"มันมีมายาคติเรื่องนี้อยู่ครับ รัฐที่เก่งในเรื่องปิดซ่อนความน่ารังเกียจของความเหลื่อมล้ำ จะมีวิธีโยนความผิดไปให้ในระดับปัจเจกชน (อเมริกาเป็นอีกตัวอย่างของประเทศเหลื่อมล้ำ) หนังสือ ไลฟ์โค้ช ความคิดประเภทอย่าบ่น คิดบวก ก้มหน้าก้มตาทำงานไป ให้โทษตัวเองเยอะๆ จะได้รับความนิยม เพราะไม่ได้มองเพื่อนร่วมสังคมเป็นหน่วยหนึ่งที่ต้องอยู่อาศัยร่วมกัน แต่มองเป็นใครอ่อนแอก็แพ้ไป ไม่มองปัญหาเชิงโครงสร้าง บางคนตั้งแต่เกิดมา ชีวิตติดลบแล้ว ทั้งโอกาส เงิน ความรู้
มันจะมีคนที่ก้มหน้าก้มตาทำงาน +ฉลาด + จับจังหวะถูกจนประสบความสำเร็จมั่นคงอยู่จริง เป็นคนส่วนน้อย แล้วคนกลุ่มนี้ก็มาสั่งสอนคนส่วนใหญ่ ให้ละเลยความไม่แฟร์ของรัฐแต่ให้โทษตัวเอง แล้วอย่างนี้จะเสียภาษีให้รัฐมาบริหารทำไมกัน ทำไมไม่มองถึงคนส่วนใหญ่ที่ทำงานใช้ชีวิตทั่วไป ว่าค่าแรงที่ถูกกดทับ การต่อรองของสหภาพแรงงานที่อ่อนแอ ทำให้คนคนนึง จะขยันแทบตายก็ได้แต่จมปลักอยู่อย่างนั้น ออมไม่ได้ โงหัวไม่ขึ้น ความขยันหมั่นเพียรไม่อาจรับประกันว่าตนเองจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เลย
ตอนแรกว่าจะแนะนำหนังสือเรื่องทุนนิยมกับความเหลื่อมล้ำภาษาอังกฤษกับเพื่อนมิตรสหาย แต่เร็วๆ นี้ ไปเจอหนังสือภาษาไทยที่แม่งอ่านง่ายกว่าและเห็นภาพของไทยชัดดี ลองอ่านหนังสือเรื่อง "นอกระบบ ห้ามเจ็บ ห้ามตาย ห้ามมีปากเสียง" ของ สสส. ดู ได้งบประมาณอุดหนุนครับ เล่มละ 100 บาทเท่านั้น
อ่านแล้วจะได้ไม่เชื่องกับรัฐและอีลีทไลฟ์โค้ชต่างๆ ที่เที่ยวยัดเยียดความคิดให้โทษตัวเอง ให้เอาตัวรอดเอง โง่เอง จนเอง เจ็บเอง มันมีความน่าเกลียดที่ซ่อนอยู่ในพีระมิดแห่งทุนนิยมอันไร้การควบคุมที่เป็นธรรม นำมาซึ่งความรู้สึกแปลกแยก ป่วยไข้ ไร้ความหวัง รู้สึกขาดศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้คนในสังคมระบาดไปอย่างกว้างขวาง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง