมนะ ทำไปทำไมนะ จนถึงจุดนึงก็แบบ โอเค ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม เลิกทำดีกว่า เลิกๆๆๆ ปั่นฟีเจอร์ต่อ
ถึงบอกว่าบางครั้ง ความเข้าใจสำคัญกว่าผลลัพธ์อีกในระยะยาว
ถามว่าจะบรรเทายังไงได้บ้าง
- พยายามทำความเข้าใจกันมากๆ คุยกันเยอะๆ ซึ่ง บอกเลยว่า เหนื่อย...... มากๆ มากเสียจนหลายคนเลือกที่ว่า ไม่คุยแล้วดีกว่า ซึ่งบางครั้งก็เสียเวลาคุยไม่ได้แล้วจริงๆ บางครั้งก็คุยกันได้แต่เหนื่อยพอเหอะ สิ่งสำคัญคือ อยากให้มีสติว่า เวลาเลือกที่จะไม่ทำความเข้าใจแต่ลงมือ เรา Trade-off อะไรออกไปบ้าง อย่ามองแค่ว่าเห้ยไม่ต้องเข้าใจก็ได้ แต่อนุญาตก็พอ อย่างน้อยถ้าจะเลือกไปทางนี้ ไปด้วยความมีสติ ไม่ใช่ไปด้วยอารมณ์ที่มองไม่เห็นเลยว่าเราเสียอะไรไปจากการไม่ทำความเข้าใจกัน
- อย่าปกป้องพื้นที่ของตัวเองมากไป เปิดโอกาสให้ Management เขาได้ Contribute อะไรบ้าง หาพื้นที่ให้เขาอยู่ในทีม อย่ากันเขาออกจากทีม เพราะอย่างที่บอกคือ ถ้าเราไปสร้างระบบ ไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่สุดท้ายกลายเป็นอารมณ์ว่า "ผู้บริหารเอ๋ย สิ่งเดียวที่คุณยุ่งกับทีมได้คือบอกว่าสร้างอะไร ที่เหลืออย่ายุ่งนี่คือความชำนาญของฉัน" เขาก็จะทำแบบนั้นเสมอ คอยหาว่าต้องสร้างอะไรใหม่ มากขึ้นเรื่อยๆ เสมอ ทุกครั้งที่ที่สถานการณ์ไม่เสถียร
ถ้าใครอยู่เฉยๆ ได้คือต้องนิ่งมาก หรือไม่ก็ไม่แคร์งานอีกต่อไปเท่านั้นแหละ ผมถึงได้บอกว่ามันเป็น Human element มันไม่ใช่ Logical เพราะมันง่ายที่จะบอกในเชิงตรรกะว่า "จังหวะนี้ที่ทุกอย่างถล่มทลาย ผมพิจารณาทุกทางเลือกแล้วพบว่านิ่งไว้ไม่ทำอะไรดีที่สุด ปล่อยให้ทุกอย่างมันรันไปเองเดี๋ยวดีเอง"
โอเค อาจจะถูกต้องในทางตรรกะก็เป็นได้ ในหลายสถานการณ์
แต่ในความเป็นจริง หัวใจคนที่แคร์งานมากๆ เขาจะทำแบบนั้นได้ลงคอเหรอ ยากมากเลยนะ
------------------------------
<ต่อเม้นล่าง>
<ต่อจากเม้นบน>
ส่วนสำหรับ management ผมเห็นด้วยกับข้อความที่แชร์ในแง่ที่ว่าบางทีคุณก็ต้องดูดีเทลบ้าง
คือ เวลาลูกน้องบอกว่าอยากให้ลงมาดูดีเทล เขาไม่ได้อยากให้ลงมาแบบรับผิดชอบทุกอย่างหรอก บางทีมันอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เขาจะบอกแค่ว่า “ช่วยเข้าใจรับฟังกูหน่อย ก่อนตัดสินใจอะไร” ก็ได้นะ
ซึ่งบางครั้งเขาก็พูดหลายครั้งแต่ Management ไม่ได้ฟังหรือฟังแล้วตีความไปคนละทิศละทาง บางครั้งเขาก็ไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูด ก็ไม่ต่างอะไรกับบางครั้งที่พวกคุณๆ รู้สึกว่า "บอกหลายทีแล้ว ลูกน้องไม่ฟังเลย" นั้นแหละ ความรู้สึกเดียวกัน
ถ้าเราปกป้องตัวแล้วคุยกันด้วยหน้าที่มากกว่าหัวใจ ลูกน้องคุณก็จะเรียกร้องให้คุณทำหน้าที่และไม่แคร์หัวใจคุณเหมือนกันนะ
คุณเดินไปบอกลูกน้องว่า ยูต้องรับผิดชอบ ยูทำพังยูก็ทำโอทีไปซ่อมไปสิ นี่มันหน้าที่คุณนะ ได้ คุณทำแบบนั้นได้นะ แต่วันหน้า เวลาหัวหน้าเหนื่อย ทำโอ หรือตัดสินใจเชิง Strategy ผิดพลาด เขาก็กลับมาพูดอย่างเดียวกันใส่หน้าคุณเหมือนกันแหละว่า นี่มันหน้าที่คุณนะคุณผู้บริหาร ไม่ใช่หน้าที่ผม
ศาสตร์ของการเป็นหัวหน้าคือผสานสมดุลระหว่างหน้าที่รับผิดชอบกับหัวใจคนให้ลงตัว อย่าลงด้านใดด้านหนึ่งเยอะจนพัง
คุณใช้หัวใจเยอะไม่สนหน้าที่ ระบบงานก็ไปไม่ได้ เดินหน้าลำบาก
ใช้หน้าที่อย่างเดียวไม่สนใจหัวใจคน คุณก็จะจบลงที่คุณระบบแผนผังองค์กรเขียนลงเอกสาร แปะข้างฝาผนังออฟฟิศเปล่าๆ ที่ไม่มีคนจริงๆ ทำงานอยู่เลย
ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองและคนอื่นบ้าง ยอมรับความเป็นมนุษย์ของทุกคน อยู่กับมัน คุณต้องการทั้งระบบหลักการ และทั้งมนุษย์จริงๆ ตัวเป็นๆ อยู่ร่วมกัน มันถึงจะเป็นทีมที่เดินไปต่อได้ จะเอาแต่ระบบกับหลักการก็ไม่ได้ เอาแต่มนุษย์ก็ไม่ได้ จะถ่วงสมดุลยังไงก็เป็นโจทย์ตลอดชีวิตของคนเป็นผู้นำ
---------------------------------
ที่เขียนทั้งหมดนี่ผมไม่คิดว่าตัวเองทำได้ดีนะ คือ ก็ยังรู้สึกตลอดว่าตัวเองห่วยแหละ การพูดคอนเซปต์มันง่าย การทำจริงมันยากกว่าหลายเท่า แต่ก็ยังอยากพูดอยู่ดี คือ อันนี้บอกตรงๆ ว่า ลงท้ายไว้ป้องกันตัวเฉยๆ แหละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยังคงไม่ชัดเจนว่าที่ Theranos กลายเป็นเคสลวงโลกครั้งใหญ่ของโลกที่มูลค่า $700M นี้เป็นเพราะตัว Holmes เองที่โกหกหลอกลวง หรือเพราะนักวิทยาศาสตร์ในบริษัทโกหก Holmes ว่ามันทำได้กันแน่ แต่สุดท้าย ผู้หญิงที่เคยติด Top-100 Forbes ในฐานะ Self-Made Billionaire และเคยมี Net Worth อยู่ที่ $4.5B ตอนนี้ก็ร่วงลงเหลือ $0 เป็นที่เรียบร้อย แถมต้องจ่ายค่าปรับ $635,000 หรือราว 20 ล้านบาทอีกด้วย (แต่คงไม่เดือดร้อนมาก เพราะ Holmes มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยมาก)
หนังของตัวเองที่ Jennifer Lawrence เซ็นว่าจะเล่นเป็น Holmes ก็ยกเลิกแล้ว ซึ่งไม่แน่ ถ้าทำต่ออาจจะกลายเป็นหนังอีกพล็อตนึงก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม หากสืบประวัติที่ผ่านมาจะพบว่า Theranos โกหก Investor "แบบตั้งใจ" ไว้เยอะมาก เช่น เอาผลแล็บคนอื่นมาเฟคว่าเป็นของตัวเอง และก็มีประวัติไม่ดีเช่น นักวิทยาศาสตร์ฆ่าตัวตายเพราะไม่มีอะไรใช้งานได้ตามที่บริษัทอ้างมาเลยจน Holmes จะไล่ออกเลยตัดสินใจปลิดชีพตัวเองทิ้งด้วยความเครียด แต่บริษัทก็เลือกจะปกปิดการตายจนเรื่องแดงขึ้นเอง
ยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ ลองหาอ่านดูจะสนุกเหมือนอ่านนิยายขายดีที่มีพล็อตลวงโลกเป็นการดำเนินเรื่องหลักเลยหละ
เคสนี้มีอะไรให้เรียนรู้เยอะ อย่างแรกเลย ... "อย่าโกหก" ... เพราะต่อให้ระหว่างทางสวยแค่ไหน ตอนจบก็ไม่เคยสวย
อย่างที่สอง บริษัทที่(อ้าง)ว่าทำโปรดักส์ใหญ่ระดับพลิกโลกได้ขนาดนี้และ(อ้าง)ว่ามีสิ่งที่ใช้งานได้จริงแล้ว ตอนนั้น Raise Fund อยู่ที่ $700M (เลขคุ้น ๆ เนอะ) และเคยมีมูลค่าบริษัทสูงสุดอยู่ที่ $9B
เอาไว้เทียบกับตลาด ICO เล่นดู
จบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อีกสาเหตุหนึ่ง ที่พยายามลดน้ำหนักอย่างหนักในช่วงนี้ ก็คือ นั่งดูคลิปโป๊ต่างๆที่ถ่ายตอนตัวเองมีเซ็กส์กับคนอื่นๆ แล้วรู้สึกว่า "เหี้ย รูปร่างน่าเกลียดชิบหาย"
คือ ตอนก่อนถ่าย คาดหวังว่าภาพจะออกมาเหมือนหนังค่าย Men Lucas SeanCody อะไรแบบนี้ แต่พอถ่ายเสร็จ เย็ดแม่! คลิปพวกตาลุงจากทางบ้านในเว็บ xtube Pornhub ดีๆนี่เอง
“สั่งข้าวแล้วรอ ลุงคนนึงเข้ามาสั่ง โวยวายขอก่อนได้มั้ย ทำให้ผมก่อน ผมให้เพิ่ม 100 นึง ปัญหาคือ มีกูและอีกโต๊ะนึงมาก่อน ทำหน้าเกร็งกัน ในหัวคิด ปัญหาติดสินบนมีกันทุกหย่อมหญ้า ถ้าร้านยอมทำ เราคงเสียศรัทธาน่าดู
ที่ร้านบอกลุงว่า ถามคนที่มาก่อนว่ายอมมั้ย กูกำลังจะตอบไม่ยอม แต่ลูกค้าอีกคนพูดมาก่อน “หนูยอม ถ้าลุงจ่าย 100 นึงให้หนู” ลุงเลยควักแบงค์ 100 วางลงโต๊ะเขา และโต๊ะเราด้วย โอเคครับ แซงได้เลยลุง
สอนให้รู้ว่า เราอย่าติดสินบนให้เจ้าหน้าที่ ควรติดสินบนให้คนที่เสียประโยชน์ครับ”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
You will never be happy if you continue to search for what happiness consists of. You will never live if you are looking for the meaning of life.
Read more at: https://www.brainyquote.com/quotes/albert_camus_105605
เห็นแว่บๆคนทำโควทว่าทำไมแม่หญิงการะเกดไม่เอา ปชต. ไปเผยแพร่แทนเครื่องกรองน้ำ
แบบเนี้ยพวกมึงถึงคุยกะชาวบ้านร้านตลาดไม่รู้เรื่องคุยได้แต่ในกลุ่มของพวกเดียวกัน คือมึงต้องโยงทุกสิ่งใดๆในโลกเข้ากับรัฐศาสตร์การเมืองการปกครองหมด อะไรที่ไม่มีพูดถึงประเด็นเชิงโครงสร้าง=โง่ ไม่ควรค่าจะเอ่ยถึง
คราวก่อนก็มีเคส นสพ.ทำข่าวปลัดสาวหน้าอ่อน ก็ไปว่าว่าทำไมทำข่าวตื้นเขิน ไม่ทำข่สวเนื่องความเหลื่อมล้ำทางเพศในวงการราชการ
คือชีวิตมันก็มีมิติคอเมดี้ด้วยนะ ไม่ได้มีแต่มิติตำราอย่างเดียว
มิตรฯ
มันมีประเด็นหนึ่งที่พรรคใหม่ พูดเรื่องรัฐไม่ควรจะอุดหนุนศาสนาใดศาสนาหนึ่ง เพราะมันมีความรู้สึกของการเป็นชนกลุ่มน้อยเกิดขึ้น
ดูจากคอมเมนท์แล้วคนไทยหลายคนไม่เข้าใจ คือทุกคนรู้สึกว่ามันไม่มีความไม่เท่าเทียมสักหน่อย ไทยนี้เปิดกว้างให้ทุกศาสนา ไม่มีความเป็นพลเมืองชั้นสอง
ผมอยากพูดประเด็นนี้ว่า คนไทยไม่ได้รู้สึกว่ามันมีความไม่เท่าเทียมทางศาสนาอยู่ แต่จริงๆแล้วมันมี
ซึ่งเราไม่รู้สึกตัว จริงๆผมก็ไม่รู้สึก จนกลายเป็นคริสเตียน
ผมเคยเป็นเอธิส (พวกไม่นับถือศาสนา) เรามักจะเจอดราม่าบ่อยๆเกี่ยวกับการที่คนด่าเอธิส ตอนเป็นเอธิสเราอาจจะคิดว่ามันหนักแล้ว
แต่เมื่อคุณนับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่พุทธ มันหนักกว่า
ผมคิดว่าเป็นเพราะตอนเป็นเอธิสมันเลื่อนไหล ผมอยากจะยกมือไหว้หรือไม่ยกก็ได้แล้วแต่อารมณ์ แล้วก็ไม่ต้องไปแสดงตัวว่าผมเป็นเอธิส
พวกพิธีกรรมก็ทำๆไป เหมือนเป็นการละเล่นอย่างหนึ่ง
อย่างมากก็อาจจะมีปัญหากับครอบครัวในทัศนคติเรื่องการบวช
แต่ก็จะไม่ค่อยมีใครมีปัญหากับคุณมาก เขาจะคิดว่าคุณก็แค่อาร์ทๆ ไปเป็นพักๆ แต่ยังอยู่ในกลุ่มของเขาอยู่
แต่เมื่อไหร่ที่คุณทำพิธีเพื่อเข้าสู่ศาสนาอื่น และแสดงตัวว่านับถือศาสนาอื่นไปแล้ว มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คนจะมองคุณว่าคุณออกจากกลุ่มก้อนของเขาทันที
และคุณจะโดนเล่นงานจากทั้งชาวไทยผู้นับถือศาสนา และจากเพื่อนเอธิสของคุณด้วย 555+
เราไม่รู้สึกตัว แต่สังคมไทยอิงอยู่กับความคิดของพุทธมาเยอะมาก
สมมุติว่าเพื่อนรถล้ม เราไปเยื่ยมแล้วพูดว่า "เป็นบุญมาก ที่มึงรอดมาได้" หรือ "ดวงดีสัส ที่สิบล้อไม่เหยียบมึงซ้ำ" ทุกคนคิดว่าเป็นคำปรกติ
"ขอบคุณพระเจ้า ที่มึงรอดมาได้" หรือ "ขอบคุณพระเจ้า ที่สิบล้อไม่เหยียบมึงซ้ำ" จะกลายเป็นประเด็นทันที คนจะถามว่า เอ้าทำไมมึงต้องของคุณพระเจ้าไม่ขอบคุณหมอ...
เดี๋ยวมึง... ไม่ใช่ว่ากูขอบคุณพระเจ้าแล้วจะไม่ขอบคุณหมอ...
อีกหนึ่งความเครียดคือการเจอพระสงฆ์ในสังคมไทย
ไม่ใช่ว่าผมเข้าวัดไม่ได้นะ แต่คือคนไทยจะนั่งต่ำกว่าพระสงฆ์ แล้วบางทีก็ยกมือไหว้ตอนคุย
แต่คุณคิดดูว่าผมนั่งคุยกับบาทหลวงก็นั่งเก้าอี้ (ผมเป็นโปรแตสแตนท์ แองลิกัน ซึ่งมันมี ศบ. คล้ายๆบาทหลวง) มันประหลาดป่ะที่จะนั่งต่ำกว่า พระเจ้าสร้างคนมาเท่ากันจริงมั้ย? แต่ถ้าไม่ทำเขาก็มองว่าพวกคริสเตียนเป็นพวกหัวแข็งไม่มีมารยาทอีก ต้องทำยังไงไง?
เคยมีวันหนึ่งต้องไปเรียนวิชาที่ไม่ใช่ศาสนากับพระสงฆ์
แล้วทุกคนนั่งพับเพียบกันพื้น พนมมือหมด แต่ผมไม่ทำนี้ประหลาดสัสๆ
ผมควรทำยังไง สุดท้ายตัดสินใจว่าไม่ไปเลยดีกว่า โดดเลย ตัดปัญหา
อันที่จริงแล้ว ในไบเบิล อ.เปาโล เขียนแนะนำว่าไม่ได้ห้ามร่วมโต๊ะอาหารในวิหารของคนต่างศาสนา ทำได้ ในบริบทเพื่อแสดงว่าเรารักเขา (ประมาณไปงานบวช งานแต่ง บุญขึ้นบ้านใหม่ งานศพ โกนจุก ฯลฯ) - แต่เพราะจะเจอเรื่องความไม่สะดวกใจหลายอย่าง ผมคิดว่าคงเป็นเหตุผลให้หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ไป จะได้ไม่รู้สึกประหลาด ไม่ถูกถามว่าทำไมไม่ทำล่ะ ไม่ไปแต่แรกจะได้จบ อ้างไปเลยว่าเข้าวัดไม่ได้ง่ายกว่า
(มันเคยมีเพื่อนผมเป็นอาจารย์ เขาเชิญเป็นแขกผู้มีเกียรติในงานศพ ปรากฎไปถึง เจ้าภาพเชิญอาจารย์เป็นตัวแทนจุดเทียนบูชาพระรัตนไตย จากนั้นเพื่อนผมก็เลยไม่รับเชิญเป็นแขกแบบนี้อีกเลย)
.
.
.
<ต่อเม้นล่าง>
<ต่อจากเม้นบน>
อันนี้แค่เรื่องความไม่สะดวกทั่วไป แต่ในการใช้ชีวิตมีปัญหาแน่นอน
เป็นเรื่องปรกติที่คริสเตียนจะมาแชร์เรื่องการถูกข่มเหงกันในคริสตจักร
มีพี่บางคน พอเป็นคริสเตียนแล้ว ทั้งบ้านไม่คุยด้วยอยู่ 17 ปี แกเป็นผู้หญิงที่เป็นแม่บ้าน แต่พ่อ แม่ พี่สาว ของสามีไม่คุยกับแกเลยสักคำ
บางคนเป็นลูกคนจีน ไปไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษไม่ได้ ถึงกับบ้านแตก
บางคนบวชไม่ได้ พ่อแม่ร้องห่มร้องไห้ ว่าจะไม่ได้ไปสวรรค์ ไม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองลูก
บางคนเป็นข้าราชการ หน่วยเหนือออกโครงการให้ไปค่ายปฏิบัติธรรม ก็ไปไม่ได้ โดนเจ้านายเขม่น เจ้านายกดดันว่า ถ้าไปครบทุกคนจะประเมินบางอย่างให้กับทั้งหน่วยเป็นพิเศษ - สุดท้ายพี่คนนี้ต้องลาออกจากงาน เพราะทนที่ทำงานไม่ไหว
บางคนเขียนประถมมัธยม เขายกมือสวดมนตร์กัน ก็ทำไม่ได้ กลายเป็นแปลกแยก ถูกเพื่อนล้อ
โดนว่าไม่รักชาติ ของไทยบรรพบุรุษเรามีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปตามฝรั่ง ก็มี
คือเรื่องอะไรที่เราคิดว่า เฮ้ย ไม่จริงหรอก มันเป็นละครป่ะ มันมีจริงๆเว้ย ผมเองก็อึ้งเหมือนกัน
ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำให้คอมมูนิตี้คริสเตียนแข็งมาก
ยอมรับว่าตอนมีดราม่าเรื่อง อร BNK ไม่เข้าวัด ผมเดือดเหมือนกัน เพราะผมเคยโดนไง 555+
ขนาดผมไม่ได้ โอชิ อร แต่เวลามีคนมาดราม่าอร ผมก็เดือดอยู่เหมือนกัน
.
.
.
ทีนี้ ที่บ่นมา ไม่ได้ จะเรียกร้องความเท่าเทียมอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง พูดตรงๆ ว่าถ้าไม่บัพติสมา เราอยู่เหมือนเดิมก็ไม่มีอะไร
อันที่จริงในไบเบิลก็บอกไว้แล้วว่าเราจะโดน ในสมัยโรมันทุกคนก็โดน หนักกว่านี้ ก็รอดมาได้... เออ ไม่สิ ตายนี่หว่า... ตายต่อโลกนี้ แต่ยังมีความหวังนิรันดร์ น่ะนะ
ดังนั้น ในเมื่อคนเมื่อก่อนทนมามากกว่านี้ เรื่องความไม่สะดวกเล็กน้อยแค่นี้พวกผมทนได้
ไม่มีสิ่งใดดีในชีวิตของคริสเตียนเท่ากับการที่พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเรา ต่อให้คุณต้องทนทุกข์มากกว่านี้ ก็ยังไม่เท่ากับความยินดีนี้
แค่อยากจะสื่อสารว่า ความเป็นพลเมืองชั้นสองทางศาสนา และแรงกดดันจากรัฐและสังคม มันมีอยู่จริง เท่านั้นเองครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใครว่าเด็กแว๊นไม่มีทางได้ดีครับ เนี้ยผมยังเห็นงานมันอยู่ในพิพิธภัณธ์ระดับโลกอยู่เลย ชื่อแว๊นโกะไรนี้แหระ
- มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>363-364 กูเห็นด้วยกับเรื่องsecular stateนะ แต่มิตรสหอยท่านนี้ยกเอาประสบการณ์ส่วนตัวคนต่างๆมานี่มันเกี่ยวอะไรวะ ถึงในรธน.จะเอาเรื่องศาสนาออก คิดว่าคนใจแคบด้านศาสนาจะหันมาใจกว้างทันควันรึไง
เรื่องประสบการณ์ส่วนตัวกูก็มี ตอนม.ปลายเรียนโรงเรียนคริสต์ แล้วอีผอ.เป็นคริสต์ไงเลยจัดการบังคับให้นักเรียนพุทธต้องร้องเพลงกับมันด้วย มีคาบว่างทุกวันพุธ(irony)ที่เชิญบาทหลวงมาบ่นให้เด็กพุทธทั้งห้องฟัง แต่พวกกูตอนนั้นม.ปลายไง กะโหลกหนาไม่เปลี่ยนศาสนาหรอก ขี้เกียจ ที่เหี้ยคือไปล้างสมองเด็กอนุบาลเว้ย บังคับเด็กอนุบาลเหมือนกันฝังหัวว่าพระเจ้างั้นพระเจ้างี้ ถ้ามิตรสหอยท่านนี้เอาเรื่องส่วนตัวคนต่างๆมาเพื่อจะไซโคว่าคริสต์โดนกดขี่ แล้วที่พวกกูเจอนี่ไม่เป็นการเบียดเบียนสิทธิที่จะนับถือศาสนาเลยเรอะ(เพราะโดนบังคับให้ทำพิธีศาสนาอื่น)
ปล. รร.กูไม่บังคับเด็กมุสลิม สงสัยกลัว 555555
ศาสนาก็เหมือนควยนั่นแหละ ไม่ควรเอาไปยัดเดียดใส่เด็ก
อยากให้มีกฏหมาย จะนับถือศาสนาหรือสอนได้ต้องอายุ 18 ขึ้นไปเท่านั้นจริงๆ
>>375 https://imgur.com/hPsvpt0
มุซซี่เย็ดได้ทั้งแพะ ทั้งแกะ ถูกต้องตามหลักศาสนา
การเป็นเฟมินิสต์ของมงซิเออร์ฉุยฉายนั้นสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี Schordinger's Dick (หำของโชรดิงเกอร์) ที่กล่าวไว้ว่าการมีอยู่ของหมู่มวลสสารที่เรียกว่าหำนั้นมีสองสถานะ ซึ่งเมื่อเราไม่ทราบถึงสถานะของหำ ขณะนั้นเขาอาจจะมีหำอยู่จริง หรือไม่มีอยู่จริงก็เป็นได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การมีอยู่ของหรรมคือทฤษฎี ส่วนการเป็นตุ๊ดของนายศรัณย์คือข้อเท็จจริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Customer: “Go to hell; I hope you and your business are hit by a meteor today!” Employee: “I’m sorry to hear that, but have you considered it might be your fault?” Customer: “You’re right, I was wrong all along!”
ถ้ากู 50 แล้วยังไม่มีเมียกูจะเปลี่ยนไปนับถืออิสลาม
ข่าวพรรคคอมมิวนิสต์ขอตั้งพรรคการเมือง ในโพสต์ต้นทางมีเด็กคนนึง ยังเรียนมหาลัยปกป้องคอมมูนิสต์สุดดากเลยลองเข้าไปดูในโปรไฟล์ โพสต์อยู่สองเรื่องคือคอมมูนิสต์และไอดอล
อยากจะบอกไอ้หนูนี่จัง ว่าในสังคมคอมมี่ในฝันเปียกของมึงเนี่ย ไอดอลไม่ได้เกิดหรอกหนู โดยเฉพาะพอลพตที่มึงชอบเนี่ย(มีโพสต์ยกย่องพอลพต)สั่งฆ่าคนใส่แว่นเพราะจะให้ทั้งประเทศมีแต่ชาวนา คิดว่าไอดอลมึงจะรอดรึไง
เห็นไอ้หนูนี่แล้วนึกถึงสมัยไปเรียนอเมริกาแล้วในม.จะมีพวกคอมมูนิสต์ที่ชอบแดกสตาร์บักกับใช้แอปเปิล แต่นี่โง่กว่าเพราะถึงขั้นยกย่องพอลพต
-มิตรสหายท่านนึงในเฟสบุค เอามาโพสต์ในนี้เพราะเห็นว่าไอ้หนูคนนี้เล่นโม่งมู้ไอดอลด้วย เพื่อจะผ่านมาอ่าน 555
"วงการสงฆ์ร้อน 'หลวงปู่พุทธะอิสระ' สวด 'ท่านว.วชิรเมธี' โลกสวยเอะอะอะไรก็เมตตา!"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ตุ๊ดสายกิจกรรม กับ กุ๊ยเด็กหลังห้อง"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
ในมุมมองของผม มันเป็นไปได้ยากมาก ที่สังคมมุสลิมไทยจะสามารถผลิตนักวิทย์เก่งๆหรือเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในระดับโลกได้
เพราะแรงบันดาลใจมันไม่มี ปรัชญาของเราในการใช้ชีวิตมันตรงข้ามกับยิวทุกอย่าง บางทีมุสลิมอาจจะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเทคโนโลยีก็ได้
ในขณะที่สมองยิวเขาสนใจเรื่องการสร้างระบบโดรนให้บินเองได้ สมองมุสลิมเราสนใจถกเถียงกันเรื่องศาสนาและพอใจแล้วที่ได้คำตอบในเรื่องนั้น ส่วนนอกจากนั้นคือการอยู่ทำมาหากินไปวันๆ รอตาย
ซึ่งจะพูดว่าคิดแบบนั้นแล้วผิด ก็คงไม่ได้ เพราะอิสลามสอนแบบนั้นจริงๆ คือดุนยาคือการละเล่น ไม่จีรัง ไม่จริง มันเป็นโลกทัศน์นึงที่ทำให้มุสลิมต้องคิดแบบนี้ การสร้างเทคโนโลยี การเก่งนั่นนี่ การเป็นเลิศ การแข่งขัน ความก้าวหน้าของสังคมมนุษย์ ทั้งหมดนี้มันอาจไร้สาระก็ได้ และคนที่รอดพ้น อาจเป็นคนที่ละทิ้งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ได้ ซึ่งตรงนี้มีจุดร่วมกับหลายศาสนาที่เน้นละทิ้งทางโลก เข้าสู่ทางธรรม
เพราะฉะนั้นยังไงมันก็ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ที่ประชาชาติที่คนส่วนใหญ่หมกมุ่นกับการถกเถียงเรื่องศาสนา จะสร้างนวัตกรรมได้ เพราะนวัตกรรม มันก็ต้องใช้ปัจจัยทางกำลังคน กำลังทรัพย์ กำลังสมอง และเวลาเยอะเหมือนกัน
จริงๆประสบการณ์ที่ได้รับรู้ บรรดาผู้รู้ศาสนาใหญ่ๆในไทย ที่มีอาณาจักรต่างๆเป็นของตนเอง พอมีใครนำเสนอให้พัฒนาหลักสูตรวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่เป็นเลิศ พวกเขาก็จะเฉย ไม่สนับสนุนอยู่แล้ว เพราะเขาก็คิดแบบนี้แหละ อิสลามคือเรื่องอาคีเราะฮ ดุนยาแค่ทางผ่าน อย่าไปลงทุนวิจัยเพื่อความเป็นเลิศต่างๆ เสียเวลาเสียพลังงาน เสี่ยงนำแนวคิดที่ไม่บริสุทธิ์เขามาในสังคมมุสลิมอีก
ใครจะไปรู้ เทคโนโลยีทั้งหลายที่มนุษย์สร้างมา ต่อไปมันอาจทำลายมนุษย์เอง จนเป็นข้อพิสูจน์ว่า ความบ้าเทคโนโลยีของมนุษย์ คือความโง่เขลาก็ได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คือมึงจะหยุดแค่ศาสนาของมึงก็ได้แต่ มึงตอบโจทย์บางอย่างไม่ได้ถ้ามีคนคิดจะรังแกมึงนะ
คนมันมากขึ้นยังไงก็ต้องพัฒนาเรื่อง เพาะปลูก, ต้องมียาใหม่ๆ เทคโนปลูกสร้างที่อยู่ใหม่ๆ มารองรับอยู่ดี
หรือมึงจะคิดแค่ขุดน้ำมันเอาไปขายเป็นเงินแล้วเอาเงินไปแลกทุกอย่างอ่ะ ถ้าฝ่ายปกครองไม่เข้มแข็งจริงโดนฝรั่งมันยุให้เกิดสงครามกลางเมืองแบบทุกวันนี้มันไหวไหมล่ะ
>>391 ก็มันบอกว่า
ปรัชญาของเราในการใช้ชีวิตมันตรงข้ามกับยิวทุกอย่าง บางทีมุสลิมอาจจะไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเทคโนโลยีก็ได้
แต่สมัยก่อนมุซซี่คือผู้นำโลกด้านวิทยาศาสตร์คู่กับจีน และยิวสมัยนั้นยังไม่ได้ทำไรซักอย่างนะสิ ถึง Weber จะเชื่อมั่นใน Protestant Ethic แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะใช้ได้กับทุกอย่างนะ
กูว่าทุกสังคมมันก็มีคนปนๆกันว่ะ แต่เราเอาวิสัยทัศน์เราไปใส่ให้คน ศาสนา,ประเทศนั้นเองป่าววะ
สมมุติ ว่าเรามองว่ามุสลิมอาหรับ มันก็ไม่ได้เคร่ง คลั่ง คำสอนอะไรขนาดนั้นกันทุกคนหรอก เพียงแต่ไอ้คนที่มาพูดหน้าทีวีมันบอกอย่างนั้น
หรืออย่าง เกาหลีเหนือ ดูมันล้าหลังอย่างนั้นมันก็มีคนแอบดูหนังเมืองนอก อ่านหนังสือเมืองนอก
Paganism > Monotheism
>>393 แต่เมื่อก่อนมันมีส่วนช่วยจริง ศาสนาอิสลามกำหนดไว้เลยว่าทุกคน (อย่างน้อยก็ผู้ชาย) ควรอ่านอัลกุรอ่านได้ เรื่องนี้ทำให้อัตราการรู้หนังสือสูงขึ้นมากในสังคมอิสลาม จนเป็นสังคมก่อนสมัยใหม่ที่มีอัตรารู้หนังสือมากที่สุด และอัตรารู้หนังสือก็ส่งผลดีหลายอย่างต่อสังคม
อีกอย่าง ศาสนาในสมัยนั้นก็ไม่ได้ปิดกันวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์หลายคนในสมัยนั้นก็เคร่งศาสนาอย่างมาก และเชื่อว่าวิทยาศาสตร์คือการอธิบายความงามของจักรวาลที่พระเจ้าสร้าง วิทยาศาสตร์จึงล้ำหน้าในสมัยนั้น
อย่าเสียเวลาตามหา Programmer ที่เขียนภาษา X มาแล้ว Y ปี เราจะหาไม่เจอและจะบ่นว่าอย่าใช้เลยภาษา X หาคนยาก ผมว่าปัญหานี้จะเกิดจากคนที่ไม่เคยเขียนโปรแกรมนะ
ส่วนตัวคิดว่าให้ตามหา Programmer ที่มีความอยากที่จะเรียนรู้ ผมเชื่อว่าให้เวลาเขา 1 เดือนเขาจะเขียนภาษา X ได้ดี เพราะจริงๆแล้ว Programmer ไม่ควรระบุว่าเป็น Programmer ภาษาอะไร
ถ้าเรารอจนกระทั่งเราหา Programmer ที่เขียนภาษา X ไม่ได้ แสดงว่าปัญหามันลึกกว่าการหาคนแล้วหล่ะ ไปหาต้นตอของปัญหาดีๆ
อีกอย่างถ้าเราเจอ Programmer ที่บอกว่าเป็น Programmer ภาษา X เขียนอย่างอื่นไม่เป็น งองแง ให้เรียกเขามาใกล้ๆ แล้ว "ดีดหูสักที แล้วกระซิบว่า ตื่นเหอะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงกับพ่อที่ธนาคาร เพียงเพราะแกต้องการมาโอนเงิน ผมทนไม่ไหวแล้ว เลยถามออกไปว่า
"พ่อ...ทำไมเราไม่ทำธุรกรรมผ่าน e-banking ล่ะครับ?"
พ่อตอบ "ทำไมถึงต้องทำยังงั้นล่ะ"
ผมตอบไปว่า เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมง เพียงเพื่อการโอนเงิน
พ่อยังสามารถซื้อของออนไลน์ได้ด้วย....ทุกอย่างมันจะง่ายไปหมด
ผมกระตือรือร้นที่จะโน้มน้าวให้พ่อเข้าสู่โลกของ e-banking
พ่อกลับถามว่า "งั้นพ่อก็ไม่ต้องก้าวเท้าออกจากตัวบ้านเลยสิ?"
ใช่ๆ...ผมบอกพ่อว่าเดี๋ยวนี้ของใช้ต่างๆ อาทิ ของชำยังส่งมาถึงประตูบ้านได้แล้วเลย อเมซอนจัดส่งทุกอย่างเลย
แต่คำตอบของพ่อทำเอาผมอึ้งไปเลย (ทำเอาลิ้นผมแข็งไปเลย)
พ่อพูดว่า "ตั้งแต่พ่อย่างเข้ามาในธนาคารวันนี้ พ่อได้พบเพื่อนตั้ง 4 คน...ได้พูดคุยกับพนักงานธนาคารซึ่งคุ้นเคยกับพ่อเป็นอย่างดี"
"ลูกก็รู้ว่าพ่ออยู่คนเดียว นี่เป็นการมีสัมพันธ์กับผู้คนที่พ่อต้องการ พ่อชอบที่จะทำตัวเองให้พร้อมมาที่ธนาคาร จะได้มีเวลามากพอ...มันเป็นการสัมพันธ์กันทางกายสัมผัสที่พ่อสรรค์สร้างขึ้นมา"
"เมื่อ 2 ปีก่อนที่พ่อล้มป่วย...พ่อค้าผลไม้ที่พ่อซื้อเค้าประจำมาเยี่ยม และนั่งข้างๆเตียง แล้วก็ร้องไห้"
"ตอนแม่แกหกล้มเมื่อ 2-3 วันก่อน ในขณะที่ออกไปเดินเล่นตอนเช้า พ่อค้าร้านขายของชำเจอเข้า เลยรีบพาแม่แกขึ้นรถมาส่งที่บ้าน เพราะเค้ารู้ว่าพ่อพักอยู่ที่ไหน"
"พ่อจะมีสัมพันธ์กับผู้คนทางกายสัมผัสแบบนี้มั้ย ถ้าทุกอย่างเป็นออนไลน์ไปหมด"
"ทำไมพ่อถึงต้องให้ของทุกอย่างจัดส่งมาให้ และยังบังคับให้พูดคุยกับเจ้าคอมพิวเตอร์เท่านั้น"
"พ่อชอบที่จะรู้จักผู้คนที่พ่อติดต่อด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ในฐานะเซลล์แมน....แต่มันได้ก่อเกิดความผูกพันและสัมพันธภาพ"
"เจ้าอเมซอนที่ลูกว่า มันสามารถจัดส่ง 2 สิ่งนี้ได้ด้วยมั้ย?... ความผูกพัน กับ สัมพันธภาพ น่ะ"
เทคโนโลยีไม่ใช่ชีวิต ใช้เวลากับผู้คนบ้างนะครับ...อย่าให้โทรศัพท์มือถือใช้เวลาของเราทั้งหมด
จริงอยู่.. คุณอาจจะอ่านบทความนี้จากมือถือ แต่คุณตระหนักแล้วนะว่า มันไม่อาจให้ชีวิตชีวา และรสสัมผัสได้ หันไปหาคนใกล้ตัวคุณตอนนี้เลยครับ
>>397 อีลูกนี่อ่อนต่อโลกไปหน่อยนะ e-banking ถ้าใช้ๆไปวันดีคืนดีโดนแฮกเงินไปหรือธนาคารเอาเงินไปซะเองมันจะมาสนใจมั้ยหล่ะ ความปลอดภัยของเรื่องเงินนี่ถ้าใช้เพื่อจัับจ่ายใช้สอยเบาๆ ซื้ออะไรที่ไม่หนักมาก ไม่ต้องใช้ความไว้ใจสูงมันพอใช้ๆกันได้อยู่ มันก็พยายามชักชวนให้รู้ว่าเครื่องจักรแม่งไม่ทำให้เราพอใจได้ทุกสรรพสิ่งหรอก แต่บทพ่อนี่เสือกโลกลาเวนเดอร์ดราม่ามาเต็มเป็นกูกูก็เอียน
เวลาพนักงานแบ้งค์(โดนสั่ง) มาบอกให้กูลงแอพ e-banking อะไรพวกเนี้ย
พวกนั้นจะรุ้กันไหมว่า
เขาจะลดสาขาแบ้งค์ ประมาณหาเริ่องตกงานทางอ้อม
เมื่อวานคุยเรื่อง AI Face recognition ที่ใช้จำหน้าคน แล้วพูดถึงระบบกล้องตรวจจับหน้าของจีน ซึ่งใช้แยกคนไปจนถึงระบบ social credit
เพื่อนก็พูดว่า จีนมันพัฒนายังไง เห็น iPhone X ยังถูกหน้าคนจีนหลอกเอาได้
ไปค้นต่อ เลยเจอว่า
1. พวก AI ตรวจหน้าที่พัฒนาโดยฝรั่ง จะมี Bias การตรวจจับหน้าคนเชื้อชาติอื่น เพราะความละเอียดและฐานข้อมูลวิเคราะห์ไม่พอ
2. จีนมีศาสตร์โหงวเฮ้งมาสองพันปี เรื่องดูหน้าดูตา ปาก จมูก นี่ เอามาประยุกต์ใช้ได้เลย พวก AI ของอาลีบาบาหรือเทนเซนต์นี่ใช้โหงวเฮ้งประกอบด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เจอพวกนักกีฬาซูเปอร์สตาร์คนดำเข้าไป กูแทบอยากเผาตำราทิ้ง โหงวเฮ้งมันไม่น่ารวยสักคน
ซินแสคนหนึ่งเคยบอก
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
Cats don't become fish if they are born in an aquarium or if they "self identify" as fish.
FACTS are what make people who they are, not feelings or place of birth.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>403 "จีนจะเป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยมที่ประสบความสำเร็จชาติแรกของโลก"
ปกติเผด็จการที่ (พอ) อยู่ได้คือเผด็จการอำนาจนิยม คือห้ามประชาชนยุ่งกับการเมือง นอกนั้นอยากทำอะไรก็ทำไปผู้มีอำนาจจะไม่ไปวุ่นวายด้วย ต่างจากเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยมที่รัฐจะยุ่งกับพฤติกรรมประชาชนทุกเรื่อง การกิน อยู่ เรียน ทำงาน เลือกคู่สมรส ฯลฯ แต่ระบบหลังนี้ประชาชนจะรำคาญ สุดท้ายนำไปสู่การโค่นอำนาจผู้ปกครอง
ทว่าจีนอาจทำระบบเผด็จการเบ็ดเสร็จนิยมสำเร็จเป็นแห่งแรกของโลก เพราะ 1.จีนคุมโลกออนไลน์ไว้อยู่หมัด เป็นประเทศเดียวที่มี Single Gateway แล้วเน็ตไม่ล่ม รัฐบาลจีนจึงคัดกรองข้อมูลข่าวสารที่อยากหรือไม่อยากให้ประชาชนรู้ได้เกือบ 100% กับ 2.ระบบ Social Credit ทุกคนจะมีคะแนนความประพฤติ ใครคะแนนต่ำการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ในฐานะพลเมืองก็จะถูกตัดถูกลด โดยนอกจากระบบกล้องตรวจจับใบหน้าบวกสแกนฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์แล้ว ยังให้แต่ละคนโหวตให้กันและกันอีกต่างหาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมมักจะพูดว่าคนญี่ปุ่นนั้นอัพเกรดความคิดและการกระทำไปอีกระดับ และเป็นแบบนี้มานานแล้ว
คนขับรถเมล์ที่เมืองโอคายามาประท้วงโดยไม่ใช่วิธีหยุดงานเหมือนกับที่อื่น แต่ใช้วิธีเอาผ้าขาวมาคลุมเครื่องเก็บเงินแล้วขับรถให้ผู้โดยสารนั่งฟรี โดยให้เหตุผลว่าการประท้วงด้วยการหยุดงานนั้นจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่การไม่เก็บค่าโดยสารนั้นกระทบเพียงผู้บริหารและบริษัท แต่ไม่เดือดร้อนต่อประชาชน
นี่ไงที่ผมบอกว่าคนญี่ปุ่นนั้นอัพเกรดความคิดและการกระทำไปอีกระดับ ไม่เหมือนกับฝรั่งเศสประท้วงที่ไรก็เผารถยนต์ที่จอดข้างถนนไปตลอดทาง เมื่อวันที่ 1 ที่ผ่านมาก็เผารถยนต์ไปทั้งถนนที่ขบวนผู้ใช้แรงงานเดินผ่านในวันแรงงาน ในยุโรปผมเคยรอเครื่องบินไปสองวันเพราะเจ้าหน้าที่หอควบคุมการบินประท้วง จะเปลี่ยนไปบินสายไหนก็ไม่รอดเพราะสนามบินปิดทั้งประเทศ ที่ลอนดอนผมเคยเดินกลับบ้านสิบกว่ากิโลเมตรเพราะรถไฟประท้วงทั้งเมืองไล่ผู้โดยสารลงสถานีกลางทาง ฯลฯ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กับญี่ปุ่นหรือเกิดกับญี่ปุ่น
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเพราะมีบริษัท เมกูริน ที่เป็นบริษัทรถคู่แข่งได้มาเดินรถทับเส้นทางของบริษัทเรียวบิ ที่เดินรถมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว โดยใช่รถดีกว่า ค่าโดยสารถูกกว่า ซึ่งผู้บริหารของบริษัทเรียวบิ ไร้น้ำยาที่จะทำธุรกิจต่ิสู้กับคู่แข่งที่มาใหม่ คนขับรถเมล์ก็รู้สึกกว่าตัวเองขาดความมั่นคงในงานของตัวเองที่ทำอยู่เพราะความไร้น้ำยาของผู้บริหารที่ไม่ต่อสู้ในเรื่องนี้ ดังนั้นเพื่อบีบไข่สร้างแรงกดดันให้ผู้บริหารออกไปสู้กับปัญหาที่คู่แข่งมาวิ่งทับเส้นทาง พนักงานขับรถทั้งหมดจึงขับรถแบบไม่เก็บเงินค่าโดยสาร เพื่อให้ผู้บริหารเดือดร้อนแต่ประชาชนไม่มีผลกระทบ
มีคนวิจารณ์ว่าการประท้วงแบบนี้อาจจะไม่ถึงผู้บริหารสภาเมืองและบริษัทใหญ่ของตัวเอง เพราะบริษัทเรียวบินั้นธุรกิจใหญ่โตมาก บริษัทเดินรถเมล์ของเมืองนั้นถือว่าเป็นเศษเสี้ยวของธุรกิจทั้งหมดก็ว่าได้ โดยให้เหตุผลว่าเรื่องการประท้วงที่พนักงานทำในครั้งนี้ไม่รุนแรงพอ แต่คนวิจารณ์กลุ่มนี้กลับคิดผิด เพราะว่าข่าวนี้ออกไปทั่วโลกคนจากทั่วโลกต่างชื่นชมถึงการตัดสินใจประท้วงแบบไม่กระทบต่อประชาชนแบบนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถึงจะดียังไง ส่วนตัวขอแบนครับ ยี่ห้อนี้ คุณกลั่นทุกวัน มีแผนขยายโรงบ่ม โรงบ่มคุณมีเหล้ามหาศาล แต่คุณหยุดผลิต เพราะ คุณขายของที่คุณภาพต่ำกว่าก็ยังได้ราคาดีกำไรดี , คุณสามารถเก็งกำไรจากของที่คุณหยุดผลิตได้ ทั้งที่คุณยังสามารถผลิตต่อ
ความเดิมนั้น วิสกี้เกรด Premium ของ Suntory มีอยู่ 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Hibiki ที่เป็น Blended Japanese Whisky และ อีกยี่ห้อ 2 คือ Yamazaki กับ Hakushu ที่เป็น Malt Whisky
แต่ไม่ใช่ ว่า ขึ้นชื่อ Hibiki หนึ่ง Yamazaki หนึ่ง Hakushu หนึ่ง แล้วจะเป็นวิสกี้ญี่ปุ่นที่เลิศรส ... เสมอไป ... ไม่ใช่เลย
ค่อยๆ อ่านนะครับ สหายที่หลงกับเหล้าญี่ปุ่นอยู่
3-4 ปีให้หลังมานี้ Suntory 3 ยี่ห้อนี้อยู่ในภาวะขาดตลาด เนื่องจาก วิสกี้ที่ทำไว้แต่ก่อน ทำไว้โคตรดี ดีมากๆ ผนวกกับกระแสการดื่ม Single Malt ที่เติบโตขึ้น และเมื่อญี่ปุ่นเปิดประเทศรับการท่องเที่ยวมากขึ้น ทำให้วิสกี้เหล่านั้นกลายเป็นที่ต้องการจนขาดตลาด
เมื่อขาดตลาด แม้จะขยับราคาขึ้นไป 2-3 เท่าจากเดิม แทนที่ความต้องการในตลาด (Demand) จะลดลง กลับยิ่งเพิ่มกระแสขึ้นไปอีก ทั้งนักดื่มมอลต์หน้าใหม่ ทั้งนักตุนสาย TV ด้วยเหตุนี้ก็ยิ่งขาดตลาดหนักเลย
Suntory เลยหันมาทำวิสกี้ที่ฝรั่งเรียกว่า No Age Statement คือ ไม่แสดงอายุบ่มที่ฉลาก คือ “อาโน่ กูบ่มไม่ทันแระ 12 ปี 18 ปี กูออกรุ่นใหม่ บ่มแม่ง 3 ปีพอ 4 ปีพอ แล้วกัน” แล้วมาปรุงผสมกับเหล้าที่อายุบ่มแก่กว่า พอได้วิสกี้ที่สัดส่วนต้นทุนกำไรที่ต้องต้องการ รสไม่ได้แย่มากมาย พอขายได้ แต่แฮงค์ชิบหาย ก็เอาออกมาขายแม่ง โดยใช้กระแส นิยมจากของเหล้ารุ่นเก่าๆ
ลองคิดดูว่า เหล้าบ่ม 12 - 17 ปี “โสหุ้ย” ต้นทุนการผลิตและจัดการ เท่าไร? ลดไป 2-3 ปี ก็กำไรบานแล่ว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถ้าลดปีบ่มแม่งเยอะๆ หล่ะ ... รวย! รวย! รวย! อะดิ โซเดสสุเน่!!!
ถ้าเพื่อนๆ จะหาวิสกี้ญี่ปุ่น 3 ยี่ห้อนี้ ผมแนะนำให้หา อะไรก็ได้ที่ระบุปีบ่มในฉลาก
- Hibiki 12 ปี
- Hibiki 17 ปี
- Hibiki 21 ปี
- Yamazaki 12 ปี
- Yamazaki 18 ปี
- Hakushu 12 ปี
ถ้าหาไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องไปกินหรอก!!!สกอต ดีๆ ยังมีอีกเยอะ ในราคาที่จับต้องได้
แต่ ไม่ใช่ ไม่ใช่ และ ไม่ใช่
- Hakushu (ไม่ระบุปี)
- Yamazaki (ไม่ระบุปี)
- Hibiki Japanese Harmony
ที่มาขายแพงๆ .... ไม่ใช่เลย
ไรว่ะ ซื้อในไทย 2 ขวดหมื่น ซื้อคันไซขวดละพันกว่า ยังเสียดายตังหว่ะ ... นี่เตรียมจะหยุดผลิตอีก ไอ้ญี่ปุ่นขี้หลอกเอ้ย!!! olo
กลับมาที่ สก๊อต แอดฯ ถามว่าคุณดื่มครบ Regions หรือยัง? ยี่ห้อโปรดของคุณยี่ห้ออะไร แล้วคุณลอง Vertical Test หรือยัง? Independent Bottlers รู้จักไหม? สก๊อตมีขวดดีๆ พอให้ค้นหาอีกมากมาย ครับ
เรื่องเหล้าไว้ใจเฮียนะ ... ไปแระ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ว่าแต่ค่าน้ำมันใครจ่าย
เช้านี้รถติดมากเพราะผู้ปกครองมายืนเฝ้าลูกหน้า รร ไม่ยอมกลับบ้านเต็มเลย 55555
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>428 https://www.quora.com/Why-do-the-Japanese-call-themselves-Asians-while-Japan-is-an-island-just-like-Australia/answer/Nell-Zhang
Still I’ve never heard any Chinese folks introduce themselves as ‘an Asian’. In fact I’ve never heard any ‘Asians’ who were born and live in Asia call themselves ‘Asians’.
I feel it perfectly understandable. After all, when’s the last time you actually heard a ‘westerner’ call him/herself ‘a westerner’? They are Brits, Americans, Aussies. Or, more likely, Tim, Emily and Steve.
>>429 คนละประเด็นกัน ละมึงตัดมาแค่ส่วนหนึ่ง ลงอ่านพารากราฟบนสุดดูก็พอ
No no no.
The Japanese don’t call themselves Asians. They even don’t really consider Japan as an ‘Asian country’, despite of the general geographic definition, which confused my Chinese coworkers a lot.
มึงต้องแยกระหว่าง call themselves กับ consider themselves ให้ออกนะ
>>430 https://www.quora.com/Why-do-the-Japanese-call-themselves-Asians-while-Japan-is-an-island-just-like-Australia/answer/Youji-Hajime
อันนี้น่าจะเคลียร์สุดแล้วหละ
We call ourselves Toyo-jin ( 東洋人), the closest translation being Orientals. It matches geographical area and cultural identity.
Asia is a Western concept imported to Japan, which is based on bizzare Eurocentric idea that Europe is a continent. Even Westerners don't seem to have clear idea what Asian means so Japanese can't possibly answer.
จริงๆคนญี่ปุ่นก็คือ คนแผ่นดินใหญ่ ข้ามไปนั่นแหละ จะเรียกเอเซี่ยน ก็ถือว่าไม่ผิดนะ คนอังกฤษเราก็เรียกยังว่าคนยุโรปก็ได้
แต่จริงๆการใช้คำว่า Asian มันมาจากฝรั่งมากกว่า คือเห็นหน้าแบบนี้ก็เรียกรวมๆไปเลยว่า Asian
แบ่งตามรูปลักษณ์ มากกว่าภูมิศาสตร์
เมกา Asian รวมหมดเลย
อังกฤษหมายถึงแขก ถ้าพวก chink ต้องเป็น East Asian
>>436
อย่าเอาแบบโมเดิร์นมาดิ เราหมายถึงลักษณะ รูปลักษณ์ วัฒนธรรม กันไม่ใช่เหรอ ถ้าเห็นผ่านๆ เราก็เรียกคนๆนี้ว่า White guy ไม่ก็ European เพราะเค้าใบหน้าแบบยุโรป
อังกฤษ ก็คือ คนเยอรมันนิค ที่ข้ามไปเกาะ ตอนโรมันออกจากเกาะบริเตน
คนCelt ก็คือ คนแผ่นดินใหญ่ข้ามไปตั้งแต่ยุคโบราณ
ตัวอักษรที่ใช้ก็ของโรมัน การที่มองว่าตัวเองไม่ใช่ European ก็ดูตลกอยู่นะ
อิรานก็ไม่เรียกตัวเองว่าอาหรับเพราะถือว่าพื้นเพของตัวเองคืออาณาจักรเปอร์เซีย และในอดีตเปอร์เซียก็รบกับอาหรับบ่อยจนเห็นอาหรับเป็นศัตรู
การแบ่งแยกยุโรป/เอเชียเป็นคนละทวีปมันมาตั้งแต่ยุคกรีกแล้วนะ ซึ่งกูว่ามันเป็นเพราะความเข้าใจเรื่องทางภูมิศาสตร์ยุคนั้นยังไม่ดีมากกว่าประเด็น racist
ดูข่าวสายการบินเสฉวนเกิดอุบัติเหตุกลางอากาศ กระจกห้องนักบินหลุดกระเด็นที่ระดับความสูง 32,000 ฟุต ผู้ช่วยนักบินถูกดูดออกไปครึ่งตัว กัปตันต้องขับเครื่องบินต่อไปอีก 20 นาที กลางอากาศหนาว -40c แต่ท้ายที่สุดก็นำเครื่องลงจอดที่สนามบินเฉิงตูอย่างปลอดภัย
รู้สึกชื่นชมนักบินกับลูกเรือ และดีใจกับผู้โดยสารทุกคน
เฉิงตู คือ แหล่งผลิตเครื่องบินรบไฮเทคทั้งหลายของจีน รวมทั้ง J-10, J-20 ที่โด่งดัง และยังเป็นฐานทัพอากาศที่ใหญ่ที่สุดของจีนอีกด้วย ดังนั้น นักบินสายการบินเสฉวนก็มักมาจากกองทัพอากาศจีน
ขณะเดียวกัน ก็นึกถึงอดีตเมื่อหลายปีก่อน
ครั้งหนึ่ง ผมนั่งเครื่องบินจากปักกิ่งไปเฉิงตูโดยสายการบินเสฉวน
ซื้อตั๋ว First Class นั่งอยู่คนเดียว รู้สึกเท่สุด ๆ และดีใจที่ไม่มีใครอื่นมาร่วมแบ่งความเท่ ถัดออกไปหลังผ้าม่านก็เป็นชั้น Business Class และ Economy Class เหมือนสายการบินทั่วไป
ขณะที่เครื่องกำลังจะ take off เราก็กำลังเต๊ะท่าสบาย ๆ อยู่ดี ๆ กัปตันก็ประกาศว่า เที่ยวบินต้องเลื่อนเวลาเล็กน้อยกระทันหันเพราะต้องรอผู้โดยสารเพิ่มเติม เราก็คิดในใจว่า ใครหนอ ช่างไม่รู้เวลา เครื่องจะออกอยู่แล้วก็ต้องมานั่งรอ
สักพัก กลุ่มคนในชุดจงชาน (ชุดยอดนิยมของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์) ก็ขึ้นมา 7-8 คน พร้อมทหารจีนในเครื่องแบบตามขึ้นมาส่งถึงที่นั่งกันพึบพับ
แอร์โฮสเตสก็มาบอกเราว่า
"คุณนั่งผิดที่นั่ง คุณต้องไปนั่งด้านหลัง"
"อ้าว เป็นไปได้ยังไง คุณดู boading pass สิ ก็เขียนเลขที่นั่งไว้ชัด ๆ ผมก็นั่งถูกต้อง และมันก็เขียนไว้ว่า First Class อีกด้วย"
"แต่ที่นี่ไม่ใช่ First Class และหมายเลขที่นั่งก็คงพิมพ์ผิด"
ผมงงเป็นไก่ตาแตก มีงี้ด้วย ก็นี่ตรงหัวสุดของเครื่องบิน ที่นั่งก็แทบจะเป็นเตียงนอน มีคอกกั้นส่วนตัว ยังไม่ใช่ First Class อีก แล้วยังพิมพ์หมายเลขที่นั่งบนตั๋วผิดด้วยเนี่ยนะ
"ถ้าที่นี่ไม่ใช่ First Class แล้วมัน class อะไร"
"Super First Class"
"ตอนซื้อตั๋วไม่เห็นมีเลย มีแต่ First Class"
"เราเพิ่งประกาศใหม่เดี๋ยวนี้ล่ะ"
แอร์โอสเตสตอบพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ขอร้อง ได้โปรดเถิด
โห มีงี้ด้วย อยู่ดี ๆ downgrade ที่นั่ง เปลี่ยน class ทั้งลำ ขณะเครื่องกำลังจะ take off
แต่ผมก็ไม่ดื้อนะ ยอมเดินตามแอร์โฮสเตส ย้ายไปนั่งด้านหลังบนเก้าอี้ว่าง ๆ โดยดี แจกยิ้มให้ผู้โดยสารกลุ่มใหญ่ที่กำลังมองผมเป็นตาเดียว ทำนองอยากจะบอกว่า "ผมเปล่านะ ผมไม่ได้เฟอะฟะนั่งผิด class"
กัดฟันไว้ ในใจก็คิดทบทวนว่า ใครหนอเคยพูดว่า สังคมนิยมคนเท่ากัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ชาวนาคืออาชีพเผด็จการ
ลองถามควายสิครับ ว่าควายอยากไถ่นาไหม รู้ทั้งรู้ว่ามันถูกบังคับกดขี่ไงล่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"Data Scientist คือ Programmer ไม่ว่าจะพยายามยังไงพวกคุณก็คือ Programmer อย่าละเลย Practices เพราะเราใช้ Practices เดียวกัน" ... William Kennedy กล่าว อีกหนึ่งใน Key Take Away จาก Ultimate Go Workshop
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A large group of Russian soldiers in the border area in 1939 are moving down a road when they hear a voice call from behind a small hill: "One Finnish soldier is better than ten Russian".
The Russian commander quickly orders 10 of his best men over the hill where Upon a gun-battle breaks out and continues for a few minutes, then silence.
The voice once again calls out: "One Finn is better than one hundred Russian."
Furious, the Russian commander sends his next best 100 troops over the hill and instantly a huge gun fight commences.
After 10 minutes of battle, again Silence.
The calm Finnish voice calls out again:
"One Finn is better than one thousand Russians"
The enraged Russian commander musters 1000 fighters and sends them to the other side of the hill. Rifle fire, machine guns, grenades,rockets and cannon fire ring out as a terrible battle is fought.... Then Silence.
Eventually one badly wounded Russian fighter crawls back over the hill and with his dying words tells his commander, "Don't send any more men......it's a trap. There's two of them."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แอบบ มอองเทออยู่น้าจ๊าาาา. แต่เทอม่ายรู้บั้างเลยยย
แอบโส่งจายห้ายนี้ดนี้ด แต่โดเธอช่างเฉยเมยยย
อาวละเตรียมจายว้ายหน่อยมานจาหัวก้อยต้องเสี่ยงกานนนน
เย้้้้อีเย้้้้้อีเยยยยยยย
#มิตรสหายแถวๆลาดพร้าวท่านนึง
บางครั้งพี่โจวว่า สื่อหรือปัญญาชน (ที่จัดวางตนเองว่าเป็นความก้าวหน้าหรือเป็นความสมัยใหม่) ก็พยายามมาป้อนคำให้ผู้หญิงที่ "แต่งตัวโป๊ดูฉลาด" หาถ้อยคำวิชาการมารองรับว่านี่คือ "สิ่งฉลาดและคนอื่นล่วงละเมิดไม่ได้นะ"
.
อันนี้พี่โจวว่าผู้หญิงแต่งตัวโป๊อาจจะดู "บลอนด์ๆ โง่ๆ" ก็ได้ หรืออาจจะดู "บลอนด์ๆ ฉลาด" ก็ได้ หรืออาจจะดู "นุ่งน้อยห่มน้อยเฉยๆ ไม่ต้องมีความโง่ความฉลาดรองรับ" ก็ได้ แต่กระนั้นคนที่จะไปล่วงละเมิดพวกเธอ พวกคุณก็ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายทางกฎเกณฑ์ทางสังคมที่จะลงโทษคนหื่นแบบพวกคุณนะ
.
โป๊ไม่โป๊สวยไม่สวยโง่ไม่โง่หรือโป๊เฉยๆ ไม่มีอัลไลรองรับ ก็ปล่อยมันเป็นไปตามบุญตามกรรม อย่าประณามหรือยกยอปอปั้นกันให้มันโอเวอร์เกินจริงเลย มองมันเป็นความเฉย ๆ เถอะอ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"พวกฝรั่งมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืนอย่างร้ายกาจ พวกเขามาถึงแผ่นดินของเราแล้ว คนพวกนี้ไม่เหมือนกับพวกอนารยชนอื่นๆที่เราเคยพบพาน หากคิดจะรักษาแผ่นดินของเราเอาไว้ให้รอดพ้นจากการรุกรานของพวกเขา เกรงว่าจะใช้วิธีการแบบที่เคยเป็นมามิได้แล้ว ครั้นจะอาศัยพวกขุนนางบัณฑิตหัวเก่าที่ร่ำเรียนแต่คัมภีร์ปราชญ์โบราณกันมากระนั้นหรือ พวกเขาเองก็ยังไม่สามารถคิดหาวิธีการหยุดยั้งเรือกลไฟของพวกฝรั่งได้ด้วยซ้ำ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สังคมสามจังหวัดกำลังใกล้จะล่มสลายทางอัตลักษณ์ศาสนา : ว่าด้วยเรื่องฮิญาบ
ในฐานะที่ผมเป็นคนที่เติบโตมาในสามจังหวัดและมีโอกาสเดินทางไปหลายพื้นที่ของประเทศไทยเพื่อสอนศาสนา
ผมค่อนข้างมีความเห็นว่า สามจังหวัดเป็นที่เดียวที่เรื่องฮิญาบกลายเป็น สัญญะของความเป็นมุสลิมที่ใช้เป็นเกณฑ์แบ่งแยกว่าใครคือมุสลิมและต่างศาสนิก
สักสิบกว่าปีก่อนหรือยี่สิบปีก่อน พื้นที่ในเขตชนบทนอกเมือง "ในหลายพื้นที่" แทบไม่มีคนพุทธปรากฏอยู่เลย บางตำบลนี่มุสลิมเกือบจะ 100% หรือถ้ามีก็แค่ครัวเรือนไม่กี่หลัง (่ส่วนใหญ่ชาวพุทธจะมีเยอะในตัวเมืองหรือในบางเขตของย่านชนบทเป็นเขต ๆ ไป)
ความเป็นสัญญะของการเป็นมุสลิมในฮิญาบตามพื้นที่ชนบทนั้นจึงมีสูงมาก
ชนิดที่ว่าหากเห็นสตรีไม่ใส่ฮิญาบเดินอยู่แถวนอกเมือง คุณจะรู้สึกแปลกตาและแทบจะคิดไปเลยว่าสตรีคนนั้นเป็นต่างศาสนิก
นั่นหมายความว่า ในพื้นที่สามจังหวัดฮิญาบแทบจะเป็นมาตรการในสังคมซึ่งสตรีจำนวนมากเลยไม่กล้าฝ่าฝืนหลักปฏิบัตินี้ แม้ในทางความจริงก็มีการสวมใส่ฮิญาบผิดรูปแบบศาสนาให้เห็นอยู่ตลอด
นักวิจัยเรื่องกฎหมายอิสลามในอาเจะห์จากมหาวิทยาลัยออสเตรเลียท่านหนึ่งเคยบอกผมว่า ขนาดว่าอาเจะของอินโดนีเซียประกาศใช้กฎหมายอิสลามแล้ว ทว่าความเคร่งครัดของคนในหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องฮิญาบกลับเบากว่าคนสามจังหวัดภาคใต้
ความจริงแล้ว ตัวตนและสถานะของฮิญาบในสามจังหวัดกำลังค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่ออกจากหลักการศาสนามากขึ้น
ในเขตตัวเมืองของปัตตานีและยะลา ผมพบว่าแนวโน้มของการ "เฉย ๆ" กับการไม่ใส่ฮิญาบเริ่มมีมากขึ้น สตรีจำนวนมากเริ่มกล้าถอดฮิญาบใส่ขาสั้นไปวิ่งออกกำลังกายตามสวนสาธารณะและดินเนอร์ตามร้านค้า
ขณะที่ในด้านหนึ่งก็มีคนอีกกลุ่มที่แปลงฮิญาบเป็นแฟชั่น ถึงขนาดมีเดินประกวดโชว์อะไรสารพัด
ผมมองว่า อีกสิบปีข้างหน้า การทิ้งฮิญาบในเขตตัวเมืองอาจจะเพิ่มมากกว่านี้หากไม่มีกระบวนการอะไรเลย และเมื่อนั้นการชาชินกับการไม่สวมฮิญาบก็จะขยายตัวออกไปตามชนบทจนน่าจะไม่เกินคนรุ่นเดียว สามจังหวัดคงจะล่มสลายทางอัตลักษณ์อิสลามและเป็นเหมือนสังคมภาคส่วนอื่น ๆ ของประเทศที่การไม่ใส่ฮิญาบเป็นเรื่องปกติที่เห็นกันถมเถ หรืออาจจะมาถึงวันที่เราสามารถเห็นสตรีไม่ใส่ฮิญาบเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้ามัสยิดแบบที่เห็นกันได้ตาม กทม.
ที่ผมเป็นห่วงที่สุด คือ คนมลายูมุสลิมในพื้นที่ที่ไปรับการศึกษาในโลกยุคใหม่และขนเอาเรื่อง แนวคิดสิทธิเสรีภาพและอิสระในการไม่ใส่ฮิญาบมาเสนอในท้องที่มากขึ้น ๆ กระแสหนึ่งที่ผมเห็นว่ามาควบคู่กับเรื่องรักร่วมเพศคือ การเรียกร้องให้สังคมสามจังหวัดลดกติกาทางสังคมที่กดดันสตรีเรื่องฮิญาบ คนพวกนี้พยายามรณรงค์ให้สตรีมีสิทธิจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ไม่ต้องการให้ฮิญาบเป็นระเบียบทางสังคมด้วยสโลแกนสวยหรูว่า "สตรีมีสิทธิเหนือร่างกายนาง" เป็นต้น
(มีต่อ)
เอาเถอะผมเกริ่นมาเยอะแล้ว ผมมีเรื่องจะถาม
คำถาม : ทำไมถึงมองว่าการบังคับสตรีให้ใส่ฮิญาบจึงเป็นการกดขี่ ?
ถ้าตอบว่า มันเป็นการกดขี่เพราะสตรีไม่สามารถใส่อะไรตามที่นางต้องการได้ พวกนางถูกตัดสิทธิ์ในการเลือกเหนือร่างกายของพวกนาง
คำถาม : มีประเทศใดในโลกบ้างที่อนุญาตให้สตรีสวมใส่แบบไหนก็ได้ตามที่พวกนางต้องการแบบไม่มีข้อจำกัดเลย ?
ถ้าตอบว่า มีสิ ประเทศตะวันตกไง
คำถาม : ในประเทศตะวันตกนั้น สตรีสามารถเดินออกนอกบ้านหรือปรากฏในที่สาธารณะด้วยการแก้ผ้าล่อนจ้อนเปิดอวัยวะพึงสงวนได้ไหม ?
ถ้าตอบว่าไม่ อันนี้มันเกินไป
คำถาม : การที่เราบังคับสตรีไม่ให้พวกนางมีสิทธิแก้ผ้าล่อนจ้อนในที่สาธารณะ แบบนี้ถือเป็นการกดขี่สตรีไหม ตามนิยามของคุณ กรณีนี้จะถือว่าประเทศเหล่านี้ตัดสิทธิในการเลือกของสตรีออกไปไหมในนิยามของคุณ ?
ถ้าตอบว่า ไม่เลย เพราะการแก้ผ้าชนิดที่เปิดเผยอวัยวะพึงสงวนนั้นมันไปขัดกับรากฐานของความมีอารยะและความดีงาม ซึ่งมันเป็นคนละกรณีกับการเปิดเผยเส้นผมของสตรีที่ไม่ใส่ฮิญาบ
คำถาม ใครมีสิทธิไปตัดสินว่า ส่วนนี้ของร่างกายสตรีถ้าเปิดเผยไปแล้วขัดกับรากฐานของความมีอารยะ (เช่น อวัยวะพึงสงวน) แต่่ถ้าเปิดเผยอีกส่วนหนึ่งของร่ายกายสตรี (เช่น ผมและหน้าอก) ถือว่าเป็นความทันสมัยและยอมรับได้อย่างสมบูรณ์แบบ ?
ถ้าตอบว่า โอ๊ย นั่นมันเป็นพื้นฐานที่ใครก็ยอมรับกัน
คำถาม ใครตัดสินว่านั่นเป็นพื้นฐานที่ยอมรับกัน ? อะไรคือฐานที่ทำให้สิ่งนั้นถูกยอมรับ ? ความคิดแบบนี้ไปเอารากฐานที่ไหนมาสร้างความชอบธรรม
ถ้าตอบว่า นี่คนทั้งโลกหรือมาตรฐานสากลเขานิยามกันแล้วว่า เปิดอวัยวะเพศนะมันอนาจาร แต่ถ้าเปิดผมนะมันไม่อนาจาร
คำถาม ตกลงเอาคนส่วนใหญ่ตัดสิน งั้นหากคนส่วนใหญ่ของโลกไม่ยอมรับเกย์ เกย์ก็ผิดใช่ไหม ? คุณรู้หรือไม่ว่า วัฒนธรรมทั่วโลกมีเป็นร้อยพันวัฒนธรรม นับจากอดีตถึงปัจจุบันพวกเขามีเกณฑ์การตัดสินว่าอะไรคือความโป๊เปลือยที่ผิดสามัญสำนึกแตกต่างกันไปคนละทิศละทางตามแต่ละวัฒนธรรม
คุณรู้หรือไม่ว่าในยุคก่อนโลกจะเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ ประชากรของโลกส่วนใหญ่ซึ่งนับถือศาสนายิว, คริสต์และอิสลามเห็นพ้องกันถึงการปกปิดเส้นผมว่าเป็นความสุภาพดีงาม นั่นแปลว่าในยุคนั้นสิ่งนั้นไม่ใช่การกดขี่ในนิยามของคุณใช่ไหม ?
ถ้าตอบว่า ไม่รู้แหละ นี่คุยกันของยุคนี้ ยุคที่ยุโรปเป็นชาติที่พัฒนาแล้ว
คำถาม : คุณใช้รากฐานหรือเหตุผลอะไรในการสนับสนุนว่ามาตรฐานความโป๊หรือเรียบร้อยตามแบบตะวันตกควรจะถูกกำหนดใช้เป็นมาตรฐานสากลทั่วโลก รวมถึงใช้กับสามจังหวัด ???
...................................................
สำหรับมุสลิมแล้ว อะไรคือมาตรฐานในการกำหนดว่าชายหรือหญิงมีสิทธิแค่ไหนที่จะเปิดเผยอวัยวะของตนเองในที่สาธารณะคือ พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่องค์กรสากลที่รวมตัวกันด้วยคนไม่เอาศาสนามากำหนดว่าอะไรได้หรือไม่ได้ อะไรกดขี่ไม่กดขี่
อำนาจของพระเจ้ายิ่งใหญ่ไม่มีใครทัดเทียมได้ หนึ่งในอำนาจของพระองค์คือ การบัญญัติกำหนดว่าอะไรดีชั่ว อะไรได้ไม่ได้ ไม่ใช่มนุษย์บัญญัติ
นี่คือรากเหง้าที่สำคัญซึ่งมุสลิมต้องคำนึงให้มาก เพราะมันคือเตาฮีดประการหนึ่งของมุสลิมที่จะต้องให้แก่พระเจ้า นั่นคือสิทธิในการกำหนดอะไรดีชั่ว
มองโลกด้วยเตาฮีด มองโลกให้เป็น จะเห็นว่าปัญหาสังคมสมัยใหม่ล้วนย้อนกลับไปที่เตาฮีดเกือบหมด!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พูดเหมือนลอจิกดี แต่จริงๆคือmoving the foal postไปเรื่อยๆ
บุดดา บอกว่าทำอะไรก็เอาแต่พอดีอย่าตึงเกิน
ประสบการณ์กูบอกว่าใครปรับตัวไม่เป็นแม่งอยู่ยาก
เจ้าชายแฮร์รีสมรสกับสามัญชนแค่นี้ก็มาออกข่าวโม้ ราชาวากันด้า.....ได้กับสายลับยังไม่โม้เลยโด่
If you assume racism everywhere the only one you are showing might be your own...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แยกกันให้ออกนะ ระหว่างความเป็นเพื่อน กับการทำงานด้วยกัน
ทำงานด้วยกันไม่ได้ ก็เป็นเพื่อนกันได้ และเป็นเพื่อนกัน ก็ไม่ได้แปลว่าทำงานด้วยกันได้
บางที โอกาสที่สองอย่างนี้มันจะมาด้วยกัน มันน้อยกว่าที่มันจะไม่มาด้วยกัน ด้วยซ้ำไป
บางคนเป็นเพื่อนกันได้เพราะงาน และการที่จะเป็นเพื่อนกันต่อไป ก็ต้องเลิกทำงานด้วยกัน เลิกยุ่งกันเรื่องงาน เพราะ ณ จุดหนึ่ง ถ้าแยกความเป็นเพื่อนกับการทำงานด้วยกันออกจากกันไม่ได้ ..... ความเป็นเพื่อนมันจะล้ำเส้นเรื่องการงาน จะให้คิดเรื่องงานจากฐานของความเป็นเพื่อน เอาความเป็นเพื่อนมาตัดสินความถูกต้องในเรื่องงาน
ไม่ใช่เรื่องแปลก จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำไป
แต่ถ้าคิดว่าการที่จะเลิกทำงานด้วยกัน แปลว่าต้องเลิกเป็นเพื่อนกันด้วย ก็ so be it นะ ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน และเจอแบบนี้มาเยอะมากพอในชีวิตเช่นกัน
ที่ประเทศแม่ แผ่นดินใหญ่ ไทยไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นมณฑลหนึ่ง
-มิดหายทั่นหนึ่ง
BORIS: How do I get my capitalist friend to believe communism isn't bad?
IVAN: Our capitalist friend
BORIS: Sorry, My bad
IVAN: Our bad
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ในขณะที่เด็กอีกหลายคนกำลังเล่นเกมส์ กินขนม หรือดูทีวี
#เป่าเปากำลังออกไปทำงาน
ประทังชีวิตของครอบครัว
หลายคนอาจคิดว่าเป็น #เวรกรรม หรือ #ชะตากรรม หรือ #คุณความดี ฯลฯ
.
เราอดไม่ได้ที่จะถามว่า #เหนื่อยไหม หรือ #ถูกบังคับไหม หรือ...???
.
*คำเตือน ระวังน้ำใสๆจะซึมจากตาเหมือนน้องนะคะ
.
#Big c
ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาที่เอื้อเฟื้อเป่าเปาและครอบครัว ตลอดจนทีมงานในการถ่ายทำสารคดีชีวิตเล็กๆ ที่น่ายกย่องของน้องเป่าเปา
#ความลำบากมันสอนเรา
.
#แชร์ได้เลยไม่ต้องขออนุญาติครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
I sexually Identify as an Attack Helicopter. Ever since I was a boy I dreamed of soaring over the oilfields dropping hot sticky loads on disgusting foreigners. People say to me that a person being a helicopter is Impossible and I'm fucking retarded but I don't care, I'm beautiful. I'm having a plastic surgeon install rotary blades, 30 mm cannons and AMG-114 Hellfire missiles on my body. From now on I want you guys to call me "Apache" and respect my right to kill from above and kill needlessly. If you can't accept me you're a heliphobe and need to check your vehicle privilege. Thank you for being so understanding.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Minorities play the race card. Women play the gender card. Homosexuals play the gay card.
What's left for straight white men?
The Trump card.
ตอนกูเล็กๆประมาณ 7 ขวบกำลังนั่งเล่นของเล่น จู่ๆมีคนวิ่งมากระซิบบอกว่ากูจะต้องไปเข้าพิธีสุนัตหรือการขลิบหนังปลายฆวย (Circumcision) ตอนนั้นกูตกใจ ร้องไห้ รีบวิ่งไปหาที่ซ่อนตัว สุดท้ายมีคนมาเจอกู แล้วมัดตัวกูไปที่คลินิกทำสุนัตที่มาประจำทุกปีแถวหมู่บ้าน
มึงคิดว่ากูจะยอมง่ายๆหรอ ด้วยกำลังของเด็กอายุ7 ขวบ ไร้เดียงสา กูพยายามที่สุดที่จะปกป้องหนังปลายฆวยของตัวเอง กูจำได้ว่ากูกรีดร้องลั่น กูสบถคำหยาบใส่อัลเลาะห์.. ทำไมทุกคนถึงแคร์แต่ความรู้สึกอัลเลาะห์ แต่ทำไมไม่แคร์ความรู้สึกกูเลย.. กูจำได้ว่าก่อนจะขึ้นเขียง กูพูดเกรี้ยวกราดกับทุกคน ตรงนั้นว่าถ้ากูโดนขลิบ ชีวิตนี้ไม่ต้องเอาคำว่าอัลเลาะห์มาพูดให้กูฟังอีก
คนรอบข้างกูในวันนั้น ไม่เคยรู้หรอกว่ามันเป็นสิ่งที่ฝังใจ ไม่รู้หรอกว่าช่วงเวลาแบบนั้นมันเปราะบางมากที่จะเกิดพฤติกรรมฝังใจ (Phobia) รวมไปถึงพฤติกรรมก้าวร้าว เอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร คล้ายๆกับอาการ ADHA ของกู
หลังจากนั้นกูเริ่มต่อต้านความเป็นอิสลามมากขึ้น ยิ่งโตก็ยิ่งมากขึ้นโดยที่กูเองก็ไม่รู้ตัว เริ่มต้นจากการที่กูไม่ชอบที่ตัวเองถูกเรียกว่าอิสลาม ไม่ชอบการแต่งตัวแบบอิสลาม อยากเลี้ยงหมา อยากกินซาลาเปาใส้หมู mimic, sarcastic, taunt ใส่ศาสนาตัวเอง
พอโตขึ้นเรียนรู้อะไรมากขึ้นก็เริ่มต้องอยู่ให้เป็น ก็พยายามไม่เอาตัวเองไปอยู่ในบรรยากาศที่กูไม่ชอบ กูเริ่มชอบอยู่ห่างจากบ้าน กูเริ่มไม่ชอบกลับบ้าน กูเริ่มติดเพื่อน
หลายครั้งมากที่ตัวกูเองอยากทำอะไรหลายๆอย่าง แต่ถูกเบรคว่า ไม่ได้นะ! เพราะกูเป็นมุสลิม! ซึ่งบางครั้งมันเป็นคำตอบ ซึ่งกูหวังว่าจะได้ยินอะไรที่สมเหตุสมผลกว่านั้น การที่เด็กคนนึง เริ่ม Criticize สิ่งต่างๆแล้วคนรอบข้างกลับบอกว่า มันคือพระประสงค์ของพระเจ้า มันคือสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้ มันคือสิ่งที่มุสลิมไม่ควรทำ ล้วนแล้วแต่ทำให้กูหมดศรัทธาในตัวศาสนา
ในชีวิตที่กูเกิดมา ศาสนาที่กูเองไม่ได้แม้กระทั่งเลือกด้วยตัวเอง ความกดดันจากคนรอบข้าง เวลาที่กูทำอะไรดีๆแม่งไม่เห็นมีอิเหี้ยหน้าไหนมาชมกูเลย แต่เวลาที่กูแค่ไม่ปฏิบัติตามหลักการของอัลเลาะห์ทำไมมีแต่คนมารุมโจมตีกู ไม่พูดกับกู ปฏิบัติเหมือนกูไปฆ่าใครตาย ทำเหมือนกูไม่มีคุณค่า กับอิแค่กูไม่ละหมาด กูไม่ถือศีลอด รวมไปถึงเพศสภาพของกู กูรู้สึกถูกคุกคามตลอด เรียกตัวเองว่ามุสลิม
ทำไมกูถึงไม่เชื่อในอัลเลาะห์? ก็เพราะเวลาที่กูอยู่ในจุดต่ำสุดของชีวิต ก็เห็นมีแต่กูคนเดียวที่ดิ้นรน ก็กูนี่แหละเป็นคนพูดกับตัวเองว่ากูต้องสู้ กูต้องรอด กูต้องทำให้ได้ กูต้องผ่านมันให้ได้ กูทั้งนั้น! แล้วจะให้กูเชื่อพระเจ้ามากกว่าเชื่อตัวกูเองได้ไงว่ะ!
พอกันที กูอดทนเปิดใจให้ศาสนามามากพอแล้ว กูเองลึกๆไม่โทษตัวศาสนาหรือตัวอัลเลาะห์ กูว่าถ้าเค้าเป็นคนจริงๆมาก่อนต้องเป็นคนที่Cool คนนึง ไม่งั้นคนไม่ยกให้เขาเป็นRole model เเต่ศาสนาอิสลามไม่เคยมีประวัติสังคายนา อำนาจของศาสนาเลยไปตกอยู่ที่คนที่เอาคำสอนมาสั่งสอนคนอื่น เอามาบิดเบือน มโนสร้างกฏเกณฑ์บ้าๆบอๆ เอามาสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเอง แล้วโยนขี้ไปกับอัลเลาะห์ กูเลยไม่โทษอัลเลาะห์ กูว่า Reputation แกเองก็คงพังเพราะพวกลูกศิษท์ลูกหา เหมือนที่หลวงพ่อคูณโดน
ถ้าสุดท้ายแล้วศาสนาไม่ได้เป็นที่พึ่งทางใจหรือทำให้เรารู้สึกดี? ศาสนาลดทอนความเป็นตัวของตัวเอง? แล้วจะมีศาสนาไว้เพื่ออะไร? สรุปแล้วคนมีศาสนาไว้เพื่อยึดเหนี่ยว หรือเป็นเครื่องช่วยให้รู้สึกอยู่ในcomfort zone จากการตัดสินของคนอื่น
คนที่เป็นมุสลิมจริงๆ เป็นเพราะศรัทธาในตัวศาสนา หรือเป็นเพราะให้เป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัวหรือกลุ่มสังคมกันแน่
ศาสนาอิสลามที่กูโตมาคำสอนส่วนใหญ่มีแต่บังคับ ไม่เคย offer choices คุณต้องละหมาดวันละ5เวลา คุณต้องถือศีลอด ไม่ประพฤติตามคือบาป บาปแล้วไม่ได้บาปแค่คุณคนเดียว แต่บาปทั้งครอบครัว ซึ่งสำหรับกูมันคือ Religious propaganda มันเป็นอำนาจของการแสวงหาผลประโยชน์บนความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนอื่น.. เดือนรอมฎอน ถ้าคุณอยู่ไทย คุณอดอาหาร 12ชั่วโมง แต่ถ้าคุณอยู่นอร์เวย์คุณอดอาหาร20ชั่วโมง.. แล้วมาตรฐานมันอยู่ตรงไหน? ตราบใดที่ศาสนาอิสลามไม่สังคายนา บอกได้เลยว่าไม่ใช่ไสตล์กู กูไม่เคยไปชี้หน้าด่าใครว่าหยุดเป็นอิสลามนะ! หยุดละหมาดนะ! เพราะฉนั้นเค้าก็ต้องเคารพสิทธิส่วนตัวกูด้วย
การที่เราดีดตัวออกมาศาสนาเพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนตัวของเราเอง มันผิดหรอ?
กูเชื่อว่าถ้าอัลเลาะห์ได้มาHang out กับกู ท่านต้องชอบกู เพราะกูคิดว่ากูอาจจะดีกว่าหลายคนที่ต่อหน้าจงรักภักดีต่อท่านแบบสุดโต่ง
#Iammyself
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กูรู้จัก มุสลิมหลายคนที่ไม่เคร่งนะ
ส่วนใหญ่ถ้ามีcommon sense ก็จะเห็นความไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างเกี่ยวกับ คำสอน
คนที่เคร่ง มักจะเป็นพวก insecure ต้องการการซัพพอร์ตจาก ผู้หลักผู้ใหญ่ อารมณ์ประมาณ "เราต้องเป็นเด็กดีของพ่อแม่ เดี๋ยวพ่อแม่ไม่ซื้อของเล่นให้"
เพราะแค่วิ่งเร็วไม่ได้รับประกันความสำเร็จในโลก 4.0
วันก่อนคุณทรูแมนนักธุรกิจITดาวรุ่งได้แชร์ความลับในการประสบความสำเร็จให้กับผม
เขาบอกว่าในโลก 4.0 การทำธุรกิจออนไลน์กำลังเป็นเทรนใหม่ที่ต้องจับตามอง คุณทรูแมนวิเคราะห์ว่าการบริการลูกค้าแบบออนไลน์อาจจะมาแทนที่การเข้าหาลูกค้าแบบไดเร็คสตีลดั้งเดิมเลยทีเดียว
ในปีที่แล้วคุณทรูแมนทำเงินได้มากกว่า 10ล้านดอลลาร์เพียงแค่นั่งอยู่ที่หน้าจอเท่านั้น
เคล็ดลับของเขาคือการเข้าถึงข้อมูลลูกค้า ซึ่งเราได้ข้อมูลมาจากการวิเคราะห์ Big data
"ข้อมูลคือทุกอย่างของยุคนี้ ถ้าคุณเข้าถึงข้อมูล Big data ของลูกค้าได้ คุณจะรู้ชื่อของเขา รู้เลขบัตรประชาชน เลขผู้เสียภาษี รู้ชื่อพ่อ แม่ เมีย ลูก หลาน ญาติพี่น้อง รู้เบอร์โทรศัพท์ รู้ที่อยู่ รู้ E-mail รายได้ต่อปี ดีไม่ดีคุณจะรู้แม้กระทั่งเลขบัตรเครดิต" คุณทรูแมนบอก
คุณทรูแมนทำเงินได้จากทั้งลูกค้ารวย ชนชั้นกลาง และรากหญ้า
"สมมุตินะ ว่าคุณมีข้อมูลของลูกค้า สมมุติว่าชื่อป้าแมรี่ อายุ 60 ปี ค่อนข้างรวย แกอยู่คนเดียวในโคโรราโด เรามีข้อมูลว่าหลานรักของป้าชื่อจิม อยู่กับลูกชายของป้าในฟินิกส์
เราก็ทำเงินง่ายๆ ด้วยการโทรไปหาป้าแมรี่ บอกว่า "ป้าครับ ผมจิมเอง รถผมยางแตกกลางทะเลทรายโซนอรัน พ่อผมต้องฆ่าผมแน่ๆ ผมต้องโทรเรียกรถมาลาก แต่ไม่มีเงินเลย ป้าพอจะมีให้ผมก่อนสักพันมั้ยครับ... ช่วยโอนมาที่บัญชี XXX" บิงโก เท่านี้เงินก็เข้าบัญชี" คุณทรูแมนแชร์เคล็ดลับ
สำหรับลูกค้ารากหญ้า คุณทรูแมนแนะนำว่าให้ใช้วิธีโทรไปบอกว่าถูกรางวัลในการชิงโชคมูลค่า 1 ล้าน แต่หากอยากได้รางวัลจะต้องโอนเงินค่าทำเนียมเล็กๆ แค่ 100 ดอลมาก่อน
คุณทรูแมนบอกว่าอีกวิธีหนึ่งคือ โทรเข้าไปทวนถามชื่อ เลขบัตรประชาชน และบ้านเลขที่ บอกว่าโทรมาจากที่ว่าการรัฐ ลูกค้าจะไว้ใจเพราะเรามีข้อมูลที่ควรจะมีแต่รัฐที่มี จากนั้นอาจจะบอกว่าลูกค้าถูกค่าปรับ หรือทำผิดกฎหมายเล็กๆน้อยๆ แต่ยุ่งยากในการจัดการ ซึ่งจะง่ายกว่าหากโอนค่าทำเนียม 100 ดอลให้เราจัดการให้ทันที
คุณทรูแมนบอกว่า วิธีนี้ใช้หารายได้กินขนมขำๆ "คุณคิดว่าเสียเวลาแค่ 2 นาทีต่อสาย สักสิบคนจะมีคนเป็นลูกค้าเราสักคน 20 นาที ได้ 100 ดอล ก็เป็นการฆ่าเวลาที่ไม่เลว"
ส่วนลูกค้ารายใหญ่รายได้เยอะ คุณทรูแมนบอกว่าใช้ทำเงินได้ทีละมากๆ แต่ต้องทำงานกันเป็นทีม ซึ่งคุณทรูแมนขออุบเป็นความลับไว้ก่อน
(แต่ถ้าใครอยากทราบรอซื้อคอร์สอบรมกับผมได้เลยครับ อย่าลืมกดไลค์เพจนี้ และตั้งค่าเป็น เห็นก่อน เพื่อรอรับข่าวสาร)
มาถึงตรงนี้ ทุกคนคงอยากทราบเรื่องสำคัญที่สุดว่าคุณทรูแมนเข้าถึงข้อมูล Big data ของลูกค้าได้อย่างไร
คุณทรูแมนบอกว่าเรื่องนี้ต้องใช้เทคนิคการแฮ็คและโปรแกรมในการเข้าถึงข้อมูลชั้นสูง ไปดึงข้อมูล Big data มาจาก Amazon S3
ความจริงนี่ไม่ใช่ของที่จะบอกกันง่ายๆ แต่เพราะเห็นแก่ปรัชญาอูบุนตูว่าคนดำทุกคนต้องพึ่งพาความสดของกันและกัน คุณทรูแมนจึงฝากโปรแกรมขั้นสูงที่ใช้เจ้าเข้าไปเอาข้อมูลจาก Amazon S3 มาให้ทุกคนเอาไปใช้ฟรีๆ
โหลดได้ใน link นี้เลยครับ >>https://support.microsoft.com/th-th/help/17621/internet-explorer-downloads
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
*เมื่อผมโดนคนขับตุ๊กๆห้ามถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
เมื่อวานได้มีโอกาสพาเพื่อนชาวมาเลเซียไปเดินเที่ยวในกรุงเทพครับ
ตั้งต้นจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน
ขณะที่ถ่ายรูปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอยู่นั้น ผมก็โดนคนขับตุ๊กๆที่จอดรถอยู่บริเวณนั้นเข้ามาห้ามถ่ายรูป
คขตต: “ยูๆ แคนน๊อตเทคโฟโต้”
ผม: (คิดในใจว่าทำไมถ่ายไม่ได้วะ ใครออกกฎหมายห้าม แล้วทำไมมาพูดภาษาอังกฤษใส่กรู แวบ
แรกคิดออกเลยว่ามันคงไม่นึกว่าผมเป็นคนไทย เพราะผมหน้าตี๋ เพื่อนก็เป็นคนจีนมาเล หน้าตาเลยคล้ายๆกัน)
“วายไอแคนน๊อตเทคโฟโต้” (ลองแกล้งโง่ถามกลับไปเป็นอังกฤษ อยากรู้ว่ามันจะทำไงต่อ)
คขตต: “โนๆ แคนน๊อตเทคโฟโต้”
ผม: “วาย ?” (รุ้แล้วว่าห้ามถ่าย กรูอยากเหตุผลว่าทำไมถึงห้ามโหวย)
คขตต : “ยูแคนน๊อตเทคโฟโต้ อีฟยูว๊อน ยูแฮฟทูบายโปรแกรมทัวร์”
ชัดเลย พวกหลอกขายทัวร์นี่เอง นี่ถ้าเพื่อนผมมาเองคงโดนมันหลอกแน่นอน
ด้วยความที่ผมรุ้ธาตุแท้ของมันแล้ว ผมก็เปิดเผยธาตุแท้ของผมบ้าง
ผม: ทำไมต้องห้ามถ่ายรูปครับ? แล้วทำไมต้องซื้อโปรแกรมทัวร์ครับ? (ตอบกลับไปเป็นภาษาไทย)
เท่านั้นล่ะ คนขับตุ๊กๆถึงกับเหวอแกล้งเล่นละคนเนียนๆเดินหนีไปเลย
เล่าให้เพื่อนฟังก็ตลกกันใหญ่ บอกว่าถ้ามาโดนเองคงตลกไม่ออก
ใครไปเที่ยวสนามหลวงวัดพระแก้วหรือละแวกนั้นก็ระวังตัวกันด้วยนะครับ
เคยดูแต่ข่าว แต่นี่มาเจอกับตัว ผมเห็นว่าชาวต่างชาติเยอะมาก คงจะโดนพวกนี้หลอกไปได้บ้าง
#มิตรสหายpantipท่านหนึ่ง
เผด็จการอาจจะอุ่นใจว่าคนออกมาไล่พวกเขาน้อยมากๆ แล้วหลวมตัวลงเลือกตั้ง ...ผลที่ออกมาประชาชนก็ไปเลือกคนอื่นแทน
เช่นเดียวกับตอนนักเลือกตั้งอุ่นใจว่าเขาได้คะแนนเสียงมามาก ถ้าทหารทำรัฐประหาร ประชาชนลุกฮือทั้งประเทศแน่ๆ ...ท้ายสุดประชาชนส่วนใหญ่ก็ก้มหน้าก้มตาทำมาหากินไม่ได้ลุกฮือประการใด
นี่คือการเมืองอันมีประชาชนส่วนใหญ่สับขาหลอกพวกชนชั้นนำอ่ะครับ ประเทศไทยเรานี่แหล่ะน่าจะสุดยอดแล้ว
#แลนด์ออฟอู๋ม๋งต๊ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>480 ไม่รู้ดิ ถ้าถามความเห็นกูนี่กูไม่ค่อยเชื่อนะไอ้เรื่องแนวๆศาสดาเป็นคนดี แล้วไอ้ที่ไม่ดีๆนี่เป็นเพราะคนรุ่นหลังทำพัง
ในยุคนั้นคนที่ตั้งตัวเป็นศาสดาได้ก็คือเป็นคนที่มีอำนาจมากๆ จะบอกว่าทำไปเพราะความบริสุทธิ์ใจมันก็ยังไงอยู่นะ
โดยเฉพาะอิสลามนี่ทำสงครามมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งศาสนาแรกๆเลย
ได้เมียเด็กเป็นเด็ก9ขวบแล้วไม่มีใครกล้าด่า เพราะเป็นศาสดา
สรุปเลยคือ หาเรื่องพูดเข้าข้างตัวเองแค่นั้นแหล่ะ อะไรที่มันเข้าเค้าว่าได้เปรียบแม่งรีบเอามาอ้างทุกที โดยไม่สนบรรทัดฐานสังคมสมัยใหม่ใดๆทั้งสิ้น
>>492 ยังไงก็ไม่ควรเอาแต่ละยุคไปเทียบกันอะ
อย่างถ้ามึงไปบอกคนก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมว่าระบบทาสไม่ดี เขาก็จะด่ามึงบ้ามึงเพี้ยน เพราะก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม แรงงานคนสำคัญที่สุด ผู้ปกครองที่ดีคือไปตีเมืองอื่นๆ กวาดคนมาเป็นแรงงานในเมืองตัวเองมากๆ (แถวนี้ยังมีสำนวน "เก็บผักใส่บ่า เก็บข้าใส่เมือง" หมายถึงไปตีเมืองอื่นแล้วกวาดต้อนคนมาเป็นประชากร ไพร่บ้างทาสบ้างว่ากันไป) แต่พอปฏิวัติอุตสาหกรรม มีเครื่องจักรเครื่องกลเกิดขึ้น ทำงานได้หนักกว่านานกว่าคน แถมต้นทุนดูแลรักษาน้อยกว่าคน แรงงานคนก็ลดความจำเป็นลง ระบบทาสก็ค่อยๆ เสื่อมไปเพราะเครื่องจักรต้นทุนถูกกว่า
คนสมัยก่อนเขาก็มีความรู้แบบหนึ่ง คือคนไม่เท่ากันกับชายเป็นใหญ่ พระเวสสันดรยกลูกเมียให้ชูชก คนสมัยนี้มองว่าโหดร้าย แต่คนสมัยก่อนมองว่าลูกเป็นสมบัติของพ่อ เมียเป็นสมบัติของผัว จึงยกให้ผู้อื่นได้ และการยกของรักมากๆ เช่นนี้ให้คนอื่น เลยถูกมองว่าใจกว้างอย่างมาก หรือเร็วๆ นี้ ละครบุพเพสันนิวาส ก็มีฉากที่นางเอกเป็นคนยุคปัจจุบัน ไปเถียงฉอดๆ กับพระเอกและครอบครัวที่เป็นคนสมัยอยุธยา คือนางเอกไปจากโลกปัจจุบันที่สตรีมีสิทธิเท่าบุรุษไง แต่สมัยอยุธยาไม่ใช่ ชายมีหลายเมียได้ หญิงเป็นสมบัติของชาย นายทำผิดนายก็ให้ไพร่ทาสโดนโบยแทนตัวเองได้
ในการศึกษาประวัติศาสตร์ เขาถึงไม่ให้เอาความคิดคนยุคปัจจุบันไปตัดสินคนยุคอดีต
กูมีเพื่อนเป็นมุสลิม เคยคุยเรื่องอิสลามกัน เรื่องมีเมียเด็กนี่มีจริงๆ แต่ไม่มีบอกไว้ว่าจำเป็นว่ะ คืออิสลามจะมีแบ่งเป็นทำนองว่าอันนี้"ต้อง"ทำ อันนี้ถ้าทำก็ดี อันนี้ถ้าไม่ควรทำ อันนี้ห้ามทำ เหมือนประมาณสี่เลเวลอ่ะ เรื่องมีเมียเด็กกับเมียสี่คนนี่เหมือนจะไม่ได้อยู่ในสี่อันนี้เลย คือมึงจะทำหรือไม่ทำก็ได้ มึงจะมีเมียสี่คนมีเมียเด็กก็ได้ แต่มึงอย่ามาอ้างว่า"ต้อง"ทำเพราะแม่งเพี้ยน มันไม่ใช่ ทำนองเนี้ย
เหมือนว่าต้องตีความตามภาษาจริงๆ อ่ะ จะมาคิดเองไม่ได้เลยเพราะคนเราชอบเข้าข้างตัวเอง
>>495 เคยได้ยินก็แนวๆ นั้นแหละ เสริมเรื่องเมีย 4 คน ต้องพูดให้จบด้วยนะ "จะมีเมียมากกว่า 1 ก็ได้ แต่ต้องดูแลให้เท่าเทียมกันทุกคน" แสดงว่าถ้าไม่มีปัญญาดูแล มีคนเดียวก็พอ อย่าไปมีถึง 4 เลย แต่เวลาไปพูดกันดันบอกว่าอิสลามส่งเสริมให้มีเมีย 4 คน มันคนละเรื่อง พอๆ กับเรื่องผู้หญิงต้องปิดบังร่างกาย ทุกวันนี้ก็ยังเถียงกันอยู่เลย ถ้าสายกลางๆ หน่อย ก็คลุมแค่ผม (ฮิญาบ) ถ้าสายแคร่งไปสุดๆ ก็นิกอบ , บุรกา (คลุมหน้าเหลือแต่ตา)
>>497 ก็สมัยนั้นมันไม่ผิดแล้วมึงจะให้ทำไง ก็ทำได้แค่พยายามตีความทางศาสนาในแง่มุมใหม่ๆ เหมือนที่ชาวคริสต์กับวิทยาศาสตร์ปรองดองกันได้นั่นแหละ นักวิทย์ฯ หลายคนก็นับถือคริสต์นะ บอกว่าการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์คือการตามรอยความยิ่งใหญ่เหลือล้นที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างไว้
เย็ดเด็กผิดตรงไหน กูก็อยาก !!!
fun fact แกนนำอยากเลือกตั้งไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
-มิตรฯ
พระที่ใช้เดรัจฉานวิชา เป็นอันตรายไม่ควรอยู่ใกล้
อาทิเช่นหมัดนกกระเรียนวัดเส้าหลินเป็นต้น
มิตรสหายฯ
ขายคอร์สอบรมระยะสั้น การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแบบทรูแมน : เรื่องการวิเคราะห์บัตรประชาชนของลูกค้า
คุณจะได้
- วิธีการอ่านข้อมูลจากบัตรประชาชนพื้นฐาน
รู้ชื่อที่อยู่ ความหมายของเลขบัตรประชาชน และแนวทางการนำข้อมูลไปใช้
เป็นพื้นฐานที่คุณต่อยอดได้เองตามความสด
- กลยุทธการเปิดบัญชีด้วยบัตรประชาชนของลูกค้า
ใช้เป็นบัญชีลับให้หรับใช้ลูกค้าโอนเงินเข้า เพื่อป้องกันสันติบาลตามถึงตัวเรา
เหมาะสำหรับผู้ทำธุรกิจขายเนื้อ ขนม หรือคอลเซ็นเตอร์ และธุรกิจทั่วไป ถ้าสันติบาลสันติบาลตามเส้นทางการเงิน จะไปจับเจ้าของบัตรแทน
คุณทรูแมนบอกว่าการมีความรู้นี้คุณจะเป็นเหมือนคนดำ ที่หลับตาแผงตัวอยู่ในคืนเดือนมืด
- กลยุทธการสร้างบัญชีออนไลน์ จากข้อมูลในบัตรของลูกค้า
ใช้เปิดอีเมล ID บัตรทรู เฟสบุ๊คปลอม และอื่นๆ อีกมากมาย
สามารถใช้ต่อยอดได้หลายอย่าง ทั้งการพรางตัวจากสันติบาล และการปลอมตัวเพื่อเข้าคุยกับลูกค้าคนอื่นทางอินเตอร์เน็ต
การปลอมเฟสใช้ได้หลายอย่าง เช่นการหลอกจีบสาวแล้วขอให้ช่วยส่งของให้ จนถึงการดีลธุรกิจอีกมากมาย
คุณทรูแมนเล่าว่า เขาเคยรับงานช่วยเหลือเพื่อนคนดำที่สันติบาลล้อมในรัง โดยใช้วิธีปลอมเป็นเฟสบุคของ จอร์ช W บุช แล้วแมสเสจสั่งให้สันติบาลยุติปฏิบัติการมาแล้ว
เขาเคยทำกำไรได้หลักล้านดอลล่า ด้วยการทำเฟสบุ๊คปลอมของสตีฟจ๊อป แล้วดีลงานขายไอโพนกับห้างจีน
- กลยุทธการเซ็นสำเนาถูกต้องเพื่อนำไปทำสัญญาธุรกรรม
ในบางประเทศแค่ปรินท์หน้าบัตรออกมา เซ็นลายเซ็นปลอมๆก็เอาไปทำสัญญาธุรกรรมได้
ใช้ได้ตามความสดของแต่ละคน เอาไปกู้เงิน หรือซื้อสินค้าแบบผ่อน เพื่อเอาไปขายต่อก็ได้
สนใจติดต่อด่วนครับ รับจำนวนจำกัดแค่ 50 คนเท่านั้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
••วอนอย่าเพิ่งเลื่อนผ่าน😨😰🙏
อดีตพรีตตี้และนางแบบชื่อดัง •น้องมะนาว
••ป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย 😱😰
น้องนาวไม่มีรายได้เลยและทางบ้านก็ไม่ได้มีเงินค่ารักษาพยาบาลเยอะ ไหนจะค่าเดินทาง ค่า รพ. อุปกรณ์สายยางและเเพมเพิทของใช้อื่น
ตอนนี้น้องมะนาวต้องมาพักรักษาตัว
อย่าให้เธอต้องสู้กับโรคร้ายเพียงลำพัง มาร่วมกันเป็นสะพานบุญให้น้องคนละเล็กคนละน้อย
โอนตรงเข้าบัญชี มะนาว
7962208058 กสิกร
กสิกรไทย น.ส.วิราลักษณ์ สุทธิประภา
Fb : Manow Sutthiprapa Nowny
เว็บโม่งเดี๋ยวนี้เข้าถึงง่ายนะ...
“ทำแสงแบบ สแกนดิเนเวี่ยน เทาๆฟ้าๆโลคีย์ๆ พออยู่บนผิวคนสวีเดน ดูเป็นหนังลุ่มลึก แต่พออยู่บนผิวคนเอเชีย = หนังผี จบ. #เกรดสีใหม่“
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"มันมีมายาคติเรื่องนี้อยู่ครับ รัฐที่เก่งในเรื่องปิดซ่อนความน่ารังเกียจของความเหลื่อมล้ำ จะมีวิธีโยนความผิดไปให้ในระดับปัจเจกชน (อเมริกาเป็นอีกตัวอย่างของประเทศเหลื่อมล้ำ) หนังสือ ไลฟ์โค้ช ความคิดประเภทอย่าบ่น คิดบวก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป ให้โทษตัวเองเยอะๆ จะได้รับความนิยม เพราะไม่ได้มองเพื่อนร่วมสังคมเป็นหน่วยหนึ่งที่ต้องอยู่อาศัยร่วมกัน แต่มองเป็นใครอ่อนแอก็แพ้ไป ไม่มองปัญหาเชิงโครงสร้าง บางคนตั้งแต่เกิดมา ชีวิตติดลบแล้ว ทั้งโอกาส เงิน ความรู้
มันจะมีคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน +ฉลาด + จับจังหวะถูกจนประสบความสำเร็จมั่นคงอยู่จริง เป็นคนส่วนน้อย แล้วคนกลุ่มนี้ก็มาสั่งสอนคนส่วนใหญ่ ให้ละเลยความไม่แฟร์ของรัฐแต่ให้โทษตัวเอง แล้วอย่างนี้จะเสียภาษีให้รัฐมาบริหารทำไมกัน ทำไมไม่มองถึงคนส่วนใหญ่ที่ทำงานใช้ชีวิตทั่วไป ว่าค่าแรงที่ถูกกดทับ การต่อรองของสหภาพแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้คนคนนึง จะขยันแทบตายก็ได้แต่จมปลักอยู่อย่างนั้น ออมไม่ได้ โงหัวไม่ขึ้น ความขยันหมั่นเพียรไม่อาจรับประกันว่าตนเองจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เลย
ตอนแรกว่าจะแนะนำหนังสือเรื่องทุนนิยมกับความเหลื่อมล้ำภาษาอังกฤษกับเพื่อนมิตรสหาย แต่เร็วๆ นี้ ไปเจอหนังสือภาษาไทยที่แม่งอ่านง่ายกว่าและเห็นภาพของไทยชัดดี ลองอ่านหนังสือเรื่อง "นอกระบบ ห้ามเจ็บ ห้ามตาย ห้ามมีปากเสียง" ของ สสส. ดู ได้งบประมาณอุดหนุนครับ เล่มละ 100 บาทเท่านั้น
อ่านแล้วจะได้ไม่เชื่องกับรัฐและอีลีทไลฟ์โค้ชต่างๆ ที่เที่ยวยัดเยียดความคิดให้โทษตัวเอง ให้เอาตัวรอดเอง โง่เอง จนเอง เจ็บเอง มันมีความน่าเกลียดที่ซ่อนอยู่ในพีระมิดแห่งทุนนิยมอันไร้การควบคุมที่เป็นธรรม นำมาซึ่งความรู้สึกแปลกแยก ป่วยไข้ ไร้ความหวัง รู้สึกขาดศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้คนในสังคมระบาดไปอย่างกว้างขวาง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>509 สสส. นี่เป็นหน่วยงานที่กูทั้งรักทั้งเกลียดเลยนะ
รักตรงที่ลงไปทำงานให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้นมา (บ้าง) จากเดิมที่อยู่ในภาวะอ่อนแอต้องถูกกดอยู่ใต้กลไก 3 ขา (นักการเมือง-ข้าราชการ-กลุ่มทุน) ด้วยความงบเยอะและตีความสุขภาวะไว้กว้างมาก (ซึ่งมันก็เป็นตามนั้นแหละ มันไม่ใช่แค่เรื่องลดละเลิกเหล้าบุหรี่หรือออกกำลังกาย แต่รวมถึงสิ่งแวดล้อมทุกอย่าง แม้กระทั่งการมีสื่อที่ไม่เป็นพิษภัย สสส. ทำงานเป็นพันธมิตรกับ TPBS) กูอ่านบทความ-งานวิจัยหลายๆ ตัวที่ได้งบจาก สสส. อยู่ น่าสนใจดี
แต่ที่เกลียดคือเรื่องเหล้านี่แหละ เล่นซะคนมองเหล้าเป็นของเลวไปเลย จนเกิดกฎหมายสุดโต่งประเภทห้ามโฆษณา 24 ชม. (เมื่อก่อนให้โฆษณาได้ 22.00-04.00 น.) จนเหล้า OTOP ตายเกลี้ยง ส่วนรายใหญ่ยังโฆษณาได้ชิลๆ เพียงแค่เปลี่ยนจากเเหล้าจากเบียร์เป็นโซดาและน้ำเปล่า (แดกโซดาบ้านเอ็งดิคึกขนาดนั้น)
สสส. กูว่ามันดูเป็นหน่วยงานมือถือสากปากถือศีลยังไงชอบกล
>>511 มันเป็น Benevolent Dictatorship ถ้ามันออกกฎคุมทุกอย่างให้ประชาชนเป็นทาสแต่สุขภาพดีได้มันก็ทำ และไม่สนด้วยว่าใครจะทำ ขอแค่ทำตามนโยบายมันก็พอ สสส.ถึงหนุนทหาร เพราะทหารเป็นพวกเดียว (ไม่นับทักกี้ 1) ที่กล้าทำอะไรขนานใหญ่ขนาดนั้น ประกันสังคมก็เกิดสมัยทหารนะ ทั้งที่ไม่น่าจะเกิดกับรัฐเผด็จการแท้ๆ แต่เมืองไทยชอบมีอะไรที่ดีในระยะยาวเกิดขึ้นสมัยทหาร เรื่องสิ่งแวดล้อมก็เกิดสมัยทหารเหมือนกัน แปลกดี
แทงทะลุถึงหัวใจ 。。 จุดตายที่ทำให้ธุรกิจญี่ปุ่น รอวันพ่าย ไร้วันฟื้น
China is spending billions to make the world love it
• ธุรกิจญี่ปุ่นเคยเป็นเจ้ายุทธจักรในเวทีการค้าโลก สินค้าญี่ปุ่นเคยครองตลาดและครองใจผู้บริโภคทั่วโลก แต่ทุกวันนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้ง
❶ Hitachi Limited
❷ The Mitsubishi Group
❸ Panasonic Corporation
❹ Sanyo Electric Company Limited
❺ Sharp Corporation
❻ Sony Corporation
❼ Toshiba Corporation
• และอีกมากมาย ต้องเผชิญกับวิกฤตขั้นรุนแรง สินค้าญี่ปุ่นก็พ่ายแพ้ให้กับสินค้าเกาหลีใต้และจีน...ความเสื่อมถอยของบริษัทญี่ปุ่นเกิดจากระบบบริหารงานและยุทธศาสตร์ที่ตามโลกไม่ทันของญี่ปุ่นเอง
• นิตยสารของญี่ปุ่นได้เผยแพร่บทความที่รวบรวมขึ้น จากความคิดเห็นของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับจุดอ่อนที่ทำให้บริษัทญี่ปุ่นต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขันทางธุรกิจสมัยใหม่...บทความนี้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองก็ยังต้องยอมรับว่ามีส่วนจริงอยู่ไม่น้อย
❶ ทุกสิ่งต้องเพอร์เฟค เน้นนวัตกรรมเกินเหตุ
• ธุรกิจญี่ปุ่นก็เหมือนกับชาวญี่ปุ่นที่นิยมความ 'สมบูรณ์แบบ' แผนงานและสินค้าต่าง ๆ ต้องผ่านการกลั่นกรองและทดลอบครั้งแล้วครั้งเล่า จนมั่นใจเกิน 100% จึงเดินหน้าการผลิตและทำการตลาด
• วิธีการเช่นนี้ทำให้สินค้าของญี่ปุ่นมีคุณภาพสูงจนเป็นที่ยอมรับ หากแต่ในยุคปัจจุบันกลับไม่ทันกิน แตกต่างจากจีนและเกาหลีใต้ที่ใช้วิธี 'ทำไปพัฒนาไป' ซึ่งอาจมีปัญหาบ้าง...แต่ได้เปรียบที่ความรวดเร็วกว่า
• เทคโนโลยีหลายอย่างที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่ม...แต่กลับถูกจีนและเกาหลีใต้ช่วงชิงตลาดได้ก่อน เพราะญี่ปุ่นมัวแต่ทดสอบอยู่ โดยเฉพาะทุกวันนี้...ผู้ที่เข้าสู่ตลาดก่อนย่อมได้เปรียบมากกว่า
• นอกจากนี้...การแก้ปัญหาของฝ่ายญี่ปุ่นก็จำกัดอยู่เพียงในสนามทดลอง แต่จีนและเกาหลีใต้ได้แก้ปัญหาจากการใช้งานจริง และอาจมีประสิทธิภาพมากกว่าด้วยซ้ำ
• บริษัทญี่ปุ่นยังให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม หรือ Innovation มากเกินควร ในบางกรณีการพัฒนาสิ่งใหม่เพียง 1% อาจเพิ่มต้นทุนมากถึง 30% ซึ่งทำให้ราคาของสินค้าญี่ปุ่นแข่งขันไม่ได้ในเวทีระหว่างประเทศ
❷ ไม่คิดถึงผู้ใช้งานมากพอ
• บริษัทญี่ปุ่นมักมั่นใจว่า 'ของดีต้องมีคนซื้อ' แต่สินค้าญี่ปุ่นหลายอย่างกลับใช้งานยุ่งยาก มีฟังก์ชันมากมายที่แทบจะไม่ได้ใช้เลย...สินค้าญี่ปุ่นยังไม่ค่อยปรับเปลี่ยนให้เข้ากับรสนิยมของผู้บริโภคในท้องถิ่น
• ตัวอย่างเช่น กรณีโทรทัศน์ญี่ปุ่นที่ขายในอินเดีย ซึ่งชาวอินเดียชอบดูการแข่งขันคริกเกต (Cricket) และเมื่อชมละครหรือรายการอื่นก็ยากจะติดตามผลคริกเก็ตไปด้วย โทรทัศน์ญี่ปุ่นไม่ยอมปรับฟังก์ชันรองรับ ขณะที่โทรทัศน์ของเกาหลีใต้มีฟังก์ชันซ้อนจอขนาดเล็กให้ดูคริกเก็ตไปพร้อม ๆ กัน และทำให้โทรทัศน์เกาหลีใต้ครองตลาดในอินเดียได้อย่างง่ายดาย
❸ ระบบจ้างงานที่ไม่ยุติธรรม
ในอดีตบริษัทญี่ปุ่นใช้ระบบจ้างงานตลอดชีวิต...ซึ่งทำให้พนักงานมั่นใจในความมั่นคง และทุ่มเททำงานได้อย่างไม่ต้องกังวล แต่ในอีกด้านหนึ่ง ระบบจ้างงานตลอดชีวิตก็ทำให้พนักงานไม่กระตือรือล้น
• นอกจากนี้...วัฒนธรรมการทำงานแบบญี่ปุ่นยังคงระบบอาวุโส และรุ่นพี่รุ่นน้องอย่างมาก ทำให้พนักงานระดับล่างไม่กล้าแสดงความคิดเห็น ไม่พัฒนาตนเอง ขณะที่ผู้บริหารก็เป็นเสือนอนกิน และใช้อำนาจมิชอบได้ง่าย ซึ่งเป็นแบบเดียวกับรัฐวิสาหกิจในหลายประเทศ
• เมื่อสัญญาณสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ...ทำให้บริษัทญี่ปุ่นเปลี่ยนระบบจ้างงานเป็นระบบ 'ชั่วคราว' และ 'สัญญาจ้าง' บริษัทใหญ่ ๆ จำนวนมากแทบจะไม่มีพนักงานประจำเลย เกือบทุกคนล้วนแต่เป็นพนักงาน Part Time หรือสัญญาจ้างคราวละ 1- 5 ปี
• การจ้างงานลักษณะนี้ไม่มีสวัสดิการ...ทำให้พนักงานรู้สึกไม่มั่นคงและไม่มีกำลังใจในการทำงาน ค่าจ้างของพนักงานขั่วคราวและพนักงานประจำก็แตกต่างกันมาก ถึงแม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะมีมาตรการว่า...'คนที่ทำงานแบบเดียวกันควรได้ค่าจ้างเท่าเทียมกัน' แต่บริษัททั้งหลายก็หาได้ปฏิบัติตามไม่
❹ ยุทธวิธีการแข่งขัน (Competitive Strategy) ต่อจีนล้มเหลว
• ญี่ปุ่นมองจีนเป็นคู่แข่งมาตลอด ซึ่งเป็นทัศนคติที่ผิดพลาด เพราะระดับเทคโนโลยีของจีนยังต่างจากญี่ปุ่นอยู่มาก ญี่ปุ่นไม่อาจแข่งกับจีนเพื่อผลิตสินค้าตลาดทั่วไปได้ แต่จีนก็ยังไม่สามารถเทียบกับญี่ปุ่นเรื่องเทคโนโลยีและการออกแบบได้เช่นเดียวกัน
• บริษัทญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งได้ใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตที่จีน ที่มีต้นทุนถูกกว่า แต่บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากยังรู้สึก 'เสียหน้า' หากต้องร่วมทุนกับบริษัทจีน ทั้ง ๆ ที่บริษัทจีนอย่าง
• Haier Group Corporation
• Sichuan Changhong Electric Company Limited (Changhong)
• TCL Corporation
• Xiaomi Incorporated
• ล้วนเป็นเจ้ายุทธจักรในแดนมังกร การไม่ยอมร่วมมือกับบริษัทสัญชาติจีนที่มีฐานลูกค้าและรู้จักตลาดมากกว่า...ทำให้บริษัทญี่ปุ่นสูญเสียโอกาสในการเติบโต
❺ นโยบายรัฐบาลไม่ได้ส่งเสริมช่วยเหลือธุรกิจญี่ปุ่นมากพอ
• ในอดีต...รัฐบาลญี่ปุ่นมีบทบาทอย่างสูงในการอุ้มชูอุตสาหกรรมหลายอย่างและภาคเกษตร ทั้งโดยการสนับสนุนเงินทุน เทคโนโลยี และปกป้องจากการแข่งขัน บริษัทยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นล้วนเติบโตมาจากผูกขาดหรือสัมปทาน แล้วจึงค่อยก้าวสู่ตลาดเสรี
• แต่ทุกวันนี้...บริษัทญี่ปุ่นได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลน้อยมาก โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี Online Marketing ชาวญี่ปุ่นใช้แอพลิเคชั่น
• Amazon.co.jp
• Line
• อย่างกว้างขวาง และไม่มีผลงานของญี่ปุ่นเองเลยที่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่เมื่อเทียบกับจีนและเกาหลีใต้...ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังนิยมแอพลิเคชั่นของชาติตัวเองมากกว่าทั้ง
• Alibaba
• KaKaoTalk
❻ ภาพพจน์ที่สั่งสมมาของบริษัทญี่ปุ่นเริ่มล่มสลาย
• บริษัทญี่ปุ่นเคยมีภาพลักษณ์ที่ดี แต่ในระยะไม่กี่ปีมานี้ข่าวอื้อฉาวทั้งการตบแต่งบัญชี ใช้ข้อมูลเท็จ รวมทั้งปัญหาความปลอดภัยของสินค้าที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ผู้บริโภค 'ตาสว่าง' ว่าธุรกิจญี่ปุ่นก็ไม่ได้ 'มือสะอาด' มากกว่าบริษัทชาติอื่น ๆ
❼ วิเคราะห์วิสัยทัศน์สถานการณ์โลกไม่ขาด ลงทุนเกินตัว
• ถึงแม้เศรษฐกิจโลกจะซบเซาต่อเนื่อง แต่บริษัทญี่ปุ่นกลับมองโลกในแง่ดีเกินไป และยังขยายการลงทุนในต่างแดน โดยเฉพาะในสหรัฐและยุโรป ซึ่งผลลัพธ์ของโตชิบา , ชาร์ป , พานาโซนิก , โซนี่ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า...การลงทุนในต่างแดนที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เงินทุนที่สั่งสมมาหลายสิบปีสูญสิ้น และแม้แต่ธุรกิจหลักของตัวเองก็อาจจะรักษาไว้ไม่ได้
❽ หลงคิดว่าราคาสินค้าของตนเองยังแข่งขันได้
• บริษัทญี่ปุ่นมักตั้งราคาสินค้าของตนสูงกว่า...สินค้าจากจีนและเกาหลีใต้ค่อนข้างมาก เพราะคิดว่ามีภาพลักษณ์และเทคโนโลยีดีกว่า แต่ผู้บริโภคในทุกวันนี้ไม่ได้สนใจสินค้าที่ใช้งานได้เป็น 10 ปีอีกต่อไป แต่พอใจที่จะซื้อของใหม่หากสินค้าเสียมากกว่าจะทนซ่อมใช้ต่อ
❾ การเมืองในองค์กร ผู้นำไร้ความสามารถ ลูกน้องขัดแย้งกันเองแตกความสามัคคี
• ธุรกิจของญี่ปุ่นมีลักษณะประหลาดคือ 'ไม่แข่งกับคนนอก แต่แข่งกันเองภายใน' บริษัทต่าง ๆ มักรวมตัวกันเป็นสมาคมธุรกิจเพื่อฮั้วกันกลาย ๆ และหลีกเลี่ยงจะแข่งขันกันโดยตรง
• หากแต่ภายในบริษัทกลับตาลปัตร พนักงานต่างถูกกดดันให้แข่งกันสร้างผลงาน และยังแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ขณะที่ผู้นำบริษัทหลายคนไม่มีความสามารถ แต่มีอำนาจสั่งการได้ทุกอย่าง โดยหากเกิดวิกฤต เหล่าผู้นำก็เพียงแต่ออกมาโค้งแสดงความขอโทษหรืออย่างมาก็ลาออก แต่ความจริงแล้ว พวกเขาก็ยังเป็น 'เจ้าของบริษัท' อยู่เหมือนเดิม
• ชาวต่างชาติที่ทำงานในญี่ปุ่นต่างบอกว่า...ญี่ปุ่นมีสภาพแวดล้อมที่ดีและผู้คนที่เป็นมิตร แต่ในโลกของการทำงานกลับ 'โหดร้าย' อย่างมาก ทั้งการทำงานจน 'ตาย' หรือการใช้อำนาจในที่ทำงาน และที่สำคัญคือ...ค่านิยมที่ปิดรับคนนอก สิ่งเหล่านี้เคยเป็นอาวุธสร้างภูมิใจให้กับบรรดาลูกพระอาทิตย์ แต่ทุกวันนี้กลับหันปลายดาบมาทิ่มแทงชาวญี่ปุ่นเอง และอาจเป็นบาดแผลที่แทงทะลุถึงขั้วหัวใจ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>512 กูเห็น สสส แล้วชอบคิดว่าพวกนี้เอาโมเดล Illuminati (หรือถ้าเอาแบบจับต้องได้ก็ CIA) มาใช้แหงๆ
เครือข่ายบุคลากรสาธารณสุขรวมตัวกัน ณ โรงแรมแห่งหนึ่งตั้งแต่เมื่อ 30 ปีก่อน ประชุมกันจนผลักดันให้เกิดองค์กรตระกูล ส ขึ้นมาได้
https://mgronline.com/daily/detail/9590000072352
https://mgronline.com/daily/detail/9580000118009
https://thaipublica.org/2015/10/thaihealth-12-10-2558/
คนชอบอ่านเรื่องการแทรกแซงทางการเมืองที่อเมริกาใช้ CIA ไปทำกับประเทศอื่น จะพบว่า Step คือให้ CIA เอาเงินไปลงทุนฝึกนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ไปสร้างชุดความคิดบางอย่าง พอถึงจุดหนึ่งแม้จะหยุดสนับสนุนแต่นักเคลื่อนไหวพวกนี้ก็จะเคลื่อนไหวเองต่อไป วิธีการทำงานของ สสส. ก็แนวนี้ คนของ สสส. จริงๆ มีไม่กี่คน แต่มี NGO เป็นพันธมิตร (น่าจะเกือบ) ทั่วประเทศ ด้วยวิธีการตีความคำว่า "สุขภาพ" อย่างกว้างครอบคลุมในทุกมิติ ทุกกิจกรรมตั้งแต่เกิดจนตายเกี่ยวข้องกับสุขภาพหมด การให้ทุนสนับสนุน NGO เลยทำได้แบบไม่ต้องเลือกประเภท สำนักข่าวบางแห่งก็ยังได้ทุน (สำนักข่าวที่ว่ามีจุดขายด้านตรวจจับทุจริตหนึ่ง ส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอีกหนึ่ง)
ต่างกันแค่งานของ สสส. ไม่ได้ไปรบในทางการเมืองแบบงานของ CIA แต่รบกับการตลาดของกลุ่มทุนบริโภคนิยม ซึ่งเป็นภัยความมั่นคงด้านสุขภาพก็เท่านั้น เพราะรัฐบาลมักแพ้ล็อบบี้ยิสต์ของนายทุนเสมอ
>>514-515 ที่กล่าวมามันจริงหลายเรื่อง แต่บางเรื่องที่ดูๆไปแล้วแม่งก็เป็นผลเสียที่ บ.จีน เกาหลี ไต้หวัน เป็นกันก็เรื่องระบบการทำงานที่บ้าคลั่งกับcultureหรือว่าทำงานจนตัวตายไม่ก็เอารัดเอาเปรียบพนักงานแบบไล่บี้กันจากบนลงล่างก็มีเป็นปกติเหมือนๆกันนะ แล้วอีกอย่างนึงที่น่าติสุดๆเลยคือ ธุรกิจพวกนี้แม่งแค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้ามั้ยที่ประสบปัญหาซบเซา แต่พวกธุรกิจอย่าง Konami ,Square Enix ,พวกบริษัทเกมส์หล่ะ?? มันซบเซาจริงๆเหรอ ไหนจะพวกการ์ตูนนั่นนี่อีก เห็นแม่งโม้กันว่ายอดขายตัวเองเยอะขึ้นๆก็มีถมเถไปนะ
ครั้งหนึ่งมือถือญี่ปุ่นจัดว่าล้ำหน้ามากๆแต่เสือกไม่ขายนอกประเทศ
Konami หนีไปทำธุรกิจแดกกับความโลภ อย่างเหมมือถือกาฉะกับ ตู้ปาจิงโกะสลอตแมชชีน
Square enix กำไรจากเกมมือถือกาฉะเยอะกว่า
การ์ตูนยอดขายตกถ้วนหน้า มียอดดิจิตอลอ้าง %เยอะขึ้น (แต่กำไรไม่เท่าสมัยตอนรุ่งๆ)
สมัยก่อนญี่ปุ่นเปิดโรงงานในไทย สินค้าญี่ปุ่นผ่านคนงานไทยกลายเป็นของเกรตพรีเมี่ยมขายได้ทั่วโลก
ปัจจุบัน บริษัทญี่ปุ่นที่ตีจากไทยไปผลิตที่ถูกกว่าอย่าง จีน เวียดนาม มาเลย์ ฟิลิปฯอินโดฯ คุณภาพสินค้ากลับออกมาแย่ลงไม่แตกต่างจากของจีนและเกาหลี จนโดนตีแตกขยี้เจ๊งเละเทะ
นี่เป็นสัญญาณล่มสลายของบริษัทยุ่นปี่ที่หักหลังเพื่อนแท้อย่างไทยแลนด์นะขรับ
#มิตรสหายหนังเอวีท่านหนึ่ง
>>520 ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปด้วย ยุ่นสู้เรื่องราคาและคุณภาพในตลาดไม่ได้ ญี่ปุ่นสร้างสินค้าอายุ 10 ปี แต่ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนสินค้าทุกปี แต่ยุ่นตามไม่ทัน และคิดว่าทุกคนจะเปลี่ยนมาใช้สินค้าแบบของตนแทน
>>517 Soft Power ของยุ่นอ่อนลงมากแล้ว ถึงจะได้บุญเก่าจากการที่ส่งออกมานานผ่านวัฒนธรรม ที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะตลาดในประเทศ ไม่ใช่ตลาดโลก มองในระยะยาวมันจะเสียเปรียบมากขึ้นทุกวัน ไอ้โครงการ Cool Japan ที่จะส่งออกเรื่องพวกนี้ก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง
"ผลการดำเนินงานในอดีตของคริปโตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต"
.
.
โลกคริปโต: ปีใหม่ตลาดตกตลอดแหละ ตรุษจีนก็ขึ้น วาฬมันลาก
เหตุการณ์จริง: ร่วงแล้วร่วงเลย ตรุษจีนนี่ยิ่งลงหนัก ตอนนี้ครึ่งปีปรับตัวขึ้นมาจาก Floor นิดเดียว
.
.
โลกคริปโต: หลังงาน Consensus Conference ตลาดขึ้นมหาศาลทุกปี นี่วาฬแค่ทิ้งก่อนงานเพื่อช้อนกลับ
เหตุการณ์จริง: งานจบไปหลายวันแล้ว ราคายังคงลงเรื่อย ๆ
.
.
สรุป: ปีนี้กับปีก่อน ๆ มันต่างกันเยอะ ทุกสถิติในปีก่อน ๆ เอามาใช้กับปีนี้ไม่ได้เลย มองอนาคตให้ออก ตลาดกำลังเปลี่ยน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Xปีก่อน กลุ่มนักศึกษาออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
4ปี+ ผ่านไป กลุ่มนักศึกษาหน้าเดิมๆออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย
ไม่มีประชาธิปไตยพวกมึงจะเรียนไม่จบกันเหรอวะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แอดมินไปเจอคลิปของ Zakir Naik คลิปนึง ซึ่งบอกได้เลยว่า แถได้อย่างน่าสงสารมากๆ เลยอยากจะเอามาเล่าสู่กันฟังซะหน่อย
Zakir Naik นี่คือคนที่คุณชารีฟ แห่ง สำนักพิมพ์ อัซซาบิกูน ชื่นชมยกย่องเอามากๆ และชอบเอาชื่อมาอ้างอยู่บ่อยๆ นั่นแหละครับ
เป็นคลิปในยูทูปชื่อ "Dr.Zakir Naik พระเจ้ากำหนดแล้ว แต่เราเป็นคนเลือก" (www.youtube.com/watch?v=tMHDDnuweNA)
คือมีคำถามประมาณว่า ถ้าทุกอย่างถูกอัลลอฮฺกำหนดมาแล้ว แล้วถ้าใครทำอะไรผิดแล้วจะไปโทษเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาแค่ทำสิ่งที่อัลลอฮฺกำหนด
อันนี้แอดมินยกตัวอย่างเพิ่มเติมหน่อยนะ คืออย่างเช่นถ้าเรามีเรื่องเดือดร้อนอะไรซักอย่าง สมมุติว่ารถถูกขโมยก็แล้วกัน มุสลิมก็จะบอกว่าอัลลอฮฺประสงค์ หรืออัลลอฮฺทดสอบ หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งนั่นแปลว่าเหตุการณ์นี้ (การขโมยรถ) เกิดจากอัลลอฮฺ จึงนำไปสู่คำถามที่ว่า แล้วโจรขโมยรถผิดอะไร? ทำไมต้องถูกลงโทษ (ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า) ในเมื่อเขาแค่ทำตามความประสงค์ของอัลลอฮฺเ่านั้นเอง ?
Zakir Naik ตอบว่าไง?
แรกสุด ไปเปรียบเทียบกับการ #คาดการณ์
ซึ่งตัวอย่างที่เขายกมาก็คือ ครูคาดการณ์ผลการเรียนเด็ก
ปัญหาก็คือ การคาดการณ์มันไม่ใช่การกำหนดนะสิครับ
คนละเรื่องกันเลย
ครูคาดการณ์ว่าเด็กคนนึงจะได้เกรด 4 แล้วเด็กก็ได้เกรด 4 จริงๆ เราก็จะไม่พูดว่าเขาได้เกรด 4 เพราะการคาดการณ์ของครู หรอกนะครับ ถ้าจะยกประโยชน์ให้ครูก็ต้องไปพูดเรื่องการสอนของครูอะไรไปโน่น ไม่ใช่เด็กได้เกรด 4 เพราะการคาดการณ์
คือมันไม่เป็นหตุเป็นผลกันเลยโดยสิ้นเชิง
แยกให้ออกนะครับ อันนึงคาดการณ์ ซึ่งการคาดการณ์ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อสิ่งนั้นๆ และไม่ได้เป็นการกำหนดสิ่งนั้นๆด้วย
แต่กรณีมุสลิมนี่ต่างนะครับ เจ้านายให้โบนัส ได้เป็นรัฐมนตรี แข่งกีฬาชนะ ฯลฯ ก็บอกว่าเป็นเพราะพระประสงค์อัลลอฮฺ, โดนคนโกงเงิน โดนปล้น โดนทำร้าย ฯลฯ ก็บอกว่าเป็นการทดสอบจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺกำหนดมาเช่นนั้น
นี่ยังไม่นับว่า การคาดการณ์มันมีผิดมีถูกอีกนะ
จะเป็นเพราะ Zakir Naik เห็นปัญหาจากข้ออ้างที่เพิ่งพูดไปหรือไงไม่ทราบ หลังจากนั้นด็อกเตอร์ผู้น่าสงสารคนนี้เลยต้องอ้างเพิ่มว่า เพราะอัลลอฮฺรู้ว่าคุณจะทำยังงี้ ก็เลยกำหนดให้ทำยังงี้
คำถามคือ ถ้าเขาจะทำอยู่แล้ว แล้วยังต้องไปกำหนดทำไมอีก?
และที่สำคัญ ถ้าเราตัดสินใจเองจริงๆมันก็ไม่ใช่การกำหนดจากใครที่ไหนแล้ว ไม่สามารถพูดได้แล้วว่ามีใครกำหนด (ย้ำว่าถ้าเราเลือกเองจริงๆนะ)
หรือในทางตรงข้าม ถ้ามีคนกำหนดก็แปลว่าเราไม่ได้เลือก นั่นแหละ
ช่วงท้าย ด็อกเตอร์ผู้น่าสงสารคนนี้ก็บอกว่า
"ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ แต่คนที่เลือกคือคุณ"
ซึ่งลองคิดตามนะ
สมมุตินาย ก. จะขโมยของ
ดูท่อนแรกก่อน "ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ"
อันนี้แปลว่าการขโมยที่เกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะประสงค์ของอัลลอฮฺ
ถามว่า ก.เลือกได้เหรอ?
ถ้าเลือกได้ (ตามประโยคหลังที่ว่า “แต่คนที่เลือกคือคุณ”) งั้นถ้า ก. เลือกไม่ขโมย ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?
อัลลอฮฺเปลี่ยนความประสงค์ตาม ก. งั้นเหรอ?
อันนี้แปลว่าความประสงค์ของพระเจ้าที่เปลี่ยนตามมนุษย์เลยนะ
ซึ่งก็ต้องถามกลับไปว่า แล้วยังงี้จะพูดได้เหรอว่าพระเจ้าเป็นคนกำหนดนั่นนี่ ในเมื่อตัวชี้ขาดคือการตัดสินใจของมนุษย์ อัลลอฮฺแค่เปลี่ยนตาม ?
แบบนี้ถ้ามีเรื่องดีๆอะไร (เช่น เจ้านายให้โบนัส) จะไปขอบคุณอัลลอฮฺก็ไม่ถูกนะ เพราะอัลลอฮฺแค่กำหนดตามที่เจ้านายเลือก แค่นั้นเอง
(ยิ่งไปกว่านั้น อัลลอฮฺจะต้องมากำหนดทำไม ในเมื่อเจ้านายเขาเลือกยังงั้นอยู่แล้ว?)
หรืออัลลอฮฺไม่เปลี่ยน?
ถ้าอัลลอฮฺไม่เปลี่ยนความประสงค์ แต่ ก. ตัดสินใจต่าง จะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเอาตามที่ Zakir Naik อ้าง "ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ" นั่นแปลว่า ก. จะกลับบ้านตัวเปล่า ไม่ขโมย ก็ต่อเมื่ออัลลอฮฺประสงค์
แต่กรณีนี้อัลลอฮฺประสงค์ให้ขโมย (เพราะเรากำลังพูดถึงกรณีที่อัลลอฮฺไม่เปลี่ยนความประสงค์)
งั้นแปลว่าถึงที่สุดการตัดสินใจของ ก. ก็ไม่มีผลอะไรนะ
เห็นมั้ยครับ มีแต่ความลักลั่นย้อนแย้ง ไม่สมเหตุสมผล เต็มไปหมด
ที่สำคัญ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนนอกศาสนาเท่านั้นที่เห็นปัญหา เพราะแม้แต่มุสลิมเองก็ยังสังเกตุเห็นเลย (ในช่วงต้นการตอบ Zakir Naik ก็ยอมรับเอง)
จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า มุสลิมเหล่านั้นจะกล้ายอมรับความจริง จะกล้าแตกหักกับตัวเองและสังคมมุสลิมหรือไม่ แค่นั้นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ประเด็นเรื่อง Free Will สินะ แปลกดี ที่วงการ Neurologist มีแนวโน้มว่า Free Will จะไม่มีอยู่จริง แต่คนละเรื่องกับ Predestination นะ
ช่วงนี้มีคนถือแหวนทองมาถามเรื่อยๆว่า
“ดูให้หน่อยค่ะ แหวนนี้ใช่ของแท้ไหม “
ซึ่งคนที่ถามแบบนี้จะบอกว่าได้มาจาก เล่นเกมในเฟสได้
หรือไม่ก็ตอบคำถามในเพจชนะ อะไรแนวๆนี้ และแหวนที่ถือมาถามก็จะใส่ตลับมีชื่อร้านต่างๆ แต่จริงๆแล้วแหวนที่ได้มาคือ ”แหวนทองปลอม”
เพจพวกนี้จะหาเงินเข้ากระเป๋า โดยจะโพสคำถามเป็นรูปต่างๆให้ตอบ และบอกว่าตอบถูกแจกแหวนทอง โดยจะส่งเป็นพัสดุเก็บเงินปลายทาง (จากที่สอบถามจากคนที่โดนมาคือ 200บาท) คนที่ถูกหลอกก็จะคิดว่าแค่200ได้แหวนทองยังไงก็คุ้ม ก็จะจ่ายเงินไป สุดท้ายคือได้รับแหวนทองปลอม
ซึ่งเพจพวกนี้นับวันยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนจะแชร์เร็วมาก คนถูกหลอกก็มากขึ้นเรื่อยๆ บางเพจมียอดคนกดLike หลายหมื่น(หรืออาจถึงแสน)
ล่าสุดเพื่อนคนนึงตอบผิด เจ้าของเพจยัง inbox เข้ามาหาจะส่งรางวัลให้เลย (ก็คือตอบผิดถูกยังไง เขาก็จะส่งของให้อยู่ดีเพราะหวังเงินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว) ในโพสนั้นคนตอบหลักหมื่นคน จำนวนคนที่ตกเป็นเหยื่อจะขนาดไหน
ก็อยากให้ทุกคนระวังหรือเตือนคนใกล้ตัวให้ระวังเพจพวกนี้ไว้ด้วยครับ
🙂
หากินกับความโลภจากคนไทยได้เสมอ
ขยายความนิดนึง
มันประมาณว่าจุด A ต้องสั่งจุด B มันจึงจะทำตาม แต่ก็มีเช่นกันที่เวลาเหลื่อมกัน คือจุด B ทำงานก่อนจุด A สั่ง หรือทำงานพร้อมกัน บางครั้งข้ามไปจุด C ทำงานก่อน B คือไม่เป็นไปตามลำดับก็มี
มีเรื่องความรักมาเล่าให้ฟัง คืองี้ เดือนที่ผ่านมา เจอน้องคนนึงใน FB มีคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสมเป็นแฟนกู เรียกว่า เหมือนฟ้าสร้างมาให้เป็นเนื้อคู่เลย
คือ หน้าตาเหมือนกู รูปร่างเหมือนกู ตัวสูงเท่ากู สีผิวเหมือนกู เป็นโบทเหมือนกู ทำงานในวงการสื่อเหมือนกู ชอบดูหนังดูซีรี่ส์เหมือนกู ติดตามข่าวสารแวดวงบันเทิงต่างประเทศเหมือนกู เรียกว่าคุยภาษาเดียวกันรู้เรื่อง นิสัยก็คล้ายกู กริยาท่าทางเหมือนกู ชอบเรื่องเซ็กส์มากเหมือนกู เรียกได้ว่า ถ้าคบหาเป็นแฟนกัน หรือแต่งงานกัน จะนำพาชีวิตไปสู่ความรุ่งเรืองเจริญก้าวหน้าได้เลย
ปรากฏว่า หลังจากเจอกัน 2 ครั้ง (ครั้งแรกไปดูหนัง ครั้งที่สองเย็ดกัน) น้องเค้าก็ไม่ยอมออกมาเจอกับกูอีกเลย พยายามหนีหน้า จนล่าสุด นัดน้องไปดูหนัง แล้วน้องแม่งเบี้ยวนัดโว้ย คือแกล้งไม่มาตามนัด ไม่รับสาย แต่ก็เล่น FB ตามปกตินะ หลังจากนั้น โทรไปก็ไม่รับสายอีกเลย
สิ่งที่กูคิดคือ "เย็ดแม่ ขนาดคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับกูขนาดนี้ มันยังไม่เอากูเป็นแฟนเลยว่ะ แล้วกูต้องไปเอาหมาที่ไหนเป็นแฟนวะ แล้วน้องเค้าอยากได้คนแบบไหนเป็นแฟน เหรอ ขนาดเจอคนที่เหมือนร่างก๊อปปี้ของตัวเองมาปรากฏตรงหน้าแล้ว ยังไม่เอา"
จุดพีคอีกอย่างคือ น้องคนนี้มีคลิปโป๊ว่อนเน็ต 20 30 คลิป เกย์แทบทุกคนใน Twitter แทบจะเคยผ่านตาคลิปน้องเค้า ดังนั้น กูเลยคิดว่า การที่ใครสักคนที่มีหน้ามีตาในสังคม กล้าที่จะคบเป็นแฟนกับน้องเค้า โดยไม่แคร์ว่าจะถูกชาวบ้านนินทาว่าร้าย แสดงว่าคนๆนั้นจะต้องรักจริงแน่นอน ดังนั้น น้องเค้าน่าจะรู้สึกประทับใจ แล้วตอบตกลงนะ แต่ก็ไม่เอาว่ะ!
Japan 1945: BANZAI!
Japan 2018: SENPAI!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ให้ลดราคานำ้มัน ....ผลประโยชน์จะตกกับใคร? ....28 พค.2561
วิวาทะพลังงานกลับมาร้อนแรงอีกวาระหนึ่ง มีการงัดข้อมูลต่างๆของทั้งสองฝ่ายออกมาชักจูงโน้มน้าวต่างๆนาๆ ซึ่งผมสังเกตุดู ก็เป็นการเลือกสรรข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับแนวทางการรณรงค์ของฝ่ายตน บางครั้งก็เป็นข้อมูลที่ไม่ครบไม่เกี่ยวกัน เช่น เอาราคาขายปลีกสุดท้ายมาเทียบให้ดูเฉยๆ ไม่บอกรายละเอียดด้านภาษี แล้วเลือกแต่จะเทียบกับประเทศที่อยากเทียบ หรือไม่ก็เลือกคัดสรรข้อมูลในวัน ในช่วงเวลาไม่ปกติมาแสดง
วันนี้ผมก็เลยขอเอางานวิจัยด้านวิชาการ มาแสดงเพื่อโน้มน้าวความเชื่อฝั่งของผมบ้างนะครับ
ในงานวิจัยของIMF เมื่อปลายปี 2558 เรื่อง “The unequal benefits of fuel subsidies revisited : Evidence for developing countries.” ซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ชัดเจนว่าการแทรกแซงด้านราคาในพลังงานนั้นมีผลเสียมากมาย ทำให้เกิดการบิดเบือนหลายด้าน และที่สำคัญ ผลประโยชน์จากการแทรกแซงอุดหนุนนั้น(ซึ่งก็คือต้นทุนของประเทศ ของประชาชนทุกคนแหละครับ)กลับไปตกกับคนรวยคนมั่งมีเสียเป็นส่วนใหญ่ คนจนได้รับกระเส็นกระสายแต่เพียงส่วนน้อยถึงน้อยมากเท่านั้น
การวิจัยที่รวบรวมข้อมูลจากประเทศกำลังพัฒนา บอกว่า ทุกบาทที่มีการอุดหนุนราคาพลังงาน ผลประโยชน์ทั้งทางตรงทางอ้อมจะตกกับคนที่รวย 20%แรกเฉลี่ย ถึง 45 สตางค์ ขณะที่กลุ่มคนรายได้น้อยที่สุด 20%สุดท้าย จะได้รับเพียง 7 สตางค์เท่านั้น …แต่ถ้าเอาผลทางตรง โดยเฉพาะนำ้มัน ถ้าลดราคาลงลิตรละ 1 บาท คนรวยสุดหนึ่งในห้าแรกจะได้ไปถึง 65 สตางค์ ขณะที่คนจนหนึ่งในห้าสุดท้าย จะได้แค่ 2.4 สตางค์เท่านั้น ต่างกันถึง 27 เท่าตัว (ทั้งหมดดูรายละเอียดในชารต์และตารางที่ผมนำมาโพสต์ด้านล่างได้นะครับ หรือจะเข้าไปอ่านทั้งเปเปอร์ก็ได้ในhttp://www.imf.org/external/pubs/ft/wp/2015/wp15250.pdfครับ)
ขอแปลขยายให้ง่ายๆอีกทีนะครับ …ถ้าเราลดภาษีนำ้มันลิตรละ 1 บาท เราใช้นำ้มันเฉลี่ย 90 ล้านลิตร/วัน ปีนึง 32,900 ล้านลิตร ปีหนึ่งรัฐก็จะเสียรายได้ไป 32,900 ล้านบาท(ต้องไปหาเพิ่มทางอื่น หรือลดค่าใช้จ่ายลง) แต่ประโยชน์จะตกกับคนรวยที่สุด13 ล้านคน(ที่มีผมอยู่ในนั้นด้วย)เสีย 21,385ล้านบาท ได้คนละ 1,645 บาท ขณะที่คนจนสุด13ล้านคน แบ่งกันไป 790ล้านบาท ได้แค่คนละ 61บาทเท่านั้น ……แล้วจะลดภาษี หรืออุดหนุนราคาไปทำไมครับ ให้ประโยชน์มาตกกับคนมีรถแรงๆสี่คันอย่างผมทำไม
จะว่าไป ในทางกลับกันนั้น ภาษีนำ้มัน นับเป็นภาษีที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากที่สุดอันหนึ่ง คือ เก็บจากคนรวยมากกว่าเป็นลำดับขั้นไป(ดูตารางอีกทีได้นะครับ) ซึ่งก็เป็นการสมควร เพราะคนรวยย่อมใช้สาธารณูปโภคมากกว่า ใช้ถนนหนทางมากกว่า ก็ควรจ่ายมาก ……ที่จริงเราควรขึ้นภาษีนำ้มันมากกว่านี้อีกด้วยซำ้ แล้วเอาเงินไปช่วยคนจน ช่วยคนด้อยโอกาสแบบเต็มๆจะดีกว่ามาก (ถ้าคนจนรับภาระไม่ไหว ก็แจกคูปองสวัสดิการไปตรงๆได้เลยครับ)
นี่ว่าในส่วนของภาษีและค่าเงินกองทุนต่างๆเท่านั้นนะครับ ในส่วนของค่าการกลั่น และค่าการตลาดที่มีคนเเลือกเอาข้อมูลอดีตวันที่มันตำ่ผิดปกติ มาโน้มน้าวต่างๆ ผมได้เคยอธิบายไว้แล้ว จะหาโอกาสมาอธิบายอีกทีนะครับ
ขอเรียนว่า การปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกตลาดเป็นหลัก โดยรัฐเข้ากำกับ เข้าแทรกแซงเท่าที่จำเป็นอย่างที่ประเทศไทยทำอยู่ เป็นนโยบายพลังงานที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการแทรกแซงเกินควร ซึ่งจะก่อให้เกิดการบิดเบือน และเป็นปัญหาระยะยาวมากกว่าครับ โดยเฉพาะสำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่มีแหล่งพลังงานไม่พอเพียงกับความต้องการอย่างเรา ซึ่งก็มีงานวิจัยต่างๆยืนยันมากมาย อย่างตัวอย่างที่ผมยกมา (ถึงตอนนี้ ก็คงมีคนมาด่าว่า IMFเป็นทาสทุนพลังงานอีกแหละครับ)
ก่อนที่จะเลือกเชื่อ จะเลือกสรุปอะไร ลองฟังความให้รอบด้าน แล้วใช้หลัก”กาลามสูตร”คิดเสียก่อนนะครับ
ปล. ผมเป็นสมาชิกของกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Energy Reform for Sustainability) ครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไปค้นประวัติศาสตร์การประกวด Mister Gay World มา ก็พอตีโจทย์เวทีนี้ได้ว่า เค้าต้องการคนที่มีความเป็น "ผู้นำของชาวเกย์" เพื่อเป็นกระบอกเสียง ในการต่อสู้เรื่องต่างๆพร้อมกับองค์กรของเขา
1.เรื่องความหล่อและหุ่นดี
เวทีนี้ต้องการคนหล่อและหุ่นดีแบบ "คนสามัญที่ใส่ใจดูแลหน้าตาและสุขภาพตัวเอง" เพราะดูมีความเป็นผู้นำด้านสุขภาพ
แต่ไม่เอาคนที่ไม่ดูแลรูปร่างหน้าตาตัวเอง และไม่เอาคนที่หล่อหุ่นดีแบบโอเว่อร์จนเหมือนนายแบบ เพราะดูไม่ค่อยเป็น "ผู้นำ" (ด้วยเหตุนี้ คนหล่อโคตรๆอย่าง เสปน กับ เบลเยี่ยม ถึงได้ตุ๊บ)
จุดนี้ กรรมการไทยตีโจทย์ผิด ว่าเวทีนี้ไม่สนคนหล่อหุ่นดี
2.เรื่องความออกสาว
เวทีนี้อนุญาตให้ออกสาวได้ เพราะคนที่เข้ารอบลึกๆหลายคนก็ออกสาว แต่ทุกคนออกสาวในระดับที่พอดีๆ ไม่มากเกินไป ไม่สาวจนหลุดจากคำว่า "ผู้นำ"
เวทีนี้ต้องการคนที่มีลุคแบบ "ผู้นำ" ดังนั้น แม้จะออกสาว ก็ควรสาวแบบพอดีๆ สาวแบบผู้นำ สาวแบบดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่เอาสาวแบบตลกๆ
จุดนี้ กรรมการไทยตีโจทย์ผิด ว่าเวทีนี้ให้ออกสาวแบบไหนก็ได้
3.เรื่องการแสดงวิสัยทัศน์
กองประกวดมักพูดเรื่องการพรีเซ้น ว่าคุณจะทำอะไรดีๆให้กับสังคมชาวเกย์ ซึ่งจุดนี้ แสดงให้เห็นว่า เค้าต้องการ "ผู้นำชาวเกย์" จริงๆ แต่กระนั้น นี่ก็เป็นแค่ส่วนประกอบอย่างหนึ่งในการตัดสิน จากหลายๆอย่าง ไม่ใช่คะแนนทั้งหมด
จุดนี้ กรรมการไทยตีโจทย์ผิด ว่าเวทีนี้เน้นเรื่องการแสดงวิสัยทัศน์เป็นหลัก
4.คะแนนระหว่างเก็บตัว
แอดมินคิดว่า "มีผลมากๆ" เชื่อว่ากรรมการคอยจับตาดูพฤติกรรมผู้เข้าประกวด ระหว่างที่ทำกิจกรรมต่างๆ ว่าใครมีความเป็น "ผู้นำ" บ้าง
คนที่มักทำตัวเป็นแกนนำ นำเพื่อนๆ เป็นศูนย์กลางของเพื่อนๆ (เหมือนหัวหน้าห้อง) จะได้คะแนนมากเป็นพิเศษ ส่วนคนที่มาแนวตลกๆ หรือ คนที่มาแนวมึนๆ งงๆ เค้าว่าไงก็ว่าตาม จะได้คะแนนน้อย
ซึ่งคนที่ได้ "ภาษาอังกฤษ" จะโชคดีมาก เพราะสามารถสื่อสาร แสดงความเป็นผู้นำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ซึ่งข้อ4 คนไทยจะเสียเปรียบสุด เพราะ 1.มักไม่ได้ภาษา 2.คนไทยมักไม่กล้าแสดงออกด้านการเป็นผู้นำ
คนไทยถ้าไม่ทำตัวเงียบๆ อ่อนน้อมถ่อมตน ก็มักทำตัวตลกๆ เป็นตัวฮาประจำกลุ่ม ซึ่งไม่ใช่ลักษณะของผู้นำ
สรุปแบบสั้นๆคือ โจทย์ในการหาตัวแทนไปประกวด Mister Gay World ก็คือ "หาคนที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่า เขาเหมาะเป็นแม่ทัพ ในการนำทัพชาวเกย์ไปต่อสู้" ส่วนคนไหนที่เห็นแล้วรู้สึกว่า "จะนำทัพไหวไหมวะ" คนนั้นคือไม่ใช่ จบข่าว
>>537 >>541 >>542 >>543
มิตรสหายท่านหนึ่งได้เตือนมานานแล้วว่า
ลัทธิลักเพศนิยม (Homosexuality) คือการเสพย์เมถุนระหว่างชายกับชาย และหญิงกับหญิงซึ่งเป็นเพศเดียวกัน ลัทธิเสพย์เมถุนระหว่างหญิงกับหญิงนั้นยังมีชื่ออีกอย่างว่า "เลสเบียนิสม์ " (Lesbianism) "ลักเพศนิยม" ถือว่าเสรีภาพของบุคคลที่จะกระทำการใดตามความพอใจในการเสพย์สุขนั้นมีค่าสูงสุด บุคคลจึงต้องหาความสุขสำราญให้เต็มที่ โดยไม่ต้องคำนึงศีลธรรมอันดีของปวงชน เพราะการเสพย์เมถุนระหว่างคนเพศเดียวกัน ลัทธินี้ถือเอาความเสพย์สุขทางเมถุนเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าชาติพันธ์ของมนุษยชาติ โดยไม่คำนึงถึงว่ามนุษยชาติมีเพศชายและเพศหญิง ซึ่งได้แพร่พันธุ์สืบต่อ ๆ มา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ มิฉะนั้นมนุษยชาติก็สูญสิ้นชาติพันธุ์ไปพ้นจากโลกนี้ช้านานมาแล้ว ผู้ประพฤติลักเพศและเผยแพร่ลักเพศในชาติใด ผู้นั้นก็ทำลายชาติพันธุ์แห่งชาติของตนเอง อันเป็นอาชญากรรมอย่างมหันต์
#ปัญหาใหญ่ของลูกชายเฉินคุน
เฉินคุนเคยให้สัมภาษณ์เรื่องเกี่ยวกับลูกชายของเขาไว้เมื่อนานมาแล้วว่า
ลูกชายของผมเล่นอยู่กับเพื่อนที่เป็นเด็กหญิงตัวน้อยๆ คนหนึ่ง เขากล่าวกับเด็กหญิงว่า
ลูกชายเฉินคุน: เมื่อเราโตขึ้น มาแต่งงานกันเถอะ
เพื่อนนักเรียนหญิง: ไม่ ฉันไม่อยากแต่งงานกับเธอ ฉันอยากแต่งงานกับพ่อของเธอต่างหาก
ลูกชายเฉินคุน: ฉันอยากเป็นสามีของเธอแต่เธอกลับอยากเป็นแม่ของฉันเนี่ยนะ????
เฉินคุนว่า ลูกชายเขาโกรธมากที่ไม่สามารถสู้พ่อของเขาได้
.................................................................
แอบสงสารปนขำน้องเบาๆ มีพ่อหล่อมากก็เป็นปัญหาชีวิตได้เหมือนกันนะเนี่ย
ปัจจุบันลูกชายของเฉินคุนมีอายุราวๆ 16 ปีแล้วแต่ไม่ได้ออกสื่อ เลยมีแต่รูปเป็นเด็กตอนเล็กๆ ไม่กี่รูปเท่านั้น
ส่วนเฉินคุนอายุ 42 ปี โสดจ้า ไม่ได้แต่งงาน มีลูกชายแต่ไม่มีภรรยา และก็ไม่ได้เปิดเผยกับสื่อด้วยว่ามารดาของลูกชายเขาคือใคร สื่อจีนว่าเป็นความลับของวงการบันเทิงจีนเลยทีเดียว
แล้วดู ผู้ชายอายุ 42 จำเป็นต้องหล่อและหน้าละอ่อนขนาดนี้ไหม๊ โอ๊ย ใจละลายเจ้าค่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ว่าแล้ว ว่าต้องมีคนมอง computing science หรือวิทยาการคำนวน ว่าเป็นการเรียนเขียนโปรแกรม มากกว่าเป็นการเรียน "แก้ปัญหา" ด้วยโครงสร้างและการร้อยเรียงกันของตรรกะ เหตุผล เพื่อการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและขั้นตอน (problem solving) .... แล้วบอกว่าไม่เหมาะกับเด็ก ยากไป ควรเป็นวิชาเลือก ฯลฯ
มันไม่ใช่เรียนเขียนโปรแกรมครับ เรียน computing science นี่ไม่ต้องเขียนโปรแกรมเลยก็ได้ครับ ..... (เพียงแต่ "application หนึ่งของมัน คือการให้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหานั้นให้ ซึ่งก็ต้องเขียนโปรแกรมสั่งมัน" เท่านั้นเอง)
ถ้าเด็กเล่นต่อ lego ได้ เล่นเกมหาทางออกได้ แต่งตัวตุ๊กตาได้ เล่นโดมิโนได้ หรือเล่นเกมบันไดงูได้ ก็เรียนได้ครับ ความยากมันประมาณนั้นแหละครับ (และจริงๆ แล้วเนื้อหามันก็ประมาณนั้นแหละ)
if you think anime is better than imperial japan than you are just left-wing degenerate.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีคน inbox เข้ามาถล่มทลายมาก จนเข้าใจหลักการการทำธุรกิจ franchise ของ อายุน้อยร้อยล้าน ล่ะ ถ้าเพื่อนคนไหนอยากรวย ทำตามนี้ได้นะ ก็จะรวยได้
1. หาของง่อยๆ สร้าง package ให้ดีๆ สร้างภาพให้ดีๆ ไปหาตัดสูทไว้ก่อนเลย
.
2. คิด story ให้แบบดูลำบากๆตอนแรก ยิ่งเจ๊งยิ่งดี จะได้ดู real แล้วสักพัก ก็ยอดขายพุ่ง จะโม้ว่ามีกี่สาขา ก็บอกไป ไม่มีใครตามหรอก ฝึกพูดวันละ 10 รอบ เพื่อให้โกหกได้แนบเนียน
.
3. เริ่มติดต่อรายการหลายๆรายการเข้าไป เพื่อสะสมเรื่องชื่อเสียง เช่น อายุน้อยร้อยล้าน เจาะใจ woody หรือ ลองเข้า SME ตีแตก หรือ อื่นๆ ลองหาดูนะ ตามกลุ่มเป้าหมาย ลองเทียบดู อันไหนทำได้ ทำไปเลย ยืมเงินเพื่อนมาลงทุนก่อน บอกว่า ยังไงได้คืนแน่ๆ
.
4. พยายามออกรายการรัวๆ แล้วเอา logo มาแปะไว้ ใส่สูทบ่อยๆ เสมือนว่าเป็นนักธุรกิจร้อยล้าน โพสหล่อๆเข้าไว้ในเฟซบุ๊ก เน้นคำคม ถ้ามีคนให้ไปสัมมนา อย่ารอช้า ปลากินเบ็ดแล้ว รีบไปทันที
.
5. ทีนี้ พอเริ่มมีฐาน FC ก็เริ่มปฏิบัติการขาย franchise ได้เลย ทำแบบ OK20 ก็ดีนะ ขายรัวๆ จนไปซื้อแลมโบ ถถถถถถ แล้วทิ้งไว้กลางทาง พวกที่ซื้อไปนี่แทบร้อง
.
6. ก่อนจะไปเรื่องที่สำคัญ อย่าลืมหลังบ้านให้ดี ถึงแม้จะเป็นงานกลวงๆ แต่ก็ไม่มีใครอยากลงทุนแล้วขาดทุนใช่ไหมคะ ให้ใช้สมการนี้
"ค่าออกรายการ + กำไรคาดหวัง = กำไรต่อ franchise x จำนวนคน"
.
7. Sohee ว่าจากข้อ 6 มีหลายคนคงตามไม่ทัน งั้นเอาตัวอย่างไป
7.1 ออกรายการ 2,500,000 บาท (2 รายการ + boost post)
7.2 กำไรคาดหวัง สมมติว่าอยากได้ 5,000,0000 บาท
7.3 กำไรต่อ franchise สมมติว่าขาย 60,000 แล้วกำไร 50%
ก็ตีไปว่า กำไรต่อ franchise = 30,000 บาท
7.4 ตัวนี้ จะต้องใส่ตัวเลขในสมการดูนะคะ ว่าจะได้กี่คน
.
8. มาเลย มาคำนวณให้ต่อ
2,500,000 + 5,000,000 = 30,000 x จำนวนคนที่มาซื้อ
7,500,000/30,000 = จำนวนคนที่มาซื้อ
จำนวนคนที่มาซื้อ = 250 คน
เห็นไหมคะ หาคนมาซื้อสัก 250 คน
ธุรกิจนี้ ก็จะทำกำไรได้ 5,000,000 บาทแบบง่ายๆ
.
9. นี่ คือ ตีค่าออกรายการเผื่อไว้แล้วนะ
หรือว่า ถ้าเราไม่ได้ใช้ระบบนี้ จะทำแบบที่บางคนคิดจะทำก็ได้
ก็เป็นเจ้าของระบบเองเลย ไปหาทีมตัดต่อ VDO
ทีมถ่ายรูปสวยๆ ทีมเขียนบท แล้วสร้างรายการขึ้นมา
แรกๆ อาจจะเหนื่อยหน่อย หาตัวจริงมาให้ได้
พอสักพัก ค่อยเข้าฤดูเก็บเกี่ยว ไม่เกิน 3 ปี คืนทุน
ไม่ต้องรอนานเหมือนโชว์ที่เสียมเรียบ ถถถถถถถถถถถ
.
10. เพื่อนๆมาทำกันไหม เอาไปหลอกพวกเลเวล 1 กัน
ท่องไว้ เราจะรวย รวย รวย รวย รวย รวย
เราจะประสบความสำเร็จ เราจะขับแลมโบ ถถถถถถถ
เครดิต Sohee โซฮี ผีที่พร้อมจะไปผุดไปเกิดทุกเวลา
อายุน้อยร้อยล้าน รายการนี้ ค่าออกรายการ 1 ล้านบาทนะคะ ยังไม่รวมอย่างอื่น ใครแนะนำให้ บอสใหญ่ที่นามสมมติว่า "ก้อง" ก็จะได้ค่า commission 10% หรือ ประมาณ 100,000 บาท
ใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 1-3 เดือน เอาไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ตอนนี้มีสายข่าวหลายสาย กำลังส่งทีมงานไปตรวจสอบ ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไร จะมาแจ้งนะคะ
จุดประสงค์ คือ ลงทุนเอาไว้สร้างภาพ แล้วเอาภาพมาใช้ผลประโยชน์เชิงธุรกิจอีกครั้ง บางคนลงไป 1 ล้าน แต่ได้คืนมา 10 ล้านก็มี
ตอนนี้ มีคนในอายุน้อยร้อยล้านหลายคนมามอบตัวแล้ว รู้ระบบกลไกข้างในหมด ฟังแล้วรู้สึกเสื่อมมาก ไม่ค่อยอยากเล่าให้เพื่อนๆฟังเลย มันแบบว่า บางแง่อาจจะดี ได้แรงบันดาลใจ
แต่แรงบันดาลใจที่ดี ต้องไม่ใช้แหล่งเชื้อเพลงที่มาจากรายการทีวีนะคะ แรงบันดาลใจที่ดี ต้องมาจาก "ใจ" ของตัวเพื่อนๆเองนะคะ
ไม่รู้จะเล่าเบื้องหลังให้ฟังดีหรือเปล่า รู้สึกเหนื่อยกาย เหนื่อยใจเหลือเกิน ช่วงนี้
พวกมึงที่อยากมีชีวิตหรูหรา กูจะบอกความหรูหราให้ฟัง
1. ถ้ามึงหรูหรา มึงจะฟินมากๆ แต่ไม่นานนักหรอก มึงจะเริ่มชิน แล้วก็เบื่อ เหมือนมึงนั่งเครื่องบินด้วย economy บ่อยๆ แล้วไปนั่ง business แล้วจะฟินสัสๆ แต่ถ้ามึงบิน business 10 เที่ยว มึงก็จะรู้สึกเฉยๆแล้ว เพราะมึงชิน
2. ความหรูหรา ไม่ใช่ความสุข ถ้ามึงชอบแดกหูฉลาม แล้วมึงแดกแม่งทุกมื้อ มันก็ไม่ได้เป็นของที่มึงอยากแดกหรอก มันอร่อย เพราะว่ามันไม่มีโอกาสแดกได้บ่อยๆไง เหมือน วันเสาร์อาทิตย์ ถ้ามึงเปลี่ยนให้ทุกวันเป็นวันเสาร์อาทิตย์ แม่งก็ไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์ที่แท้จริงไงไอ้สัส
3. พวกนักฟอกเงินที่ใช้ชีวิตหรูหรา มันไม่ได้มีความสุขจริงๆหรอก เทียบกับพนักงานเงินเดือน 9000 บาท แต่ทำงานซื่อตรง กินข้าวอิ่ม นอนหลับ มีคนรัก มีปัญหาต้องแก้ไข แต่ก็ได้ลงมือทำจริงๆ สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง มันก็เป็นชีวิตที่แท้จริง ในระหว่างนั้นมันมีความสุขเสมอๆ ไม่ใช่การขับรถคันละ 10 ล้าน มึงเชื่อกู รถไอ้สัสบอยแม่งกากสัส รถแถวบ้านกูคันละ 100+
4. ความหรูหราเป็นแค่เปลือกนอกอันตื้นเขิน และเป็นความสุขเหมือนการชักว่าว มึงแค่ฟินตอนนั้น แล้วมึงก็จะกลับมานั่งหงอย คนจะชาบูพวกมึงจากของรอบๆตัวมึง ที่ไม่ใช่ตัวมึง ในระยะยาว มันไม่ได้น่าดีใจเลยนะมึง กูจะบอกให้
5. พวกนี้ แม่งรู้ตัวอยู่แล้ว ขามันเข้าคุกไป 1 ข้าง ตั้งแต่มารับหน้าเสื่อในการเป็นตัวฟอกเงินให้พวกเบื้องหลัง มันมีอีกเยอะเลยมึง มีโหด และเหี้ยกว่านี้ การหาแพะมาบูชายัญเรื่องสัญญาต่างๆ ก็มี
6.ความหรูหรา ไม่มีห่าอะไรเลยจริงๆ กูบอกได้ กูแตะความหรูหราไปบ้างแล้ว แต่กูชอบกินส้มตำหน้าปากซอย ชอบกินข้าวแกง ชอบนั่งกินกับคนทั่วไป เพราะกูรวยพันล้าน แต่กูก็เป็นแค่คนธรรมดา กินขี้ว่าวนอน เหมือนคนอื่น กูไม่ได้เป็นอมตะเหมือนเรื่อง In time
7. ความหรูหรา ความไฮโซ อย่างไอ้สัส ocean bunker ในตำนาน ที่กูเคยเล่าให้ฟังเมื่อสมัยเพจเก่า แม่งเหี้ยสิ้นดีเลยมึง มันได้เงิน ได้เย็ดดารา แลกมาด้วยความเดือดร้อนของประชาชน เหมือนกับไอ้เหี้ยพวกนี้ ขับรถ เที่ยวต่างประเทศ แดกหูฉลาม เงินประชาชนทั้งนั้น เงินพวกมึงน่ะแหละ
8. กูจะเล่าเรื่องนึงให้ฟัง ตอนกูยังอยู่เมืองไทย กูไปขึ้นรถทัวร์ VIP 32 ที่นั่ง กูแม่งเบื่อสัสๆ เมื่อย กูอยากดูทีวีแบบที่ดูใน business class แบบที่กูมา แต่กูมีโอกาสไปหลายประเทศไง กูไปเจอ india กูไปเจอ China ไอ้เหี้ย น้ำตาจิไหล รถทัวร์กากๆแถวบ้านเรา แม่งวิเศษสัสๆ ของแบบนี้มันอยู่ที่ความคาดหวังของพวกมึงเนี่ยแหละ มึงคาดหวังสูง มึงจะไม่มีความสุข
9. ข้าวร้านข้าวแกงธรรมดาๆ จานนึง ราคา 25 บาท มันไม่ได้แปลว่ามันจะกากกว่า หูฉลามชามละ 1500 บาท หรือกูไปแดกร้าน sushi ใมตำนานที่ Ginza ของปู่จิโร่ ที่ชั้นใต้ดิน ที่คนทั่วไปแดกไม่ได้ เพราะแม่งต้องจอง มิชลิน 2 หรือ 3 ดาววะ กูลืม ตีเป็นเงินไทย ตอนที่เงินเยนยังแข็งกว่านี้ ก็ราวๆ หมื่นนึง
10. สรุปแล้ว ความสุขมันอยู่รอบๆตัวมึงแหละ มันไม่มีอะไรจริงหรอก มนุษย์ไม่ได้เกิดมาอยากนั่งลัมโบมาหรอก มันเจอระบบทุนนิยม inception มึงให้อยากนั่งลัมโบ มึงไม่รู้จักลัมโบด้วยซ้ำ การตลาดทำให้มึงรู้จัก และทำให้มึงอยากเอง
พูดยาวไปแล้วสินะ พวกมึงคงเข้าไม่ถึง อย่าลืมนะ อย่าไปหลงทางกับคำว่าหรูหรา กินข้าวกับครอบครัวมึง นั่งคุยกันอย่างมีความสุข มีเวลาให้กัน นั่นแม่งโคตรของความหรูหราแล้ว ตามนั้นย์
เครดิต พี่หมี ที่หลงหีอยู่ในทวีปมืด เขียนเมื่อหลายปีที่แล้ว (ตอนที่บอยปกรณ์โดนยึดรถ และกำลังล่าแชร์ลูกโซ่อยู่)
กูไม่ได้รังเกียจความจน
กูไม่ได้ชอบความหรูหรา
กูแค่รังเกียจความเป็นลูกหนี้
และชอบความเป็นอยู่ที่สุขสบาย
เครดิต ท่ดๆ แมวพิมพ์
555555555555 ไอยุ่นเป็นพ่อมึงเหรอออออออออ
“ถ้าจะเอาถูกเอาผิด เรื่องกฎหมาย สังคมจะอยู่กันอย่างไง”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลองใช้ชีวิตสบายๆจนชิน พอมึงซวยถังแตกขึ้นมาจะทนอยู่รูหนูไม่ได้
เลยมีกระแสฮิตอยู่ช่วงนึงที่พวกใส่สูทพร้อมใจกันโดดตึก
Bomberman คือผู้ริเริ่มเกมแนว Battle Royale ที่แท้จริง โดย Gameplay จะเริ่มที่ผู้เล่นเกิดมาตัวเปล่ากะระเบิดลูกนึง แล้วทุกคนต้องวิ่งลูทของบนแมพเพื่อเอาไปฆ่าคนอื่น คนที่ตายของก็จะตกหมดตัว คนที่ฆ่าสามารถลูทของคนตายได้ พอใกล้หมดเวลาเกมก็จะเริ่มบีบกำแพงล้อมพื้นที่ให้เล็กลงเพื่อบังคับให้ผู้เล่นสู้กันใกล้ๆ ถ้าคนใหนมัวโอ้เอ้อยู่นอกกำแพงก็จะโดนบล๊อคทับตาย ผู้เล่นต้องฆ่ากันจนกว่าจะเหลือผู้ชนะแค่คนเดียว
ในระหว่างที่ PUBG กำลังฟ้อง Fortninte หนูแนะนำให้ Konami ฟ้อง PUBG อีกทีนึง เพื่อเอาตังทีี PUBG ได้จาก Fortnite ไปสร้างตู้ปาจิงโกะ Bomberman ค่ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนที่บอกให้กลับไปใช้ entrance สมัยชาติที่แล้ว คือคนที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
มิตรสหายท่านหนึ่ง
เอินได้มีโอกาสนั่งคุยกับกลุ่มเพื่อนสาวที่สนิท ซึ่งบังเอิญมีหนึ่งสาวเป็นนักจิตวิทยา และเป็นคนที่คอยช่วยคอยแนะนำให้เอินคอยอยู่กับร่องกับรอยเรื่องการรักษา
.
ในวงที่มีทั้งนักจิตวิทยาและผู้ป่วย เราจึงพูดกันถึงเรื่องโรคซึมเศร้าและภาวะต้องการฆ่าตัวตายที่มันใกล้ตัวกว่าที่ทุกคนเคยคิด
.
หลายครั้งคนชอบพูดติดปากว่า
คนที่ฆ่าตัวตายคือคน #คิดสั้น
.
แต่แท้จริงแล้วในหลายเคสกลับพบว่า คนที่ฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็มักมาจากรากของชุดความคิดใกล้เคียงกัน เป็นการคิดที่ผู้ป่วยมองว่าถี่ถ้วนและรอบด้านแล้ว ว่าชีวิตที่เจ็บปวดทรมานอยู่นั้น... ไม่มีทางออกอื่นให้เลือกแล้ว
.
บางคนไม่ได้อยากตายหรอก เพียงอยากให้ความเจ็บปวดทรมานที่กำลังเผชิญอยู่นั้น... จบเสียที แต่เมื่อไม่ว่าจะมองไปทางไหน ไม่ว่าจะคิดทบทวนไตร่ตรองเท่าไร ก็พบว่าปัญหาจะยังอยู่... จึงต้องการที่จะจบปัญหา ด้วยการไปจากโลกที่มีแต่ความเจ็บปวดนี้
.
ในหลายรายอาจมีภาวะโทษตัวเอง (เช่นในเคสของแอดมินเอินเอง) ด้วยชุดความคิดที่ถูกสะสมมามันทำให้เชื่อว่า ตัวเองคือจุดกำเนิดของปัญหาความอัปรีย์ทุกอย่าง
.
ถ้าเป็นเคสแบบนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะคนที่มีภาวะรู้สึกผิดและโทษตัวเองแบบนี้ จะยิ่งรู้สึกว่าหนทางเดียวที่จะทำให้ปัญหาจบลงได้ คือการต้องจบชีวิตของตัวเองเท่านั้น
.
พูดง่ายๆ คือตรรกะมันพาไปเข้าใจว่าการทำร้ายตัวเองหรือการฆ่าตัวตายนั้น คือการแก้ปัญหาที่ต้นตออย่างแท้จริง
.
มันจึงไม่ใช่การคิดสั้นอย่างที่คนชอบพูด
เพราะมันผ่านการไตร่ตรองมาอย่างครบถ้วน
.
เราแค่อยู่บนโลกคนละใบกัน... เท่านั้นเอง
.
ปัญหาคือ... ในโลกของเรา ตรรกะมันเป็นอีกแบบ เรามีชุดความเชื่อที่ถูกสะสมมา ด้วยมุมมองของคนที่อยู่ในภาวะจิตใจที่ไม่สามารถเห็นคุณค่าของตัวเองได้
.
ก็หลายอย่างที่เจอมาในชีวิต... จะให้คิดให้มองตัวเองเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรล่ะ
.
ดังนั้น อย่าต่อว่า ประชดให้เราไปตาย หรือด่าทอเราเลย..... มันจะยิ่งส่งให้เราจากไปง่ายขึ้น
.
.
.
แล้วจะรู้ได้อย่างไร
ว่าคนใกล้ตัวอาจกำลังอยากจากไป
.
เรา.... อาจพอสังเกตได้ค่ะ
.
หลายครั้งเขาอาจพูดอะไรที่ดูเหมือนลดทอนคุณค่าของตัวเอง บางคนบ่นตรงๆ ว่าไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้ บางคน... หายเงียบไปจากทุกคน...
.
แล้วเราทำอย่างไรได้บ้าง
เมื่อเริ่มจับสัญญาณอันตรายได้
.
ก่อนอื่นเลยเราต้องไม่ตัดสิน... ถามตัวเองให้แน่ใจว่าเราสามารถพูดคุยกับเขา โดยไม่ตัดสินไม่ push เขาได้จริงหรือไม่
.
ต่อมาคือถามไถ่ด้วยความห่วงใยแบบไม่ตื้อค่ะ ถามไปตรงๆ ก็ได้ค่ะ ถ้าเขาไม่เล่า ก็เท่ากับว่าเราได้แสดงความห่วงใยแล้ว แต่ถ้าเขาเล่า... เราจะได้รับฟัง... ให้เขาได้ระบายโดยที่ต้องไม่เผลอไปแนะนำอะไรค่ะ
.
การแนะนำ การสอน การสั่ง มันคือการเอาอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตของตัวเอง... ไปจากเขา
.
มันจึงยิ่งจะตอกย้ำความ "ไม่ได้เรื่อง" และความรู้สึกว่าอ่อนแอในใจเขานี้ มันอาจยิ่งทำให้เขาโทษตัวเองหนักกว่าเดิม
.
การรับฟังเฉยๆ มันยากก็จริง แต่เป็นการกระทำที่โคตรทรงพลัง เพราะมันทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเสียงของเขานั้น... มีคนได้ยิน
.
มันคือการช่วยให้เขาค่อยๆ ยืนด้วยขาตัวเอง
อาจจะช้าหน่อย แต่มั่นคงกว่า
.
แอดมินรอดภาวะอยากฆ่าตัวตายมาได้ ก็เพราะมีเพื่อนสนิทและสามีรับฟัง มันทำให้รู้สึกว่าเสียงของเรามีค่าพอ
.
แต่แน่นอนค่ะ เมื่อรอดมาได้ก็ต้องไปพบแพทย์
เพื่อดูแลจัดการโรคที่หมั่นทำร้ายเราให้ได้
เพื่อให้เราอยู่กับตัวเองให้ได้... โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
.
.
สำหรับผู้ป่วย... หากอ่านมาถึงตรงนี้
.
อยากบอกว่าเราเองก็กำลังต่อสู้กับมันอยู่เหมือนกัน ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ว่ายังมีคนที่เข้าใจคุณ และคุณไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพียงลำพัง
.
หากกำลังทรมานอยู่...
อย่าทนเลย... หาหมอเถอะค่ะ
ลองเปิดใจกับหมอ
หานักบำบัดก็ได้ค่ะ เล่าให้นักบำบัดฟัง
.
หรือถ้าเรายังไม่พร้อมไปพบแพทย์
ก็ยังมีองค์กรอีกหลายแห่งค่ะ
ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเรา
.
เราทำร้ายใจตัวเองมานานและหนักหนาเกินไปแล้ว
มาให้อภัยตัวเอง และมาดูแลใจตัวเองกันเถอะ
พนักงานลาออก เพราะเราทำให้เขาเก่งขึ้น แต่ บ ไม่ได้ปรับตัวตามความเก่งของพนักงานเหล่านั้น คนเราเวลาเก่งขึ้นนี่มักจะเก่งขึ้นเป็น exponential เลยนะ แต่โครงสร้างของบริษัทที่ซับซ้อนเกินไปทำให้ปรับได้แบบ linear ของสองอย่างเลยไม่สอดคล้องกัน พวกเขาเลยต้องไปหาที่ที่เขาได้ใช้ความสามารถเหล่านั้น หลายๆที่จึงแก้ปัญหาด้วยการ ไม่พัฒนาพนักงาน !!!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"พระเจ้าลงโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เพราะเขาตัดสินใจหยุดถือศีลอด"
"ถึงแม้ว่าเขาจะมีสิทธิหยุดถือศีลอดในฐานะนักเดินทาง แต่เขาก็ทำไม่ถูกที่ลงสนาม เรารู้ดีว่าเขาเป็นมุสลิมที่ดีและเขาหยุดถือศีลอดเพราะถูกกดดัน แต่นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรือเขาไม่รู้"
"อาการบาดเจ็บอาจทำให้เขาลงสนามให้ อียิปต์ ในฟุตบอลโลกไม่ได้ มันจะช่วยย้ำเตือนเขาว่าทุกสิ่งอยู่ในมือของพระเจ้า คุณเป็นคนดีและน่านับถือ แต่คุณพลาดที่หยุดถือศีลอด"
มิตรสหารท่านหนึ่ง
ตุ๊ดตู่กู้ชาติ
【ไม่สามารถให้คะแนนเป็นปริมาณ qualitative ที่มนุษย์รับรู้ได้ 】
【เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ】
หลังจากตั้งตาคอยมาตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์ในหลวงพี่แจ๊ส 5G ในที่สุดภาพยนต์สุด phenomenal ก็ฉายบนจอให้เราดูแล้วนะครับ
ตุ๊ดตู่กู้ชาติไม่ใช่เรื่องของลุงตู่ เพราะลุงตู่ไม่ได้เป็นตุ๊ด และลุงตู่ก็ไม่ได้กู้ชาติ แต่ตุ๊ดตู่กู้ชาติเป็นเรื่องของกระเทยจากหมู่บ้านเหี้ยไรสักหมู่บ้าน (ซึ่งก็คือหมู่บ้านบางระจันดีๆ นี่เอง) ที่อาสาออกไปสืบแผนการเดินทัพของพม่า (กูขอเรียกพม่าแทนยโสทวารวดีนะ กระดากปากมากๆ)
ราวๆ 20 นาทีแรก ตัวละครเกี่ยงกันไม่ยอมอาสาไปทำภารกิจ หลบลี้หนีหน้าสุดขีด แต่หลังจากนั้นฉากสองฉาก ตัวละครก็บอกว่า "ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอาสา ก่อนหน้านี้เป็นห่วงผู้ชาย" ตัวละครอื่นๆ ก็บอกว่า อืม เราก็อยากไปช่วยชาตินะ แต่เป็นห่วงเมีย เป็นห่วงพ่อแม่ ทำไงดีอยากไปจัง
เดี๋ยว! ก่อนหน้านี้ไม่ถึงสองนาทีมึงยังไม่อยากไปอยู่เลย
นี่แหละคือการเขียนบทชั้นครู มันคือการซ่อน motive ไว้อย่างแนบเนียนจนคนดูไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ phase เรียนวิชา
ตัวละครได้สกิลเทพกันมาถ้วนหน้า เช่นหม่ำวิ่งไวเป็น the flash โก๊ะตี๋กว้างขวานแล้วขวานบินกลับมาได้ คนอื่นก็มีเอฟเฟคอะไรเล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ (ซึ่งสกิลเหล่านี้เราจะได้เห็นฉากนี้เท่านั้น เพราะหลังจากนี้มันจะไม่ใช้อีกเลยตลอดทั้งเรื่อง)
หนังตัด flashback ได้อาร์ตมากๆ
เช่น ตัดเข้า flashback เมียถูกทหารพม่ารุมข่มขืน จากนั้นก็ตัดกลับมาเล่นมุกตลกทันที อารมณ์กูกำลังสะเทือนอยู่ก็เอาตีนมาลูบหน้าซะแล้ว ผู้กำกับต้องการจะบอกว่าอดีตน่ะไม่สำคัญหรอก มาเล่นตลกกันดีกว่าถถถถถ+
การตัด flash back artๆ แบบนี้ยังเห็นได้อยู่ประปราย โดยเฉพาะเมื่อตัวละครหลักมีหลายๆ ตัว บางทีหนังก็จะตัด flashback character 1 > flashback character 2 > flashback character 3 เรียงงี้เลย อห
ไม่ต้องถามเรื่องความสมเหตุสมผล
จริงๆ นะสัส คุณต้องละทิ้ง common sense ของมนุษย์ มันไประดับนั้นจริงๆ นี่แหละเขาเรียกว่าหนังแนวทดลอง ปฏิเสธตรรกะพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง ทำให้คนดูตื่นเต้นเร้าใจเดาทางไม่ออก
ดูแล้วนึกถึงตอนผมเขียนบทละครเวทีตอนประถมสี่แล้วโดนคนดูโห่ คือตอนนั้นโฟกัสที่ฉากไง กูอยากได้ฉากนี้เข้ามาในเรื่อง ละก็ฉากนี้ ฉากนี้ด้วย แต่พอมาร้อยเรียงกันแล้วแม่งไม่เห็นเข้ากันเลยวะ เออ ระดับนั้นแหละ
ฉากสุดท้ายอันนี้พีคจริง (จริงๆ)
ผมไม่นึกเลยว่ามันจะกล้าเดินตามเนื้อเรื่อง original
และไม่แน่ใจด้วยว่าคนเขียนบทเป็น patriot extremist หรือกำลังเสียดสี patriotism
มันทำไงรู้มั้ย?
ฉากสุดท้าย หลังจากที่แก๊งกระเทยทำภารกิจพลาดในพม่า ทัพพม่าก็เคลื่อนเข้ามาโจมตีบางระจัน ทุกคนไม่ว่าจะหญิงชาย คนแก่คนหนุ่มในหมู่บ้านก็ออกมาสู้...
แล้วๆๆๆๆๆ
แล้วมันก็ให้หญิงท้องแก่กำดาบออกมาสู้ในศึกสุดท้ายกับพม่าด้วย!!!
graphic เหี้ยๆ หญิงท้องแก่คนนี้ถูกแทงท้องทะลุด้วย!!
กูนี่เหวอเลย
(อ๋อ ผู้กำกับกำลังจะสือว่าคลั่งชาติเกินไปก็จะจบไม่สวย)
และความคัลท์ต่อมาคือ
กองทัพกระเทยชาร์จเข้ามาช่วยชาวบ้านในฉากสุดท้าย เป็นภาพเดียวกับที่ Gandalf นำ Rohirrim เข้ามาช่วยใน Battle of Helm's Deep
อิเหี้ย
กองทัพกระเทยขนาดเท่ากองทัพพม่าวิ่งชาร์จเข้ามากู้ชาติ
เหี้ยไรเนี่ย คัลท์ฉิบหาย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ติ่งพจน์มาหว่ะ แม่งเป็นเมียหรือผัวมันวะ อวยได้ขนาดนี้
มันประชด อีดอก
แคชเชียร์ญป : ทั้งหมด 1234 เยนนะคะ รับแบงค์หมื่นเยนมานะคะ ขอทอนเงินใหญ่ก่อนนะคะ 5-6-7-8พันเยนค่ะ รับสิอีดอก อะนี่เหรียญนะคะ กลมๆนี่ห้าเยนนะคะ ขอบคุณค่ะ
แคชเชียร์ไทย : พี่ไม่มีแบงค์ย่อยหรอ
#ช่วงหมอดูพี่โจวศิษย์หมองหยอง
สำหรับท่านที่เกิดในราศีอู๋ม๋งต๊ะ ในช่วงนี้ท่านมีเกณฑ์ที่จะได้มีเพศสัมพันธ์กับมือของตนเองเช่นเคยอ่ะครับ
#จบคำทำนาย
"ผีแวนโก๊ะ" กับรากเหง้าการนับถือผีของคนไทย
สุโขทัยเชื่อเรื่องผีรักษาเมือง อยุธยามีแห่เจว็ดผีเพื่อความร่มเย็น ส่วนประกาศแช่งน้ำของรัตนโกสินทร์ ก็มีบทเรียกประชุมผีตั้งแต่ผีในน้ำ ในป่า ในอากาศ เพื่อสาปแช่งขุนนางผู้ไม่สุจริต
ถ้าไม่นับความระยำตำบอนของ 4 ทรชนหิ้วปีกสาวไม่ได้สติไปทำมิดีมิร้ายก่อนพบเป็นศพในจังหวัดแถวภาคตะวันออก ข่าวที่กระชากเรตติ้งสุดๆ ในช่วงสัปดาห์นี้คงต้องยกให้กับ "ร่างทรง 4.0" กับข่าว "ผีแวนโก๊ะ" จากภาพวาดต้นไม้ปริศนาของอดีตนักร้องดัง คุณอุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี
ข่าวร่างทรงนี่บอกตรงๆ ว่าหาสาระไม่ได้ ขอผ่าน ส่วนข่าวผีแวนโก๊ะ มีสาระอันแท้ทรูอยู่ที่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชิคมาก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ "สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ" หรือ สทน. ได้ตรวจสอบความเก่าแก่ของภาพวาดที่อาจเป็นของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ "วินเซนต์ แวนโก๊ะ" (Vincent Van Gogh) จากที่ผ่านมานับสิบๆ ปี เคยแต่วิเคราะห์โบราณวัตถุแบบอื่นๆ นี่จึงเป็นเรื่องใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบ้านเรา แต่เรื่องวิทยาศาสตร์ ก็ดันถูกไสยศาสตร์กลบซะมิด !!! ชนิดที่ว่าแทบไม่มีใครสนใจว่าหน่วยงานไหนวิจัยเรื่องนี้
สงสารคนวิจัยที่หน้าแดงหน้าดำทำงานตรวจสอบมาถึง 3 ปี ถึงตรงนี้เองคุณอุ๊ หฤทัย ก็คงเซ็งไม่น้อย เพราะทั้งโพสต์เฟสบุ๊ค ทั้งให้สัมภาษณ์ถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์แบบละเอียดยิบ ไปแล้ว แต่สื่อก็ดันสนใจจะลงข่าวแค่เรื่องเล่า "วิญญาณเคราสีทอง" ที่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตีข่าวใหญ่โตสนุกสนาน นี่แสดงให้เห็นถึงตัวตน หรือแนวคิดบางอย่างในสังคมเราได้ไหมนะ?
เอะอะๆ อะไรเราก็ลากเข้าเรื่องผี และเรื่องผีมีน้ำหนักเสมอในหลายๆ กรณีที่ความจริงยังไม่ปรากฎ ที่เราเป็นแบบนี้อาจจะมาจากการหล่อหลอมทางความเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อแบบ "ศาสนาผี" หรือวิญญาณนิยม (Animism) ที่มองว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกหล้า ต้นไม้ ใบหญ้า ก้อนหิน หมา แมว ฯลฯ หรือแม้แต่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ต่างมีวิญญาณเป็นของตัวเอง นี่เป็นศาสนาเก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ขนปุยยุคเริ่มแรก ก่อนพัฒนาเป็นศาสนาในแบบต่างๆ
ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้านเรา มีความเชื่อแบบศาสนาผีเต็มตัว ก่อนรับศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธเข้ามา แล้วเลือก Mix หลักบางอย่างเข้ากับความเชื่อเดิม
ดังนั้น แม้ในยุคจารีตเราจะเป็นสังคมพุทธแล้ว แต่ยังสามารถเห็นร่องรอยลัทธิวิญญาณนิยมได้อย่างชัดเจน เช่น ยุคสุโขทัยเชื่อเรื่อง "พระขพุงผี" หรือผีรักษาเมือง, ในสมัยอยุธยามี "พิธีเพาะบก" แห่แหน "แม่ยั่วพระพี่" หรือแห่เจว็ดผี เพื่อความร่มเย็น, ในสมัยรัตนโกสินทร์ก็ยังเห็นประกาศแช่งน้ำใน "พิธีศรีสัจปานะกาล" ถือน้ำข้าราชการตามหัวเมือง ที่มีบทเรียกประชุมผีตั้งแต่ผีในน้ำ ในป่า ในอากาศ เพื่อสาปแช่งขุนนางผู้ไม่สุจริต
หรือแม้แต่ทุกวันนี้เรายังเห็นการกราบไหว้เจ้าพ่อไทร เจ้าแม่ตะเคียน เข้าทรงเจ้าสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด และยังได้ยินข่าวนักท่องเที่ยวต้องเอา "อิฐ" จากโบราณสถานส่งคืนไทยเสมอเพราะ "เจอดี" นี่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่อิฐแต่หิน ก็ยังมีวิญญาณตามหลักการศาสนาดึกดำบรรพ์เป๊ะ ทั้งหมดเป็นตัวอย่างชัดเจนว่าเราอยู่กับผี และผีอยู่กับเรามาตลอด
นี่จึงไม่แปลกเลยที่เราพร้อมจะเปิดใจรับ "ผีชาวต่างชาติ" ที่ติดมากับภาพวาด เพราะมันต้องจริต และก็ไม่แปลกอีกเหมือนกันที่สื่อมักจะหยิบเรื่องผีๆ ไสยๆ มาเป็นข่าวเด่น เพราะเห็นแล้วว่ามัน "ขายได้"
ไม่รู้ว่าต้องแก้ที่สื่อก่อน เพราะสื่อต้องส่องทางจุดปัญญาให้ประชาชน หรือต้องแก้ที่คนเสพสื่อก่อน เพราะจำนวนไม่น้อยก็ชอบแนวนี้จนสื่อต้องผลิตออกมาเพราะยอดขาย แต่กรณี "ผีแวนโก๊ะ" ล่าสุดน่าจะบอกอะไรๆ ได้ดี โดยเฉพาะความจริงที่ว่าเราเป็นสังคมที่หลงใหลใน "วิทยาศาสตร์" หรือไม่
หรือเราได้แต่เม้นคำว่า "สาธุ", "99" และ "ขออโหสิกรรมที่เข้ามาดู"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Austria's greatest achievement is convincing the world that Beethoven was Austrian and Hitler was German.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>584 and they own Red Bull...
//บ่นหน่อยแม่ง เคยไปเรียนซัมเมอร์ต่างเทศ แล้วเจอคนออสเตรียเป็นเพื่อนในคลาส แล้วครูหรือคนรอบข้างแม่งก็ชอบชมว่าออสเตรียเจ้าของเรดบูลๆๆ กูลําไยเลยพูดไปว่าออริจินจากไทยแลนด์หว่ะ แล้วทีนี้เพื่อนคนออสเตรียอีกคนก็มาเถียงว่า ออสเตรียคิดค้นแล้วเอาไปไทยแล้วไทยจึงทํากระทิงแดง แบบมันก็เถียงกันขําๆเลยไม่มีใครชนะ แต่แม่งคิดว่าประเทศตัวเองผลิตคิดค้นจริงๆ ตอนหลังกูเลยแกล้งจําผิดว่ามันมาจากออสเตรเลียแม่งเบย
สำหรับ ส.ส. ที่เปิดตัวว่าเป็น LGTV ต่อสาธารณะนั้นน่าจะมีให้เห็นกันทั่วไปในโลกแล้ว แต่เป้าหมายของพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราคือเราจะส่งผู้สมัคร ส.ส. คนแรกที่เปิดเผยตัวว่าฝังมุกเข้าสู่สภาให้ได้ในปี 2575 ส่วนคนที่สองอาจจะผ่าหัวเบ้นซ์อ่ะครับ
#พรรคสนุ้กเกอร์ไทยพรรคการเมืองสำหรับคนใต้ถุนสังคม
>>528 ถ้าอัลล้อบังคับให้ผู้ร้ายทำผิดผู้ร้ายไม่มีความผิดเพราะอัลล้อกำหนดไว้ ใช่ผู้ร้ายเป็นผู้บริสุทธิแต่ถามว่าทำไมต้องถูกลงโทษ
ตำรวจมันน่าจะตอบว่าเราไม่อยากลงโทษนายหรอกนะแต่อัลล้อกำหนดให้เราจับนายตะหาก กำหนดให้นายต้องได้รับโทษตะหากเราแค่ทำตามความพระสงค์ของอัลล้อเท่านั้น It's Not Persona
อ่ะกูแถให้แทนบทความนี้
England 25/1 to win the World Cup.
For those who don’t understand betting,that means if you put £10 on,you will lose £10.!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>588 อัลล้อกำหนดทุกอย่าง กม.ก็ตราตามอัลล้อ ดังนั้นคนทำผิดจึง เป็นคนผิดเพราะอัลล้อสั่งให้มึงผิด แล้วคนจับก็ต้องไปจับมันเพราะอัลล้อสั่งให้จับ พวกเหี้ยลอยนวลได้ก็เพราะอัลล้อ คนตายเสียหมา ก็เพราะอัลล้อ คนเลวก็เพราะอัลล้อ ดังนั้นจุดกำเนิดความบัดซบทั้งมวลในสากลโลกก็เกิดเพราะอัลล้อกำหนดนี่เอง (แต่ท่อนความเหี้ยนี้หมอศาสนาจะบอกว่าเพราะพวกมึงเลือกนะครับถึงอัลล้อจะกำหนดก็ตามตลกดีไหมล่ะ)
มีรุ่นน้องถามว่าสมัยผมเรียนป.เอก ผมเปิดบริษัทไปด้วยแล้วทำไมถึงเรียนไหว เลยขอก๊อปปี้คำตอบตัวเองมาตรงนี้และเพิ่มเติมเล็กน้อยเผื่อเป็นประโยชน์ให้คนที่กำลังเรียนหรือตัดสินใจจะเรียนนะครับ
สิ่งที่ผมคิดว่าทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเรียน คือ (นิยามประสบความสำเร็จแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของผมคือในช่วงเวลา 2 ปีครึ่งที่เรียนเอก สามารถตีพิมพ์ได้ 4 journal (2 ISI journals) มี ACM SIGCOMM CCR 1 เปเปอร์ ร่วมแต่งอีกประมาณ 8-9 IEEE conference เปเปอร์ ธีสิสผ่านในระดับดีมากจากคณะกรรมการที่ผมคิดว่าทุกคนในสายวิจัยยอมรับในกรรมการชุดนี้ และสำคัญสุดคือผมรู้สึกตัวเองพัฒนาขึ้นมากทั้งความรู้และจิตใจในการเรียนตั้งแต่ระดับปริญญาตรีจนจบเอก)
1. “Commitment”
บอกกับตัวเองว่าจะทำให้สำเร็จแล้วทำให้ได้ ทำทุกวัน ทุกสัปดาห์ต้องมีอัพเดทให้อาจารย์ที่ปรึกษาฟังแบบมีประเด็นสำคัญไม่ให้เสียเวลาอาจารย์และเวลาเรา ผมเปิดบริษัทเองกับเพื่อนๆ เลยเลือกเวลาทำงานตอนกลางคืนเองได้ เลือก outsource บางงานไม่ต้องทำเองได้ เลยแบ่งเวลาเรียนได้เต็มที่ (ผมไม่เคยขาดประชุมแล็บแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่เรียนตรี โท เอก รวม 6 ปี) และเพื่อนๆที่บริษัทก็ช่วย support ในช่วงวิกฤติ (6 เดือนสุดท้ายก่อนจบ ให้ผมมาเรียน full time ได้เต็มที่) ถ้าใครทำงานเป็นพนักงานประจำเต็มเวลาจะค่อนข้างยากมากในการ commit งานให้ดีทั้งสองด้าน
2. “Passion”
มีความอินในหัวข้อที่ตัวเองทำจริงๆ อยากค้นคว้าอ่านเปเปอร์เองโดยไม่ต้องมีคนบอก และหลายคนอาจจะทราบแล้วว่าจุดมุ่งหมายในการเรียนเอกของผมคือ อยากตีพิมพ์เปเปอร์ใน top-tier journal/conference โดยมีชื่อผู้แต่งมาจากมหาวิทยาลัยในเมืองไทยเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยบ้าง ซึ่งช่วย drive ผมเช่นกัน
3. “Set a high bar”
ไม่ใช่แค่อยากทำให้ผ่านเงื่อนไขการจบ แต่ตั้งใจว่าต้องตีพิมพ์ในระดับ top-tier ซึ่งจะทำให้เราอ่านเปเปอร์ระดับ top-tier และเรียนจากสิ่งที่ดี ต่อให้สุดท้ายเปเปอร์เราไม่ผ่าน top-tier แต่ก็ผ่านในระดับรองลงมาง่ายขึ้นมากเพราะคุณภาพถึงระดับที่ยอมรับได้ และยิ่งตีพิมพ์บ่อยๆก็จะทำให้เขียนเปเปอร์ถัดไปเร็วขึ้นเรื่อยๆ
4. “Better plan”
ไม่จำเป็นต้องเรียนวิชาตามลำดับใน curriculum พวกคอร์สเวิร์คเป็นอะไรที่การันตีการจบไม่จำเป็นต้องรีบอัดเรียนให้หมด กระจายไปเทอมละตัวหรือเฉพาะที่ต้องใช้ดีกว่า เวลาช่วงปีแรกควรหนักกับการหาหัวข้อวิจัยและอ่านเปเปอร์ให้เยอะที่สุด เพราะงานวิจัยเป็นอะไรที่ไม่การันตีการจบ
5. “Get the most out of your time”
เวลามีจำกัดอย่าปล่อยเวลาทิ้ง เช่น ของผมต้องเดินทาง 1 ชั่วโมงไปรับแฟนทุกเย็น (แฟนเลิกงาน 3 ทุ่ม) ก็เอาเปเปอร์มาอ่านระหว่างเดินทางและนั่งรอ (อัลกอสุดท้ายในงานจบก็คิดได้บนแท็กซี่ตอนไปรับแฟน) และยังมีช่วงเวลาว่างๆในชีวิตที่เราอาจยังใช้ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ
6. “Great advisor”
และสุดท้ายที่สำคัญมากก็คืออาจารย์ที่ปรึกษา ผมได้เรียนรู้กระบวนการคิด ได้รับแรงบันดาลใจ (และแรงกดดัน ^^) จากอาจารย์ที่ปรึกษาผมเยอะมากที่ช่วยผลักดันให้ผมประสบความสำเร็จได้
ทั้งหมดนี้คิดว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในการเรียนปริญญาเอก ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังเรียนหรือตัดสินใจจะเรียน และระหว่างเรียนก็ต้องอย่าลืมติดตามการพัฒนาของโลกนอกงานวิจัยไปด้วยครับ
ครอบครัวเขาเหยียดเพศที่สาม แต่คำว่า #เบคแฮ่มเสิ่นเจิ้น นี่เหยียดเจ๊กป่าวครับ
แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เหยียดกันได้ สนุกดีครับ
#มิตรสหายเจ๊กท่านหนึ่ง
"จะคัลท์สัสๆ ถ้าพรคการเมืองไทยตั้งชื่อตำแหน่งแบบนิยายจีน
หัวหน้าพรรค - ประมุขพรรค
เลขาธิการพรรค - เสนาธิการเทพขุนพล
ที่ปรึกษาพรรค - ผู้อาวุโส
ทีมเศรษฐกิจ - เสนาธิการคลัง
ทีมกฎหมาย - ผู้คุมกฎ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>590 ถ้าเอาตามนี้หมอสอนศาสนาก็หมายความว่า อัลล้อแม่งสร้างจักวาลคู่ขนานไว้หลายแบบแล้ว จักวาลที่มึงขโมยแล้วไม่ขโมย ถ้ามึงเลือกจักวาลที่มึงขโมยก็จะดำเนินไปในรูทว่ามึงทำความผิด ทีนี้ก็จะมีจักรวาลแยกออกมาอกหลายทางมึงโดนจับหรือไม่ หลบหนียังไง ฆ่าไม่ฆ่าตายไม่ตาย เย็นนี้กินกระเพราะหรือข้าวผัดแหนม ( ไก่ )
มึงเป็นแค่ player ที่คอยกดเลือกช้อยไปวันๆนั่นเอง
ความเชื่อเรา: คนญี่ปุ่นรักสุขภาพ เดินเยอะ ทานอาหารผักเยอะ เลยอายุยืนที่สุดในโลก
พ่อ: เขาไม่แจ้งตายเพราะอยากได้เงินที่รัฐให้คนแก่ปะ
JavaScript walks into a bar and order NaN.
The bartender says we don’t serve Indian food here.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ราเม็งมันเป็นอาหารเค็มอยู่แล้ว กินที่ไหนก็เค็ม จริงๆ ราเม็งมันเป็นอาหารจีนที่เข้าไปเผยแพร่ในญี่ปุ่นด้วย
ถ้าอยากกินอาหารญี่ปุ่นเพื่อสุขภาพ ให้ไปดูอาหารที่คนญี่ปุ่นแก่ๆ กิน เน้นแต่ปลา ถั่ว ผัก เต้าหู้
วิธีใช้ sheets ของติวเตอร์หน้ารามฯ
ทีแรกเราแปะ post นี้ไว้ที่ facebook เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ 3 วันผ่านไป admin ยังไม่ approve เราเลยลบทิ้ง แล้วเอามาไว้ที่ facebook ตัวเอง
เมื่อก่อนตอนเรากลับจากต่างแดนมาอยู่ไทยใหม่ๆ เราตกงานเรา และเราเผอิญได้ข่าวมาว่าธุรกิจการติว en หน้ารามทำเงินได้มหาศาล เราก็เลยลงทุนไปเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ ม.รามฯ เพื่อศึกษาข้อมูล
เราเลยไปซื้อ sheets ข้อสอบเก่าๆ ที่ติวเตอร์หน้ารามขาย แล้วค้นพบอะไรบางอย่างที่น่าสนใจมากๆ จะเล่าให้ฟัง
ข้อความใน sheet เค้าสอนวิธีเดาข้อสอบข้อหนึ่งเกี่ยวกับการใช้ have
โดยให้ดู 2 ประโยคนี้
I had my secretary type a letter for me. ฉันให้เลขาพิมพ์จดหมายให้ฉัน
กับ
I had my house painted. ฉันให้บ้านฉันถูกทาสี = ฉันให้คนทาสีบ้านฉัน
แล้วเขาอธิบายด้วยการเหวี่ยงแห บอกว่า ถ้าเป็นคน (secretary) ก็ต้องตามด้วย v ช่อง 1 ไม่ผัน
ถ้าเป็นสิ่งของ (house) ก็ต้องตามด้วย v ช่อง 3
เราอ่านๆแล้วเราก็ยังไม่เชื่อหรอกนะว่ามันวางกฎตายตัวได้ง่ายๆอะไรกันปานนี้
เราเลยก็นั่งคิดให้ดีๆว่าสมมุติว่าเราเป็นอาจารย์ เราจะออกข้อสอบปราบติวเตอร์คนนี้ได้ไง555+++
เอถ้าเป็นคนแล้วตามด้วย v ช่อง 3 มีไหม? มีดิ นี่ไง จะเขียนให้ดู
She had him shot. เธอสั่งให้คนยิงเขา
He had the visitors shown in. เขาให้ผู้มาเยือนถูกแสดงให้เห็นภายใน = เขาสั่งให้คน (ที่เป็นพนักงาน) พาผู้มาเยือนไปดูข้างในสถานที่
^
นี่ไงตอนนี้เล่นงานติวเตอร์คนนี้ไปได้หนี่งทีแระ555+++
ไหนลองคิดต่อไปดิว่า have หรือ had แล้วตามด้วย v+ing มีไหมหว่า555++
มีดิ นี่ไง
I'll have you driving within a week. (promise) ฉันจะทำให้ (สัญญาว่า (จะทำให้)) คุณขับรถได้ภายในหนึ่งสัปดาห์
She had her audience singing along with her. (persuade) เธอ (ร้องเพลงได้ดีมากๆ) จน (ชวนให้) คนดู (ทำตาม คือ)ร้องเพลงตามเธอไป
ตกลง have หรือ had แล้วตามด้วย v+ing มันเหมือนกับว่า ใครคนหนึ่งทำอะไรแล้วทำให้คนอื่นอยากทำตามอะนะ
สรุปแล้วนักศึกษาควรใช้ sheets หน้ารามแค่ดูเท่านั้นว่า topics มันมีอะไร บ้าง แต่ต้องหัดคิดเอง (หัด ใช้ google ค้นข้อมูลเอง) เพื่อต่อยอดความรู้ อย่ายึดติดกับ sheets เพราะมันจะทำให้ความรู้ตัวเองตัน! sheets อาจช่วยให้นักศึกษากาข้อสอบถูก (แต่สมมุติว่าถ้าเราเป็นอาจารย์ออกข้อสอบ เราจะออกข้อสอบให้กาตามติวเตอร์แล้วกาผิด555+++) แต่ถ้านักศึกษาแค่เหวี่ยงแหตาม sheets สอน แล้วกาข้ออสอบถูกได้คะแนนจนเรียนจบ นักศึกษาก็อาจไม่มีความรู้มากพอที่จะเอาตัวรอดได้ในการใช้ความรู้ภาษาอังกฤษประกอบอาชีพในชีวิตจริง!
ผมรู้สึกสงสารคนที่ภาวนาให้โลกนี้มี 48 ชม. มากๆครับ เพราะมันเป็นจุดสังเกตอันน่าเวทนาอย่างยิ่งว่าเขาได้ถูกระบบทุนนิยมครอบงำและล้างสมองไปจนหมดสิ้น
ผมจะยกตัวอย่างคำถามง่ายๆให้ดูก็ได้ว่า ถ้าสมมติว่าเวลา 1 วันบนโลกนี้มี 48 ชม. แทนที่จะมี 24 ชม. อะไรจะเกิดขึ้น เวลา 24 ชม. ที่เพิ่มขึ้นมานั้น จะถูกเอาไปไว้ตรงไหน?
คุณคิดว่าจะได้นอนเต็มที่วันละ 32 ชม. รึเปล่า?
คุณคิดว่าจะได้เล่นเกมให้เต็มที่วันละ 32 ชม. รึเปล่า?
ถ้าคุณคิดว่าการที่วันๆหนึ่งมี 48 ชม. จะทำให้คุณจะมีเวลาว่างจากการทำงาน 40 ชม. จริงๆแล้วละก็ นั่นก็เกินเยียวยาไปมากแล้ว
ลึกๆภายในใจของคุณเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วว่ามันผิดทั้งหมด
ซึ่งคำตอบที่ถูกก็คือ
คุณจะมีเวลานอน 8 ชม. เล่นเกม 8 ชม. เท่าเดิม โดยเพิ่มเวลาการทำงานเป็น 32 ชม.ต่อวัน ด้วยค่าแรงหมื่นห้าต่อเดือน ทุกอย่างเหมือนเดิม
เพราะว่าระบบทุนนิยมมันสร้างขึ้นมาเช่นนี้ ระบบนี้สร้างขึ้นมาเพื่อให้คุณใช้เวลาทั้งหมดในชีวิตไปกับการทำงาน
และเวลาส่วนน้อยที่สุดในชีวิตที่ถูกใช้ในการหาความสุขให้กับตัวคุณเองนี้เพื่อให้คุณได้รู้สึกว่าโลกนี้มันน่าอยู่ขึ้นมาบ้าง
คุณต้องเข้าใจว่าเขาก็ขี้เกียจต้องมานั่งเปลี่ยนฟันเฟืองบ่อยๆน่ะนะ
#มิดหายทั่นหนึ่ง
https://www.youtube.com/watch?v=JuvFb-XCkWI
การที่ทำเรื่องแย่ๆไว้ แล้วจะมาทำอะไรเอาหน้าทีหลังนั้นมันก็เรื่องนึง
แต่การทำอะไรเพื่อเอาหน้าแบบขาดสติปัญญาและความรับผิดชอบนี่
มันก็แสดงให้เห็นอะไรอีกหลายอย่าง
อาหารแบบนี้ เค้าไม่จัดให้นักเรียนทานกันแบบนี้หรอกนะครับ
ถ้าเด็กเกิดภูมิแพ้รุนแรงจะทำอย่างไร ???
แค่ใน 20 ปีที่ผ่านมา จำนวนของเด็กที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ต่ออาหารเพิ่มขึ้นกว่าปรกติ 50% ซึ่งนับว่าสูงลิ่วๆ การระมัดระวังเรื่องอาหารที่จะจัดเป็นบริการแบบกลุ่มจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
อาหารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หลักๆ(90%ของการเกิดการแพ้)มีอยู่ 8 กลุ่ม
ถั่วยืนต้น - อาหารทะเลที่มีเปลือก - นม - ปลามีครีบ - ถั่วเหลือง - ไข่ - ข้าวสาลี - ถั่วลิสง
อาการแพ้อาหาร เกิดจากกระบวนการที่ภูมิคุ้มกันตรวจพบโปรตีนที่ไม่เคยพบมาก่อน (และคุณต้องมียีนส์ที่จะสร้าง Receptor รับรู้โปรตีนตัวนั้นๆด้วย) ... ดังนั้นการที่เด็กๆไม่ได้โอกาสในการได้รับอาหารที่หลากหลายจะด้วยเพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ หรือพ่อแม่ที่ประคบประหงมกันเกิดไปก็เป็นสาเหตุหนึ่ง และในกรณีนี้มันสามารถรักษาหายได้ด้วยการให้ได้รับทีละน้อย
... สมมติฐานใหม่ที่อธิบายว่าทำไมเด็กจึงมีอัตราการเป็นโรงภูมิแพ้และแพ้อาหารมากขึ้นในรุ่นหลังๆนั้น พบว่าเกิดจากความสมดุลย์ของ Microflora ซึ่งคือเหล่าแบคทีเรียและสิ่งมีชีวิตเล็กๆในร่างกายเรา ที่อยู่ร่วมกันแบบพึ่งพามานาน ทั้งนี้หนึ่งนั้นจากการที่เด็กสมัยใหม่ได้รับยาปฎิชีวนะตั้งแต่ยังเด็กเยอะมาก และสองคือโรคกลัวความสกปรกระดับบ้าบอเกินเลย (เคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วย้อนกลับอ่านได้ครับ) การบ้าความสะอาด ไม่ปล่อยให้เด็กเล่นดินเล่นทราย เกลือกกลิ้งตามสนามหญ้า
อย่างไรก็ตาม แม้อาการแพ้อาหารหลายๆตัวสามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการ 'กินมันซะ' แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลที่เหมาะสมของแพทย์ ... เด็กจำนวนมากที่แพ้อาหารต่างๆ หลายๆคนสามารถแพ้รุนแรงจนเสียชีวิตได้ ..... ไอ้การเอากุ้งแบบนี้ไปทำอาหารให้เด็กกินเพื่อเอาหน้า หลังจากโกงค่าอาหารกลางวันเด็กซะนาน โดยไม่ได้คิดถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นนั้น เป็นเรื่องโง่ มักง่าย สิ้นคิด อย่างเลวทรามมากๆครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
#ช่วงยกระดับความจังไรกับพี่โจว
พวกใช้เซ็กส์ทอยนี่คือมันไม่เข้ากับบริบทสังคมเกษตรของไทย น่าใช้พวกแตงกวา มะเขือยาว หรือพืชผลทางการเกษตรตั่งต่างมาพลิกแพลงไรเงี้ย เกษตรกรไทยจะได้ลืมตาอ้าปากเสียทีอ่ะครับ
สำหรับกลุ่มคนที่อยู่ใต้ถุนสังคมที่พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราจะต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีได้นั้นตอนนี้ก็มี นักโทษ อดีตนักโทษ ผู้ที่ฝังมุก ผู้ที่ฉีดยาเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ นักพนัน เด็กกาว คนติดม้า กระท่อม และผู้ใช้สารเสพติดอื่นๆ ยกเว้นกัญชา ผู้ซื้อบริการทางเพศ เราเน้นสร้างนโยบายให้บุคคลที่อยู่ใต้ถุนสังคมแบบนี้นะครับ ส่วนคนชายขอบนั้นพรรคการเมือง เอ็นจีโอ และนักวิชาการเป็นปากเสียงให้มากแล้ว
#คืนศักศรีด้วยการรีไซเคิลกลุ่มคนใต้ถุนสังคม
#พรรคสนุ้กเกอร์ไทย
A: ทำไมไม่มีพรรคการเมืองใหม่ ๆ ทาบทามคุณไปร่วมพรรคเลยครับ เอ๊ะหรือว่าอุดมการณ์ของคุณดูซ้ายเกินไปสำหรับพวกเขาเหล่านั้น
B: คือผมโกงแชร์พวกเดียวกันบ่อยอ่ะครับ ชื่อเสียงผมคงดังในวงการ ผมจึงเข้าใจที่ไม่มีคนเชิญผมไปทำอะไรอีกแล้วอ่ะครับ
A: วะวะว่ะหว่ายยย
#เหนืออุดมการณ์ซ้ายจัดยังมีพวกฉ้อโกงอ่ะครับในบ้านเรา
#ความเท่าเทียมจะเกิดขึ้นได้เยี่ยงไรหากคนไทยยังโกงแชร์
ถ้าใช้สูตรการหาสมาชิกพรรคการเมือง ค่าสมัคร 300 บาท สมาชิกคนไหนหาสมาชิกมาได้เพิ่มจะได้หัวละได้ 30 บาท มีระดับเพชร ระดับมงกุฏ อุตสาหกรรมพรรคการเมืองของไทยเฟื่องฟูแน่นอนอ่ะครับ พี่โจวขอฝากนโยบายเนร้ต่อผู้บริหารทุกพรรคละกัน /\
#ช่วงไอเดียมันเหลือล้นจนต้องสูบทิ้งอ่ะครับ
การรณรงค์ไม่ให้ใช้หลอดดูดน้ำ (เห็นมาแรงมากสัปดาห์นี้) น่าจะเป็นการปะทะกันโดยตรงระหว่างเรื่อง "สิ่งแวดล้อม vs สุขภาพ"
ทั้งนี้หลายคนใช้หลอดดูดน้ำโดยเฉพาะตามร้านอาหารต่าง ๆ ไว้ดื่มน้ำจากแก้วก็เพราะด้านสุขภาพอนามัย
สตาร์ทอัพไทยน่าจะใช้โอกาสนี้ผลิต "ลิปมันฆ่าเชื้อโรค" มาขายอ่ะครับ ทาปากก่อนที่จะดื่มน้ำจากแก้วหรือขวดโดยตรง จะได้วินวิน ๆ ทั้ง 2 ฝ่าย
หมอยพรี่โจวบุกโม่งไอสัส
สิงคโปร์ทุ่มเงินหลายแสนล้านเพื่อพัฒนาประเทศให้เป็นผู้นำเรื่อง bio-technology
ประเทศไทยเรากลับพัฒนาเรื่อง bio-jewelry (การฝังมุก) โดยนักโทษในเรือนจำ ไม่เสียตังค์ภาครัฐสักบาทให้พัฒนากันเองแบบบุฟเฟต์จนเราเป็นผู้นำด้านนี้แล้ว
หากพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราได้เป็นรัฐบาล จะส่งออกเทคโนโลยี bio-jewelry นี้ไปทั่วโลก นิรโทษกรรมนักโทษที่มีองค์ความรู้ด้านนี้ออกมาจากคุกด้วย มาเป็นสตาร์ทอัพ สตาร์ทอัพ
แล้วแบบเนร้น้องๆ จะไม่เลือกพรรคสนุ้กเกอร์ไทยได้เยี่ยงไรอ่ะครับ
#พรรคสนุ้กเกอร์ไทยพรรคการเมืองของคนใต้ถุนสังคม
ด่ากระเทย = เหยียดเพศ
สารพัดคำด่าจากกระเทย = อรรถรส
มิตรสหายฯ
น้องๆคะ ในฐานะที่พี่ผ่านการสอบเข้ามหาลัยมาแล้ว
พี่อยากบอกแค่ว่า
เรียนที่ไหนก็เหมือนกันค่ะ แต่บอร์ดหน้าโรงเรียนจะมีที่ติดประกาศให้แค่คนที่ติด จุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล เกษตร นะคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เท่าที่ผมเจอใน ญป ตอนนี้ มันก็มีคนเป็นจำนวนมากที่เค้าพยายามจะสานความสัมพันธ์ระหว่างคนชาติต่างๆใน ญป อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข พอเห็นพวกคอมเม้นคนไทยที่ดูเบาการเหยียดเชื้อชาติ เม้นส์เอามันส์เลยรู้สึกโคตรเซง
พวกเชียร์ให้ญป กะเกาหลีจีนสู้กันด้วยนะ ไอ้สัสสส ถามสุขภาพคนที่มีโอกาสโดนมิสไซล์ลงหัวแบบกูก่อนมั้ยยย
มิตรสหายท่านหนึ่ง
เด็กอินเตอร์ เรียนโรงเรียนอินเตอร์ดีไหม
ลูกของเพื่อนต่างชาติที่UN ล้วนเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ผมจืงคุ้นเคยกับเด็กโรงเรียนอินเตอร์ลูกชาย ลูกสาวของเพื่อนต่างชาติมานาน เห็นแต่เด็กจนมีผัว มีเมีย UN จ่ายค่าเล่าเรียนให้จนจบปริญญาตรีที่ไหนก็ได้ในโลก
เดิมที โรงเรียนอินเตอร์มีสองแห่ง ลูกค้าหลักคือเด็กต่างชาติที่พ่อแม่มาทำงานเมืองไทย เช่น สถานฑูต เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทข้ามชาติ องค์การต่างประเทศ นักธุรกิจที่มาอยู่ในไทย ชาวต่างประเทศที่แต่งงานกับคนไทย แต่ก็มีครอบครัวคนไทยที่ส่งลูกเข้าเรียนด้วย
โรงเรียนอินเตอร์ในประเทศไทยประสบความสำเร็จใหญ่โต นักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยดังๆของโลกได้ปีละร้อยกว่าคนจากโรงเรียนเดียว ตั้งแต่ฮาร์วาร์ด ออกซ์ฟอร์ด โตเกียว ไปทำอาชีพดีๆที่อังกฤษ อเมริกาเยอะ หมอก็เยอะ
เรียนในเมืองไทยต่อก็มี ประกาศนียบัตร IB > International Baccalaureate หรือ gce ยอมรับกันทั่วโลก เป็นอินเตอร์สแตนดาร์ด
ตอนนี้มีโรงเรียนอินเตอร์ในไทยราวร้อยกว่าแห่ง นักเรียนอินเตอร์เยอะมาก ต่างชาติมาทำงานเมืองไทยมากขื้น มหาวิทยาลัยเห็นเป็นโอกาส รีบเปิดหลักสูตรอินเตอร์เพื่อรับนักศืกษาเหล่านี้ และนักศืกษาต่างชาติ เอแบคเปิดเป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ไปเลย ต่างชาติในประเทศลาว พม่า กัมพูชา เวียดนามส่งลูกมาเรียนเมืองไทยกัน
ปัจจุบันมีเด็กไทยเรียนมัธยมในต่างประเทศปีละเป็นแสนคน โรงเรียนอินเตอร์คือทางเลือกของผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกได้รับการศืกษาแนวต่างประเทศ มีทางเลือก เด็กไม่ห่างครอบครัว ปลอดภัย ไม่ต้องกวดวิชา และยังรู้จักเมืองไทย
แล้วปัญหาก็เกิด
ช่วงสิบปีหลังค่าเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และค่าเรียนหลักสูตรอินเตอร์ในไทยพุ่งลิ่ว หนื่งล่ะ ปีนืงเฉียดล้าน บางแห่ง สิบปีสิบล้านมั้ง
ลงทุนจ่ายค่าเรียนไปแล้วตั้งแต่เด็ก รายได้ที่เกิดขื้นคุ้มกับเงินที่ลงทุนหรือเปล่าถ้าได้รายได้เป็นเงินเดือน
เอาเงินไปลงทุนอย่างอื่นให้เขาดีไหม หรือให้เรียนหลักสูตรไทยแล้วไปต่อโท เอกเมืองนอก หรือหลักสูตรเจ๋งๆ เมืองไทยอย่างไหนคุ้มกว่า
บางคนบอกว่า ถ้าพ่อเขาเอาเงินซื้อหุ้น กองทุนดีๆถือไว้สิบสองปี ตอนนี้น่าจะได้สองร้อยล้านแล้ว ดีกว่าไปเรียนอินเตอร์
หรือ จะเอาเงินที่มี ไปลงทุนเรียนตรี โท เอก กับเอาไปทำธุรกิจ อย่างใดดีกว่า
ช่วงนี้ยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่นเศรษฐกิจทรุด ว่างงานสิบกว่าเปอร์เซนต์ หนีตายมาหางานทำย่านเอเซียเยอะ ต้องปรับแผน
ควรเรียนโรงเรียนอินเตอร์ไหม สำหรับคนไทย
หนื่ง เมื่อเลือกเส้นทางสายโรงเรียนอินเตอร์ จะต้องก้าวเดินไปในหลักสูตรอินเตอร์ตลอด หรือเรียนต่อต่างประเทศ ต้องคำนวณรายจ่ายล่วงหน้าสิบปีสำหรับปริญญาตรี สิบสองปี ปริญญาโท สิบเจ็ดปี ปริญญาเอก
สอง คุณมีรายได้เพื่อการลงทุนนี้พร้อมแล้วยัง หากเป็นรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขื้น
คำนวณความเสี่ยงแล้วยังว่าจะมีรายได้มั่นคง และเพิ่มอย่างน้อยปีละสิบเปอร์เซนต์ ค่าเล่าเรียนปรับขื้นทุกปี
สาม จืงถือเป็นการลงทุนเนื่องจากเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับคนทั่วไป จืงถือเป็นการลงทุน คุณควรมีบ้านและเงินสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นเงินที่ใช้ลงทุนได้จริง คุณจะใช้เงินสิบสองล้าน สิบห้าล้านลงทุนในกองทุนหุ้นที่เริ่ด ให้ริษัทบริหารสินทรัพย์ส่วนบุคคลให้ หรือลงทุนในที่ดิน หรือลงทุนในหลักสูตรอินเตอร์
แต่ถ้าคุณมีเกิน ไม่จำเป็นต้องลงทุนก็แล้วไป สิบสองปีจากการลงทุน น่าจะได้สัก 200 ล้าน
สี่ มีทางเลือกอื่น เรียนโรงเรียนไทยแล้วต่อตรีไทย ต่อโทนอก ลงทุนซักล้านห้า สองล้าน รายได้ที่เกิดขื้นก็ลงทุนไปเรื่อยๆ ชีวิตสบายดี ต่อโทดีๆในไทยก็ได้ เช่น ศศินทร์ มธไรงี้ ชีวิตสบาย ไม่เครียด เรียนจบ มีโท มีเงิน เค้าจะแฮปปี้มาก
ห้า ที่เด็กสวนเค้าทำหลายคน คือ เรียนโรงเรียนไทย เตรียมสอบ sat เข้า bbaอิินเตอร์ คุ้ม เรียนสบาย แมทแข็ง จะต่อโทก็ได้ เงินเดือนสูง
หก แต่ถ้าคุณมีธุรกิจอินเตอร์ขนาดยักษ์ เช่น มีธนาคาร มีโรงเรียนอินเตอร์ มีธุรกิจการค้ากับต่างประเทศมันก็คุ้ม
เจ็ด ไปเรียน มปลายต่างประเทศ เรียนตรีต่างประเทศ toefl เต็ม หกปี ถูกกว่าเหมือนกัน แล้วมาต่อโทไทย ค่าเรียนสองแสนเองครับ ได้เงืนเดือนแสนกว่า
หรือ อยากให้ภาษาดี ส่งไปเรียนภาษาที่สิงคโปร์ช่วงปิดเทอมก็ได้ ค่าเรียนแสนกว่า
หลัก ศศ คือ ผลตอบแทนจากการลงทุนต้องไม่น่้อยกว่าทางเลือกอื่น ต้องทำคืนมาได้สองร้อยล้าน ครับ
ยังไม่มีรายงานของหลักสูตรมหาวิทยาลัยอินเตอร์ในไทย เรื่อง งานและรายได้
ที่อยากแนะนำให้เด็กที่บ้านไม่มีตังค์ ขยันเข้า เรียนตรีหลักสูตรไทย มีทุนฟรีเรียนต่อนอกมากมาย ทั้งโทและเอก พวกผมชอบแนะของฟรี มีเป็นพันทุนขื้นทุกปี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเรามีนยโยบายเปลี่ยน "ยาบ้า" กลับไปเป็น "ยาม้า" เอาสารเคมีอันตรายตัวอื่น ๆ ออกจากยาม้า ให้มีแต่พวกแอมเฟตตามีนกับวิตามิน กินเพื่อไม่ให้หลับ ขับรถอึด ประชุมสภาอึด รับรองว่าเหตุการณ์สมาชิกรัฐสภาหลับในการประชุมหายไปแน่นอนครับ ดีไม่ดีแย่งกันปราศรัย 7 วัน 7 คืน
#พรรคสนุ้กเกอร์ไทยพรรคการเมืองของคนใต้ถุนสังคม
เคยรู้สึกปะ ว่าพวกBoomer เริ่มรู้ตัวและว่าตัวเองโง่ ตามโลกไม่ทัน เมื่อก่อนคำว่าคนรุ่นใหม่เหมือนคำดูถูกเลยนะ เดี๋ยวไม่ว่าวงการไหนก็มีแต่พูดว่า เราต้องการคนรุ่นใหม่ๆ ต้องขอบคุณยุคอินเตอร์เน็ตจริงๆ
A: ทำไมคุณไม่เกรี้ยวกราดเรื่อง สนช. หลับในสภาบ้างอ่ะครับ
B: พ่อผมขับรถให้นาย ก็เขย่าไฮโลกับคนขับรถคนอื่น ๆ ที่ที่จอดรถรัฐสภาเหมือนกันอ่ะครับ
ขนาดเวลาเรียนกูยังนั่งหลับเลย บิบิ
ถ้าเปิดร้านอาหารไทยที่อเมริกา แล้วติดป้ายห้ามคนดำเข้า/ไม่ขายให้คนดำ จะผิดกฎหมายรึเปล่าครับ?
กูว่าจะโดนนักข่าวรุมทึ้งไม่ต้องถึงมือฝ่ายกฏหมายหรอก
A: สําหรับสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบันนี้ คุณคิดยังไงกับท่าทีของประธานาธิบดีคิม จองอื่น ประธานาธิบดีมุน แจอิน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บ้างอ่ะครับ
B: ตอนนี้ผมเกาะติดสถานการณ์ท่าทีของผู้พันเซ พลตรีนะคะมวย และเหว่ยเซียะกัง มากกว่าอ่ะครับ
หมายเหตุ: บทสนทนาระหว่างความดาร์คกับความบักเสี่ยว ขอร่วมสนับสนุนการทํางานของ พล.ต.ท.สม หมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการปราบปรามยา เสพติด (ผบช.ปส.) ในการปราบปรามผู้ค้ายา เสพติด เพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนไทยไปข้อง เกี่ยวกับยาเสพติดที่ถือว่าเป็นการทําลายอนาคต ของชาติมา ณ ที่เนรู้ อ่ะครับ A
https://youtu.be/MTHL3_-O2V8
ยกตัวอย่างเวลานิกก้าโมโห
>>632 มั่ว นี่ต่างหาก https://m.youtube.com/watch?v=yuHiUgilai8
I have dark humour. It picks cotton.
เรื่องจริงที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของระบบการสอบเข้ามหาลัยที่เป็นมานานแต่ว่าหาทางแก้กันไม่ได้สักที ก็คือการที่ "ระบบที่มันมันบรรลัยจนแก้ไขไม่ได้" กับ "โครงสร้างและค่านิยมทางความคิดเกี่ยวกับมหาลัย" นี่แหละ
ระบบการสอบเข้ามหาลัยที่จากเดิมพัฒนาเพื่อให้ตัดโอกาสการหาผลประโยชน์ของสถาบันติว กลายเป็นภาระตกอยู่ที่ชนชั้นกลางที่ไม่มีปัญญาส่งลูกเข้าโรงเรียนกวดวิชาแทน ส่วนพวกหัวกะทิก็กลับมีโอกาสติดสูงมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่าตัวจนเกิดเป็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมรูปแบบหนึ่งที่โทษใครไม่ได้ แต่จะแก้ระบบไปก็ใช่เรื่องเพราะถูกพัฒนามาจนเฮงซวยอย่างตอนนี้แล้ว
เรื่องค่านิยมการรับคนทำงานจากมหาลัยนี่ก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแนวคิดของคนไทยเป็นพวกไม่สนใจว่าเรียนจบอะไร ขอให้มาจากสถาบันมีชื่อไว้ก่อนเป็นพอ เลยเกิดเป็นปัญหาหลายอย่างที่กระทบกับทุกระบบของประเทศตามมา ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา หรือแม้แต่รูปแบบสังคมที่โผล่หัวพ้นออกมาจากสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ได้ เพียงเพราะคนที่เรียนมหาลัยธรรมดาเพื่อทำงานตามสายของตัวเองมีทางเลือกน้อยมาก
ถ้าถามว่าระบบเอนทรานซ์ที่ตายระนาวกันทีเดียวแบบรุ่นแรกมันดีที่สุดไหมก็ไม่ แต่ยังดีกว่าระบบที่สร้างความกดดันให้กับสังคมในยุคนี้อะ ที่ไม่มีช่องว่างเหลือให้คิดกันเลยว่าสุดท้ายเรียนจบไปแล้วเพื่อเอาใบปริญญาหรือความสามารถในการทำงานกันแน่?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลองนึกภาพ ถ้าบริษัทบอกว่าพนักงานห้ามขับรถมาทำงาน เพื่อความเท่าเทียม เพราะในบริษัทยังมีพนักงานที่มีรายได้น้อย ไม่มีรถขับ ยังต้องนั่งรถประจำทางมาทำงานอยู่
แล้วพนักงานที่มีรถขับ แต่ดันขับมาทำงานไม่ได้ แทนที่จะออกจากบ้าน7โมง ขึ้นทางด่วน ถึงที่ทำงาน8โมง กลับต้องมาตื่นตี4 เดินไปรอรถที่ป้ายรถประจำทาง เจอยุงกัด ไม่รู้รถจะมาเมื่อไร แถมเจอรถติดบนถนนอีก2ชม. จะรู้สึกยังไงกับชีวิตแบบนี้ เพราะเพื่อนร่วมงานในบริษัทบางคนมีรายได้น้อย ไม่มีรถขับ?
ความเท่าเทียมแบบนี้มันปลูกฝังให้คนรวยรังเกียจคนจนนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราน่าจะเสนอนโยบายที่ไปไกลกว่าอาจารย์ป๋วยที่เคยเสนอรัฐสวัสดิการแนว "จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน" แต่เราจะเสนอรัฐสวัสดิการแนว "จากรูมารดาถึงเชิงตะกอน" เลยอ่ะครับ
#นโยบายพรรคสนุ้กเกอร์ไทย
บริษัทขายไม่ดี = พวกคุณมันล้มเหลว ไม่ผ่าน ไม่ขึ้นเงินเดือน ลดพนักงาน
บริษัทขายดี = ขาดทุนกำไร
บริษัทขายดีมาก = ขาดทุน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คุณเอ้ย ผมจะบอกอะไรให้ ยามคุณไปเที่ยวปราสาทอารยธรรมเขมรโบราณในบ้านเรา ย่ามถึงปรางค์ประธาน ก็เสมือนคุณก้าวผ่านกลีบโยนีที่มีลึงค์ศิวะ เสียบตั้งกลางแท่น ซึ่งสมมติการมีเพศสัมพันธ์ในช่องคลอด ยามฉลองบูชาก็นำน้ำศักดิ์สิทธิ์มาโรยรินออกเปรียบเสมือนน้ำกามที่สะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์
เรื่องเสพสังวาสเป็นเรื่องพื้นฐาน หรือพูดภาษาชาวบ้าน กิน ขี้ ปี้ นอน นั่นแหละคุณ
เป็นธรรมดาสามัญของสัตว์โลกที่พ่ายแพ้ต่อเคมีในการสืบพันธุ์ ฉะนั้นเปิดรับ และควบคุมให้กับร่องกับรอยเถิด
ยิ่งมองประวัติศาสตร์ย้อนหลังในเรื่องความเชื่อศาสนา ทั้ง ผี พราห์ม พุทธ ก็เรื่องนี้ทั้งนั้นแหละ
กระทั่งคุณๆผมๆ บินไปต่างประเทศ ขึ้นเครื่องที่สุวรรณภูมิ เห็นรูปปั้นชักกะเย่อ เทวดา นาค ยักษ์ จะมีใครรู้ไหมว่าศิวะ ก็กลืนน้ำจัญไรจากพิธีนั้น จนกำหนัดจัด ซัดพระแม่อุมาไป 108 ท่า เป็นตำรากามาสุตรา
พวกผู้ใหญ่ที่วางท่าสงบเงียบเรียบร้อยนี่ แหม่...
ไม่พูดดีกว่า
บูชาปลัดขิกต่อไป เว้นไว้ซึ่งดิลโด้
หากพระเดชพระคุณหลวงพ่อหำ หรือพระมหาอสุจิ อัณฑะโต แห่งวัดราษฎร์สิ้นศรัทธาธรรมยังไม้สิ้น ผมในฐานะศิษย์เอกจะนิมนต์มาเทศนา พาไปเสพย์สมให้ถูกทาง
เจริญเพลิง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
culture clash ครั้งแรกตอนเรัยนภาษาอังกฤษคือตอนที่รู้ว่าเรียกหมาแมวด้วย he/she
clash 2 ก็คือตอนรู้ว่าเรียกทารกเป็น it
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เคยอยู่ในวงร่างทรงและภูติผีด้วยเหตุผลบางประการ นี่คือสิ่งที่พานพบ
- ร่างทรงจริงมีอยู่แต่น้อยมากถึงมากที่สุด เคยเจออยู่แค่คนสองคน อีก 99% ที่เห็นทั้งกับตัวเองและสื่อต่าง ๆ เป็นมิจฉาชีพ (และสื่อควรเลิกให้ความสนใจได้แล้ว)
- ก็ยังคงไม่รู้ว่าร่างทรงคืออะไร เทพคืออะไร ผีสิงคืออะไร แต่คนที่เป็นคือคุมตัวเองไม่ได้จริง ๆ อาจจะเป็นอาการทางสมองก็ได้ อุปาทานหมู่ก็ได้ แต่ไม่ใช่การแสดง (ยกเว้น 99% ในข้อก่อนหน้า)
- ร่างทรงของปลอมกับท่าทางตลก ๆ มักจะสอดคล้องกันเสมอ อยากรู้ว่าปลอมไม่ปลอมให้ดูลีลาและท่าทาง
- เจอคนคุยกับผีมาเยอะมากและก็ประสบกับตัวเองระดับหนึ่งจนพอจะบอกได้ว่าผีมีจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าผีคืออะไรกันแน่ อยากรู้เหมือนกัน ถ้ามีนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ในช่วงชีวิตนี้ก็คงจะตายตาหลับ ... แต่เอาจริง ๆ ถ้าตายก็รู้เองนี่เนอะว่าคืออะไร
- ผีกับฮวงจุ้ยเกี่ยวกัน ส่วนใหญ่ที่อากาศไม่ถ่ายเทจะมีโอกาสพบเจอสูงกว่าที่อากาศถ่ายเทดี Reproduce ได้มาหลายที ซึ่งก็อาจจะเกี่ยวกับสภาพจิตหลอนตอนออกซิเจนต่ำก็ได้ แค่พวกเห็นผียืนยันบอกว่าเจอบ่อยในที่แบบนั้น
- หมอดูที่ดูอดีตอนาคตได้จริง ๆ มีอยู่แต่ก็น้อยมาก ๆ อีกเช่นกัน จำนวนมากเกี่ยวพันกับความสามารถในการคุยกับผีได้
- พาลเอาคิดว่าถ้าเราพิสูจน์ว่าผีคืออะไรได้ เราอาจจะรู้ว่าตัวแปร t คืออะไรเลยทีเดียว
- 99% ของหมอดูไม่มีสกิลจะเป็นหมอดูได้ ดูตามศาสตร์ไปงั้น
- หมอดูบางคนมีสกิลด้านสถิติโดยไม่รู้ตัวก็เลยแม่น กลุ่มนี้จริง ๆ เป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสย
- ร่างทรงบางคนไม่ได้เป็นร่างทรงจริง แต่คุยกับผีได้เลยทำตาม ซึ่งผลลัพธ์ก็โอเคอยู่บ้าง แต่ก็พิสูจน์อะไรไม่ได้อยู่ดี
- ยังไม่เคยเห็นใครถ่ายรูปติดผีได้จริง ๆ แม้แต่ครั้งเดียว วีดีโอไม่ต้องพูดถึง อัตราการผิดพลาดทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจจนถึงตอนนี้คือ 100%
- แต่คนเห็นผีหลายคนสามารถเห็นผีจากรูปถ่ายได้ ไม่รู้ทำไง เรื่องนี้ข้ามไปละกัน ยอม 555
ห่างไกลจากเรื่องพวกนี้ไปนานมากละ และก็ไม่สนใจอะไรละ อยู่ในสถานะชโรดิงเจอร์ ทั้งเชื่อและไม่เชื่อในเวลาเดียวกัน ถึงโชคชะตาจะพัดเอาคนกลุ่มนี้เข้ามาในชีวิตเรื่อย ๆ ก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ที่เป็นปัญหาคืออยากให้สื่อเลิกใส่ใจร่างทรงเพี้ยน ๆ สักที มีเรื่องให้โฟกัสอยู่อีกเยอะนะโลกใบนี้
เราทุกคนล้วนแต่ชื่นชอบคนดี หากแต่บางคนอาจไม่รู้วิธีการแยกแยะคนดีและคนไม่ดี การจะดูว่าคนดีไหมนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากคนไม่ดีจะไหม้และติดก้นหม้อ
https://scontent.fbkk2-3.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/34963328_1710349609052936_4160632835083862016_n.png?_nc_cat=0&oh=1b8fc1088068cc7650fb08f36b194d95&oe=5BB44B30
สมาชิกพรรคสนุ้กเกอร์ไทยของเราจะได้รับโสมตังกุยจับ เป็นรางวัลหนึ่งขวด และสมาชิกคนล่าสุดที่แอนดี้ กระดันซ่อ โฆษกพรรคของเรารับเข้าพรรคมาเป็นนักวิทยาศาสตร์จบจากเซอร์เบียมาหมาด ๆ ที่อาสาตัวมาขอผลักดันนโยบาย bio-jewelry ให้เป็นรูปธรรมให้ได้อ่ะครับ
#พรรคสนุ้กเกอร์ไทยเป้าหมายชนะเลือกตั้งปี2575
ช่วยคิดแคปสวยๆลงไอจีดิ๊เพื่อนๆ
>>647 ทำไมเทอถึงชอบผู้ชาย
"ดาร์ค ๆ แข็งกระด้าง"
แล้วผู้ชาย
"อู๋ม่งต๊ะ ๆ หวังกระเด้า"
อย่างฉันล่ะ
. .
When I saw you
Walking down the road with someone new
I couldn't believe it was true
It was true,
It's more than I can bear
#ความเวิ่ลเว้อของพ่อคลหล่อเจ้าชู้ว์ผสานช่วงถ่อยแล้วเท่ห์
#NowPlaying
ไอ้พวกที่ไปคนอวดผีแล้วโดนผีเข้าเนี้ย ดูก็รู้ว่าต้องเป็นโรคทางจิต อาจเป็นโรคซึมเศร้า อารมณ์สองขั้วก็ได้ ผีเผออะไรจะเข้าแม่งตลอด
เรื่องแปลกประหลาดในความรู้สึกผมแต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติในหลาย ๆ บริษัททุกวันนี้ไปเสียแล้ว เพราะผมพบว่า...
- ฝ่ายการตลาดมักจะเสียเวลาไปกับการเติมสินค้า
- เพราะฝ่ายขายมัววุ่นวายกับระบบสต็อค
- ทั้งนี้ก็เพราะสต็อคใช้เวลาทำงานด้านบัญชีเป็นส่วนใหญ่
- ในขณะบัญชีกำลังวางแผนลงทุนด้านระบบไอที
- ส่วนไอทีก็กำลังจัดการเรื่อง HR
.
ทั้งหมดนี้มาจากโครงสร้างสมัยใหม่ที่เน้นความคล่องตัวเป็นหลัก แต่เส้นบาง ๆ ระหว่างโครงสร้างองค์กรที่ "ยืดหยุ่น" กับการ "ไม่มีโครงสร้าง" มันก็ใกล้เคียงกันเหลือเกิน เอาเป็นว่าถ้าถึงวันหนึ่งแล้วเราไม่รู้ว่าคนในทีมงานกำลังทำอะไรกันอยู่ ก็คงถึงเวลาจัดโครงสร้างใหม่กันได้แล้วล่ะครับ
ก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ที่คนในประเทศนี้หันมาสนใจเรื่องโรคซึมเศร้ามากขึ้น
แต่ก็ควรแยกให้ออกนะครับ ระหว่างโรคซึมเศร้าจริงๆ หรือคนที่ชอบตีหน้าเศร้าแล้วเล่าความเท็จ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดราม่าเรื่องโค้ช.jpg ที่แชร์กันใหญ่ช่วงนี้
เห็นแล้วนึกถึงศาสดาแห่งวงการโค้ช.jpg โรเบิร์ต คิโยซากิ
มาท่าเดียวกันเลย ...
พิสูจน์ไม่ได้ว่ารวยมาจริงจากวิธีการลงทุนที่เอามาสอน แต่มีรายรับอื้อซ่าจากหนังสือ คอร์สสัมมนา และค่า consult
คนที่ไปเข้าคอร์ส มาลงทุนเอง แล้วก็เจ๊ง
บางคนก็โดนหลอกให้ลงทุนไปกับแชร์ลูกโซ่
ที่สำคัญคือ แนะนำแต่ละอย่าง ... insider trading ... กู้เงินเกินตัวมาลงทุน ผิดแผนก็ล้มละลายเอา
พ่องงงง รวยดราม่าเรื่องโค้ช.jpg ที่แชร์กันใหญ่ช่วงนี้
เห็นแล้วนึกถึงศาสดาแห่งวงการโค้ช.jpg โรเบิร์ต คิโยซากิ
มาท่าเดียวกันเลย ...
พิสูจน์ไม่ได้ว่ารวยมาจริงจากวิธีการลงทุนที่เอามาสอน แต่มีรายรับอื้อซ่าจากหนังสือ คอร์สสัมมนา และค่า consult
คนที่ไปเข้าคอร์ส มาลงทุนเอง แล้วก็เจ๊ง
บางคนก็โดนหลอกให้ลงทุนไปกับแชร์ลูกโซ่
ที่สำคัญคือ แนะนำแต่ละอย่าง ... insider trading ... กู้เงินเกินตัวมาลงทุน ผิดแผนก็ล้มละลายเอา
พ่องงงง รวย
ตอนเด็กๆผู้ใหญ่บ่นว่าเด็กสมัยนี้แม่งโตมากับห้าง โตมาอีกหน่อยก็บ่นว่าแม่งโตมากับร้านเกมร้านเนต โตมาอีกหน่อยก็บ่นว่าแม่งอยู่แต่หน้าจอคอม โตมาอีกหน่อยก็บ่นว่าแม่งเล่นแต่โทสับ
พ่อแม่เย็ดให้ปฏิสนธิออกมาช้า ทำอะไรก็ผิดหมดอีหี
อายุน้อยร้อยไหม
Flat earth does not exists. Flat chested women do.🤐
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พ่อรวยสอนลูก นี่กูสารภาพเลยว่ากูอ่านไม่จบเพราะแนวคิดเรื่องไม่อยากจ่ายภาษี + ข้าราชการเป็นคนขี้เกียจเพราะได้เงินเดือนจากภาษี ในหนังสือ
แต่ไม่ดูเป็นพวก Anarcho-capitalism นะ
ออกแนวกูรวยแล้วเลยเห็นแก่ตัวไม่อยากจ่ายภาษี + อคติบังตาซะจนไม่มองว่า public services หลายๆเรื่องมันก็มีความจำเป็น
กูจำได้ มีเล่มนึงพ่อคิโยซากิแม่งเอาทรัมป์มาช่วยโปรโมทด้วย ลงปกคู่กันเลย เท่สัส แต่เนื้อหาเล่มนั้นขายตรงล้วนๆ 5555555
พรรคอนาคตใหม่กำลังโดนฝ่ายค้านนอกสภาอภิปรายอย่างเผ็ดร้อน และยังโดนรับน้องโดยรุ่นพี่ฝ่ายซ้ายโซตัสว้ากใส่จนหน้าซีดไปหลายราย
ส่วนพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเรานั้นกำลังหานายทะเบียนที่ฉี่ไม่ม่วงไปจดทะเบียนพรรคอยู่อ่ะครับ นายทะเบียนตัวที่แล้วโดนขยายผลตอนนี้กลับไปเขาบินเรียบร้อยแล้ว
เรามักจะมองฝรั่งในเรื่องเพศว่าไม่มีศีลธรรม มีเซ็กส์กันง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นตรงข้าม การนอกใจถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากในตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ นักการเมืองและนักกีฬาระดับไอดอล ถ้านอกใจก็หมดอนาคตทันที ไม่ได้ผุดได้เกิด เพราะเค้ารับไม่ได้กันจริงๆในแง่ศีลธรรม
แต่ในบ้านเราจะกลับกัน คือหญิงที่นอกใจจะถูกประณามหรือแม้แต่ทำร้ายหนักเท่าไหร่ก็ไม่สาสมกับความผิด แต่ชายที่นอกใจถือเป็นยอดชาย (อิทธิพลวรรณคดีไทยที่หยิบมาสอนเด็ก) หนุ่มเจ้าชู้กลายเป็นเสน่ห์ "ฉันจะเป็นคนสุดท้ายของเค้าให้ได้" นักการเมืองหรือเซเลปที่นอกใจก็ประสบความสำเร็จ ไม่น่าอับอาย เปิดเผยได้ ไม่มีสังคมต่อต้าน
เราควรต้องทบทวนไหม ความเชื่อว่าเรามีศีลธรรมเรื่องเพศมากกว่าฝรั่ง ผมว่าจริงๆมันตรงข้ามไหม? ในเมื่อจริงๆเรารับได้เวลาใครนอกใจ โดยเฉพาะถ้าเป็นเพื่อนเราหรือเซเลปที่เราชอบเรามักจะมองฝรั่งในเรื่องเพศว่าไม่มีศีลธรรม มีเซ็กส์กันง่ายๆ แต่ในความเป็นจริงนั้นตรงข้าม การนอกใจถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากในตะวันตก โดยเฉพาะในสหรัฐฯ นักการเมืองและนักกีฬาระดับไอดอล ถ้านอกใจก็หมดอนาคตทันที ไม่ได้ผุดได้เกิด เพราะเค้ารับไม่ได้กันจริงๆในแง่ศีลธรรม
แต่ในบ้านเราจะกลับกัน คือหญิงที่นอกใจจะถูกประณามหรือแม้แต่ทำร้ายหนักเท่าไหร่ก็ไม่สาสมกับความผิด แต่ชายที่นอกใจถือเป็นยอดชาย (อิทธิพลวรรณคดีไทยที่หยิบมาสอนเด็ก) หนุ่มเจ้าชู้กลายเป็นเสน่ห์ "ฉันจะเป็นคนสุดท้ายของเค้าให้ได้" นักการเมืองหรือเซเลปที่นอกใจก็ประสบความสำเร็จ ไม่น่าอับอาย เปิดเผยได้ ไม่มีสังคมต่อต้าน
เราควรต้องทบทวนไหม ความเชื่อว่าเรามีศีลธรรมเรื่องเพศมากกว่าฝรั่ง ผมว่าจริงๆมันตรงข้ามไหม? ในเมื่อจริงๆเรารับได้เวลาใครนอกใจ โดยเฉพาะถ้าเป็นเพื่อนเราหรือเซเลปที่เราชอบ
ความป่วยของฝ่ายขวา = เป็นร่างทรง
ความป่วยของฝ่ายซ้าย = เป็นซึมเศร้า
เรื่องปฏิรูปพระสงฆ์ให้บริสุทธิ์สะอาดปริ๊งๆ อยู่ป่าอยู่ดงกินมังสวิรัติไม่รับอามิสเนี่ย ในพุทธกาลก็มีนะครับ
คนเสนอเรื่องพวกนี้อ่ะ ชื่อว่า
"พระเทวทัต"
>>669
พระเทวทัตใช้แผนเสนอนโยบายการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สงฆ์ปฏิบัติ นโยบายนั้นมีอะไรบ้าง พระพุทธองค์ตัดสินพระทัยอย่างไรในเรื่องนี้
ภายหลัง พระเทวทัตปรารถนาจะเลี้ยงชีพด้วยโกหัญญกรรม การหลอกลวงสืบไป เพื่อจะเเสดงว่าตนเป็นผู้เคร่งครัด ได้เข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลขอวัตถุ ๕ ประการ เพื่อให้พระบรมศาสดาบัญญัติให้ภิกษุทั้งหลายปฏิบัติโดยเคร่งครัด คือ
ให้อยู่ในเสนาสนะป่า เป็นวัตร
ให้ถือบิณฑบาต เป็นวัตร
ให้ทรงผ้าบังสุกุล เป็นวัตร
ให้อยู่โคนไม้ เป็นวัตร
ให้งดฉันมังสาหาร เป็นวัตร
ในวัตถุทั้ง ๕ ภิกษุรูปใด จะปฏิบัติข้อใด ให้ถือข้อนั้นโดยเคร่งครัด คือให้สมาทานเป็นวัตร ปฏิบัติโดยส่วนเดียว
พระบรมศาสดาไม่ทรงอนุญาต ตรัสว่า
“ ไม่ควร ควรให้ปฏิบัติได้ตามศรัทธา ”
ด้วยทรงเห็นว่า ยากแก่การปฏิบัติ เป็นการเกินพอดีไม่เป็นทางสายกลางสำหรับบุคคลทั่วไป
พระเทวทัตโกรธแค้น ไม่สมประสงค์ กล่าวโทษพระบรมศาสดา ประกาศว่า คำสอนของตนประเสริฐกว่า ทำให้ภิกษุที่บวชใหม่ มีปัญญาน้อยหลงเชื่อ ยอมทำตนเข้าเป็นสาวก ครั้นพระเทวทัตได้ภิกษุยอมเข้าเป็นบริษัทของตนแล้ว ก็พยายามทำสังฆเภท แยกจากพระบรมศาสดา
เมื่อพระบรมศาสดาทรงทราบ ก็โปรดให้หาพระเทวทัตมาเฝ้า รับสั่งถาม พระเทวทัตก็ทูลตามความสัตย์ จึงทรงตรัสพระพุทธโอวาทห้ามปรามว่า
“ ดูก่อนเทวทัต ท่านอย่าพึงทำเช่นนั้น อันสังฆเภทนี้เป็นครุกรรมใหญ่หลวงนัก ”
สาธุ สาธุ
กูเคยฟังเทปธรรมเรื่องนึงเขาว่า เรื่องการกระทำกับคำพูดมันต่างกัน พูดง่ายทำยาก
กรณีเทวทัต ที่ว่าทำไมไม่ดี เพราะพูดแบบจะให้สงฆ์เคร่งเกินพอดี แต่ที่จริงตัวเองไปทำผิดข้ออื่นน่ะ
พระพุทธเจ้า ห้ามไว้เพราะถ้าเคร่งมากเพราะเป็นการยากที่จะทำตามเทวทัตเสนอ แต่คนที่เคร่งจริงก็ทำตามศรัทธาได้อยู่แล้ว เลยไม่ได้ตั้งกฏแบบนั้นไว้
ว่าด้วยเรื่องของ #การทำเลสิก
ไม่ได้มาแบบวิชาการนะ
แต่ขอเล่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากคนใกล้ตัว
แฟนเราไปทำเลสิกมาประมาณเกือบ 1 ปีที่แล้ว
กับศูนย์รักษาเฉพาะทางดวงตาชื่อดังในกรุงเทพ
ซึ่งราคาที่ไปทำ รวม ๆ แล้วคือ 100,000+
เนื่องจากอาชีพเป็นแพทย์ที่ต้องก้ม ๆ ผ่าตัดรักษา
ใส่แว่นแล้วมันไม่สะดวกจริม ๆ ก็เลยตัดสินใจทำ
ก่อนตรวจ ผลความหนาของกระจกตาปกติดี
ไม่มีปัญหาอะไรเลย หมอบอกว่า อาการข้างเคียง
จะหายไปประมาณ 3-6 เดือน
แต่จนถึงตอนนี้ แฟนเราก็ยังประสบปัญหามาตลอด
เช่น ตาแห้ง แสบตา แสงกระจาย เยื่อบุอักเสบ
ซึ่งทำให้ชีวิตประจำวันลำบากมาก
และเสียเงินกับค่าบำรุงเหล่านี้ ไม่ต่ำกว่าเดือนละ
5,000 บาท บางเดือนแตะหลักหมื่น
จากค่าน้ำตาเทียม ค่ายา ค่าตรวจ
ค่าอาหารเสริมบำรุงสายตา
ไม่รวมค่าเดินทางที่ต้องไปหาหมอเดือนละ 1-2 ครั้ง
นอกจากนี้ยังมีที่ต้องใส่ติดตัว คือ แว่นกันลม
ไม่ใช้แว่นสายตา แต่ต้องมาใช้แว่นอื่นซะงั้น
ดูแปลกพิลึกไปอีก ไปไหนคนก็ทัก
นึกว่าจะไปดำน้ำอะไรงี้ หน้าตามันคล้าย snoggle
สรุปแล้วเปลืองกว่าค่าตัดเลนส์แต่ละครั้งรวม ๆ กัน
ทำให้เราค่อนข้างไบแอสการทำเลสิก
และหมอที่ทำให้ รวมถึงเจ้าหน้าที่คนตรวจทั้งหลาย
ไปตรวจทีไร ก็เจอเป่าลมวัดแรงดันตา
ตาก็แย่ไปอีก โดนแสงส่องแว๊บ ๆ บ่อย ๆ จนพร่า
จนสุดท้ายคือ #หมอห้ามขับรถ เด็ดขาด
เรารู้สึกสงสารแฟนมากมาย ที่ต้องเจอปัญหาแบบนี้
บางครั้งเขาก็เครียดถึงขั้นคิดว่าตาจะบอดมั้ย
เอาล่ะ... เราก็ยินดีด้วยที่เห็นเพื่อนในเฟสหลายคน
ไปทำแล้วรู้สึกชีวิตสดใสขึ้น หวังว่าคงไม่เจอ
ปัญหาต่าง ๆ นานาแบบแฟนเรา
ซึ่งนับว่าโอกาสน่าจะ 1 ใน 100 คน
ข้อคิดจากเรื่องทำเลสิกก็คือ
1. ถ้าการใส่แว่นไม่ได้กระทบอาชีพ ไม่อยากให้ทำ
2. ทำแล้วถ้าเกิดปัญหากับดวงตา หมอก็ช่วยไม่ได้
3. หลังจากทำแล้วต้องถนอมสายตามาก ๆ
เพราะมีโอกาสที่จะกลับมาสายตาสั้นอีก
4. กระจกตาจะบางลง ๆ ถ้าต้องไปเลเซอร์ซ้ำ
มันย้อนเวลาหรือไปเพิ่มกระจกตาไม่ได้
#ขอให้คิดดีๆ
5. ใส่แว่นก็เท่และดูน่ารักนะ หนุ่มแว่นสาวแว่น
.
.
.
ส่วนเราสายตาดีอยู่แล้วก็ควรถนอมมันต่อไป
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงิน 😅
#ถ้าคิดว่าดีก็แชร์ไป
>>663 มึงเป็นข้าราชการรึเปล่าวะถึงอ่านแล้วจี้ใจดำ มันแค่มาชี้ให้เห็นว่าพวกระบบภาษีนี่เป็นระบบหลอกแดกคนจน คนรวยมีวิธีเลี่ยงภาษีแบบถูกกฏหมายอยู่ ที่เมกาก็ใช้ได้ (ไม่ใช่แบบตลาดข้างบ้านป้าทุบรถนะ อันนั้นทำได้แค่ที่ไทย)
ซึ่งกูมองว่าไม่ใช่ว่าเห็นแก่ตัวแล้วไม่อยากจ่ายภาษี คือวันนึงกูก็ทำงาน 8 ชม.เท่ากับพวกมึง แค่กูฉลาดกว่าแล้วรวยกว่า แล้วกูต้องจ่ายมากกว่าพวกมึงเหรอ ไม่โว้ย พวกมึงต่างหากที่เอาเปรียบกู
>>674 เปล่ากูเป็นพนักงานบริษัท แต่คงเพราะกูเอียงซ้ายมั้งลองมองว่า public services มันเป็นสิ่งจำเป็น
กูคิดว่าการพยายามไปเหยียดข้าราชการว่าขี้เกียจด้วยเหตุผลว่าเงินเดือนมาจากภาษีมันไม่มีเหตุผลและน่าเกลียดว่ะ
คือถ้าคิดว่า public services ไม่จำเป็นจะไม่เอาเรื่องงพวกนี้จริงๆก็ควรวิจารณ์ตัวระบบ ไม่ใช่ไปหาเรื่องเหยียดตัวคนที่เค้าทำงานด้านนี้
ส่วนไอ้เรื่องข้าราชการทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ระบบห่วย อะไรมันก็เป็นอีกประเด็นนึง
คู่รักจะเดินจูงมือเดินบนฟุตบาทเราก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ถ้ามึงรู้ตัวว่าเดินช้า อย่าเรียงหน้ากระดานกลางฟุตบาทแล้วช่วยเขยิบเข้าข้างๆ ได้ไหมวะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อย่างที่ผมเรียนมาตลอดว่า ความเชื่อทางศาสนาพุทธนี่ล่ะเป็นต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวงของประเทศไทย
วิชาลูกเสือผมว่านะ...
1.ชุดผ้าหนาๆพร้อมผ้าพันคอนี่มีประโยชน์อะไรในเมืองโคตรร้อน ทำไมเราต้องทำตาม
2.ผ้าพันคอเอาไว้พันแผล? คุณเคยเห็นคนหัวแตกจริงๆแล้วได้ผ้าพันคอลูกเสือทำแผล กี่คน? แบบ เข้าร้านขายยาแม้แต่เซเว่นก็มีชุดทำแผลสะอาดๆขาย หรือถ้าแบบฉุกเฉินมากกกก ห้องพยาบาลอยู่อีกกิโลนึง ต้องเอาอะไรใกล้ตัว เนคไทก็พันแผลได้พอๆกะผ้าสามเหลี่ยม แต่ผมไม่เคยเห็นบริษัทไหนบอกพนักงานว่าที่ต้องผูกไทเพราะเอาไว้พันแผล ทำเพราะคัลท์ชัดๆ อ้างอะไรไม่รู้
3.หมวกเสร่อๆกับวอล์คเกิ้ลกากๆ เด็กทำหายปีละกี่รอบ ซื้อใหม่รายเดือนได้มั๊ง มีใครคิดจะออกแบบใหม่ให้มันไม่หลุดบ้างใหม แล้วก็อีก ใส่เพื่อ? ให้ดูมียศไว้เบ่ง? "รู้ใหมลูกผมเป็นลูกเสือ" หรือใส่เพื่อให้เสียเงินไปงั้น
4.การเรียนการสอน80%คือฝึกเข้าแถวตามสั่ง(ที่ผลคือประเทศที่แซงคิวกันบรรลัย) กับนั่งร้องเพลงที่ไม่มีใครชอบแลัวตบมือไม่ก็เต้นตาม สาระที่พอมีคือเรียนผูกเงื่อนประมาณปีละสองชั่วโมง
**และที่สำคัญสุด ถ้ามีคนชอบลูกเสือเพราะอะไรก็เหอะ ผมโอเคครับตามสะดวก แต่ต่างประเทศเขาให้เลือก ชอบก็ไปเป็นลูกเสือ ไม่ชอบก็ไปทำอย่างอื่น แต่ของเรานี่ ชอบไม่ชอบก็ต้องเรียนทุกคน
งานเขียนโปรแกรม
งานการตลาด
งานขาย
งานบริหาร
มีความเหมือนกันอย่างประหลาด
เข้าใจหนึ่ง ก็เข้าใจทั้งหมด
เมื่อเข้าใจทั้งหมด ก็เข้าใจแต่ละตัวได้ดียิ่งขึ้น
แก่นของทั้งสามงานคือเรื่องเดียวกัน
การสื่อสาร
สื่อสารกับเครื่องจักรที่มีนิสัยไม่ประนีประนอมกับความผิดพลาด
สื่อสารกับโลกว่าเรามาเพื่อช่วย
สื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนประโยชน์
สื่อสารกับคนที่ทำงานร่วมกัน
หากเราปิดกั้นตัวเองโดยตราหน้าตัวเองว่า
เราถนัดเรื่องคอมพ์ ไม่ถนัดเรื่องคน
หรือ
ชอบคุยกับคน แต่เวลาเห็น code หรือตัวเลขแล้วมึน
ก็น่าเสียดายโอกาสที่จะได้รู้ว่า
แท้ที่จริงแล้วคนเราทำได้ทุกอย่าง ฝึกฝนได้ทุกเรื่อง และสนุกได้ทุกกิจกรรม
ดังนั้น เซลล์น่าจะลองฝึกเขียนโปรแกรม
บางครั้งผู้บริหารก็น่าจะลองลงมานั่งฟังลูกค้าด่า
โปรแกรมเมอร์ลองฝึกทำแคมเปญการตลาดดู
น่าสนุกดีออก
เหตุที่คนไทยส่วนหนึ่งเสพติดโทษประหาร อาจจะเป็นเพราะได้รับการซึมซับมาจากละครเปาบุ้นจิ้นทางช่อง 3 อ่ะครับ ไม่มีใครพูดถึงตัวเนร้เลย เพราะเอะอ่ะอัลไลท่านเปาก็สั่งลากเครื่องประหารหัวตั่งต่างมาประหารคนเป็นผักปลา - -"
นักสิทธิมนุษยชนอาจต้องขอความร่วมมือไปยังประเทศไต้หวันให้รีเมคเปาบุ้นจิ้นภาคใหม่ที่มีการยกเลิกโทษประหารอ่ะครับ น่าจะส่งผลถึงคนดูคนไทยไม่มากก็น้อยในอนาคต
#มิตรสหายขาด้วนท่านหนึ่ง
"สนับสนุนโทษประหาร คัดค้านการุณยฆาต ไม่อนุญาตให้ทำแท้งเสรี- #พี่เกดไม่เข้าใจอะ"
"ให้ผู้ป่วยที่ต้องการการุณฆาต ทำแท้งให้ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม และรับโทษประหารแต่โดยดี #problems_solved"
คำว่าโดยสุจริตในความหมายของอนุรักษ์นิยมอาจไม่ได้รวมไปถึงเรื่องของการตั้งคำถามกับโครงสร้างของสังคมว่าความสุจริตในระดับที่เขานึกถึงมันเกี่ยวเนื่องกับความซับซ้อนและการเอาเปรียบกันเชิงโครงสร้างหรือไม่ หรือความเท่ากันของสังคมหรือไม่ ความสุจริตอาจหมายถึงการเป็นคนดี คิดดี มีเจตนาดี และอาจจะสงสาร ช่วยเหลือหรือสงเคราะห์คนอื่นตามกำลังที่พอจะช่วยได้
รากฐานสำคัญก็คือ นโยบายอะไรที่ทำให้การพรากสิ่งที่พึงมีพึงได้ของพวกเขาไปโดยการบังคับให้ต้องดูแลคนอื่นที่เขาคิดว่าไม่มีคุณสมบัติเท่าเทียมกับเขา ยิ่งเมื่อความมั่งคั่งนั้นหามาได้โดยสุจริตไม่ใช่ภาระของใคร (ซึ่งเป็นความสุจริตที่แนวคิดเรื่องการขูดรีดที่ซับซ้อน และการไม่เท่าเทียมกันในระดับโครงสร้างไปไม่ถึง) เขาก็จะยิ่งรู้สึกไม่เป็นธรรมเข้าไปอีก
ความสมถะ และการไม่ฟุ้งเฟ้อในการบริโภค รวมทั้งการอบรมลูกหลานให้เชื่อมั่นในคุณค่าที่สืบเนื่องอย่างยาวนานของสังคมจึงเป็นคุณธรรมสำคัญของคนเหล่านี้ การบังคับเอาความมั่งคั่งที่พวกเขาพึงมีพึงได้ (ความร่ำรวย ความมั่งคั่งที่ได้มาจากความสุจริตคือสิ่งที่ต้องส่งเสริมให้ผดุงไว้ซึ่งความขยันหมั่นเพียร เพราะไม่มีความยากจนในหมู่คนขยันในความคิดของพวกเขา) ไปให้กับคนอื่นที่ไม่ได้เท่ากับเขา ทั้งจากฐานะและระบบคุณค่า จึงเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมเป็นอย่างยิ่ง และจะมีผลต่อความเสื่อมถอยซึ่งความดีงามของสังคมในระยะยาว
ในแง่นี้การนำเสนอว่าสังคมนั้นไม่เสมอภาค และจะต้องมีความเสมอภาค และคนเรานั้นเท่ากันจึงไม่ได้เข้าไปอยู่ในระบบคิดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่เชื่อมั่นในความเป็นเลิศ ความสามารถของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน และเชื่อว่าความไม่เสมอภาคที่เกิดขึ้นนั้นรับได้ และเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าผญคนไหนบอกชอบออกฟิตเนส มึงตี%ไปเลยย 45%ขายตัวแน่ไม่ก็เด็กเล้าเด็กดริ่งเพราะพวกนี้ต้องรักษาหุ่น
และตีไป60%เลย มันเคยเอากับครูสอนฟิตเนส
อย่าถามว่ารู้ได้ไง กูมั่นใจแล้วกันถ้าผญคนไหนบอกชอบออกฟิตเนส มึงตี%ไปเลยย 45%ขายตัวแน่ไม่ก็เด็กเล้าเด็กดริ่งเพราะพวกนี้ต้องรักษาหุ่น
และตีไป60%เลย มันเคยเอากับครูสอนฟิตเนส
อย่าถามว่ารู้ได้ไง กูมั่นใจแล้วกัน
ปัญญาชนร๊อคสตาร์ก๋ากั๋น ที่ช่วงเวลาปกติใครทำเขาหรือเทอขุ่นมัวหน่อยก็จะโชว์ดาร์คฉลาดแบบเกรี้ยวกราดให้ดูมีสไตล์ด้วยการโพสต์เฟสบุกจะจับคนนั้นคนเนร้ไปลมแก้ส
ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวนที่ร๊อคสตาร์เหล่าเนร้ต้องมารณรงค์ยกเลิกโทษประหาร คนเลยไม่ค่อยเชื่อเท่าไร มันเป็นเพราะบาปกรรมเพราะจากเกรี้ยวกราดจะจับคนไปลมแก้สในช่วงเวลาปกติตามทันอ่ะครับ
#ช่วงกงกัมป์กงเกวียนอย่างแท้จริม
“งั้นผมถามคุณหน่อย สมมุติว่าเรือแตก ถ้าคุณต้องเลือกช่วยชีวิตที่กำลังจะจมน้ำตายสองชีวิต หนึ่งคือหนูที่แทะกินบ้าน หนึ่งคือฆาตกรที่ฆ่าคนบริสุทธอิ์ คุณจะเลือกช่วยใคร?”
“ช่วยหนู”
“ ทำไม?”
“เพราะหนูไม่รู้นี่ว่ามีกฎห้ามแทะบ้าน แต่คนรู้ ถามหน่อย คนที่ไปฆ่าเขามุดอยู่ในป่าใช่ไหม จึงไม่รู้ว่าฆ่าคนแล้วมีโทษ มีคนเอาปืนจี้เขาให้ไปฆ่าคนหรือเปล่า ผมจะยกตัวอย่างเปรียบ คุณขับรถไปตามทางเลียบหน้าผา ข้างล่างเป็นเหว มีป้ายติดตรงทางเข้าอย่างชัดเจนว่า ระวังอันตราย เป็นรูปเหว ตำรวจทางหลวงเตือนคุณว่า อย่าขับไปทางนี้เลย มันอันตราย คุณก็รู้ว่าถ้าคุณขับเร็วไป คุณอาจตกเหวตาย แต่คุณก็ไม่สนใจ ขับไปโดยไม่แยแสป้ายหรือคำเตือนของตำรวจ แล้วก็ตกเหวตาย คุณจะบอกได้ไหมว่าตำรวจไร้มนุษยธรรม ละเมิดสิทธิมนุษยชน ประเด็นของผมคือ ระบบไม่ได้ฆ่าคุณ คุณฆ่าตัวตายต่างหาก นักโทษฆ่าคนก็เหมือนกัน ระบบยุติธรรมไม่ได้ฆ่าเขา เขาฆ่าตัวเองต่างหาก ยกเว้นแต่ว่าเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่า เขามาจากดาวดวงอื่น ไม่รู้เรื่องกติกาบนโลกนี้เลย”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำไมเวลาพูดอะไรที่มันฟังดูออกไปทางหลักการตะวันตก คนจะชอบอ้างถึงแต่สหรัฐ?
สหรัฐยังทำยังงั้นยังงี้เลย สหรัฐยังไม่ทำยังงั้นยังงี้เลย บลาๆๆๆๆ
ล่าสุดคือเรื่องโทษประหาร
คือสังคมสหรัฐนี่มันแย่พอสมควรเลยนะครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับสังคมตะวันตกด้วยกัน
คุณไปดูดัชนีต่างๆสิ, Crime index เอย, Peace Index เอย, Gini Index เอย
Gini Index ดีกว่าไทยก็จริง แต่ก็ดีกว่าแค่นิดหน่อย
ในขณะที่ถ้าเอาไปเทียบกับแคนาดา ออสเตรเลีย และประเทศส่วนใหญ่ในยุโรป สหรัฐแย่กว่าอย่างชัดเจน (บางประเทศแย่กว่าแบบมากๆเลย)
ส่วน Crime index นี่แย่กว่าไทยซะอีกนะ
ไม่ต้องถามว่าแล้วเทียบกับประเทศตะวันตกอื่นจะเป็นยังไง
คือมันไม่ใช่แบบอย่างที่ควรเดินตามเลยครับ
>>691 ถ้าถามกู อเมริกานี่หาข้อมูลง่ายสุดนะ งานวิจัยเอย ข่าวเอย หลายๆ เรื่องแค่นั่งค้นในอินเตอร์เน็ตแปบๆ ก็เจอละ ยุโรปนี่มีหลายภาษา อย่างดีก็หาได้แค่ของประเทศอังกฤษ เพราะคนไทยนอกจากภาษาไทยแล้วก็คุ้นเคยแค่ภาษาอังกฤษนั่นละ
แต่ก็จริงอย่างที่มึงว่าละ อเมริกาเป็นประเทศพัฒนาแล้วก็จริง แต่ถ้าเทียบกันในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คุณภาพชีวิตคนอเมริกันต่ำกว่าคนยุโรปเยอะ บางเรื่องต่ำกว่าไทยอีก อย่างอาหารการกิน ของไทยอิงยุโรปห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง แต่อเมริกาให้ใช้ได้ (ล่าสุดก็สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 3 ตัว กำลังดราม่ากันเลยระหว่างฝ่ายที่บอกว่าต้องห้ามเด็ดขาดโดยอ้างมาตรฐานยุโรป กับฝ่ายที่บอกว่าไทยจำเป็นต้องใช้และควรให้ใช้ได้ภายใต้การควบคุมโดยอ้างระเบียบอเมริกา) หรือ Top10 เมืองรถติดสุดในโลก ที่ กทม. ติดอันดับ 1-3 ทุกปี ก็จะมี LA ของอเมริกาติดมาด้วยเหมือนกัน นักโทษก็ล้นคุกแถมส่วนใหญ่เป็นคดียาเสพติดเหมือนไทย ความเหลื่อมล้ำก็สูงมากถ้าเทียบกลุ่ม ปท.พัฒนาแล้วด้วยกัน แถมมีคนอเมริกันบ่นว่าคุณภาพการศึกษาสู้ยุโรปไม่ได้อีกต่างหาก
บ่นไปบ่นมา ทำไมไทยกับอเมริกามันเหมือนกันหลายเรื่องเลยวะ
อื้อหือ เยส อื้อฮือ เยส เยส แท้งกิ้ว อื้อฮื้อ อื้อฮื้อ แท้งกิ้ว ชัวร์
คิดเข้าข้างตัวเองฉิบหัยเลยถ้าบอกว่า อเมริกาเหมือนไทย บ้านเรามีเทคโนฯ, อุตสาหกรรมหนัก ,บันเทิง ,การออกแบบ ,วิชาการทางแพทย์ เทคโนฯทางอาวุธ, รถยนต์, เครื่องบิน,ซอฟแวร์ โทรศัพย์มือถือ เหมือนอเมริกาไหมวะ บ้านเขามีอะไรดีดีเป็นอันดับหนึ่งตั้งหลายอย่างแต่บ้านเราไม่ทันได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ แล้วบอกว่าเีาเหมือนเขา
เข้าใจสิ่งที่ Amnesty Thailand พยายามทำนะ แต่การสื่อสารมัน failed เพราะนอกจากจะสื่อสารแบบผิดจังหวะเวลาแล้ว สาร และ action มันไม่ได้ช่วยจูงใจให้คนที่ไม่เข้าใจ หันมาพยายามทำความเข้าใจเลย
แนวคิดดี แต่ art of communication แย่ มันก็คือการสื่อสารที่ล้มเหลวนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มิตรสหายบางคนในเฟสของผมนี่ก็แปลกดี ดูจะไม่ชอบคนชั่วทำผิดกันมาก สนับสนุนโทษประหาร บางคนถึงขั้นโพสต์ว่าอยากฆ่าด้วยตัวเอง
แต่ต่อมาเพื่อนๆเหล่านั้นก็ออกมาอาลัยอาวรแร็พเปอร์XXXTENTACIONที่โดนยิงตาย เอ่อ เพื่อนๆครับ ไอ้เหี้ยนี่มันตบเมียตัวเองตอนกำลังท้องและเอาส้อมบาบีคิวมาขู่ว่าจะแทงหีเมียอีกแค่เพราะเมียไปชมเพื่อนผู้ชาย แถมเกลียดเกย์ถึงขั้นต่อยคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นเกย์
ทำไมพวกมึงเลือกปฎิบัติจังวะ อ๋อ เพราะไอ้คนที่โดนประหารมันไม่ทำเพลงให้ฟัง
-มิตรสหายท่านนึงบนเฟส
ประเทศนี้ เวลามีคนไม่สบายใจ คำแนะนำยอดนิยมถ้าไม่ไปทำบุญ-ใส่บาตร ก็ให้ไปนั่งสมาธิ เน้นความสบายใจ
แต่ไม่เคยมีใครแนะนำให้พูดถึง (address) ปัญหาตรงๆ แล้วแก้ไขกันเลย
ผมถึงไม่แปลกใจว่าทำไมสังคมนี้นิยมการแก้ไขปัญหาแบบซุกเอาไว้ใต้พรม เพราะมันสบายใจกว่าการเจอความจริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>702 กูเห็นว่ามันซ้อมเมียมันที่กำลังท้องจนตาเกือบบอดข้างนึงเลยไม่ใช่หรอวะ มีรูปแบบตาปูดๆด้วยนิ กูโคตรฮาตอนที่พวกเห่อหมอยกำลัง rip กันรัวๆ แล้วมีเพจฝรั่งเพจไหนไม่รู้แคปรูปเมียมันที่โดนซ้อมมาแปะแล้วเขียนว่า คนที่มึงกำลัง rip กันให้รัวๆเนี่ย มันหน้าตัวเมียถึงขนาดซ้อมเมียที่ยังท้องอยู่จนสาหัสตาปิดไปข้างนึงเกือบบอด คนแบบนี้สมควรได้รับ rip หรอวะ
กลั่นเลย 5555
เห็นนักสิทธิใส่หน้ากาก
กุแม่มอยากใส่หน้ากากroshard จริมๆๆๆ
#มิตรสหายคนแก้ผ้าตัวสีฟ้า
เนเน่ใส่หน้ากากมาประท้วงโทษประหารด้วยไหมคับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“เนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองบนโลกออนไลน์ที่จะไม่เสียเวลาอ่านแน่ๆคือพวกที่ใช้คำอย่าง "ลิเบอร่าน" หรือ "สลิ่ม" อ่ะเพราะรู้ทันทีว่า argument มึงต้องกระจอกแน่นอน“
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่คนสนับสนุนโทษประหารรวมถึงทำผิดอะไรก็เน้นให้เอาเข้าคุกมักจะเป็นคนทั่วๆ ไปภายนอก ในขณะที่คนทำงานแวดวงกระบวนการยุติธรรมจริงๆ ไม่ว่าอัยการ ศาล ราชทัณฑ์ มักไม่ค่อยที่จะสนับสนุนโทษประหารชีวิตและวิธีคิดประเภทเอะอะๆ ก็จับติดคุกไว้ก่อน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พระญี่ปุ่น คือ พระญี่ปุ่น
พระญี่ปุ่นไม่ใช่มหายาน
เห็นข่าวมาเป็นดีเจ มีเมีย เปิดบาร์ ได้เพราะเป็นพระญี่ปุ่น ไม่ใช่เพราะเป็นมหายาน
วินัยสงฆ์หรือพระปาฏิโมกข์มีสามฉบับ
ฉบับเถรวาท ใช้ในเถรวาท
ฉบับธรรมคุปต์ ใช้ในมหายาน
ฉบับมูลสรวาสติวาท ใช้ในวัชรยาน
พระทั้งสามนิกายนี้ มีเมียไม่ได้ กินเหล้าไม่ได้
ส่วนญี่ปุ่น มาจากยุคเมจิอยากทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์ และลดจำนวนพระไปเป็นจำนวนทหาร
เลยบังคับให้พระมีเมีย พระก็ยอมเพราะพระสมัยนั้นก็หย่อนยานกันอยู่แล้ว
พระญี่ปุ่นส่วนใหญ่ เลยไม่ถือพระปาฏิโมกข์ แต่บวชกันโดยใช้วิธีตั้งโพธิสัตว์ปณิธาน
ดังนั้นพระญี่ปุ่นก่คือพระญี่ปุ่น ไม่ใช่พุทธมหายานเปิดกว้าง เถรวาทคับแคบแต่อย่างใด
>>710 อันนี้ไม่ต้องเชื่อกูก็ได้นะ เท่าที่กูเคยฟังเคยอ่านมา ถ้าพวกฝ่ายความมั่นคง (ตำรวจ-ทหาร) พวกนี้จะสนับสนุนโทษประหารและไม่ค่อยชอบวิธีคิดของนักสิทธิเท่าไร (บางคนบอกว่าถ้าไม่ทรมานไม่ข่มขู่พวกนี้หัวหมอไม่คายข้อมูลหรอก คือนักสิทธิค้านวิธีแบบนั้นไง) แต่ถ้าเป็นอัยการ ศาล นักวิชาการกฎหมาย พวกนี้เสียงแตก มีทั้งหนุนและไม่หนุน แต่พอถึงราชทัณฑ์แล้ว พวกนี้ไม่ค่อยหนุนโทษประหารกัน บอกว่าไม่ช่วยหรอก แถมมีบอกด้วยว่าถ้าเป็นไปได้อย่าเอาคนเข้าคุกง่ายๆ เลย เอาเฉพาะพวกที่เลวร้ายจริงๆ เถอะ เพราะบ้านเราติดคุกไม่ว่าข้อหาอะไรคือตราบาปไปจนวันตาย ออกไปก็หางานไม่ได้ชั่วชีวิต ก็กลับเข้าคุกเพราะทำผิดซ้ำอยู่ดี
ก็น่าสนใจดี
มึงกูสงสัยว่าต้องหน้าตาดีขนาดไหนวะ ที่แบบสมมติเดินห้างเล่น หรืออยู่เฉยๆแล้วมีคนเดินเข้ามาจีบหรือขอเบอร์ ขอเฟซบ่อยๆ หรือไม่ก็ต้องดูเป็นคนยังไง กูเห็นผญ.สวยๆเยอะมากแล้วก็ก็สงสัยว่าจะมีคนเดินมาจีบเขาบ้างไหม ทำไมคนที่กูเห็นว่าสวยผช.ดูไม่ว้าวอะไรมากวะ กลับกันกูเห็นคนนึงน่ารักนิดหน่อยแต่ผช.ว้าวสัส กูไม่เข้าใจจ แต่กูก็อยากมีฟีลโดนขอบ้างนะ เกิดมาเพิ่งเคยโดนขอเฟซไปรรั้งนึง
>>712 กูเห็นด้วยกับราชทัณฑ์นะ กูเคยทำงานที่ต้องคุยกับพวกนักโทษบ่อยๆ คือแม่งเป็ฯตราบาป คนก็ไม่ยอมรับแล้ว ไม่ว่ามึงจะทำอะไรมา โทษหนักหรือเบา ก็คือขี้คุก แล้วสังคมข้างนอกมันมันยอมรับ พอมันไม่มีที่ไป มันก็กลับวนลูปเดิมๆ แต่ส่วนตัวกูรับได้นะ โทษประหาร ขอแค่มึงเอาคนผิดจริงๆ เข้าคุกก็พอ ไม่ใช่เอะอะ โยนๆเข้าไป
>>714 ที่มันมีปัญหาจำนวนมากคือพอทำครั้งแรกแล้วชีวิตที่เหลือหมดโอกาส ครั้งที่ 2 ที่ 3 เป็นต้นไปมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะได้วิชาจากในคุกมาแล้ว (บวกกับน่าจะแค้นสังคมด้วยที่ไม่ให้โอกาส) กูมองว่าถ้ามีระบบที่ไม่ทำให้คนถลำลึกเกินครั้งแรก โอกาสที่จะมีอาชญากรตัวโหดๆ เกิดขึ้นในระดับที่ต้องใช้โทษประหารน่าจะลดลงไปด้วย บ้านเราคงต้องหาวิธีแบบนี้ก่อน กูว่าเผลอๆ ประเทศที่ยกเลิกโทษประหารเขาก็คงวิวัฒนาการมาทางนี้ละ แต่บ้านเรายังไม่ค่อยคิดศึกษาเรื่องพวกนี้กันจริงๆ จังๆ
A: ผมอยากจะจับพวกที่เห็นด้วยกับโทษประหารไปลมแก้สมาก ๆ พวกนี้ตรรกะวิบัติมาก ๆ อ่ะครับ
B: เอิ่ม - -"
>>719 มันก็ต้องมีระบบตรวจสอบป่าววะ เรื่องทุจริตแม่งมีอยู่แล้ว ไม่ว่ามึงจะไช้แรงงานคนคุกรึเปล่าไอ้ควาย อเมริกามันก็ไช้แรงงานจากคุกนี่แหละ มึงบอกไห้คนคุกทำงานหาข้าวแดกเองเป็นทาส แต่มึงไห้คนดีๆทำงานจ่ายภาษีไห้คนคุกแดกไม่ทาส มึงดีเป็นคนก็พอแล้วอย่าดีเป็นควายเลยขอร้อง
>>715 แต่ถ้ามึงปล่อยคนทำผิดไม่เข้าคุกเท่ากับสร้างแรงจูงใจไห้คนทำเลวนะ เช่นมึงขโขมยของได้เงิน ข่มขืนผู้หญิงได้สนุก พอไม่ต้องติดคุกแล้วไครจะกลัว อาชญากรรมก็เพิ่ม ถ้าอาชญากรรมไหนร้ายแรงอัตราการทำซ้ำเยอะก็ไห้มันติดตลอดชีวิต ถ้าฆ่าคน ข่มขืนก็ประหารไปเลย ออกมาทำซ้ำไม่ได้แน่ แล้วควรเลิกลดหย่อน ไอ้พวกลดหย่อนนี่แหละที่ทำไห้อาชญากรกลับมาทำซ้ำบ่อยๆ มือปืนฆ่าคนตายติดคุก เวลาติดจริงไม่กี่ปีเพราะมีเส้น ลดหย่อนเอานี่แหละ ออกมาก็ฆ่าคนอีก ถ้าประหารก็จะมีเหยื่อน้อยลง ที่ต้องลงโทษแรง เพราะลงโทษส่วนนึง แต่ที่สำคัญกว่าคือการป้อมปรามไม่ไห้กล้ากระทำผิด ถ้าไห้มันติดตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต มันก่ออาชญากรรมซ้ำไม่ได้ต้องคิดตรงนี้ด้วย ไม่ไช่ไปเลียกระแป๋งโจรกลัวมันก่อเหตุซ้ำ มึงต้องทำไห้โจรกลัวกฏหมาย ไม่ไช่ไห้คนดีๆต้องกลัวโจร
สิงคโปร์ กฏหมายแรง ประเทศเค้าถึงปลอดภัย แต่ถ้าบางคนอ้างว่าสิงคโปร์ ประเทศ พัฒนาแล้วคนรวย อาชญากรรมย่อมน้อยก็ไช่ งั้นไปเทียบจีนที่กฏหมายแรง อาชญากรรมต่อหัวก็ต่ำกว่าไทย ส่วนบลาซิลกฏหมายเบาไม่มีโทษประหารนี่อาชญากรรมเพียบน่ากลัวกว่าไทยอีก
คนละบริบทกันทั้งนั้น สักจะเลียนแบบชาวบ้านนี่เละอย่างเดียวว่ะกูว่า
ดูอย่างการศึกษาก็ได้ ลอกโมเดลฝรั่งมาเป็นสิบๆปี ดีขึ้นมั้ย
>>723 มันลอกโมเดลฝรั่งมาตรงไหนวะ มึงไปดูโรงเรียนนานาชาติอะอันนั้นโมเดลฝรั่งจริง เรียนแต่สาระ มีวิชาเลือก เรียนไม่หนักมาก ไอ้แบบแผนการศึกษาไทย เรียนหนัก ไร้สาระก็เยอะ สาระมีบ้าง การบ้านก็หนัก วิชาเลือกไม่มีเหมือนฝรั่งตรงไหนวะ แต่ละ รร แต่ละ มหาลัยสอนแบบที่รัฐบาลกำหนดหมด หนังสือเล่มเดียวกันเป๊ะจากยุคพระเจ้าเหา ฝรั่งมันเปิดเสรีการศึกษา อเมริกามันปล่อย แต่ละ รร สอนตามใจชอบเลย สอนห่วยคนเค้าก็ไม่เรียนเอง
เรื่องการศึกษาของไทยแม่งสไตล์เอเชียนั่นแหละ ที่ฝรั่งล้อกึ่งชมว่าเอเชียนเลเวล
ปัญหามาจากการกระจายคุณภาพซะมากกว่า
>>720 คิดงี้ก็ไม่ต่างจากพวกที่แม่งบอกให้เอาประชากรด้อยคุณภาพไปรมแก๊สอะนะ เพราะทำไมคนชั้นกลางขึ้นไปทำงานงกๆ ตั้งใจเรียนตั้งใจพัฒนาตัวเอง ต้องจ่ายภาษีให้รัฐเอาไปเลี้ยงพวกที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจต่ำเอาแต่แบมือขอด้วย
>>721 กูสนแนวคิดนี้ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1992978570714360&id=100000067085431 คือมันแบ่งได้ว่าความผิดแบบไหนต้องเข้าคุก แบบไหนใช้มาตรการอื่นแทน ลดปัญหานักโทษล้นคุกได้ด้วย สมมติ 100% กันออกไปได้สัก 50 เหลืออีก 50 คุกก็ไม่ล้นละ ต่อมาพวก 50 นี้น่าจะมีคนที่ฟื้นฟูได้ กูให้ 30-40 (แต่ก็ต้องมีมาตรการหลังพ้นโทษด้วยทำไงไม่ให้ทำผิดซ้ำ) เหลือพวกเกินเยียวยาจริงๆ ยังไงกูว่าไม่เกิน 20% หรอกคนที่สันดานแย่จนกลับตัวไม่ได้
>>722 สิงคโปร์เป็นกรณีพิเศษ คนยอมรับระบบได้เพราะผู้นำเขาพัฒนาจริง แต่ก็ไม่มีเผด็จการที่ไหนในโลกทำได้เหมือนละนะ
ประเทศไทยไม่ควรอิงระบบแบบ EU วะ
สภาพแวดล้อมไม่มีเหมือนกับเขาเลยทั้ง
พื้นฐานทางเศรษฐกิจ - รวย ประชากรไม่หนาแน่น=สามารถจัดสรร สวัสดิการ ทรัพยากร ปัจจัยพื้นฐาน ให้ประชาชนในประเทศได้ทั่วถึง
วัฒนธรรม ประเพณี สังคม การศึกษา - รู้จักหน้าที่ตัวเอง ไม่เกาะพ่อแม่แดก ไม่ตรรกะวิบัติ เยาวชนไม่ไปแว้นท์หรือไปเป็นภาระสังคม
ความหน้าด้าน - .........................
ประเทศเพื่อนบ้าน - ประเทศเพื่อ่นบ้านยุโรปดี ก็อยากดีเพื่อแข่งขันด้วย (แล้วมึงดูเพื่อนบ้านไทยรอบๆ)
>>726 มันคนละเรื่องกันมั้ยระดับคุณภาพประชากรมันก็มีหลายๆปัจจััย แต่ไอ้พวกเหี้ยอาชญากรมัันก็ต้องนอนคุกหรือประหารมั้ย มันถึงจะกลัว ไม่ไช่ประชากรคุณภาพต่ำแล้วต้องเป็นอาชญากรหมดนะ แล้วทำไมต้องเอาคนดีๆมาควักเงินจ่ายภาษีเยี่ยงทาสไห้อาชญากรมันนั่งๆนอนๆในคุกได้มั้ยวะ ในเมื่อมันมีมือมีตีนควรจะทำงานเลี้ยงตัวเองมั้ย แม่งมั่วชิปหายคุยเรื่องอาชญากร ไปเรื่องคนแบมือขอมันก็อีกเรื่องปะ ถามเรื่องตอบเรื่อง
สิงคโปร์มึงอ้างคุณภาพประชากรกูก็รู้อยู่แล้วแอมเนสตี้มันต้องอ้าง แต่มันก็เกิดจากการออกกฏหมายเด็ดขาดในสมัยลีกวยนยูนี่แหละที่ทำไห้อาชญากรลด แต่ก่อนอาชญากรรมมันก็เยอะกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนกฏหมายแรงขึ้นแล้วไม่เวิร์ค มันคงเปลี่ยนกลับแล้วละ คนสิงคโปร์มัน iq สูงที่สุดในโลกนะ
แล้วจีนละ มึงดูคุณภาพประชากร ดูทัวร์ 0 เหรียญมัน ทรามแค่ไหน ไม่ได้ดีกว่าไทยแต่กฏหมายมันเอาตาย อาชญากรต่อหัวประชากรมันต่ำกว่าไทยมาก
ควยเถอะครับ ฟื้นฟูได้ไม่ต้องติดคุก โจรแม่งได้เต็มประเทศพอดี ไอ้ฆาตกร นักข่มขืน แอมเนสตี้ก็บอกฟื้นฟูได้ แม่งก็ลดหย่อนสมใจมันติดแปปๆก็ออกมาฆ่าข่มขืนต่อ พออาชญากรฆาตกรโดนลงโทษแอมเนสตี้ลงไปชักดิ้นชักงอ พอ คนบริสุทธิโดนอาชญากร ฆาตกรฆ่าข่มขืน แอมเนสตี้เงียบ
>>727 อันนี้กูเห็นด้วยและขอเสริมนิด มีหลักฐานชี้ชัดว่า สิ่งที่ลดอาชญากรรมในอียูมาจากคุณภาพประชากรมากกว่าบทลงโทษ ก็ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่ชะ อียูโลกสวยเกินไปรับผู้อพยพจากตะวันออกกลาง ซึ่งพวกนี้มันไม่มีคุณภาพเหมือนอียู เข้าไปแล้วก็ไปก่ออาชญากรรมกันเยอะ ตอนนี้แต่ละประเทศในอียูเริ่มไม่เห็นด้วยกับการรับผู้อพยพแล้ว
แล้วไอ้พวกแอมเนสตี้ที่แถเรื่องอาชญากรติดคุกแล้วไปก่ออาชญากรซ้ำ มึงควรรู้ไว้ว่า ไอ้อาชญากรที่ก่อคดีซ้ำมากที่สุด คืออาชญากรที่ไม่ติดคุกนะ คือก่อนจะติดคุกมันก็ก่อคดีซ้ำไม่หยุดบางคนก่อซ้ำเป็นสิบ โดนติดคุกบางคนเข็ดหยุด บางคนไม่เข็ดก็ไปก่อคดีซ้ำอีก แต่อัตตราการก่อคดีซ้ำลดลง ไอ้พวกติดตลอดชีวิตไม่ลดหย่อนกับโดนประหารแน่นอนก่อซ้ำไม่ได้
แอมเนสตี้แม่งไม่ได้มีแต่พวกโลกสวยนะมันมีหลายประเภท
1 เป็นอาชญากรเองไม่เปิดหน้าออกสื่อ แต่พวกนี้ได้ประโยชน์เต็มๆจากการลดโทษ เพราะก่ออาชญากรรมได้สะดวก
2 พวกญาติเป็นอาชญากร พวกลูกอิชั้นเป็นคนดีทั้งหลาย ตอนลูกมันก่อเรื่องก็ตะแบงว่าไม่ได้ทำ พอหลักฐานมัดมือมัดเท้า ก็บอกไม่เห็นเป็นไรใครๆก็ทำ เรื่องธรรมดา พอลูกมันโดนฟ้องจะโวยวายหาว่าอีกฝ่ายใจร้าย
3 โลกสวย ทุกคนเป็นคนดี อาชญากรเป็นเหยื่อ เอาอาชญากรติดคุก โดนประหาร พวกนี้จะออกมาดิ้น แต่คนถูกอาชญากรฆ่าข่มขืนไม่เป็นไร
4 เหนือเมฆที่สุดแอมเนสตี้อาชีพ ช่วยอาชญากรทำบุญเอาหน้า เพราะไม่ต้องควักเงิน แถมรับเงินเดือนจากเงินบริจาค เพียงแค่ทำบุญปล่อยอาชญากรโดยเอาชีวิตผู้บริสุทธิเป็นค่าไช้จ่าย พวกนี้ฉลาดไม่เหมือน 3 พวกบนที่โง่
เลิกใช้ XP ธรรมดา ไปลง XP Service Pack 3 Black Edition ราคา 150 บาทหน้าปก Bill Gate ยิ้ม
ของแท้ต้องยิ้ม ถ้าหน้าบึ้งเป็น เป็นแผ่นก๊อบของแผ่นก๊อบอีกทีนึงนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>729 ประชากรจากครอบครัวคุณภาพต่ำ มีแนวโน้มจะเป็นอาชญากรได้ง่ายกว่าครอบครัวคุณภาพสูง และคนจากครอบครัวระดับล่างมีแนวโน้มจะคุณภาพต่ำกว่าระดับกลางค่อนบนขึ้นไป
นี่คือความจริงระดับโลก มึงสำรวจประเทศไหนก็เจอสมการแบบนี้แม้แต่ใน EU คนเกิดมาต่ำมีโอกาสไปสูงได้น้อยมาก ส่วนใหญ่ก็จมปลักที่เดิมเป็นปัญหาสังคมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง นึกง่ายๆ ก็ "จน เครียด กินเหล้า เมา ตบเมียเตะลูก" (ทำร้ายร่างกาย - คดีอาญาละ) หรือหนักหน่อยก็เสพยา ลูกหลานเห็น ชินตา เสพบ้าง (คดีอาญาอีกแล้ว) สักพักจากเสพก็เป็นค้า (หนักขึ้น) แล้วก็ยกระดับไปเรื่อยๆ บลาๆๆๆ
น้อยคนนะที่จะเลวโดยสันดาน ส่วนมากเส้นทางสายมืดมันก็มาแบบนี้แหละ เริ่มจากเรื่องเล็กๆ แล้วก็ไปใหญ่ขึ้น ยิ่งมีประวัติติดคุก 1 ครั้ง สังคมตีตราชั่วชีวิต ออกมาก็ไม่มีงานทำ กูถึงประชดไง อย่างเบายกเลิกโทษจำคุก ทำผิดข้อหาอะไรประหารให้หมด อย่างหนักก็กวาดล้างพวกครอบครัวด้อยคุณภาพด้วย
ทีนี้คนดีทั้งหลายคงได้นอนตาหลับสบายใจละนะ
>>733 กูว่าอย่าบอกว่าประชากรไหนคุณภาพสูงต่ำเลย มีผลการวิจัยว่า คนที่ไอคิวต่ำจะก่ออาชญากรรมมากกว่าจริง แต่ก็มีผลการวิจัยอีกอันชี้ว่าคนจนจะบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสมากกว่าถ้าเทียบเป็นสัดส่วนรายได้ สรุปคนจนมันทำดีก็เยอะกว่าและทำเลวเยอะกว่าด้วย ส่วนพวกรวยๆมันไม่ยุ่งกะไครมาก ทำเลวน้อยและทำดีก็น้อย ดังนั้นอาชญากรไม่ต้องมาอ้างจน คนจนแม่งเต็มประเทศทำดีกันเยอะแยะ เยอะกว่าพวกเหี้ยๆ มึงเหี้ยเพราะมึงเลือกจะเหี้ยเอง มึงก็ติดคุก รับโทษประหารมึงไปไม่ต้องมาดราม่า มึงทำคนอื่นได้มึงโดนบ้างจะดราม่าทำไม ส่วนครอบครัวมึงอย่าลากมาเกี่ยว พ่อแม่ก็มักสอนไห้ลูกเป็นคนดีแหละ แต่มันเลือกจะเหี้ยเอง บางคนพี่น้อง เลี้ยงแบบเดียวกันสอนแบบเดียวกัน ส่งเรียนที่เดียวกัน คนนึงดี คนนึงเหี้ย มันอยู่ที่ตัวมันเลือกกระทำเอง อ้างเหลือเกินสภาพแวดล้อม คนเค้าลำบากกว่าพวกมึงก็มียังเป็นคนดีได้เลย โทษแม่งทุกอย่างไม่เคยโทษตัวเอง
>>734 ถ้าสภาพแวดล้อมไม่มีผล เขาจะลงทุนด้านพัฒนาคุณภาพชีวิตกันทำไมวะ เห้ยนี่วิชาการนะผ่านการศึกษามาแล้วเหมือนกัน ไอ้ที่บอกว่าเกิดในนรกแต่ตายไปสวรรค์น่ะแม่งโคตรของโคตรน้อย (น้อยพอๆ กับพวกที่เกิดบนสวรรค์แต่ตายไปนรก) เด็กสลัมมีสักกี่คนที่ได้ดี ส่วนใหญ่ก็จมปลักที่เดิม แว้น เมา เสพยา เดินโพยพนัน แล้วพอเด็กรุ่นใหม่เห็นทุกวันๆ มันก็วนลูปเดิม มึงจะบอกว่าเป็นที่ตัวใครตัวมันหรอ
ดูเสกโลโซกับเมียเก่าเป็นตัวอย่าง
เห็นประโยชน์ของเหล่าพี่ๆทหารกันรึยังไอ้พวกลิเบอร่านนน
อยากเห็นโคตรพ่อโคตรแม่ไอ้เนเน่ร้องขอชีวิตอยู่ในถ้ำจัง ไอ้พวกควายย
มัน bait พวกมึง trigger ง่ายจัง
ทำไมแม่งต้องมีพวกไทยมุงวะ ถ้าบ้านใกล้นี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่พวกเพจเหี้ยๆ อย่างอีจัน ห่าไรงี้ ล่าสุดแม่งบอกว่ากำลังเดินทางไปเชียงราย ไปทำเหี้ยอะไรวะ มึงเป็นหน่วยซีลเหรอ ไอ้สัส เสือกกันแบบไม่มีขอบเขตเลย
>>738 ไม่ตังไม่มีตั้งไม่เกี่ยวเลยสัส
ไม่มีตังมึงก็ตลาดล่าง มีตังมึงก็ตลาดบน ซึ่งแม่งก็อบายมุขเหมือนกันนั่นแหละ มันอยู่ที่มึงเลือกเดิน
สอนมาดีแค่ไหนถ้ามันจะเหี้ย มันก็เหี้ยอยู่ดี แค่คนรวยมึงรวยอยู่แล้ว ทำไงมันก็รวย ถ้าไม่ Retard อ่ะ
จริงอยู่ที่ว่าสภาพแวดล้อม สังคม ครอบครัวมีผล แต่กูว่าเมืองไทยเนี่ย มึงบังคับใช้กฏหมายให้ได้ก่อน
ถ้าคนมันกลัวกฏหมาย มันก็ไม่ทำหรอกเชื่อกูดิ่ เอาง่ายๆ ที่สนับสนุนโทษประหารกัน ที่โดนๆกับไปก็ยังเป็นส่วนน้อยของคนที่ทำผิด
>>749 ก็เผอิญคนที่ดี (หรือเลว) โดยสันดานตั้งแต่เกิด ชนิดที่สิ่งแวดล้อมไม่มีผลผันแปร แม่งดันมีจำนวนน้อย ขณะที่คนทั่วไปอยู่ในระดับกลางๆ พร้อมจะไปตามกระแส ดีหรือเลวแล้วแต่เหตุปัจจัย
หลักการพัฒนาสมัยใหม่จึงพยายามจัดสภาพแวดล้อมในทางสร้างแรงจูงใจ ให้คุณภาพชีวิตดี มีทางเลือกสุจริตง่ายๆ ไม่เน้นสร้างคนดีที่ไม่หวั่นไหวต่อปัจจัยแวดล้อมใดๆ เพราะมันทำไม่ได้ หรือได้แต่โคตรยาก
ลูกคนรวยเกิดมาสุขสบาย ก็จะเห็นแก่ตัว กลายเป็นปัญหาสังคม รักสบาย สุดท้ายก็ผลาญเงินพ่อแม่จนหมด
ส่วนคนจนเค้าเกิดมาไม่มีอะไร เค้าก็จะเห็นอกเห็นใจคนอื่น ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น เป็นคนดีของสังคม
เชื่อกู นิทานในแบบเรียนตอนประถมสอนกูมาแบบนี้
>>751 กูว่าปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำไห้คนนึงเลวกับคนนึงดีคือการไห้รางวัลกับการลงโทษวะ ถ้าคนมันเห็นคนตั้งใจเรียนได้ดีมันก็ตั้งใจเรียน คนเห็นคนเลวติดคุกยาวๆโดนประหาร มันก็ไม่อยากทำเลว กฏหมายที่เด็ดขาดคือปัจจัยสำคัญที่จะหยุดพฤติกรรมเลวๆ เช่นสิงคโปร์ จีน ส่วนถ้าประเทศไหนโลกสวยโง่ๆออกกฏหมายเห็นใจอาชญากรโจรก็เต็มประเทศเหมือนไทยกะบราซิล แล้วไอ้คนจนนี่แหละที่จะตายห่าก่อน เพราะโจรขโมยมันขึ้นบ้านคนรวยมันเจออุปกรณ์จับขโมย หมา ยาม แม่งก็เอากับคนจนด้วยกันนี่แหละ ที่ออกข่าวขโมยกันที่โดนก็เกษตรกรจนๆ หมดตัวไปบางคนหมดหนทาง จนต้องทำกับดักไฟฟ้าช๊อตโจรตาย แล้วก็โดนดำเนินคดี
>>758 แต่มันก็จะมี 2 แนวคิดอีก ถ้าโซนยุโรปที่แคร์สิทธิมนุษยชนมากๆ เขาเน้นจูงใจนำก่อน คือปรับสภาพแวดล้อมให้คนรู้สึกว่าทำดีง่ายกว่าทำชั่ว ที่หลายๆ คนบอกว่ารัฐสวัสดิการดีมาก แต่ละคนได้รับการส่งเสริมเชิงบวกที่หลากหลาย จนนึกไม่ออกว่าจะไปทำผิดทำไม
สิงคโปร์ที่เป็นเผด็จการ ส่วนหนึ่งที่มันอยู่ได้คือเขาให้ทางเลือกที่ทดแทนกันได้ด้วย ตัวอย่างคลาสสิกคือแต่ก่อนมีแผงลอยบนทางเท้า ต่อมารัฐบาลก็ให้ย้ายเข้าไปขายในตึก แต่ขอโทษเถอะตึกน่ะทำเลเดิมที่ขายกัน แถมช่วยโฆษณาให้ด้วย เป็นกูกูก็ไม่ดิ้นรนกลับมาขายบนทางเท้านะ แต่นั่นคือสิงคโปร์ ที่ดินเป็นของหลวง รัฐบริหารจัดการง่าย ต่างจากบ้านเรา ที่ดินเป็นของเอกชน จะเวนคืนทำอะไรก็ยากเหลือเกิน กำลังภายในมันเยอะ เลยเห็นนโยบายแบบมีเรื่องทีจัดระเบียบที พอเรื่องเงียบก็เหมือนเดิม นี่ยังไม่นับขนาดประเทศที่คนละเรื่องอีกนะ สิงคโปร์เกาะเล็กๆ คนไม่มาก บริหารจัดการอะไรก็ง่ายกว่า ถึงเป็นประเทศที่ความเหลื่อมล้ำน้อย อย่าเอาไปเทียยกับจีน จีนนี่เห็นเจริญๆ ใช่อยู่แต่ความเหลื่อมล้ำ ความเครียดจากการแข่งขันเยอะมาก ประเทศเขาใหญ่ คนกว่าพันล้าน และรัฐบาลไม่แคร์ คนตายไปดีเสียอีกลดประชากรด้วย ทุกวันนี้ก็แทบจะกดดันให้คนออกไปตายเอาดาบหน้าใน ปท. อื่นอยู่แล้ว (แอฟริกาหลายประเทศมีไชน่าทาวน์นะ คนไทยกับฝรั่งยังงง คือคนจีนไปลงทุน ไปทำงานกันเยอะ)
ฝั่งเอเชียเรามักใช้การลงโทษนำ พวกประเทศที่เจริญๆ ฝั่งเอเชีย อย่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ปัญหาอย่างหนึ่งคือคนในนั้นมีกรอบชีวิตกรอบเดียว ไม่ค่อยมีเสรีภาพในการเลือกเท่าฝั่งยุโรป การแข่งขันเลยสูง คนเครียดมากเพราะไม่ค่อยเหลียวแลคนรอบข้าง อย่างญี่ปุ่นนี่เคยมีคนบอกถ้าเป็น loser ในระบบก็ตายไปซะ เพราะถึงพยายามทำอะไรที่เป็นการแหกกฎระเบียบคนก็ไม่เห็นใจอยู่ดี
>>759 ในความเป็นจริงไทยจะทำแบบยุโรปไม่ได้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้ กว่าจะทำได้คงต้องอีกหลายสิบปีกว่าจะปลูกจิตสำนึกคนไห้พัฒนาได้ ส่วนเรื่องสวัสดิการเท่ายุโรปอาจต้องรอเป็นร้อยปี ยุโรปจริงๆตอนนี้มันมีปัญหา คือกฏเบาๆของยุโรปมันไช้กับคนที่มีคุณภาพได้ แต่พอคนอพยพมาจากตะวันออกกลาง คุณภาพมันไม่เหมือนกัน อาชญากรรมก็เลยเพิ่มจากผู้อพยพ ผู้อพยพไปอยู่แหล่งไหนแหล่งนั้นก็กลายเป็นเขตไม่ปลอดภัย ยังไงตอนนี้ประเทศก็ต้องไช้มาตราการลงโทษไห้เด็ดขาดไปก่อนนั่นแหละ เราไม่มีความพร้อมเหมือนยุโรป
>>760 ปัญหาคือ "คนไทยจำนวนมากไม่อยากให้รัฐแม้แต่จะคิดเริ่มทำ" ตัวอย่างหนึ่งคือกว่ารัฐบาลนี้จะแก้กฎหมายให้ศาลใช้ดุลยพินิจตามความจริง เช่น แทนที่จะเป็นกำหนดว่าครอบครองยาบ้าเกิน 15 เม็ด ถือว่าจำหน่าย จำเลยไม่มีสิทธิ์ของพิสูจน์ หรือนำยาบ้า 1 เม็ด ข้ามจากเพื่อนบ้านมาฝั่งไทย เจอข้อหานำเข้า (ที่เจตนาคือต้องการจับคนจำหน่าย) โทษคุกตลอดชีวิต ก็เปิดโอกาสให้พิสูจน์ว่ามีไว้เสพหรือจำหน่าย แค่นี้คนก็ด่ารัฐบาล ด่ารัฐมนตรียุติธรรมขณะนั้น (ตอนนี้แกไปเป็นองคมนตรีละ) บอกสนับสนุนให้คนไทยเสพยาเต็มบ้านเต็มเมืองหรอ
แต่เรื่องนี้ต้องให้เครดิต UN เครดิตองค์กรนานาชาติด้วยที่กดดันไทยมาตลอด ไม่งั้นคงยึดแนวทางเดิมไม่เปลี่ยน กูเห็นคนยังบอกชอบวิธีของแม้ว-ดูเตอเต้อยู่เลย ทำนองมึงแค่เสพมึงก็เลวแล้ว หรือมึงรู้ว่านาย A เสพมึงยังคบมันเป็นเพื่อน โดนจับโดนวิสามัญก็สมน้ำหน้าละ
คือมันไม่ต้องทำทีเดียว ค่อยๆ ขยับไปทีละก้าวก็ได้ ดีกว่าไม่คิดเปลี่ยนเลย
เช้านี้อ่านข่าว BTS แบบคร่าวๆ ทำให้นึกถึงการบ้านวิชา Optimization model ที่ Lehigh ขึ้นมา
อาจารย์ให้ออกแบบ Integer Programming Model ว่าด้วยการสร้างเสาส่งสัญญาณไวไฟข้างๆ รถไฟฟ้า โดยต้องสามารถส่งสัญญาณให้รถไฟฟ้าความเร็วสูงได้อย่างเสถียรที่สุด
Objective คือ Minimizing cost
Constraint คือ Maximizing ความเสถียรของการใช้งาน เมื่อรถไฟมีความเร็วสูง
จำนวนเสา ต้องเป็น integer (สร้างครึ่งเสาไม่ได้)
โจทย์นี้ ต้อง Run Simulation นานหน่อย เพราะเป็น NP-Hard
ให้เวลาทำอยู่ 1 อาทิตย์ เป็น โปรเจคเล็กๆ ที่เขาเรียกว่า Homework แต่ความยากนี้ ทำเอาไม่ค่อยได้นอนไปทั้งอาทิตย์
พอกลับมาประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นว่า อยากถ่ายทอดความรู้ให้ได้มากที่สุด
มหาวิทยาลัยไทยตอบมาว่า "วิชาพวกนี้ ยากเกินไปกว่าคนไทยจะเรียนกัน หากจำนวนนักเรียนน้อย ก็ทำให้เป็นวิชาที่ขาดทุน ได้รับผลประเมินไม่ดี"
ทุกวันนี้ พูดเลยว่าวิชา Optimization เป็นวิชาที่แป้งใช้บ่อยมาก บ่อยกว่าหลายวิชาที่เห็นเปิดกันทุกมหาวิทยาลัยเสียอีก
ส่วนเรื่อง BTS เท่าที่อ่าน แป้งว่าเป็นเรื่องการจัดการข้อมูลของภาครัฐค่ะ เพราะไม่มีการ Cross Check Condition ต่างๆ ให้ดีก่อนดำเนินการ ประชาชนได้รับผลกระทบหนักมาก และสงสาร BTS ที่ต้องโดนต่อว่าหนัก ทั้งที่ดูแล้ว เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย
BTS มันเอกชนบริหาร
คลื่น Dtac(2300)กับ BTS (2400) มันห่างกันโครตเยอะนะ
ตามค่าจะห่างกันระดับ
2.4Ghz - 2.3Ghz = 0.1Ghz = 100000000 Hz
ถ้าอ้างของบอมบาดิเอ้อ มีปัญหากูว่าเข้าเค้ากว่า
https://www.bombardier.com/en/transportation/projects/project.cityflo-bangkok-thailand.html?f-region=middle-east-and-africa
เสริม
dtac ทดลองปิดคลื่น 2300 จำนวน 20 สถานีแนวรถไฟฟ้าตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา, BTS ยังมีปัญหาตลอดเช้า
https://www.blognone.com/node/103388
เพราะงั้นคนที่ชื่อแป้งบอกให้โยนขี้ไปที่รัฐจัดสรรคลื่น จึงไม่น่าใช่ล่ะ
พูดถึงเรื่องความถี่ กูนึกถึงสมัยก่อน คสช. นี่ใน กทม. กูฟังวิทยุคลื่นหลักไม่ได้เลย ไม่ว่าไปตรงไหนก็เจอวิทยุชุมชนกวนหมด ไม่ใช่คลื่นการเมืองนะ คลื่นขายยาวิเศษ
คลื่น Dtac ลูกค้าปกติยังรับแทบไม่ได้เลย ติดๆดับๆ กำลังส่งคงไม่มีปัญญาไปกวนใครเขาหรอก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีแต่ท่านนายกและทหารที่แสดงความเป็นห่วงและเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ
ส่วนไอ้แว่นลิเบอร่านที่ชอบด่าทหารทำเหี้ยไรอยู่ครับ ทะเลาะกับ bts ไงครับ ไอ้ควายยยยย
กระแสด่า BTS นั้นกระจายไปทั่วครับ แต่ผมอยากบอกว่าเรื่องนี้ BTS เองก็เป็นแพะในบางเรื่อง และน่าเตะในบางเรื่องเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่เป็นจริงที่ระบบรถต้องหยุดคือการโดนสัญญานรบกวน
BTS นั้นใช้ระบบอาณัติสัญญานมาตราฐานของ บอมบาดีแยร์ (Bombardier) ที่ใช้ระบบ wifi ความถี่ 2.4GHz มานานแล้ว เพราะเป็นมาตราฐานของระบบรถที่ใช้กันทั่วโลก ระบบ Communication Based Train Control (CBTC) ของรถไฟฟ้า BTS ใช้เป็น Cityflo 450 เกือบจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนมากแล้วการหยุดให้บริการของ BTS ในอดีตนั้นมาจากเรื่องอื่นมากกว่ามาจากระบบอาณัติสัญญาน
การที่จะให้ BTS เปลี่ยนความถี่ไปใช้ช่วงอื่นนั้นพูดง่ายทำยาก เพราะไทยเราไปซื้อระบบเขามาที่เป็นมาตราฐานที่ใช้กันทั่วโลก การที่ไปย้ายความถี่นั้น บอมบาดีแยร์ เขายอมและยังรับประกันระบบหรือเปล่านี่คือปัญหาใหญ่ และถ้า บอมบาดีแยร์ ยินยอม เงินมหาศาลที่ต้องเปลี่ยนความถี่ของระบบใครจะรับผิดชอบ คนที่ใช้อยู่เก่าก่อนแล้วต้องมารับผิดชอบคนที่มาใหม่แล้วเอาความถี่มาซ้อนกวนนั้นไม่เป็นธรรมกับคนใช้ความถี่เดิมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในทำนองเดียวกัน BTS ก็น่าเตะก้นไม่แพ้กัน เพราะ BTS รู้ล่วงหน้ามาก่อนแล้วว่าตัวเองจะต้องมีปัญหาในอนาคตแน่นอนในช่องความถี่นี้ และทาง กสทช.เตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจาก BTS มีหนังสือแจ้งขอใช้งานอุปกรณ์โทรคมนาคม ซึ่งเหตุผลนั้นว่าทำไม BTS ถึงไม่ดิ้นรนออกมาขอให้สงวนความถี่ที่ตัวเองใช้กับ กสทช. นั้นคงให้ BTS มาตอบเองว่าตอนนั้นอมอะไรอยู่ถึงไม่มีปากพูด
ส่วนที่จะสงวนความถี่ที่ใช้ในระบบรางในอนาคตนั้น คงต้องใช้มาตราฐานยุโรปและรถไฟจีนที่ใช้ความถี่เดียวกันคือ Uplink: 885–889 MHzDownlink: 930–934 MHz ที่ความถี่ย่านนี้ (ความถี่คุลมย่านที่กว้างกว่าที่ผมบอกว่ารถไฟต้องใช้) กำลังจะหมดสัญญากับทาง DTAC โดย กสทช. มีเงื่อนไขว่าถ้าระบบเดินรถจะต้องมีการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าวภายในไม่เกินปี พ.ศ. 2563 ซึ่งหากไม่มีการใช้งานคลื่นความถี่ดังกล่าว เงื่อนไขการอนุญาตก็ให้สิ้นผลไป ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าเตะ กสทช.ด้วยเหมือนกันเพราะความถี่นี้เป็นความถี่สงวนเอาไว้ให้ระบบรถไฟฟ้าทั้งประเทศในอนาคต จะใช้เมื่อไรนั้นไม่ควรไปกำหนดเวลา เพราะในอนาคตนั้นต้องใช้แน่ๆ และควรต้องกำหนดให้เป็นมาตราฐานของประเทศไทยไปเลยว่าความถี่ย่านนี้ห้ามใช้ ขอสงวนให้เป็นความถี่เดินรถไฟในอนาคตซึ่งจะสวยกว่าที่ไปกำหนดกฎเกณฑ์แบบนั้น
ส่วน DTAC ที่เวลานี้เป็นจำเลยของสังคมที่มีข่าวออกมาว่าความถี่ใหม่ 2.3 GHz ที่ให้บริการไปเมื่อ 6 มิย.ที่ผ่านมานั้นเป็นต้นเหตุไปกวนสัญญานของ BTS นั้น ผมเองนั้นมองว่าดีแท็กก็เป็นแพะเหมือนกัน เพียงแต่ DTAC นั้นออกมาพูดให้ข้อมูลทันที และไม่นิ่งเงียบเหมือน BTS ที่ไม่บอกอะไรกับประชาชน และยังให้ความร่วมมือทดลองปิดสัญญาณคลื่น 2300 MHz กว่า 20 สถานีฐานตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพื่อร่วมตรวจสอบปัญหาคลื่นรบกวนระบบอาณัติสัญญาณ ซึ่งทาง DTAC ทั้งให้ข้อมูลและร่วมมือขนาดนี้แล้วยังจะไปเอาอะไรกับเขาอีก และเมื่อเช้าวันนี้เอง DTAC ปิดสัญญานไปมากกว่า 20 สถานีตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าตั้งแต่ 6.00 น. แต่ระบบของ BTS ก็ยังล่มเมื่อเวลา 6.52 น.
ส่วนที่มีบางคนเอาไปเปรียบเทียบกับระบบของ MRT นั้นต้องเข้าใจด้วยว่าระบบอาณัติสัญญารของ MRT นั้นเป็นระบบ LZB 700M ของซีเมนส์ (Siemens) ที่ทั้ง MRT และ ARL ใช้งานอยู่เป็นแบบ ตรวจจับแบบ Track circuit และอาณัติสัญญานแบบ Fixed Block (ระบบนี้ผมเดินตรวจงานมาทุกเมตรของรางในอุโมงค์ ทุกห้องควบคุมตามสถานี ตั้งแต่ลงสายสัญญานเส้นแรกจนทดสอบวิ่งเลยครับ) และอีกอย่างคือระบบอยู่ใต้ดิน ดังนั้นการรบกวนจะน้อยกว่า ดังนั้นระบบการเดินรถจะใช้ Automatic Train Operation (ATO) อยู่แบบสบายใจ คนขับกดปุ่มปิดประตูรถแล้วกดปุ่ม ATO อีกปุ่มรถก็วิ่งเองแล้ว ไม่ต้องมีปัญหาให้คนขับมาคุมรถแบบ แมนนวล(Manual) เหมือนที่ BTS ต้องใช้ในบางครั้งที่โดนกวนสัญญาน (เดิมนั้น BTS ก็ใช้ระบบนี้ของ ซีเมนส์ ครับ แต่เปลี่ยนเป็น Cityflo 450 ของ บอมบาดิแยร์ เมื่อปี 2552)
ดังนั้นละครเรื่องนี้จึงมีแพะอยู่สองตัว แพะใบ้ที่ทั้งน่าสงสารและน่าเตะในเวลาเดียวกัน เพราะไม่ใช้ปากไว้เรียกร้องสิทธิ์ของตัวเอง กับอีกตัว แพะที่น่าสงสารอยู่ดีๆ ก็โดนมันทุกเรื่อง และหน่วยงานรัฐที่น่าเตะอีกหนึ่งหน่วยงาน เพราะหน้าที่หลักนั้นควรต้องใส่ใจเอาหญ้าให้แพะกิน แต่ดันบอกกับแพะว่าอีกสิบนาทีถ้าพวกเอ็งยังไม่กินจะเอาหญ้าไปให้วัวกินแล้วนะเฟ้ยยย...
เครดิตภาพ เวิร์คพ้อยท์นิวส์
ความลับที่ทำให้ผมกลายเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ในระยะเวลาอันสั้น
.
มีเบื้องหลังมากมาย ที่ทำให้ผมกลายเป็นเทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จได้โดยใช้ระยะเวลาเพียงไม่นาน
จากแค่การตัดสินใจเปิดคอร์สออนไลน์สอนสร้างสติ๊กดเกอร์ไลน์เมื่อ 2 ปีก่อน วันนี้ผมสามารถก้าวขึ้นมาสู่การเป็น International Speaker ที่มีเวทีอยู่ต่างประเทศ และมีนักเรียนเป็นชาวต่างชาติเกือบ 2,000 คน
บอกตามตรงครับว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเกินฝันไปไกลแล้ว
ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าสติ๊กเกอร์ไลน์จะพาผมมาไกลได้ถึงระดับนี้
.
สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความแตกตื่นให้วงการเทรนเนอร์/โค้ชเป็นอย่างมาก
และทำให้ ณ ปัจจุบันนี้ ผมได้รับเกียรติจากเทรนเนอร์/โค้ชหลายสิบท่าน ให้ไปแนะนำวิธีคิด วิธีการ รวมถึงแนวทางที่จะทำให้พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้
.
อันที่จริง เบื้องหลังความสำเร็จไม่ได้ซับซ้อน ผมเพียงโฟกัสไปที่กิจกรรมหลัก 3 ประการเท่านั้น
1. แบรนด์ตัวเอง
- มันเป็นสิ่งที่โคตรจำเป็น สำหรับเทรนเนอร์/โค้ช/วิทยากร เพราะความรู้ที่สอนคนเป็นสิ่งที่สามารถ copy และพูดเหมือนกันได้ แต่ Personality หรือเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลนั้น ไม่สามารถลอกเลียนกันได้
ความผิดพลาดของโค้ชส่วนใหญ่ คือไม่จริงจังกับการทำตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ และที่น่าเสียดายไปกว่านั้น คือ โค้ชจำนวนมากมีอาการ "หวงของ"
พวกเขามักเริ่มต้นด้วยการไปเรียนรู้ศาสตร์เจ๋งๆ บางศาสตร์มา และจบลงด้วยการนั่งละเมอว่า "ของดีจริง เดี๋ยวคนก็เข้ามาหาเอง"
ซึ่งสำหรับผมแล้ว นี่คือความคิดที่งี่เง่าและไร้สาระที่สุดสำหรับการทำธุรกิจ
เรากำลังอยู่ในยุคที่ Focus ของผู้คนมีอยู่อย่างจำกัดมากกว่ายุคไหนๆ จากปริมาณข้อมูลข่าวสารที่ล้นทะลักผ่านหน้าจอมือถือไม่เว้นแต่ละวัน
หากคุณต้องการเป็นโค้ช/เทรนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จ มันเป็นหน้าที่ ของคุณโดยตรง ที่จะต้องทำให้ตัวคุณกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คนที่วิชาความรู้ของคุณสามารถช่วยเหลือเขาได้
หนึ่งในอาจารย์ของผม(ซึ่งเป็นอาจารย์ของเทรนเนอร์ชั้นนำระดับโลกหลายพันคน) กล่าวไว้ว่า "ถ้าคุณได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมา และคุณอยากทำให้มันมีคุณค่ามากขึ้น จงทำให้มันกลายเป็นธุรกิจ"
ฉะนั้นแล้วสำหรับผม ความกล้าที่จะออกมาทำธุรกิจและทำให้เป็นที่รู้จักไม่ใช่เรื่องเห็นแก่ตัว การมีความรู้ดีๆ แต่ไม่กระตือรือร้นที่จะนำเสนอต่างหากที่เราน่าจะเรียกมันว่าเป็น "ความเห็นแก่ตัว" ที่แท้จริง
2. ทำการตลาดตัวเอง
- การตลาดของเทรนเนอร์/โค้ช คือตัวชี้วัดความแน่ของแต่ละคน และนี่คือกำแพงใหญ่ยักษ์ที่ขวางกั้นเทรนเนอร์/โค้ช 95% ไม่ให้ประสบความสำเร็จ
พวกเขาไม่ได้ผิดพลาดเรื่องความเก่ง หรือคุณภาพของเนื้อหา ผมเจอเทรนเนอร์มากมายที่เป็นเทพตอนยืนสอนหน้าห้อง แต่เมื่อต้องทำการตลาดพวกเขากลับเหมือนเด็กหันคลาน
ภาพที่พบเจอบ่อยที่สุดคือ พวกเขามักนำเสนอคอร์สหรือหลักสูตรให้กับคนที่ไม่ใช่และไม่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายได้
ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามโค้ช NLP ที่เข้ามาปรึกษาผมว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายของเขา เขาตอบผมหน้าตาเฉยว่า "ทุกคนที่มีความทุกข์"
ด้วยความเคารพ ... ขึ้นชื่อว่า "มนุษย์" ต่างก็ต้องมีความทุกข์กันทั้งนั้น
ใครก็ตามที่อ่านมาถึงตรงนี้ โปรดระลึกไว้เลยครับว่า การที่กลุ่มเป้าหมายของคุณคือทุกคน นั่นแปลว่า คุณไม่มีกลุ่มเป้าหมายเลย
คำว่า "Marketing" ขึ้นต้นด้วย "mark" อยู่ทนโท่ นั่นแปลว่าก่อนทำการตลาด คุณต้องรู้ชัดเจนว่าคุณจะ "เน้น" ที่ใคร
สำหรับโค้ช/เทรนเนอร์ คำถามเริ่มแรกที่คุณต้องถามไม่มีอะไรมากไปกว่า "ความรู้ความสามารถของที่อยู่ในตัวคุณนั้น มันเป็นที่ต้องการของใคร!"
การที่คุณไม่จบตั้งแต่แรกว่าใครคือกลุ่มเป้าหมาย สิ่งนี้จะทำให้คุณสับสน
.
3. นำเสนอตัวเอง
- ผมเบื่อจริงๆ กับการต้องหาคำเท่ๆ คล้องจอง และดูมีความรู้ อย่าง Personal ... นู่นนี่นั่น มาเขียนโพสต์นี้ เพราะผมไม่ใช่นักทฤษฎี แต่ผมมีความรู้เรื่องพวกนี้จากการลงมือปฏิบัติ
เอาเป็นว่า ผมกำลังพูดถึง "ความกล้า" "ความมั่นใจ" หรืออะไรทำนองนี้ที่ทำให้คุณยอมรับนับถือตัวเองได้
ผมกล้าพูดได้เต็มปากว่า ผมเป็นเทรนเนอร์ก่อนที่ผมจะไปเรียนเป็นเทรนเนอร์ซะอีก (แม้ว่าตอนนี้ผมจะมี Certificate จากสถาบันสร้างเทรนเนอร์ระดับโลกมากกว่า 3 สถาบันแล้วก็ตาม ฉะนั้นจำไว้ว่าการเป็นเทรนเนอร์มันไม่เกี่ยวอะไรกับใบเซอร์เลย)
ผมเริ่มเป็นเทรนเนอร์/โค้ชจากการสอนภาษาไทย ติวเข้านักเรียนนายสิบนักเรียนนายร้อย ก่อนจะทำสติ๊กเกอร์ไลน์ขายและออกมาสอนคนให้ทำแบบผม
ผมแค่ต้องการจะบอกว่า ขอเพียงคุณมีความรู้ดีๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรหรือหัวข้อไหน อย่าดูถูกความรู้นั้นของตัวเองเด็ดขาด
มีเทรนเนอร์/โค้ชที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากเริ่มต้นจากการสอนเรื่องเล็กๆ อย่างการพับผ้า จัดห้องนอน หรือแม้แต่ทำความสะอาดพื้นพรม (ไปส่องรายได้ของพวกเขาดูได้ในเว็บ udemy) ซึ่งคุณคงพอจะเดาได้ว่ามันไม่จำเป็นต้องมี Certified ในเรื่องเหล่านี้เลย
อีกเรื่องที่คุณต้องระลึกไว้เสมอคือ... หากคุณต้องการจะสอนเลขคณิตให้เด็ก ป.1 คุณไม่จำเป็นต้องจบปริญญาก็ได้ จริงไม่จริง?
หากคุณขายตัวเองให้ตัวเองได้ ... คนข้างนอกก็พร้อมจะซื้อคุณเช่นกัน
.
คอร์สนี้ ผมจะสอนให้คุณทำได้แบบผม บอกหมดเปลือก ไม่ปิดบังแม้แต่เรื่องเงินๆทองๆ
ทุกเรื่องที่คุณต้องรู้ ควรรู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่คุณต้องการจะรู้ ผมมีช่องทางให้คุณถาม-ตอบกับผมโดยตรง
.
และ Premium ที่สุดสำหรับคอร์สนี้ คือ
ผมจะคืนค่าเรียน 50% ให้คุณทันทีที่คุณทำสำเร็จ
เมื่อมองลึกลงไปรายจังหวัด แล้วจำแนกออกเป็นจังหวัดที่มีรายได้มากที่สุดและน้อยที่สุดอย่างละ 5 จังหวัด พบว่า
5 จังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือนมากที่สุดคือ
กรุงเทพฯ 45,572 บาท
ปทุมธานี 41,057 บาท
นครปฐม 40,347 บาท
นนทบุรี 36,884 บาท
สุราษฎร์ธานี 36,466 บา
เยอะเพราะทำงานกันทั้งบ้าน
รายได้ต่อครัวเรือน อย่าลืมว่า กทม. ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว (พ่อแม่กับลูก) อยู่กันไม่เกิน 4 คน หารต่อคนก็ยังดูเยอะเอาเรื่อง
>>790 อยากเชื่อที่มันโฆษณาก็แล้วแต่เลยนะ แต่กูบอกไว้ก่อนว่าที่มันเคยเอาบริษัท Health IT แห่งนึงมาโฆษณานี่ไม่จริง
เพราะเพื่อนกูทำงานอยู่ที่นั่น เค้าก็เช็คกันในบริษัทก็ไม่มีใครเรียนที่นี่มา
แถมเห็นเพื่อนกูคุยกับพี่ที่บริษัทเค้ามีการเอาแบบฝึกหัดหรือโจทย์สอบเข้ามาสับอีกว่าโจทย์ผิด
ตอนเด็กๆเคยมีคนถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร นี่บอกอยากเป็นแอร์โฮสเตส เขาก็ถามกลับว่ารับได้ไหมถ้าโดน sexually harassed นี่ก็บอกรับไม่ได้ เขาเลยบอกว่างั้นก็อย่าเป็น ทุกวันนี้ยังสงสัยอยู่ว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องรับได้หรอ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>799 ไอ้คำว่า sexually harassed ที่ว่านี่หมายถึงโดนมองหน้าแล้วส่งสายตาหื่นให้ปะ ควย คิดว่าแอร์โอสเตสเขาคัดหน้าตากันไปทำไมวะ ไอ้เรื่องนี้จริงๆ มันก็มีขีดจำกัดของมันอยู่ อย่างเลวมากๆ ก็โดนจับนมจับตูด ซึ่งสายการบินก็มีมาตรการป้องปราม ช่วยเหลือแอร์อยู่แล้ว และคงไม่ถึงขั้นโดน ผดส. เยสหรอก
แตะๆก็ถือว่าจับแล้ว
จะว่าไปบอลโลก แม่งมุขแอบจูบนักข่าวสาวถ่ายทำนอกสถานที่ โดนกันเพียบเลย
เห้ยๆ ถ้าถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวนี่แค่กฎหมายไทยก็เข้าข่ายลวนลามละ คุกไม่เกิน 10 ปีนะมึง
ทำไมเจอ keyword เอากาแฟร้อนราดหัวนี่กูนึกถึงอีกเคสนึง
สัสคุกคามเพศชาย
#เฟมินิสต์ไม่เคยกล่าวไว้
ถ้าเป็นมุสลิม เฟมินิสจะไม่กล้าหือนะครับ
มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
เฟมินิสต์เนี่ยหาสวยๆ ยาก เพราะมักจะมีผัวกันไปหมด เหลือแต่ซากเดินได้ที่ยังแหกปากต่อไป
Q: ผู้หญิงประเภทไหนที่ซีเรียสเรื่องไม่มีงานทำ เรื่อง wage gap
A: ผู้หญิงที่หาผัวไม่ได้
Q: ผู้หญิงประเภทไหนที่หาผัวไม่ได้
A: ผู้หญิงที่เรื่องมากจนใครก็ไม่อยากอยู่ด้วย
ex กะละแมร์
https://www.rt.com/news/430928-french-butchers-plead-protection-terrorist-vegans/
"วีแกน หัวรุนแรง เข้าคุกคามพ่อค้าเนื้อ"
มีสองเรื่องที่ผมอยากจะพูดถึงในกรณีนี้ครับ
ในส่วนของอาหาร ผมเองจับตามองความเคลื่อนไหวนี้มาหลายปีพอสมควร
เคยเปรยๆกันบ่อยๆว่า เด๋วนี้มันไม่ใช่แค่ฉันกินแบบของฉัน เธอกินแบบของเธอ
แต่มันเติบโต ใส่ไข่ สุมความเชื่อสารพัดเข้าไปจนกลายเป็นนิกาย
กลายเป็นศาสนา ที่เหล่าสาวก มองคนนอกกลุ่มเป็นพวกนอกรีต
หลายปีมานี้ มีการใช้ข้อมูลเทียม สื่อเทียม สร้างเรื่องราวโกหกมากมาย
ใช้โซเชียลทำให้มันกลายเป็น โฆษณาชวนเชื่อ หรือ Propaganda กันแบบขยันขันแข็ง
ซึ่งมันไม่ดีกับใครเลย ผู้บริโภคได้รับข้อมูลผิดๆมากมาย
ทั้งๆที่ ปรกติ ข้อมูลปั่นพวกนี้ก็ลอยฟ่องโลกโซเชียลอยู่แล้ว
บางเรื่อง ให้ข้อมูลที่รุนแรงมาก จนผมรู้สึกว่า มองภาพรวมแล้ว นี่ก็ไม่ต่างกับวิธีที่ ISIS ใช้
เพราะมันไม่ใช่แค่ชวนเชิญ แต่มันก่อหวอด มันปลุกปั่น
ซึ่งไม่เป็นผลดี แม้แต่กับคนที่เป็นวีแกนปรกติธรรมดา
อย่างคลิปเรื่อง ฟาร์มโคนมฆ่าลูกวัวทิ้งอะไรงี้
โห ตอนนี้น่ะ ฟาร์มโคนมเป็นธุรกิจที่กระอักเลือดกันเป็นแถวอยู่แล้ว
และอุตสาหกรรมโคเนื้อ คือตัวช่วยตัวหนึ่งที่ทำให้ฟาร์มโคนมยังไม่ล้มหายตายไป
และจริงๆ การบริโภคเนื้อวัวนม หรือ ลูกผสมวัวนมนั้นมีมานานมากแล้ว
อย่างในอเมริกาเอง 11% ของเนื้อที่บริโภคในอเมริกา ก็มาจากโคนม
ในญี่ปุ่น ลูกผสมโฮลสไตน์ ก็เป็นเนื้อที่มีจำหน่ายทั่วไปในญี่ปุ่น
ทุกอย่างเป็นเงินที่ไม่มีใครจะทำลายหรือโยนทิ้่งกันแบบนั้่น
แต่ที่น่ากลัวคือ
มีคนจำนวนมาก ที่เชื่อข้อมูลจาก Propaganda สุดขั้วประเภทนี้
และอีกจำนวนมากที่เป็นเรื่องเกื่อบกับโภชนาการ และ Nutrition Science
ที่ทำให้นักวิชาการแท้ๆปวดตับ เพราะต้องมานั่นแก้ความเข้าใจผิดๆมากมาย
ที่คนเหล่านี้กระจายข้อมูลออกไป นี่ยังไม่นับข้อมูลปั่น อีกจำนวนมากจาก
องค์กรธุรกิจอาหารต่างๆ ที่หวังผลในการสร้างหรือเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง .... ก็อยากสะกิดให้ เชื่ออะไรยากซักนิดครับ เวลาอ่านอะไร หรือฟังอะไร
อีกหนึ่งนั้น ไม่เกี่ยวกับอาหาร แต่ขอพูดเถอะนะครับ
หนึ่งนั้นคือ สถาพความเชื่อแบบรวมกลุ่ม
และมีการชักนำคนเข้าไปร่วมจำนวนมากๆด้วยวิธีต่างๆนั้น
มันคือ่ลัทธิ ที่มีรูปแบบของ ศาสนา คือความเชื่อมันมีลักษณะเป็น
"Religious belief"
ปัจจุบัน ความเชื่อหรือลัทธิแบบนี้ มีเกิดขึ้นอย่างมากมาย
และเป็นเรื่องง่ายๆหรือใกล้ตัวจนเหลือเชื่อ
บางทีเราอาจจะต้องค่อยๆพิจารณา และให้นิยามของคำว่า ศาสนา
และคำว่า "คลั่งศาสนา" เสียใหม่ เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว
สำหรับผม ผมเห็นคนคลั่งศาสนาเต็มไปหมด และผมให้คำอธิบาย
อาการคลั่งศาสนาไว้ง่ายๆโดยส่วนตัวผม นั่นคือ
เมื่อไหร่ก็ตาม ที่คุณเชื่ออะไรซักอย่าง ศรัทธา เทิดทูน ยึดมั่นกับมัน
จนกระทั่งคุณเห็นว่า ใครก็ตามที่เชื่อไม่ตรงกับคุณ เป็นศัตรู
หรือ ใครก็ตามที่ไม่ดำเนินแนวทางเดียวกับคุณ สมควรได้รับโทษ
เมื่อไหร่ที่คุณรักมนุษย์ด้วยกันน้อยกว่ารักสิ่งที่คุณถือมั่น
คุณมีความชิงชัง มีความจงเกลียด มีความโกรธและอาฆาตมาตรร้ายต่อมนุษย์ด้วยกัน
เพราะเค้าไม่เชื่อ ไม่เดินทางเดียวกับคุณ
นั่นแหละครับ คือ ความคลั่ง และความหัวรุนแรงทางศาสนา
และมันไม่เป็นผลดีกับมนุษยชาติคนไหนเลยครับ T T
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โตขึ้นผมอยากเป็นอัศวินคอยปกป้องผู้หญิงจากการถูกแบดบอยหน้าหล่อกดขี่ โดยหวังว่าพวกเธอเหล่านั้นจะหันมามองสุภาพบุรุษหน้าปลวกแบบผมบ้าง #White Knight
>>821 เขียนหลายบรรทัด แต่มีแต่น้ำ เนื้อหากลวงสุดๆ
แถมมีช่องโหว่ และ จุดที่ผิดพลาดมากมาย จนขี้เกียจจะเถียง
"องค์กรธุรกิจอาหารต่างๆ ที่หวังผลในการสร้างหรือเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง .... ก็อยากสะกิดให้ เชื่ออะไรยากซักนิดครับ เวลาอ่านอะไร หรือฟังอะไร"
พูดถึงตัวเองด้วยรึเปล่า คุณคนเขียนบทความ
>>826 ฝั่งวีแกนมีข้อมูลมโนเยอะกว่าฝั่งคนปกติอีก ลองไปดูสารคดีWhat the health ที่คนทำเป็นวีแกนดูดิ ขี้โม้สัส โม้ว่าน้ำตาลไม่ทำให้คนเป็นเบาหวานแต่เป็นเพราะเนื้อ โม้ว่าร่างกายมนุษย์ออกแบบมาให้ไม่กินเนื้อเพราะบางคนไม่มีฟันเขี้ยว etc.
ปัญหาของวีแกน(เหี้ยๆ)คือพวกห่านี่มักจะไม่มีอะไรในชีวิตที่ดีๆจนเอาไปคุยกับใครเขาได้ เลยต้องเอาวีแกนมาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้คิดว่าฉันนี่ดีกว่าคนอื่นนะเพราะฉันไม่กินเนื้อ เวลาคุยกับพวกแม่งก็ยกแต่เรื่องวีแกนมาคุยอยู่นั่นล่ะ
>>823 ใครกดขี่ใครวะ แดกแบดบอยจ่าย ช๊อปแบดบอยจ่าย แบดบอยเป็นแรงงานทาสคอยไปรับไปส่ง เอากันก็อยากทั้งคู่แต่ก็อ้างว่าผู้หญิงเสียหายเหลือเกิน พอแบดบอยขอเลิกโดนข้อหาหลอกฟัน แต่ถ้าผู้หญิงขอเลิกเองบอกผู้หญิงมีสิทธิเลือกสิ่งที่ดีที่สุดไห้ตัวเองได้ มึงยังว่าแบดบอยกดขี่ผู้หญิงอีกเหรอวะ .ไอ้พวกสุภาพบุรุษก็คือผู้ที่เอาตัวเองและผู้ชายด้วยกันไปขายเป็นทาสเพื่อเป็นแต้มต่อในการจีบสาวเท่านั้นแหละวะ ถ้ามึงดวงซวยได้แต่งงานรับรองมึงจะกลายเป็นเหี้ยที่สุดในสายตามันอยู่ดีถ้ามึงไม่แต่งไม่ยุ่งอะไรกับผู้หญิงเลยมึงก็เหี้ยอยู่ดีเพราะผู้ชายแม่งเลวทุกคน นี่แหละชีวิต
>>827 นึกถึงไอ้นี่เลย
https://www.youtube.com/watch?v=z0O_VYcsIk8
>>827 - ฝั่งวีแกน กับ ฝั่งคนปกติ ? คนกินเนื้อ คือคนปกติหรอ ?
- what the health กูดูละ แต่ดูไปนิดเดียว คือหลายอย่างอาจจะไม่น่าเชื่อถือ แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากข้อมูลของฝั่งที่กินเนื้ออ่ะ ข้อมูลมโน งานวิจัยมโน เยอะแยะ
- ย่อหน้าที่สองของมึง มันก็เป็นเรื่องของตัวบุคคลป่ะ มันต่างอะไรกับคนประเภทอื่นๆ ที่ชอบพูดเรื่องของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองทำว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้ ถ้ามึงเจอคนมาคุยเรื่องวีแกนกับมึงละมึงไม่อยากฟัง ก็ไม่ต้องฟัง จบ
- หลายคนที่กินวีแกน จุดเริ่มต้นเลยคือไม่อยากกินเนื้อสัตว์ บางคนไปดูคลิปฆ่าสัตว์ในโรงงานแล้วก็ไม่ชอบ ไม่อยากสนับสนุน ก็หันมากินวีแกน คนแบบนี้มีเยอะแยะ แล้วก็ไม่ได้ไประรานคนที่กินเนื้อด้วย จะมีก็แต่พวกนักกิจกรรมที่คอยออกมารณรงค์นั่นแหละที่อาจทำให้มึงรำคาญ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติป่ะวะ ? ที่จะมีคนกลุ่มนี้ คอยขับเคลื่อนและเผยแพร่แนวคิด
- คลิปวีแกน คนที่กินวีแกนในยูทูป ที่ไม่โจมตีคนกินเนื้อ ก็มีเยอะ อย่าไปดูแต่คลิปที่โจมตีคนกินเนื้อ ไปดูคลิปที่เค้าโชว์ไลฟ์สไตล์ อยู่แบบสงบๆบ้าง
คนปกติคือแดกได้ทั้งเนื้อและผัก
>>834 นิยามของปกติก็คือ ธรรมชาติสร้างมาแบบนี้
ธรรมชาติสร้างให้คนเราชอบกินแป้ง เพราะในนั้นมีคาร์โบไฮเดรตให้พลังงาน ทำให้อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ธรรมชาติสร้างให้คนรับรู้ว่า เนื้อมันอร่อย เพราะน้ำย่อยคนมันย่อยสารอาหารในนั้นได้ กินแล้วได้สารอาหารครบ
มึงให้วัวมากินเนื้อ มันก็ไม่ชอบ ธรรมชาติสร้างมาให้มันกินหญ้า สร้างน้ำย่อยมาให้มันย่อยหญ้าได้ ที่คนไม่กินหญ้า นี่ก็ธรรมชาติ สร้างมาให้รับรู้ว่าหญ้าไม่อร่อย มันเลยไม่มีคนกิน
ฝั่งวีแกนไม่ปกติ เพราะว่ามันฝืนธรรมชาติ
เวลาผมเห็นร้านรถเข็นกำลังย่างไก่ย่างหมู ผมนี่รู้สึกอยากกินจนน้ำลายไหลตลอดเลยอะครับๆ อยากทราบว่าพวกวีแกนนี่น้ำลายไหลเวลาเห็นคนตัดหญ้าเหมือนกันรึเปล่าครับ
ตอนอิมเมจด่ารถเมล์: ไอคนชังชาติ
ปัจจุบัน btsเสียคนด่ากันเพียบไอสัสกูขำ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องพฤติกรรมเซ็กส์ส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับความเป็นลิเบอรัลนะ ลิเบอรัลแค่ใจกว้างกับพฤติกรรมเซ็กส์ที่แตกต่างจากรสนิยมตัวเองได้ เช่น ไม่ประนามคนชอบสวิ้งกิ้ง วันไนท์สแตนด์ เซ็กส์คนเพศเดียวกัน แต่พฤติกรรมส่วนตัวของตัวเองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่าที่รู้จัก หลายๆ คนก็มีความต้องการทางเพศระดับปกตินะ ไม่หวือหวา
เจอมาหลายคน อย่างพวกอวตารโอตาคุ ติดหนังโป๊ พูดจาลามก หัวคิดการเมืองไปทางซ้ายเรื่องภาคแรงงาน บางคนยังไม่เคยมีเซ็กส์จริงๆ ก็มี หรือนานๆ ทีกำเงินไปลงอ่างด้วยความหวังว่าจะคลายเครียด พูดตรงๆ หลายคนรายได้ไม่พอสำหรับจะสร้างชีวิตคู่หรือจะกล้าจีบสาวเลย
ถ้าจะอิงว่าซ้ายเอาเก่ง ผมว่าในไทย คอนเซอร์ยังมีสิทธิ์มากกว่าอีก เพราะอีลีทพวกนี้มีทรัพยากรพรั่งพร้อมกระจุกอยู่ที่ตัวเองล้นหลาม เช่น พวกหลายเมียนี่แหละ มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว หรือบุตรหลานสลิ่มเรียนมหาลัยมีรถเก๋งส่วนตัวคอนโดส่วนตัวที่พ่อแม่ซื้อให้เป็นสมบัติ ส่งเงินให้ใช้คล่องมือ พวกนี้มีศักยภาพในการจีบคนมาหลับนอนเปลี่ยนคู่บ่อยๆ ได้ง่ายกว่าลูกตาสีตาสาเยอะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าไม่เข้าใจความหมายของคำว่า KY ในภาษาญี่ปุ่น ให้ดูสิ่งที่นายตำรวจหญ่ายท่านหนึ่งทำเมื่อ 2 วันก่อน นั่นล่ะครับ KY ของแท้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สิทธิลาคลอด 90 วันที่เราพนักงานกินเงินเดือนเอ็นจอยกันทุกวันนี้ เกิดจากกลุ่มคนดื้อประเภทนี้นี่แหละ กลุ่มคนดื้อที่เราบางคนอาจเคยแปะป้ายเขาว่า "หัวรุนแรง" บ้าง "วันๆ เอาแต่ประท้วงไม่ทำมาหากินอะไร" บ้าง "รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหว" บ้าง แต่สิทธิที่เขาเรียกร้อง ไม่ได้เรียกร้องให้เฉพาะกับตัวพวกเขาเอง สุดท้ายมันก็เป็นสิทธิที่ทุกคนได้รับโดยเท่าเทียมกัน ขบวนการแรงงานคือขบวนการเพื่อเราทุกคนนี่แหละ เพราะเราทุกคนคือแรงงาน
----
จาก The101.world :
อะไรบ่มเพาะให้เขาลิขิตชีวิตตัวเองแบบนี้ พูดแบบรวบรัด เขาบอกว่าพลังทางการเมืองยุค 14 ตุลาฯ ถึง 6 ตุลาฯ ได้เปลี่ยนเด็กชายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ไปตลอดกาล จากที่เคยเป็นนักเรียนลูกแม่รำเพย วิ่งเล่นในรั้วโรงเรียนเทพศิรินทร์ เขาเริ่มออกไปสัมผัสชีวิตบนท้องถนนของผู้คน จนกระทั่งเข้าสู่วัยนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประตูบานใหญ่ของโลกกิจกรรมทางสังคมก็เปิดรับให้เขาเดินเข้าไป
เมื่อเดินไปสู่โลกใบใหม่ แปลว่าต้องเดินออกจากโลกใบเก่า เขาเลือกหันหลังให้ที่บ้านที่กำลังทำธุรกิจ และหันหน้าเดินเข้าโรงงานในฐานะผู้ใช้แรงงาน
“สมัยก่อนโรงงานอุตสาหกรรมมันไม่มีระบบอะไร คุณอยากทำงานก็เข้าไปทำ โรงงานแถวอ้อมน้อย แถวสมุทรปราการ ก็ยังเป็นโรงงานสังกะสี จะออกจะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ ผมจำได้ว่าผมได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 20 บาท อีกที่เป็นโรงงานน้ำตาลอยู่ที่กาญจนบุรี มีเด็กรามฯไปทำงานกันเยอะ ผมก็ตามเขาไป เพราะการออกมาจากบ้านแปลว่าผมต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน”
การเข้าไปอยู่ในโรงงาน ทำให้สมยศซึมซับชีวิตและจิตใจแรงงานไปโดยปริยาย ขณะนั้นเขาพอมีทักษะการเขียนหนังสือบ้าง จึงใช้ทักษะที่มีเขียนรายงานสภาพปัญหาแรงงานที่ได้สัมผัสกระจายกันอ่านในหมู่นักกิจกรรม จนเกิดการผลักดันเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำ ผลักดันกฎหมายประกันสังคม กฎหมายลาคลอด เป็นต้น
“อย่างน้องไท ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข (ลูกชาย) ตอนที่เขาเกิดมาได้เดือนแรก เป็นช่วงรัฐประหารโดย รสช. ใหม่ๆ ผมก็อุ้มไปเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ต้องการให้ผู้หญิงสามารถลาคลอดได้ 90 วัน เพราะสมัยนั้นแฟนทำงานเป็นพยาบาล ลาคลอดได้แค่ 30 วัน หลังจากนั้นผมก็ต้องเลี้ยงเอง แล้วทำงานไปด้วย มันเหนื่อยมาก พอการเรียกร้องเกิดขึ้น มีองค์กรเอ็นจีโอต่างๆ มาร่วมกันกดดันรัฐบาล มันก็นำไปสู่การแก้กฎหมาย แต่สมัยนี้ 90 วันอาจจะไม่พอแล้ว”
ที่ทำงานเก่ามีน้องคนหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะเจ้าเนื้อตุ้ยนุ้ย
ด้วยความที่รูปร่างอ้วนกลม และเป็นคนยิ้มแย้ม
จึงกลายเป็นที่รักใคร่ของพวกพี่ ๆ ในห้อง
และมักจะโดนพี่ ๆ แซว หยอกเรื่องอ้วนตลอด
เวลากินข้าวด้วยกันทีไรแทบทุกคนก็จะแซวเรื่องกินประจำ
"กี่จานแล้วล่ะ"
"โห กินเยอะอย่างนี้นี่เอง"
"โห เติมอีกแล้ว"
"กินอีกแล้ว"
นู่นนั่นนี่มากมาย
ซึ่งที่ทำงานมีอาหารเที่ยงเลี้ยงทุกวัน
ก็แปลว่าก็ต้องเจออย่างนี้ทุกวัน
ยกเว้นว่าวันไหนน้องจะออกไปกินข้าวข้างนอก
แต่ถึงไม่โดนแซวตอนกินข้าวก็โดนแซวตอนอื่นอยู่ดี
น้องเขาเป็นคนน่ารัก นิสัยเฮฮาสนุกสนาน
พอโดนแซวก็ตลกกันไป
แต่พอเจออย่างนี้ทุกวัน จากหลาย ๆ คน
ฉันก็คิดว่ามันเริ่มไม่ตลก น่ารำคาญ
คือจะกินอะไร จะตักอะไรก็โดนแซวโดนล้อตลอด
นี่ขนาดฉันไม่ใช่คนที่โดนฉันยังรู้สึกรำคาญแทน
และเริ่มสังเกตได้ว่าน้องเขาเองก็เริ่มหน้าตึง ๆ
ไม่เฮฮาเหมือนเก่าเวลาโดนแซวเรื่องนี้เวลากินข้าว
ฉันพยายามปรามพี่ ๆ ว่าพอแล้ว อย่าเลย
แต่สิ่งที่พี่ ๆ เขาตอบคือ
"ไม่เป็นไรหรอกกกกก"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย"
"ไม่เป็นไรได้ไงพี่ ก็พี่ไม่ใช่ฝ่ายโดนล้อนี่"
ฉันถามกลับ
พี่ ๆ เขาก็มองหน้ากันแล้วก็ไม่ตอบอะไร กินข้าวต่อ
แล้วก็ยังคงล้อน้องเขาอย่างเดิมทุก ๆ วัน
จนวันนั้นก็มาถึง
วันที่น้องเขาอึดอัดจนทนไม่ไหว
โพล่งอาการไม่พอใจออกมาหลังจากที่โดนรุมล้อเรื่องกิน เรื่องความอ้วน
ถึงไม่ได้ก้าวร้าวหรือรุนแรงอะไรแต่ทุกคนก็ตกใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
แทนที่จะรู้สึก หรือสำนึกได้ว่าเล่นกันเลยเถิดมากเกินไป
กลับเป็นเสียงซุบซิบกัน
"ต่อไปคงไม่กล้าเล่นอะไรด้วยแล้ว"
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนอย่างนั้น"
........
(ต่อเม้นล่าง)
( ต่อจาก >>844 )
ปัญหาของการล้อเลียนในสังคมไทย
คือไอ้ฝ่ายล้อก็คิดว่า
"ไม่เป็นไรหรอก"
"นิดเดียวเอง"
ส่วนฝ่ายโดนล้อก็พูดอะไรไม่ค่อยได้
เพราะก็จะกลัวหาว่าเล่นด้วยไม่ได้
คิดมาก ก้าวร้าว
ยิ่งถ้าคนที่ล้อเป็นผู้ใหญ่กว่ายิ่งหนักเข้าไปใหญ่
อันที่จริงไม่ใช่ว่าจะล้อเลียนกันไม่ได้เสียทีเดียว
การล้อเลียน การแซว การหยอก การแกล้ง
มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดกัน
และสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นบางทีมันมีเส้นอะไรบาง ๆ กั้นอยู่
เหมือนการตบหัว เป็นได้ทั้งการเล่น การหยอก หรือการทำร้ายข่มขู่
หรือการเรียกกันว่าอีเหี้ย อีสัตว์ ไอ้ห่า
เป็นได้ทั้งการด่า หรือการเรียกเพื่อนที่สนิทกัน
มันขึ้นอยู่กับบริบท อารมณ์ สถานการณ์ เจตนา
สถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทำและคนโดนกระทำ
ที่จะทำให้คนที่โดนกระทำจะตีความว่าสิ่งที่โดนนั้นทำให้รู้สึกสนุกสนาน หรือรู้สึกไม่พึงพอใจ
คนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น
หรือไม่เคยมองประเด็นนี้ก็จะไม่สนใจว่าบางครั้งคำพูดหรือการกระทำของตนนั้นอาจจะทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่ตั้งใจ
เพราะคำพูด การกระทำมันออกจากปากตัวเองไปก็เหมือนเทน้ำทิ้งไป
เทไปก็จบ ไม่ได้สนใจอะไร
"แค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นไรเลย"
แต่คนโดนกระทำนี่สิ โดนน้ำคำต่าง ๆ จากคนนั้นคนนี้เทใส่เหยือกใบเดิมทุก ๆ วัน
ในมุมมองคนพูดก็จะเห็นว่าฉันก็เทน้ำแค่แก้วเดียวเอง
แต่ไม่ได้มองในมุมคนที่โดนกระทำ
ว่าเหยือกที่เขาถือนั้นมีคนอื่นมาเทน้ำใส่ไปแล้วกี่คน
น้ำแก้วเดียวจากคุณ
แต่มันผสมกับน้ำแก้วอื่นจากคนอื่นอีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คนอีก
ไม่นานความอดทนก็คงจะล้นปรี่ ถึงขีดจำกัด
บางคนอาจจะบอกว่าอย่าเก็บมาใส่ใจสิ
อย่ารับน้ำเหล่านั้นไว้ เททิ้งไป
แต่อย่าลืมว่าบางครั้งถึงเททิ้ง
แต่มันก็ยังเหลือร่องรอย
บางทีเปียกรดเลอะโดนตัวทิ้งรอยไว้
จะไม่ให้เก็บมาใส่ใจมันเลยมันคงเป็นไปไม่ได้
และกว่าที่จะเติบโตจนจิตใจเข้มแข็งไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นมาได้
ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกเท่าไหร่
ซ้ำร้ายบางคนก็เหลือรอยแผลไว้อีก
ฉันเองก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่เคยเป็นทั้งผู้กระทำด้วยความสนุกคึกคะนองตอนเด็ก
และผู้โดนกระทำ
ฉันมีปมในใจมาตั้งแต่เด็กเรื่องหน้าตา
เพราะทุกคนชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพี่ชายที่หน้าตาดีกว่า
ว่าฉันหน้าตาน่าเกลียดบ้าง เป็นเด็กที่โดนเก็บมาเลี้ยงบ้าง
พอเริ่มเข้าวัยรุ่น ทุกคนก็ชอบพูดถึงพี่ชายฉันว่าหน้าตาหล่อ
และไม่พ้นที่จะวกมาเปรียบเทียบกับฉันที่ทั้งอ้วน ทั้งดำ
และหน้าตาไม่ดีเท่า
มันทำให้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง
ฉันคิดว่าฉันไม่โดดเด่น ไม่มีใครชอบฉัน
เพราะฉันหน้าตาน่าเกลียด
ทุกคนรักพี่ชายฉันมากกว่า ทุกคนชอบพี่ชายฉันมากกว่า
ฉันต้องสร้างบุคลิกฉันขึ้นมาใหม่
ทำตัวเองเป็นคนใหม่ เพื่อให้ฉันได้เป็นคนอย่างที่ฉันอยากเป็น
ไม่ใช่โดนปมจากคำพูดจากคนใกล้ตัวมาเป็นเปลือกคอยหุ้มฉันไว้ไม่ให้กล้าที่จะทำอะไรเพื่อตัวฉันเอง
ถึงแรงขับดันจากการโดนล้อในวัยเด็กมันจะกลับกลายมาส่งผลดี
แต่ใช่ว่าฉันจะไม่ทรมานหรือทุกข์ใจจากการโดนล้อเลียนโดยคนใกล้ตัวเลย
ฉันเชื่อว่าแทบทุกคนที่ล้อฉันไม่มีใครจำได้
ฉันเคยยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดตอนโต
แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือคำพูดที่ว่า
ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอก เก็บเอามาคิดทำไม
ฉันก็อยากถามกลับเหมือนกันว่าถ้าไม่คิดแล้วพูดกันทำไม
รู้กันบ้างมั้ยว่าคำพูดจากคำที่บอกว่าไม่ได้คิดจริง
หนำซ้ำคนพูดหลายคนยังจำแทบไม่ได้
แต่ฉันนี่ล่ะ จำมันได้ และเจ็บกับคำเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ
จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันคิดว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
บางทีนึกย้อนไปก็คิดว่าถ้าไม่เจอสิ่งเหล่านั้นเลย
ฉันอาจจะมีภูมิต้านทานทางจิตใจน้อยกว่านี้ก็เป็นได้
ก็ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ก็ต้องมองหาข้อดีของมันสิ
จะมาตีโพยตีพายทำไม
และที่สำคัญปมเรื่องหน้าตามันทำอะไรฉันไม่ได้แล้วในวันนี้
ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันหล่อขึ้นหรืออะไรหรอกนะ
แต่เพราะฉันน่ะรู้ตัวแล้ว
ว่าถึงฉันจะไม่ได้หล่อ
แต่ฉันก็แซบมาก
จริง ๆ นะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ไม่ต้องกลัวว่าไม่มีส่วนร่วมหรอกครับ
งบที่ใช้ช่วยอยู่ก่ภาษีพวกเราทั้งนั้น”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องช่วยหมูป่าในถ้ำ
กูอะดีใจนะที่เจอเด็กอะ ความพยายามของทีมงานแม่งคือสุดยอด คำว่าพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ แต่ท่ามกลางความดีใจอ่ะ มันเห็นความเฟะของสังคมที่ยังดำเนินต่อไป และการพบเจอเด็กในวันนี้แม่งไม่ใช่จุดจบของมหกรรมเอาหน้า แต่มันเป็นจุดพลิกอีกขั้นต่างหาก คอยดูเหอะหลังจากออกจากถ้ำ แม่งจะมีอะไรเพี้ยนๆ เกิดขึ้นอีกเยอะตามหน้าสื่อของประเทศนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากเหตุการณ์ประทับใจ 13 หมูป่าติดถ้ำ กำกับโดย
พจน์ อานนท์: ทีมวอลเลย์บอลกระเทยสิบสองคนพร้อมโค้ชเกาหลีสุดหล่อพากันมาฝึกสุกพิสดารที่ถ้ำลึก เหตุการณ์ไม่คาดฝันพลันบังเกิดก่อเกิดเรื่องราวสุดประทับใจ
เป็นเอก รัตนเรือง: ทีมฟุตบอลสิบสองชีวิตพร้อมด้วยโค้ชสาวสวยพากันมาเก็บตัวที่ป่าลึก จู่ๆทั้งสิบสามคนก็หายตัวปริศนาพร้อมรอยเลือดที่ปากถ้ำ กลิ่นฆาตรกรรมลึกลับคละคลุ้ง เหตุการณ์ซับซ้อนหักมุมไม่คาดฝัน ก่อเกิดเรื่องตลกร้ายชวนหัว
ฉลอง ภักดีวิจิตร : ทีมฟุตบอลจากประเทศเพื่อนบ้านมาเก็บตัวที่ป่าใหญ่ชายแดนประเทศไทย ที่จริงแล้วโค้ชเป็นนักโบราณคดีปลอมตัวมาหาสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรลับแลในถ้ำหลวง จู่ๆเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! สิบสามชีวิตหายตัวปริศนาทิ้งเพียงกองไฟและไก่ย่างที่ปากถ้ำ หน่วยกู้ภัยพร้อมระเบิดซีโฟสิบสามตันจากทั่วโลกร่วมใจกันระเบิดถ้ำให้ราบเป็นหน้ากลอง
พี่เจ้ย อภิชาติพงษ์ : ลองเทคฉายความมืดเก้าวันเต็ม”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>848 ให้กูลองลิสต์รายการเล่นๆเอามะ
- ติ่งครูบายกให้เครดิตให้ครูบา สาธุ99 รัวๆ (เกิดขึ้นแล้ว)
- เดี๋ยวพอลำเลียงเด็กออกมาได้ ก็จะมีฝูงนักข่าวสันดานอีแร้งมารุมทึ้ง โดยเฉพาะในโรงบาลนี่ เตรียมตัวบอกลาความสงบสุขได้เลย
- พอร่างกายเด็กเริ่มฟื้นตัว ก็อาจจะมีสารพัดรายการเชิญไปออกทีวี เรียกเรตติ้ง
- กระแสสังคมที่กำลังตื่นเต้นกับฉากจบแฮ็ปปี้ ก็จะพากันเฮโลยกย่องเด็กราวกับฮีโร่ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ พวกนี้มันแค่ติดถ้ำ (นี่กูก็เริ่มเห็นบ้างละ)
- จากข้อข้างบน มันก็จะมีพวกผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ มาเสนอประเคนรางวัลใหญ่ๆให้ถึงที่ ทั้งๆที่เด็กพวกนี้ยังไม่ได้มีผลงานอะไรทีี่คู่ควรกับรางวัลนั้นเลย ที่จริงถ้าอยากจะให้รางวัลก็ควรจะให้พวกจนท.หน้างานมากกว่า (เกิดขึ้นแล้ว)
- จากข้อข้างบนอีก ถ้ามองในแง่ร้ายสุดๆ ต่อไปอาจจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเพราะอยากได้ชื่อเสียงกับรางวัล อย่างเช่นกุเรื่องแกล้งทำไปเข้าถ้ำอื่นแล้วทำเป็นติดออกมาไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นประสบภัยแบบอื่นๆเอา
- อื่นๆก็อาจจะมีพวกเปรตขอส่วนบุญที่พยายามจะเนียนเอาตัวเองมามีเอี่ยวกับความสำเร็จครั้งนี้ ทั้งๆที่ตัวพวกมันเองไม่ได้เกี่ยวห่าอะไรกับเขาเลย
...อย่าเชื่อกูมาก กูแค่เพ้อเจ้อไปเรื่อยตามประสาพวกชอบมองโลกในแง่ร้าย ถถถถถถ
เด็กมันยอมให้เจอเพราะมันจะมาเย็ดคนหน้าถ้ำตะหาก
Missing Boys? Did you just assume their gender?
โหนกระแส
จะว่าไปเมื่อวันก่อนยังเห็นจินตหลาพูนลาภโพสเนื้อเพลงโหนกระแสในทวิตอยู่เลย แต่ไม่มีใครสนใจ 5555
แอ๊ดคาราบาวออกมาแต่งเพลงให้เหล่าทีมกู้ภัยเด็กแล้วว้อยยยย
เวลาเห็นคนเขียนเครดิต Cr: Twitter หรือ Facebook นี่อยากถามว่าตอนเรียน อาจารย์ให้คุณเขียน footnote ว่า "จากห้องสมุด" ด้วยเหรอคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันนี้อ่านข่าวเรื่องสมาคมสถิติแห่งประเทศไทยทำหนังสือแจ้งไปที่ กพอ ว่าให้กำหนดสาขาสถิติเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดให้อยู่ในสังคมศาสตร์ด้วย
ก็มีคนคัดค้านว่าทำไมจึงไม่ให้สถิติเป็นศาสตร์ทางสังคมศาสตร์ด้วย เหตุผลของคนที่ค้านคือ ทางสังคมศาสตร์ใช้สถิติเยอะมาก
ผมเคยคุยกับศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ท่านบอกผมว่าในการขอตำแหน่งวิชาการ เขาจะดูว่าผู้ขอมีการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในสาขาที่จะขอหรือไม่
หากพิจารณาตามนี้ ในการขอตำแหน่งวิชาการ สถิติจึงต้องเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเท่านั้นครับ เหมือนคณิตศาสตร์ (เช่น การคิดค้นสูตรใหม่ ๆ ขึ้นมา) ส่วนสังคมศาสตร์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางสถิติครับ เพราะเป็นแค่การประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางสถิติที่มีอยู่แล้ว (เช่น ใช้ t-test) ในการหาข้อสรุปของปัญหาทางสังคมศาสตร์เท่านั้น
สมาคมสถิติแห่งประเทศไทยจึงทำถูกต้องแล้วครับ
กลุ่มที่ต้องการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง มักจะเป็นชนชั้นกลางล่าง (Lower Middle Income) ที่ประกอบอาชีพเองหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนระดับต้นๆ ที่เห็นว่าผู้แทนราษฎรนั้นพึ่งพาได้ ในการเป็นเสียงเป็นพลังให้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมและโอกาสที่ทัดเทียม เป็นกลุ่มที่พึ่งตนเองไม่ได้หรือพละกำลังมีจำกัด และเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นช่องทางที่ดีต่อชีวิตและโอกาส
.
ซึ่งคนกลุ่มหลังสุดนี่แหละ ที่จัดได้ว่า เป็นจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศที่เสียภาษีทางอ้อมมากมาย พวกเขาจึงต้องการประชาธิปไตย เมื่อเห็นว่ารัฐบาลที่เขาไม่ได้เลือกขึ้นมา ใช้งบประมาณอย่างไม่รัดกุม และไม่ก่อเกิดผลประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติโดยรวม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เราก็ไหว้ครูบาไปพร้อมๆกับขอบคุณหน่วยซีลได้ไม่ใช่เหรอ?
เวลามันไร้ความหวังมากๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆมันก็เยียวยาหัวใจได้นะ
ทุกวันนี้เรายังพกกระดูกพ่อไปไหนต่อไหน บางวันที่แย่มาก เราก็มองลายเซ็นพ่อที่เราสักไว้ที่แขน
มันไม่ได้หมายความว่าพ่อจะฟื้นมาปัดเป่าเรื่องให้หรอก แต่มันก็เป็นอะไรเล็กๆที่ประคองเราไว้
โอเค เรื่องร่างทรงน่ะเราก็ไม่ซื้อ แต่พระท่านมา เป็นพระผู้ใหญ่ที่คนแถบนั้นยึดถือ ก็ไม่เห็นต้องไปดูถูกดูแคลนอะไร โป๊ปก็อธิษฐานให้ อิหม่ามก็ช่วยกันสวดให้ ของแบบนี้มันเสกสร้างอะไรไม่ได้ แต่มันเยียวยาหัวใจนะ ไม่เห็นต้องดูถูกกันรุนแรงขนาดนี้เลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>865 นอกจากม็อบแล้วก็เรื่องประชานิยมด้วย กูนี่เห็นพวกนี้อวยจนเอียน บอกถ้าไม่ใช่ทหาร ทางเท้าใน กทม. คงไม่โล่ง มีแต่แผงลอยไม่ก้มอไซค์จอดเกลื่อน ป่าคงไม่สงบเพราะมีคนเข้าไปอยู่ไปใช้ประโยชน์ คลองคงไม่สะอาดเพราะมีบ้านเรือนไปปลูกรุกล้ำ และงบประมาณคงถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพราะเอาไปอุ้มพวกเกษตรกร เพราะพวกนักการเมืองไม่ว่าพรรคไหนต้องการคะแนนเสียง เลยต้องไปโอ๋พวกคนงอมืองอเท้าอ้างจนแล้วทำเลว ไม่เห็นใจชนชั้นกลางที่ทำงานงกๆ จ่าย ภงด. ทุุกบาททุกสตางค์ลดหย่อนก็ไม่ได้
ถัดจากไอ้เกมเจ๊กกากๆในห้องเกม ก็มาเป็นขายหนังสือหลอกควายเรอะ กูต้องแปลงร่างเป็นคาซาม่าไปฟ้องแอ็ดมินอีกละ
ไม่รู้ตัวเดียวกับที่เอาโฆษณา Code Star มาแปะ แล้วมโนว่าตัวเองทำความดีอยู่รึเปล่า
เศร้าอีก!!
“จ่าเอก”อดีต หน่วยซีล ช่วยทีมทัพเรือ สละชีพ กลางถ้ำหลวง ดำน้ำนาน หมดสติ ก่อนเสียชีวิต ลำเลียงขวดอากาศ จรกโถง3ไป สามแยก
จ.อ.สมาน กุนัน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ ซึ่งเป็น นทต.จู่โจม รุ่น 30 อายุ 38 ปี ปกติเป็นจนท.ตระเวนระงับเหตุฝ่าย รปภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บ.ท่าอากาศยานไทย
ทั้งนี้ จ่าเอก สมาน รับภารกิจวันที่ 5 ก.ค. 61 ให้ลำเลียงขวดอากาศ จากโถง3 ไปยังจุดต่างๆ บริเวณสามแยก
เริ่มดำน้ำเมื่อเวลา 20.37น.เมื่อเสร็จภารกิจ ขณะดำน้ำกลับ ได้หมดสติในน้ำ คู่ดำน้ำได้ทำการปฐมพยาบาล(CPR) แต่ไม่ได้สติ
จึงนำกลับมายังโถงสามเพื่อปฐมพยาบาลอีกครั้ง
แต่ จ.อ.สมาน ก็ไม่ได้สติและเสียชีวิตลงเวลาประมาณ 0100 จึงได้นำพาร่างออกมาถึงหน้าถ้ำและส่งไปยัง ร.พ.ค่ายพญาเม็งรายมหาราช
RIP.
เช้าวันศุกร์นี้ ญี่ปุ่นได้ทำการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ผู้นำลัทธิโอม ชินริเกียว “โชโกะ อาซาฮาระ” ที่ก่อเหตุใช้แก๊สพิษซารินโจมตีในระบบรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเมื่อปี 1995 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
เช้านี้สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้รายงานว่าเรื่องการประหารชีวิตนายอาซาฮาระ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตมานานนับสิบปีแล้ว จากความผิดฐานอยู่เบื้องหลังการใช้แก๊สพิษในระบบรถไฟใต้ดิน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
การประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในวันนี้ เป็นการประหารชีวิตสมาชิกโอม ชินริเกียว รายแรก จากจำนวน 13 คน ที่ตัดสินลงโทษประหารชีวิตอันเนื่องมาจากเหตุโจมตีด้วยแก๊สพิษและคดีอาชญากรรมอื่น ๆ
ทั้งนี้เหตุโจมตีรถไฟใต้ดินในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1995 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกและทำให้เกิดการกวาดล้างลัทธินี้อย่างกว้างขวาง นายอาซาฮาระ หรือ ชื่อเดิมคือนายชิซูโอะ มัตซูโมโตะ เกิดในปี 1955 บนเกาะคิวชูและมาเปลี่ยนชื่อในช่วงทศวรรษหลังปี 1980 เมื่อเขาก่อตั้งและพัฒนาลัทธิโอม ชินริเกียว
ขณะนี้ ลัทธิโอม ชินริเกียว เปลี่ยนชื่อเป็น อาเลฟ (Aleph ) แต่ไม่ได้ถูกทางการสั่งให้ยุบลัทธิแต่อย่างใด เพราะ โอม ชินริเกียว ถูกประกาศและรับรองให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยหลายประเทศ จึงตัดสินใจยุบลง แต่กระนั้นเหล่าสาวกตัวเป้งที่ไม่โดนจับไปกับคดีเก่าๆ ก็ยังแยกตัวออกมาเป็นกลุ่มองค์กรใหม่คือ Aleph และ ฮิคาริ โนะ วะ「光の輪 」ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นยังจับตาใกล้ชิดในฐานะองค์กรอันตราย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นายอาซาฮาระยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ที่เคารพนับถือเขาอยู่มาก สมาชิกบางคนนำรูปถ่ายของเขาและเสียงของเขาที่บันทึกไว้เพื่อใช้ในการนั่งสมาธิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมินข่าวซีลกันจังวะพวกปากว่าแต่ขยิบ
เช้านี้ผมเดินทางกลับบ้านกับลูกสาว ข่าวที่อังกฤษยังเน้นสองเรื่อง เรื่องแรกคือฟุตบอลวันนี้ที่อังกฤษจะเตะกับสวีเดน เรื่องที่สองคือเรื่องเด็กไทย ๑๓ คน ซึ่งผมยอมรับว่าแปลกใจที่สื่อทุกชนิดของอังกฤษเกาะติดเรื่องนี้ตลอด 24 ชม.
และเมื่อสักครู่ก็พบกับทีมดำน้ำอังกฤษอีกสามคนกำลังขึ้นเครื่องการบินไทยลำเดียวกันเพื่อเดินทางไปสมทบพรรคพวกที่เชียงราย
คำถามคือ อะไรทำให้ทุกคนทั่วโลกอยากช่วยเด็กกลุ่มนี้ ทั้งๆที่มีคนต้องการความช่วยเหลืออีกมากมายทั่วไป
แน่นอนมิติดราม่าการติดอยู่ในถ้ำมีความสำคัญ และท่าทีของภาครัฐและสังคมไทยเองก็มีความสำคัญในการได้รับความเห็นใจจากชาวโลก
แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเด็กกลุ่มนี้เอง น้องๆมีเสน่ห์ชวนให้คนรัก ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ผมได้ฝากให้กับลูกๆของผมว่า:-
1. คนชอบเด็กดี - เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กเล่นกีฬา คนมีความรู้สึกว่าเป็นเด็ก ‘มีคุณภาพ’
2. คนชอบคนที่ดูดี - รูปหมู่ของเด็กในชุดขี่จักรยานเป็นรูปที่มีเสน่ห์มาก ดังนั้น ‘presentation’ มีความสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ ต้องสะอาดสะอ้าน แต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย
3. คนชอบความนอบน้อม - ภาพเด็กยกมือไหว้นักดำน้ำอังกฤษ (โดยเฉพาะในสถานการณ์นั้น) เป็นภาพที่ได้ใจคนทั้งโลก
4. คนชอบนักสู้และมักจะอยากช่วยคนที่พยายามตะเกียกตะกายช่วยตัวเอง
5. คนชอบการถ่อมตน - สื่อที่นี่รายงานอย่างชื่นชมคำขอโทษของโคชต่อพ่อแม่เด็ก
ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ดีให้กับลูกๆและทุกๆคน
ใครมีประเด็นอื่นเป็นข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์ ช่วยลองแลกเปลี่ยนกันครับ.
และในอีกไม่กี่ชั่วโมง ขอเชียร์อังกฤษอีกครั้งครับ
>>880 เพราะติดในถ้ำไง คนเลยสนใจ
1.คนกลัวที่แคบมันมีเยอะ พอได้ยินข่าวแล้วก็เลยเห็นใจเพราะจินตนาการเอาตัวเองไปไว้ในนั้น
2.ช่วยยาก ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะจากต่างประเทศมา พอมาแล้วสำนักข่าวในประเทศนั้นก็ออกข่าวตามติดทีมตัวเอง เหมือนที่สำนักข่าวตรังตามติดนักเก็บรังนก ข่าวเลยแพร่ไปใหญ่
3. เพราะเป็นเด็ก คนจะสงสารเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ตัวอย่างแคมเปญต่างๆเลยต้องเอาเด็กมาขึ้นปก อย่างแคมเปญอาหารในแอฟริกาก็เอาเด็กมายืนซี่โครงบานพุงแห้ง คนบริจาคเยอะกว่าเอารูปผู้ใหญ่นอนหิวมา
เรือล่มที่ภูเก็ตสาหัสกว่าอีกถ้านับจำนวน แต่เพราะเป็นในทะเล,ไม่ใช่เด็ก & ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญช่วย เลยไม่ดัง
#มาตรฐานแถบสีธงชาติไทย เรื่องใหญ่นะครับเนี่ยะ ประกาศเปลี่ยนสีธงชาติตั้งแต่ กันยายน พ.ศ.2560 แต่ประชาชนทั่วไปและหน่วยงานทั่วไปไม่รู้เรื่องนี้เลยเนี่ยะ 😲
https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/11557-thaiflag-color
http://news.thaipbs.or.th/content/266890
https://en.wikipedia.org/wiki/Flag_of_Thailand
https://www.facebook.com/www.thaiflag.org
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นอกจากเรื่องข้าราชการค่ารักษา มันมีความระยำอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือ ให้ลูกเป็นข้าราชการจะได้ให้ลูกกู้ซื้อบ้าน ซื้อของ แล้วให้ลูกใช้หนี้ไป ตัวเองเอาเงินไปใช้ลอยลำ แล้วอ้างเรื่องตอบแทนบุญคุณ
โคตรระยำ
ยืนยันว่าความคิดเอาลูกมาเป็นเครื่องใช้เพื่อความสบายของตัวเอง เป็นความคิดระยำ ครับ จะด่าผมยังไงก็ตาม ตกผลึกแล้วว่าความคิดแบบนี้คือระยำมาก
เราจะมีลูกคือให้เค้าได้มีชีวิตของเค้า ไม่ใช่มาเป็นเครื่องมือหาเงิน หรืออะไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีเงินให้เขากู้
มีความรู้อยู่ในใบลาน
มีเมียแต่ไม่อยู่บ้าน
สามอย่างนี้ มีเหมือนไม่มี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมาก ทั้งจากโลกจริงและโลกออนไลน์ก็คือ นิสัยหาคนผิดและติดฮีโร่
ครูบาสิ ฮีโร่
หน่วยซีลสิ ฮีโร่
โค้ชเอกสิ ฮีโร่
ผู้ว่าฯ ต่างหากฮีโร่
ฯลฯ
สังคมไทยเป็นอย่างนี้ เป็นสังคมพึ่งพิงและโหยหา “วีรบุรุษ” มากกว่าสังคมที่สนใจและคิดสร้าง “ระบบ” ไม่ว่าจะระบบของการทำงาน ระบบของการสร้างคน หรือระบบของการอยู่ร่วมกัน
เป็นสังคมที่มีโครงสร้างทางสำนึกแบบ “ปัจเจก” คือ ตัวใครตัวมัน ครั้นได้เห็นว่า มีคนผละจากความเป็น “ปัจเจก” มา “ช่วยกัน” จึง “ตื่นดี” คือ ตื่นเต้นกับการกระทำอย่างนั้น จนยกขึ้นไปเสียเลิศลอย แล้วแบ่งคณะกันผลักดันฮีโร่ของตัวเอง เหยียดฮีโร่ของคนอื่น ก่อนจะวกกลับมาเป็น “ปัจเจกบุคคล-ตัวกูของกู-ตัวใครตัวมัน” พลิกผันมาด่าเด็ก ด่าโค้ช ว่ามึงเข้าไปทำไม มึงทำความเสียหายขนาดไหน อีกฝ่ายก็ยกพวกขึ้นเห็นต่าง
• ในสังคม “ต่างคนต่างคิด”
• ในสังคมที่มีสันดาน “หาความต่างก่อนหาความเหมือน” ขีดเส้นใต้ความต่างเพื่อลบความเหมือน
• ในสังคมกูจะคิดของกู และพวกใครพวกมัน
ไม่มีวันที่จะพบ “ความเป็นหนึ่ง” ไม่มีวันที่จะมุ่งไปที่ “ระบบ”
เป็นสังคมที่คุ้นเคยกับการ หา “ผู้ดี” และ “ผู้ร้าย”
คุ้นเคยต่อการ “จำแนก” เรื่องราวต่างๆ ด้วย “ร่องความคิด” แบบ “เรื่องนี้ใครผิด”
เราจึงรวมพลัง หรือแท้จริงจะเรียกว่า “รวมพวก-รวมฝูง” ได้ในระยะสั้นๆ เพื่อจะหาความเหมือน เพื่อจะไป “ปะทะ” หรือ “ถล่ม” กับความต่างให้ “ชนะ” เท่านั้น ไม่ใช่การรวมกันที่แท้จริงและสร้างสิ่งดีงาม-ยั่งยืน
นี่คือ “ความป่วยไข้”
โลกออนไลน์มีทั้ง “เมตตา” และ “ป่าเถื่อน” ขาดความยั้งคิดว่า อารมณ์ตื้นๆ ของโลกเสมือน ไปสร้างผลกระทบอะไรใน “ชีวิตจริง” บ้าง
ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทำงานก็ทำไป มุ่งมั่นจะช่วยเด็กออกมาให้ได้
ในโลกออนไลน์ แต่งตั้งคนนั้นคนนี้ขึ้นเป็นฮีโร่ ไอ้คนนั้นเป็นผู้ร้าย ฟาดฟันแย่งชิงตำแหน่งกัน โดยที่คนในโลกจริงเขาไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย เขาทำเพราะเขาอยากทำ มากกว่าตั้งคำถามว่า มีคนเห็นไหม เขาว่าอย่างไรบ้าง เราดังหรือยัง
โลกออนไลน์ จึงผลิต “น้ำเคลือบ” เขาไปเคลือบโลกจริง จนเพี้ยนผิดบิดเบือน ไปตามอำเภอใจของคนที่มีเวลาพอจะนั่งเคาะคีย์บอร์ด เห็นชีวิตจริงๆ คนในโลกจริงๆ เป็นมหรสพ ที่ปั้นแต่ง-ปรุงแต่ง ได้สารพัด ตามความรู้สึกนึกคิดของคน แทนการ “เคารพชีวิตนั้นๆ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยามที่คอนโดผมดีมาก นอกจากจะรักษาความปลอดภัยที่คอนโด และยกมือสวัสดีลูกบ้าน ยังคอยเตือนว่าเราลิมรูดซิบกางเกงด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไอ้ที่คุณออกมาพูดโน่นนี่นันเคยทำไร่กันแร้วว่างั้นทำไร่ประสบความสำเร็จกันจนร่ำรวยไม่เคยทำก็พูดไปเรื่อยอวดรู้อวดเก่งฉันจะบอกให้นะข้าวที่แกแดกกันมันฉีดยาทั้งนั้นไอ้ที่ปลอดสารนะชาวนาเขาทำไว้กินเองแระถ้าแน่จริงมาเรยจะให้ทำไร่แบบฟรีๆเรยมาลองก่อนแล้วค่อยพูดไม่ใช่พูดอวดรู้ไปเรื่อยโดยไม่เคยสัมพัสเห็นเขาพูดกันเอามั่งเห็นประเทศโน้นประเทศนี้เขาทำเกษตรกรรวยแล้วระบบมันเหมือนกันไหมผู้บริโภคต่างกันคนไทยเขาไม่กินของแพงเห่อแป๊บเดียวก็เลิกมาเรยไอ้พวกอวดดีมาลองทำดูไร่นะมันไม่ง่ายหลอกนะกว่าจะได้แต่ละปี
เดี๋ยวนี้ผมเริ่มเห็นเทรนด์ว่า เวลาบางคนไม่สามารถอธิบายหรือทำให้คนอื่นฟังได้ ก็เริ่มเอาไอ้ duning-kruger effect มาเบลมว่าอีกฝั่งยังโง่แต่นึกว่าตัวเองฉลาด ความหัวดื้อสูงเพราะยังรู้น้อย
ซึ่งก็อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ต้องมีสติด้วยว่า ต่อให้เราอธิบายได้หรือตอบได้ว่าที่อีกฝั่งดื้อไม่ฟังเราเพราะ dunning-kruger ก็มิได้นำพาให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด ที่เขาไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ถ้าเขาสร้างปัญหาก็ยังสร้างต่อไปอยู่ดี นอกเสียจากว่าเราสบายใจขึ้นมาหน่อยว่าอีกฝั่งโง่ไงเราไม่ผิด แต่ก็ไม่นำพาให้ภาพรวมดีขึ้นแต่อย่างใด อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำถ้าคุณเอาไปโยนใส่หน้าเขาจนทำให้อธิบายและคุยกันยากขึ้น
หากว่าจะใช้ทฤษฎีนี้ในการเตือนสติใครให้ได้ผล ก็พึงเตือนด้วยจิตที่เมตตาจากใจ มิใช่เตือนด้วยจิตที่จะฟาดฟันจะพิสูจน์เอาชนะว่าฉันถูก มิฉะนั้นผลจะออกมาตรงกันข้าม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าถามว่า มีอะไรที่ไม่ชอบเกี่ยวกับการ์ตูน "One Piece" ก็คงเป็นประเด็นที่ว่า "ตัวร้ายหลายตัวฆ่าคนบริสุทธ์ตายเป็นเบือ แต่ไม่ต้องรับผลกรรม เพียงเพราะย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายลูฟี่"
หลายตัวนี่อย่างเหี้ยเลยนะ ฆ่าคนดีๆตายห่าเป็นร้อยเป็นพัน วันนึงบังเอิญมาช่วยอีลูฟี่ ความผิดบาปในอดีต แม่งถูกลืมเลยจ้า ได้รับการอภัยโทษสุดซอยเลย มันใช่เหรอวะ แล้วจะสอนเด็กเรื่องการไม่ทำความชั่วได้ไง
เหมือนสอนว่า เฮ้ย มึงทำชั่วได้นะ เพียงแค่มึงเลือกถูกข้าง มึงก็ไม่ต้องรับโทษว่ะ
ยิ่งเด็กได้ออกมาจากถ้ำมากขึ้นเท่าไหร่ พวกสื่อก็ยิ่งถอยหลังเข้าถ้ำมากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเด็กประสบภัยในถ้ำหลวง พวกสื่อช่องต่างๆ ในไทยก็ยิ่งแสดงจรรยาบรรเสื่อมถอยลงทุกขณะ จนถึงขั้นละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนมากขึ้นทุกวัน และน่าตลกว่าสื่อพวกนี้แหล่ะที่เรียกร้องหาสิทธิเสรีภาพของสื่อ ทั้งที่ตัวเองกำลังสะท้อนถึงความเสื่อมถอยของการใช้สิทธิของสื่ออย่างผิดๆ แถมกลับเป็นการระทำ”ขุดหลุมฝังตัวเอง” ทำให้อนาคตที่จะมีกฎหมายควบคุมสื่อเป็นเรื่องที่แลดูจะชอบธรรมขึ้น ทั้งที่ตนเองร่วมกันต่อต้านกันแท้ๆ
ผมว่าถ้าหากยังไม่มีการปฎิรูปสื่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็คงจะมีคนสนับสนุนให้รัฐบาลควบคุมสื่อแทนกันมากขึ้นๆ แล้วทีนี้อีกหน่อยเราคงจะได้ดูโทรทัศน์รวมเฉพาะกิจกันช่องทางเดียวกันไปเลย
#มิดหัยทั่นนุง
นายกพระราชทานไงมึง
“จีนคือมหามิตรที่ดี เป็นคำที่ไว้ใช้ตอนด่าเมกาอย่างเดียวครับ“
มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะคะ หาเงินเรียนแต่โดนโกง จากที่มีเงินในบัญชีกลับต้องเป็นหนี้ เครียดมากเพราะไม่เคยมาเจออะไรแบบนี้ ถึงกับจะคิดสั้นก็มีแต่ก็นะ เรายังตายไม่ได้เพราะพ่อแม่เราไม่รู้เรื่องจะมารับภาระนี้ไม่ได้ เรื่องรองเท้าหนูไปฮ่องกงมาจริงๆและได้ไปซื้อรองเท้าส่วนคนที่นัดเทรดของคนชื่อกอล์ฟเป็นคนนัดอันนั้นหนูไม่เห็นของ ซึ่งมันใช้หนูเป็นฉากบังหน้าเอาเฟสหนูไปรับพรีออเดอร์รองเท้าต่างๆแล้วให้ทุกคนโอนเงินมาบัญชีหนู พอทุกคนโอนมาหนูก็จะโอนไปให้อีกบัญชีนึงมันอ้างว่าต้องเอาเงินไปแลกเป็นเงินฮ่องกงแต่เวลาซื้อของมันใช้บัตรเครดิตรูดเงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านบัญชีก็จริงแต่เงินไม่ได้อยู่กับหนูเลยสักบาทซึ่งตอนนี้เงินติดตัวยังไม่มีหนูก็ลงทุนขายของเหมือนกัน หนูลงทุนไปประมาณเกือบ 100,000 ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของหนูคนขายของหาเงินเรียนก็ยังมาโดนโกง จากที่จะได้ตังค์มาเป็นการสร้างภาระหนี้แทน หนูจะบอกว่าหนูไม่ได้มีเจตนาโกงเพราะถ้าโกงหนูไม่เอาเฟสนี้หรอก แล้วหนูก็จะมานั่งตอบลูกค้าทุกคนแบบนี้ทำไม หนูไม่เคยโกงใครขนาดเงินยังไม่ยืมเพื่อนเลย ซึ่งตอนนี้หนูได้ไปแจ้งความแล้วและกำลังหาเงินให้ลูกค้า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดส่วนเรื่องกอล์ฟก็ส่งคนไปล่าตัวที่ฮ่องกง ส่วนที่ไทยกำลังหาบ้านอยู่ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ขอบคุณคนที่เคยโดนโกงจะมาเป็นพยานให้ ขอบคุณคนที่เราไม่เคยรู้จักกันแต่ช่วยเหลือหนู ส่วนลูกค้าที่มาด่ามาว่า ประจาน บอกว่าจะมาตามที่บ้าน ขอให้พี่พี่ใจเย็นก่อนนะคะเพราะหนูก็ไม่เหลืออะไรแล้วเหมือนกันโดนเทหมดหน้าตัก หนูเข้าใจเพราะถ้าเราโดนโกงเราก็อยากได้เงินคืนเหมือนกัน หนูก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนูก็ลงทุนไปหนูก็ไม่มีเงินจะคืนเหมือนกันแต่ตอนนี้หนูก็หาเงินอยู่หนูไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ตามเรื่องทั้งวันทั้งคืน จะรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้โอกาศหนูหน่อย
#หาเงินเรียนแต่โดนโกง #คนดีไม่มีที่ยืน #ไม่มีเจตนาโกง
#ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ😭😭อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะคะ หาเงินเรียนแต่โดนโกง จากที่มีเงินในบัญชีกลับต้องเป็นหนี้ เครียดมากเพราะไม่เคยมาเจออะไรแบบนี้ ถึงกับจะคิดสั้นก็มีแต่ก็นะ เรายังตายไม่ได้เพราะพ่อแม่เราไม่รู้เรื่องจะมารับภาระนี้ไม่ได้ เรื่องรองเท้าหนูไปฮ่องกงมาจริงๆและได้ไปซื้อรองเท้าส่วนคนที่นัดเทรดของคนชื่อกอล์ฟเป็นคนนัดอันนั้นหนูไม่เห็นของ ซึ่งมันใช้หนูเป็นฉากบังหน้าเอาเฟสหนูไปรับพรีออเดอร์รองเท้าต่างๆแล้วให้ทุกคนโอนเงินมาบัญชีหนู พอทุกคนโอนมาหนูก็จะโอนไปให้อีกบัญชีนึงมันอ้างว่าต้องเอาเงินไปแลกเป็นเงินฮ่องกงแต่เวลาซื้อของมันใช้บัตรเครดิตรูดเงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านบัญชีก็จริงแต่เงินไม่ได้อยู่กับหนูเลยสักบาทซึ่งตอนนี้เงินติดตัวยังไม่มีหนูก็ลงทุนขายของเหมือนกัน หนูลงทุนไปประมาณเกือบ 100,000 ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของหนูคนขายของหาเงินเรียนก็ยังมาโดนโกง จากที่จะได้ตังค์มาเป็นการสร้างภาระหนี้แทน หนูจะบอกว่าหนูไม่ได้มีเจตนาโกงเพราะถ้าโกงหนูไม่เอาเฟสนี้หรอก แล้วหนูก็จะมานั่งตอบลูกค้าทุกคนแบบนี้ทำไม หนูไม่เคยโกงใครขนาดเงินยังไม่ยืมเพื่อนเลย ซึ่งตอนนี้หนูได้ไปแจ้งความแล้วและกำลังหาเงินให้ลูกค้า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดส่วนเรื่องกอล์ฟก็ส่งคนไปล่าตัวที่ฮ่องกง ส่วนที่ไทยกำลังหาบ้านอยู่ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ขอบคุณคนที่เคยโดนโกงจะมาเป็นพยานให้ ขอบคุณคนที่เราไม่เคยรู้จักกันแต่ช่วยเหลือหนู ส่วนลูกค้าที่มาด่ามาว่า ประจาน บอกว่าจะมาตามที่บ้าน ขอให้พี่พี่ใจเย็นก่อนนะคะเพราะหนูก็ไม่เหลืออะไรแล้วเหมือนกันโดนเทหมดหน้าตัก หนูเข้าใจเพราะถ้าเราโดนโกงเราก็อยากได้เงินคืนเหมือนกัน หนูก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนูก็ลงทุนไปหนูก็ไม่มีเงินจะคืนเหมือนกันแต่ตอนนี้หนูก็หาเงินอยู่หนูไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ตามเรื่องทั้งวันทั้งคืน จะรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้โอกาศหนูหน่อย
#หาเงินเรียนแต่โดนโกง #คนดีไม่มีที่ยืน #ไม่มีเจตนาโกง
#ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ😭😭
ประชาธิปัตย์นี่มีฟรีดอมออฟสปีชมากครับ ที่ยังเก็บคนแบบอีติ่งไว้ในพรรค แถมยังไม่ห้ามพูดออกมาด้วย
หวังต้าเล้งต้องควงพลองด้วยความเร็วเท่าไรถึงจะบินขึ้น
นี่เป็นอีกคำถามที่ตาลุงจุณสีแห่งพันทิปถามมา ก็ไม่รู้ว่าถามบ้าอะไรกันเนี่ยแต่บังเอิญแอดมินมันก็บ้าๆพอกันก็ เอ้า มาลองคำนวณดูทีว่าการควงพลองจนบินขึ้นนี้ต้องใช้ความเร็วเท่าไร
หวังต้าเล้งเป็นโคตรพ่อโคตรแม่หมอจากเรื่องขุนพลประจัญบานที่วิชาเหนือชั้นยิ่งกว่าหมอลอว์แห่งวันพีซ ให้ตกลาวา หรือโดนผ่าครึ่ง ถึงมือหวังต้าเล้งรับรองรักษาได้ นี่ถ้าหนวดขาวรักษากับหวังต้าเล้งป่านนี้คืนชีพสมบูรณ์ไปแล้ว และแกมีวิชาที่เรียกว่า โคริวเทนรินฮากิ ที่ควงพลองเหินฟ้าได้ เรามาลองคำนวณกันว่า ความเร็วการควงพลองของหวังต้าเล้งมันขนาดไหนถึงเหาะเหินเดินหาวได้เยี่ยงนี้
สมมุติฐานสำคัญคือ พลองนี้มีใบมีดติดปลาย (ถ้าเป้นพลองกลมๆหรือแบนๆควงให้ตายมันก็ไม่เกิดแรงยกละ) ใบมีดนี้ต้องทำมุมเพื่อกินอากาศให้ไหลลงล่างแบบใบพัด และสมการการบินนี้ เราสามารถใช้การดุลแรงคือ แรงโน้มถ่วง (M.g) จะเท่ากับแรงที่ใช้ผลักอากาศปริมาณ m ลงด้านล่างไปด้วยความเร็ว v หรือ
Mg = v.dm/dt
ในที่นี้ สมมุติพลองของหวังต้าเล้งยาว 2 เมตร (รัศมีการหมุน 1 เมตร) ติดใบมีดยาว 30 ซม และมีระยะการกินลม 5 ซม การควงพลอง 1 รอบ จะทำให้อากาศไหลลงข้างล่างได้ 216 ลิตรโดยประมาณ ให้อากาศมี ถพ 1 กิโลต่อลบม เราสามารถคำนวณหาความเร็วการควงที่จะทำให้พจน์แรงจากโมเมนตั้มของลมได้สมดุลกับแรงโน้มถ่วงที่การควง 178 RPS หรือ 10,680 RPM มือของหวังต้าเล้งจะต้องวาดอยู่เหนือหัวตัวเองด้วยความเร็วมัค 1.5 -2 เพื่อที่จะเริ่มบินขึ้นได้
สำหรับบุคคลทั่วไปที่จะฝึกจนบินได้อย่างหวังต้าเล้ง แอดมินขอแนะนำให้ไปฝึกที่แซงค์จูรี่โดยตั้งเป้าไว้ที่ระดับซิลเวอร์เซนต์เป็นอย่างน้อยละนะครับ
ปล. ถ้าใครตามคำนวณไม่ทัน แนะให้ว่าผมคำนวณการ scoop อากาศต่อรอบ แล้วทำให้พจน์ dm/dt กับ v ติดในพจน์ rps ก่อนแก้สมการมาละนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สื่อเมืองออสซี่นี่เค้าก็สนใจคนออสซี่ที่เข้าไปมีส่วนร่วมปฏิบัติการที่ถ้ำหลวงเป็นพิเศษเหมือนกัน นักดำน้ำชาวอังกฤษที่เข้ามาที่ถ้ำหลวงก่อนได้ร้องขอให้ Dr. Richard Harris เข้ามาช่วยในปฏิบัติการในครั้งนี้ เพราะความสามารถในทางการแพทย์ผนวกกับการเป็นนักดำน้ำในถ้ำ คุณสมบัติที่เรียกได้ว่าต้องพลิกแผ่นดินหากันเลยทีเดียว สื่อรายงานว่าหมอฮาริสเป็นคนที่บอกให้เปลี่ยนลำดับการนำเด็กออกมา โดยให้เอาเด็กที่อ่อนแอที่สุดแทนเด็กที่เข้มแข็งที่สุดออกมาก่อน ซึ่งฟังดูเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล เพราะเด็กที่อ่อนแอที่สุดควรจะได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาจากสภาพแวดล้อมในถ้ำที่มีอ๊อกซิเจนต่ำก่อนเด็กที่ยังมีแรงดีอยู่
หมอฮาริสมีประสบการณ์ในการดำน้ำมากว่า 30 ปี และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการ ผ่านประสบการณ์การดำน้ำในถ้ำที่ยากสาหัสสากรรจ์มาอย่างโชกโชน ในปี 2011 ตำรวจที่เซาท์ออสเตรเลียได้ขอให้เขาเข้าไปค้นหาร่างของเพื่อนนักดำน้ำของเขาเองที่เชื่อว่าเสียชีวิตอยู่ภายในถ้ำ Tank Cave ซึ่งมีความซับซ้อนและมีระยะทางยาวกว่า 8 กม. เธอเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจระหว่างการเข้าไปสำรวจถ้ำแห่งนั้น (เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้มืออาชีพก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้เช่นกัน) ประสบการณ์เหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องมารับหน้าที่ในการช่วยเหลือเด็กและโค้ชทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงในครั้งนี้
หมอฮาริสทำงานเป็นวิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา) อยู่ที่ MedSTAR ซึ่งเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในเซาท์ออสเตรเลีย แอนดรู เพียร์ส ผู้อำนวยการของ MedSTAR บอกว่าหมอฮาริสเป็นคนที่ “ไม่เห็นแก่ตนเอง เขาเป็นคนช่างคิด เป็นคนเงียบๆ” เพียร์สยังบอกด้วยว่าจริงๆ แล้วหมอฮาริสกำลังอยู่ในช่วงพักร้อนแต่เขาก็ตัดสินใจไม่ไปพักผ่อน และไปช่วยปฏิบัติการในการช่วยเหลือเด็กๆ แทน “เขาได้ใช้ทักษะ ไม่เฉพาะในฐานะแพทย์แต่ว่าเขายังมีคุณสมบัติที่คนอื่นๆ ไม่มีในการดำน้ำในที่ที่มืดมากๆ คับแคบและไม่มีเครื่องมืออะไรมาก” เพียร์สกล่าว ผู้อำนวยการของ MedSTAR ยังบอกว่า “ในกลุ่มคนเล็กๆ ที่รู้จักมักคุ้นกัน เมื่อคุณได้รับการร้องขอแบบเจาะจงมา ก็แสดงว่าความสามารถของคุณนั้นเป็นที่รับรู้ในระดับโลก” นางจูเลีย บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลียได้กล่าวถึงหมอฮาริสว่า “เขาเป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะเขาได้นำเอาทักษะนั้นไปช่วยรัฐบาลไทยในปฏิบัติการกู้ภัย”
การมีคุณสมบัติที่สามารถนำไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้นี้เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง คนออสซี่เองก็น่าจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวหมอฮาริส เชื่อว่าเด็กๆ โค้ช ผู้เกี่ยวข้องในการกู้ภัยและคนไทยโดยรวมก็รู้สึกขอบคุณในน้ำใจของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในหลากหลายสาขาที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือในปฏิบัติการกู้ภัยนานาชาติครั้งนี้ ปรากฏการณ์นี้ยังสะท้อนกลับมายังสังคมไทยว่าเรามีการเตือนภัยและมีทักษะความรู้แค่ไหนเพียงไรในการจัดการกับภัยพิบัติเช่นนี้ รวมถึงการดูแลผลกระทบที่ผู้ประสบภัยอาจได้รับทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราควรใช้ความสนใจของสื่อและสังคมในขณะนี้ในการให้ความรู้กับสังคม นอกเหนือไปจากการรายงานแบบปรากฏการณ์เฉพาะหน้า การดูวิธีรายงานและมุมมองของสื่อแต่ละประเทศที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่นักข่าวไทยสามารถนำไปเรียนรู้ได้มาก
เขียนโพสต์นี้จบพร้อมกับข่าวดีว่าทั้ง 13 คนได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำทั้งหมดแล้ว ฮูเรย์ !
** ใครอยากอ่านเต็มๆ คลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ อันนี้ไม่ได้เป็นการแปลแบบตัวต่อตัว อ่านเอาความรื่นรมย์ แชร์ได้ แต่ถ้าจะเอาไปรายงานต่อในสื่อควรดับเบิลเช็คกับต้นฉบับนะคะ
https://au.news.yahoo.com/aussie-doctor-made-call-boys-leave-thai-cave-022953718.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
" January 29, 2019 "
Hoes: U delayd KH III
Nomura: No, i didn't
Hoes: yes u did!
Nomura: shh bitch, let me explain: "coming 2018" is the relase date of the releas date. There was no delaying
Hoes: Fuck you
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกเธอคิดไหมว่า ปัญหาของไทยคือ ค่าแรงแต่ละอาชีพแม่งเหลื่อมล้ำกันเกินไป บางอาชีพให้ค่าแรงต่ำโอเวอร์มาก ทั้งๆที่เหน็ดเหนื่อย ลำบาก ใช้ทักษะฝีมือ แต่ค่าแรงเดือนละไม่ถึงหมื่น แต่บางอาชีพงานแม่งง่ายมาก แค่ไปพูด ไปเจรจา สวยๆ ได้เงินเดือนละหลายแสน
ยกตัวอย่าง งานซ่อมแซมพื้นฟุตบาท พอค่าแรงต่ำมากๆ คนแม่งก็เลยทำแบบชุ่ยๆ ไม่ประณีต ฟุตบาทไทยเลยปุๆปะๆแบบนี้ หรือ งานบริการหลายๆงาน พอค่าจ้างต่ำ คนให้บริการมันก็ไม่อยากพูดดีๆกับลูกค้า บริการแบบส่งเดช
ที่เมืองนอก คนทำถนน คนขุดท่อ คนงานก่อสร้าง เกษตกร ฯลฯ แม่งมีบ้านสองชั้น มีเสื้อผ้าแบรนเนม มีรถขับ มีคอม มีเกม ส่วนที่เมืองไทย อยู่กระต๊อบ มีแค่ที่นอนหมอนมุ้ง
เรื่องของ Elon musk กับ BBC ที่ทางสำนักข่าว BBC หยิบเอาประเด็นที่บอกว่าอุปกรณ์ของ Elon musk ซึ่งก็คือ mini sub นั้น ไม่ถูกนำมาใช้งาน เพราะผู้บัญชาการสูงสุดคืออดีตผู้ว่าเชียงรายบอกว่ามันไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ (not practical)
Elon Musk ก็เลยทวีตตอบโต้ BBC ไปว่าคนที่จะฟันธงว่าอุปกรณ์ของเขาเหมาะสมกับสถานการณ์ในการช่วยเหลือหรือไม่นั้นไม่ใช่อดีตผู้ว่าเชียงราย เพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย แต่คนที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการเสนอไอเดีย และแนวคิดรวมถึงแผนในการกู้ภัยครั้งนี้จริงๆ แล้วคือ Dick Stanton และทีมงานกู้ภัยต่างหาก
ซึ่งระหว่างเขาและ Dick (ชื่อจักกะจี้ดี) นั้นมีการส่ง Email พูดคุยกันเรื่อง Minisub มาโดยตลอด ซึ่ง Dick เชื่อว่ามันจำเป็นในสถานการณ์ที่หากน้ำในถ้ำท่วมสูงจากฝนที่อาจจะตกหนักลงมาระหว่างนั้น (อาจจะท่วมจนถึงปากถ้ำได้อีก และทำให้เด็กต้องดำน้ำออกมาไกลมาก) เด็กๆ อาจจะดำน้ำออกมาได้ไม่ไหว การใช้ Minisub จะเป็นแผนสำรองที่ต้องใช้ในสถาณการณ์นั้น และร้องขอให้เขาสร้างมันต่อไปให้สำเร็จ
นั่นก็คือประเด็นทั้งหมดครับ ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ว่าเป็นคนพูดจริงมั้ย อันนั้นก็อีกประเด็น
ส่วนตัวผมว่าก็คงเป็นจริงอย่างที่ Elon ว่าไว้ คนที่คิดแผน และฟันธงว่าแผนการช่วยเหลือจะทำยังไง เอาใครมาฟันธงสุขภาพเด็กว่าจะออกมาได้มั้ย เอาใครมาฟันธง เรื่องในเชิงเทคนิคพวกนี้ก็คงเป็น Dick Stanton และทีมงานคนอื่นๆ ช่วยกันระดมสมองคิด แล้วเอาแผนเหล่านี้ไปเสนอผู้บัญชาการสูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าท่านก็คงไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็ต้องเชื่อตามผู้เชี่ยวชาญนั่นแหละ แล้วถึงฟันธงให้เริ่มทำตามแผน
สรุปว่า...
1. BBC อ้างว่า Mini Sub ของ Elon ไม่ถูกใช้งาน เพราะอดีตผู้ว่าเชียงรายบอกว่ามันไม่ Practical ซึ่งน่าจะเป็นการสัมภาษณ์ส่วนตัวหรือเปล่า เพราะตอนแถลงข่าวก็ไม่เห็นมีประเด็นเรื่องนี้นะ
2. Elon อ่านข่าว BBC แล้วเลยทวีตกลับไปว่า คนที่จะบอกว่า Minisub ของเขา Practical หรือเปล่า ไม่ใช่อดีตผู้ว่า เพราะเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ คนที่จะบอกได้ว่ามัน Practical หรือไม่ต้องเป็น Dick Stanton ที่เป็นคนวางแผนการช่วยเหลือและกู้ภัยครั้งนี้ต่างหาก
3. ว่าแล้ว Elon ก็โชว์อีเมลที่เขาพูดคุยกับ Dick Stanton ซึ่งในอีเมลก็เห็นได้ชัดว่าทาง Dick Stanton บอกให้เขาสร้างมันให้เสร็จเพื่อใช้งานในเคสที่น้ำท่วมถ้ำมากจนเด็กอาจจะดำออกมาเองไม่ไหว ก็คือเป็นทางเลือกสำรองนั่นเอง
4. หลายเพจในไทยแปลผิด เข้าใจผิด เอามาโยงกันมั่ว โปรดรับฟังโดยใชวิจารณญาณให้มาก
5. BBC เรียกอดีตผู้ว่าว่า Rescue chief ซึ่งแปลว่าหัวหน้าทีมกู้ภัย ซึ่ง Elon บอกว่าตัวอดีตผู้ว่าไม่ได้ทำหน้าที่นี้ คนที่ทำหน้าที่นี้คือ Dick STanton ต่างหาก และผู้ว่าก็ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย ซึ่งก็ถูกของเขา เพราะผู้ว่าเป็นหัวหน้าของ Rescue chief อีกที คือคนฟันธงว่าจะทำตามที่ Rescue Chief เสนอมาหรือเปล่า หรือตีตกก็อยู่ที่เขาคนเดียว แต่ก็อย่างที่เห็น ผู้ว่าก็เชื่อแหละ เขาเชี่ยวชาญระดับโลกขนาดนั้น
#มิตรสหายทั่นหนึ่ง
““📌สรุปเรื่อง "Elon Musk vs. ท่านผู้ว่าฯ" จริงๆ เรื่องนี้ดิฉันคิดว่าไม่ใช่ดราม่าไร้สาระแบบที่หลายคนมาคอมเมนต์นะคะ ขึ้นอยู่กับว่าผู้อ่านต้องการเสพดราม่าผิวเผิน หรือต้องการดูลึกไปถึงทัศนคติของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากกว่า
🐸เริ่มแรกคือ ท่านผู้ว่ากล่าวแถลงปิดซึ่งรวมไปถึงการขอบคุณ Elon Musk โดยบอกว่า "ก็รับความอุปการคุณจากเขา และดูแลอุปกรณ์ของเขานะครับ แต่ก็ยืนยันว่าอุปกรณ์ที่เขานำมาช่วยเหลือเราเนี่ยยังไม่ Practical (ใช้จริงไม่ได้) กับภารกิจของเรานะครับ ยืนยันตรงนี้ แต่เราก็รับความดูแลนะครับ"
ซึ่งนับว่าเป็นการขอบคุณในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ ที่มีมารยาทและสุภาพทั่วไป นับว่าเป็นผู้บริหารที่ดี
🐸ต่อมา BBC และบรรดาสำนักข่าวต่างประเทศเนี่ย ไม่ชื่นชอบ Elon Musk อยู่แล้ว เพราะเค้ามองแต่แรกว่าการปรากฏตัวของ Musk เป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ publicity stunt มีการเขียนลงทวิต สร้าง high hope ให้คนไทยอวยเว่อร์เกินไปตลอดเวลา ซึ่งถ้าคุณมองจากมุมนี้แต่ต้น จะเห็นเลยว่าเป็นอุปกรณ์ที่ยังไงก็จะไม่ได้เอามาใช้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา ไม่เคยมีการทดสอบ ทางนักดำน้ำก็ไม่เคยฝีกซ้อมกับอุปกรณ์นี้ การจะเอาไปใช้งานเลยมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้น BBC ก็เลยยกเอาคำพูดของท่านผู้ว่าฯ เอามาแขวะ Musk ว่า "not practical" นะ
🐸ฝั่ง Musk เห็นคำว่า "not practical" แล้วบอกแหล่งอ้างอิงมาจาก "Governor" (ท่านผู้ว่าฯ) ก็ดูเหมือนจะเดือด เลยตอบกลับว่า Governor คนนี้คนเอาไปเรียกกันผิดๆ ว่าเป็นหัวหน้าขบวนการกู้ภัย ซึ่งจริงๆ เค้าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะมาบอกว่าของของผม practical หรือไม่ คนที่จะบอกได้คือนาย Richard ชาวอังกฤษต่างหาก พร้อมกับส่งอีเมล์ให้ดูว่า Richard ก็ไม่ปฏิเสธอุปกรณ์ของ Musk เสียทีเดียว แต่คิดว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากกว่า (ทำนองว่าขอเก็บไว้เป็น Plan B ละกัน)
ซึ่งประโยคของ Musk นี่คือตั้งใจตอบประเด็นของ BBC และกระทบใส่ผู้ว่า ("inaccurately described as rescue chief" : "คำบรรยายที่ว่าเขาเป็นหัวหน้าโครงการนั้นไม่แม่นยำเอาเสียเลย") Musk ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ประโยคนี้มาด้วยซ้ำ จริงๆ เขียนแค่ว่า Richard เป็น lead rescuer และได้คุยกับ Richard แล้วก็พอ
ในมุมนี้จะเห็นว่า Musk มองว่าคนที่สมควรได้รับเครดิตมากที่สุดคือ Richard เป็น "rescue chief" ตัวจริง ส่วนฝ่ายติดต่อประสานงานผู้ดูแลโครงการโดยรวมคือท่านผู้ว่าฯ นั้น Musk มองว่าไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดของขบวนการ
🐸น่าสนใจอีกอันคือ ฝั่ง Drama-Addict นี่ก็มีวาระโจมตีสื่อมวลชนอยู่ และประกอบกับที่คุณวิเองก็อวยทั้งผู้ว่าฯ และ Elon Musk มาตลอด ก็เลยหาทางลงให้ทุกฝ่ายโดยการโยนความผิดไปให้ BBC กลายเป็นสื่อจอมปั่นไปฝ่ายเดียว สรุปไปว่า Musk ด่า BBC
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง BBC รวมถึงนักวิชาการต่างประเทศมีเหตุผลที่ฟังขึ้นในการอยากจะแซะ Musk และ Musk ก็ keep cool ด้วยการตอบ BBC (ไม่ได้ "จวก" BBC อย่างที่คุณวิว่าไว้)
Musk เป็นผู้ประกอบการเอกชนที่ต่างประเทศพยายามสื่อให้เห็นถึงข้อคำนึงทางการตลาด
Musk ไม่ใช่ Iron Man หรือฮีโร่ที่จะกอบกู้ได้ทุกสถานการณ์แบบที่สื่อไทย (รวมถึงคุณวิ) ปั่นมาตลอด ในการมาไทยครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร"เป็นหลัก" (หลายคนจะบอกว่า "มาช่วยก็ดีแล้ว" ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการมองที่แคบมาก เพราะนักข่าวต้องรายงานให้ครบทุกด้านว่าคนเราสีเทาๆ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่? ทำไมเค้าตัดสินใจเดินทางมาด้วยตัวเองแม้ว่าค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าอุปกรณ์ของเค้าจะไม่ได้ถูกนำมาใช้? ทวิตแรงและเริดตลอดเวลา อิมเมจทั่วฟ้าเมืองไทยคือเป็นพระเอกขี่ม้าขาว)
📌สรุปสุดท้าย คืองานนี้ท่านผู้ว่าฯ ซวยในซวย เพราะตัวเองทำถูกทุกอย่าง มีมารยาท สุภาพ แม้แต่การบอกว่าอุปกรณ์ของ Musk นั้น not practical ก็เป็นการบรรยายที่ถูกต้องเมื่อคำนึงถึงข้อจำกัดด้านการเวลา การฝีกซ้อม ฯลฯ
ถ้าใครอยากเสพดราม่าอย่างเดียว แล้วมาหาว่าดิฉันกลายเป็นเพจปั่น ไร้สาระ ก็ตามใจ
แต่ถ้ามองว่าดราม่านี้ #ไม่ไร้สาระ จะทำให้สะท้อนชวนคิดไปเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น
- ที่ผ่านมา สื่อปั่นและสร้างภาพให้ความสำคัญกับ Elon Musk มากไปหรือเปล่า?
- คุณวิ มีวาระแฝงและการบิดเบือนเป็นกิจวัตรขนาดไหน?
- เราให้ความสำคัญกับคุณ Richard และทีมงานมากพอหรือยัง?
ฯลฯ”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
#รู้ยังทีมหมูป่า13 คนไม่ใช่ครั้งแรกในไทยที่มีคนติดอยู่ในถ้ำ เคยมีเคสที่โหดร้ายและทารุณกว่านี้แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็รอดครับ
ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้หลายร้อยปี เคยมีหญิงสาวเป็นพี่น้องกันจำนวน12คนติดอยู่ในถ้าเหมือนกันน่าสงสารมาก ไม่มีทีมกู้ภัยหรือหน่วยงานใดๆจากภาครัฐเข้ามาช่วยเลย ทั้งตาบอดและตั้งครรภ์ ทั้ง12คน ต้องติดอยู่ในถ้าอย่างยากลำบากเป็นเวลาหลายปี ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีหน่วยซีล หรือทีมนักประดาน้ำโลกเข้ามาช่วยเลยด้วยซ้ำ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการหรือ หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยใดๆก็ไม่มี แต่ท้ายที่สุดทั้ง12 คน ก็รอดมาได้ ทั้ง12คนซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง12คนได้เป็นภรรยาของเจ้าเมืองแต่ที่ตาบอดหมดเพราะบาปกรรมในวัยเด็กที่เคยไปควักดวงตาของปลาพอโตเป็นสาวเลยถูกนางยักควักลูกตาใส่โหลแก้ว เก็บไว้ในวัง ซึ่งตอนติดอยู่ในถ้ำก็อาศัยจับกบจับเขียดในถ้ามากินประทังชีวิต เวลาผ่านไปลูกในครรภ์ของ11คนที่คลอดออกมาก็ตายหมด เหลือแต่น้องสาวคนสุดท้องที่ชื่อเภานั้น คลอดออกมาแล้วเด็กรอด จึงตั้งชื่อว่ารถเสน เมื่อโตขึ้นเป็นเด็กเก่งฉลาด มีพลังวิเศษสามารถออกจากถ้าได้ และได้พระฤๅษี คอยชุบเลี้ยงฝึกวิชาให้จนเก่งกล้า สามารถเข้าเมืองไปสู้กับนางยักษ์ชิงเอาโหลดวงตาของแม่และป้าทั้ง11คนมา และคืนดวงตาใส่ให้กับแม่และป้าทุกคนจนมองเห็นและออกจากถ้าได้
#สรุป จากเคสของนาง12ที่ชะตากรรมโหดร้ายกว่าหมูป่า13คน ทำให้เห็นว่ายังไงก็รอดครับ ไม่ต้องห่วงหมูป่านะยังไงก็รอดมีทีมระดับโลกมาช่วยขนาดนี้ทุกคนสบายใจได้ คืนนี้ดึกแล้วนอนหลับฝันดี แอดเองก็ต้องไปกินยาก่อนนอนตามหมอสั่งครับ เดี๋ยวถ้าขาดยาอาการจะกำเริบควบคุมตัวเองไม่ได้ครับ...555 นอนหลับฝันดีครับแฟนเพจทุกท่าน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นั่งทำงานอยู่ Starbucks อยู่ๆมือถือขึ้นว่ามี 2 connections ใน personal hotspot เครื่องแรกคอมเรา ก็เดินวนๆหารอบๆร้านนึกว่าเพื่อนมากะจะไปจ๊ะเอ๋
สรุปเจอแฟนเก่าทัก “แหะๆ” ใส่ แซวๆ
อิหมา ไม่รักกูแล้ว อย่า free wifi กู
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แนวคิดโลกวิสัย (secularism) ไม่ได้ปฏิเสธหรือแอนตี้ศาสนา ไม่ได้ชวนคนให้เลิกนับถือศาสนา คนที่สนับสนุนแนวคิดโลกวิสัยและการแยกศาสนาจากรัฐ อาจมีทั้งคนที่นับถือและไม่นับถือศาสนา มีทั้งนักบวช ผู้นำศาสนา และฆราวาส
พวกเขาเพียงแต่ปฏิเสธ "การทำให้ศาสนามีอำนาจบังคับคน" เช่นการใช้ศาสนาเป็นหลักการปกครอง การบัญญัติกฎหมาย ปฏิเสธการบังคับเรียนศาสนาในโรงเรียนของรัฐ การที่องค์กรศาสนาต่างๆ เอาอำนาจรัฐและงบประมาณไปใช้สนับสนุนความเชื่อส่วนตัว ปฏิเสธการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งการนับถือและไม่นับถือศาสนา พวกเขายืนยันให้รัฐเป็นกลางทางศาสนา ไม่ต้องระบุ "การนับถือศาสนา" ในเอกสารใดๆ ของทางราชการ ยืนยันเสรีภาพทางศาสนา เรียกร้องให้ทุกศาสนาอยู่ภายใต้กติกาที่ฟรีและแฟร์ ยืนยันสิทธิที่แต่ละคนจะเลือกนับถือและไม่นับถือศาสนา
จะว่าไปแล้วแนวคิดโลกวิสัยได้ช่วยปลดปล่อยศาสนาจากการตกเป็นเครื่องมือของรัฐในการครอบงำประชาชน ช่วยให้องค์กรศาสนามีอิสรภาพในการปกครองตัวเอง พร้อมๆ กับยืนยันสิทธิในการปกครองตัวเองทางศีลธรรมของปัจเจกบุคคล เมื่อศาสนาอยู่ห่างจากอำนาจรัฐ ศาสนาจึงจะสามารถเคารพเสรีภาพและมีความหมายทางจิตใจได้อย่างแท้จริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
https://petapixel.com/2018/07/09/turkish-photographer-beats-up-client-over-child-bride/
ตากล้องชาวตุรกีได้รับการว่าจ้างไปถ่ายรูปงานแต่งงาน พอถึงงานถึงรู้ว่าเจ้าสาวอายุแค่ 15 (ผิดกฏหมาย) เลยไม่ถ่ายแม่ง และพยายามจะอออกจากงานแต่งงาน เจ้าบ่าวไม่พอใจเดินมาชก เลยต่อยเจ้าบ่าวจมูกหักแม่ม
มิตรสหายท่านหนึ่ง
1. git clone
2. npm i
3. build ... พัง
4. copy node_module มาจากเครื่องเพื่อน
5. build พัง
6. ไป copy folder platform มาจากเครื่องอีกคนนึง
7. build ios ผ่าน
8. build android พัง
9. ไป copy platform/android มาจากเพื่อนคนที่ 3...
เปิดโลกใหม่ผมเลย coordination + collaboration สูงมาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตั้งแต่ตามข่าวมาก็ไม่เคยคิดว่า Elon Musk จะมาช่วยอะไรได้ การส่งอุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้งานจริงกับสภาพแวดล้อมในถ้ำ (ทดสอบในสระน้ำใสแจ๋ว) มาให้เรามันก็ดูรู้ๆกันอยู่แล้วว่าแค่โฆษณาตัวเอง เห็นใจท่านผู้ว่าจริงๆ คนไทยเก่งขนาดนี้ Musk มาจากไหนถึงจะไม่ให้เครดิต?????
อัปเดทข่าวเรื่อง ชายมาเลเซียวัย 41 ลูก 6 คนที่มาแต่งงานกับเด็กหญิงไทยวัย 11 ขวบเป็นภรรยาคนที่ 3 ที่นราธิวาส แล้วพากลับไปมาเลเซีย ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคนมาเลเซียค้านกันมาก และมีกฎหมายให้บังคับหย่าเพราะฝ่ายหญิงอายุน้อยเกินไป
ข่าวล่าสุดคือ กฎหมายมาเลเซียบังคับให้หย่าไม่ได้ เนื่องจากฝ่ายชายเป็นคนรัฐกลันตัน ซึ่งรัฐดังกล่าวให้กฎหมายอิสลามมีอำนาจเหนือกฎหมายปกติ และกฎหมายอิสลามถือว่าชายมีสิทธิ์แต่งงานกับเด็กหญิงอายุ 11 ได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าอยากทำงานที่มีจำนวน Transaction เยอะๆ มีงานสอง domain ให้เราเลือกทำคือ หนังโป๊ออนไลน์ หรือ บ่อนออนไลน์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โอ๊ยยย!!!! หงุดหงิดแต่เช้าค่ะ 😡 (ขออนุญาตหลุดด่าเป็นระยะๆ นะคะ)
คือเมื่อเช้า ตื่นมาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะแต่งตัวไปทำงาน รายการข่าวเช้า スッキリ ที่เจ๊ดูทุกวันก็พูดถึงกรณีถ้ำหลวง .. อารามว่าก็คนไทยเนาะ เจ๊ก็หยุดนั่งดูนิดนึง ..
ข่าวก็พูดถึงการที่จะมีคนเอาเรื่องนี้ไปทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเอย จะมีการทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโปรโมทให้คนสนใจเอย .. ซึ่งมันจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าแขกรับเชิญในรายการ ซึ่งก็คือ Matsuda Takeshi (松田丈志) อดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไม่ออกมาวิจารณ์ในทำนองที่ว่า “ไทยควรที่จะรู้สึกผิดและละอาย ที่ทำให้หลายประเทศต้องวุ่นวายที่มาช่วย ไม่ใช่มาคิดที่จะเอาถ้ำมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว”
เดี๋ยวนะ .. คือที่จะมาโปรโมททำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ก็นิดนึง คือก็โหนกระแสหน่อยนั่นแหละ แต่การที่มาบอกว่าไทยต้องรู้สึกผิดและละอายที่ต้องทำให้ทั่วโลกนั้นเดือดร้อนนั้น คืออะไรเหรอคะ!?
เอาจริงๆ ทุกคนมาร่วมมือกันช่วยเหลือ ทุกคนมาช่วยพวกเรานะคะ .. คือเดิมมันเป็นเรื่องในประเทศค่ะ แล้วพวกชั้นก็ไม่ได้ไปร้องแร่แห่กระเฌอให้ใครมาสร้างหนังให้ด้วย!!!! เค้าจะสร้างกันเอง!!!! ไทยไม่ได้ประกาศร้องขอความช่วยเหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ!!!
ที่ร้ายกว่านั้นคือ .. พอหาอ่านในทวิตเตอร์ คนญี่ปุ่นในทวิตหลายๆ คนก็ดันเห็นด้วยกับอิตานี้ด้วย บอกว่า ไทยกำลัง 美談化 (สร้างเรื่องให้ดูดี สวยงาม make a beautiful story) บ้างหละ ไทยกำลัง 迷惑 (สร้างความวุ่นวาย) ให้ชาวโลกบ้างหละ!!!!
อ้าว!!! อีผี!!!! ตอนน้ำท่วม ตอนแผ่นดินไหว เวลาเดือดร้อนคนก็แห่กันมาช่วย เงินก็ช่วยกันบริจาค มีน้ำใจกันไปทั่วโลก .. แล้วนี่อะไร อย่าให้คนไทยทวงบุญคุณบ้างนะคะ!!!
เข้าใจว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคล แต่การวิจารณ์ออกทีวีสาธารณะแบบนี้ มันดูไม่มีหัวคิด ไม่คิดบ้างว่าสิ่งที่ตัวเองโพล่งออกมาจะสร้างภาพพจน์ที่ไม่ดีแก่ประเทศตัวเองยังไง เสียดายที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติ การมีโอกาสออกมาดูโลกกว้างไม่ได้เปิดกะลาอะไรเลยจริงๆ
ไทยควรจะรู้สึกผิด ควรจะละอาย ... บอกเลยว่า ตอนได้ยินคำนี้ ในหัวเจ๊คือ ...
“ไม่เผือกสิคะ”
... จบค่ะ ลิงค์ข่าวน้ำท่วมเอย ลิงค์บริจาคเงินช่วยเหลือเอย พอเลยค่ะ เลิก!!!
#นอยด์มาก
ป.ล.
- ขอไม่ลงรูปอิตานักกีฬาคนนี้นะคะ รู้สึกไม่เป็นมงคลต่อเพจเจ๊
- คนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนางก็มีนะคะ ฉะนั้น เราจะไม่วิจารณ์คนญี่ปุ่นในภาพกว้างเนาะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไทยไม่ได้ประกาศร้องขอความช่วยเหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ!!!
พ่องดิ มีคนเรียกต่างชาติเขามาช่วยบอกไม่เรียกร้อง
พวกชาวเกาะแม่งก็เป็นงี้แหละ แนะนำมาบางอย่างก็โอเคแต่ส่วนใหญ่ปากดีไปหน่อย รายนี้น่าโดนตบกะโหลกอยู่ ปากดีไม่เข้าเรื่อง เด็กมันติดในทำมันจงใจทำหรอไง เหมือนประเทศมันโดนน้ำท่วมกับแผ่นดินไหว เด็กมันก็แค่เข้าไปเที่ยวแล้วฝนเสือกตกท่วมถ้ำนั่นแหละ
เอาเรื่องแย่ๆมาทำให้สวยงามอันนี้ก็โอเค แต่มันไม่ใช่นักวิจารณ์ที่จะมาวิจารณ์อะไรแบบไม่ดูบริบทของคนไทยไง พูดไปตามที่มันรู้นั่นแหละ ให้มันอยู่ในเกาะไปนั่นแหละwwww ประเทศพัฒนาบางทีชอบทำตัวแบบนี้นี่แหละ ถึงได้เกลียดนักนะ
>>931 กูว่ามันเป็นปกติของสังคมญี่ปุ่นนะ ตอนระหว่างยังช่วยไม่ได้ กูอ่านทวีตฝั่งญี่ปุ่น มีคนเรียกร้องให้หา 責任者 (ผู้รับผิดชอบ) และลงโทษให้เหมาะสมบ้างแหละ มีคนด่าว่าคนไทยยังไม่ฉลาดพอที่จะคิดถึงว่าเงินที่เอาไปช่วยเป็นภาษีพวกมึงเอง จะไปช่วยทำไม เปลืองงบ อะไรแบบนี้ด้วย ซึ่งกูไม่เห็นด้วย แต่ก็เข้าใจว่าสังคมบ้านเขามันเป็นสังคมวัตถุนิยมทางเศรษฐกิจ (物質主義) แบบฝังลึกไปแล้ว
พจอานนท์บอกไม่ทำหนังป้อดว่ะ
ถ้าจะพูดถึงเรื่องจิตใจยังไม่พัฒนากูว่าบ้านเราก็พอๆกันว่ะ ทุกประเทศมันก็มีคนปกติกะคนทำตัวงี่เง่าปะปนกันไปทั้งนั้น ด่าเขาไปก็เข้าตัวเองเปล่าๆ
“ปู่จ๋าน ลองไมค์” หรือ พิษณุ บุญยืน แร๊ปเปอร์ที่กำลังมาแรงที่สุด ใน พ.ศ. นี้ แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ของ “ปู่จ๋าน” เริ่มต้นมาจากความดราม่า เพราะในอดีตเขาคือเด็กบ้านนอกที่เรียนไม่จบ เป็นแค่ช่างซ่อมแอร์ ช่างติดจานดาวเทียม แต่ด้วยความหลงไหลในเสียงเพลงและความพยายามที่สร้างโอกาสให้ตัวเอง วันนี้เขากลายเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง มีสไตล์การร้องที่โดดเด่น กับเพลงแจ้งเกิด อย่าง “ตราบธุลีดิน”
ผ่านไประยะหนึ่ง กระแสการฟังเพลงผ่านยูทูปก็แผลงฤทธิ์ยอดวิวเพลง “ตราบธุลีดิน” ถล่มทลายกว่า 100 ล้านวิว เนรมิตให้ “ปู่จ๋าน” เติบโตเป็นที่รู้จักในวงการเพลง ล่าสุดผุดเพลงใหม่ “แลรักนิรันดร์กาล” อีกหนึ่งเพลงที่มียอดวิวพุ่งกระฉูด ซึ่งเป็นเพลงที่ “สายป่าน อภิญญา” โทรมาขอให้แต่งเพลงประกอบเอ็มวี โปรเจคจบอีกด้วย “ปู่จ๋าน ลองไมค์” หรือ พิษณุ บุญยืน แร๊ปเปอร์ที่กำลังมาแรงที่สุด ใน พ.ศ. นี้ แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ของ “ปู่จ๋าน” เริ่มต้นมาจากความดราม่า เพราะในอดีตเขาคือเด็กบ้านนอกที่เรียนไม่จบ เป็นแค่ช่างซ่อมแอร์ ช่างติดจานดาวเทียม แต่ด้วยความหลงไหลในเสียงเพลงและความพยายามที่สร้างโอกาสให้ตัวเอง วันนี้เขากลายเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง มีสไตล์การร้องที่โดดเด่น กับเพลงแจ้งเกิด อย่าง “ตราบธุลีดิน”
ผ่านไประยะหนึ่ง กระแสการฟังเพลงผ่านยูทูปก็แผลงฤทธิ์ยอดวิวเพลง “ตราบธุลีดิน” ถล่มทลายกว่า 100 ล้านวิว เนรมิตให้ “ปู่จ๋าน” เติบโตเป็นที่รู้จักในวงการเพลง ล่าสุดผุดเพลงใหม่ “แลรักนิรันดร์กาล” อีกหนึ่งเพลงที่มียอดวิวพุ่งกระฉูด ซึ่งเป็นเพลงที่ “สายป่าน อภิญญา” โทรมาขอให้แต่งเพลงประกอบเอ็มวี โปรเจคจบอีกด้วย
กสทช. บังคับลงทะเบียนมาหลายปี, เพิ่มค่าใช้จ่าย เพิ่มภาระ เพิ่มความเสี่ยงให้ประชาชน
พอมีปัญหาก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้
แต่ก็จะทำ และพยายามจะทำให้มากขึ้นเรื่อยๆ
โง่ แต่ขยัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล MySQL ให้เร็วขึ้น 50 เท่า เทคนิคดีๆ ที่สาย Node.JS ต้องไม่พลาด
clip 1
https://youtu.be/fQh_i57rZt8
clip 2
https://youtu.be/XG_up6bNP5k
clip 3
https://youtu.be/YrZ1H0iUZ8Q
เทคนิคง่ายๆ และเด็ดมากครับ ขอขอบคุณ ก. เกม (Viriyah Langkaviket) ที่มาจุดไอเดียให้อาตมาแกะโค้ดจาก PHP แปลงเป็น Node.JS พบว่าเร็วขึ้นอย่างมากครับ
จริงๆ ถ้าหากทำ Array Optimization ก็จะไวขึ้นอีกมาก เดี๋ยวได้แนวทางดีๆ จะมาบอกต่อเน้อ
นึกหน้าแม่แล้วน้ำตาคลอทุกที เอาภาระมาให้ที่บ้านทั้งๆที่กูไม่ได้ทำ ป่านนี้มึงคงใช้เงินเสวยสุขอยู่สินะ กูไม่ยอมแน่ทำกูลำบากขนาดนี้ ครอบครัว คนเกี่ยวข้องของมึงต้องชิบหายให้หมด มึงจำคำกูไว้ไอเหี้ยกอฟ
ไอ้กอฟแม่งเหี้ยจริงๆ ขี้แล้วไม่ยอมราดส้วม
อีอ้วนเมียไอยุดเป็นสายตำรวจ
Elon, 10 July 2018: Thailand is so beautiful.
Elon, 15 July 2018: Only pedo's would move to Thailand.
#มิตรสหายคนหนึ่ง
มุกแบบนี้เลิกเล่นเถอะครับ ไม่ขำแล้วยังดูเสี่ยวอีก
ด่าคนทรงหน้าถ้ำว่างมงาย
แต่อยากให้เด็กๆ ที่ติดถ้ำไปบวชเพื่อทดแทนบุญคุณจ่าแซมอ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โพสนี้พูดถึงการเเต่งงาน ส่งเสริมให้เเต่งงาน ผู้หญิงกับผู้ชายเป็นสิ่งถูกสร้างมาคู่กัน ผู้หญิงกับผู้ชายต้องพึ่งพิงกันเเละกันเพื่อให้ชีวิตสมบูรณ์เเบบ เเละเเนวทางที่ถูกต้องที่จะกระทำสิ่งดังกล่าวได้ก็คือการเเต่งงานตามที่ศาสนาได้บัญญัติไว้
ไม่ใช่จะบอกว่าคุณผู้หญิงไม่มีความสามารถที่จะดูเเลตัวเองได้ หรือไม่มีความสามารถหาเลี้ยงชีพได้ ซึ่งนี่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เเต่ที่จะพูด คือผู้หญิงต้องเเต่งงาน เพราะธรรมชาติของผู้หญิงคือต้องเเต่งงาน
ส่วนผู้หญิงที่ไม่ประสงค์จะเเต่งงาน โดยอ้างว่าอยู่คนเดียวก็ได้ นั่นบ่งถึงความผิดปกติของจิตใจ ฝืนธรรมชาติ #เเนะนำให้ไปพบเเพทย์
เเละเมื่อเเต่งงานเเล้ว ผู้ชายก็ต้องเป็นผู้ปกครองผู้หญิงตามที่อิสลามได้ระบุไว้
ซึ่งดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับธรรมชาติเเละอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เเละเป็นสิ่งที่กินกับสติปัญญา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ครบรอบ 1 ปีล้าว ที่เปิดร้านญี่ปุ่นเอง .. ความสำเร็จ ก้าวแรก ยอดขายขึ้น 250% เทียบจากปีที่แล้ว เริ่ม จาก ศูนย์ จริงๆเลย ในพลาซ่าร้างๆ 5555 ... สิ่งที่ได้การ ทำ ธุรกิจ ครั้งนี้เลยคือ
1. ความอดทน
2. ความพยายาม
3. การมองเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
4. ความไม่เคยท้อ
5. การตั้งเป้าหมายลูกค้าให้ถูก กลุ่ม กับราคา และเมนูอาหารให้ชัดเจน
6. คุณภาพอาหาร และ บริการ คือต้องจัดเต็ม และเร็ว
7. การทำให้ลูกเชื่อ ในอาหารของเรา หาจุดเด่น มันออกมา
8. สร้างทีมที่ดี
9. การเด็ดขาด
10. ทำงานเก่งไม่พอ แต่ต้องสอนพนักงานให้เก่ง ให้ได้เท่าเรา สำคัญมาก เปลี่ยนระบบ ความคิด ไม่ใช่ พฤติกรรม
11. ห้ามปล่อยผ่านแม้แต่เรื่องเดียว
12. ต้องสปอต ไม่งก ไม่ว่าจะกับลูกน้อง หรือ ลูกค้า
ข้อสุดท้าย “ไม่มีอะไรที่แม่งทำไม่ได้” และมันต้อง “สำเร็จ”
สรุปคือ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน location จะแย่ยังไง คู่แข่งมีเป็นสิบร้านในระยะ 3 ไมล์ ถ้ามีพวกนี้ ไม่ว่าจะทำไรก้อสำเร็จ จาก วัน ที่ลูกค้า แขยงร้าน เก่า ไม่กล้าเข้า โดนโจมตีหนักจากลุกค้าญี่ปุ่น คิดตั้งแต่วันแรกจะเปลี่ยนกลุ่ม ลุกค้าใหม่ให้หมด สุดท้ายมันก้อทำได้จริงๆ จน ลุกค้า แน่น ต่อไล
สิ่งที่ดีใจที่สุดคือการเห็น ยอดขายโตได้ขนาดนี้ คือวันที่แม่งโคดเหนื่อย แต่ต้องทน แต่ไม่เคยมีสักวันที่ แม่งท้อ สักนิดคิดว่าต่อไปคงไม่หยุด อยุ่แค่นี้
การก้าวขา ออกมาจากพ่อเต็มตัว จากเด็ก ที่วันๆเคยใช้แต่เงิน แต่งตัว แต่งหน้า เขียนตาดำๆ หนีบผม เป็น ชม ชอบ แกล้งเพื่อน เที่ยว ช้อปปิ้ง ไปวันๆ มีทุกอย่าง ที่อยากได้จนวันนี้ เราได้เป็น กรรมกร อย่างเตมตัว 😂😂
เด่วมาลุ้นกันต่อ ปีสอง ปีสามจะเป็นยังไง เอาจริงๆน่ะค่ะ พ่อ แอมไม่ได้ ทำเพื่อเงินเลยทุกวันนี้ พ่อกับแม่ให้แอม มาทุกอย่างแล้ว แอมแค่อยากทำให้พ่อ กับแม่ ภูมิใจในตัวแอม และมีความสุข แค่นั้นเอง แล้วเลี้ยง พ่อกับแม่ กลับคืนบ้าง สู้ๆๆ แอม ชิว ชิว~
วันก่อนครับ หลังจากบริษัทประกาศปรับเงินเดือนอันน้อยนิด มากกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการนิดนึง ประมาณ 1.4% หัวหน้าผมก็เดินมาบอกกับพวกผมว่า เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญคืออย่างอื่นมากกว่า เช่นเพื่อนร่วมงาน บรรยากาศการทำงาน แหม่ ไอ้เรื่องพวกนั้นมันก็ใช่แหละครับ แต่เงินขึ้นมาแค่ 750 บาทต่อเดือน นี่ไม่รู้จะพูดไงจริงๆ
ในการทำงานจริงๆ เทคโนโลยี อะไรที่มันซับซ้อน ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด คำตอบที่เจอบ่อยๆ และ ใช้ไม่ได้จริง คือ Docker และ Websocket เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนพึงจะกระทำได้ (หลายคนไม่ได้ใช้ VPS หรือ วาง Server เอง) ถ้าจะเปรียบ ก็เหมือนกับ Elon Musk ส่งเรื่อดำน้ำจิ๋ว มาให้นั่นแหละ ... ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แค่มันไม่ใช่ วิธีที่ดีที่สุด เท่านั้น ... บอกน้องๆไป จะทำให้พวกเขางงเปล่าๆ
ในญี่ปุ่นมีมาแล้วนะครับ ทำงานหาเงินจนซื้อที่ดินในเขตรปปงงิ ได้มา 3แปลง เฮียแกให้เช่าที่และใช้ชีวิตเป็น neet อย่างสบายอารมณ์ วลีอมตะของเฮียแก
"ทุกๆคนอยากเป็นneetกันทั้งนั้น แต่พวก ที่ด่าว่าneetเนี่ยคือ คนที่ไม่มีศักยภาพ มากพอที่จะเป็นneetต่างหาก"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Section 32 of the Act is headed "Handling Salmon in Suspicious Circumstances".
>>978 เสือนอนกิน หมายถึง การได้รับผลประโยชน์ผลกำไรโดยไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงทำงาน หรือการลงทุนลงแรงเพียงครั้งแรก หลังจากนั้นก็รอรับผลประโยชน์ เช่น
พ่อของเขาเป็นคนมองการณ์ไกล ไม่อยากให้ครอบครัวลำบากจึงได้ลงทุนสร้างอพาร์ตเม้นท์ให้เช่าเอาไว้ ตอนนี้เขาก็กลายเป็นเสือนอนกินวันๆไม่ต้องทำอะไรมีรายได้จากค่าเช่าห้องก็อยู่ได้สบายๆ
เห็นข่าวหมอเตือนห้ามให้ทารกกินกล้วย แต่ดันมีชาวไทยมาด่าหมอ แล้ว ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่
แม่ผมเป็นพยาบาล ผมเกิดในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยได้ยินวิธีการตายแบบมาสเตอร์พีชจากความเชื่อท้องถิ่นมาเป็นสิบๆรูปแบบ
ปัญหาใหญ่คือ คนไทยเชื่อหมอผี กับเรื่องที่ใครก็ไม่รู้พูดมา มากกว่าหมอ หมอบอกไม่เชื่อ แต่เชื่อจดหมายลูกโซ่สูตรยาผีบอกที่หย่อนอยู่ในตู้จดหมายก็มี
จากบันทึก เราพบว่าความเกรียนแล้วดื้อของชาวสยาม มีมาตั้งแต่วันที่การแพทย์สมัยใหม่เข้ามาในแผ่นดินสยามแล้ว โหดสัสมาตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อน
บุคคลที่ต่อสู้กับเรื่องนี้เป็นคนแรกคือ หมอปลัดเล หรือชื่อเต็มคือ แดน บีช บรัดเลย์ (Dr.Daniel Beach Bradley)
ในยุคที่หมอบรัดเลย์เกิด กระแสฟื้นฟูศาสนาในอเมริกันกำลังเฟื่องฟู มีความคิดในเรื่องรณรงค์เลิกทาส และเรียกร้องให้ผู้ศรัทธาทำมิชชั่น โดยการเดินทางไปยังประเทศที่ยังไม่พัฒนา เพื่อเผยแพร่ศาสนา และวิทยาการต่างๆ
หมอบรัดเลย์เป็นนายแพทย์ซึ่งเดินทางมายังประเทศไทยเป็นคณะมิชชันนารีของคณะอเมริกัน เข้ามาถึงประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2378 (1835)
ตอนนั้นหมออายุ 31 ปี เป็นผู้ร่วมเริ่มต้นพันธกิจคริสเตียนสายโปรแตสแตนท์ในประเทศไทย และร่วมก่อตั้งคณะเพรสไบทีเรียนสยาม ที่ต่อมาเป็นสภาคริสตจักรไทย
คิดว่าเมื่อหมอบรัดเลย์มาถึงสยาม คนไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 ตอบรับอย่างไร กับการแพทย์ตะวันตก?
กลายเป็นว่าคนสมัยนั้นมองว่า ศาสนา กับ วิชาต่างๆ เป็นเรื่องเดียวกัน
ประมาณว่า การรักษาโรคกับการไล่ผีเป็นสิ่งเดียวกัน ยาบำรุงธาตุกับความเชื่อเรื่องจักรวาลวิทยาของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งเดียวกัน อายุรเวทอินเดียถูกผนวกเข้ากับความเชื่อของศาสนาจนเป็นเนื้อเดียวกัน
ดังนั้นการแพทย์ตะวันตก จึงไม่อาจอธิบายให้คนสยามเข้าใจได้
พูดง่ายๆคือ สมมุติคนป่วยคือถูกผีเข้าก็ต้องหาว่านทีมีฤทธิ์ไล่ผีสิ ยาฆ่าเชื้อห่าอะไร
นอกจากนั้น เราก็รู้ดีว่าหมอหลวงจะมีท่าทียังไงเมื่อมีศาสตร์ใหม่ที่ได้ผลมากกว่าเข้ามาเหยียบแผ่นดิน คิดว่าหมอหลวงจะมีจิตวิญญาณไปขอเรียนเพื่อพัฒนาวิชาการแพทย์มารักษาคนงั้นเหรอ - คิดอะไรเป็นการ์ตูนหมอญี่ปุ่นแบบนั้น คุณก็รู้ว่าที่นี่สยาม
ผลคือการรักษาของหมอบรัดเลย์ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวสยาม เวลานั้นชาวจีนตอบรับการแพทย์ตะวันตกมากกว่า รวมถึงมีชาวจีนเปิดรับศาสนาคริสต์มากกว่า หมอบรัดเลย์ จึงเริ่มต้นก่อตั้งโรงหมอบริเวณแถวๆเยาวราชในปัจจุบัน เพื่อจ่ายยา และหนังสือศาสนาให้แก่คนไข้
ผลคือทางการสยามไม่ชื่นชอบหมอบรัดเลย์นัก จึงกลั่นแกล้งไม่ให้เช่าที่ต่อ โดยอ้างว่าเกรงจะทำให้ชาวจีนก่อกบฏ
หมออยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องย้ายไปอยู่บริเวณชุมชนชาวโปรตุเกส พวกคณะมิชชันนารีช่วยกันสร้างโอสถศาลาขึ้น เปิดทำการเมื่อ 30 ตุลาคม 2378(1835)
ปี 2379(1836 ) หมอบรัดเลย์ได้สั่งแท่นพิมพ์เข้ามาเป็นเครื่องแรกในสยาม และได้พิมพ์หนังสือเล่มแรกของสยามคือ "บัญญัติ 10 ประการ" เพื่อแจกในการเผยแพร่ศาสนา
วิชาของหมอยังไม่เป็นที่ไว้วางใจของชาวสยาม จนกระทั้ง 3 มกราคม 2380(1837) มีพระสงฆ์รูปหนึ่งถูกพลุที่ใช้ในงานวัดระเบิดใส่จนแขนขาด หมอบรัดเลย์จึงทำการผ่าตัดใหญ่เป็นครั้งแรกในสยาม ชื่อเสียงของหมอก็เลยดังขึ้นมา
(ว่ากันว่ามีการผ่าตัดเอาเนื้องอกจากทาสออกก่อนหน้านั้น ซึ่งควรนับเป็นครั้งแรกมากกว่า)
นั่นทำให้ชื่อเสียงของหมอบรัดเลย์ดีขึ้น ชาวสยามยอมรับการผ่าตัดต้อกระจก และเนื้องอก แต่จุดประสงค์ทางด้านศาสนาของหมอก็ไม่คืบหน้าเท่าไหร่ ทางการสยามสนใจงานด้านการพิมพ์ของหมอมากกว่า
ทางการสยามได้ให้การสนับสนุน และจ้างให้หมอพิมพ์เอกสารเรื่องการห้ามสูบฝิ่นของรัฐบาล 9,000 ฉบับ
ในปี 2384(1841) หมอบรัดเลย์ ก็สั่งหล่อตัวอักษรไทยเพื่อใช้เรียงพิมพ์ขึ้นได้เป็นครั้งแรก จากที่ก่อนหน้านี้ใช้บล็อกพิมพ์ไม้
ปี2387(1844) หมอบรัดเลย์ก็ได้ออกหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของสยามขึ้นในชื่อว่า หนังสือจดหมายเหตุ บางกอกรีคอร์เดอร์
และแล้วก็เกิดการระบาดของไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษขึ้นในสยาม
ถ้าเราอ่านประวัติศาสตร์ของภูมิภาค จะพบว่าจะมีโรคพวกนี้ระบาดทุกประมาณ 30-50 ปี เรียกรวมๆว่า "ห่าลง" ซึ่งมีโรคยอดฮิตคือ อหิวาฯ ฝีดาษ กาฬโรค เวียนๆกันไป ลงเมื่อไหร่ก็ตายห่ากันทั้งเมือง
หมอบรัดเลย์ได้เสนอวิธีการรับมือกับฝีดาษแบบสมัยใหม่คือ การปลูกฝี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาพระราชทานเงินให้หมอซื้อเชื้อสำหรับการปลูกฝีมาจากอเมริกา หมอบรัดเลย์ได้ศึกษาต่อจนกระทั้งสามารถผลิตเชื้อที่ใช้ปลูกฝีต่อได้เอง จนสามารถปลูกฝีได้แพร่หลาย สยามจึงสามารถชนะไข้ทรพิษ ซึ่งเป็นโรคที่ฆ่าชาวสยามมาตลอดสมัยโบราณได้สำเร็จ
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>980 )
หมอบรัดเลย์ได้รับเงินพระราชทานเป็นรางวัลที่เอาชนะฝีดาษได้สำเร็จ หมอพยายามขยายสู่เป้าหมายต่อไปคือการเอาชนะความตายของทารกตอนคลอด หมอจึงนำเงินรางวัลนี้ไปเป็นทุนพิมพ์หนังสือคัมภีร์ครรภ์รักษา ซึ่งเป็นวิธีทำคลอดแบบสมัยใหม่
ถ้าโครงการของหมอสำเร็จเราอาจจะไม่มีแม่นาคพระโขนง แต่ผลคือล้มเหลว ชาวสยามยังคงใช้วิธีทำคลอดแบบเดิม แล้วก็ตายทั้งกลมกันเหมือนเดิม
หมอบรัดเลย์ยังไม่ท้อถอย ยังพยายามฝึกหมอหลวงด้วยวิชาแพทย์สมัยใหม่ มีการพิมพ์ตำราแพทย์กว่า 200 ปก
โรงพิมพ์ของหมอ ยังพิมพ์หนังสืออื่นๆออกมาจำนวนมาก ทั้งจินดามณีซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาไทยเล่มแรก หรือแม้กระทั้งสามก๊ก
แต่ภารกิจการเผยแพร่ความคิดของหมอบรัดเลย์เป็นไปอย่างเหนื่อยยาก และไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
เหตุผลคือ ยังมีคนสยามที่อ่านหนังสือออกน้อยมาก ความเชื่อเดิมฝังรากลึกยากจะแก้ไข
สำคัญคือ เมื่อคนสยามไม่เชื่อศาสนาของหมอตั้งแต่ต้นแล้ว ก็กลายเป็นปฏิเสธความรู้อื่นๆของฝรั่งไปด้วย
คนสยามมีนิสัยเชื่อคนตามคนที่พูดมากกว่าหลักความจริงของคำที่พูด เช่นในตอนปลูกฝี ที่ได้ผล เพราะโครงการมาจากพระเจ้าแผ่นดิน พอเป็นโครงการของหมอเอง คนสยามก็เชื่อพระ เชื่อผู้ใหญ่ในชุมชนมากกว่าหมอ
นี่ทำให้ชีวิตของหมอบรัดเลย์ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งด้านการเผยแพร่ศาสนา การเผยแพร่ความคิด และการเผยแพร่วิชาการแพทย์
ในตอนแรกหมอยังพอเลี้ยงชีพจากธุรกิจการพิมพ์ได้ แต่หมอก็ต้องพบวิกฤติเพราะนิสัยรักความถูกต้องของตัวเอง
ด้วยความเป็นทั้งมิชชั้นนารีอเมริกัน และเจ้าของหนังสือพิมพ์ หมอบรัดเลย์คิดว่าเป็นจรรยาบรรณที่จะต้องต่อสู้กับคอรัปชั่น
แต่นายก็รู้ว่าที่นี่สยาม
หมอบรัดเลย์เขียนบทความเปิดโปงการทำสัญญาแบบลับๆระหว่างข้าราชการสยามกับกงสุลฝรั่งเศส ซึ่งคงจะไปขัดผลประโยชน์คนระดับพระคลัง
ผลคือหมอบรัดเลย์ถูกฟ้อง และแพ้คดี เพื่อนๆต้องรวมเงินกันไปจ่ายค่าปรับ ผลคือทำให้หนังสือพิมพ์ของหมอต้องปิดตัวไป
ถึงอย่างนั้น หมอก็ยังพยายามเผยแพร่ความรู้ให้กับชาวสยาม ด้วยการพิมพ์เผยแพร่หนังสือแปลจากภาษาต่างประเทศ ตำราแพทย์ และตำราเรียน มาอย่างต่อเนื่อง
หมอบรัดเลย์ทำงานอย่างหนัก จนกระทั้งเสียชีวิตในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2416(1873) เป็นเวลา40กว่าปี ในภารกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกฝั่งของโลกจากบ้านเกิดของหมอ
งานของหมอบรัดเลย์แทบจะไม่ประสบความสำเร็จเลยในยุคสมัยของหมอ มีคนน้อยมากที่รับเชื่อ มีคนน้อยมากที่เปลี่ยนพฤติกรรมด้านสาธารณสุข งานด้านสื่อก็ต้องปิดฉากลง
ที่จริงแล้ว หมอบรัดเลย์เป็นทั้งบิดาของคริสตจักรไทย บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ บิดาแห่งการพิมพ์ และบิดาแห่งสื่อไทย แต่หมอก็ไม่ได้รับเกียรติเท่าที่ควรจะเป็น
แต่ไม่ว่ามนุษย์จะยกย่องให้เกียรติหมอบรัดเลย์หรือไม่ รากฐานทางด้านศาสนา การแพทย์ และสิ่งพิมพ์ก็ถูกวางไว้แล้ว สิ่งที่หมอทำไว้ได้ค่อยๆขยาย และต่อยอดจนมาถึงปัจจุบัน
.
.
.
ผมอยากจะปิดประเด็นนี้ด้วยเรื่องของนาอามาน
นาอามานเป็นแม่ทัพชาวซีเรียก่อนสมัยคริสต์กาล ซึ่งเป็นโรคเรื้อน สาวใช้ของเขาที่เป็นเชลยชาวยิว จึงบอกให้ไปหา เอลีชา ผู้ที่จะรักษาได้
ทีนี้ เรื่องมันใหญ่มาก เพราะตอนนั้นซีเรียกับอิสราเอลเป็นศัตรูกัน แต่นาอามานก็อยากหายต้องให้พระราชาทำเรื่องขอเดินทางไปหาเอลีชา
พอเจอหน้า เอลีชา ดูอาการแล้วบอกให้ นาอามาน ไปล้างตัวในแม่น้ำจอร์แดนหน้าบ้านเอลีชา 7 ครั้ง แล้วเดี๋ยวหายกลับบ้านได้
นาอามาน โมโหมาก บอกประมาณว่า "สัส โรคเรื้อนมันจะหายง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงวะ นี่ข้ามาจาดามัสกัสมาเจอพระยิวเพื่อโดนบอกให้ไปอาบน้ำเนี่ยนะ"
ผมคิดว่าคนไม่เชื่อหมอกัน เป็นเพราะการรักษาจริงๆ มันเรียบง่ายไม่อภินิหาร เขาอยากได้พิธีเท่ๆ มีปล่อยแสง มีคนสวด
.
.
.
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากไปถึงคริสเตียนว่า หากคิดจะทำอะไรแปลกๆ ขอให้คิดถึงหน้าหมอบรัดเลย์ และมิชชั่นของหมอทั้ง 40 ปีไว้
กลุ่มพันธกิจต่างๆของคนรุ่นก่อนๆก็พยายามกันแทบตายกว่าจะสร้างโรงพยาบาลกันได้แต่ละแห่งหวังให้พี่น้องได้ใช้ประโยชน์
ส่วนคนอื่นถ้าใครยังจะเชื่ออะไรของเขาอยู่ ก็ให้เป็นทางของใครของมันก็แล้วกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ศาสนาที่หมอเผยแพร่มันก็คือๆกันกับหมอผีนั่นแหละ คนไทยมันถึงไม่เปิดรับไง
กินเมนูเดิมร้านเดิมมาอาทิตย์กว่าละ เมื่อวานกูเข้าไป คนผัดเห็นหน้าทักเลย "เหมือนเดิมนะ?"
นี่กึ่งไม่แน่ใจเลยบอก "ค่ะ กะเพราหมูกรอบ ไข่ดาวสองฟอง ไม่ใส่พริก สองกล่อง" แกบอกโหทวนขนาดนี้ไม่เชื่อใจกันหนิ
อะ วันนี้กูไป แกหันมา "เหมือนเดิม?" กูก็ค่ะ เข้าออฟฟิศเปิดกล่องมา อีห่า หมูกระเทียม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เห็นใส่เนยขนาดนั้นแล้วเครียดเลย เลยออกมานอกร้านอัดบุหรี่ไปสองมวน เบียร์อีกสองป๋อง
อันตรายจริงๆนะครับเนยเทียม มะเร็งทั้งนั้น"
มิตรฯ
ตำราประวัติศาสตร์ของยุโรปสมัยใหม่ จะต่างจากจีนแบบจารีตขงจืออย่างหนึ่ง คือจีนสนใจคน ยุโรปสนใจระบบ
ตำราประวัติศาสตร์จีน พิจารณาประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่มักจะมองจากสายตาของมนุษย์
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราอ่านสามก๊ก เรารู้ว่าโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวนตัดสินใจอย่างไร และมันส่งผลกับตัวโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน หรือคนของเขาอย่างไร
เรารู้ว่าการตัดสินนั้นมีปัญญา หรือโง่ จากผลที่ตามมาต่อบุคคล
ประวัติศาสตร์จีนโฟกัสไปที่คน พูดถึงความฉลาด และการตัดสินใจของคน
เรารู้ว่ารัฐของสู่ เว่ย อู่ มีใครเป็นแม่ทัพ เป็นกุนซือบ้าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าโครงสร้างรัฐของสู่ เว่ย อู่ เป็นอย่างไร
พวกเขามีที่ปรึกษากี่คน ตำแหน่งเรียกว่าอะไรบ้าง มีระบบการประชุมและตัดสินใจอย่างไร ใครสั่งใคร ระบบการเก็บภาษีเป็นอย่างไร การค้าเป็นอย่างไร อะไรเป็นสินค้าสำคัญของแคว้น เราไม่รู้ ดูเหมือนเรื่องพวกนี้จะไม่ใช่เรื่องที่นักปราชญ์ขงจือจะสนใจหยิบยกมาวิเคราะห์
หรือมักจะอธิบายสาเหตุของเหตุการณ์เป็นเพราะการตัดสินใจส่วนบุคคลเช่น "ราชวงศ์หมิงล่ม เพราะ อู๋ ซานกุ้ย เปิดประตูให้แมนจู"
ในขณะที่ การศึกษาประวัติศาสตร์ของยุโรปสมัยใหม่จะมองไปคนละอย่างกัน พวกเขาสนใจว่า เซเนทมีทั้งหมดกี่คน ที่มามาจากไหน ประชนในเมืองนั้นมีกี่ชนชั้น ทหารโรมันมีอาวุธอะไรบ้าง เมืองโรมใช้เทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรมอย่างไร สินค้าสำคัญคืออะไร ชาวโรมสร้างฐานะจากอะไร
ถ้าถามว่าทำไมโรมล่ม คำอธิบายแบบยุโรปสมัยใหม่ก็จะอธิบายแบบเป็นโครงสร้างสังคม อธิพลทางศาสนา และสภาวะแวดล้อม
เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์แบบจีนในจารีตเดิม เราจะพบว่าความรุ่งเรืองมาจากการตัดสินใจที่ดีของคน การเป็นคนเก่งคนดี การเลือกใช้คนเก่งคนดีมาทำงาน
แต่เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์แบบยุโรป เราจะพบว่าความรุ่งเรืองมาจากระบบที่ดี การมีโครงสร้างการเมืองที่ดี เทคโนโลยีที่ดี มีการผลิตสินค้า และระดมทรัพยากรได้ดี
จริงๆประวัติศาสตร์แบบยุโรปมีแนวโน้มจะมองสังคมเป็นเครื่องจักร และมนุษย์เป็นฟันเฟืองหนึ่งของระบบ เหมือนมองจากสวรรค์ลงมา ในขณะที่แบบจีนมองในมุมของมนุษย์กว่า เป็นมุมมองของคนที่อยู่ในเหตุการณ์กว่า
ดังนั้นในการอ่านประวัติศาสตร์จีนเราจะรู้สึกทึ่งกับความฉลาดของปราชญ์โบราณ แต่เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ยุโรป เราจะรู้สึกว่าเราฉลาดกว่าเสมอ เพราะเรารู้มากกว่าคนสมัยนั้นแล้ว
ผมเดาเอาว่า นักประวัติศาสตร์ยุโรปตั้งแต่ยุคกลางคงพยายามมองโลกด้วยสายตาของพระเจ้า และนักคิดที่เอามาวิเคราะห์ในสมัยใหม่พยายามดูสังคมในฐานะฟังเฟืองหนึ่ง ที่ดำเนินไปตามกฎบางอย่างซึ่งต้องอธิบาย เหตุ-ผลได้
ในขณะที่ปราชญ์ขงจือของจีนบันทีกเรื่องราวของผู้ที่ได้อาณัติสวรรค์ เพื่อให้ใช้สั่งสอนลูกหลานให้ตัดสินใจเลือกทางที่ฉลาด และถูกต้อง โดยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา (เช่น เจินกวนเจิ้งเย่า ที่สรุปจากประวัติศาสตร์ว่าการมีขันติยธรรมของกษัตริย์ทำให้บ้านเมืองรุ่งเรือง หรือฉางตวนจิงที่สรุปว่าคนชิบหายเพราะไม่ประยุคปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์)
คนไทยคุ้นชินกับการศึกษาแบบจีนขงจือที่ตกสมัยไปนานแล้ว แต่ไม่ค่อยศึกษาจากมุมวิเคราะห์แบบตะวันตก จึงมักจะมองว่าปัญหาต่างๆเกิดจากการตัดสินใจที่ไม่ดี หรือโง่ของบุคคล
แต่เราต้องมองประวัติศาสตร์จากทั้งสองมุมมอง ทุกวันนี้แม้แต่ประเทศจีนเองก็ศึกษา ค้นคว้า และสอนประวัติศาสตร์จากวิธีของตะวันตกสมัยใหม่ด้วยแล้ว
เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์จากมุมมองของตะวันตก เราจะพบว่า หลายครั้ง มนุษย์ตัดสินใจด้วยความดี อย่างเห็นส่วนรวม สุดความสามารถ สุดปัญญาแล้ว แต่มุมมองที่จำกัดของยุคสมัยนั้นทำให้มันได้แค่นั้นจริงๆ
อย่างเมื่อเราเรียนเรื่องของพี่น้องกรักคุส กับความพยายามของมารีอุส เรารู้ว่ามันทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำมันสุดทางจากมุมมองที่จำกัด และทรัพยากรที่พวกเขามีแล้ว
พวกเขาไม่ใช่พระเจ้า เป็นมนุษย์ จากขอบเขตที่พวกเขารับรู้ พวกเขาทำได้ดีที่สุดแค่นั้น
โครงสร้างของรัฐ ปริมาณการผลิตที่จำกัด และการขาดความรู้บีบบังคับให้ผลมันออกมาแบบนั้นจริงๆ
กลายเป็นว่าเจตนาดีนำไปสู่ผลร้าย พวกเขาฉลาดที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับว่าคนจะเลวหรือโง่เลย
ในมุมนี้ การหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่เราเรียนจากอดีตได้ จึงต้องแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างของรัฐ และเศรษฐกิจ
ไม่มีประโยชน์ที่จะมาด่าว่าใครโง่ หรือใครตัดสินใจพลาด
ในคำภีร์โจอี้บอกว่า "ความผิดพลาดครั้งแรกคือเยาว์ความ แต่ถ้ามีครั้งที่สอง หรือสาม คือความโง่"
มนุษยชาติเคยเยาว์ เราทำผิดมาแล้ว แต่คนที่ไม่เรียนจากความผิดพลาด ไม่ยอมเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น ไม่ค้นคว้าจนเข้าใจที่มาของปัญหาที่แท้จริง และไม่แก้ไขรากของปัญหา นั่นแหละคือความโง่
แต่ดูเหมือนประเทศของเราจะไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์อะไรเลย ก็เลยโง่ซ้ำๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เค้าแค่มาสืบพันธุ์
ฟิสิกส์ของการหยุดเวลา
หลักความสมมูล (Equivalence Principle) ระหว่างสิ่งที่เคลื่อนไหว กับสิ่งที่หยุดนิ่ง ถ้าเราอยู่ในรถซึ่งปิดฟิล์มทึบสนิท เราจะไม่สามารถบ่งชี้ว่าเรากำลังเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่งถ้ารถนั้นเคลื่อนที่ไปบนทางเรียบแบบสมบูรณ์ด้วยความเร็วคงที่ เราจะไม่สามารถบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างเราตะบึงเข้าชนรถอีกคันที่หยุดนิ่ง หรือรถอีกคันตะบึงเข้าชนเรา หลักการนี้ สามารถปรับใช้ได้กับแนวคิดการหยุดเวลา สมมุติว่า โจทาโร่ ใช้สตาร์แพลตตินั่มหยุดเวลา การที่มันจะเคลื่อนไหวในเวลาที่หยุดนิ่ง มันจะต้องบังคับให้อากาศเคลื่อนหลบโจทาโร่ ซึ่งมันก็จะไม่ต่างอะไรกับการที่อากาศซึ่งไหลด้วยความเร็วแสงกระทบตัวเรา เรารู้จากสมการสัมพัทธภาพว่า วัตถุที่มีมวลใดๆที่ความเร็วแสงจะมีพลังงานเป็นอนันต์ ดังนั้น การเคลื่อนที่ในเวลาที่หยุดนิ่ง มันก็จะต้องใช้พลังงานเป็นอนันต์ในการเคลื่อนอากาศสักอนุภาค และมันทำให้การเคลื่อนที่ในเวลาที่หยุดนิ่งเป็นไปไม่ได้
ในอีกทางหนึ่ง ถ้าเรามองว่า เวลา เป็นส่วนหนึ่งของกาลอวกาศ และความโค้งของกาลอวกาศทำให้เกิดการยืดของเวลา บางทีเวลา ไม่ได้เดินด้วยอัตราที่เท่ากันในห้วงอวกาศนี้ ในกรณีการหยุดเวลาของโจทาโร่ กาลอวกาศรอบนอกโจทาโร่จะมีความชันเป็นอนันต์ โดยรอบตัวของโจทาโร่จะเป็นจุดยอดของความโค้งของกาลอวกาศเป็นศูนย์กลาง นั่นคือ เวลารอบตัวโจทาโร่จะเดินอยู่ แต่เวลาที่ห่างออกไปจะเดินด้วยอัตราที่ช้าลงจนหยุดนิ่งที่ระยะอนันต์ ในเคสนี้ การออกแรงในการเคลื่อนไหวของโจทาโร่จะไม่ต้องใช้พลังงานเป็นอนันต์ เนื่องจากพอเดินเข้าใกล้เป้าหมาย การยืดของเวลาก็จะลดลง
ในกรณีสมมุติ - คะเคียวอิง ที่โดนดิโอ ต่อยไส้แตก ในมุมมองของดิโอ คะเคียวอิงจะเคลื่อนไหวช้าตอนอยู่ห่างและเคลื่อนไหวเร็วจนเป็นปรกติเมื่อดิโอมาถึงตัว ส่วนในมุมมองของคะเคียวอิง จะเห็นดิโอเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงและชะลอลงก่อนต่อยไส้แตก
แต่ถึงเราจะหยุดเวลาด้วยวิธีหลัง ใช้ความโค้งของกาลอวกาศ เมื่อความโค้งของกาลอวกาศ = พลังงานและมวล การสร้างความโค้งของกาลอวกาศลักษณะนี้ ข้อจำกัดพลังงานอาจน้อยกว่าเคสแรก แค่ว่าเราต้องไปหามวลและพลังงานลบ เพื่อจะสร้างปฏิความโค้งของปฏิหลุมดำที่มีเราเป็นศูนย์กลาง เป็นจุดยอดที่ความโค้งของกาลอวกาศชันเข้าหาแล้วปรับเป็นระนาบที่ราบเรียบ ก็ขืนให้ความชันของกาลอวกาศที่ตัวเราอยู่เป็นอนันต์เวลาของเราก็หยุดไปด้วยแล้วเราจะหยุดเวลาไปทำซากอะไร ซึ่งตอนนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่ามวลลบ หรือ พลังงานลบมันจะมีอยู่จริง และมันก็มีปัญหาต่อมาเรื่องการเกิด Spaghettified เพราะกาลอวกาศที่โค้งขนาดนั้นมันก็จะเกิดผลเป็นแรงโน้มถ่วงดึงเข้าหา การจะหยุดเฉพาะเวลา ไม่ว่าจะสมมุติให้เป็นเคสเวลาหยุดทั้งหมดมีแต่เราที่เวลาเคลื่อนไหว หรือใช้ทริกความโค้งของกาลอวกาศ มันย่อมจะเจอข้อจำกัดด้วยกฎทางฟิสิกส์ทั้ง 2 ทางนั่นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นี่มันรสเหงื่อของพวกโกหก
ไปถามไอ้เหี้ยควิกซิลเวอเลยต่อยคนแบบไม่เจ็บแขนด้วย
ข่าวการโจมตีฐานข้อมูลสุขภาพของสิงค์โปร์เมื่อวานนี้ ไม่น่าแปลกใจนะครับว่าทำไมมันถึงทำได้สำเร็จ ตามข่าวบอกว่าคนที่โจมตี (cyber attackers) ต้องการข้อมูลด้าน health ของ Prime Minister Lee Hsien Loong ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเอาไปทำอะไรนะครับ
พวกเราเชื่อไหมครับว่าระบบ cyber security ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดจากการลองผิดลองถูก (trials and errors) ทั้งนั้น การลองผิดลองถูกจึงขึ้นกับประสบการณ์ของผู้ดูแลระบบ หากลองแล้วทำงานได้ที่หนึ่ง ก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะทำงานได้เหมือนกันในอีกที่นะครับ ไม่ได้มีหลักการใด ๆ ที่สนับสนุน เพราะฉะนั้น มันถึงได้อันตรายมาก ๆ นะครับ เหมือนกับลองดูแล้วมันทำงาน "ได้จริง" ก็ใช้เลย เราเรียกวิธีการแบบนี้ว่า rules of thumb หรือ best practices นะครับ เน้น practical เป็นหลัก
เมื่อหลายปีก่อน มีผู้ที่มีชื่อเสียงหลายท่านเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยทั้งหลายได้ศึกษา cyber security อย่างจริงจัง เรียกว่า the call for science of cyber security แม้กระทั่ง NSA ของสหรัฐก็ยังออกมาเรียกร้องถึงความจำเป็นที่จะต้องมี science of cyber security นะครับ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมหาศาลจริง ๆ เราต้องการความเข้าใจในศาสตร์นี้ หมายถึงหลักการที่พิสูจน์ได้ เพื่อที่จะให้ practitioners นำมาใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิผลนะครับ
cyber security จึงเป็นอีกสาขาหนึ่งที่ต้องการ mathematicians and theorists อย่างมาก ยังมีปัญหาวิจัยอีกมากที่รอให้คนเข้าไปทำให้กระจ่างนะครับ
ปล. ผมมีทุนปริญญาเอก คปก. ที่ศึกษา science of cyber security โดยตรง อยู่ 1 ทุน กำลังรอคนติดต่อมานะครับ
เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม
เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม
เรารักnichaxและก็รักลุงเหลี่ยม
ใกล้ปิดกะมู้แล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
ปิดมู้้้้้้เพื่อเย็ดรูหีแม่แอดมินsirn
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.