คนอย่างทรัมป์ชนะได้ยังไง...
หากมองในเบื้องต้น สิ่งที่ทรัมป์เป็น และนโยบายต่างๆ ก็สะท้อนแนวคิดปกติของฝั่ง Republican เก็บภาษีน้อยๆ เน้นธุรกิจขนาดใหญ่ ลดรัฐสวัสดิการ ฯลฯ
แต่ในมิติที่กว้างกว่านั้น ทรัมป์เป็นตัวแทนพรรค Republican คนแรกที่จับเอาประเด็นเรื่องสีผิวและการแบ่งแยกมาใช้เป็นจุดขายอย่างชัดเจน และไม่มีความเขินอายใดๆ
หากเรามองเผินๆ อาจดูเหมือนว่าสื่อต่างๆที่ออกมาจาก Hollywood และอเมริกา ชวนให้เราคิดกันไปว่าเรื่องเหยียดสีผิวได้กลายเป็นเรื่องในอดีต และเป็นสิ่งที่คนอเมริการับไม่ได้อีกต่อไป
แต่ในความเป็นจริงมันไม่เคยหายไปไหน
หากใครเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาเหมือนกับที่ผมเคยเป็น ก็มักจะเจอคำถามเดียวกันเสมอ คือไทยแลนด์คือไต้หวันใช่ไหม เธอขี่ช้างไปโรงเรียนรึเปล่า ที่นั่นคนเป็นกังฟู หรือต่อยมวยไทยกันหมดใช่ไหม และที่โหดที่สุดและโดนถามแน่นนอนก็คือเรื่องหญิงบริการไทย (ผมเคยให้แบ๊งค์ 50 บาทกับเพื่อน มันถามกลับมาว่าอันนี้ซื้อหญิงไทยได้กี่คน)
นั่นก็เพราะความรับรู้เกี่ยวกับโลกของคนอเมริกาส่วนหนึ่งต่ำมาก ส่วนใหญ่คือคนอเมริกาที่อยู่นอกเมืองใหญ่ และที่ที่นักเรียนแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่ได้ไปก็มักจะเป็นบ้านนอกอเมริกา ที่ที่มีแต่คนขาวอยู่กัน ในเมืองที่ผมไปมีคนดำ 1 คน เกย์ 1 คน และคนเอเชีย 3 คน ที่เหลือเป็นคนขาวล้วน (ซึ่งผมจำได้ติดตาว่าเคยเห็นเกย์คนนั้นโดนเอารองเท้าปาหัวในโรงอาหาร )
คนเหล่านี้ไม่เคยได้เห็นเลยว่าอารยธรรมต่างๆ มีความซับซ้อนและลึกซึ้งขนาดไหน ไม่เคยได้เห็นว่าคนอื่นๆในโลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว
ชีวิตของพวกเขา ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีห้างสองสามห้าง ร้าน fast food พร้อมกับภาพในหัวว่านั่นคือที่สุดของโลกใบนี้แล้ว นี่แหล่ะคือ "ความเป็นอเมริกา" และนั่นคือสิ่งที่ทั้งโลกควรเป็น เพราะทั้งชีวิตเขาได้ยินมาเช่นนั้น
แน่นนอนว่านั่นไม่ใช่คนอเมริกาทั้งหมดที่เป็นแบบนั้น เราได้เห็นงานศิลปะ และนวัตกรรมเจ๋งๆออกมาจากประเทศนี้มากมาย จนอดสงสัยไม่ได้ว่าไอคนที่ฉลาดพอจะสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ทำไมถึงได้ฉลาดไม่พอที่จะเลือกประธานาธิบดีคนอื่นแทน
แต่นั่นคืออเมริกาเพียงครึ่งเดียว ที่เราชาวโลกมีโอกาสได้เห็นผ่านสื่อต่างๆ อเมริกาที่เป็นผู้นำด้านวัฒนธรรมโลก อเมริกาที่เดินทางไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก อเมริกาผู้คิดค้นประดิษฐ์เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกมามากมาย
ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของอเมริกาที่ผมพูดถึงก่อนหน้า แม้มีอยู่จริง แต่ชาวโลกไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็น เพราะเป็นอเมริกาส่วนที่ไม่ได้ออกมาเชื่อมโยงกับชาวบ้านมากนัก และคงไม่ได้สัมผัสหากไม่เคยไปอยู่ที่นั่นจริงๆ
การที่ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องเกินคาดเลย เพราะที่คือสิ่งที่สะท้อนความเป็นอเมริกาได้อย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาที่สุด และมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจคนเสมอมา เพียงแค่อาจจะถูกรักษาสมดุลย์ไว้ด้วยด้านที่ดีกว่าของอเมริกา ความเกลียดชังเหล่านี้จึงไม่กล้าออกมาโลดแล่นในที่แจ้งมากนัก
แต่ความน่ากลัวมันจะเริ่มหลังจากนี้ เมื่อการเหยียดสีผิวและการแบ่งเชื้อชาติ ได้รับการรับรองจากอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน
link นี้แสดงให้เห็นถึงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น เพียงแค่ 1 วันหลังจากที่ทรัมป์ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี
https://twitter.com/i/moments/796417517157830656
ผมได้ดูแล้วก็นึกถึงหลายๆสิ่งที่ตัวเองเคยเจอตอนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมในอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่ไม่ต่างอะไรกับในหนัง ที่ที่คนตัวเล็กโดนรังแก ที่ที่คนที่แตกต่างถูกแกล้งและล้อเลียน
และหลังจากนี้ไป ดูเหมือนว่าทั้งประเทศกำลังจะกลายเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ ที่ครูใหญ่อนุญาตแล้วว่าการแกล้งเพื่อนไม่ใช่เรื่องผิด
น่ากลัวเหลือเกิน
และรอยร้าวกำลังแสดงตัวอย่างชัดเจน
บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเสื่อมถอยของประเทศนี้อย่างแท้จริงก็ได้...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง