Last posted
Total of 1000 posts
‘น้ำปลา’ มาอยู่ญี่ปุ่นกลายเป็น ‘ไวน์’
คุณโมโรอิ ฮิเดกิ ผู้ไปร่ำเรียนวิชาทำน้ำปลาที่ประเทศไทย แล้วนำกลับมาศึกษาต่อที่เมืองโอกะเล่าว่า
"น้ำปลาจริงๆแล้วมีความลึกซึ้ง ซับซ้อนเหมือนกันไวน์ รสชาติของน้ำปลาจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดปลา ระยะเวลาหมัก อุณหภูมิ และชนิดของถังที่หมัก ส่วนวิธีทำหลักก็เหมือนกัน"
เวลาเห็นเขาอธิบายสิ่งที่เห็น คือ พลังในความรักของเขากับสิ่งที่ทำ เขาทำทุกอย่างด้วยความพิถีพิถัน ตั้งใจ ใส่ใจในทุกรายละเอียด
"น้ำปลาของผมกลิ่นจะไม่ฉุนมากนัก เพราะจะได้ใช้ได้กับอาหารหลายๆอย่าง ใช้กับคนได้หลายๆกลุ่ม ผมพยายามดึงเอารสชาติอร่อยของปลาออกมาให้มากที่สุด โดยพยายามลดกลิ่นที่รุนแรงออกไป แล้วก็พยายามทำให้น้ำปลามีรสชาติหลากหลาย"
เขาเอาโบรชัวร์ผลิตภัณฑ์ และชนิดอาหารพร้อมสูตรออกมา มิ้นท์นั่งเปิดดูด้วยความไม่เชื่อ น้ำปลาบ้านเราที่กินกันทุกวัน กินกันแบบไม่สนใจอะไร คนญี่ปุ่นเพิ่มมูลค่าให้มันได้เพราะความใส่ใจ พิถีพิถัน และการเล่าเรื่อง
น้ำปลาที่นี่มีทั้งขวดที่หมัก 10 ปี ขวดละพันกว่าบาท มีแบบ 5 ปี 3 ปีและแบบสเปรย์เพื่อฉีดใส่อาหารให้มันกระจายรสชาติถ้วนทั่ว ยังมีมันฝรั่งรสน้ำปลาด้วย โดยตอนนี้ผลิตภัณฑ์น้ำปลาของคุณโมโรอิได้กลายเป็นของฝากประจำเมืองไปแล้ว
"น้ำปลาเป็นวัฒนธรรมที่ส่งต่อกันมายาวนาน ผมก็อยากทำให้มันดีขึ้นไปเรื่อยๆ พลิกแพลง ปรับปรุง เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด เพื่อจะได้ดึงรสชาติความเป็นที่สุดของอาหารแต่ละชนิดออกมา"
ขอโค้งคำนับชาวญี่ปุ่นจากใจ การทำให้เรื่องราวของน้ำปลากลายเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจหลายชั่วโมงได้ ไม่ธรรมดา
มิ้นท์ว่าสุดท้ายไม่ว่าอะไรเมื่อใส่ความรัก เติมความใส่ใจ และความตั้งใจลงไป รู้ให้ลึกรู้ให้จริง สิ่งที่เคยธรรมดาก็กลายเป็นความพิเศษ สิ่งที่เป็นความทั่วไปก็กลายเป็นความเป็นหนึ่งเดียวได้ ดูอย่างน้ำปลาสิ
ขอบคุณความที่สุดของน้ำปลาญี่ปุ่น
มาเยี่ยมชม ซื้อหากันได้นะคะ อร่อยมาก ได้กลับบ้านมาขวดนึง ฉีดทุกอย่าง ^^
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ญี่ปุ่นมันเป็นเเบบนี้ตั้งนานเเล้วนิ โชยุเเม่งมีเป็นร้อยสูตร น้ำส้มสายชูมีเป็นพัน
บ้านเรายังเอา ชาเขียว,วาซาบิมาใส่เกือบทุกอย่างขายมาแล้ว ผ้าอนามัยชาเขียวยังมีเลย กูกะว่าจะลองทำผ้าอนามัยแบบสอดรสวาซาบิ ไปวางขายบ้าง
"คือกูนึกไม่ออกว่าสังคมไหนในโลกที่แม่งมีเสรีภาพพร้อมๆ กับความปลอดภัยบ้างนอกจากประเทศคนน้อยๆ รายได้เยอะๆ กระจุกนึงทางตอนเหนือของโลกตะวันตก
นอกจากนั้นนี่ แม่งเสรีภาพเยอะ ความปลอดภัยต่ำ ไม่ก็ความปลอดภัยสูง เสรีภาพต่ำ (ในแง่ใดแง่หนึ่ง) ทั้งนั้น
คือคีย์ของการมีเสรีภาพพร้อมความปลอดภัยคือมึงต้องทำให้สังคมมัน Secure ด้านรายได้พอสมควร พวกอาชญากรรมทางเศรษฐกิจจะหาย อาชญากรรมแม่งจะเป็นเรื่องของ "พวกมีอาการทางจิต" เป็นหลัก ซึ่งรวมๆ จะทำให้น้อยลงมาก (แต่มีทีก็จะวิปริตเหี้ยๆ แบบในเคสญี่ปุ่น)
ปัญหาคือ เราทำให้ทั้งโลกเป็นแบบนี้ไม่ได้โว้ยถ้าไม่มีการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจระดับรากฐาน
ผมเลยรำคาญมากเวลาเอาไทยไปเทียบกับประเทศห่าพวกนั้น เพราะมันได้เปรียบในเชิงโครงสร้างมากๆ และมันก็ "ขูดรีดทางอ้อม" ทั้งนั้นมันถึงมั่งคั่งแบบนั้นได้ (พูดในแง่ทีว่าเศรษฐกิจมันเป็น Zero Sum Game การทีมึงรวยได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มึงก็ทำให้คนอื่นจนลงอยู่ ไม่ว่ามึงจะรู้หรือไม่ว่ากระบวนการมันเป็นอย่างไร)"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กูขอแบบไม่ต้องรวยมากแต่มีสตอคเด็กสาวให้ได้เย็ดไม่ซ้ำหน้าและไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกจับผิดกฏหมายได้ไหมวะ
กูได้ข้อสรุปคือถ้ากูกล้าเสี่ยงๆหน่อยไปทำอาบอบนวดแบบเสี่ยชูวิทย์ก็น่าจะพอแล้วว่ะ แต่พอดีไอดอลกูตอนนี้พลาดติดคุกไปซะแล้ว
แค่มีมุสซี่เข้าประเทศไปมึงก็ไม่เหลือความปลอดภัยแล้ว
น่าเสียดายที่คนไทยถูกวาทกรรมทำเหล้าให้กลายเป็นปิศาจหลอกหลอนบังตาแล้วปล่อยให้เกิดสัมปทานผูกขาดการผลิตเหล้าเบียร์ไว้ที่ผู้ผลิตรายใหญ่ผูกขาดมาหลายทศวรรษ กระทั่งผู้ผลิตเบียร์รายหนึ่งกลายเป็นเจ้าที่ดินอันดับหนึ่งของประเทศ เราก็ยังคงไม่รู้สึกรู้สาอะไร และเฝ้าก่นด่าเหล้าให้กลายเป็นปิศาจอยู่วันยังค่ำ
ปิศาจที่แท้จริงคือคนที่เอาศีลธรรมมาอุดปากเราไว้มือหนึ่ง อีกมือหนึ่งไปหนุนส่งอุ้มชูยกย่องผู้ผูกขาดการค้าเหล้าจนร่ำรวยแล้วคนคนนั้นก็กลายมาเป็นคนมีหน้ามีตามีเกียรติในสังคม
นี่คือความปากว่าตาขยิบของสังคมไทย
คนจนกินเหล้านี่ไปด่าไปประณามเขาอยู่นั่น แต่พอเจ้าสัวขายเหล้าเดินผ่านปุ๊บ รีบเอามือกุมหำก้มหัว ก้มแล้วก้มอีก
นี่คงเป็นผลของสังคมคนที่ถูกกล่อมให้โง่ซ้ำซากภายใต้การปกครองของคน “ดี” เราจึงอยู่ประเทศแบบนี้ ที่ต้องกินคราฟต์เบียร์นำเข้า กินไวน์ราคาถูกแต่จ่ายแพงเพราะกำแพงภาษี
แต่คน “ดี” และมีอำนาจกินไวน์ฟรีที่มีคนเอามากำนัลและโดยมากหนีภาษี
ส่วนคนจนกินเหล้าขาว เหล้าโรงคุณต่ำทำจากกากน้ำตาลกิโลละสองบาทแล้วเป็นมะเร็งในตับตาย
ส่วนวัยรุ่นไทยก็กินเหล้ากันสะเปะสะปะไร้รสนิยมเพราะสังคมไม่มีการศึกษาเรื่อง drinking literacy / สังคมที่ขาด literacy ก็เสี่ยงที่พลเมืองจะดื่มอย่างขาดสติจนกลายเป็นป่วยติดเหล้าไปอย่างเปล่าดาย วนลูปไปที่ทำให้คนดีหาทางปิดกั้นการขายและผลิตเหล้าเสรี วนที่การผูกขาด วนไปที่การคงไว้ซึ่งภาษีบาปด้วยการอ้างตัวเองคนติดเหล้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อคงโครงการทำงานที่ต้องใช้ภาษีบาปต่อไป
วนเป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตราบที่คนไทยยังโง่อยู่ เราก็จะถูกคนดีหลอกอยู่อย่างนี้ไม่มีที่จุดจบ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ฝันว่าอยากจะจัดระเบียบสังคม แต่ห้องกูยังรกอยู่
#มิตรสหายดูดบ้องท่านหนึ่ง
เห็นมีแต่บอกเหยียดคนจนๆ แต่จริงๆเราว่าในไทยนี่คนจนอภิสิทธิ์ชนมากเลยนะ
ทำนู่นทำนี่ผิดก็อ้างจน พวกชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำนี่สิถูกบี้ของจริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"นั่นล่ะครับ ผมถึงไม่มีปัญหาเวลาคนไทยจะกินซูชิจิ้มโชยุชุ่มๆท่วมๆ วาซาบิเคลือบข้าว เบียร์ใส่น้ำแข็ง ฯลฯ
เพราะอาหารการกินมันก็ปรับไปตามลิ้นคน ไปตามภูมิภาคของมัน
เพราะถ้าใช้มาตรฐานเดียวกันต้องบอกว่าไอ้พวกโจรแคระนี่แม่งบ้า คนไทยเขาไม่แดกผักชีกันแบบนี้ ต่ำชั้นจริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>871 มาแค่นี้แม่งงง ทีหลังเอารูปมาด้วยสิโว้ย http://imgur.com/zJMJWAp
ไมรุ้จะเม้นไร เอาเมนูอาหาร หมูกอร์ดองเบลอ (Pork Cordon Bleu) ไปละกัน
ส่วนผสม หมูทอดกอร์ดองเบลอ
• หมูสันนอก หั่นเป็นชิ้น น้ำหนักชิ้นละ100-120 กรัม จำนวน 2 ชิ้น
• เกลือป่น และพริกไทยป่น
• ไข่ไก่ 1 ฟอง (ตีจนเข้ากัน)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์
• เกล็ดขนมปัง
• แฮม 1 แผ่น
• เชดด้าชีส
• น้ำมันสำหรับทอด
• ไม้จิ้มฟัน
วิธีทำ
• 1. นำหมูสันนอกหั่นตามขวางแบบสเต็ก หนา 1.5-2 ซม. (จะใช้ค้อนทุบสเต็กทุบเพิ่มความนุ่ม และขนาดของชิ้นให้ใหญ่ ๆ ขึ้นก็ได้นะคะ แต่ถ้าไม่ทุบก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะหมูสันนอกไม่แข็งอยู่แล้ว)
• 2. นำสันนอกสเต็กที่หั่นแล้ว ใช้มีดคม ๆ แล่แผ่ออกเป็นปีกผีเสื้อ สำหรับใส่ชีสและแฮม จากนั้นนำชีสและแฮมหั่นตามขนาดของชิ้นหมู วางใส่ลงไปตรงกลางบริเวณที่เราแล่ออก และปิดทับ โดยใช้ไม้จิ้มฟันกลัดหัวท้ายและตรงกลางเพื่อไม่ให้ชีสเยิ้มออกมาขณะทอด
• 3. โรยเกลือป่น และพริกไทยป่น เล็กน้อยทั้งสองด้าน
• 4. นำไปคลุกแป้งสาลีให้ทั่วบาง ๆ รอบชิ้นหมู แล้วนำไปชุบไข่ ตามด้วยชุบเกล็ดขนมปังทั้งสองด้าน
• 5. ทอดในน้ำมันร้อนไฟปานกลาง จนสุกเหลืองน่ารับประทาน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันในแนวตั้ง (ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที ให้ชีสเซตตัว เวลาหั่นชีสจะได้ไม่เยิ้มออกมาเลอะไม่สวย แต่ถ้าใครชอบชีสที่กำลังละลายเยิ้ม ๆ ก็หั่นเสิร์ฟได้เลยครับ อิอิ)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกกันก่อนว่า พอเราเกิดมาอยู่ในโลกนี้เสียแล้ว ก็ไม่มีใครหรอกนะครับที่จะอยู่ในภาวะ unconstrained กันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ ก็โธ่! ตาเราก็มองเห็นแสงได้แค่ช่วงคลื่นหนึ่ง หูก็รับเสียงได้แค่อีกช่วงคลื่นหนึ่งเท่านั้น แถมเรายังอยู่ในโลกกลมเหมือนผลส้มที่มีขนาดจำกัดด้วย พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ‘ธรรมชาติ’ เป็นตัว ‘จำกัด’ เราเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้เรามี limit บางอย่างในการรับรู้โลก หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็ได้นะครับ ว่าโลกและธรรมชาตินั้น มันกำลัง ‘กดข่ม’ (oppress) เราอยู่ตลอดเวลา
แต่คำถามก็คือ-แล้วเรารู้สึกถึงการกดข่มนั้นหรือเปล่า
แน่นอน-คำตอบคือไม่, เราย่อมไม่รู้สึกว่าถูกความกดอากาศกดใส่เนื้อตัวผิวหนัง และแทบไม่รู้สึกด้วยซ้ำไปว่าเรา ‘ถูกขัง’ อยู่บนดาวเคราะห์ชื่อโลกที่ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรนักหนาเมื่อเทียบกับดาวเคราะห์อื่นๆ เพราะเรา ‘ถูกสร้าง’ ขึ้นมาจากระบบนี้ เราจึงคุ้นชินกับมันจนไม่รู้สึกว่าตัวเองถูก constrain
ซึ่งที่จริงก็คล้ายๆ คนที่เกิดมาพร้อมขนบธรรมเนียมประเพณีและโครงสร้างสังคมบางอย่างเหมือนกันนะครับ คือต่อให้ถูกขังอยู่ในนั้นก็ไม่รู้ตัวหรอก!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยิ่งมีภาพข่าวคนแก่ๆที่ไม่มีลูกคอยหาเงินให้ใช้ แล้วต้องอดอยากบ่อยๆ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ประเทศนี้ประชาชนรายได้ต่ำมาก คือ ถ้าคนแก่คนไหนซวย ลูกดันตายหมด หรือลูกก็ยากจน ตัวเองก็จะพลอยไม่มีเงินใช้ยามแก่ไปด้วย
ซึ่งก็ต่างจากประเทศโลกที่หนึ่ง พอลูกโต ก็ปล่อยลูกไปได้เลย ไม่ต้องลำบากมาหาเงินมาให้ เพราะพ่อแม่มีเงินของตัวเองใช้จ่ายสบายๆอยู่แล้ว
เพราะอย่างนี้ไง ประเทศนี้ถึงยังมีพ่อแม่ที่ไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ เพราะกลัวว่าพอลูกแก่แล้ว ลูกจะไม่มีทายาทมาคอยหาเงินให้ใช้
แต่กูมองในมุมกลับกันว่า บางที เพราะมีลูกนั่นแหละ เลยทำให้พ่อแม่ไม่มีเงินเก็บไว้ใช้ยามแก่ ดังนั้น การไม่มีลูก จึงน่าจะทำให้มีเงินเหลือเก็บมากพอที่จะใช้อย่างสบายๆในยามชรามากกว่า
>>876 ก็พวกจนจริงๆมันมีความรู้ซะที่ไหนหล่ะ บางตัวจบไม่ถึง ม.ต้น ซะด้วยซ้ำ. เวลาเงี่ยนหีจับแล้วรู้ว่าตัวเมียออกลูกได้ก็เย็ดทั้งนั้นแหละ มันไม่คิดหน้าคิดหลังหรอก มันคิดซะแต่ว่าเย็ดๆไปเถอะ มีลูกหรือไม่มีค่อยว่ากันอีกที ทุกวันนี้เลยมีเด็กที่จะโตมาเป็นขยะของประเทศอีกเพียบเลยไง ตอนจะรับพวกโรฮิงยามาหากินในประเทศถึงได้ปฏิเสธไปก็ไม่แปลก เพราะคนในประเทศส่วนมากมีแต่สถุนๆ เดี๋ยวเจอพวกสถุนกว่ามาหาแดกพร้อมกับเปล่งวาจา อัลเลาะ์ ควยหัก รัวๆละจะเฮงซวยกว่านี้
"ประเทศไทยมีประชากรเกือบ 70 ล้านคน แต่มีเบียร์อยู่แค่สองยี่ห้อ และเป็นสองยี่ห้อที่รสชาติคล้ายกัน เรากำลังขาดความร่ำรวยทางรสชาติ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ชายเหนือชายคือยอดชาย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ป็นเจ้าของอู่รถเล็กๆเริ่มจากมีมอไซ ราคา 72000 ไม่มีใครรู้จัก แข่งรถก็ได้รองบ็วย อยู่ดีๆ ก็มีเงิน มีมอไซคันเป็นล้านๆ 4-5 คัน(ไม่รวมของแต่ง) มีลัมโบ ไม่นานมีเมียเป็นดารา....
ป.ล จากที่ฟังเมื่อวาน เบนซ์ยังไม่พ้น เป็นผู้ต้องสงสัยนะครัช แต่มาให้ปากคำกับยื่นหลักฐาน(ตำรวจบอก อาจจะเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ใช่ อยู่) ยังต้องมาให้ปากคำอีกอาทิตย์หน้า หลังจากตำรวจพิจารณาหลักฐาน อาจจะโดนแจ้งข้อหา หรือไม่แจ้ง ก็เป็นไปได้ทั้ง 2 อย่างนะครัช
"ณ ตลาด
แม่ค้าขายผักตะโกน "ดูเลยค่า เลือกเลยค่่า" กูยืนเลือกพริกอยู่ อีนี่หันมาบอก "ไม่ต้องเลือกมากหรอก ดูกี่ถุงก็เหมือนกันหมด" อ้าว อีเหี้ย สรุปกูเลือกได้ไม่ได้คะ เอาดีๆ กูจะได้ทำตัวให้ถูก
#เอาใจยากเอาตีนแทนมั้ย"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"บ่นเหี้ยอะไรของพวกมึงกัน..."
#มิตรสหายของมิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
"วันนี้ครับ หลานสาวผมถามว่า hashtag บนแป้นโทรศัพท์มีไว้ทำอะไร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทำไมคนเราสามารถยกตัวเองเป็นกูรู สอนในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้โดยไม่รู้สึกอะไรได้?
เดี๋ยวนี้เห็นคนแบบนี้เต็มไปหมด เห็นทีไรหงุดหงิดทุกที Newsfeed จะกลายเป็นเครื่องมือฝึกจิตไปล่ะ
บางคนพูดในเรื่องที่ตัวเองไม่รู้ หรือรู้ผิวๆจากการอ่านบล็อกมาพูดยังกับตัวเองเป็นกูรู พอมีโอกาสให้ได้เรียนรู้จริงๆ ก็ไม่เรียนรู้
บางคนไปอ่านหนังสือธุรกิจมา แล้วทึกทักเอาเองว่าตัวเองเก่ง ทั้งๆที่ธุรกิจตัวเองกำลังแย่
บางคนไปฟังไปอ่านมา แล้วบังคับให้คนอื่นทำ แต่ตัวเองไม่ทำเพราะคิดว่าตัวเองดีแล้ว
บางคนสอนเรื่องการทำสตาร์ทอัพ แต่ตัวเองไม่เคยทำสตาร์ทอัพ ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ อ่าวไหงรวยจากสัมมนา
บางคนชีวิตพังๆ แต่ไปสอนคนอื่นให้ประสบความเร็จในเรื่องต่างๆ ทั้งๆที่ตัวเองทำได้เพียงอย่างเดียวคือ สอน แต่ไม่สามารถเอาสิ่งที่สอนไปสร้างความสำเร็จในมุมอื่นในชีวิตของตัวเองได้
บางคนพูดถึงเรื่องบริหารอย่างเทพ พูดถึงการใส่ใจคน แต่ปฏิบัติกับคนจริงอย่างแย่
บางคนจะสอนทำธุรกิจ Online Marketing ตี NPV ได้เป็นสิบๆล้าน แต่ตัวเองไม่เคยขึ้น Facebook Ads ซื้อ Adword แม้แต่คร้ังเดียว เอาตัวเองไหนมาทำ Projection? เอาเวลาไปฝึกทำดีกว่าไหม
บางคนสอนเขียน BMC ตัวจริงไม่เคยใช้ก็มี
ถ้าภาพมันต่างจาก ของมากๆ แทนที่จะมีพลังงานไปเพิ่มมูลค่าของ ก็ต้องเอามารักษาภาพ
ทำไมคนเราสามารถสอนในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้โดยไม่รู้สึกอะไรได้?
ที่หงุดหงิดเพราะมันสร้างมุมมองผิดๆให้สังคม เฮ่วว์
"ไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วค่ะ แต่พัฒนาได้แค่นี้ มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว" ##มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วิทยาศาสตร์มันมีแนวต้องห้ามอยู่ด้วยครับ เช่นสิ่งที่เกี่ยวพันกับพวก PC ที่พวกนีโอนาซีเอามาอ้าง เช่นการที่ต่างชาติพันธุ์กันนับเป็นคนละซับสปีชี่ถ้าวัดคนอย่างสัตว์ประเภทอื่นๆ การวิจัยเรื่องการรักษาคนที่เป็นเภทที่สามด้วยการใช้ฮอร์โมนหรือช็อคไฟฟ้า เพราะมองว่าการที่ชอบไปทางไหนนั้นเป็นเรื่องของโครงสร้างสมองและฮอร์โมนในร่างกาย
ผมมองว่าวิทยาศาสตร์มันเป็นการเมืองมาตลอดนั่นล่ะครับ ต้องรับใช้ผลประโยชน์บางประการถึงจะได้รับทุนสนับสนุน ที่เหลือก้เพียงแต่ว่าใครจะเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ของฝ่ายตนมาสนับสนุนแนวความคิดทางการเมืองของตนเอง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
incest is wincest ( ͡° ͜ʖ ͡°)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การฝึกให้คนคิดนี่ยากมาก โดยเฉพาะพวกที่สมองถูกทำลายให้กลายเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร หรือดีหน่อยก็เป็น database กับเป็น cache ไปหมดแล้ว .... พูดง่ายๆ ว่าไม่มีหน่วยประมวลผลหลงเหลืออยู่ ทำได้แค่ query ข้อมูลที่เคยถูกยัดลงไปแล้วมาตอบเท่านั้น .... ข้อมูลหลายอย่างไม่มี persistent ใน db ก็กลายเป็น cache อย่างเดียว ...
แปลว่าถามมาตอนนี้สอนไปตอนนี้ก็ตอบตามได้ตอนนี้ แต่เวลาผ่านไปแป๊บนึง cache ก็หายไป แถม construct กลับมาไม่ได้ ... ถึงข้อมูลพื้นฐานจะถูกเก็บอยู่ .... ก็เพราะมันไม่มีหน่วยประมวลผล ไม่มีการประมวลผล ....
เอวังด้วยประการฉะนี้ ....
ป.ล. การศึกษาเราประสบความสำเร็จสูงมาก ในการผลิต db + cache .... แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั้น ... no cpu, no application, no computation ...
กูไม่ปฏิเสธนะว่าการศึกษาไทยมันไม่ได้ดีหรอก แต่ก็เห็นคนบ่นเรื่องเด็กไทยคิดเองไม่เป็นเหมือนๆกันเต็มไปหมดเหมือนกัน
บางทีกูก็แอบคิดนะว่าพวกที่พูดแบบนี้มันก็ไม่ได้คิดเองหรอก มันก็ฟังคำพูดคนอื่นเค้ามาพูดต่อนั่นแหละ
ตัวมันเองก็ผลผลิตของการศึกษาอันเฮงซวยของไทยเหมือนกัน รวมทั้งกูเองก็ด้วย
#กูเองไม่ต้องมิตรสหายที่ไหน
"มิตรสหายท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่าเมื่อครั้งไปร่ำเรียนต่อที่เกาะบริเตนใหญ่ภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจครั้งที่แล้วของโลกตะวันตก (พีคตอนปี 2008-2009)
เพื่อนผมได้ไปเจอคน Homeless เขาถามเพื่อนผมว่า "ผมไม่ได้ Racist นะ แต่ทำไมคนต่างชาติอย่างพวกคุณแม่งถึงได้ทั้งทุนการศึกษา ได้ทั้งเรียนภาษาด้วยเงินของรัฐบาลเรา ในขณะที่พลเมืองอย่างผมต้องมานอนไม่มีแดกอยู่ข้างถนนวะ" (แปลโดยผมเอง)
ผมว่าเซนส์ห่าอะไรพวกนี้แม่งสำคัญสัสๆ เกี่ยวกับการอธิบายว่าทำไมฝ่ายขวาแม่งขึ้นสัสๆ ในโลกตะวันตกหลังวิกฤติเศรษฐกิจ
ซึ่งผมว่าคนในประเทศโสกังๆ อย่างเราแม่งคงเข้าใจยากเหี้ยๆ ถึงภาวะที่รัฐแม่งตัดสวัสดิการพลเมืองที่เคยมีสารพัด (อีกยี่สิบปีเราก็คงไม่มี) แต่ยังรับผู้อพยพ ยัง "เลี้ยง" ผู้อพยพในบางแง่ (เราก็คงจะไม่มีอะไรระดับนี้เหมือนกัน)
ความรู้สึกถูกทอดทิ้งโดยรัฐแม่งเป็นพลังทางการเมืองที่โหดจริงๆ ระดับที่การสัญญาบ้าๆ บอๆ ว่า "คุณจะไม่โดนทอดทิ้งอีก" แม่งอาจทำให้ชนะเลือกตั้งได้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คงยากมาก ที่จะให้คนบ้านเราจะแยกออกระหว่าง "คิดเลขเก่ง" "คำนวนเลขเก่ง" กับ "เก่งคณิตศาสตร์"
ในเมื่อ "การศึกษาคณิตศาสตร์" ของบ้านเราเน้นแต่การคำนวนให้ได้ผลลัพธ์อย่างเดียว วัดความเก่งที่การคำนวนได้เร็วเป็นส่วนมาก ฯลฯ ใครจำสูตรได้ใช้สูตรเก่ง คำนวนแม่น ก็เป็นคนเก่ง
เราก็มักจะคิดว่า "คนคิดเลขเก่ง นั้นเป็นคนเก่งคณิตศาสตร์" เป็นธรรมดา
คือผมไม่เถียงหรอก ว่ามันหนีการคำนวนไม่พ้น และมันเป็นพื้นฐานสำคัญส่วนหนึ่งอ่ะนะ แต่การคำนวนก็ไม่ใช่คณิตศาสตร์อยู่ดี ......
เหมือนร้องเพลงกับแต่งเพลงอ่ะ คนละอย่างคนละเรื่องกัน คิดเลขคำนวนเลขเหมือนร้องเพลง มันใช้สกิลอย่างหนึ่ง หลายคนร้องเพลงเก่งแต่แต่งเพลงไม่เป็นเลย หลายคนก็ตรงข้าม เพราะการแต่งเพลงมันเป็นการเล่าเรื่อง การ capture เรื่องราวและสื่อสารมันออกมาด้วยสัญลักษณ์ทางดนตรี (อาจจะมีภาษาคนปน แต่ก็ไม่ใช่ทุกเพลงมีเนื้อร้องนะ เพลงที่ถูกแต่งมาเพื่อบรรเลงมีเยอะแยะ) ... และเอาจริงๆ นักแต่งเพลงหลายคนนี่ก็ร้องเพลงที่ตัวเองแต่งเองไม่เพราะเท่านักร้องหรอกนะ
ทำไมเพลงบางเพลงถึงถูกใจคนบางคนยิ่งนัก? ทำไมบางทีเพลงอกหักถึงโดนใจคนส่วนมาก ราวกับรู้จักกันมานานกับคนแต่ง? เพราะนักแต่งเพลงเห็น "pattern" ที่เกิดขึ้น และสื่อสารมันออกมาด้วย abstraction/model ที่ precise มาก ....
ถ้าเทียบแบบนี้
ร้องเพลงเหมือนคิดเลข
แต่งเพลงเหมือนคณิตศาสตร์
อันหนึ่งเป็นความสามารถในการ perform ตามสิ่งที่อีกอย่างหนึ่ง/คนหนึ่งแต่งขึ้นมา จากความเข้าใจโลกและโมเดลของโลกตามที่เขาเห็นและอยาก capture/abstract มันออกมา
อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้อยาก และไม่เคยคิดที่จะ devalue คนร้องเพลงหรือคนคิดเลขเก่ง .... ผมเพียงแต่อยากให้ value ที่แท้จริง กับนักแต่งเพลง และนักคณิตศาสตร์
"โตขึ้นแล้วอยากเป็นเครื่องคิดเลข"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"บทเรียนของคนที่อยากอิงอาศัยกลุ่มอื่นเพื่อถึงเป้าหมายตัวเอง หรือคิดว่าตัวเองจะหลอกใช้เขาได้ก็จะเหมือนฝ่ายซ้ายในการโค่นล้มชาร์ของอิหร่าน สุดท้ายได้ระบอบเผด็จการอิสลามที่จับพวกซ้ายไปยิงเป้าหมด ความเจริญวัฒนาที่มีในระบอบชาร์ก็หายไปด้วย สมัยชาร์หนังสือพิมพ์ลงข่าว "ก้าวสำคัญของสิทธิสตรี นักวิจัยนิวเคลียร์เกินครึ่งเป็นสตรี" สมัยนี้ลงข่าวเฆี่ยนผู้หญิงไม่ใส่ฮิญาบแทน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
รีวิวมาม่าคาโบนาร่าชีสตัวใหม่ที่เค้าฮิตแดกกัน ไร้รสชาติไปสำหรับกู นอกจากรสเค็มผงชูรสกับเกลือกับไม่มีรสอื่นอีกเลย กุกินแบบแห้งใส่ผงตามที่เค้าแนะนำมาในทวิตฟีลลิ่งเหนียวๆหน่อย ก็ยังไม่สัมผัสได้ถึงความอร่อยที่เค้าร่ำลือกัน แต่ก็ไม่เหี้ยถึงขนาดแดกอ้วกเหมือนที่มีคนเคยรีวิว สรุปเอาตังไปแดกออเรียนทัลกุว่าดีกว่า
"เงินคงคลังมีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาพี่"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"นักศึกษาวิชาทหาร?"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
ข่าวรัฐถังแตก ข่าวรัฐยกเลิกการสนับสนุนหนังสือเรียนเด็ก ข่าวรัฐเตรียมยกเลิกบัตรทอง ฯลฯ ....
นี่ผมชักสงสัย ว่าผมอยู่ในประเทศเดียวกับประเทศที่มีข่าวว่ารัฐอนุมัติงบให้กองทัพต่างๆ อย่างอู้ฟู่ ถึงกับที่สื่อบางสื่อลงว่าเป็นยุคทองของบางกองทัพ ... อยู่ในประเทศเดียวกับที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (ที่หน้าที่หลักควรเป็นช่วยหาเงินเข้ารัฐ) โพสท์โบนัสพนักงานอย่างอู้ฟู่ (แต่ไม่บอกว่าเงินคืนคลังเท่าไหร่) ..... อยู่ประเทศเดียวกับที่พอจะรู้ว่ารัฐมีการแบ่งงบก้อนใหญ่ๆ ให้กับกลุ่มคณะทำงานนั้นนี้ภายใต้ชื่อต่างๆ รวมถึงการให้งบก้อนใหญ่ๆ กับหน่วยงานตั้งใหม่หรือกำลังจะตั้งใหม่ทั้งหลาย .... อยู่ในประเทศเดียวกับที่ประกาศจะละลาย เอ๊ย สนับสนุนเงินก้อนโตให้กับอุตสาหกรรมบางอย่าง (ที่รัฐเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่) ... หรือเปล่า
มันเป็นประเทศเดียวกันได้ยังไงวะ ..... คิดเหลี่ยมไหนก็ไม่เมคเซนส์ทั้งนั้น
ก็คงไม่มีอะไรหรอก นอกจากรวมหัวกันปล้นประเทศชาติ ..... ถ้ามันยังพอจะมีอะไรเหลือให้ปล้น ... พอหมดของให้ปล้น ก็เตรียมขายบางส่วนล่ะมั้ง ...
พลีชาติเพื่อชีพ แถมไม่ใช่เพื่อชีพทุกคนนะ ชีพคนกลุ่มที่ร่วมกันปล้นเท่านั้น
หาทุ่งลาเวนเดอร์วิ่งเล่นแป๊บ ....
"แอบเม้าท์หลังจากคำสั่งมุสลิมแบน
คือโดยปกติพวกผู้ลี้ภัยจากประเทศมุสลิมที่มาอยู่ที่อเมริกามักจะมีบุคลิกที่แปลกๆ เช่นชอบแซงแถว ชอบมีปัญหากับการบริการโรงแรม ชอบให้คนยกของหิ้วของเยอะๆ แล้วไม่ให้เงิน ชอบดูถูกคนที่ทำงานบริการด้วย ชอบต่อราคา ชอบขูดราคา เคี่ยว กินอาหารนี่นอกจากไม่ให้ทิปแล้วยังสกปรก...
คือคนดีๆ ก็มีมั้ง แต่ส่วนใหญ่มักจะแบบนี้ คือเค้าคงอยู่ในโหมดเอาตัวรอดมากๆ แล้วในสังคมของเค้าคนรวยก็คงรวยมากคนจนคงจนมาก... เอาเป็นว่า เป็นที่เบื่อหน่ายในสังคมอเมริกันมากเรื่องความเห็นแก่ตัว...
หลังจากมีคำสั่งมุสลิมแบนค่ะ... ดิฉันรู้สึกว่า ชาวลี้ภัยมีมารยาทขึ้น แม่งด่าเวลาลูกร้องกลางห้าง ต่อแถวรอจ่ายเงินซื้อของแบบเรียบร้อยเป็นระเบียบ ยิ้มแย้มเป็นมิตรผิดกับเมื่อก่อน... จริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ลุงเป็นเก๊าหรือเปล่า
น้องมันเป็นห่วง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตามที่สัญญาไว้เมื่อวานครับ
เรื่อง "คลังถังแตก" ที่มีการจุดกระแส
โดยเริ่มจากนักวิชาการเศรษฐศาสตร์
ที่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองซึ่ง
สนับสนุนพวกกลุ่มประชาธิปไตยใหม่
ก่อนที่สื่อ+เพจ(แอบแฝง)ทางการเมือง
หลายสำนักจะหยิบเรื่องนี้มาตีประเด็นกัน
จนเป็นที่อึกกระทึกครึกโครม สร้างความตกใจ
ให้แก่ชาวบ้านทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องว่าตกเป็นเหยื่อ
ของการพูดความจริงเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น...
โพสท์นี้ผมขอหยิบมาเล่าให้ฟังเข้าใจง่ายๆ ดังนี้
-----------------------
1. #เงินคงคลัง ไม่ใช่เงินเก็บเหมือนเงินฝาก
เงินฝากที่แสดงความมั่นคงของประเทศ ก็คือ
#ทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งไทยมีเงินส่วนนี้
6.2 ล้านล้านบาท หรือ (1.7 แสนล้านเหรียญ)
ถือเป็นอันดับ 13 ของโลก (ข้อมูลต้นปี 2016)
https://th.wikipedia.org/…/ราย�%B…
บางคนนึกว่าเงินคงคลังคือเงินสำรองประเทศ
แล้วพอได้ยินกระแสข่าวลือ ก็กลัวว่าเงินหายไป
ประเทศจะไม่มั่นคง ประเทศจะล้มละลาย บลาๆ
ก็ขอให้เข้าใจว่ามันไม่ใช่ดังเช่นที่เข้าใจผิดกันไป
แล้วเงินคงคลังคืออะไร?
2. เงินคงคลัง เปรียบได้เหมือนเงินในกระเป๋า
หรือบัญชีที่ใช้จ่ายในบ้าน ที่มีรอบการเก็บ-จ่าย
เหมือนหัวหน้าครอบครัวเปิดร้านขายของขึ้นมา
โดยต้องการให้เงินส่วนหนึ่งเอาไปใช้จ่ายในบ้าน
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจ้างลูกจ้าง และอื่นอีกมามาย
ทุกสิ้นเดือนก็จะต้องมีการจ่ายเงินออกไปตามปกติ
ในขณะเดียวกัน พอต้นเดือนก็จะมีรายได้เข้ามา
ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นระลอกๆ เรื่อยๆ
*** ขอให้ดูรูปประกอบทีแนบมา
- รูปดังกล่าวเป็นกราฟแสดงจำนวนเงินคงคลัง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 มาจนถึงกลางปี พ.ศ.2558
จะเห็นได้ว่าเงินคงคลังจะเพิ่มขึ้นและลดลงเป็น
"วัฎจักร" โดยที่เดือนมีนาคมเป็นเดือนจ่ายภาษี
ช่วงปลายปีเงินคงคลังจึงมีสถานะที่ต่ำลงชัดเจน
หลังจากนั้นพอครบรอบการเก็บภาษี เงินก็เพิ่มขึ้น
#ขึ้นแล้วก็ลงตามลูป เป็นเช่นนี้โดยตลอดนะครับ
-----------------------
3. ประเด็นอยู่ตรงที่ มีนักวิชาการเศรษฐศาสตร์
ซึ่งเคลื่อนไหวทางการเมืองบางคน หยิบเรื่องนี้
มาพูดและทำให้เป็นกระแส โดยพูดความจริง
แค่ว่า "นี่ไงเงินคงคลังเหลือแค่ 7.5 หมื่นล้าน"
(รวมถึงออกแนวประชดประชันอีกจำนวนหนึ่ง)
จากนั้นก็ให้พวกสาวกทางการเมืองของฝ่ายตน
ที่ไม่ได้รู้ข้อเท็จจริง หยิบไปโพนทะนานและ
#สร้างวาทกรรมในโลกออนไลน์ ประเภทว่า
- รัฐถังแตก ไม่มีปัญญาหาเงิน
- รัฐบาลคอรัปชั่น ใช้เงินจนเงินหมดคลัง
- ทำไมรัฐบาลยิ่งลักษณ์มีเงินมากกว่านี้ ฯลฯ
- รัฐบาลทหารใช้เงินที่รัฐบาลเลือกตั้งหามาจนหมด
และอื่นๆ อีกมากมายตามที่จะสรรหาคำพูดมาได้...
*** ซึ่งทั้งหมดนี้ พวกเค้าคงไ่มรู้ว่า...
เค้าถูกนักวิชาการพวกเดียวกัน "หลอก" แล้ว
เพราะดังที่ได้อธิบายไปแล้วว่าเงินคงคลังนั้น
มันก็จะน้อยลงตามช่วงของปีงบประมาณอยู่แล้ว
และหลังจากการเก็บภาษีเดือนมีนาคมของทุกปี
มันก็จะเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะลดลงอีกเช่นกัน
ถ้าไม่อยากให้เงินคงคลังน้อยลงตามยอดการจ่าย
ก็แค่กู้เงินเข้ามาเติม ก็จะมีตัวเลขเงินคงคลังแล้ว
แต่นั่นไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรเลย นอกจากเพียง
ปั่นตัวเลขให้ได้หน้าเท่านั้น เพราะปกติเงินก้อนนี้
มันก็ต้องขึ้นและลงตามยอดการจ่ายบิลทุกปีอยู่แล้ว
-----------------------
2
*** สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ปี พ.ศ.2555 ก็มีช่วงที่
เงินคงคลังเหลืออยู่แค่ 7.5 หมื่นล้านเช่นเดียวกัน
http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx…
ยังดีที่เวปไซด์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ย้อนหลังไปดูได้ถึงแค่ปี พ.ศ. 2552 ไม่เช่นนั้นแล้ว
ผมจะเอาตัวเลขสมัยรัฐบาลทักษิณมาให้ดูกันด้วย
เพราะสมัยรัฐบาลทักษิณปี พ.ศ. 2548 นั้น
ก็ยังใช้จ่ายจนเงินคงคลังลดเหลือเพียงแค่
3.6 หมื่นล้าน ตอนนั้นใช้เงินไปเดือนเดียว
6.7 หมื่นล้าน จนธนาคารแห่งประเทศไทย
ต้องออกมาเตือนรัฐบาลทักษิณว่าให้ระวัง
ตอนนั้นก็ไม่เห็นมีใครออกมาเย้วๆ เหมือนกัน...
(ตอนนั้นน่ะวิกฤตของจริงนะครับ ไม่ใช่กระแส)
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx…
ก็ไม่รู้ว่าพวกนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
หรือพวกเพจดังที่มีวาระแฝงทางการเมือง
ที่เอาเรื่องเหล่านี้ไปประโคมกัน เค้าจะรู้ไหมว่า
#เค้าโดนนักวิชาการพวกเดียวกันหลอกเสียแล้ว
(การเอายอดเงินในบัญชีช่วงปลายปีที่เพิ่งจ่ายบิล
มาเปรียบเทียบกับยอดเงินต้นปีที่เพิ่งเก็บจากลูกค้า
คือ #ตรรกะวิบัติ ของแท้ เพราะเทียบไม่ตรงช่วงเวลา)
-----------------------
*** คือการจะวิจารณ์ว่ารัฐบาลใช้เงินไม่เหมาะสม
ไม่นำไปพัฒนาในส่วนที่ควร หรืออะไรก็แล้วแต่
ถือว่าเป็นความเห็นที่เป็นเสรีภาพที่กระทำได้
(ผมเองก็ไม่ใช่ว่าพอใจกับรัฐบาลนี้ในทุกเรื่อง)
แต่การจะวิพากษ์วิจารณ์นั้น ต้องอยู่บนพื้นฐาน
ของหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีอย่างครบถ้วนครับ
ไม่ใช่การ #เลือกความจริงมาพูดส่วนเดียว เพื่อ
ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด จนนำไปสู่การ
ใส่ร้ายป้ายสีและปลุกระดมทางการเมืองดังที่เห็น!!!
สำหรับเนื้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมนั้นขอให้อ่านได้
จากโพสท์ของนักเศรษศาสตร์ตัวจริงเสียงจริง
(ที่ไม่มีวาระแฝงทางการเมือง แต่อธิบายตามหลักวิชา)
- เช่น โพสท์ของ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย
https://www.facebook.com/lpipat/posts/10154768187765700?pnref=story
- โพสท์ของคุณ บรรยง พงษ์พานิช
https://www.facebook.com/banyong.pongpanich/posts/643601272509842?pnref=story
- โพสท์ของคุณ กรณ์ จาติกวณิช
(ที่ให้สัมภาษณ์ในบทความอันหนึ่ง คู่กับ
นักวิชาการที่มีวาระแฝงทางการเมืองคนนั้น)
https://www.facebook.com/KornChatikavanijDP/posts/10155001013804740
- โพสท์ของ อ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
https://www.facebook.com/Arnond.s/posts/10155094838057728
ข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม:
http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=762281
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1486531485
http://www.matichon.co.th/news/454516
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
""Digital Transformation ในเรื่อง Education" ไม่ใช่การลงทะเบียนเรียนได้ผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่การดูเกรดได้ผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่การที่มหาลัยมีระบบ Managing Information System ไม่ใช่การที่มหาลัยมี CIO และระบบ Business Intelligence สำหรับการดูข้อมูลว่ารายได้มหาลัยมาจากไหน นักศึกษามาจากไหนบ้าง แม้กระทั่ง Modern BI ทั้งหลายที่จะต้อง Drill Down, ดู Funnel ต่างๆ ได้
นั่นมันคือ "Education Management" ครับ อย่าสับสนกับ "Education"
ปัญหาหลายอย่างของการศึกษา เกิดจากการ "ล้ำเส้น" กันระหว่าง "การบริหารการศึกษา" "การบริหารสถาบันการศึกษา" "การจัดการเรียนการสอน" .... ซึ่งเป็นเรื่อง "Management" กับเรื่อง "การศึกษา" ซึ่งเป็นเรื่อง "Education"
ผมเห็นด้วยกับ lecture หนึ่งที่ Professor Americ Avevedo สอนที่ Berkeley เมื่อนานมาแล้ว ว่า Education เป็นเรื่องของ Dialog ... จากรากศัพท์ลาติน ที่แปลว่า "to draw out" ไม่ใช่ "to put it"
ดังนั้นมันเป็นเรื่องของการสนทนา การแลกเปลี่ยน การเอาสิ่งที่ตัวเองคิดและรู้ ออกมาคุยกัน มาหักล้างและส่งเสริมกันด้วยเหตุและผล (ไม่ใช่ด้วยอัตตา ด้วยสถานะ ด้วยอย่างอื่น) มากกว่าเป็นการ "ยัดความคิดของตัวเองลงไปให้คนอื่น" แต่เพียงอย่างเดียว (นั่นแปลว่า รวมการสอนแบบท่องจำโดยห้ามคิดทุกชนิด)
ถ้าจะ Digital Transform เรื่องนี้จริงๆ ต้องดูว่า "ด้วย Digital Technology เราทำให้เกิด Good Dialog อะไรได้บ้าง" และบ่อยครั้งจะเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกันระหว่างคู่สนทนา ... มากกว่า "เรามีระบบที่ให้เด็ก download presentation ได้นะ" หรือระบบอื่นๆ
ยิ่ง Education Management ล้ำเส้น Education มากเท่าไหร่ ... ความเป็น Education ก็ยิ่งหายไปเรื่อยๆ ....
เช่นเดียวกับทุกวันนี้ ที่เรา "ปฏิรูปการศึกษา" ด้วยการให้ความสำคัญกับ "ระบบบริหารการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ" (และทำลายการศึกษามากขึ้นเรื่อยๆ)
ผมเชื่อว่า Digital Transformation ในเรื่อง Education จะเกิดขึ้นภายนอกสถาบันการศึกษา เพราะมันไม่มีอุปสรรคสำคัญคือ "การบริหารการศึกษา" มาล้ำเส้น (จริงๆ ทุกวันนี้มันก็เป็นแบบนั้นเยอะ คนเรียนนอกระบบเยอะ แม้แต่กระทั่งการคุยกันใน FB ยังได้ความรู้เยอะแยะ) ... และนั่นแหละ คือสาเหตุสำคัญ ที่สถาบันการศึกษาจะโดน disrupt ... เพราะคุณไม่ทำหน้าที่ของคุณ และไม่ยอม transform อย่างเหมาะสม (เน้นที่ core value ไม่ใช่ management) ... ไม่เอื้อให้เกิด good dialogs ... ไม่ว่าจะใช้เทคโนโลยียุคไหน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ทั้งลุงวิศวะและเด็กนี่ก็ขับรถแบบใจร้อนกันไป แค่ปาดหน้ากันทำไมต้องมีอารมณ์ น้ำใจดีๆแทบจะหายไปจากสังคมไทย วันนั้นผมขับมอไซค์ปาดรถยนต์เขายังเป็นห่วงเป็นใย ตะโกนด้วยความเป็นห่วง "มึงอ่ะระวังตัวไว้" พอติดไฟแดงยังขับมาเทียบ ก็ยังกลัวว่าเราจะไม่ปลอดภัยยังบอกว่า "น้องขับรถแบบนี้ระวังตีนให้ดีๆ"อีก นี้ล่ะความความงดงามบนท้องถนน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เช้านี้อ่านไปเจอวิวาทะระหว่างนิสิตกับอาจารย์ในประเด็นแหลมคมทางสังคม ... นิสิตตั้งคำถามที่ท้าทายและแสดงความเห็นที่เป็นสากลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหลายมิติทำให้อาจารย์ท่านหนึ่งถึงกับใช้วิธีโพสท์เหน็บแนมและปิดท้ายด้วยการขู่ออกนอกประเด็นว่า "วันนึงข้างหน้าถ้าคุณจะต้องไปเรียนต่อก็ต้องพวกผมนี่แหละที่เซ็นต์เอกสารให้"
.
น้องนิสิตมาเจอโพสท์ดังกล่าวเลยเอามาให้ดูแล้วตั้งคำถามกลับไปเบา ๆ ว่า "จุฬาจะอยู่ตรงไหนใน 100 ปีข้างหน้า" พร้อมแท็ก #ChurassicPark
.
เราชอบสอนกันว่าอย่าเถียงครูบาอาจารย์ ซึ่งไม่ได้ส่งเสริมให้เกิดสังคมที่มีภูมิปัญญาและรู้จักเส้นแบ่งในการถกเถียงเพื่อให้ได้ความรู้ใหม่ ... ครูของเราเลยเป็นคนแบบนี้
.
จริง ๆ แล้วเรามีนิสิตที่พยายามเถียงครูด้วยเจตนาที่จะให้ได้ข้อเท็จจริงอยู่ไม่น้อยในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่ชะตากรรมของพวกเขาก็ไม่ค่อยต่างกันมากนัก ... จากนี้ต่อไปเราต้องสอนครูว่า "ถ้าจะเถียงกับนิสิต ต้องรู้จริงและหาข้อมูลมาประกอบเสมอ ... ถ้าแพ้ก็ต้องยอมรับว่าเด็กมันเก่ง ไม่ใช่ไปหาทางทุบมันด้วยทางอื่น เพราะเด็กจะรู้และเอาไปบอกคนอื่นว่าคุณชอบใช้วิธีที่ไม่แฟร์"
สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า ที่เมืองชิซึโอกะ ครอบครัวมุสลิมบางคนกำลังมีความขัดแย้งกับโรงเรียนเรื่องอาหารกลางวัน
ผู้หญิงคนหนึ่งพูดในที่ประชุมว่า
"โปรดเข้าใจศาสนาของเราด้วย"
แต่คนญี่ปุ่นบางคนก็รู้สึกตำหนิกับเรื่องนี้
ผมไม่มีอคติกับชาวมุสลิมนะครับ ผมคิดว่าพวกเขาเป็นผู้เลื่อมใสในศาสนาที่ดี
แต่ที่โรงเรียน ถ้าทำเมนูใหม่ขึ้นมาก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ถ้าต้องทำอาหารเพื่อชาวมุสลิม ต้องใช้วัตถุดิบอีกอย่างและต้องทำอาหารอีกอย่าง
ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนสำหรับอาหารกลางวันก็เพิ่มขึ้นอีก
เมืองของผม Adachi-ku เด็ก 25% เป็นเด็กยากจน พวกเขาได้กินอาหารแค่ที่โรงเรียนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องกินขนมอยู่ที่บ้าน
(บางคนก็ไม่สามารถจ่ายค่าอาหรกลางวันที่โรงเรียนได้)
ผมหวังว่าชาวมุสลิมบางคนจะเข้าใจนะครับ เด็กญี่ปุ่นบางคนก็ไม่มีแม้กระทั่งเนื้อหมูจะทาน
ถึงแม้ถ้าครอบครัวญี่ปุ่นที่เป็นมุสลิมต้องการเมนูพิเศษที่โรงเรียน ผมคิดว่าพวกเขาพูดแบบนี้ครับ
"เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในประเทศของคุณได้ คุณควรจะเปลี่ยนแปลง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อิสลามในญี่ปุ่นส่วนใหญ่มาจากอินโด ไม่เคร่งมากและเปิดรับอะไรใหม่ๆ
แต่มันก็มีพวกเคร่งๆหลุดมาเหมือนกัน พวกนี่แม่งทำความเดือดร้อนให้
สมาคมผู้ปกครองชิบหาย ตอนเรื่องฮิญาบก็ที่นึงล่ะ
เหตุผลที่มุซซี่ห้ามแดกหมูคืออะไรวะ
นี่แหละปัญหาของพวกมุสซี่ คือไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเอง จะให้เขาปรับเข้าหาตัวเองท่าเดียว พอเขาไม่ทำก็หาว่าเขารังแก rage แล้วก็เป็นก่อการร้าย ส่วนศาสนาของแม่ง พวกนักศาสนาก็ไม่เคยคิดจะปรับข้อบังคับให้เข้ากับชาวบ้านได้
กูว่าเรื่องไม่เเดกหมูนี่หมูหำหมัดไม่ได้คิดเองหรอก น่าจะก๊อปยิวมา
กูยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า อยู่แต่ในทะเลทราย
นบีจะเอาหมูที่ไหนแดกวะ
กูคิดถึงเรื่องยูโก กะหรี่ต้องตัดลิ้นเพราะเวลาเย็ดจะได้ไม่ร้อง อัลเลาะห์ๆ
ยิวไม่แดกหมู ไม่เห็นทำตัวเรื่องมากแบบมุซซี่
หรือเมื่อก่อนยิวก็เคยทำตัวแบบนี้ จนโดนเฮียหนวดจิ๋มจัดหนักไปหนึ่งดอก
ตั้งแต่นั้นมายิวเลยเลิกเรื่องมากรึป่าววะ ?
ยิวโดนบังคับอยู่ในเก๊ตโต้มาตั้งแต่ยุคกลางแล้วไง พอสังคมเปิดโอกาสให้มากขึ้นก็เลยไม่เรื่องมากขนาดนั้น
"นายไม่อ่านอัลกุรอาน นายจะรู้อะไร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เรื่องนกพิราบ กูก่รำคาญไง แต่กูไม่พูด เพราะถ้ารู้ว่าพูดว่ารำคาญ กูเป็นคนอื่น กูก่กดใส่ เพราะนี้มันคือการใช้อินเตอร์เน็ตที่ถูกต้อง
และที่มันระบาดเพราะมีคนนมาบ่นว่ารำคาญกันเนี่ยแหละ เออไหนๆมันมาถึงจุดนี้ก่คงพูดได้ละ แม่งมันระบาดไปแล้ว
เห็นน้องในเน็ตตั้งประเด็นดีเบตกันซีเรียสเมื่อสองสามวันก่อน กูนี่ยิ้มเลย ใช้อินเตอร์เน็ตผิดวิธี
อินเตอร์เน็ตมันเอาไว้ piss off กัน คุยกันให้ความรู้สั้นๆ เอาไว้ให้ด่ากัน ไม่ได้เอาไว้ให้เถียงให้เกิดสติปัญญา ถึงเถียงแพ้อีกฝ่าย มันก่ไม่เปลี่ยนใจหรอกอ่ะครับ อีกคนบ้า อีกคนฟิน มันมีแค่นี้
เหมือนอาแดงบอก ส้นตีน กดบล็อก แล้วปิดไฟนอน ให้อีกฝ่ายหัวร้อน เยี่ยวเหลืองแบบนั้น
กูถึงเลี่ยงอ่านคอมเมนต์เพจต่างๆถ้าไม่จำเป็น"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
จุดพีคมันอยู่ตรงที่ 1933 ฮิตเลอร์สั่งเผาไรซ์แทค (รัฐสภา) แล้วโยนความผิดให้กลุ่มคอมมิวนิสต์ว่าเป็นคนทำครับ ชาวเยอรมันเลยเชื่อใจพรรคนาซีมากยิ่งขึ้น พรรคไวร์มาร์มีดีแค่ปี 1923 ยุคแห่งกุสตาฟ สเตรสแมนที่มาปลดหนี้ให้เยอรมันหลัง ww1 แต่ก็ต้องเสียชีวิตไป ฮิตเลอร์ขึ้นมามีอำนาจได้เพราะว่าจิตวิทยาทางการพูดโน้มน้าวใจคนและนโยบาลถูกใจประชาชนเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่นิยมของประชาชนชาวเยอรมันครับ เยอรมันจะเจริญมาก ถ้าฮิตเลอร์ไม่ก่อสงครามและความขัดแย้งต่างๆ เช่นการรวมยึดแผ่นดินคืน และการรวมเช็กกับออสเตรีย เอาทหารเข้าไรน์ (dmz) ซูเดนเธอร์แลนด์ และเดซิ่ง เยอรมันจะเจริญมากๆๆ เห็นได้ชัดจากเทคโนโลยีที่แสดงให้เห็นในงานโอลิมปิกที่เบอร์ลินปี 1936 และเทคโนโลยีอาวุธต่างๆที่ใช้ในสงครามกลางเมืองสเปน // "Spring of Life" ก็พีค พรรคนาซีจะส่งทหารไปเป็นผัวให้ผญที่ไม่มีคู่ครองแล้วปั๊มลูก ผญคนไหนมีลูกเยอะก็ได้รับเหรียญรางวัล เหตุผลของโปรเจ็คนี่ก็คือ "การเพิ่มจำนวนคนที่ถูกเกณฑ์ทหารในอนาคต" และ "สร้าง unity ให้กับความเป็นชาติเยอรมันอันยิ่งใหญ่"
เห็นนักข่าวไทย แห่กันจ่อไมค์+กล้องประชิดสมเด็จพระสังฆราชแล้ว
กูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนไทยต้องมีอะไรมาควบคุมเอาไว้ตลอด พอปล่อยฟรีแม่งชอบทำตัวเละเทะ ขายขี้หน้าเขา
#โม่งท่านหนึ่ง
ปกติกูจะเห็นต่างกับคำผกาบ่อยๆ แต่กรณีนี้กูเห็นด้วยกับคำผกา กรณีดราม่า "The Face หนูกลัวกะเทย"
1. อายุ 16 นี่ไม่เด็กนะ เมืองนอกเขาถือว่าคนอายุเกิน 15 นี่เป็นผู้ใหญ่แล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ มีแต่ประเทศโลกที่สาม ที่มองว่าทุกคนยังเป็นเด็ก ต้องอายุเกิน 25 - 35 ถึงจะเรียกว่าผู้ใหญ่?
2. ควรพูดความจริง เกลียดอะไร กลัวอะไร ก็พูดออกมาตรงๆ ไม่ใช่ทำตัวเป็น "ชาวตอแหลแลนด์ มือถือสาก ปากถือศีล" คือ ต่อหน้าพูดว่า "โอเค รับได้ คบหากันได้" แต่พอลับหลัง แทงข้างหลังกันสุดชีวิต
เช่น ถ้าบอกตรงๆว่าเกลียดเกย์กะเทย ก็จะได้มาปรับความเข้าใจกัน ถ้าปรับไม่ได้ ก็แยกกันไปทำงานคนละแผนก จะได้ไม่ทะเลาะกัน ไม่ใช่บอกว่าไม่เกลียด แล้วแอบกลั่นแกล้ง รังเกียจกันทีหลัง
หรือ เจ้าขององค์กรไม่อยากรับเกย์กะเทยเข้าทำงาน หรือไม่อยากให้มีตำแหน่งสูงๆ ก็ควรบอกตรงๆ จะได้ไปทำงานที่อื่น ไม่ใช่ปากบอกว่า "รับได้" แต่กลับไม่รับเข้าทำงาน หรือ แกล้งกดดันให้ลาออกเอง หรือ แกล้งไม่ให้เลื่อนตำแหน่ง
จริงๆ แล้วพระพุทธเจ้าเป็นชาว 4chan
เพราะท่านมักตรัสว่า ดูกร Anon
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
" อย่าปล่อยให้ไฟแค้น เผาใจคุณจนดำไปกว่าสีผิว"
- จากหนังสือ
' พระเยซูเป็นคนดำ ' แต่งโดย สาธุคุณ สมาร์ท
( ติดอันดับหนังสือที่ถูกขโมยมากที่สุดจากร้าน We-ed book )
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
" ไม่ว่าควยขาวหรือควยดำ ขอเพียงใช้เย็ดได้ก็พอ"
#มิตรสหำท่านหนึ่ง
ใกล้วาเลนไทน์ มีอะไรให้คิดเกี่ยวกับความรักเยอะ...
ประเด็น #เมียหลวงเมียน้อย จริงๆ เคยเป็น #เมียหลวง มาก่อน มีทุกอย่างที่ชีวิตผู้หญิงคนนึงจะอยากได้ มีศักดิ์ศรี มีงานหมั้น มีผู้ใหญ่ระดับประเทศเป็นเจ้าภาพ ไปไหนมาไหน มีคนมองและชื่นชมว่าเหมาะสมกันดี สามีหล่อ ภรรยาสวย มีครอบครัวที่อบอุ่น
เบื้องหลังใครจะรู้ ว่าอยู่กันไปก็ตีกันไป ซ้อมกันไป วันดีคืนดีก็มีบ้านใหม่ให้พักพิง ไม่ต้องกลับบ้านก็ได้ ถามว่าเสียใจมั้ย? คือเข้าใจโลกนะ ก็เลยไม่เคยโทษคนมาทีหลัง ไม่เคยไปสืบสาวราวเรื่องว่าใครเป็นเมียน้อย ต่อให้เห็นคาตา เพราะคนมันมีชีวิตมีจิตใจ คิดเอง ตัดสินใจเอง เลือกเองได้ว่าจะเอาไงกับชีวิต จะไปด่าว่าเค้าแย่งชิงของๆเรา มันทำงั้นได้ที่ไหน คนไม่ใช่สิ่งของ ทุกวันนี้ สองคนนั้นเค้าก็คบกันอยู่ รักกันดี เราก็ไม่เคยไปเรียกเค้าว่าเมียน้อยเลย ถึงจะคบซ้อนก็ตาม
ชีวิตใครชีวิตมัน ก่อนหน้านี้ที่ทนๆกันไป ก็มีบ้างที่กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวเสียหน้า กลัวอับอายสังคม พ่อแม่ชั้นจะเอาไปไว้ที่ไหน คิดแทนสังคมไปเรื่อย จริงๆแค่ไม่อยากยอมรับต่างหากว่าชีวิตคู่ล้มเหลว แต่พอปล่อยอีโก้เฮือกสุดท้ายออกไปได้ พูดเลย ทุกวันนี้ มีความสุขมาก ได้เลือกทางเดินชีวิตใหม่ของตัวเอง คืนความสุขและอิสรภาพให้แก่กันและกัน
ส่วนมุมของ #เมียน้อย เค้าก็คงมีความสุขมากกว่าตอนอยู่กับเรา เราอาจจะมีความผูกพัน แต่ชีวิตคู่และการใช้ชีวิตที่เหลือจนหมดสิ้นไปด้วยกัน แค่ผูกพัน มันไม่พอจริงๆ
#ไปเถิดทั้งคู่ไปสู่ประตูสวรรค์
#อวยพรและอโหสิให้จริงๆนะ
"นั่งคุยกับแทกซี่ชีวิตคนเราก็ตลกๆแกว่าเป็นคนปราณบุรีมีพี่น้องสามคน แกคนโตขยันขันแข็งแม่เลยให้ที่ริมน้ำ คนที่สองผู้หญิงก็ได้ที่ติดถนน ส่วนๅองไอคนสุดท้ายเกเรขี้เกียจ แม่เลยให้ที่ติดทะเล ทำเกษตรไม่ได้ เดินทางไม่สะดวก
สุดท้ายน้องคนเล็กรวยสุดขายที่ทำรีสอร์ทติดทะเล ส่วนตัวแกขายที่ได้มาดาวน์แทกซี่ เพราะแปลงเกษตรล่ม"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"มีรัฐบาลประชาธิปไตยเมื่อไร จะเอาไอเดียไปเสนอ ให้รัฐบาลไปสร้างนิคมอุตสาหกรรมในสามจังหวัด ร่วมมือกับมาเลย์
แล้วทำโครงการสนับสนุนคนภูมิภาคอื่นที่ย้ายไปทำงานนิคมอุตสาหกรรมในสามจังหวัด ด้วยการอัดฉีดเงินรายครอบครัว (เดือนละ 9000 พอไหม) มีสวัสดิการและเงินอัดฉีดอีกถ้าผลิตลูก ยิ่งมีลูกเยอะยิ่งได้เงินเยอะ
แล้วก็อาจจะทำนิคมอุตสาหกรรมกับจีน แน่นอนว่าจีนจะขอเอาคนตัวเองมาทำงาน เราก็สวมรอยตรงนี้ด้วยการให้ green card คนจีนที่โอนสัญชาติ บางคนมาทำงานอาจจะได้เมียคนไทย เราทำทางลัดได้สัญชาติให้เลย แล้วก็ให้เงิน settle ครอบครัวที่เมืองไทยด้วย
ทำแบบนี้ผ่านไป 200 ปี ปัญหาภาคใต้ก็จะหมดไป ต้องเอางบมาพัฒนา infrastructure ด้วยนะ ให้ชีวิตที่ดีขึ้น (aka สิ่งที่อัลลอฮฺให้ไม่ได้)"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขนคนจีนไปอยู่ถิ่นมุซซี่ มักไม่ค่อยรุ่งวะ โอกาสจะขึ้นมาแถวหน้ายากมาก โดนกดเป็นประชากรชั้นสองตลอด
"ผู้หญิงนะเว้ย เขาก็แค่ต้องการผู้ชายที่ สามารถปลอมตัวเป็นเพื่อนผู้หญิงมาเรียนห้องเดียวกันเพราะอยากสนิทใกล้ชิดกัน ซัก2-3ปี แล้วมาเฉลยว่าเป็นรัชทายาทปลอมตัวมา พอตอนใกล้ๆจบก็เสี่ยงอันตรายมาช่วยชีวิตเรา แค่นั้น แค่นี้เอง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ผู้ชายเองก็ต้องการผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นคนรับใช้ คอยเสริฟกาแฟ ยิงนกตกปลาด้วยกันแล้วบังเอิญวิ่งล้มสะดุดจับนม เกิดความสงสัยว่าเป็นชายแท้แน่หรือ จากนั้นก็สับสนในใจว่าเอ๊ะหรือกูจะเป็นเกย์ แล้วต่อมาค่อยถูกผู้ร้ายจับตัวไปจนเฉลยทีหลังว่า เป็นคู่หมั้นที่ทางบ้านจับคลุมถุงชนแต่แรก เพียงแค่ฝ่ายหญิงปลอมตัวมาเพื่อสืบนิสัยผู้ชาย แค่นั้น แค่นี้เอง"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
"เมื่อไหล่เพจนี้จะเลิกโง่สักที การเป็นเกย์ไม่โดนประหาร โทษประหารคือ มีเซ็กซ์ทางทวารหนัก ชาย-ชาย และต้องมีพยานเห็น 4 คน หมายความว่ามึงต้องมีเซ็กซ์ในที่สาธารณะแล้ว เลิกสร้างวาทกรรมมั่วๆซะทีเห็นแล้วรำคาญ"
#มิตรสหายมุซซี่ท่านหนึ่ง
ถ้าคนเย็ดตูดแต่งงานแล้วจะโดนปาหินจนตายด้วยแหละเออ
สุขสันต์วันลูเปอร์คาเลีย เทศกาล SM ในตำนาน
ต้นกำเนิดที่แท้จริงของวันวาเลนไทน์
ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia) เป็นเทศกาลอันเก่าแก่คาดว่ามีมาตั้งแต่ก่อนอาณาจักรโรมัน จัดขึ้นในวันที่ 13-15 กุมภาพันธ์ เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อขับไล่ความชั่วร้าย ชำระล้างเมืองให้บริสุทธิ์ เพื่อให้อุดมสมบูรณ์และแข็งแรง
ชื่อ Lupercalia ตั้งตามชื่อของหมาป่า Lupercus ซึ่งเป็นหมาป่าที่เลี้ยงดูและให้น้ำนมแก่ Romulus และ Remus ผู้ก่อตั้งโรมันตามตำนาน ดังนั้นจึงมีฐานะเป็นเหมือนผู้ก่อกำเนิด
พิธีกรรมในวันนี้นักบวชหรือผู้นำทางจิตวิญญาณจะบูชายันต์แพะตัวผู้ 2 ตัวและหมา หลังจากนั้นจะถลกหนังเอาไปทำชุดหนังและแส้ เรียกว่า februa เอาไว้ให้ผู้ชายรุ่นๆ สวมใส่เพื่อสมมุติตัวเองเป็น Lupercus และวิ่งกึ่งเปลือยไปรอบๆ กำแพงเมือง ถือแส้หนังแพะไล่ฟาดชาวเมือง หญิงสาวรุ่นๆ ก็จะห้อมล้อมเข้ามาให้ฟาดก้นตามความเชื่อว่าจะช่วยในเรื่องการสืบพันธุ์ ไม่เป็นหมัน เย็ดกันแล้วติดลูกได้ง่าย คลอดง่าย
สรุปคือลูเปอร์คาเลียเป็นเทศกาลแต่ง costume ชุดหนัง ฟาดแส้แบบ SM เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและความมั่นใจ สนับสนุนให้คนเย็ดกัน และมีลูกออกมาเยอะๆ บ้านเมืองจะได้อุดมสมบูรณ์
เป็นเทศกาลเก่าแก่ของแพแกน ก่อนที่คริสต์จะเอาไปแต่งเติมเรื่องสวยหรูอย่างการอุทิศตนเพื่อความรักของนักบุญวาเลนไทน์ซึ่งไม่รู้มีตัวตนจริงรึเปล่า และอ้างความเป็นเจ้าของ เป็นความรักของพระเจ้า บลาๆ ๆ
Happy Lupercalia's Day!
โรแมนติกไหมล่ะมึง //Virus
http://www.telegraph.co.uk/women/sex/valentines-day/7187784/History-of-Valentines-Day.html
http://www.saintvalentin.org/index-admin.php?page=12&lang=EN
http://bluejayblog.wordpress.com/2012/02/15/februa-and-lupercalia/
http://en.wikipedia.org/wiki/Lupercalia
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยากให้ทุกคนที่อวยและไฮป์ญี่ปุ่นหนักๆมาลองอยู่ที่นี่สักปีอะ คือประเทศเขาดี แต่แกมาอยู่แกจะรู้ว่ามันมีจุดหวิบเวลามีคนอวยว่าเป็นเกาะประเสริฐ
ซึ่งความจริงเป็นเกาะประสาท
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่ชอบตะวันออก เพราะแม่งยึดติดแต่ ระบบอาวุโส ศักดินา บ้าความเป็นชนเผ่า
#มิตรสหายท่านที่2
ฝั่งตะวันออกนี่ ดารา นักร้อง ทำไรไม่ถูกใจหน่อยก็โดนเล่นงานซะไม่มีที่ยืน ดูฝั่งตะวันตกบ้างเขาเข้าใจคำว่า individual สูงกว่าเยอะ
นักร้อง ดารา ก็คือคนไม่ใช่พระ แม่ชี เทวดา เขาไม่ใช่สถาบัน เขามีสิทธิที่จะไม่เป็นแบบอย่างตามที่หัวเราคิดก็ได้นิ
#มิตรสหายท่านที่2ในอีกระยะหนึ่ง
Once I saw this guy on a bridge about to jump. I said, "Don’t do it!"
He said, "Nobody loves me." I said, "God loves you. Do you believe in God?"
He said, "Yes." I said, "Are you a Christian or a Jew?"
He said, "A Christian." I said, "Me too! Protestant or Catholic?"
He said, "Protestant." I said, "Me too! What denomination?"
He said, "Baptist." I said, "Me too! Northern Baptist or Southern Baptist?"
He said, "Northern Baptist." I said, "Me too! Northern Conservative Baptist or Northern Liberal Baptist?"
He said, "Northern Conservative Baptist." I said, "Me too! Northern Conservative Baptist Great Lakes Region or Northern Conservative Baptist Eastern Region?"
He said, "Northern Conservative Baptist Great Lakes Region." I said, "Me too!"
"Northern Conservative Baptist Great Lakes Region Council of 1879 or Northern Conservative Baptist Great Lakes Region Council of 1912?"
He said, "Northern Conservative Baptist Great Lakes Region Council of 1912?" I said, "Die heretic!" And I pushed him over.
วิธีเลี้ยงลูก
************
Jaheem กำเนิดเกิดมาตอนที่แม่ของเขาชื่อ Rebecca อายุเพียง 17 ปี
Rebecca เล่าว่า ตั้งแต่เด็ก Jaheem เป็นคนที่มีความสนอกสนใจในเรื่องราวต่างๆรอบๆตัวยกตัวอย่างเช่น เมื่อตอนที่ Jaheem อายุ 4 ขวบ Rebecca เห็น Jaheem ยืนถือไขควงอยู่หน้าบ้าน
เธอถาม Jaheem ว่าจะเอาไขควงไปทำอะไร
Jaheem ตอบว่า “ผมอยากได้ชุดเครื่องเสียง” สิ่งที่ Jaheem ทำคือเดินไปบ้านข้างๆและใช้ไขควงแงะกลอนประตูหลังบ้าน
สิ่งที่จะเล่าต่อ ทุกคนจะต้องประหลาดใจครับ
Rebecca ไปเอาชะแลงมาอีกอันนึงแล้วมาช่วย Jaheem งัดประตู สุดท้ายคืนนั้น Jaheem ได้ชุดเครื่องเสียงและตู้เย็นใบใหม่
เมื่อถึงช่วงวัยรุ่น Jaheem ฉายประกายของความเป็นนักวิทยาศาสตร์ชอบประดิษฐ์ด้วยการสตาร์ทรถโดยไม่ต้องใช้กุญแจ
เมื่อทำสำเร็จ Jaheem เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ Rebecca ฟังด้วยความภูมิใจ
เพื่อนบ้านของ Rebecca มาถามเธอว่าทำไมถึงกล้านำรถคันเดียวของบ้านไปให้ลูกชายงัดนั่นแงะนี่
Rebecca ตอบว่า “นั่นไม่ใช่รถเธอ”
ตอนวัยรุ่น Jaheem ก็หมกมุ่นกับความสนใจของเขา มีอยู่วันหนึ่งแม่ของเขาได้รับโทรศัพท์จากโรงเรียนว่า Jaheem และเพื่อนถูกจับกัญชาที่ดาดฟ้าโรงเรียน เธอเลยถามลูกว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น Jaheem บอกว่าเขากำลังหารายได้เสริม และลูกค้าต้องการเทสต์ก่อน
ทราบไหมครับว่าแม่ของเขาพูดว่าอะไร "ถ้าจะสูบในที่โล่งก็ต้องดูทางลม"
เรื่องราวทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ นี่คือวิธีการเลี้ยงลูกที่ถูกต้อง ส่งเสริม สนับสนุน ให้กำลังใจ ให้เด็กสร้างเวทีของตัวเอง
สุดท้าย Jaheem เป็นเจ้าของฟาร์มสมุนไพรออร์แกนิคและโรงงานโคเคนอีกสองแห่งที่เม็กซิโก ทุกวันนี้ Jaheem มี Net worth 7,300 ล้านเหรียญ
เขียนมาซะยาว ผมอยากเห็นคนดำรุ่นใหม่มีโอกาสอย่างเรื่องราวข้างต้น
เล่าเรื่องนี้แล้วคิดถึงคุณแม่ผมครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ระดับผู้บริหาร มักบ้าอำนาจ และง่อยแดก ทำอะไรไม่ค่อยเป็น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"“โหน่ง วงศ์ทนง” ประกาศลาออกจาก a day หลังปัญหาความวุ่นวายหนักเรื่องการขายหุ้น"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วงแตกแล้ว 3 ช่าเราไม่น่าเลย"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
วิธีแก้ปัญหาไอดอลมีแฟนแล้ว แบบง่ายๆ
-ตั้งวง ntr48
-รับเฉพาะสมาชิกที่มีแฟนแล้วเท่านั้น
กลุ่มลูกค้า เน้นตั้งเป้าไปที่เหล่าผู้ชื่นชอบในการจ่ายเงินเพื่อจับมือแฟนชาวบ้าน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คิดจะจับธรรมชโยในวัดธรรมกาย นี่ไม่เคยดูฉากดัมเบิลดอร์หายตัวในฮอกวอรตเหรอ
แล้วไปโผล่เมืองนอกแบบ Now you see อาตมาที่แท้จริง นังโง่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เรื่องเดียวที่รัฐควรเข้าไปข้องเกี่ยวกับศาสนา คือเก็บภาษีวัด"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ต้องเหนื่อยขนาดไหน กว่าจะพลิกฟื้นพื้นที่รกร้าง ให้กลายเป็นไร่ฝิ่นที่อุดมสมบูรณ์ มันไม่ง่ายเลยนะครับ"
http://imgur.com/Cje9Kc2
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วันก่อนตื่นมา กูพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองเข้าพรรคนาซีไป"
#มิตรสหายท่านหนึ่งสารภาพความจริงกลางวงเหล้า
"เคสพ่อฆ่าลูก
ผู้ตายเป็นลูกชายคนโตของจำเลย ปกติทุบตีพ่อแม่อยู่เป็นประจำ ก่อคดีมานับไม่ถ้วน ทั้งชิงทรัพย์ วางเพลิง พรบ.อาวุธปืน ยาเสพติด ฯลฯ เคยเป็นทหารกองประจำการ(ทหารเกณฑ์) ที่ค่ายสรรพสิทธิประสงค์อยู่ 3 เดือน จากนั้นก็หนีทหาร วีรเวร วีรกรรมนับไม่ถ้วน ขึ้นชื่อลือชา เป็นที่รู้จักกันไปทั่วหมู่บ้านและตำรวจรู้จักดี เพราะสร้างงานให้ตำรวจบ่อย
พ่อแม่หาผู้หญิงให้แต่งงานด้วยจนมีลูกด้วยกัน 1 คน หวังว่าพอมีเมียแล้วพฤติกรรมจะดีขึ้น ปรากฏว่า ก็เหมือนเดิม แย่กว่าเดิมอีก เพราะทุบตีเมีย จนเมียทนไม่ได้ ต้องหนีออกจากบ้าน ลูกที่เกิดด้วยกันก็ต้องเอามาให้พ่อแม่เลี้ยงดูให้
เคยจุดไฟเผาบ้านตัวเองเพราะผู้เป็นพ่อไม่มีเงินให้ลูกไปซื้อยามาเสพ
เคยถูกดำเนินคดีฐานชิงทรัพย์ พ่อแม่ไปหาหลักทรัพย์มาประกันตัวเสียวุ่นวาย เป็นหนี้สินจนทุกวันนี้ก็ยังใช้หนี้ไม่หมด เคราะห์ดีที่คดีนั้นศาลยกฟ้อง
วันเกิดเหตุ พ่อเกี่ยวหญ้า กำลังจะเอาไปเลี้ยงควายที่บ้าน พอเอาหญ้ามาถึงบ้าน พบเจ้าลูกชายลักเอาข้าวเปลือก 2 กระสอบ เตรียมจะไปขาย ผู้เป็นพ่อจึงเข้าขวาง เพราะลำพังข้าวในบ้านก็จะไม่พอกินอยู่แล้ว ลูกชายโมโหเพราะไม่มีเงินไปซื้อยามาเสพ จึงวิ่งเข้าไปหยิบมีดพร้ามาจะทำร้ายพ่อ พ่อเห็นท่าไม่ดี ก็วิ่งเข้าไปหยิบมีดพร้ามาป้องกันตัวเช่นกัน เจ้าลูกชายวิ่งไปทางกระสอบข้าวที่ขนเตรียมไว้ขาย เห็นชายผู้เป็นพ่อวิ่งไล่มา ก็เขวี้ยงมีดพร้าเข้าใส่ทันที เคราะห์ยังดีที่ผู้เป็นพ่อหลบทัน เจ้าลูกชายคว้าไม้ไผ่ปลายแหลมได้จึงแทงเข้าไปที่ร่างกายผู้เป็นพ่อ โดนไหปลาร้า ผู้เป็นพ่อเอี้ยวตัวหลบ ฟันมีดเข้าที่ขาเจ้าลูกชาย จากนั้นฟันเข้าอีกที่กลางหลัง เจ้าลูกชายกระหน่ำฟาดไม้ไผ่ลงมาโดนกลางกบาลชายผู้เป็นพ่อ พ่อคว้ามีดฟันฉับเข้าไปที่ลำคอเจ้าลูกชาย แต่หันด้านคมออก ใช้สันมีดทุบโดนลำคอลูกชาย จนลูกแน่นิ่งไป....
ชายผู้เป็นพ่อจึงได้สติ โทรหาตำรวจให้มาจับกุมตนเอง โดยยืนรอมอบตัวกับตำรวจพร้อมอาวุธมีดที่โชกไปด้วยเลือด เลือดซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขอันเกิดแต่อุทรของตนเอง
ชายผู้เป็นพ่อต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะฆ่าลูกในไส้ของตนเอง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ครั้งแรก ‘เขา’ มาจับพวกคาทอลิก
แต่ฉันเป็นโปรเตสแตนต์, ฉันจึงเฉยเสีย
ต่อมา ‘เขา’ มาจับคอมมิวนิสต์
แต่ฉันไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์, ฉันจึงไม่ได้ทำอะไร
ต่อมา ‘เขา’ มาจับพวกสหภาพแรงงาน
แต่ฉันไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น, ฉันจึงยังนิ่งอยู่
จากนั้น ‘เขา’ มาจับคนยิว
แต่ฉันไม่ได้เป็นคนยิว, ฉันจึงยังนิ่งเฉยดังเดิม
และเมื่อถึงเวลาที่ ‘เขา’ มาจับฉัน
ก็ไม่เหลือใครสักคนที่คิดจะพูดหรือทำอะไร…
They first came for the Catholics,
but I was a Protestant, so did nothing.
Then they came for the Communists,
but I wasn’t a communist, so I did nothing.
Then they came for the trade unionists,
but I wasn’t a trade unionist, so I did nothing.
Then they came for the Jews,
but I wasn’t a Jew, so I did nothing.
By the time they came for me,
there was nobody to speak up."
บทกวึโดย Martin Niemöller ผู้ต่อต้านนาซียุคเรืองอำนาจ” อ้างถึงโดย Jessada Denduangboripant
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อลูกๆของผมไม่ได้อยู่ในโลกของเกมส์ By นพ.<มิตรสหายท่านหนึ่ง>
บทความนี้ไม่ได้ต้องการมานั่งเถียงว่า เล่มเกมส์มีประโยชน์อย่างไร? นั่นเรื่องของคุณ
ผมต้องการ “ปกป้อง” ครอบครัวที่ลูกยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์
ครอบครัวของผมสามารถจัดการทุกเรื่องได้ง่าย เพราะว่าในบ้าน ผมและภรรยาใหญ่ที่สุด ไม่มีปู่ย่า ตายาย ญาติ หรือใครอื่นเข้ามาก้าวล่วงได้แม้แต่นิดเดียว
และทุกเรื่อง เราเห็นพ้องต้องกัน ทำให้ทิศทางของบ้านไม่สับสน มีจุดหมายชัดเจน
ซึ่งรวมถึงเรื่องการเล่นเกมส์
ตัวผมเองมีประสบการณ์ตรง จากการที่ป๊าของผมช่วยปกป้องผมไว้ด้วยสติปัญญา ไม่ยอมให้ผมซื้อเกมส์
ขอเล่าสั้นๆนะครับ
ตอน ป.5 ลูกน้องป๊าเอาเกมส์นินเท็นโด้มาให้เล่น ใหม่เอี่ยมแกะกล่อง หวังให้หัวหน้าเลื่อนขั้นเงินเดือน 2 ขั้นตอนปลายปี หลังจากนั้นพ่อลูก(ผมกับป๊า)ติดกันงอมแงมได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ป๊าก็เอาเกมส์ไปคืน
ผมใจหายวาบ ยังอยากเล่นสุดๆ เลยเกิดความตั้งใจแรงกล้าว่า จะเก็บเงินเพื่อซื้อเองหลังจากได้ที่เรียน ม.1
ผมเก็บเงินได้เยอะมาก 6 พันกว่าบาท และเมื่อทราบว่ามีที่เรียน ม.1 ผมก็ขอเบิกเงินเพื่อไปซื้อ แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยภายในเวลา 2 วินาที
โกรธนะครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ และผมต้องขอบคุณวันนั้น ที่ป๊าผมไม่ “โง่เขลา” เหมือนพ่อแม่ทั่วไป ที่ยอมให้มีเกมส์ในบ้าน
ถ้าไม่มีวันนั้น ไม่มี “นายแพทย์อิทธิฤทธิ์” ในวันนี้แน่นอน เพราะตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมมีช่วงติดเกมส์อยู่พักนึง ทำให้รู้ว่า สมองของผม “ติดเกมส์” ง่ายมาก
ก็ทำมาซะสนุกเร้าใจขนาดนั้น เล่นแล้วก็ติดสิคร้าบ
ส่วนหมอสาริณี ก็เติบโตมากับบ้านที่ไม่มีเกมส์ และยิ่งได้ทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ทำให้เห็นว่าปัญหาติดเกมส์ สร้างความเสียหายอย่างยิ่ง
ดังนั้นบ้านของผมเลยง่ายมากในเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครที่ “เห็นดีเห็นงาม” กับการให้ลูกเล่นเกมส์
ยังไม่นับเรื่องง่ายๆ คือ หมอ 2 คนไม่เขลาพอ ที่จะปล่อยให้ลูกติดเกมส์ แล้วค่อยมานั่งแก้ไข ซึ่งแก้ยากมาก
นี่ขนาดว่าฝีมือและทักษะเลี้ยงลูกที่หมอ 2 คนมี คงไม่น้อยกว่าคนทั่วๆไป แต่เราก็ไม่ประมาทเลย
ตั้งแต่ลูกๆเติบโตมา ผมรู้ว่าเด็กๆมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำให้ผู้ใหญ่ต้องยอมเหนื่อย
ผมไม่อยากเห็นลูกของตัวเอง กลายเป็นเด็กหลังงอๆ นั่งหน้าทีวีเล่นเกมส์
หรือเป็นเด็กนั่งติดโต๊ะคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วก็นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน
ผมไม่ยอมให้ลูกตั้งเป้าเป็นแชมป์เกมส์ เพราะการไปถึงจุดที่สำเร็จมีน้อยคนมาก แปลว่าคนที่ไม่ถึงจุดหมาย ชีวิตจะแย่มาก เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น นอกจากเล่นเกมส์
ผมไม่ต้องการให้ลูกผมกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง เพียงเพราะว่าสมองติดเกมส์อย่างหนัก
และไม่อยากเห็นลูกทนทุกข์ทรมาน กับการเรียนไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่เค้าสามารถทำได้ดีกว่านั้น เพราะว่าต้องแบ่งเวลาไปกับการเล่นเกมส์
ผมไม่ต้องการฝึกเค้า ให้โตไปเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงผิดปกติ เพราะขาดทักษะทางสังคมที่ดี
ผมอยากเห็นลูกๆของผม เป็นคนที่เข้าใจเพื่อนมนุษย์ รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร หรือรู้สึกอย่างไร
ลูกๆของผม ควรต้องมีทักษะทางสังคมที่ดี และสามารถช่วยเหลือผู้คนได้เป็นอันมาก โดยที่ตัวเค้าเองก็มีชีวิตดีๆในแบบที่ต้องการ
ผมอยากให้ลูกๆของผมมีความแตกต่าง เพราะคนส่วนใหญ่ของโลกกำลังเล่นเกมส์ เพียงแค่ลูกๆของผมไม่ได้เล่นเกมส์ เค้าก็ต่างแล้ว
ผมรู้ว่าการสร้างเนื้อสร้างตัว จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ดี และผมต้องปกป้องลูกๆ ไม่ให้เจอตุ้มถ่วงหน่วงรั้งจากเกมส์ ทำให้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควรในการศึกษา
ยังไม่นับว่า เกมส์ดึงเวลาที่เค้าสามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่า เช่น อ่านหนังสือ ออกไปพูดคุยกับคนเก่งๆ ไปฝึกทำงานให้เก่งๆ
ผมอยากให้เค้าได้เรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง ได้ลองทำสิ่งต่างๆรอบตัวจริงๆ เล่นกับเพื่อนจริงๆ ได้แก้ปัญหาในชีวิตจริง ได้เรียนภาษาจากชีวิตจริง
ผมต้องการให้ลูกๆของผม ได้เล่าให้ลูกๆของเค้าฟังว่า “โห..ถ้าไม่ได้คุณปู่คุณย่าที่มีสติปัญญาและวิสัยทัศน์ แล้วปล่อยให้พ่อเล่นเกมส์เหมือนเด็กบ้านอื่น ป่านนี้พ่อไม่สามารถสำเร็จได้มากแบบนี้หรอก”
ผมอยากให้สิ่งดีๆ ซึ่งเรียกว่า “การอวยพร” ที่ผมและภรรยาตั้งใจในการเลี้ยงลูก ถูกส่งต่อลงไปให้กับลูกหลาน รุ่นต่อๆไปเค้าก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ของเค้า กลายเป็นเด็กที่มีคุณภาพทั้งทางกาย ทางใจ ทางอารมณ์
*****
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>963 )
มีคนถามมาเยอะว่า ถ้าไม่ให้ลูกเล่นเกมส์ เดี๋ยวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรือเดี๋ยวลูกจะหนีไปเล่นที่อื่น แล้วจะทำยังไง?
โอ..คนเขลาเอ๋ย ลูกถูกฝึกอย่างไร ก็จะเติบโตเป็นอย่างนั้น
ผมยืนยันว่า ลูกๆผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ผมถามเด็กๆหลายรอบแล้ว
ที่สำคัญ พ่อแม่ที่ไม่หนักแน่นพวกนั้น จริงๆผมขอเรียกว่าพ่อแม่ "หน่อมแน้ม" จะกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว เมื่อกลัว ทำให้แก้ปัญหาผิดๆ
ผมเลือกเป็นพ่อแม่ที่หนักแน่น ไม่หน่อมแน้ม ไม่โง่เขลา เพราะผมรักลูกจริงๆ
เมื่อลูกยังอยู่ในความปกครองของผม เค้าจะต้องอยู่ภายใต้กติกาที่พ่อแม่วางไว้ แต่ถ้าเค้าโตแล้วอยากทำอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง และผมคงยุ่งไม่ได้แล้ว
*****
ใครอยากให้ลูกเล่นเกมส์ นั่นเป็นการตัดสินใจของคุณ ไม่ต้องมาโน้มน้าวหรืออภิปราย เพราะผมหนักแน่นกับเรื่องนี้มาก
ใครที่มีปัญหากับลูกเล่นเกมส์ ผมจะไม่ตอบคำถาม เพราะว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้หรือไม่ ขึ้นกับความเห็นพ้องของ “ผู้ใหญ่ทุกคน” ในบ้าน ถ้ามีใครสักคนรู้สึกว่า ก็ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรนี่ คงช่วยยากมาก
โปรดจูงมือกันไปพบจิตแพทย์เด็กที่ท่านสะดวก เพื่อรับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง
ส่วนใครที่ลูกยังไม่ได้เล่นเกมส์ รวมทั้งเกมส์มือถือด้วย คุณคือเป้าหมายของบทความนี้ ผมอยากช่วยปกป้องลูกๆของคุณไม่ให้ผิดพลาดเหมือนคนอีกนับล้านๆ ที่กำลังกุมขมับอยู่
ผมภาวนาให้เด็กๆที่ยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์ ได้รอดพ้นจากแรงดึงดูดมหาศาลจากโลกของเกมส์นะครับ
เพจ <เซ็นเซอร์> เพื่อครอบครัวที่มีความสุขกว่าเดิม และเว็บสั่งซื้อหนังสือของเพจ <เซ็นเซอร์>.lnwshop.com
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ยิงปืนนัดเดียว ได้แพะสามตัว"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีคนเรียนหมอ เล่นเกม อ่านการ์ตูนเวบสแกนเถื่อน แล้วกล่าวว่าไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
แต่ดันเปิดเวบล่อให้คนมาทะเลาะกันเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องเล่นเกม ในครอบครัวต้องตกลงกันดี ๆ ครับ ออกกฏที่แน่นอนไปเลยว่าเล่นได้กี่วัน
บ้านผมนี่ ตกลงกันว่าจะเล่นแค่ 2 วันเท่านั้นครับ
วันฝนตก กับแดดออก
ผมถึงไม่เสียคน จนถึงทุกวันนี้ไง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ลูกของผมต้องไม่เกมส์ By คุณคานูเต้ ดรักลอร์ด
บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะเถียงว่า บางคนก็ประสบความสำเร็จเพราะเครือข่ายที่รู้จักสมัยติดคุก? นั่นเรื่องของคุณ
ผมต้องการ “ปกป้อง” ลูกผมไม่ให้มีประวัติเข้าออกเรือนจำ
ในแก๊งค์ของผม ผมจัดการได้ทุกเรื่อง เพราะว่าที่นี่ผมใหญ่สุด ไม่มีลูกน้องคนไหนกล้าเข้ามาก้าวล่วงได้แม้แต่นิดเดียว ทำให้แนวทางแก๊งค์ไม่สับสน มีจุดหมายชัดเจน
ซึ่งรวมถึงเรื่องการปกป้องลูกชาย
ตัวผมเองมีประสบการณ์ตรง จากการที่คุณพ่อของผมช่วยปกป้องผมไว้ไม่ให้เกมส์
ขอเล่าสั้นๆนะครับ
ตอนผมวัยรุ่น คุณพ่อรับสมาชิกใหม่มาคนนึง เขาสามารถหาโคเคนชั้นดีจากอเมริกากลางได้ โดยขนมากับเรือกุ้ง หลังจากได้ลองเอามาปล่อยได้ไม่นาน ลูกค้าก็ติดกันงอมแงม แต่อีก 2 สัปดาห์ก็เกิดเรื่องขึ้น
ลูกน้องคนนั้นโทรมาบอกว่าคนงานเรือยักยอกของ ผมใจหายวาบ ของกำลังขายดีแท้ๆ เลยตั้งใจจะไปสั่งสอนคนงานเรือ
เมื่อผมสอบถามจนรู้บ้านเขา ก็รีบบึ่งรถไปหาในตอนกลางดึก พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอกับสันติบาลหนึ่งฝูงนั่งรอผมอยู่ ผมโดนหักหลังแล้ว
โกรธนะครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายผมต้องขอบคุณที่คุณพ่อช่วยเคลียร์ให้ โดยส่งคุณบับบ้าเข้าเรือนจำแทนผม ส่วนสมาชิกกลุ่มคนใหม่ถูกแปรเป็นอาหารกุ้ง ผมต้องขอบคุณคุณพ่อที่ช่วยผมจากความใจร้อนจนเกือบเกมส์
ถ้าผมเกมส์วันนั้น ก็ไม่มี “เจ้าพ่อคานูเต้” ในวันนี้แน่นอน เพราะของกลางเยอะมาก เข้าไปไม่นานคุณบับบ้าก็ได้นั่งเก้าอี้ไฟฟ้า
ดังนั้นแก๊งค์ของผมเลยชัดเจนมากในเรื่องนี้ ผมต้องการให้ลูกชายสืบทอดกิจการต่อจากผม คุณพ่อ และคุณปู่
ผมไม่อยากเห็นลูกของตัวเอง เป็นนักโทษนั่งหงอๆ อยู่ในโรงซักผ้า
ลูกๆของผม ต้องมีทักษะผู้นำที่ดี นำพาแก๊งค์ผงาดได้ต่อไป ในยุคที่พวกเม็กซิกันและลาติโน่เริ่มเข้ามาขายตัดราคาในเขตอิทธิพล
ผมรู้ว่าการวางแนวทางทำมาหากินให้แก๊งค์อยู่รอดไม่ใช่เรื่องง่าย ผมต้องเป็นแบบอย่างที่ดี และปกป้องลูกๆ ไม่ให้เจอโทษหนักจนส่งผลต่ออนาคตแก๊งค์
ผมต้องการให้ลูกๆของผม ได้เล่าให้ลูกๆของเค้าฟังว่า “โห..ถ้าไม่ได้คุณปู่คอยปกป้องไว้ ป่านนี้พ่อตายห่าไปแล้ว”
*********
มีคนดำหลายท่านถามมาเยอะว่า ถ้าไม่ให้ลูกลองติดคุกบ้าง เดี๋ยวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรือคุยกับคนดำคนอื่นไม่รู้เรื่องนะ แล้วทีนี้จะทำยังไง?
โอ..คนดำที่น่าสงสารเอ๋ย ความสดมีแค่ในคุกเท่านั้นหรือ
ผมสามารถฝึกความสดให้ลูกได้ แม้เขาจะไม่เคยติดคุก ตัวผมเองก็ปล่อยยามาตั้งแต่ 14 ยังไม่เคยเกมส์สักครั้ง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ผมไม่มีปัญหากับเพื่อน Atheist ที่วิจารณ์ศาสนาอะไรนะ แต่รำคาญชิบหายไอ้พวกที่แม่งวิจารณ์มาทั้งปี แต่อยู่ดีๆ เสือกเกิดเป็นห่วงศาสนาขึ้นมาเพราะอยากใช้มาโจมตีคนอื่นซะงั้น จากเอธีสกลายเป็นองค์อุปถัมภกในโพสต์เดียว
สรุปมึงจะเป็นอะไรกันแน่ อย่างไอ้เหี้ยจ่า กับ ไอ้บีฟักโกสต์นี่ชัดเจนมากๆ เหมือนคนที่ยอมแดกขี้ เพื่อจะได้เอาไปพ่นใส่คนอื่น
เย็ดแม่ร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าวัด พอได้ช่องโจมตี นี่เป็นแม่งผู้เชี่ยวชาญพระไตรปิฎกขึ้นมาเลย ละมึงเลิกยกเหตุการณ์สมัย 2 พันปีก่อนมาเสียที นี่มันโลกยุคไหนแล้ว กลายเป็นพวกมึงอะที่ไม่ปรับตัว
นี่รวมไปถึงพุทโธเลี่ยนควายๆ ด้วย แล้วก่อีกพวกมี่ชอบบอกว่าอะไรนั่นนี่ ไม่มีในพระไตรปิฎกแม่งไร้สาระ แม่งคณิต ฟิสิกส์ ก่ไม่มีในพระไตรปิฎกเหมือนกัน ไร้สาระไหมละมึง
พุทธแท้ พุทธเทียมควยไรล่ะ โดยส่วนตัวผมเชื่อมาตลอดว่าพุทธเนี่ยมันเหมือนแนวคิด แนวปรัชญา วิถีชีวิต ไปอยู่ที่ไหนก่ปรับเข้ากับความเชื่อท้องถิ่นนั้น มึงจะหาเอาพุทธแท้มาจากไหน พระพุทธเจ้าตายก่ไม่มีแล้ว เผลอๆ ตอนยังไม่ตาย แต่ห่างออกไปในที่ไกลๆ มันก่เพี้ยนแล้ว"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อลูกๆของผมไม่ได้เสพย์โคเคน
บทความนี้เราจะไม่มานั่งเถียงกันว่าโคแคนสร้างรายได้ให้เครื่อขายอย่างไร นั้นมันเรื่องของธุรกิจคุณ ผมต้องการจะปกป้องเด็กๆของผมจากการเล่นโคแคนเอง
ครอบครัวผมเราทำธุรกิจค้ากัญชาเป็นเครือข่าย โดยมีภรรยาเป็นผู้นำเบ็ดเสร็จ คุมเครือข่ายค้ายาที่ย่านสลัมในไชน่าทาว นิวยอร์ค พวกเราสองคนมีความคิดเห็นตรงกันว่าการทำธุรกิจเกี่ยวกับโคแคน ผู้ค้าไม่ควรเล่นยาเอง
ตัวผมเองก็มีประสบการณ์โดยตรง ในสมัยไฮสคูลผมเคยคิดจะเล่นโคแคนอยู่บ้าง แต่คุณปู่ของผมท่านได้มาปกป้องผมให้ห่างจากโคแคนก่อนที่ท่านจะเอาไปเสพย์เอง
ขอเล่าสั้นๆนะครับ
สมัยเรียนไฮสคูลมีเพื่อนชื่อ ทิม มาชวนผมเล่นโคแคน ช่วงนั้นผมเคยติดหงอมแงม จนแอบโขมยเงินที่พ่อแอบแม่ไว้ไปเล่นเอง จนกระทั่งช่วงหนึ่งดีลเลอร์ที่ขายโคแคนให้ทิมโดนตำรวจหิ้วไป ผมเกิดอาการอยากยามาก
ผมเลยถอดจักรยานของอาจารย์ไปขายแล้วไปดีลกับดีลเลอร์เอง จนกระทั่งปู่ผมเขามาเห็นตอนเล่นยาเอง ปู่ผมได้ตบกระโหลกผม และไล่ให้ผมออกไปโดยทิ้งโคแคนไว้ ตอนนั้นผมตกใจมากแต่พอแอบมองปู่จากรูกุญแจผมก็เห็นปู่กำลังซัดโคแคนที่ผมซื้อมาอยู่ หลังจากอาการอยากโคแคนหมดฤทธิ์ผมได้บรรลุบางอย่าง
ถ้าไม่มีวันนั้นคงไม่มีดีลเลอร์โคแคนในวันนี้แน่นอน หลังจากนั้นไม่นานผมก็เริ่มดีลธุรกิจกับดีลเลอร์ในย่าน ผมเริ่มรู้ว่าการซื้อโคแคนจากพ่อค้าแล้วแอบเอาไปขายต่อให้เด็กไฮสคูลทำกำไรให้ผมได้มากกว่าการถอดอะไหล่รถยนตร์แล้วเอาไปขายเอง
ผมรู้ว่าการสร้างเนื้อสร้างตัวในธุรกิจนี้เราต้องมีเส้นสาย มีเครือข่ายไว้ปล่อยยา หากเสพย์โคแคนผลกระทบอาจทำให้เกิดโรคซึมเซาและอัมพาตที่ทำให้เกิดปัญหาตามมา
ดีลเลอร์ที่แอบเอายาไปเล่นเองของผมโดนสันติบาลหิ้วไปหลายคนแล้ว แถมยังเกือบสาวมายังเครือข่ายของผมด้วย เราจะเห็นได้ว่า การเล่นโคแคนเองสร้างปัญหาให้สังคมมากน้อยเพียงใด
*****
มีคนถามผมมาเยอะว่า ถ้าไม่ให้ลูกเล่นโคแคน ลูกเราจะเข้าสังคมไฮสคูลไม่ได้และอาจยากต่อการทำธุรกิจ ลูกเราอาจกลับไปถอดอะไหล่รถขายกัญชาเหมือนเดิมแล้วจะทำยำไง
โธ่ คนเขลา ผมยืนยันว่าลูกเติบโตมากับสังคมแบบไหนเขาจะกลายเป็นคนแบบนั้น ปัญหาของลูกคือมีพ่อแม่ไม่หนักเน้นมากพอ หากคุณมีความหนักแน่นได้ครึ่งหนึ่งของปู่ผมที่แย่งโคแคนผมไปเล่นเอง ลูกของคุณจะไม่เติบโตมากับโคแคนแน่นอน
*****
ถ้าคุณต้องการให้ลูกเล่นโคแคน นั้นคือการตัดสินใจของคุณแต่ไม่ต้องมาหาดาวไลน์หรือดีลเลอร์ในเขตของผม หากคุณต้องการมาทำธุรกิจในย่านผม ผมขอไม่ตอบคำถามแต่จะส่ง เอเจ้นส่วนตัวผมไปเยี่ยมคุณที่บ้านแทน
#มิตรสหายท่านหนึ่งที่ไม่ใช่มิตรสหายใน >>971
เป็นรุ่นพี่แล้วไงอะ ผ่านผู้ชายมามากกว่ากูรึเปล่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"พี่ก็รู้ว่าพี่เลว"
"อี๊ดมันแค่กะหรี่"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"Eminem was black nigga no white boi can rap that good nigga"
-Niggas in 2130
เอ้อขออีกนิดเรื่องธรรมกาย คือเราไม่ใช่คนพุทธแต่เรางงที่คนรับไม่ได้กับพิธีเว่อร์วังของธรรมกาย แต่โอเคกับการบริจาควัดไร่ขิงช่วงมีงานวันละ20ล้าน หรืองานฉลองพัดยศพระสมเด็จระดับกินโต๊ะจีน
รับได้กับวัดป่าหลายแห่งที่สะสมทุนจนร่ำรวยแทบไม่มีอะไรเหลือความเป็นวัดป่าเช่นวัดป่าบ้านตาด แต่รับไม่ได้กับความสะดวกสบายของวัดธรรมกายที่เอาระบบแบบเอกชนไปบริหาร
รับไม่ได้ว่าธรรมกายเป็นคลับที่สร้างเนตเวิร์กของลูกศิษย์วัด แต่รับได้กับคอนเนคชั่นแบบวัดบวรฯ ศิษย์หลวงพ่อโสธร หรือ สายศิษยานุศิษย์หลวงปู่มั่น ทั้งที่ในอดีตกาลวัดก็คือที่แลกเปลี่ยนคอนเนกชั่นแบบนึง
รับได้กับการตีความคำสอนใหม่แบบพุทธทาส หรือบิดเบือนคำสอนเพื่อการเมืองแบบสันติอโศก แต่รับไม่ได้กับการตีความคำสอนแบบธรรมกาย ที่ล้อกันว่าเรื่องบูชาลูกแก้ว
รับได้กับความเบาหวิวและพุทธเซเล็บแบบว.วชิรเมธีที่เซเล็บไม่แพ้ธัมมชโย รับไม่ได้กับการที่ธรรมกายตั้งวัดสาขารุกที่ป่า แต่รับได้กับพุทธะอิสระรุกที่ป่าแล้วอ้างว่าเอาไปดูแล
แม่งเป็นอะไรที่ผมรู้สึกขำๆคนพุทธอยู่ในที
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"หมดปัญหาลูกติดเกม ส่งผลสมาธิสั้น อารมณ์รุนแรง การเรียนตกต่ำ เพียงส่งลูกไปทำนารวม สร้างจิตสำนึกต่อสังคม ฝึกความอดทน เข้าใจชนชั้นกรรมาชีพ สุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง เพราะได้ทำงานกลางแดด หากอยากฝึกภาษามีโปรแกรม work and travel ส่งไปทำงานในไร่ฝ้ายที่นิวออร์ลีน แบบในเรื่อง 12 Years a Slave
แล้วทุกหยาดเหงื่อของลูกคุณจะมีความหมาย มีคุณค่าเป็นผลผลิตทางการเกษตร นอกจากลูกที่ติดเกมเเล้ว โครงการนี้จึงเหมาะสำหรับเด็กที่กินข้าวไม่หมดอีกด้วย อย่ายอมให้เด็กหายใจทิ้งไปวันๆ ส่งมาทำนารวมกับเรา เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของประเทศชาติ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พุทธแท้ พุทธคืออะไร ตับไตไส้พุง
พุทธแท้ต้องตามแบบเงื่อม ก็ดูสวยดี
พุทธที่นามสกุล พุทธยี่ห้อรถยนต์
พุทธเหมือนอย่างท่าน ว.วชิรเมธี
พุทธแท้ต้องทำยังไง ต้องเดินห้างกัน
กุ๊กกิ๊กซึ่งกันและกัน ไม่สนสายตาใคร
คือชั้นไม่เข้าใจ ไม่ขอเป็นพุทธละกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พุทธไม่ค่อยเก่ง แต่บาตรหมดใจ
รู้ว่าชอบอะไร จะหาให้ฉันนนน
"ไม่ได้สนับสนุนธรรมกายในฐานะศาสนา
แต่สนับสนุนธรรมกายในฐานะเสรีภาพในการนับถือศาสนา"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วันนี้ไงพุธแท้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
7ก็เจ๊งได้ครับถ้าเป็น7แฟรนไชส์ ข้างบ้านผมมีลุงมีตึกแถวแกไปซื้อ7แฟรนไชส์มาเปิด เปิดไปได้ซักพัก ปรากฏว่าขายดีจัด มี7จากCPมาเปิดอีกสาขานึงข้างๆเลยแบบใหญ่กว่าของเยอะกว่าไฟสว่างกว่าพนักงานเยอะกว่า ไปๆมาๆลุงบอก7ร้านแกของมาส่งช้ามั่ง ของขาดมั่ง ของสะสมแลกรางวัลไม่มาส่งมั่ง แต่ร้าน7ข้างๆนี่ของไม่เคยขาด ลุงแกไปโวยก็ได้คำตอบมาว่าหน่วยงานที่ดูแลคนละบริษัทกัน ไอ้ผมก็ทำไรไม่ได้ เห็นลุงแกกินเเซนวิช7ที่หมดอายุเป็นข้าวเย็นทุกวันก็อนาถใจ
"True Buddhism"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ได้พล็อตเขียนฟิคใหม่ละ ตั้งชื่อเรื่องว่า : เจ้าสัวกับยัยตัวร้ายสีแครอท"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
"การแถลงข่าวของ NASA แถลงเรื่องใหญ่โตระดับจักรวาลแต่แถลงในห้องเล็กๆ มีโต๊ะเล็กๆ มีป้ายพลาสติกแบบขาตั้ง
เป็นอะไรที่ตรงข้ามกับแถลงข่าวออกโทรศัพท์รุ่นใหม่ของ APPLE มากๆ 555"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยุคพุทธกาลนี่ ก็มีต่างดาวมาเยือนโลกแล้ว แฝงตัวในชมพูทวีปให้อื้อ ในรูปแบบของนักบวช ."ออฟติมัส พราหมณ์" ก็หนึ่งในนั้น จึงไม่แปลกที่ หนุ่มเนิร์ดสิทธัตถะ ผู้ออกผนวชผจญภัยในโลกกว้างจะได้มีโอกาสคลุกคลีแลกเปลี่ยนความรู้กับเหล่าผู้ทรงภูมิปัญญาจากเอกภพ จนบรรลุธรรมเป็นศาสดาเอกของโลกได้
จึงกล่าวได้อย่างเต็มปากว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ซึ่งแม้แต่องค์ความรู้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็ไม่สามารถอธิบายได้กระจ่างแจ้ง เพราะวิทยาศาสตร์ในพุทธล้ำหน้ากว่าหลายขุมนั่นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าชอบไอดอลโกนหัว ขอแนะนำวง DMC48
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีวงไอดอลคู่แข่งอย่างเป็นทางการ คือ DSI46
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
เกย์กะเทยในวงการบันเทิง (ทั้งเบื้องหน้าและทำงานเบื้องหลัง) แม่งเหมือนมีคำสาปนะ 99.99 จะหาแฟนไม่ได้ มีแค่ 00.01 เท่านั้นที่มีแฟนจริงๆเป็นตัวเป็นตน (เช่น วู้ดดี้)
บางคนเหมือนว่ามีแฟน แต่ตอนหลังก็โป๊ะแตกว่าจริงๆผู้ชายมาหลอกแดกเอาเงิน แล้วก็เขี่ยทิ่้ง บางคนก็ต้องจ่ายเงินเลี้ยงผู้ชาย แล้วให้ช่วยตอแหลว่าเป็นแฟน คบๆเลิกๆ โดนหลอกแดกเรื่อยๆ
ซึ่งกูวิเคราะห์ได้เลยว่า เป็นเพราะ "ภาพลักษณ์ของเกย์กะเทยในวงการบันเทิง" ในสายตาคนทั่วไปจะมองว่า "เป็นคนฉลาดแกมโกง เจ้าเล่ห์ มายา ตอแหลเก่ง แรงๆ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว" ทำให้รู้สึกไม่อยากได้เป็นแฟน โดยเกย์กะเทยส่วนใหญ่มักอยากได้แฟนที่เป็น "คนธรรมดาๆ ซื่อๆ ดูไม่มีพิษมีภัย ใช้ชีวิตแบบสงบๆเงียบๆ"
ถ้าเป็นคนธรรมดา เป็นพนักงานบริษัท เป็นพ่อค้า เป็นชาวไร่ ทหาร ตำรวจ หมอ ข้าราชการ ฯลฯ ต่อให้รูปร่างหน้าตาไม่ดี ก็ยังมีโอกาสได้แฟนง่ายกว่ามากๆ แต่พอเป็น ดารา ผู้กำกับ นักร้อง ฯลฯ คนจะรู้สึกกลัวๆว่ะ
เกย์กะเทยในวงการ จะดังหรือไม่ดัง แม่งก็หาแฟนยากว่ะ อย่างตัวกูเองเนี่ย ขนาดเป็นตัวกระจอกๆในวงการบันเทิงนะ กูยังหาแฟนไม่ได้เลย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้สัก 10 ปี สมัยกูยังไม่เข้าวงการ กูหาแฟนง่ายมากเลยนะ เดี๋ยวก็ได้ เดี๋ยวก็ได้ (เป็นฝ่ายโดนจีบด้วย ไม่ได้โกหกนะ) แต่เดี๋ยวนี้ จีบใคร แม่งก็แหวะใส่ วิ่งหนีสุดชีวิต
เยาวชนเดี๋ยวนี้หน้าแก่เร็วกันชิบหาย เห็นหน้าวัยมัธยมกูนึกว่าเพิ่งออกจากคุกมา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
กูก็แยกไม่ออก เลยต้องดูทรงผมพวกแม่งนี่แหละ
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
บางทีชุดที่พยายามทำให้เรียบร้อยที่สุด อยู่ในระเบียบที่สุดก็สามารถกลายเป็นชุดที่ยั่วเย็ดได้มากที่สุดเช่นกัน เช่น ชุดนักเรียน ชุดนิสิต
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ข้อคิดดีเห้นๆ จากหน้า 74 ของหนังสือดีเหี้ยๆ อ่านเล่มนี้เล่มเดียวก็รู้ทันสตาร์ทอัพ รู้ทัน Mark Zuckerberg แบบไม่ต้องเข้าคอร์สเลย
.
นักลุงทุนคือคนที่มีเงินมากกว่าเวลา
.
พนักงานคือคนที่มีเวลามากกว่าเงิน
.
เจ้าของสตาร์ทอัพคือคนกลางระหว่างนักลงทุนและพนักงานที่ต้องใช้เสน่ห์, ความฝัน, ฝีปาก, พระเดช, พระคุณ ดึงให้ทั้งสองฝ่ายทำงาน
.
สตาร์ทอัพคือการทดลองทางธุรกิจที่ใช้เงินของคนอื่น
.
การตลาดก็เหมือนเซ็กส์ มีแต่พวกขี้แพ้ที่ต้องซื้อกิน
.
วัฒนธรรมองค์กรคือสิ่งที่คุณเห็น ไม่ใช่สิ่งที่คุณพูด
.
โลกธุรกิจไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีสัจจะ มีแต่กฏหมาย (อาจใช้ไม่ได้กับไทย)
.
สุดท้ายถ้าสำเร็จ คนก็หยวนๆ ลืมๆ ความเลวที่คุณทำระหว่างทางได้ (บ้าง)
.
คนที่พูดเรื่องธุรกิจคนอื่นให้คุณฟัง ก็จะพูดเรื่องธุรกิจคุณให้คนอื่นฟัง
.
รวยด้วยฝีมือล้วนๆ (ไม่ใช่เพราะบ้านรวย, เส้นใหญ่, มีประสบการณ์ทำธุรกิจสำเร็จมาแล้ว) เป็นโฆษณาชวนเชื่อที่เอาไว้หล่อเลี้ยงวงการ
.
ความโลภและหลงตัวเองเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนสังคมคนชั้นกลาง
.
ผู้จัดการระดับกลางไม่ว่าจะที่ไหน ส่วนใหญ่คือคนไร้ฝีมือที่อยู่ได้ด้วยแรงเฉื่อยในองค์กรและการเมืองภายใน
.
การฟ้องร้องเป็นแค่การแข่งขันระหว่างธุรกิจในอีกหนทางหนึ่ง ("War is the continuation of politics by other means." ของ Clausewitz)
.
ทุนนิยมคือการละครตลก (บางครั้งก็ขาดศีลธรรม) ที่มีเราทุกคนตั้งแต่นักลงทุน, พนักงาน, เจ้าของธุรกิจ, ลูกค้า ต่างก็สมรู้ร่วมคิดด้วย
.
หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วไม่ได้เห็นด้วยหมด แต่หลายอย่างในนั้นเป็ดก็เจอกับตัวเหมือนกัน ไอ้ของไหนที่มันดูไม่ดีก็ถือว่ารับรู้ไว้ระวังตัวละกันครับ
.
คนเขียนแม่มก็ดูนิสัยเหี้ยไม่น้อย สตาร์ทอัพที่ตั้งเองก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จแต่โชคดีว่าได้อยู่ Y-Combinator เลยมี Connection เยอะ, พอจะเจ๊งก็เอาตัวเองไปหลอกขาย (Acquihire) Twitter ช่วงใกล้เซ็นสัญญาปรากฏจีบ Facebook ติดจึงหักหลัง Co-Founder กระโดดไป Facebook คนเดียว, ไปเป็น Product Manager นำทีมสร้าง Facebook Exchange แต่ทำงานได้สองปีโดนการเมืองภายในบีบให้ออก สุดท้ายเลยมาเขียนหนังสือแฉ
.
หวังว่าจะไม่ใช่อนาคตตูนะ...
.
Chaos Monkeys: Obscene Fortune and Random Failure in Silicon Valley
.
https://www.amazon.com/Chaos-Monkeys-Obscene-Fortune-Failure/dp/0062458191/ref=sr_1_1?ie=UTF8&qid=1487646401&sr=8-1&keywords=chaos+monkey
.
ปล. Publisher ไหนในไทยเอามาแปลยังๆๆๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โสเภณี ค่าออฟครั้งละ 1,000 - 1,500 วันนึงรับลูกค้า 2 คน ได้ 2,000 - 3,000 เดือนนึงได้เงิน 60,000 - 90,000
อาชีพอื่นๆในไทย หลายคนยังได้เงินเดือนไม่ถึงครึ่งของโสเภณีเลย ขณะที่อาชีพอื่นๆในต่างประเทศ ได้เงินเยอะกว่าอาชีพโสเภณี
เพราะอย่างนี้ไง ประเทศเราถึงมีโสเภณีมากติดอันดับต้นๆของโลก ขณะที่ประเทศอื่นๆ มีโสเภณีน้อยกว่า คนไม่มาเป็นโสเภณีกัน เพราะไม่รู้จะเป็นทำไม รายได้ก็พอๆกับอาชีพปกติอื่นๆ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.