มู้เก่า
https://fanboi.ch/lounge/1161 โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง
https://fanboi.ch/lounge/2603/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 2nd quotes
Last posted
Total of 1000 posts
มู้เก่า
https://fanboi.ch/lounge/1161 โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง
https://fanboi.ch/lounge/2603/ โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 2nd quotes
ตรัสแบบนิรนาม
เอาทศกัณฑ์มาทำคลิป ✖
เอาทศกัณฑ์มาทำเกมโชว ✔
WTF
มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนโวยมันป้าแก่ๆ เสือกดิ้นเป็น viral กันไปเอง
ยังกะโฆษณาให้เลย กูว่าคอนเซปต์น่ารักดีแต่รู้สึกว่ายังไม่สุด
พอโดนแบบนี้กลายเป็นเลอค่าขึ้นมาเลย
พี่ที่อยู่บริษัทเดียวกันมาบ่นให้ฟังบ่อยๆ ว่าภรรยาทำอาหารไม่อร่อย แต่บ่นต่อหน้าไม่ได้ สอนวิธีให้ทำก็ไม่ได้ งอน ทำมาทีก็เหลือบานเบอะ ลูก ผัว ไม่ค่อยเจริญอาหาร หลังๆ มาบอกว่าถ้าเห็นเมียเตรียมเข้าครัว ถ้าแกไม่เหนื่อย ไม่งานยุ่ง แกจะรีบมาแย่งทำอาหารเอง วันนั้น ลูกๆ จะชอบใจ
กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็เขี่ยทิ้งไป
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"รบ เถิดอรชุน ฆ่าปู่ ฆ่าญาติ พี่น้องไม่บาปเลย เราเเค่เร่งเวลาให้เร็วขึ้น ให้เขาไปเกิดใหม่ ในภพภูมิทึ่ดี เเล้วเราจักชนะ ผู้ชนะเป็นผู้กำหนดความชอบธรรม"
ร่วมเผยแพร่ศาสนาอิสลามกันครับ
.
ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม(นบีมูฮัมหมัด)
กล่าวว่า "สตรีใดที่ใส่ของหอม แล้วเดินผ่านผู้คนกลุ่มหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาได้กลิ่นหอมของนาง แน่นอนว่าเธอคนนั้นคือโสเภณี"
.
ส่วนข้อห้ามทั้งหมดมี 13 ข้อครับ
1 ห้ามสตรีออกจากบ้านโดยใส่ของหอม
2 ห้ามภรรยาปฏิเสธการร่วมหลับนอนกับสามี เมื่อเขาร้องขอ
3 ห้ามสตรีพรรณนาหญิงอื่นให้สามีของนางรับฟัง
4 ห้ามสตรีทำการถือศีลอดสุนัต โดยที่สามีอยู่ นอกจาก ได้รับการอนุญาตจากเขา
5 ห้ามสตรีอวดความสวยงามต่อหน้าบรรดาบุรุษ
6 ห้ามขอดุอาอ์ให้ประสบความวิบัติแก่บุตรหลาน
7 ห้ามเปิดเผยความลับการร่วมสุขระหว่างสามีภรรยา
8 ห้ามสตรีทำการใช้จ่ายทรัพย์สินของสามีนอกจากได้รับการอนุญาตเสียก่อน
9 ห้ามสตรีทำการ สัก ถอนขนที่ใบหน้า และถ่างฟัน
10 ห้ามสตรีฝ่าฝืนสามีของนาง โดนนบีมูฮัมหมัดได้กล่าวว่า "หากฉันจะใช้คนหนึ่งทำการสุยูด(กราบ)ให้กับบุคคลหนึ่ง แน่นอนฉันจะใช้ภรรยาทำการสุยูด(กราบ)ต่อสามีของนาง"
11 ห้ามสตรีปฏิเสธตัดพ้อต่อสามีผู้ร่วมชีวิต
12 ห้ามบรรดาสตรีของหย่ากับสามีโดยไร้เหตุผล
13 ห้ามสตรีอยู่ตามลำพังกับชายอื่น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ทศกัณฑ์นี่ผิดโจทย์มากๆครับ....ถ้ากูเป็นคนอนุมัตินี่ไม่มีทางเซ็นผ่านไปออนแอร์
เวลาคุยกับเพื่อนๆทึ่มันเป็นเมกัน....ทั้งที่เคยไปเที่ยวเมืองไทยมา.... และตั้งใจว่าจะไปเที่ยว....ไม่มีใครสนใจอยากไปดูโขนทศกัณฑ์ขี้หีอะไรนั่นหรอก(พิมพ์ยากชิบหาย จะ upper case เหี้ยอะไรแม่งทุกตัวอักษร...ควย!!)
จุดขายเมืองไทย ?
อาหาร....อาหารข้างทางอร่อยสัส ราคาถูก.... แมงสาบแม่งไต่ขึ้นขาก็ไม่เป็นไร สะบัดๆออก...เหยียบแป๊บบบ แดกต่อ.... ซึ่งคนที่กูคุยด้วยนี่ก็เป็นคนเดียวกับที่งอแงเรื่องการแดกที่บ้านเกิดมาก มีเส้นผมเส้นนึงในอาหารนี่แม่ง เรียกผู้จัดการมาด่า ปฏิเสธการจ่ายเงิน แม่งเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ...แต่พอไปเที่ยวเมืองไทย....มีขาแมงสาบในจานแม่งยังชิวๆ เขี่ยออก....แดกต่อ
ธรรมชาติ...ทัศนียภาพทางธรรมชาติเมืองไทยไม่ได้สวยกว่าที่อื่นของโลก ...แม่งงงั้นๆ...แต่มนุษย์สามารถมีกิจกรรมอยู่กับธรรมชาติได้นานกว่า,หลากหลายกว่า....ทะเลไทยแม่งก็ไม่ได้สวยกว่าถึงขนาดที่ว่าก่อนตายต้องมาเห็น....แต่มึงเล่นน้ำได้เป็นชั่วโมงๆโดยไม่ต้องพึ่งชุดรักษาอุณหภูมิ....หน้าร้อนทะเลเมกาแดดเผากบาลเปรี้ยงๆ พอมึงลงน้ำได้ 20 นาทีตะคริวแม่งจะแดกน่อง...แม่ง ไอ่สัส เย็น...น้ำแม่งเย็นจัด
กิจกรรมทางเพศ....เพื่อนกูเป็นดีเจรายการวิทยุประมาณพี่อ้อยพี่ฉอด....ความถ่อยของรายการแม่งอยู่ในระดับ 20 ตีนถีบ...(เกมทายปัญหาชิงรางวัลในรายการมันคือ ให้ผู้ฟังทางบ้านโทรเข้าไปอธิบายว่าหีของเทย์เลอ สวิฟท์ ควรจะมีหน้าตาแบบไหนเพื่อชิงรางวัลตั๋วคอนเสืร์ทเทย์เลอ....ไอ่สัส...5555) ใครอกหักรักคุดโทรมาในรายการมันนี่มันแนะนำตลอดว่าให้พักร้อนไปเที่ยวเมืองไทย...แล้วรับรองว่ามึงจะลืมแฟนเก่าได้ภายใน 2 อาทิตย์.........แม่งดิสนีย์แลนด์ที่มีรูหีและรูตูดเป็นธีมดีๆนี่เอง มึงจะเอายังไงพิศดารขนาดไหนจากที่มึงเห็นมาจากหนัง......ได้หมด !!!...ขอแต่เงินมึงถึง (40-50usd ซึ่งราคานี้ตีกะหรี่ไทย 3 รอบถึงจะได้กะหรี่เมกันรอบเดียวไม่รวมทิป)
ที่สำคัญกะหรี่ไทยทำงานด้วยจิตบริการ.... $50 แม่งดูแลเหมือนแฟน หอมแก้ม นวด อาบน้ำ ทำกับข้าว เทียบกับจ่าย 150 ที่บ้านเกิดแล้วแม่งถ่างขาให้เอาอย่างเดียว น้ำแตก แม่งก็เอากางเกงโยนใส่หน้ามึงแล้วไล่ลงห้อง.....
........ดังนั้น ....เห็นด้วยกับคุณลัดดาครับ...เอาทศกัณฑ์เหี้ยไรนี่ออกเหอะ....เอากะหรี่สเตอริโอไทป์มาชวนเที่ยวไทยแทน...เพิ่มกระเทย กับ เด็กผู้ชายอายุ(18+) แต่หน้าเด็กๆตัวผอมๆ ด้วยก็ดีครับ....
รีบครับ.... เรากำลังจะเสียแชมป์ซ่องของโลกให้ฟิลิปปินส์นะครับถ้ามัวชักช้า"
มิตรสหายท่านหนึ่ง
>> "10 ห้ามเปิดเผยความลับการร่วมสุขระหว่างสามีภรรยา"
ผัวเย็ดไม่มันส์ ลีลากาก ก็ห้ามบ่น
"หนุมานต้นฉบับเป็นเทพลิงถือพรหมจรรย์
เข้าไทยกลายเป็นลิงเจ้าชู้เอาไปทั่วตั้งแต่นางมณโฑ นางเบญกาย นางมัจฉา
ทศกัณฐ์นี่ก็เป็นราชายักษ์มีสัจจะ
เข้าไทยนี่กลายเป็นเอาไม่เลือกหน้าจนกระทั่งช้างม้าวัวควาย
อิเหนาในตำนานชวาก็เป็นเจ้าชายจอมโจร
เข้ามาไทยเป็นหนุ่มสำอางเจ้าชู้
นิทานไทยต้นฉบับอย่างขุนช้างขุนแผนกับพระอภัยไม่ต้องพูดถึง
"ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ ไม่ติดขัดห้ามปรามตามวิสัย
ถึงมนุษย์ครุฑาสุราลัย สุดแต่ใจปรองดองจะครองกัน"
อืมมมเราน่าจะได้เอกลักษณ์ไทยแท้แล้วนะครับว่าคืออะไร
ควรโปรโมทให้รัชดาภิเษก พัฒน์พงษ์และพัทยา เป็นแหล่งท่องเที่ยวสืบสานภูมิปัญญาไทยโดยแท้จริง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"-_- ดูวิดีโอแล้วผมก็รู้สึกว่าทำได้แย่ว่ะ ผมไม่มีปัญหานะที่จะโปรโมตการท่องเที่ยวในไทย แต่ทำไมต้องมา "ยกตนข่มท่าน" หรือแซะการไปเที่ยวประเทศอื่นด้วยวะ (ไอ้ท่อนที่บอกว่า ยุโรปญี่ปุ่นไปทำไม เที่ยวเมืองไทยดีกว่า เอ่อ ก็ประเทศมึงมีอย่างที่เค้ามีมั้ยล่ะ)
เรื่องนี้นี่มันเข้าข่ายคำว่า dumb and dumber จริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เคยเฉียดไปเรียนด้านภาษาและวัฒนธรรมอยู่เทอมนึงก่อนจะเดินจากมาหน้าเฉยตาเฉย แต่ก็ได้เรียนทฤษฎีว่าด้วย “ความห่างไกล” (อันนี้สรุปๆ ทฤษฎีรวบๆ เอาเอง นี่เขียนแบบเขียนสเตตัสนะ มันคือการเขียนลวกๆ ออกตัวไว้ก่อน)
ทฤษฎีนี้บอกว่า ในแง่ของภาษา จะพบว่า ภาษาที่ต้นกำเนิดของภาษานั้นจะมีพลวัตร มีความเปลี่ยนแปลงมากกว่าภาษาเดียวกันนั้นในที่ห่างไกลออกไป ทฤษฎีนี้อธิบายสภาพของภาษาวัฒนธรรมที่อยู่ห่างจากต้นกำเนิด มีแนวโน้มที่จะถูกอนุรักษ์ไว้และไม่ขยับเปลี่ยนแปลงมากนัก หลายคำในภาษาจากดินแดนที่เรียกว่ากวางสี เมื่อมันเข้ามาอยู่ในดินแดนไทย มันจะถูกอนุรักษ์ไว้ เช่นคำว่า ข้าว คนไทยยังเรียกมันด้วยเสียงหนักตามคำเดิมแต่โบราณกาล แต่คำนี้ในดินแดนต้นกำเนิดของคำนั้นเสียงหนักๆ ของ ข. กร่อนเบาลงแล้ว เป็นต้น (ทฤษฎีเขาว่ามา ไม่เคยฟังเองเหมือนกัน)
เรื่องนี้เราพบด้วยประสบการณ์เหมือนกัน ว่าคนไทยที่อยู่เมืองนอกนานๆ (ก็คือห่างไกลต้นทางภาษา) บางทีก็ไม่รู้ว่าภาษาไทยมันมีพลวัตรไปยังไง คำไหนนิยมใช้ คำไหนไม่นิยม คำภาษาต่างประเทศบางคำ คนไทยใช้แบบทับศัพท์หรือต้องแปลออกมาเป็นภาษาไทย---นี่คิดจะเสนองานวิจัยทำนองนี้ดีไหม ว่าคนไทยในต่างแดนนั้นอาจจะอนุรักษ์ภาษาไทยแบบแผนมากกว่าคนไทยในประเทศไทย
คิดต่อแบบชวนโดนรุมสหบาทา ก็คือ ในส่วนของความเป็นไทยในประเทศไทยที่มีความพยายามอนุรักษ์โน่นนี่นั่น ในด้านหนึ่งมันก็สะท้อนความเป็นชายขอบที่อยู่ห่างไกลต้นกำเนิดภาษาและวัฒนธรรมอยู่เหมือนกัน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมไม่เปรียบเทียบนะ
แต่ สำหรับผมที่มีส่วนร่วมในการพิจารณารับเด็กใหม่ของบริษัทบ่อยๆ
ป.ตรี จบใหม่ ไม่ใช่เฉพาะทาง ไม่มีประสบการณ์ อยากได้ 15-20K ผมไม่คุยเลย ลองพิจารณาที่อื่นแล้วกัน
เพราะถ้าคิดในมุมองค์กร อะไรพิสูจน์ได้บ้างว่า เงินที่จ่ายคุณไป คุณจะตอบแทนกลับมาได้
15K ต่อเดือน เท่ากับบริษัทมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น 180Kต่อปี ไม่รวมสวัสดิการ อุปกรณ์สำนักงาน ค่าไฟ ค่าน้ำ อื่นๆที่ต้องเสียให้
แล้วเด็กจบใหม่นี่ไม่ต้องห่วง 3-6 เดือนแรกแทบทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ต้องศึกษางานกันตลอด
อยากได้ benefit สูง คุณต้องพิสูจน์ตัวเองว่าสมควรจะได้ ไม่ใช่เอาข้อ excuse มาอ้างว่าไม่พอกินไม่พอใช้ คนละเรื่อง
เด็กจบใหม่สมัยนี้ติดค่านิยมผิดๆจากสังคม โดยไม่ได้พิจารณาตัวเองเลยด้วยซ้ำ
เพื่อนบอกว่าได้ 20K 25K ในเนทบอกเงินเดือน 50K 100K ฉันจะเอาบ้าง
บริษัท หรือองค์กรที่พร้อมจะจ้างระดับนั้นมันก็มี แต่มีเยอะแค่ไหน แล้วเด็กจบต่อปีเยอะแค่ไหน
มันถึงมีประทู้บ่น หางานไม่ได้ ตกงาน ให้เห็นเรื่อยๆ ก็เพราะแบบนี้
เอาแค่ประสบการณ์ส่วนตัว ปีนี้ผมรับเด็กจบใหม่มาแล้ว 8 คน คงเหลือ 2 คน
บางคนมาทำงานเดือนเดียวหาย บางคนสองเดือนหาย
หนักสุด มาทำงาน 3 วันยังเทรนนิ่งไม่จบ บอกเบื่อหาย หายนี่คือหายไปเลยไม่มาเลย ไม่ใช่ลาออกด้วย
บางคนมานั่งทำงาน เช้านั่งกินกาแฟ เที่ยงแฟนมารับไปกินข้าวกลับมาบ่ายสาม แล้วนั่งเล่นเนทจนเลิกงาน
ถ้าลองคิดในมุมผู้ประกอบการ ถ้าเงินเดือนเริ่มต้น 25-30K แล้วมีความเสีย่งในการจ้างคนแบบนี้มาทำงาน ปีๆนึงบริษัทจะเสียเท่าไหร่
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"การมีพวกที่หัวเก่ายิ่งกว่า conservative นี่ ทำให้คนโง่จำนวนมากคิดว่าตัวเองฉลาดหรือก้าวหน้ากว่าความเป็นจริงเนอะ"
#มิตรสหายท่านหนึง
Roses are red,
Violets are blue,
Harambe the gorilla,
Chilling at the zoo,
Until someday a child,
Was able to get through,
The mother surprised,
Harambe to the rescue,
His keeper came,
With a gun on queue,
Harambe saw him,
He knew he was screwed,
His killer walked away,
Ever so free,
Harambe dead,
In our hearts he’ll forever be.
#มิตรสหายท่านหนึง
"ทุกครั้งที่มีลูกค้าที่เน้นเรื่องสุขภาพสั่งก๋วยเตี๋ยวแล้วบอกว่าไม่ใส่ผงชูรส อยากจะกระซิบบอกเขาและเธอเหลือเกินว่ามันอยู่ในทุกอณูของน้ำซุปในหม้อก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้วอ่ะครับ - -""
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมื่อวันรับปริญญา กลายเป็นวันขาดละหมาดสำหรับบางคน
ยอมขาดละหมาด เพื่อดุนยา
ยอมขาดละหมาดเพื่อรักษาหน้าสวยๆ
ยอมขาดละหมาดเพื่อได้รูปถ่ายสวยๆ
"แค่วันนี้วันเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก"
"จะให้ทำยังไงล่ะ จะให้ฉันไปล้างหน้าที่เพิ่งแต่งเมื่อกี้นี่นะ"
"ปกติแล้วกูก็ไม่ละหมาดครบอยู่แล้ว "
"ทำเป็นเคร่งนะแก "
"ค่อยชดก็ได้ อย่าคิดมากนะ"
"แกจะให้ฉันเดินออกจากแถว เพื่อไปละหมาดงั้นหรอ?"
"ไม่เห็นใครไปละหมาดที แกนิเวอร์ไปไหม?"
"ก็ฉันกลัวอาจารย์โกรธนี่นา "
"กูไม่กล้ายืนขึ้นออกไปอ่ะ กลัวเขามองว่ากูแปลก จะเดินออกไปไหน"
"จะละหมาดที่ไหน มัสยิดก็อยู่ไกล ไปละหมาดกลับไม่ทันแน่"
หยุดอ้างเหตุผลเหล่านี้
เพราะคำตอบเหล่านี้ไม่สามารถตอบในวันแห่งการสอบสวนได้
อิสลามไม่ได้ปฎิเสธการรับปริญญา
อิสลามไม่ได้ปฎิเสธความสวยงาม
แต่อิสลามปฎิเสธการขาดละหมาด
งานรับปริญญาหลายที่ เปิดโอกาสให้มุสลิมไปละหมาด
แต่บางคนกลับไม่ยอมไปละหมาด เพียงเพราะกลัวหน้าเลอะ
หรือไม่รู้ว่าจะละหมาดตรงไหน
ยาอัลลอฮ
ละหมาดเถอะก่อนที่คุณจะถูกละหมาด
เราสามารถละหมาดได้ทุกสถานที่ ไม่จำเป็นต้องเป็นมัสยิด
อย่ากลัวอาย เพราะต้องละหมาดท่ามกลางสายตาคนอื่น
แต่จงอาย เพราะขาดละหมาด
อย่าให้เรื่องง่ายๆเป็นเรื่องยาก
คนต่างศาสนิกจะมองว่าแค่วันเดียวเองที่ขาดละหมาด
แต่คนมุสลิมเราจะมองว่าแค่วันเดียวเองที่ทำให้เราตกศาสนา
จงรักษาศาสนาของเราให้ดี
ถามตัวเอง ว่า
รับปริญญาด้วยและละหมาดด้วย ทำไม่ได้หรอออ?
การละหมาดครบไม่ใช่หน้าที่ของคนเคร่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน
ส่วนตัวแอดมินรับปริญญาครับ และก็ไม่ลืมละหมาด เพราะมหาลัยเกือบทุกแห่งจะเปิดช่วงเวลาให้บัณฑิตมุสลิมไปละหมาด และถ้าไม่มี เราก็สามารถจะขออนุญาตอาจารย์หรือผู้ดูแลเพื่อไปละหมาด ซึ่งทุกมหาลัยเข้าใจในจุดนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Pokémon go ตอนนี้กลายเป็น Pokémon gone แล้ว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
1. หญิงใดมีหนวดเครา และมีขนหน้าแข้งเหมือนผู้ชาย เป็นหญิงอัปลักษณ์ ชอบทำลายทรัพย์สมบัติของผัว หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
2. หญิงใดมีสะโพกเอียง หรือเวลาเดินไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นหญิงอัปลักษณ์ หาผัวยาก หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
3. หญิงใดที่แก้มมีลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้าง เป็นหญิงหลายใจ รักง่ายหน่ายเร็ว หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
4. หญิงใดชอบนอนคว่ำนอนหงายเป็นประจำ เป็นหญิงที่ชอบนอกใจผัวไม่น่าไว้วางใจ หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
5. หญิงใดมีหลังมือหลังเท้านูนเหมือนหลังเต่า และมีนิ้วมือชิดสนิทกัน เป็นหญิงเจ้าทรัพย์ ใครได้เป็นเมียจะมีแต่ความสุขความเจริญ หญิงเช่นนี้ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
6. หญิงใดมีปานดำที่ฝ่ามือ หน้าอก และในที่ลับ หรือปานแดง ไฝแดง ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า เป็นหญิงที่มั่งมีด้วยทรัพย์สมบัติ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
7. หญิงใดมีไฝที่ของลับหรือในที่ลับ เป็นหญิงมีชื่อเสียง มียศฐาบรรดาศักดิ์ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
8. หญิงใดมีไฝที่ใต้นม เป็นหญิงมีเสน่ห์มีคนรักใคร่ มีโชคลาภเป็นประจำ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
9. หญิงใดมีไฝที่หูข้างขวา เป็นหญิงที่มีจิตใจอารี เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาไปเป็นเมีย
10. หญิงใดมีไฝที่ขมับข้างขวาเป็นหญิงที่มีใจรวนเร ชอบนอกใจผัวหญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
11. หญิงใดมีไฝที่ลูกกระเดือกเป็นหญิงที่มีใจอำมหิตโหดร้าย หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
12. หญิงใดมีไฝที่ริมฝีปากล่างเป็นหญิงอาภัพ พึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ต้องช่วยตัวของตัวเอง หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
13. หญิงใดมีไฝที่ริมฝีปากบนเป็นหญิงที่ชอบเล่นชู้ มีผัวบ่อยๆ หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
14. หญิงใดมีไฝที่ดั้งจมูกเป็นหญิงที่หงุดหงิดง่าย โกรธ่าย เอาแต่ใจตัวเอง หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
15. หญิงใดมีไฝที่หน้าผาก หรือระหว่างคิ้ว เป็นหญิงอาภัพ ลูกและผัวมักจะตายจากกัน หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"Science builds airplanes and skyscrapers, and faith brings them together."
วิธีเลิกท่อมง่ายมากทีเดียวหายขาดเลยครับวัตถุดิบก็หาง่าย ขั้นตอนแรกนำใบขี้ไก่มาตำรวมกับใบทำมังแล้วใส่น้ำส้มสายชู1ช้อนชาน่ะครับจากนั้นใส่ยาทัมใจไป2ห่อแล้วตามด้วยน้ำใบบัวบกจากนั้นคลให้เข้ากันตำจนละเอียด แล้วอมไว้กินแต่น้ำห้ามกลืนน่ะครับพอรสชาติจืดแล้วค่อยคาย อาการแรกจะอ้วกครับอาการมี่สองมึนนิดๆคับจากนั้นพออาการดีขึ้นความยากท่อมหายครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีผญคนนึงโพสต์ว่าไม่ชอบพวกLGBTบนFB หลังจากนั้นผญคนนั้นก็โดนเเคปไปรุมด่ากันเมามันว่าไม่PCเบย ไม่Liberalเบย
เเค่เเสดงความเห็นว่าไม่ชอบก็โดนด่า ในอนาคตถ้ากูประกาศว่าไม่ชอบบร็อคโคลี่ จะโดนกลุ่มBroccoli Enthusiastเเคปไปด่าไหม
ความรู้สึกเหมือนกับประกาศว่าไม่ชอบพรรคนาซีในเยอรมันยุคฮิตเลอร์ หรือประกาศว่าไม่ชอบคอมมี่ในจีนยุคประธานเหมา
เเต่เปลี่ยนจากนาซีกับคอมมูนิสต์ไปเป็นความPolitical Correct
-มิตรสหอยนายหนึ่ง
ขณะนั่งรถเวียนในโรงแรมแห่งหนึ่งริมหาดป่าตอง จู่ๆก็มีฝรั่งคนนึงชี้ไปที่ต้นไม้สูงๆแล้วบอกเพื่อนว่า "ดูนั่นสิ ใครก็ไม่รู้ปีนต้นไม้เล่น ไปทำอะไรบนนั้นเนี่ย"
เราก็มองตามไป ...
ไหนวะ ...
เลยก้มหน้าก้มตาจับโปเกมอนต่อไปเงียบๆ ...
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"มีน้องถามว่าอะไรคือเคมีตรงกัน?
เออหวะ ตอบไม่ได้
มันเป็นฟิลลิ่ง เข้าใจช่ะ ฟิลลิ่ง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เคมี ... ตรงกัน
เค
มี ... อันนี้ไม่ตรงกัน"
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
บางทีกูก็อยากให้มีสงครามครูเสดอีกรอบ
เพราะการกำจัดอิสลามคือทางออกของโลก
-มิตรสหายท่านหนึ่ง
จีนรัสเซียเมกายังอยู่ ปัญหาไม่หมดไปหรอก
-มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
"Success is born out of luck. It's awareness of mind that takes advantage of that opportunity. You will all be confronted with opportunity. You must take advantage of it, 'cause if you don't take advantage of your opportunity, you'll never realize your dreams. Whether you want them or not it's an irrelevance; you don't know that until you achieve it."
#มิตรสหายเชฟท่านหนึ่ง
ถ้าฟังเพลงต่างประเทศจะเห็นว่า แนวเพลงโครตหลากหลายเลย ไม่งั้น กลาสตันบิวรี่ หรือ โคชเชลล่า คงไม่มีคนรอคอยทุกปีหรอก
คนไทยต้องมีกระแสอะไรสักอย่างถึงไปฟังเพลงฝรั่งเป็นเพลงๆไป เช่น กระแสมหาหิงกับทูดอร์ ก็ไปฟัง What You Know เพลงเดียว
กระแส Im Your จากเดี่ยวอุดม ก็ไปฟังเพลงเดียว แต่คิดไปฟังเอง เหอะ ไม่ฟังหรอก
ถ้าฟังก็เพลงเก๊าเก่า เช่น Zombie หรือ When You Say Nothing At All เพลงพวกนี้ตั้งแต่ผมยังตัดหัวเกรียนเดินลานน้ำพุสยามอยู่เลยนะ
และ ยิ่งแนวแปลกๆจากต่างประเทศ คงไม่เปิดใจรับเลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
555+
แต่ผมเห็นมาเยอะนะ
คนที่บอกว่า "ฉันฟังได้ทุกแนว"
แต่พอเปิด เมทัล บอก หนวกหูว่ะ ปิดๆเปลี่ยนๆๆๆ
พอเปิดอินดี้ เพลงอะไรฟังไม่รู้เรื่อง เปลี่ยนๆๆๆ
ปล.ไม่ได้ว่าใคร แค่เจอคนที่พูดแบบนี้เป็นสิบคนและ
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
ดูจากสภาพสังคมแล้ว มหาลัยแถวอำเภอหนองหาน จังหวัดเชียงใหม่อาจจะเป็นแหล่งซ่องสุมกบฎที่ใหญ่ที่สุดในไทยก็เป็นได้ ฝึกตั้งแต่การหลบระเบิด ฟังคำสั่งรุ่นพี่ราวกับทหารรับใช้ และมีรุ่นพี่เก่าๆมีอำนาจมากพอที่จะกุมบังเหียนที่แห่งนี้ไม่ให้เกิดการต่อต้านจากเด็กใหม่ได้ ราวกับพวกเขาเป็นอำนาจมืดที่มองไม่เห็น
"Hahahahahahahaha How The Fuck Is Cyber Bullying Real Hahahaha Nigga Just Walk Away From The Screen Like Nigga Close Your Eyes Haha"
-มิตรสหายคนดำบนทวิตเตอร์ท่านนึง
bonus : https://www.youtube.com/watch?v=qyXIjAkEmWs&ab_channel=thememe
"ความหวังนั้นอาจมีหรือไม่มีอยู่แล้วตั้งแต่แรก เหมือนกับถนนบนพื้นนั้น แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่มีถนน จนเมื่อคนพากันเดินมากเข้า มันจึงกลายเป็นถนนขึ้นมา"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
I have a colt. I have a brother. bang!!!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Dead brother!
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
"I was being judged by people who had less knowledge than me, so what was it truly worth? I gave Michelin inspectors too much respect, and I belittled myself. I had three options: I could be a prisoner of my world and continue to work six days a week, I could live a lie and charge high prices and not be behind the stove or I could give my stars back, spend time with my children and re-invent myself."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"นี่ๆ มันเป็นเรื่องประหลาดใจเรามาก เด็กมหาลัยสมัยนี้มาขายตรงกันหมด รุ่นพ่อรุ่นแม่ก็กลัวไปดิ กลัวคนจะมาชวน ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เฮ้ออออ แล้วที่สำคัญ ต้องขึ้นสเตตัส แบบบิ้วๆ "ไอ้สัส ใครจะว่าไงกูไม่สน กูทำ กูสู้ บลาๆๆๆ" แล้วของที่ขายคือคอลลาเจน พีคมากกๆๆ แล้วตัวแม่คือคนอายุประมาณสามสิบกว่า แต่งตัวเซ็กส์ๆ โพสต์รูปรถสปอร์ต รูปบ้าน พิมพ์สเตตัสกูมึงแบบห้าวหาญ บิ้วเด็กเห่อหมออ้อย น่ากลัวมาก พ่อแม่ก็ทำงานหาเงินงกๆ ส่วนลูกเอาเงินมาลงกะขายตรง สงสารประเทศชาติมาก... เราว่ามันคือความเศร้ามากๆ มีเด็กบางคนออกจากเรียน แล้วโพสต์แบงค์พันเรียงๆๆ บอกว่า "ได้แล้วอาทิตย์เดียว ยังต้องเรียนอีกหรอออ" โอ๊ยย ที่เรารู้เพราะมีเด็กที่เราเคยรู้จักสมัยมันอยู่ม.5 มันมาชวนเราทำด้วย เซอร์มาก"
(มิตรของมิตรท่านหนึ่ง)
"ด้วยความที่ โปเกมอนโกมันพัฒนามาจากอินเกรส ที่มีการปักหมุดสถานที่ต่างๆ จนกลายเป็นโปเกสตอปเมื่อสัก3-4ปีก่อน สิ่งที่น่าสนใจก็คือ การเปลี่ยนแปลงของบริเวณๆ นั้น
เช่นโปเกสตอปจุดนึงของเซนทรัลลาดพร้าวที่เป็นนิทรรศการจรวดนาซ่าเมื่อหลายปีก่อน หรือหน้าสยามดิสคัฟเวอรีมีโปเกสตอปนกเพนกวินพาเหรดซึ่งทำให้อนุมานได้ว่าน่าจะปักช่วงที่เป็นเฟสติวัลหน้าหนาว
แต่จุดที่มีความเปลี่ยนไปไม่เหลือร่องรอยเดิมก็คือบริเวณแถวซอยจุฬา ตลาดสวนหลวง และตลาดสามย่าน พบว่านอกจากตลาดสามย่าน แอมพาร์ก และส.น. ปทุมวัน จุดอื่นๆ ล้วนหายไปหมดแล้ว
ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาทรัพย์สินจุฬาฯไล่รื้อชุมชนออกไปจำนวนมากเรียกได้โล่งเตียนเลย ทั้งนำไปพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเตรียมทำอุทยานจุฬาฯ เราเลยเห็นร่องรอยสิ่งที่มีอยู่ได้ผ่านจุดโปเกสตอปต่างๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>52-53 ชีวิตลุงแกโดนใครทำร้ายมาวะ เป็นเซเล็บที่กูว่าโคตรบ้าเลย
เวลาพูดให้สัมภาษณ์แต่ละทีดูเป็นพวกสิ้นหวังกับชีวิตและการงานอาชีพตัวเองมากๆ แต่ยังไม่ได้อยากตายก็หาเงินใช้แบบทำไปงั้นๆ
เวลาทำอะไรเชี่ยๆก็แบบประมาณว่า เออแล้วไง แบบว่าลุงแกไม่สนใจห่าอะไรกับชีวิตนี้แล้ว แต่คนชอบแกก็เยอะนะ
ส่วนคนเกลียดแกก็เยอะพอกัน ส่วนมากก็เพราะไอ้เรื่องคนอร์นี่แหละ 555
ก่อนหน้านี้สักพักหนึ่ง ได้ไปเถียงกับ anti-liberal คนหนึ่ง (ที่ประมาณว่า เกลียด political correctness, เรียกนโยบายช่วยเหลือ minority ว่าเป็นการ"โอ๋" เป็นต้น) ในประเด็นเรื่องนาฬิกาของอาเหม็ด มูฮัมหมัด พอเถียงไปสักพัก มันก็แช่งผมให้โดนระเบิดมุสลิมตาย บางคนมีการไล่ให้ไปอยู่ตะวันออกกลางจะได้รู้ว่ามุสลิมเป็นยังไง
ประเด็นคือ ตอนเรียน ป. ตรี ผมสนิทกับอาจารย์ด้าน cryptography คนหนึ่งที่มาจากอิหร่าน อาจารย์แกให้คำปรึกษาเรื่องงานวิจัยตลอด แล้วก็ยังเป็นแรงบันดานใจให้ทำงานด้าน cryptography ทุกวันนี้ด้วย
และช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ผมไปฝึกงานที่ USCD ได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เป็น immigrant ย้ายจากซีเรียมาอยู่ที่นิวเจอร์ซีเมื่อเจ็ดปีก่อน แล้วเป็นมุสลิมด้วย ใส่ฮิญาบมาทำงาน ถ้าจะให้พูดถึงเพื่อนร่วมงานคนนี้หนึ่งประโยค คงต้องบอกว่า "เค้าเป็นคนที่นิสัยดีและเป็นมิตรที่สุดคนหนึ่งที่เคยรู้จัก"
ที่เล่าให้ฟังไม่ได้จะบอกว่า คนที่มาจะตะวันออกกลางต้องเป็นคนดีทุกคน--กรณีเดียวกับคนดำ คนจีน และคนอินเดีย การเอาคนส่วนน้อยมาสรุปเป็นส่วนใหญ่มันเป็นปัญหาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะด้านดีหรือร้าย แต่การที่ได้อยู่ในสังคมที่มีความหลากหลายมันทำให้เราได้มีโอกาสได้ใช้ชีวิตกับคนที่มาจากเชื้อชาติที่ต่างจากเรา และได้เห็นด้านดีของคนเหล่านั้นจริงๆ ไม่ได้ฟังผ่านมุมมองของคนอื่น ซึ่งมันทำให้เราคิดซ้ำตลอดเวลาที่เราจะพูดจาเหมารวมว่า คนชาตินั้นแย่อย่างนี้ คนผิวสีนั้นเลวอย่างนี้ หรือดูถูกประสบการณ์ของคนอื่นว่า คนเชื้อชาตินี้ผิวสีนี้ไม่ได้โดนเหยียดหรอก หรือไม่ได้ประสบปัญหาจากการถูกเหยียดหรอก เพราะความจริงที่เราเห็นมันค้านคำพูดเหล่านั้น
ต่างจากหลายคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมไทยที่ไม่ค่อยมีความหลากหลายทั้งชีวิต แต่รู้หมดเลยว่าคนดำ คนจีน คนมุสลิมเป็นยังไง ผ่านการอ่านจากอินเตอร์เน็ตหรือดูหนังดูละคร ซึ่งแนวโน้มแบบนี้มันอันตรายมากในพื้นที่ทางการเมืองสำหรับ minority ในประเทศอย่างสหรัฐฯ
เพราะเหตุนี้ การพูดถึงความหลากหลายและการให้ minority ได้ถูก represented จึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ได้สำคัญเพราะมันคือ political correctness แต่สำคัญเพราะมันช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกะลาทั้งชีวิตได้รู้ว่าคนอื่นก็มีหลากหลายด้านเหมือนกับตัวเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เพื่อนกูเป็นคนตรวจคนเข้าเมืองมันบอกเลย ว่าคนดำจากบางประเทศ มันจับตรวจละเอียดหมดแหล่ะ เจอคนจากประเทศแม่งขนยาเสพติดบ่อยสัดหมา
จะว่าคนดำดีดีมันก็มึบ้างแต่. สุดท้ายคนก็เลือกปฏิบัติในระดับหนึ่งอยู่ดี เหตุผลก็ความปลอดภัยไง. มึงจะยอมให้คนใส่ฮิญาปแบบปิดทั้งตัวเดินทั่วกรุงเทพไหมถ้า มีข่าววางระเบิดบ่อยๆ?
>>57 "เพราะเหตุนี้ การพูดถึงความหลากหลายและการให้ minority ได้ถูก represented จึงเป็นเรื่องสำคัญ"
ทำไมเวลาในหนังฝรั่งไม่มีAsian/Latino หรือ Native American กูไม่เห็นสามเผ่าพันธ์นี้ออกมาดิ้นเลยวะ
เเต่พอหนังไม่มีคนดำ ต้องมีlibcuckออกมาดิ้นตะเเหง่วๆ จนหนังฝรั่งมันต้องหาบทมาใส่ให้คนดำ เป็นToken Black Guy ไป กันโดนด่า
" ไม่ได้สำคัญเพราะมันคือ political correctness แต่สำคัญเพราะมันช่วยเปิดหูเปิดตาให้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในกะลาทั้งชีวิตได้รู้ว่าคนอื่นก็มีหลากหลายด้านเหมือนกับตัวเอง"
เเต่การเเสดงออกทางสื่อของคนดำมันช่วยย้ำStereotypeนะ ไอ้พวกRAPPA GANSTA NIGGAZ ที่เเรฟว่ากูเเม่งเทพที่ขายยา ตีกะหรี่ ยิงคน
ทำไมไม่มีลิเบอรัลคนไหนไปสั่งสอนหน่อยล่ะครับ ว่าทำเเบบนั้นมันจะช่วยทำให้เกิดnegative stereotype
top kek
"ใจไม่สะอาด อย่าริอาจกินเจ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"จากเรื่องราวเกี่ยวกับหนังไทยก่อนหน้านี้ สะกิดต่อมให้มีบทเขียนนี้ติดตามมา วันนี้ขอเขียนเรื่องของ Fusion นิดนึงนะครับ
Fusion เป็นคำเรียกอาหารที่เราได้ยินกันมาซัก 20-30 ปีนี้เอง เคยฮิตเป็นแฟชั่นกันอยู่พักนึง แต่จริงๆแล้วผมไม่คิดว่า คนทานอาหารเมืองไทย แยกแยะได้ถูกต้องนักว่าแบบไหนคือฟิวชั่น บางอันแค่ปรับแต่งส่วนประกอบ แล้วก็เรียกมันว่าฟิวชั่น แบบเชื่อจริงๆว่าของตัวเองเป็นฟิวชั่นก็มี
บางคนเห็นหน้าตาอาหารปุ๊บ ถ้ามันออกแนวโมเดิร์นหน่อย หรือใช้โปรตีนไม่ตรงตามจารีตนิยม ก็พลอยจะเรียกมันเป็นฟิวชั่นแล้ว ทั้งๆที่บางทีมันไม่เกี่ยวกันเลย Plating เป็นเรื่องของการจัด Display ให้มันน่าสนใจ และบางที หากใช้แนวทางการทำอาหารในหลายๆแนวทางก้าวหน้า เช่น deconstruct หรือใช้ Molecular Gastronomy ก็ทำให้ได้อาหารหน้าตาแปลกๆ แต่พอใส่ปากแล้วรถชาติคงเดิม รู้ทันทีว่ามันคืออะไร ... สำหรับผม ผมจึงพอใจจะเรียกอาหารว่าฟิวชั่นก็ต่อเมื่อ มันมีตัว Principle หรือ Fundamental ที่แตกต่างกัน มาใช้ร่วมกันในอาหารจานนั้นๆครับ
Fusion มีตั้งแต่ฟิวชั่นแบบอ่อนๆ ฟิวชั่นเต็มเหนี่ยว ฟิวชั่นที่ประสบความสำเร็จ ทำแล้วอร่อย กับฟิวชั่นล้มเหลวเกินเลยจนเละเทะ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ขายกันจนร้านเจ๊ง เชฟดังๆระดับเซเลปเราก็เคยทำ และฟิวชั่นพวกนี้ในอาหารไทย เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เหล่าอนุรักษ์นิยมออกมาตีโพยตีพาย แอนตี้ฟิวชั่นทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร บางทีมันแค่เชฟห่วยๆคนเดียวเท่านั้นเอง ...
อันที่จริงแล้ว การที่อนุรักษ์นิยม ปฎิเสธฟิวชั่น และมองมันเป็นภัยคุกคามและมาทำลายความเป็น Classical หรือ Authentic ่นั้น สำหรับอาหารไทย ผมกับมองว่านั่นเป็นการไม่เข้าใจอาหารไทยอย่างถึงที่สุด และเป็นการทำลายอาหารไทยอย่างแท้จริง ...ลองเปลี่ยนมุมคิดซักนิด ผมกลับมองว่า ทำไมไม่ประกาศอย่างภูมิใจไปเลยว่า อาหารไทยนี่แหละคือ Super Fusion เป็น Classical Fusion ที่ประสบความสำเร็จที่สุด อาหารทั้งหมดของเราเป็นฟิวชั่น แต่เป็นฟิวชั่นที่ได้รับการทดลอง ขัดเกลา ทดสอบ แก้ไข เปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการมาตลอดนับหลายร้อยปี กับคนทานอาหารเป็นล้านๆๆๆๆคน
ผมไม่เข้าใจว่า มันมีอะไรน่าอาย ในเมื่อมันเห็นกันชัดๆว่าพื้นที่อุษาคเนย์ตรงนี้ เราเป็นไข่แดง อยู่ระหว่าง 2 อารยธรรมใหญ่คืออินเดียและจีน และด้านที่ติดทะเลเป็นเมืองท่าการค้าขนาดใหญ่ที่พาอารยธรรมตะวันตกหลั่งไหลเข้ามามากมาย ไล่กลับไปดีๆก็จะเห็นว่าอะไรมาจากไหน ขนมจีนมาจากไหน ขนมอบมาจากไหน แกงกะทิมาจากไหน Stir Fried มาจากไหน ที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะ Method แต่ Ingredientsเอง พริกมาจากไหน นมเนยมาจากไหน พืชอีกร้อยพันอย่างมาจากไหน ค้นคว้าดูให้แน่อีกนิด ก่อนจะตู่เอาเองว่านี่ของไทย เพราะหลายๆอย่างก็เพิ่งมีมายังไม่ร้อยปีเลยกระมัง ...
... ใจร่มๆแล้ว สติกลับมาแล้ว มาอร่อยกับอาหารที่เรามีแบบที่ฝรั่งเค้าก็แสนจะชอบใจ อาหารไทยที่ดังที่สุดในโลก ไม่ใช่ Authentic เพราะมีฝรั่งเคยกินไม่เยอะอย่างที่เราคิดหรอก แต่ที่ดังมากๆ คือ Street Food เรานี่แหละ ... เอาง่ายๆ เราบอกว่าอาหารเราดีที่สุด แต่เรามีร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทย มากกว่ามีร้านอาหารไทยในญี่ปุ่นก็แล้วกัน มากกว่ามากด้วย ... ดังนั้นเลิกมโน เพราะมันไม่ได้ช่วยในการรักษาเอกลักษณ์อะไร นอกจากช่วยในการเอามันห่อตราสังข์แล้วเอามันลงหลุมไปพร้อมๆกับเรา ... ว่ากระนั้นแล้วก็ปล่อยให้มันได้พัฒนาและวิวัฒน์ต่อไปอย่างที่มันได้วิวัฒน์มาถึงเรา .... เราคือต้นแบบของฟิวชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกและเราจะเป็นต่อไป .. นั่นอาจจะเป็นการรักษาแนวทางเดิมที่คนรุ่นก่อนๆได้ทำไว้ ... เป็นอนุรักษ์นิยมที่แท้ และมีประโยชน์ : )"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>56 กูว่าลุงMPWเเกเจอMental Breakdown อะไรซักอย่างมั้ง เพราะตอนหนุ่มๆได้ยินว่าเคยทำกอร์ดอนร้องไห้ด้วย ดูวิดิโอคนอร์ของลุงเเกเเล้ว เเกชอบพูดบ่อยๆว่า"อาหารไม่มีสูตรหรอก ชิมเองเเล้วปรุงตามชอบ" "สำหรับผมเเล้ว ผมชอบ.... " (https://www.youtube.com/watch?v=oGAu_PHxPQc&ab_channel=KnorrRecipes) ลุงเเกโคตรSubjectiveเกี่ยวกับอาหาร เเต่พอไปดูวิดิโอของกอร์ดอนเเล้วจะเป็นเเบบObjectiveจะมีการบอกให้ทำตามสูตร/ขั้นตอนเป๊ะ ขัดๆกันดีสำหรับอาจารย์-ศิษย์
เเต่ใครบอกว่าลุงเเกไปทำวิดิโอคนอร์เพราะมือตก กูจะเอาวิดิโอนี้ให้ดู ฝีมือมีดตอนเเล่ปลาเเม่งอย่างเทพ ไม่มีเนื้อติดกระดูกเลย
https://www.youtube.com/watch?v=FKQ05KlWd8Q&ab_channel=KnorrRecipes
พอโดนด่าเรื่องKnorr Sell-out ลุงเเกตอบกลับมาว่า "by working with companies like Knorr it allows me to stand onto a bigger stage and enrich people's lives... Michelin stars, they're my past."
เท่สัส
เป็นเพศที่สาม อย่าเสร่อมีหัวอนุรักษ์นิยม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>65
งี่เง่าว่ะ ทำไมต้องเอาเรื่องเพศมากำหนดว่าต้องมีแนวคิดยังไงด้วย
แบบนี้ผู้หญิงต้องเป็นเฟมินิสต์ทุกคนไหม
ถ้ามึงจะบอกว่า สมัยก่อนเขาเอาเกย์ไปฆ่า
มันไม่เกี่ยวกันเลย เพศที่สาม มันมีมาก่อนศาสนาคริสต์อิสลามอีก
ว่างๆก็ไปหาอ่านเกี่ยวกรีกโบราณบ้าง
ต่างประเทศเขามีเกย์อนุรักษ์นิยมเยอะแยะ
มึงจะโหนกระแส ม้า อรนภาเหรอ
กูว่าแม่งตลก พ่ออุ้มลูก ไม่ได้มีอารมณ์ทางเพศห่าเหวอะไรเลย แต่อีม้าก็เสือกจะทำเป็นประเด็นเป็นข่าวเลยพูดประโยคไร้สมองแบบนั้นออกมาหนิ่
The worst part about Trump isn't that he's a racist, sexist, ignorant bigot. It's that his supporters know that and don't care.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>64 Mental Breakdown นี่เหมือนลุงแกรู้สึกว่าพวกกรรมการให้ดาวมิชลินไม่ได้รู้มากเท่า แถมไม่ได้มีความเข้าใจในงานของแก
คนอื่นที่ชื่นชมก็แค่เห่อตามคนอื่นกับชื่อเสียงที่ดังอยู่แล้ว สุดท้ายรางวัลหรือเสียงชื่นชมพวกนั้นเลยไม่มีค่าล่ะมั้ง
ตาม quote ดังของแกนั่นแหละ
พวกคลิปสอนอาหารลุงแกนี่กูชอบตรงที่จะบอกเกือบตลอดว่าที่ใส่ๆลงไปใส่ทำไม ถ้าอยากปรับส่วนผสมอะไรใส่น้อยใส่เยอะแล้วจะต่างกันยังไง
ต่อให้ไม่อยากใช้คนอร์ดูคลิปแกสอนทำอาหารไปก็ยังได้พวกเคล็ดเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเอาไปใช้ประยุกต์กับอาหารอื่นๆได้เยอะมาก
ส่วนตอนทำของตัวเองก็ไม่ต้องใส่คนอร์ถ้าไม่ชอบ :P เอาจริงๆพยายามหาเรื่องใช้คนอร์กับทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แอบดูล้นๆไปนิด
เรื่อง Sell-out นี่รู้สึกเหมือนแกทำเพราะประชด+หาอะไรทำที่ได้เงินเยอะแต่มีเวลาอยู่กับครอบครัวไปพร้อมๆกันล่ะมั้ง
แต่ดูรวมๆแล้วมีเสนียดเหลือเกินน ไม่ต้องมาเขินฉันพูดจริงๆ
เธอมีเสนียดมากมาย จะหน้าหมาไปไหน อยากจะไล่อย่างนี้
ยิ่งดูยิ่งมีเสนียดดดด....
#มิตรสหายท่านนึง
ค่าเครื่องบิน ราวๆ 15ล้าน เพราะบินตรง สรุปคือดร่าม่าเพราะไม่รู้ห่*อะไรกันสินะ
#มิตรสหายท่านนึง
racist : Hillary said that she admired Margaret Sanger, the owner of the quote "Colored people are like human weeds and need to be exterminated"
sexist : ""I think a marriage is as a marriage has always been, between a man and a woman." - Hillary,2000
she has been anti-gay for decades but change side in 2013 for muh votes.
ignorant : Benghazi? Email-leak?
The worst part about Hillary isn't that she's a racist, sexist, ignorant liar. It's that her supporters know that and don't care.
>inb4 WAAAAHHHHGGG YOU ARE OPPRESSING ME CAN WE JUST HATE TRUMP WAAAAAAAHHHHGGGG
"เห็นรูปเด็กถูกตีขาลายเพราะไม่ยอมละหมาด แปลกใจอะไรครับ นี่ก็คำสอนในศาสนาเขา เหมือนตีเมีย ฆ่ายิว ฆ่าเกย์นั่นแหละ ถ้าคุณยอมรับศาสนาอิสลามแบบไม่วิพากษ์วิจารณ์ คุณก็ต้องรับมาทั้งแพ็คเกจนี่แหละ แล้วก็โทษว่าเพราะมนุษย์เลว ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียต่อไป"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขนาดเด็กไม่ทำการบ้านมึงยังตีได้ การตีเด็กไม่ละหมาดมันแปลกตรงไหนวะ อย่ามากระแดะหน่อยเลย
โจชัว หว่องถูกกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิตามคำขอของรัฐบาลจีน
">What did we ever do to you?
I'll tell you what you did you diarrhea-colored Dravidian nigger. You invaded my state and turned it into Little Mumbai. My town has been carpet bombed with you curry coons.
You're fucking disgusting. Your houses smell like three-day old curry or whatever the fuck you use in your fecal discharge-inducing cuisine. You walk around in smelly saris and turbans and with weird gaudy nigger jewelry in your noses and stupid red dots on your head, although I do appreciate the bullseye for DOTR, because I'm skipping the nig nogs and going for you disgusting mutants. I have more of a bone to pick with you elephant-humping bastards than ANYONE else.
You people are arrogant as fuck. You're constantly bragging about how smart you are but it's just selection bias that makes your irritating diaspora appear intelligent. If you were really smart, you'd fix your god-forsaken shithole of a homeland and stop fucking up mine. The fact that you hover your unwiped anuses over the streets you walk in and spew half-digested fried monkey meat all over the pavement is absolutely revolting. You behave like underdeveloped proto-hominids, because that's exactly what you fuckers are.
The mere fact that Indians actually live within the borders of the nation my forefathers spilled their blood for disgusts me to my core. The fact that even one of you street shitting goblins is living here is a slap in the face to my forebears. I cannot believe that the nation that my ancestors stood before lines of British infantry to create has permitted you filthy, abominable cretins to exist within its sacred boundaries.
I fucking loathe India and Indians. Your country is the fucking worst place on earth, worse than nigholes in Africa. There are over a billion of you scum-sucking maggots and you insist on dumping your excreable people in my beautiful homeland.
Lastly, your retarded accents annoy the living shit out of me. "
ผู้หญิงบางคนนี่ยังไง เห็นผู้ชายสนิทกันก็ไปล้อ ว้ายเป็นคู่กันเหรอแก มีไรกันป้ะ
พอเจอคนเป็นเกย์จริงๆ ก็ไปว่าเค้าว้ายเป็นตุ๊ดเหรอ ประสาทป้ะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เพื่อนชะนีลองกินยาปลุกเซ็ก กะว่าจะใช้กับผัว นางกินแล้วก็รอยาออกฤทธิ์ สักพักก็ร้อน ร้อนมากจนหงุดหงิด ผัวมาสะกิดนางเลยตวาดผัว แล้วก็ทะเลาะกัน
#มิตรสหายท่านนึง
"ผมโคตรขยะแขยงวิธีการปลอบแนวศาสนาพุทธที่โยนสิ่งเลวร้ายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตว่าเป็นเรื่องของ "กรรม" เลย
อีนั่นโดนข่มขืน อ๋อ มันเป็นกรรม ชาติก่อนมันไปข่มขืนคนอื่น
ไอ้นั่นโดนฆ่าปิดปาก อ๋อ มันเป็นกรรม ชาติก่อนมันไปฆ่าคน
ลูกบ้านนั้นติดยา อ๋อ มันเป็นกรรม พ่อแม่มันไปขายยาให้ลูกคนอื่น
มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขี้นเลย นอกจากความรู้สึกของคนพูดเอง เป็นวิธีการแสดง empathy ต่อเพื่อนมนุษย์ที่สิ้นคิดสุดๆ
เหยื่อที่ประสบสิ่งเลวร้ายหนักหนาเสียใจมามากพอแล้ว กลับถูกซ้ำเติมด้วยความคิด "Blame the victim" ที่ว่า "ก็มึงหรือญาติมึงทำเลวมาก่อนอะไรสักอย่างนั่นแหละ มึงถึงโดนแบบนี้ สมควรแล้ว อีดอก" เหมือนกับชี้หน้าด่าผู้หญิงโดนข่มขืนเพราะแต่งตัวโป๊นั่นแหละ
คนที่พูดคำพูดพวกนี้ก็มักเป็นคนในครอบครัวหรือญาติใกล้ชิดเหยื่อ คนที่เหยื่อหวังจะได้คำปลอบใจคำปรึกษามากที่สุด แทนที่จะได้วิเคราะห์ปัญหาและหาทางแก้ไขหรือบรรเทาผลร่วมกัน กลับผลักเหยื่อและคนรอบข้างทั้งหมดไปสู่ความมืดของกรรมเวร
ไม่แฟร์เลยครับ แม้คนพูดจะหวังดี ไม่ได้จงใจทำร้ายใครก็ตาม
ผมอยากเห็นงานวิจัยว่ามีเหยื่อคดีต่างๆ ฆ่าตัวตายหรือซึมเศร้าเพราะคำพูดพวกนี้มากเท่าไรแล้ว
ศาสนาเป็นการหลอกลวงที่อันตรายเสมอครับ แม้แต่ mild religious ที่ดูไม่มีอะไรก็ยังมีอันตรายแฝงเร้น"
#มิตรสหายท่านนึง
เอาเก้าอี้ไหมครับ
-มิตรสหายท่านหนึ่ง
เก้าอี้ในมือกูสั่นไปหมด
คุณศึกษาศาสนาพุทธแค่ไหนครับถึงมาพูดแบบนี้
วิจารณ์ศาสนาด้วยความไม่รู้เป็นบาปหนักนะครับ
how can we measure 'sin' in scientific way?
and which 'sin' is the right one when different religions has different sin?
if you said buddhist sin is right then what about Musilm sin or Christian sin or Jewish sin? how do you confirmed that buddhist sin is the right one?
what will happen if Christian sin turn out to be the right one and you are buddhist? you would unknowingly committed sin of not believing in God.
or what will happen if you are christian and muslim sin turn out to be true? then you would unknowingly committed sin of eating pork.
//Tip fedora m'lady
"พวกคุณมันไม่เข้าใจ ที่ทุกวันนี้ไทยเป็นลูกไล่พรรคคอมมิวนิสต์จีน มันเป็นผลจากบาปกรรมที่คนไทยฆ่าคอมมิวนิสต์ไปเยอะตังแต่ช่วง 6 ตุลา ตอนนี้เลยต้องมาใช้กรรมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มันก็คงจะยากจริงๆ น่ะแหละครับ .... กับการที่ประเทศหนึ่ง ซึ่งคนได้ดี มีอำนาจ มีเงิน ส่วนมาก มาจากการยึดอำนาจ (ใช้กำลัง) การสัมปทาน (ใช้ระบบเส้นสายพรรคพวก นอนกิน อยู่ยาว คนไม่มีทางเลือก) การซื้อมาขายไป (ซื้อถูกขายแพง อยู่กับส่วนต่าง) การโฆษณาสร้างภาพ (สร้างภาพสวยหรู ขายภาพ ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านั้น) .... จะเข้าใจหรือสนใจงานสร้างนวัตกรรมจริงจัง
มันใช้พื้นฐานต่างกันคนละเรื่องเลย .... มันใช้ความละเอียดลึกซึ้งในเรื่องที่พวกเราไม่ค่อยสนใจกันเลย เช่นวิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ .... มันต้องใช้เวลาโฟกัสกับเรื่องพื้นฐานพวกนี้จริงจัง .... ทำเรื่องเดิมๆ ต่อเนื่องยาวนานอย่างละเอียดที่แก่น ....
ส่วนใหญ่ก็ยังคิดถึงการเล่นพรรคเล่นพวก (ยึดอำนาจ) หาทางการสัมปทานแบบอยู่ยาว ซื้อมาขายไปทำกำไรระยะสั้น ใข้เงินซื้อ ใช้คำพูดสวยๆ สร้างภาพวาดฝันหรู ฯลฯ แบบเดิมๆ
อย่างที่เคยบอกล่ะครับ ... เราคิดทุกอย่างแบบนักการตลาด ไม่ใช่นักนวัตกรรม ... ทุกยุคเราเลยเจ๊งมาเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น 1.0, 2.0 .... X.0 .... ที่นวัตกรรมของเราในแต่ละยุคมันน้อยลงเรื่อยๆ มีแต่ซื้อเขามาขายคนในมากขึ้นเรื่อยๆ ... ไม่ก็ทำแบบห่วยๆ แล้วอาศัยโฆษณาอัดพีอาร์มากๆ เรื่อยๆ ... ผูกขาดให้คนไม่มีทางเลือก ....
แล้วเราก็ยังแบบเดิมครับ พูดถึง 4.0 แบบนักโฆษณา นักการตลาด ทำกันแบบนักการเมือง อยู่กับโครงสร้างฐานอำนาจ .... มากกว่าแบบนักนวัตกรรม
คณิตศาสตร์เป็นภาษาเดียวที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนต่าง ๆ ในฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิศวกรรมศาสตร์ คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงเศรษฐศาสตร์ การเงิน ตลาดหุ้น และอื่นๆ หากความสามารถในการใช้ภาษานี้ไม่ดี มันก็เหมือนเราพยายามอธิบายให้คนมองโกเลียฟัง แต่ไม่รู้ภาษามองโกเลียนั่นเองครับ
จากประสบการณ์ของผม นักศึกษามหาวิทยาลัยไทยทุกระดับส่วนใหญ่ยังไม่มีความสามารถในการใช้ภาษานี้นะครับ
ประเทศไทย 4.0 จะก้าวข้ามปัญหาพื้นฐานนี้ไปได้อย่างไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เห็นด้วยมากๆ ครับ
น่าเสียดาย ที่หลายคนคิดว่าเรื่องนวัตกรรม เรื่อง 4.0 เรื่อง creative economy, digital economy, new economy, tech industry, ฯลฯ .... มันไม่ใช่เรื่องของ "วิทยาศาสตร์"
เอาจริงๆ แล้วหลายคนที่อยู่ในระดับการขับเคลื่อนเรื่องพวกนี้ ไม่สนใจความจริงหรือข้อโต้แย้งอะไรจากหลักการทางวิทยาศาสตร์หรือการใช้เหตุผลแบบคณิตศาสตร์ด้วยซ้ำไป
ไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องระดับพื้นฐานเหมือนที่มิตรสหายท่านหนึ่ง พูดก็ได้ครับ .....
#มิตรสหายอีกท่านหนึ่ง
เราสามารถยกเลิกวัฒนธรรมการเหมารวมได้ด้วยการเสียบมันเป็นคนๆ ให้รู้ว่าใครเป็นใครบ้าง
มิตรฯ
พวกงมงายวิทยาศาสตร์ในไทยคือพวกที่เคยอ่านแค่หนังสือ pop science ไม่เคยอ่านเปเปอร์จริงๆ
"Everyone is a liberal until they start paying taxes"
ทุกครั้งที่เราพาเด็กๆของเราเข้าไปในร้านขนม หรือ ร้านสะดวกซื้อ หลายๆคนต้องพยายามกันเด็กๆไว้ให้พ้นจากมุมขนมขบเคี้ยว หรือไม่ก็ต้องหาวิธีต่อรองแกมปฎิเสธเพราะไม่อยากให้พวกเขาทานขนมกรุบกรอบที่เราเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์ เพราะมันมีแต่แป้ง น้ำตาล เกลือ ผงชูรส และอื่นๆตามแต่ใครจะมี Awareness กับอะไรบ้าง ... แล้วโดยอัตโนมัติ ... หากว่าเด็กๆของเรา หันหัวออกจากชั้นขนมขบเคี้ยวและเปลี่ยนใจคว้าขนมเค้กซักชื้น เราจะรู้สึกดีใจ ชื่นชมและรีบซื้อให้ทันที !!!
ผมเคยถาม หลายๆคนก็ได้คำตอบตรงกันว่า : ก็ยังดี อย่างน้อยก็ไม่กินขนมขบเคี้ยว ขนมกรอบ กินเค้กก็ยังดี ยังเป็นของมีประโยชน์
ก็เลยถามต่อว่า แล้วมันมีประโยชน์อย่างไร ???
คำตอบก็จะเหมือนๆกันหมดว่า : อย่างน้อยก็ยังมีนมมีเนย
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ ?????????
ผ่านร้านสะดวกซื้ออีกครั้งวันไหน หยิบมาอ่านข้างฉลากซักนิด
อ้อ อย่าลืมเตรียมแว่นสายตาพร้อมแว่นขยายไปด้วย
เพราะมันเล็กมว๊วากกกกกกอ่ะ ...
แล้วก็ไม่ต้องประหลาดใจถ้าได้รับรู้ว่า Perception ที่เรามีต่อของพวกนี้ มันเป็นสิ่งที่ผู้ผลิตเค้ารู้และเอามาทำใช้จู่โจมจุดอ่อนของเรา
เวลาที่เราอายุมากขึ้น ตัวสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็น มันก็ชราไปตามอายุด้วยครับ
ด้วยเทคโนโลยี่การผลิตอาหารอันก้าวหน้าของศตวรรษนี้
คุณอยากได้อะไร หน้าตาเหมือนกับอะไร
รสสัมผัสแบบไหน กลิ่นยังไง รสยังไง
มันทำได้หมดแหละครับ !!!
ในเค็กก้อนนึง ครีม เนื้อเค้ก แยม ... แต่ละ element ของมัน
แทบจะทำจากสิ่งเดียวกันหมด แต่ใช้วิธีและเครื่องจักรคนละตัว
และที่สำคัญ ทั้งหมดนั่น ไม่มีอะไรมากไปกว่า
แป้ง น้ำตาล ไขมันปาล์ม เจลลาติน กลิ่นและสีสังเคราะห์
ไม่มีไข่ !!!!! และไม่มีนม(วัว > <) !!!!!!!
OMG !!! ไอ้เค้กก้อนนั้น กับ ขนมขบเคี้ยวถุงนั้น
มันเป็นสิ่งเดียวกัน ที่มาในรูปแบบต่างกัน โดยสมบูรณ์
... ของดีๆแบบที่เราเคยรู้จัก มันมีครับ มีอยู่ แต่ถ้าจะซื้อของที่ผลิตในระบบโรงงาน ก็ควรจะต้องสังวรณ์ไว้บ้างถึงพลานุภาพของเทคโนโลยี่ ... จะให้ดี .......... เริ่มอ่านฉลากกันบ้างได้รึยังครับ ???
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
""Anatomy+Perspective ยังผิดบานเลย การเล่าเรื่องก็แปลกๆ ไปฝึกอีกถ้าคิดมาด้านนี้
พูดตามตรงนะ คุณคิดถูกแล้วที่ว่าเข้าข้างตัวเองมากไป เพราะเป็นงั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พื้นฐานพอได้ แต่นี่พื้นฐานยังไม่ได้ ขืนทำตามที่ว่าน่ารอดยากถ้าไม่ขยันฝึกจริง ถ้าออกจากมหาลัยเพื่อมาแบบนี้นี่เสียดายค่าเทอมก่อนหน้าที่เคยจ่ายไปแทนจริงๆ อย่างน้อยเรียนให้จบก่อนอย่างน้อยถ้าวาดการ์ตูนไม่รอดยังรู้ว่าทำอะไรหากินได้ดีกว่ามั้ย
ด้านฝีมือมองแล้วไม่ถึงขั้นสิ้นหวังหรอกนะถ้าได้เรียนพื้นฐานอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอาจพัฒนาไปดีได้ แต่บอกตามตรงเลยคุณพร้อมจะเริ่มทุกอย่างใหม่จาก 0 หรือเปล่า เพราะดูแล้วคุณไม่มีพื้นฐานเลยจริงๆแล้วดันพยายามทำงานที่มันขั้นบนๆไปแล้วทั้งๆที่ฐานรากก็ไม่มี แล้วถ้าไปจริงจังนี่จะมาอ้างแค่ใจรักไม่ได้ มันต้องมีฐานที่ดีล่มไปไม่อดตาย ลูกถึกที่ล้มกี่ครั้งก็ต้องลุกแล้วพัฒนาฝีมือตัวเอง กล้าจับผิดงานตัวเองที่ตรงนี้จขกท.ขาดสุดๆ และอาจต้องใช้พรสวรรค์ด้วย บางคนอาจว่าแค่ฝึกก็พอความจริงแล้วไม่ใช่ ส่วนตัวเรียนด้านใกล้เคียงกันพอดีถึงไม่ใช่วาดการ์ตูนก็เหอะ เห็นเพื่อนร่วมรุ่นหลายคนเรียนมาพร้อมกันแต่ฝีมือคนละชั้นกันเลย อ้อความขยันในการศึกษาเรื่องต่างๆด้วยนะ แค่ฝีมือการวาดอย่างเดียวน่ะไม่พอหรอกนะเว้นหน้าที่แค่วาดเฉยๆออกแบบแต่งเรื่องมีคนอื่นทำให้ อย่างส่วนตัวอยากไปสายDesign+Concept Art นี่หนังสือกองเต็มบ้านสำหรับทำ Referenceล้วนๆ ถ้าแต่งเรื่องด้วยนี่ยิ่งไปกันใหญ่นั่งอ่านวรรณกรรมดูหนังศึกษาตำนานอีก คำว่าหาข้อมูลของนักเขียนการ์ตูนจริงๆมันมีความหมายอย่างนี้แหละเก็บResource ไว้เป็นแรงบัดาลใจ
แต่จากที่ดู จขกท.น่ะ ถ้ายอมเลือกเสี่ยงเดินทางใหม่ตั้งแต่ต้นก็ อาจ จะพอไปได้ แต่นั่นไม่ใช่เส้นทางที่สามารถฝึกเองได้โดยง่าย ถ้าให้ดีควรมีคนสอน คิดดูดีๆล่ะ ถ้าใจรักจริงๆก็ต้องเปิดใจรับการปูพื้นใหม่ให้ได้ ปัญหาของจขกท.เป็นปัญหาเดียวกับคนที่มีใจรักหลายๆคนคือ ชอบกระโดดไปฝึกขั้น Advance ทั้งๆที่ Basic ยังไม่ได้ที่คนแบบนี้เจอมาเยอะมาก เพราะงี้แหละเลยบอกว่าถ้าอยากไปจริงต้องไปเรียนเลยไม่ใช้ฝึกเอง เพราะมีผู้สอนมาคอยวัดประเมิณให้ได้ว่าพื้นฐานได้หรือยัง และที่สำคัญที่สุดคือมีคนติ เราไม่อาจหวังให้คนบนอินเตอร์เน็ตมาทำหน้าที่นี้ได้เพราะมักเต็มไปด้วยการอวยและอคติ ซึ่งตรงนี้ผู้สอนไม่ว่าจะเป็นเรียนในระบบหรือกับเรียนพิเศษอย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่มีประสพการณ์จริงในด้านนั้นๆ ก็จะให้คำติที่เป็นประโยชน์กว่าได้ แต่ทั้งนั้นผู้เรียนก็ต้องมีความมั่นใจในงานตัวเองพอที่จะ Defense งานตัวเองในระดับหนึ่ง (กับเรื่องที่เหมาะๆนะอย่างสไตล์อะไรงี้ หรือเมื่อถึงขึ้นติสต์แตกโดยสมบูรณ์ที่บางทีคนด้านนี้เป็นกัน ซึ่งส่วนตัวว่าอาการติสต์แตกนี้เกิดเมื่อเอกลัษณ์งานตัวเองแข็งแกร่งพอจะ F*ck the ทฤษฏีได้ และเมื่อถึงจุดนั้นคุณจะวาดยังไงก็เรื่องของคุณ เพราะพื้นฐานคุณได้แล้วแต่คุณเลือกฉีกกรอบออกไปเอง) แต่ไม่อีโกจัดจนไม่รับฟังคำแนะนำ รวมถึงกล้าคิดสร้างสรรค์วิธีการใหม่ๆเพื่อ Limit Break ตัวเองเมื่อถึงทางตันช"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>113 มึงแปะ http://pantip.com/topic/35676218 ง่ายกว่าไหมอยู่ คห.1
ส่วน จขกท. มันจะเลิกเรียนมาเขียนการ์ตูนกูฟันธงว่าไปไม่รอด
เห็นข่าวคนไทยไปเป็นแรงงานเถื่อน ทำตัวเหี้ยๆ ไปเป็นโจรปล้น จะไปข่มขืนคนเกาหลี
จนเกาหลีใต้แบนนักท่องเที่ยวไทยมั่วซั่วไปหมด ยังไม่ทันผ่านตม.ก็กักตัวส่งกลับเหมือนนักโทษไปแล้ว
ส่วนแรงงานไทย ก็อ้างวอนเห็นใจคนจนหน่อยเด้อ ข้อยมันคนจน
#มิตรสหารท่านหนึ่ง
ต้องหาคนสอนว่ะ แน่นอนว่าให้คนบนเน็ทวิจาร์ณมึงตายอย่างเดียว บนนี้ไม่มีคนสนใจความฝันมึงหรอก ต้องจ่ายตังเรียนให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควรทำ
"ระหว่างขึ้นรถไฟที่โคเป็นเอเย่นต์
เพื่อนชาวเดนส์เปิดดูข่าวจาก Press Gazette
ไล่อ่านมีแต่ข่าวหนังสือพิมพ์ทะยอยปิดตัว ไม่ก็ลดจำนวนพนักงาน
อ่านเสร็จมันก็ขำ เรียนนิเทศมา แต่วงการสื่อแม่งซบเซาชิบหาย
แต่มันขำแบบมีความสุข
เลยถามมันว่าแล้วมึงไม่เครียดบ้างหรอ
มันก็บอกว่าไม่เป็นไร ระหว่างนี้ไปลงเรียนโทอีกใบก็ได้
เรียนฟรี แถมรัฐบาลให้เงินเดือน เดือนละ 500 ยูโร
ถ้าจบรอบนี้ ก็จะเริ่มหางานทำแล้ว
แต่ถ้ายังหางานไม่ได้ก็ไม่เป็นไร รัฐบาลมีเงินชดเชยการตกงานให้ไปอีกระยะ
เล่าเสร็จมันบอกว่า อิจฉานายนะ ได้ฝึกงานที่ดีๆ หรือถ้ากลับไทยก็คงมีงานทำ
เราบอกมันไปว่า
ไอ้สัส มึงไม่ต้องอิจฉากู กูมีแค่งาน
แต่อย่างอื่นแย่กว่าในทุกบริบทสังคม
ส่วนมึงขาดแค่งาน แต่ทั้งชีวิตมึงได้รับการดูแล
แบบไม่ต้องมีอุโมงค์ระบายน้ำใดใด
หมายเหตุ:
- รัฐบาลเดนมาร์กมีเงินสนับสนุนให้ระหว่างเรียน เพราะเชื่อว่าการลงทุนกับมนุษย์ทางด้านการศึกษา ถือว่าคุ้มค่า
- รัฐบาลเดนมาร์กมีเงินชดเชยระหว่างตกงาน เพื่อเปิดโอกาสให้หางานที่ทำแล้วมีความสุขที่สุด เหมาะกับตัวเองที่สุด ด้วยความเชื่อว่าคนจะทำงานได้ออกมามีคุณภาพที่สุด
- นี่ก็ยังไม่นับเรื่องประกันสังคม สุขภาพ ถนน หนทาง และอื่นๆ อีกมากมาย
- ก็ได้เข้าใจแล้ว ประเทศโลกที่หนึ่ง กับ ประเทศโลกที่สาม ต่างกันเยี่ยงไร"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ต้องเข้าใจนะครับว่า ข่าวลือในโลกอิเล็กทรอนิกส์นั้น มันมีชีวิตของมันเอง โตเอง แปลงร่างเอง และตายเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้ให้กำเนิด ไปขจัดผู้ให้กำเนิดจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย กลับเติมพลังให้แก่ข่าวลือขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บอกให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ... แล้วตัวเองก็ย้ายไปใช้หุ่นยนต์แทน ...
แหม ดีจัง :P
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
{ จริง ๆ น่าจะเป็นความคุ้นชินของคนไทยที่อยู่ในระบอบเผด็จการทหารมานานนับจากสฤษดิ์
จะเห็นได้ว่า ชนชั้นกลางในเมืองจะให้้ความสำคัญกับการจัดระเบียบสังคม และการแก้ไขคอรัปชั่นมาก ส่วนนึงเป็นเพราะชนชั้นกลางได้เปรียบเชิงโครงสร้างอยู่แล้ว เรื่องคอรัปชั่น ชนชั้นกลางก็ใช้ระบบอุปถ้มภ์กันอยู่แล้ว แต่รับไม่ได้กับการคอรัปชั่นของนักเลือกตั้ง โดยเฉพาะพวกมาเฟียภูธรทั้งหลาย
ชนชั้นกลางไม่เคยตั้งคำถามกับระบบราชการ เพราะแม่งฝากลูกหลาน ใช้คอนเน็คชั่นกับเรื่องใบสั่ง หรือกรณีอื่น ๆ กับราชการอยู่ตลอด
ส่วนกรณีกองทัพ ชนชั้นกลางไม่เคยสนใจ เพราะกลัวและอยู่นอกวงโคจรชีวิต
มาตรฐานแบบบิ๊กตู่เหมาะกับสังคมไทยแน่นอน เพราะไม่ต้องการสมอง แต่ต้องการการใช้อำนาจเพื่อสยบความวุ่นวายของชนชั้นล่าง }
มิตรสหายท่านหนึ่ง
ดาร์กไซด์ ของคำว่า “คนดี”
วันนี้ หลังจากเสร็จงาน 6 ตุลา ที่ธรรมศาสตร์ ผมก็พากระติ๊บกับแดนไปทานข้าวที่ร้านไดอะล็อค แล้วกระติ๊บก็ถามขึ้นว่า
“คุณครูสังคม ถามก่อนปิดเทอมว่า ระหว่าง “คนดีที่บริหารประเทศประเทศไม่ค่อยเป็น” กับ “คนโกงที่มีผลงาน” เราจะเลือกใคร?”
ผมจึงตอบว่า “เอายังงี้ พ่อรู้ว่า เราไม่เลือกคนโกงแน่ แต่ก่อนจะตอบข้อนี้ เราลองมาดูดาร์กไซด์ของคำว่า “คนดี” กันบ้าง”
ก่อนอื่น ติ๊บและแดนจำไว้นะลูก พ่ออยากลูกทำสิ่งที่ดี อยากให้ลูกทำความดี แต่พ่อขอให้ลูก “อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนดี” หรืออยากจะเป็นคนดี โดยเด็ดขาด นะลูก
ทำไม? คำถามจากเด็กทั้งสองคน
เพราะคำว่า “คนดี” มีอันตรายอย่างยิ่ง 2 ประการ ทั้งสำหรับตัวเราเอง และคนอื่น
ประการแรก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเผลอคิดว่า “เราเป็นคนดี” เรามักจะมีอคติลำเอียงเข้าข้างความคิดของตัวเราเอง เราจะคิดว่า ความคิดของเรานั่นดี นั่นถูก แล้วเราจะฟังคนอื่นน้อยลง
เพราะแทนที่เราจะคิดว่า นั่นเป็นความคิดของเรา เฉยๆ เรากลับเผลอคิดว่านั่นเป็นความคิดของ “คนดี” มันจึงน่าจะถูกต้องกว่าความคิดของคนทั่วๆ ไป
ประการที่สอง คำว่า “คนดี” มักนำไปสู่การมี “อภิสิทธิ์” เหนือคนอื่นๆ
“ยังไงอ่ะ พ่อ?” ติ๊บงง
เอาง่ายๆ หนูลองตัดคำว่า “คนดี” ออกจากประโยคที่ว่า “คนดีที่บริหารประเทศประเทศไม่ค่อยเป็น” ดูซิ มันจะเหลือแค่คำว่า “คนที่บริหารประเทศประเทศไม่ค่อยเป็น” เฉยๆ แล้วเป็นไงอ่ะลูก?
“อืมม์ มันดูแย่ ไม่แพ้ คนโกงเลย” ติ๊บตอบ
“ใช่แล้วลูก ตรงประเด็นเลย มันแย่ไม่แพ้กัน แต่มันดูดีขึ้นเลยเมื่อเติมคำว่า “คนดี” เข้ามา 5555” ผมตอบ
“อืมม์ แล้วจริงๆ มันดีหรือแย่กันแน่? อ่ะพ่อ” ติ๊บถามต่อ
“แล้วคนดี “จริงๆ” ที่พบว่าตัวเขาเองบริหารประเทศไม่เป็น เขาควรทำอย่างไรล่ะลูก?” ผมถามบ้าง
“ถ้าเขาเป็นคนดีจริง เขาควรลาออก แล้วให้คนอื่นบริหารประเทศแทน” ติ๊บตอบ
“ถูกต้องแล้วลูก คำว่า “คนดีที่บริหารประเทศไม่เป็น” ไม่มีอยู่จริง หรอกลูก เพราะถ้าเขาดีจริง เขาจะไม่อยู่สร้างภาระให้กับประเทศหรอกจ๊ะ” ผมตอบ
“เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ” เด็กๆ ตอบรับ
เพราะฉะนั้น พ่อขอเตือนลูกๆ ว่า ขอให้ลูกๆ ตั้งใจทำสิ่งที่ดี “แต่ลูกอย่าได้เผลอคิดว่าตนเองเป็นคนดีหรืออยากเป็นคนดีเป็นอันขาด”
เพราะคุณประโยชน์อันแท้จริงอยู่ที่คำว่า “ความดี” ไม่ใช่ “คนดี”
ปล. โพสต์นี้เป็นโพสต์ที่สะท้อนความคิดของครอบครัวเราเท่านั้น ไม่กล่าวล่วงหรือพาดพิงผู้อื่นที่คิดว่าตนเป็น “คนดี” เพราะเขาอาจมีเหตุผลอื่นที่แตกต่างไปจากเรา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"ถ้าอยากหาเงินนี่การคิด "ทำงาน" นี่ผิดเลย ไม่ตรงประเด็น อยากหาเงินก็ควร "ทำเงิน" ในความหมายที่ว่ามึงไม่ต้องสร้างสินค้าและบริการเหี้ยอะไรกับโลกก็ได้ แต่ไปยุ่งกับเงิน ย้ายไปมา มูลค่าเพิ่ม เงินแม่งเกิดแล้วโดยไม่มี "งาน" เหี้ยอะไรเกิดในเซนส์แบบ Real Sector
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนใน Financial Sector แม่งถึงรวยเอาๆ ทั้งๆ ที่แม่งก็ไม่ได้สร้างเหี้ยอะไรเลย
ประเด็นพวกนี้สำคัญ เพราะคนทั่วๆ ไปมันจะคิดถึงการ "ทำงานในแบบที่ตัวเองชอบ" ว่าเป็นอุดมคติการดำรงชีพ ทั้งที่จริงๆ ในบริบททุนนิยมโจทย์ที่ถูกกว่าคือการ "ทำเงินในแบบที่ตัวเองชอบ" มากกว่า ซึ่งติดยังไม่นับว่าคนคิดแบบแรกแม่ง End Up กับการทำงานที่ตัวเองไม่ชอบแล้วแม่งก็ยังไม่ค่อยได้เงินอีกมากมาย
ซึ่งคุณก็ต้องเข้าใจอีกว่าถ้าคุณไปอยู่ในส่วน "ทำเงิน" รายได้ทั้งหมดแม่งมาตรงนั้น ส่วนอื่นๆ ของระบบแม่งแค่รอเอาส่วนแบ่งเท่านั้น และด้วยหลักทั่วไป ฝ่ายเหี้ยอะไรใกล้เงินสุด แม่งก็จะได้เงินเยอะสุด"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โพสนี้ถือว่า เป็นการ "เปิดใจ" กับแฟนเพจเลยละกัน
จริง ๆ อยากเขียนมานานแล้วล่ะครับ
แต่มันติดที่ผมกลัวว่า ฟีดแบคอาจไม่ดี
แต่คิดอีกที พูดเลยดีกว่า ผมเองก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว 555
เพราะคำถามที่โดนถามเยอะเหมือนกัน
ว่าตกลงผมทำเพจอะไรกันแน่วะ 555+ เป็นเพจแรครึเปล่า หรือเป็นวาไรตี้คนเล่นเกม
เพราะแรคเยอะเหลือเกิน แต่ละมุกก็ชยี้แล้วขยี้อีก เปิดมา 3 ปีก็ยังวาไรตี้อยู่แค่กับแรค ไม่เห็นไปไหนเลย
แล้วคำถามนี้ มันจี้ใจผมมากเลยนะ
“ใจคอพี่จะอยู่กับแรคไปตลอดชีวิตเลยเหรอ?”
คือถ้าเอาตามหลักการ....ในความเป็นเพจเกม เพจผมนี่คือผิดหลักมาก ๆ เลยนะ เพราะไม่ได้ครอบคลุมวงการเกมเลย โลกหมุนไปไหนต่อไหนแล้ว ที่ถูกต้องคือ เราควรจะตามยุคตลอด ไม่ใช่พูดแต่เกมเก่า ๆ จนลุคกลายเป็นตัวดักแก่แบบนี้
แต่ถ้าตอบจากใจจริง แบบไม่กลัวเสียลุค เป็นคำตอบที่ออกมาจากข้างในจริง ๆ แบบไม่โกหก
“คิดว่าใช่อ่ะ ผมก็ว่าจะอยู่กับแรคไปตลอดชีวิต”
จริง ๆ ผมก็เล่นเกมอื่นด้วยนะ แต่ความรู้สึกอยากพูดถึง อยากเอามาเล่น มันไม่ค่อยมี
แล้วก็ ผมไม่อยากโกหกตัวเองด้วยแหละ ว่าช่วงเวลาที่ได้เล่นแรคในยุคแรก ๆ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ดีจนอยากจะเล่าซ้ำไปซ้ำมาเรื่อย ๆ
มันไม่ใช่การจมอยู่กับอดีตนะ แต่ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาเล่นเกมที่ดีที่สุดของผมละ
แล้วผมว่ามันมีครั้งเดียวนะ และมันจะไม่มีอีกแล้วด้วย
มันเป็นความสุขที่ได้มาง่าย ๆ แค่เราได้คิดถึง ได้พูดถึงมันเท่านั้นเอง ผมถึงชอบอยู่กับมัน
จะบอกว่าเป็นนิสัยคนแก่แล้ว ก็คงใช่ 555+ ชอบย้อนอดีต
ผมไม่ได้จะบอกว่าปัจจุบันไม่ดีนะ แต่จริตผมอาจจะชอบฟีลลิ่งการเล่นเกมแบบเมื่อก่อน ที่ผมโตมากับมันมากกว่า
แบบที่ยังไม่มีโซเชียล ไม่มีสมาร์ทโฟน เวลาจะเล่นเกมทีก็ต้องไปต่อคิว จองเครื่อง สิงตามร้านเกม อะไรแบบนั้น
เพจนี้ เนื้อหา คอนเทนท์ เอาแต่ใจนะครับ สารภาพตรง ๆ
แอดมินชอบอะไร เพจก็ไปทางนั้นเลย
แต่แนวทางนึงที่ชัดเจน และผมซีเรียสมาก ๆ ก็คือ ผมจะไม่ทำเพจให้มีดราม่า ไม่ต้องการให้มีคนทะเลาะกัน
อยากให้มันเป็นพื้นที่ดี ๆ มาสนุกสนานเฮฮากันมากกว่า
เหมือนเพจนี้เป็นร้านเกมสมัยก่อนร้านนึง
คิดซะว่าเป็นร้านป้าก็ได้ แต่ผมเป็นลุงนะ
.
.
.
.
.
ก็แค่นี้แหละครับ ที่ผมอยากบอก และก็ต้องขออภัยด้วย ถ้าผมทำอะไรไม่ถูกใจใคร
ยังไงก็ขอบคุณแฟนเพจทุกคน ที่ติดตามมาถึงตอนนี้นะครับ
หากมีอะไรที่เห็นด้วย หรืออยากติชม ผมยินดีรับฟังครับผม
คอมเม้นท์ได้เลย
ขอบคุณครับ ^ ^
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อย่าพลาด !!! ...
เป็น Documentary ที่ผมก็จะไม่ยอมพลาดเช่นกัน
ตลอดสิบกว่าปีที่เดินเข้าออกตลาดนี้มาหลายต่อหลายรอบ
รับรู้ถึงพลังของตลาด พลังของความตั้งใจ มุ่งมั่น
จนเคยฝันอยากจะทำตลาดเล็กๆในมาตรฐานนี้ที่เมืองไทย
เสียแต่ว่า สถานการณ์บ้านเมื่องไม่เคยเป็นใจเลยตลอดห้วงที่ผ่านมา
ประโยคที่ผมชอบ และเชื่อ และพูดในสิ่งเดียวกันกับคนทำงานมาตลอด
คือ ถ้าคุณยอม หยวน กับของที่ต่ำกว่ามาตรฐาน มาตรฐานก็จะไม่มี มันจะต่ำลงเรื่องๆ และยังเชื่อด้วยว่า มันสะท้อนแนวคิดในการดำรงชีวิตของคนๆนั้น ว่าเส้นมาตรฐานเค้าอยู่ตรงไหน ถ้าเป็นคนแบบที่เชื่อว่า "เอาน่า มันใช้ได้แล้ว มันคงดีที่สุดแล้วได้แค่นี้ มันก็ประมาณนึงแหละ" ทุกอย่างในชีวิตเค้า มันก็ .... "ประมาณนึง" นั่นแหละ .... หลายคนถามว่า "ถ้าวางมาตรฐานทุกอย่างไว้สูง แล้วมันไม่ได้ล่ะ ???" ผมกลับเชื่อว่า ถ้าคุณวางมาตรฐานไว้สูง แม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ทุกอย่างในชีวิต แต่ในชีวิตคุณจะไม่มีของห่วยๆ หรือคนห่วยๆเข้ามาวนเวียนให้เป็นปัญหา
ผมยังเชื่อว่า นี่คือทางรอดและทางออกของคนไทย
คือเราต้องเลิกความคิดแบบ ทำของให้ถูก แล้วขายเยอะๆ
เปลี่ยนมา ทำของให้ดีให้เลิศ แล้วขายในราคาที่คู่ควร
แล้วเราก็จะไม่ทำลายทรัพยากรมากเกินไป
เราจะไม่มีปัญหาที่จะให้แรงงานมีค่าแรงสูงๆ
เราจะมีทิศทางที่ถูกต้องสำหรับวันข้างหน้า
ไม่ใช่จ้องแต่จะแข่งกับประเทศที่เริ่มทีหลังและมีค่าแรงถูก
ที่สำคัญ เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และมีสิ่งที่เราจะภูมิใจได้ โดยไม่ต้องมานั่งกอดแต่สิ่งที่บรรพบุรุษสร้างไว้
อย่าลืมไปดูครับ เชียร์ให้ไป แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวกับธุรกิจอาหาร
แต่พลังของมัน คอนเซ็ปท์ของมัน มองข้ามผลิตภัณฑ์
มันคือมาตรฐานของชนชาติและเผ่าพันธุ์
- มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าวถึงสารคดี "Tsukiji Wonderland : อัศจรรย์ตลาดปลาสึคิจิ"
เห็นข่าว Samsung Note7 ระเบิดแล้วผมคิดว่า Michael Bay แกน่าจะสนใจเอาไปใช้ประกอบในหนังของแกนะครับ
#มิตรสหายหนังแนวระเบิดตูมตามท่านหนึ่ง
คนญี่ปุ่นพึ่งมาสูงใหญ่เจี้ยวโต หลังยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โภชนาการมีผล
ดังนั้นถ้าอยากเจี๊ยวใหญ่ ให้กินครบ 5 หมู่ แดกแต่ของดีมีประโยชน์ และใช้กระบอกสุญญากาศ
เมื่อก่อนคนญี่ปุ่นมันกินพืชผัก มากกว่าโปรตีนว่ะ คือชัดเจนเลยว่าสัดส่วนกินพืชผัก:เนื้อ 7:3
ที่โตใหญ่กันเพราะความรู้เรื่องโภชนาการล้วนๆเฟ้ย
"แม่ชีเทเรซ่านี่อาจเรียกได้ว่าเป็น"คำสาปจากนรก" เพราะใช้ความเจ็บปวดทรมานของคนอื่นเรียกรับเงินบริจาคมากมายแต่ไม่ได้สร้างสถานพยาบาลให้เหมาะสมตามทุนที่ได้รับ ปล่อยให้คนเจ็บทุกข์ทนทรมานเพราะเชื่อว่าความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่สวยงามและทำให้เราแข็งแกร่ง เหมือนกับที่พระเยซูถูกทรมาน
มีคนเขียนเรื่องแม่ชีเป็นภาษาไทยที่นี่
http://friday12thb.blogspot.com/2015/06/holier-than-thou.html
ส่วนภาษาอังกฤษหาในกุเกิ้ล มีเยอะแยะ"
"มหาลัยมอนเทรียลยืนยันมาแล้วว่าเทเรซ่า"เป็นอะไรก็ได้ ยกเว้นนักบุญ"
http://nouvelles.umontreal.ca/en/article/2013/03/01/mother-teresa-anything-but-a-saint/ "
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"นึกถึงมีม "มีแต่เด็กยุคเก้าศูนย์เท่านั้นที่จำได้" แล้วรู้สึกว่าสิ่งที่มันดีจริงของยุค 1990's ที่คนจำไม่ได้แม่งคืออัตราดอกเบี้ย นี่คือสิ่งที่พวก Millennial (พวกโตเป็นผู้ใหญ่ช่วงปี 2000) เกิดทันแน่ๆ แต่จำไม่ได้
Millennial เป็นคนยุคแรกๆ ที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการสื่อสารเน้นๆ ก็จริง แต่ในทางการเงิน แม่งเป็นคนรุ่นที่ Fucked Up เหี้ยๆ คือคุณอยู่ในยุคที่พรมแดนการบริโภคแม่งเปิดมหาศาล แต่ศักยภาพในการหาเงินแม่งหดลง และความสามารถในการสะสมทุนแบบทวีคูณแม่งแทบจะถูก Deactivate โดยสิ้นเชิง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วิธีวัดประเทศเจริญแล้ว กับ ไม่เจริญ แบบหยาบๆ(ยกเว้นประเทศเอาศาสนาเป็นกฎหมาย)ให้ดูที่ ชนชั้น
ประเทศที่มีชนชั้นล่างเยอะ มักเป็นประเทศไม่เจริญสักทีเพราะ คนชั้นล่างเยอะยิ่งส่งเสริมชนชั้นบนให้สูงขึ้น เพราะงั้นบรรดาผู้มีอำนาจจึงชอบเยินยอเอาใจเหล่าชนชั้นล่าง แต่กดไว้แค่ตรงนั้น
ประเทศใดมีชนชั้นกลางเยอะ มักจะเป็นประเทศเจริญแล้ว เพราะจะมีกำลังการซื้อระดับบนและล่างกระจายมากที่สุด ทำให้เศรษฐกิจในประเทศเดินหน้าได้ แต่บางครั้งเหล่าผู้มีอำนาจอาจไม่ชอบเพราะกลัวเติบโตมาเป็นคู่แข่งเหมือนตนที่ไต่เต้าขึ้นมา
จึงมักคอยเป่าหูเอาชนชั้นล่างมาคอยฉุดชนชั้นกลางให้ทะเลาะกันกดไม่ให้โตทั้งคู่
#มิตรสหายโม่งขี้มโนแถวนี้
มิตรสหายทั้งหลาย หลังๆมาเริ่มการเมืองเยอะแล้วน่ะเพลาๆกันหน่อย
"ผมเห็นผู้หญิงคนนึงที่ ชอบพูดว่าตัวเองเป็นนักวิทยาศาสตร์บ่อยๆเพราะจบสายวิทย์ เเต่วันนึงพูดว่าตอนพ่อไม่สบาย จะสวดมนต์ตลอดเพราะบทสวดมนต์ช่วยรักษาคนให้หายได้ ผมนี่งงเลย สวดมนต์เกี่ยวอะไรกับหายจากอาการป่วย จะอ้างPlacebo Effectงั้นหรือไง ถ้าจะสวดเพื่อเป็นที่พึ่งก็ว่าไปอย่าง เเต่นี่พูดอย่างมั่นใจว่ามีประสิทธิภาพประหนึ่งยาก็เกินไป"
-มิตรสหอยท่านนึง
"ครอบครัวไม่ควรต้องแตกแยกกันเพราะเรื่องเงิน .... มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเกินไป .... ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร ครอบครัวควรเป็นผู้เยียวยา ไม่ใช่ทำให้เกิดปัญหาซะเอง มันน่าเจ็บปวด ... #อิน #มาก #จริงๆ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"คงมีข่าวเร็วๆนี้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"แสบๆ มันๆ กับ “คัมปะนีแมน” (อีกครั้ง)
ขอเล่าเรื่องสนุกๆสมัยที่ผมต้องไปทำงานกับ “คัมปะนีแมน” หรือ “ผู้จัดการแท่นเจาะ” เมื่อ 30 ปีก่อนนะครับ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มทำงาน ต้องไปฝึกและช่วยคัมปะนีแมนบนแท่น 2 อาทิตย์ สลับกับเข้าทำงานที่กรุงเทพ 2 อาทิตย์ ถ้าเจอคัมปะนีแมนที่เป็นวิศวกรก็สบายใจคุยกันรู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นคัมปะนีแมนที่เติบโตมาจากสายช่าง ก็มีเรื่องแสบๆ เล็กน้อยที่ยังจำได้ถึงวันนี้ คือพวกฝรั่งที่เป็นช่างเขาชอบเข่นวิศวกรเด็กๆอยู่แล้วครับ
ครั้งแรกที่ผมเดินทางไปแท่นเจาะที่อ่าวไทย ต้องนั่งเฮลิคอปเตอร์ (ฮ.) ออกไปจากสนามบินกองทัพเรือที่สงขลา กำลังจะขึ้นเครื่องก็เจอคัมปะนีแมนที่เป็นช่าง ตัวใหญ่มากๆ สไตล์จิ๊กโก๋เต็มตัว ชื่อ เคน เซวินสกี้ (Ken Sevinski) เขาคงรู้ว่าเราเป็นวิศวกรป้ายแดง เลยเริ่ม 'รับน้อง' ผมทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง ”ที่นั่งของยูน่ะ อยู่โน่น ในช่องเก็บสัมภาระ” ผมตกใจไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ยิ้มไว้ก่อนตามนิสัยคนไทย (ที่ตัวเล็กกว่า) ขึ้นไปนั่งหลังเครื่องอย่างสงบเสงี่ยม โชคดีว่า ฮ. ไปส่งที่คนละแท่น และผมก็ไม่ต้องไปฝึกกับเขาเลยในช่วง 3-4 เดือนแรก
จนครั้งหนึ่งที่ผมต้องออกไปแท่นเจาะ คัมปะนีแมนที่ผมจะไปช่วยมีธุระต้องกลับไปบ้านที่อเมริกากะทันหัน ผู้จัดการฝ่ายเจาะจึงถามผมว่าไปคุมแท่นเจาะเองเลยได้ไหม ผมก็รับปากทันทีเพราะสมัยนั้นโอกาสที่คนไทยจะได้คุมการเจาะหลุมเองมีไม่บ่อยนัก จึงได้ออกไปเป็น 'คัมปะนีแมน' คุมแท่น เริ่มเจาะหลุม (รู้สึกจะชื่อ K-12) ตั้งแต่หลุมชั้นต้นจนเสร็จถึงหลุมชั้นกลางตามโปรแกรมอย่างเรียบร้อย กำลังจะเข้าสู่หลุมชั้นล่างก็ถึงกำหนดกลับ ผมกำลังสนุกเพราะงานราบรื่นมาก เลยขออยู่ต่อเพื่อช่วยเจาะหลุมนี้ให้เสร็จ ทีนี้การเจาะหลุมชั้นล่างนั้นอันตราย ผู้จัดการฝ่ายเจาะจึงส่งคัมปะนีแมนที่ประสบการณ์สูงมาคุม แต่ให้ผมอยู่ช่วยได้ ปรากฎว่าคนที่ส่งมาคือ เจ้าเคน คนที่กัดผมให้ไปนั่งในช่องเก็บสัมภาระนั่นเองครับ
เคนลงจาก ฮ. มาที่แท่น เจอผม ตอนแรกก็ทำหน้าไม่เชื่อว่าหลุมนี้ผมเจาะเอง ผมบอกว่ายินดีอยู่ช่วยต่อเพราะอยากจบหลุมนี้ เราทำงานด้วยกันได้ดีจนเจาะหลุมเสร็จ โดยผมรู้สึกได้ว่าเขายอมรับในฝีมือและความมุ่งมั่นของเรา ปรากฎว่าเป็นหลุมที่เจาะได้เร็วที่สุดในอ่าวไทยขณะนั้น บริษัทให้โล่รางวัลทั้งเคนและผม เลยทำให้เรากลายมาเป็นเพื่อนซี้กันตั้งแต่นั้นมา
ชีวิตต้องผ่านการทดสอบนะครับ ถ้าวันนั้นผมหงุดหงิด ขี้โมโห เอาแต่ใจ มีอีโก้เยอะเกินไป ไม่อยากร่วมงานกับเขา ความสำเร็จและการเรียนรู้ก็ไม่เกิด บางครั้งคนพวกนี้เขาก็ต้องการทดสอบจิตใจเราว่าเข้มแข็งแค่ไหน ซึ่งเมื่อเราได้พิสูจน์ให้เห็นว่ามีความมุ่งมั่นและเป็นมืออาชีพ เขาก็เปิดใจ ยอมรับ และกลายมาเป็นเพื่อนกันได้
หลายปีหลังจากนั้น ผมมาเป็นผู้บริหารที่ ปตท.สผ. ได้ไปเยี่ยมโครงการที่เราร่วมลงทุนในประเทศเมียนมาร์ เจอเคนเป็นคัมปะนีแมนเจาะหลุมให้เราที่นั่น ยังคุยกันสนุกสนานถึงเรื่องที่เขาไล่ผมไปนั่งที่ช่องเก็บสัมภาระของ ฮ. ซึ่งเขาก็ทำเป็นจำไม่ได้ครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"บางทีก็ไม่เข้าใจเวลาคนแขวะศาลไทยว่า "คุกมีไว้ขังคนจน" นี่มันคิดว่าคนรวยๆ ในประเทศเจริญแล้วนี่มันติดคุกกันเป็นปกติหรือไง"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"หากคุณกำลังมองหาอนุสรณ์ของเขา จงมองไปที่รอบตัวคุณ"
"ใครจะคัดค้านหรือสนับสนุนนายศรันย์ก็ทำไป แต่ขอร้องแค่อย่าเอารูปมาประกอบ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"สูตรทำ La Tortilla de Patatas (ไข่เจียวมันฝรั่งสเปน)
-ผัดมันฝรั่งหั่นเเว่นเเละหอมใหญ่ซอยในน้ำมันให้สุก เเล้วตักขึ้น
-ตีไข่เเละปรุงรส เทมันฝรั่งเเละหอมใหญ่ที่ผัดลงไปในไข่ เเล้วเอาลงทอดในน้ำมัน
-กลับข้างให้เป็นสีน้ำตาลทองทั้งสองด้าน ระวังอย่าให้ไหม้ เเละด้านในควรจะเป็นครีมนุ่มๆ"
-มิตรสหายเชฟท่านนึง
อย่ามาอวดฉลาด ตอนนี้มึงต้องอยู่ด้วยความรู้สึก ไม่ใช่สมอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันนี้ไปสังเกตการณ์งานแห่วัดแขกสีลม หรือวิชัยทศมี วันสิ้นสุดเทศกาลนวราตรี ซึ่งไปมาหลายปีแล้วมีข้อสังเกตประมาณนี้
.
คนเยอะมาก น่าจะถึงหลักหมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว เพศที่สามเยอะมากถึงมากที่สุด การแต่งกายโดยมาก ใส่ขาว แดง นิยมเสื้อยืดแบบเป็นทีม มีหลายทีมมาก แทบจะเต็มบีทีเอส ผสมกับผ้าแบบอินเดีย แต่งแบบอินเดียก็มี ทั้งสาหรีและชุดแบบอื่นๆ แต่คนอินเดียมีน้อยมากและมักไม่ค่อยเป็นเจ้าของซุ้มต่างๆ แต่เป็นคนเดินซะมากกว่า แต่งกายจากที่ทำงานก็มี แต่งวับแวมโดยเฉพาะสาวๆทั้งจริงทั้งแปลงก็มีมาก คนสวยๆนมโตๆเยอะมาก
.
รูปแบบงานของวัดคงเดิม แต่ซุ้มดูเหมือนมีมากขึ้น ที่ต่างจากที่เคยเห็นคือ บางซุ้มเป็นเวทีคอนเสิร์ตไปด้วย เหมือนได้ยินว่ามีจากค่ายอาร์สยาม และที่เปลี่ยนไปคือหลายซุ้มเล่นเพลงที่ไม่เป็นอินเดียและเกี่ยวกับเทพ คือเพลงสมัยนิยม และแดนซ์กันในงานเลย
.
ซุ้มที่มาจัด เข้าใจว่า มีสามสี่ลักษณะ มากที่สุดคือตำหนักทรงต่างๆ หลังขบวนผ่านไป เจ้าของตำหนักจะแสดงปาฏิหาริย์ เรียกแขก หาลูกค้า และประชาสัมพันธ์ตำหนักตัวเอง ในขณะเดียวกันคนไปงานเองก็เหมือนได้ไป "ชอปปิ้ง"ดูงานออกร้านของซุ้มต่างๆ ชอบอันไหนก็เข้าไป ทำพิธีนั่นนี่และติดต่อกันต่อไปอีก
.
นอกนั้นก็มีซุ้มของห้างร้านซึ่งมักอยู่ในแถวนั้น กับซุ้มของกลุ่มมิตรสหายที่รวมตัวกัน โดยมากเป็นผู้ศรัทธา
.
ซุ้มมักแข่งความอลังการใหญ่โต และขนเทวรูปของตนออกมา ค่าตกแต่งบางซุ้มน่าจะหลักแสน รวมทั้งเครื่องเสียงและวงดนตรี ที่จริงขบวนแห่ของวัดก็มีทั้งแตรวง กลองยาว ดุริยางค์ และนาทสวรัมแบบอินเดีย ผสมผสานไปหมด ผมเข้าใจว่านี่เป็นงานทางศาสนาที่ "เสียงดัง" ที่สุดในกทม ในพื้นที่สาธารณะ
.
โดยไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ ผมเข้าใจว่าคนมางานมาจากภูมิหลังและความรู้ทางศาสนาที่แตกต่างกันมากพอสมควร แต่อาศัยการเรียนรู้เชิงรูปแบบ จึงทำออกมาคล้ายๆกัน และเข้ามางานด้วยวัตถุประสงค์ต่างกัน
.
เหตุใดคนจึงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆและมีเพศที่สามมาก ผมคิดว่าด้วยเหตุผลอย่างแรกคือ งานเทศกาลของฮินดูนั้นมีสีสันดึงดูด และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาผิดกับงานทางศาสนาอื่นๆ แต่นอกนั้นผมว่า เพราะงานวัดแขก มี "พื้นที่" ทางศาสนามากพอสำหรับผู้หญิงและเพศที่สาม ที่จะแสดงบทบาทและความสำคัญของตนโดยไม่ต้องปกปิดอัตลักษณ์ทางเพศ เพราะอัตลักษณ์ทางเพศกลับไม่เป็นอุปสรรคต่อประสบการณ์ทางศาสนาของตน และเป็นพื้นที่ที่มากพอโดยไม่มีคนอื่นหรืออำนาจเข้าไปยุ่ง(วัดไม่ได้ห้ามเข้าทรงหรือ ทำพิธีภายในซุ้มของแต่ละกลุ่ม)หรือกะเกณฑ์ว่าจะต้องทำอย่างไร
.
อีกทั้ง เทศกาลนี้เป็นเทศกาลที่มีลักษณะ "โลกิยะ" หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องมีลักษณะศักดิ์สิทธิ์และสูงส่งทางศาสนาเพียงอย่างเดียว หรือโลกุตตระ แต่เกี่ยวพันกับการเฉลิมฉลอง(เต้นและเพลงบันเทิง) ความสุขทางโลก(คุณจะขอพรอะไรก็ได้) และไม่กีดกันคนออกไปโดยมิติทางศีลธรรม (เพศไหน คนทำงานกลางคืนแบบไหน คนอาชีพไหนก็เข้ามาร่วมได้หมด) ซึ่งสิ่งนี้เป็นมิติที่พิธีกรรมของพุทธสมัยใหม่ขาดหายไป(แต่เดิมภารกิจทางโลกเป็นของศาสนาผี)
.
อีกปัจจัยคือ ความไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมการเมือง ซึ่งทำให้คนแสวงหาที่พึ่งมากขึ้น และเป็นที่พึ่งซึ่งดูฟังชั่นมากกว่าของเดิม คืออำนวยผลในทางโลกอย่างเร็ว
.
อีกทั้งงานนี้ มีลักษณะของการ"โชว์" ความสามารถและสมบัติส่วนตนในที่สาธารณะ ขณะเดียวกันก็เกิดโอกาสที่จะรวมกลุ่มทำกิจกรรมร่วมกันในเครือข่ายของตน และยังมีโอกาสสร้างเครือข่ายทางความเชื่อกับเครือข่ายอื่นๆ
.
งานวัดแขกสีลมจึงเป็นงานทางศาสนาในพื้นที่สาธารณะงานเดียวในสังคมไทยที่เป็นการรวมตัวจากเอกชนมากที่สุด โดยมิได้เกิดจากองค์กรหรือหน่วยงานเดียว
.
ในทางหนึ่ง สิ่งที่น่าสนใจคือระบบเศรษฐกิจซึ่งยังไม่มีผู้ศึกษาว่า วัดแขกเองใช้งบประมาณ + อาสาสมัคร มากแค่ไหนในการจัดการงานมโหฬารนี้ และมีเม็ดเงินทั้งยอดบริจาคและเงินที่สะพัดในงานนี้มากเท่าใด
.
ในมุมทางศาสนา น่าสนใจว่า ความเข้าใจเกี่ยวกับศาสนาฮินดูและการระบุอัตลักษณ์ตนเองของผู้ร่วมงานในทางศาสนาเป็นเช่นไรมีมากน้อยแค่ไหน อีกทั้งปรากฏการณ์อื่นๆ เช่นความขัดแย้งระหว่างซุ้ม การทะเลาะวิวาท ขยะและการจัดการ มิติด้านวัตถุนิยมทางศาสนาอันมหาศาล การตลาดความเชื่อ และภาพรวมของความเชื่อในสังคมไทยผ่านการเข้าใจงานนี้เป็นอย่างไร คงต้องทำงานกันต่ออีก
.
น่าสนใจมากๆครับ น่าไปดูกัน ไว้ปีหน้าผมจะลองชวนกันไปดูอีกสักครั้ง
.
ปอลิง. ผมเขียนบทความเรื่องงานวัดแขกในมติชนสุดสัปดาห์ศุกร์นี้ครับ โปรดติดตามในคอลัมน์ ผีพราหมณ์พุทธครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คำว่าล่าแม่มดดู aggressive อะ ขอให้ใช้คำว่า กฎบัตรขจัดสาวน้อยเวทมนตร์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"การตามฆ่า นายศรัณย์ ฉุยฉาย นี่ไม่สามารถเรียกว่า "การล่าแม่มด" ได้นะครับ ต้องเรียกว่า "การล่าพ่อมดสาว""
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ขาดแคลนกว่าเสื้อดำตอนนี้ ก็สติคนไทยนี่แหละครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
บ้านเมืองตอนนี้ สาวน้อยเวทย์มนต์ชุดดำไล่ล่าสาวน้อยเวทย์มนต์ชุดปกติฟรุ้งฟริ้ง ....... เหี้ยเดจาวูนิยาย
#กูเอง
"สดๆ ร้อนๆ จนต้องจอดรถโพสต์ มอเตอร์ไซค์ติดไฟแดงตรงราชดำเนิน คันข้างน่าจะเป็นแมสเซนเจอร์ใส่แจ็กเกตเขียวสะท้อนแสงสกรีนตราบริษัท สักพักรถกระบะเปิดกระจกลงมา
"ทำไมมึงใส่เสื้อแบบนี้ไม่ให้เกียรติท่านรึ" เสียงตะโกนจากกระบะ ผมหันไปที่พี่คันข้างๆ เขาทำหน้างง "ยังอีกๆ" รถกระบะพูดต่อ พี่เขารู้ตัวหันไป รูดซิปเปิดเสื้อโปโลข้างในสีดำให้เห็น คือถ้าใครรู้จักแมสเซนเจอร์จะรู้ว่าเขาเอาซองเอกสารใส่ในแจ็กเกต
รถกระบะพยักหน้าอืมๆ แล้วปิดกระจกไป โดยไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไปสักครู่...."
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยิ่งเห็นใส่สีแดงนะเมิงเอ้ยย อัตราความคลั่งยิ่งทวีเพิ่มเข้าไปอีก ทิ้งสมองไว้แล้วไล่ขวิดอย่างเดียวเลย
นี่มัน Civil War
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เจอจะๆเลยครับเมื่อเช้า แม่งตะโกนด่ากันข้ามถนนเลย ไอพวกเนรคุณไม่รักพ่อ ใส่สีส้มกันมาเชียวนะพวกมึง ซักพักอีกฟากตะโกนกลับมา ใจเย็นๆโยม จีวรดำมันหายาก
ทำไมมันตรงกันข้ามกับที่กูเจอวะ กูใส่เสื้อสีดำแม่งกระซิบไล่หลังกู "วันที่3แล้วยังใส่อยู่อีก น่าจะเป็นพวกคลั่ง" ปล.กูอยู่เชียงใหม่
คิดอีกทีเปลี่ยนใจไม่กล่าวดีกว่า
"มองซิเออร์ฉุยฉายนี่ถ้าจะด่าพ่อล่อแม่ ขู่ฆ่า ขู่เอาชีวิต ขู่ว่าจะทำร้ายพ่อแม่ญาติพี่น้องนี่เฉยๆ อะครับ แต่ถ้าเรียกมองซิเออร์ฉุยฉายว่านายศรันย์เมื่อไหร่ จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที"
มิตรฯ
"สภาวะที่หลายคนแสดงออกด้วยอารมณ์รุนแรงในยามนี้คือผลลัพท์ของฝ่ายขวา-อนุรักษ์นิยมไทยกระทำมาหลายสิบปีติดๆกัน คือ การส่งเสริมลัทธิตัวบุคคลชนิดสุดขั้วนั่นเอง
เมื่อการทำ institutionalization เท่ากับ personalization มาโดยตลอด สิ่งที่ได้รับในบั้นปลายคือ "ความไม่มั่นคง, ความหวาดกลัวต่ออนาคต, ความรู้สึกเหมือนโลกล่มสลายลงไปต่อหน้า" เมื่อตัวบุคคลไม่อยู่...
และท้ายสุดมันแสดงออกด้วยความโกรธเกรี้ยวชิงชังคนไปทั้งโลก ฟาดงวงฟาดงาไปหมด เพราะรู้สึกว่าตนสูญเสียสิ่งที่รักที่สุดไปและต้องมีใครซักคนรับผิดชอบมัน"
มิตรสหายเตะเมียท่านหนึ่ง
"การเตะเมียคือผลลัพธ์ของอะไรครับ"
"การเตะเมียเป็นการแสดงเสรีภาพเชิงสัญลักษณ์ไหมครับ"
"แล้วสภาวะนี้จะลงท้ายด้วยการเตะเมียไหมครับ"
#มิตรสหายอีกหลายๆท่านหนึ่ง
ผมไม่เล็กนะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เมื่อไหร่เราจะพอกันสักทีกับปริญญาโท แผน ข ที่แจกน้ำเปล่าวันละขวดที่มาเรียน แถมเลือกโปรแกรมได้ด้วยว่าจะไปดูงานที่ไหน ดูในไทยรวมทั้งหมด 140,000 ไปญี่ปุ่น 170,000 ไปอังกฤษ 200,000 ไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ รับรุ่นละ 100 คนขึ้นไป จบกันสลอนเต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พ่อกุชื่ออานั.............ลาเล่
มีพาดหัวข่าวนึงว่าจะพังตึกที่ฮิตเลอร์เคยเกิดเพราะกลัวเป็นแหล่งมั่วสุมของนาซี
Alternative ideas rather than pulling down a perfectly good structure: A home for refugees, a shelter for battered women, a Jewish culture museum, a gay night club.
แทนที่จะมีแนวคิดไปพังตึกโครงสร้างดีๆแบบนี้ลง ทำเป็นบ้านแก่ผู้ลี้ภัย ทำที่หลบภัยให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำชำเรา พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมของชาวยิว ผับเกย์ใจกลางเมือง...
#มิตรสหายฝรั่งท่านนึง
i don't good english, i don't know what you mean, oh shit why you use this language, why you don't use thai i can't understand this post, i born in thai my country not use this language, okay i will try and i hope you use thai language in next post, thank you.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนที่รักชอบญี่ปุ่นมีอยู่มาก แต่เชื่อเถอะ คนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่นนานหน่อยจะเริ่มมองเห็นอุปนิสัยบางอย่างของคนญี่ปุ่นที่ทำให้รักชอบน้อยลงจากเดิม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.