"เกสซาร์ (Qaisar) ชายชาวปากีสถานอายุ 58 ปี จะทำอาหารและหอบหิ้วมาที่ ต.ม. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ไม่มีขาดแม้แต่วันเดียว เพื่อเยี่ยมภรรยาอายุ 64 ปี ที่โดนจับมาไว้ในห้องขัง 25 เดือนแล้ว. ทุกครั้งที่ผมไปที่นั่น จะต้องเจอลุงเค้าใส่เสื้อผ้าชุดเดิมตลอด ในสภาพที่มอมแมมอย่างที่เห็นในรูป
ครอบครัวลุงเกสซาร์เป็นครอบครัวชาวคริสต์ มีลูกชาย 2 คน อายุ 26 ปี และ 28 ปี. เมื่อตอนที่อยู่ปากีสถานนั้น พวกเค้าโดนคุกคามและขู่ฆ่าจากชาวมุสลิมที่นั่น และถูกทำร้ายจนลุงได้รับบาดเจ็บที่หัวค่อนข้างรุนแรง ส่วนลูกชายสองคนของเค้าก็ถูกทำร้ายเช่นเดียวกัน
ครอบครัวของลุงดิ้นรนเฮือกสุดท้ายเพื่อเอาชีวิตรอด หนีมาตายเอาดาบหน้าที่ประเทศไทย แต่มากันได้แค่ 3 คน พ่อ,แม่,และลูกชายคนเล็กเท่านั้น ส่วนลูกชายคนโตไม่สามารถมาได้เพราะติดปัญหาเรื่องเงินและเอกสาร แต่ก็สัญญาว่าจะตามมาภายหลัง
ช่วงแรกในไทย พวกเค้าจะมีวีซ่าแค่ 3 เดือนเท่านั้น และได้ดิ้นรนทุกทางเพื่อต่อวีซ่า แต่ลุงเกสซาร์ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ได้ ส่วนภรรยาไม่สามารถขอวีซ่าได้ จึงโดนจับในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง และลุงก็ทำอาหารหิ้วขึ้นรถเมล์จากห้วยขวางมาเยี่ยมภรรยาทุกวัน เป็นแบบนี้มา 25 เดือนแล้ว
รายได้หลักของลุงมาจากลูกชายคนเล็ก ที่ออกไปรับจ้างทำงานรายวัน วันละ 200 บาท (6พันบาท/เดือน) ซึ่งรายได้ตรงนี้ต้องเลี้ยงดูทั้งครอบครัว รวมถึงแม่ที่อยู่ในห้องขังด้วย
ลุงเกสซาร์บอกว่าเค้ารักภรรยาสุดหัวใจและไม่สามารถทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่ในห้องขังได้แม้แต่วันเดียว ถึงแม้วันไหนลุงจะไม่มีเงินซื้อของมาทำอาหาร แต่ลุงก็จะต้องมาเยี่ยมให้ได้ ถึงมาตัวเปล่าก็ขอแค่มาเยี่ยมและปล่อยตัวภรรยาให้ออกจากห้องขัง วันละ 1 ชั่วโมงก็ยังดี
เราถามลุงเกี่ยวกับลูกชายคนโตว่าเป็นยังไงบ้าง ลุงบอกว่าตั้งแต่มาที่ไทย ก็ติดต่อลูกชายคนนี้ไม่ได้อีกเลย ไม่มีข่าวคราว ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง