มึงก็นอนดึก ๆ
แต่ไม่ดีหรอก เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว
Last posted
Total of 1000 posts
มึงก็นอนดึก ๆ
แต่ไม่ดีหรอก เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว
นอนสักตี4ตี5อ่ะ เดี๋ยวไบโอคล็อครีเซ็ทเอง
อยากไปทำงานว่ะ วันหยุดไม่มีเหี้ยไรทำอยู่บ้านแล้วเบื่อถึงเบื่อมาก นิยาย เกม การ์ตูนก็อ่านก็อะไรไปหมดแล้ว
อาหารก็ไม่มีรมจะแดกเท่าไร วันหยุดแบบนี้ทำอะไรกันบ้างว่ะ กูจะเฉาตายอยู่แล้วอยากมีเมียมากอดมาคุยจัง
ต่อโมเดล
รอซีรี่ซับไทย.....เบื่อชิบหายเลย แต่ก็ยังดีกว่าไปทำงานละวะ
>>355 ถ้านายได้ทำงานวันเสาร์จะไม่พูดแบบนี้ว่ะ เคยทำงานที่เก่าแล้วให้มาทำวันเสาร์ด้วย วันอาทิตย์ได้พักวันเดียว ทำงานบ้านก็หมดไปครึ่งวันแหละ นอนพักแปปๆวันจันทร์ก็อีก ไม่ได้ออกไปไหนเลย เที่ยวไม่ต้องพูด เชื่อเถอะหยุดเสาร์อาทิตย์แจ่มสุดแล้ว อยากทำอะไรก็หาอาชีพเสริมเอาดีกว่า
กูอยากลาออกไปเรียนมหาลัยชิบเป้ง
ชีวิตมัธยมกูจบไม่สวย มหาลัยก็ไม่ได้ไปเรียน สอบอย่างเดียว
อยากลองมีชีวิตเฟรชชี่ตอนอายุ 27 จัง
>>361 ชีวิตสมัยมหาลัยกูเหนื่อยชิบเป๋ง คณะกูงานเยอะเหี้ยๆ เหี้ยมาก เหี้ยมากๆ
ยิ่งชีวิตปี1นี่อย่าหวังจะได้สนุกกับการเป็นเฟรชชี่ เที่ยงโดนว๊าก ให้เวลาแดกข้าว5นาที เช้าเรียน8โมง เย็นเลิก5โมง มีกิจกรรมส้นตรีนต่อ ไม่มาโดนด่า กว่าจะได้กลับบ้านแม่งล่อไป2ทุ่มup แล้วงานก็สั่งทุกวัน จะเอาเวลาไหนทำานล่ะ? เวลานอนไงมึง เวลานอนอะ! สาวๆจากสวยๆน่ารักๆที่จบม.6มานะ มาอยู่นี้หน้าโคตรโทรมเหมือนโดนrapeทั้งคืน พวกผู้ชายนี่ไม่ต้องพูดถึงหน้าอย่างกับโจร
พอกลางเเทอมคะแนนเริ่มออก มีคนซิ่วออกไปบาน เพราะทนไม่ไหวงานเยอะ+เกรดเหี้ยมาก
กูบอกเลยว่าชีวิตกูตอนนั้นเทียบกับสมัยม.ปลาย สมัยม.ปลายกูมีความสุขกว่ามากๆ
กูเคยเจอแบบนั้น แล้วกูก็ซิ่วไป ไปเริ่มเรียนที่ใหม่มีบทเรียนแล้วกูก็ไม่ยุ่งกับกิจกรรมคลั่งซีเนียริตี้เหี้ยห่าอะไรพวกนั้นอีกเลย
เกรดดีสมใจอยาก จบคณะดีกว่าเดิม
แต่สุดท้ายกูก็ไม่ได้ทำงานตรงสายที่เรียนมา ไม่ได้ใช้เกรดสมัครงาน ไม่เคยยื่นทรานสคริปต์ให้ใครดู...
>>363 เอาจริงๆคณะกูต่อให้ไม่ยุ่งกับกิจกรรมเลยแม่งก็เหนื่อยอยู่ดีว่ะ กูนี่โดดไปซะเยอะ เข้าแต่อันที่จำเป็น
แต่แม่งกูค้นพบว่าชีวิตกูไม่ค่อยมีเวลาว่างเลยในขณะที่ไอ้เพื่อนคณะอื่นของกูนี่เที่ยวเอากินเลี้ยงเอา แต่กูนี่นั่งทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างกับจะทำทีสิสส่งทุกวันอะ พอปี2ปี3ค่อยดีขึ้นมาหน่อย....เพราะชิน....(งานก็ไม่ได้น้อยลงหรอก)
กูเลยฝังใจกับไอ้ชีวิตมหาลัยมาก เวลาเห็นคนมาอวยว่าชีวิตมหาลัยสนุกอย่างโง้นอย่างงี้ หรือ เวลาเห็นไอ้พวกเด็กทำตาเป็นประกายแล้วฝันหวานถึงชีวิตเฟรชชี่ จะได้จีบสาวแล้วโว้ย จะได้เที่ยวเล่นแล้วโว้ย กูจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เลย เพราะกูคิดว่าชีวิตพวกมันที่อยู่มัธยมอะสบายสุดแล้ว สามารถเที่ยวเล่น/จีบสาว/อิสระ ได้อย่างที่มันต้องการเลย... ซึ่งกูไม่ได้หลังเข้ามหาลัยมา แต่ก็ไม่เสียใจนะที่เรียนที่นั่นมา เพราะก็นับว่าเป็นสถาบันที่ดีอันดับต้นๆในสายที่เรียนแล้ว
>355 ไปฟิตเนสดิ
>>362
กูทำกิจกรรมตอนมัธยมปลายไปแล้วแบบสุดๆ เชียร์เชอก็ทำ เหนื่อยสุด ซ้อมเต้นแม่งทุกเย็น เสาร์อาทิตย์ก็ซ้อม จนนับถือพวกเป็นเชียร์ทุกปีเลย ฟิตสุดๆ
พอมหาลัยรับน้องมีว๊งมีว๊าก กูเลยไม่เข้าเลย ไม่สนใจ ก็ช่างหัวแม่ง
จบมาไม่เห็นมีรุ่นพี่มามีปัญหาซักคน นั่งเล่นเกมอ่านการ์ตูนเหมือนๆกันทั้งแก๊งนึง
ไปๆมาๆ ม. ปลาย กูว่าสบายสุดล่ะ ถ้าไม่เน้นสอบเข้านะ
กูรู้สึกไม่ค่อยต่างเท่าไหร่ว่ะ ม.ปลายก็ทำงานไปเรียนไป มหาลัยก็ทำงานไปเรียนไป จบมาก็ทำงานไปทำงานไป เหนื่อยเหมือนๆกัน แต่ม.ปลายมันบังคับก็ได้อยู่กับเพื่อนๆมากกว่า
สรุปม.ปลายดีสุด
มีใครตามข่าวเครื่องบินมาเลย์หายมั่ง
กูว่าช่วงมอปลายแม่งก็สนุกนะแต่ยังไม่เต็มที่เท่าไหร่สำหรับกู(กูอาจจะบ้าเรียนเกินไปมั้ง) แต่เข้ามหาลัยมาแม่งแย่กว่าเก่า มาวันแรกก็โดนว๊ากละ การบ้านก็เยอะชิบหายรุ่นพี่ยังสั่งงานเพิ่มอีก กลายเป็นงานเยอะเหี้ยๆ ไม่ทำงานมหาลัยก็ไม่ได้เพราะแม่งเกี่ยวเนื่องกับคะแนนแต่ก็ต้องเจียดเวลามาทำงานที่รุ่นพี่สั่งอีก ถ้าไม่ทำก็โดนเอาไปว๊ากในห้องเชียร์โดนลงโทษเหี้ยไรไม่รู้เยอะแยะ แล้วกูไม่กล้าขัดไง(ไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากถูกทิ้ง สาขากูมีคนที่ไม่เอารุ่นแม่งโดนปฎิบัติจากคนรอบข้างไม่ดีเพื่อนก็ไม่คบ ถ้าไม่เก่งจิงแบบไม่ต้องพึ่งใครแม่งอยู่ลำบากชิบหาย)สุดท้ายแม่งก็ต้องนั่งอดตาหลับขับตานอนทำงานทั้งของมหาลัยและรุ่นพี่ หน้างี้อีเหี้ยยังกะซอมบี้ลืมหลุม คะแนนก็เหี้ยมาเลยจ้าแถมสาขากูแม่งรับน้องกันทั้งเทอม ก็คิดดูเอาเทอมนึงที่ใช้ชีวิตแบบนักโทษ จะแต่งตัวตามใจก็ไม่ได้ต้องแต่งตามที่รุ่นพี่บังคับ(แล้วแต่งตัวแบบนี้โครตวุ่นวายเลย สัด)
กูอยากมีชีวิตเฟรชชี่ในฝันมั่งว่ะ แบบเข้าปีหนึ่งมามีกิจกรรมของคณะที่ทำให้คนรู้จักกันเป็นปาร์ตี้เหี้ยไรก็ได้ซักวัน เอาแบบไม่ต้องเข้าห้องเชียร์ไม่ต้องทำงานรุ่นพี่ คนที่เป็นรุ่นพี่ก็มาคอยแนะนำชีวิตในรั้วมหาลัย แนะนำชมรม กิจกรรม บลาๆ(ขอบอกว่ามหาลัยกูชมรมเยอะมาก แต่ทั้งเทอมกูไม่เคยรู้เลยว่ามีชมรมด้วยเพราะไม่มีใครเคยพูดถึง กูไปเจอใบปลิวเองถึงได้รู้พอไปถามพวกรุ่นพี่บางคนแม่งยังไม่รู้เลยว่ามหาลัยมีชมรม) หาเรื่องสนุกๆทำกัน ทำตัวแบบปัญญาชนหน่อย จับกลุ่มกันติวหนังสือ จับกลุ่มกันเล่นกีฬา จัดปาร์ตี้กันและทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน กูอยู่มาจนจบปี4ละ ยังไม่เจออะไรแบบนั้นเลย กูว่าพอมีการว๊ากแม่งทำให้รุ่นน้องกลัวไม่กล้าเข้าไปคุยด้วยหรือรุ่นน้องเกลียด สุดท้ายถ้าเป็นคนพูดน้อยๆไม่ค่อยเข้าสังคมแม่งก็จะไม่รู้จักใครเลยเพราะไม่เคยมีกิจกรรมที่ทำให้คนรู้จักกัน เจอกันก็แต่พวกพี่ว๊ากขาโหดเท่านั้นอ่ะ เสียดายชีวิตเฟรชชี่ชิบหาย
เห็นหลายคนบอกว่าม.ปลายสนุกกว่ามหาลัย แต่ของกูตรงกันข้ามแฮะ
ตอนม.ปลายดัย้ายที่จากม.ต้นต่างจังหวัดเพื่อไปสอบเข้าเตรียมแต่ไม่ติด แล้วดันหาที่อื่นเข้าไม่ได้จนถึงช่วงก่อนเปิดเทอมนิดนึง แต่สายอื่นๆก็คนเต็มบ้างอะไรบ้างจนโดนโยนไปห้องที่เหมือนรวมพวกเด็กเวรที่ไปสายอื่นไม่รอด อาจารย์ก็มองเหมือนเป็นพวกเหลือขอ เป็นช่วงเวลาเรียนที่โคตรเลวร้ายสำหรับกูเลย
พอเข้ามหาลัยได้เรียนในสายที่ชอบและถนัด เรื่องว้ากไม่มีเพราะคณะผู้หญิงเยอะ(แต่ก็มีเข้าเชียร์ล่ะนะ) เลยมีเวลาเฮฮากับเพื่อนฝูงกับลงกิจกรรมได้เต็มที่ อาจจะมีเกรดไม่สวยบ้างในวิชาบังคับที่ไม่ถูกใจ เป็น5ปี(ไปตกวิชาบังคับนอกเอกตัวนึง...)ที่รู้สึกว่าคุ้มค่าชิบหาย
>>373
ห้องรวมเด็กเวร ม.ปลาย โรงเรียนเรานี่เหี้ยจริงอะไรจริง
ถ้าอยู่ห้องแบบนั้น แม่งไม่น่าเหลือเหี้ยอะไรดีๆใน ม.ปลาย แล้ว ยิ่งไม่เพื่อนจากชั้นเก่าๆด้วย เพราะมาเข้าโรงเรียนใหม่ด้วยเนี่ย นรกชัดๆ
ให้ความเลวร้ายของเรียนห้องกุ๊ย 3 ปี กับโดนว๊ากพ่องตายของมหาลัย เท่ากันนะ
ถ้ามีชมรมก็ยังพอจะหนีไปหาเพื่อนฝูงใหม่ได้
ตอน ม.ปลายกูก็อยู่ห้องกุ๊ยนะ เข้ามาใหม่ไม่มีเพื่อนด้วย
เลยโดนไอ้พวกเชี่ยในห้องแม่งโขกสับอยู่ร่วมปี ช่วงที่หนักๆนี่กูต้องไปแอบอยู่ที่ห้องสมุดหาอะไรทำคนเดียวเพื่อหนีพวกแม่ง
แต่ตลกอย่างนึงคือสุดท้ายพวกที่กูสนิทที่สุดตอนอยู่ ม.ปลากก็คือพวกเชี่ยนั่นน่ะแหละ ถึงพอขึ้นมหาลัยแล้วกูก็เลิกติดต่อกับพวกแม่งไปเลยก็เถอะ
กูเป็นอีกคนที่ชอบมหาลัยมากกว่าม.ปลายนะ
รู้สึกมันอิสระมากกว่า ถึงคณะที่กูเรียนจะไม่ค่อยให้อิสระเด็กแต่กูว่าก็ยังดีกว่าตอน ม.ปลาย
ได้เรียนในสายที่ตัวเองชอบ ถึงจะไม่ได้ชอบทุกวิชาที่เรียนก็เหอะ
ที่สำคัญกูกลับชอบเพื่อนมหาลัยมากกว่าเพื่อนม.ปลายหลายเท่า
เพื่อนม.ปลายกูมันยังไงๆไม่รู้ว่ะ มีพวกเหี้ยๆเยอะมาก แต่ถึงเวลาเรียนจบทำมาเป็นร้องห่มร้องไห้ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับกู นึกถึงแล้วขยะแขยงชิบหาย
เพื่อนดีๆที่พอสนิทหน่อยเรียนจบมันก็ไม่ได้อยากจะเจอกันเท่าไหร่ สุดท้ายก็ขาดการติดต่อกันไปเลย
แต่เพื่อนมหาลัยถึงหลายคนบางทีมันเหมือนเริ่มเข้าหากูเพราะอยากได้คนช่วยเรื่องเรียน แต่สุดท้ายถึงกูไม่มีอะไรจะให้ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้
รู้สึกคบกับพวกนี้แล้วสนิทใจมากกว่า ทุกวันนี้เรียนจบแล้วก็ยังติดต่อหากันอยู่ไม่ได้ตัดขาดจากกันไป
กู >>361นะ
ม. ปลายกูแบบพวกมึงหลายคนเลย คือตกไปอยู่ห้องท้าย
แต่สถานการณ์กู คือมาจาก ม.ต้น ห้อง 1
คงไม่ต้องบอกว่าสถานการณ์เลวร้ายขนาดไหน
แต่ไม่รู้ว่าดีหรือแย่กว่า ที่กูปรับตัวได้ หลายเป็นหัวโจกไป
สุดท้ายกูก็มีเรื่องจนไปจบ ม.ปลาย กศน. แล้วทำงานทำการนั่นล่ะ
ตอนนี้ประสบความสำเร็จระดับนึง แต่สายงานกูไม่มั่นคง เปลี่ยนแปลงตามการเมือง
วันนึงกูเห็นข่าวบัวขาวเป็นเฟรชชี่ตอนอายุ 31 เลยเกิดความคิดขึ้นมา
พอดีมีเงินเก็บทีทรัพย์สินก้อนนึง กูเลยคิดว่า สักสี่ห้าปี ไปเรียนอะไรที่อยากเรียน ทำอะไรที่อยากทำ แล้วหาทางเริ่มใหม่ในสายงานอื่นที่สบายใจกว่า น่าจะดีกว่าว่ะ
ยังมีเวลาคิดอีกพัก กว่าจะหมดเวลารับสมัครเรียน ยังอีกหลายเดือน
เรื่องที่กังวลอยู่คือกูทิ้งสกิลด้านนั้นหมดแล้วตั้งแต่ทำงาน ไปเรียนกับเด็กรุ่นน้อง 10 ผีโดยเริ่มจาก 0 เลยทีเดียว
แต่ดีอย่างตรง อายุขนาดนี้แล้ว คงไม่มีรุ่นพี่กล้ากดขี่
>>377
สมัยกูเรียนมหาลัยก็มีอยู่ปีละคนสองคนนะที่อายุยี่สิบปลายๆมาเป็นเฟรชชี่ กูก็เห็นว่าเข้ากับพวกปีเดียวกันได้ไม่มีปัญหา
แต่พวกนี้เวลามีงานกลุ่มหรือกิจกรรมจะลำบากนิดนึงเพราะจะถูกขอให้ช่วยเยอะหรือเป็นคนนำด้วยวัยวุฒิและวุฒิภาวะที่สูงกว่าเด็กอื่นๆ(บางทีอาจารย์ก็ขอให้ช่วยเหมือนกัน)
ถ้าเป็นพวกขี้รำคาญหรือไม่ชอบสุงสิงกับคนอาจจะอยู่ลำบากหน่อย
>>376 เพื่อนมหาลัยกูไม่ดีว่ะ ที่ดีๆของกูนี่เป็นเพื่อนสมัยประถม มหาลัยห้องกูแม่งบางคนโครตตัวร้ายเลย หน้าไหว้หลังหลอกบ้าง วางแผนเอาเปรียบชาวบ้านบ้าง กั๊กงานที่จานสั่งไม่ยอมบอกเพื่อนมาบอกเอาวันสุดท้ายบ้าง จานให้แนวข้อสอบมาบอกเพื่อนแม่งก็ไม่บอกบ้างหายหัวเวลาทำงานกลุ่มแต่รับหน้าเวลาได้คะแนน กดขี่คนอื่นบ้าง ใช้กำลังก็มี ใช้คำพูดคุกคามก็มี โยนความผิดให้คนอื่นหน้าด้านๆก็มี โกหกตอแหลปลิ้นปล้อนหลอกลวงมากมายอีกเหลือจะกล่าว หาที่ไว้ใจได้ยากมาก พูดกะกูอย่างนึงพูดกะอีกคนอย่างนึง เลวชิบหาย จากตอนแรกมีเพื่อนเป็นสิบเหลือไว้ใจได้ไม่กี่คนเอง
>>379 กู >>376 นะ
เพื่อนเหี้ยๆสมัยมัธยมของกูนี่ก็มีแบบที่มึงว่าหมดเลยแหละ
จริงๆเพื่อนมหาลัยแบบที่ว่ามาก็มีเกือบหมดนะ ยกเว้นพวกข่มขู่ใช้กำลังนี่แหละ ถ้ามีก็คงเกิดกับคนที่ไกลตัวกูมากจนกูไม่รู้เรื่องเลย
ส่วนกั๊กงานหรือแนวข้อสอบที่อาจารย์บอกมันมีคนคิดจะทำอยู่แต่ทำไม่ได้ เพราะเวลาสั่งงาน/บอกแนวข้อสอบจะผ่านระบบ e-learning หรือ facebook ตลอด ทุกคนเลยเข้าถึงได้เท่าๆกัน ถ้าบอกแค่บางเซคข่าวมันจะไปไวมากจนยังไงก็ต้องรู้เหมือนกันหมด
อีกส่วนอาจจะเพราะกูเจอเพื่อนเหี้ยๆมัธยมมาแล้วเลยเริ่มมีภูมิคุ้มกัน+พอรู้ทางมันบ้าง
บวกกับพอกูได้เรียนในสายที่กูถนัดถึงจะไม่ได้เก่งเทพไปหมด แต่กูก็อยู่ในฐานะที่ต้องพึ่งพาคนอื่นน้อยลงมาก
แต่ถึงอย่างงั้นก็เคยพลาดท่านะ มีเพื่อนที่สนิทมากคนนึงกว่าจะตาสว่างเห็นว่าแม่งโคตรเหี้ย หน้าไว้หลังหลอก หลอกใช้ชาวบ้าน ทำดีเอาหน้า ชอบโยนความผิดให้คนอื่น ดีแต่พ่นคำพูดสวยหรูให้ตัวเองดูดีก็คบกับแม่งมาเกือบจะ 2 ปีเข้าไปแล้ว
ส่วนคนอื่นๆที่เหี้ยๆที่มาสร้างปัญหาให้กูส่วนมากก็ไม่ได้ถึงกับสนิทกัน ส่วนมาก็ดีแต่เห่าหรือเอากูไปนินทาลับหลังในกลุ่มพวกมันซึ่งกูก็ไม่ได้เดือดร้อนเท่าไหร่อยู่แล้ว
ที่เจอเยอะๆอีกพวกคือไม่โดนเองกับตัวแต่เพื่อนกูโดนมากกว่า ซึ่งถ้าปัญหาที่โดนทิ้งไว้ให้ไม่ได้ใหญ่โตมากมายกูพอจะช่วยได้ก็ช่วยกันไป
พอพิมพ์ไปพิมพ์มาถึงเริ่มนึกได้ว่าเพื่อนมหาลัยเหี้ยๆก็เยอะนี่หว่า แค่ไม่ได้มาสร้างปัญหาให้กูโดยตรงเฉยๆเลยไม่ได้รู้สึกแค้นมากเฉยๆ
แต่ถ้านับเพื่อนสนิทที่คบกันมาตลอดรอดฝั่งแล้วรู้สึกชอบมากกว่าเพื่อนสนิทสมัยมัธยมนะ
แบบรู้สึกผูกพันมากกว่าเหมือนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันมากมายทั้งที่แค่ 4 ปี ให้ความรู้สึกว่าเป็นเพื่อนที่อยากจะคบกันไปนานๆ
ในขณะที่ รร.มัธยมกูนี่มันเรียนกันยาวตั้งแต่ม.ต้นยันม.ปลายตั้ง 6 ปี แต่พอเรียนจบก็แยกกันไป ไม่ได้รู้สึกผูกพัน อยากเจอหน้าหรืออะไรเลย
>>380 กู >>379 นะ
เฮ้ย ชีวิตมึงแม่งเหมือนของกูเลยเว้ย กูก็เคยมีเพื่อนสนิทคนนึงเหมือนกันนิสัยแบบเดียวกะที่มึงว่ามาเป๊ะ กูก็คบมันมาประมาณ 2ปีเหมือนกัน ปัจจุบันกูเลิกคบไปแล้วโครตเกลียดแม่ง เรื่องพูดจาสวยหรูให้ดูดีนี่ใช่เลย พอเรื่องที่มันหลอกใช้คนอื่นแดงขึ้นมามันก็รีบโยนความผิดให้เพื่อนอีกคนเลยเว้ยแล้วก็มีหน้ามาทวงบุญคุณอีก กูล่ะหงุดหงิดหน้ามันยังไม่อยากจะมองเลย เฮ้อ ไม่รู้เคยเป็นเพื่อนกันได้ไง ก่อนหน้านั้นกูคิดว่ามันเป็นคนดีมากเลย ไว้ใจทุกอย่างพอความแตกก็นะ กูรู้สึกแบบโดนหักหลังอย่างแรง หลังจากนั้นกูก็ไม่ไว้ใจใครเลยนอกจากเพื่อนที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาด้วยกัน กว่ากูจะสนิทกะคนอื่นได้อีกคงต้องดูกันยาวอ่ะ
เพื่อนรัก เพื่อนซี้ เพื่อนดีทั้งหลายแหล่
พอมีหน้าที่การงาน ขาดการติดต่อไปนานๆ
คิดถึง โทรไปหาที แม่งตั้งการ์ดระแวงกันหมด
นึกว่ากูจะไปยืมเงินหรือมีเรื่องเดือดร้อนจะมาให้ช่วย
หนักกว่านั้นก็ทำเป็นไม่รู้จัก จำไม่ได้ใส่กูซะงั้น
ปัจุบันเลยเลิกติดต่อเแม่งหมด สะเทือนใจกูเกินไป
พวกเพื่อนกูบางคนต่อหน้าก็คุยกันดีๆ ลับหลังนี่เกลียดขี้หน้ากันชิบหาย
กูในฐานะที่ค่อนข้าง neutral ต่อเรื่องพวกนี้ ต้องคอยฟังพวกมันด่ากันลับหลังให้กูฟัง
ไหนๆก็คุยเรื่องเพื่อนเหี้ยๆกันแหละ แจมมั้ง กูโดนเพื่อนที่คบกันมาแย่งแฟนว่ะ ตอนนั้นกูไปฝึกงานต่างจังหวัด แล้วแฟนกูอยู่กรุงเทพ เรียบร้อยถ้าเพื่อนในกลุ่มกูไม่โทรมาบอกนะ กูคงควายมากกว่านี้ กูเลยชิงบอกเลิกแม่งก่อนแล้วอวยพรให้มันคบกันยาวๆ แล้วเพื่อนในกลุ่มกูก็เลิกคบกับไอเพื่อนเหี้ยกันทั้งกลุ่ม ส่วนพวกแม่มคบกันได้ไม่นานแม่งก็เลิกกัน เพื่อนกูแม่งก็เสียเพื่อนไปแล้ว แต่แฟนเก่ากูอ่ะ แม่งมาง้อให้ยกโทษให้มัน กูก็ยกโทษให้นะ แต่กูก็บอกมันไป มึงกะกุคงไม่เหมือนเดิมแหละ แม่งก็ร้องไห้ไป แต่ถามว่ากูเจ็บมั้ยกับการกระทำพวกแม่ง "เจ็บสัสๆ" กูนอนร้องไห้เลยว่ะ คิดไม่ถึงว่าแม่งจะทำแบบนี้กับกู เย็ดแม่เอย พูดแล้วกูยังเจ็บอยู่เลย ชายอื่นแย่งแฟนยังไม่เจ็บเท่าแฟนสนิทแย่ง จิตใจมันทำด้วยอะไรว่ะ จนทุกวันนี้กูก็ยังไม่เข้าใจ กูไปทำอะไรให้แม่งเจ็บแค้นว่ะ แต่กูก็ยังมีเพื่อนสมัยมัธยมดีๆกับในมหาลัยที่เข้าใจกูและปลอบใจกู ไม่งั้นกูอาจไม่ได้มานั่งเล่นบอร์ดนี้หรอก
เพื่อนดีๆ ใวนวัยอด็ก เก็บไว้ในความทรงจำก็พอ
ยังดีนะพวกมึงถึงจะเจอเหี้ยมากแต่ก็ยังเจอเพื่อนที่ดีอยู่
กูไม่มีเพื่อนที่เหี้ยมาก แต่กูไม่มีเพื่อนที่สนิทและไว้วางใจพอจะคุยได้ทุกเรื่อง
เพื่อนสมัยเด็กที่พูดๆกันนี่นี่รวมถึงเพื่อนมัธยมหรือมหาลัยด้วยป่าว
เพื่อนม.ปลายนี่กูคบไม่ลงว่ะ กูอยู่ตรงกลางเลยเห็นความเหี้ยหมด พูดจาปลิ้นปล้อนเล่นพรรคเล่นพวก ไม่พอใจใครก็ใช้อำนาจของตัวเองนินทาเพื่อนแล้วให้คนทั้งห้องแบน นี่ชายล้วนนะ โคตรแมนสัสๆ กูก็เลยรู้ว่าพวกนี้ไว้ใจอะไรไม่ได้มาก มึงจะโดนหลอกใช้หรืออะไรก็ไม่รู้ ยิ่งบางทีแม่งมาคุยกับกูนี่ยิ่งขนลุกเลยว่ะ อีกอย่างตอนนี้กลุ่มที่กูเคยคบตอนม.ปลายก็ไม่ได้คุยด้วยแล้วนะ เป็นกลุ่มที่คบเพราะไม่มีใครเอาว่ะ แต่ก็นะกูก็ยอมรับว่าตอนนั้นนิสัยก็ไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ก็ขอบคุณว่ะที่อย่างน้อยที่เจอเพื่อนดีๆ สองสามคนถึงแม้ตอนนี้จะเดินกันตามทางของตัวเองไปหมดแล้วก็เถอะ
พิมพ์เหี้ยไรกันยาวเหยียด เห็นใจคนตามอ่านบ้าง มันเหนื่อยนะโว้ย
กูเป็นคนนึงที่พอทำงานทำการมีครอบครัวแล้วห่างเหินเพื่อนว่ะ
กูรู้สึกว่าชีวิตกูแม่งก้าวไปข้างหน้าทุกวันๆ มีเรื่องให้คิดให้รับผิดชอบเยอะแยะ แต่พอมองไปที่กลุ่มเพื่อนสนิทกูแม่งยังชิลกับชีวิต วันๆชวนกันแดกเหล้าเที่ยวเล้านจ์ กูไม่ได้รังเกียจอะไรพวกมันหรอกนะ แต่กูไม่อยากไปเสียเวลากับเรื่องอะไรแบบนั้นแล้วไง กูเอาเวลาเที่ยวไปนั่งเล่นกับลูก เอาเงินค่าเที่ยวไปซื้อของที่กูอยากได้ซื้อของให้ลูกให้เมียกูดีกว่า
ผลลัพธ์ที่ได้คือเพื่อนๆหาว่ากูตีตัวออกห่าง เดี๋ยวนี้เจอหน้ากันกูก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับพวกมันเพราะชีวิตกูตอนนี้มีแต่งานกับครอบครัว เอาไปพูดมันก็ไม่สนใจฟังกัน พวกแม่งก็ยังคุยกันแต่เรื่องเที่ยว อย่างดีหน่อยก็คุยกันเรื่องความหลังสมัยวัยรุ่น(ซึ่งขุดมาคุยกันเป็นพันรอบแล้ว)
มีใครเป็นเหมือนกูมะ
ก็ต้องรอเพื่อนเมิงมีลูกกัน แล้วเรื่องคุยถึงจะกลายเป็นเรื่องลูกๆแทน
เพื่อนผู้หญิงในรุ่นแต่งงานไปจะหมดละ เหลือผู้ชายเพิ่งแต่ง 3-4 คน
เหี้ย มีคนส่งสัญญามาให้กูตรวจ แม่งแปลจากอังกฤษเป็นไทย แล้วส่งมาให้กูช่วยตรวจทานว่ามันแปลถูกมั้ย ทีแรกก็ว่าแม่งงานง่ายๆแป๊บเดียวเสร็จ
ปรากฎสำนวนการแปลแม่ง google translate ชัดๆ กูพยายามคิดว่ามันคงไม่มักง่ายถึงขนาดใช้ google จริงๆ แต่หลายๆคำหลายๆประโยคแม่งทำให้กูอยากจะยกหูไปด่าแม่งจริงๆว่ามึงใช้ google แปลสัญญาไปเซ็นกับลูกค้าเหรอไงสาด
สุดท้ายแทนที่กูจะตรวจกลายเป็นต้องมานั่งแก้สัญญาให้แม่ง(เอาจริงๆแม่งแทบจะเป็นการแปลใหม่ทั้งฉบับเลยด้วยซ้ำ) เหนื่อยแท้
ไม่ขีดแดงทั้งหน้าแล้วตีกลับไปเลยวะ แก้ให้แบบนี้เดี๋ยวก็เสียนิสัย
ไอ้คนที่ส่งมามันเป็นคนหน้างานที่ไม่มีหน้าที่(และไม่มีความรู้)ในการร่างสัญญาแต่ทะลึ่งทำนอกหน้าที่ไง ตรวจและร่างสัญญามันเป็นหน้าที่กู ซึ่งพอมันทำมาผิดกูก็มีหน้าที่แก้ให้มันอ่ะ ต่อให้กูตอบกลับไปว่าของมันผิดหมดทั้งฉบับใช้ไม่ได้ กูก็ต้องร่างให้มันใหม่อยู่ดี มึงเข้าใจที่กูพูดมะ ไม่งงนะ
กูเคยเจอนะ แปลจากอังกฤษเป็นไทยเรทนึง เกลาไทยตรวจทานเรทนึง ถูกกว่า
แม่งจับยัด Googletranslate แล้วส่งมาให้ตรวจ ฉลาดมั้ยล่ะมึง
>>402 ก็แสดงว่านี่มันงานเมิงโดยตรงนิ แล้วมาบ่นทำไม 555
เมิงจะมาบอกว่าคราวหน้าเมิงไม่ต้องเสร่อแปลมาก็ได้นะ เอามาทั้งต้นฉบับนั้นแหละใช่มะ
ว่าแต่ขอความรู้หน่อย เมิงจะรู้ได้ไงวะว่าที่เมิงร่างหรือเขียนขึ้นมามันครอบคลุมเรื่องต่างๆไว้หมดแหล้ว หรือเคยมีเคสที่เมิงมีโดนฟ้องร้องจากที่ประเด็นในสัญญาไม่ระบุไว้ครบคลุมไว้ป่าววะ?
ไหนๆก็ไหนๆขอบ่นเรื่องคนทำงานแบบมักง่ายๆหน่อยเหอะ
ที่ทำงานเก่ากูต้องติดต่อต่างชาติตลอด ดังนั้นถ้าไม่ได้ภาษาอังกฤษมึงอยู่ไม่ได้หรอก แต่ทีนี้ดันมีเด็กเส้นเข้ามาคนนึงที่แม่งไม่ได้ภาษาอังกฤษเลย แต่หัวหน้ากูจำใจรับแม่งมาเพราะปฏิเสธไม่ได้
ทีนี้มันมีกฎการทำงานอยู่ข้อนึงคืออีเมล์ทุกฉบับที่จะส่งหาลูกค้าต้องส่งให้หัวหน้ากูตรวจความถูกต้องก่อนเสมอ อีเด็กเส้นนี่ด้วยความที่แม่งโง่แล้วเสือกคิดว่าคนอื่นจะโง่เหมือนมัน แม่งไปก๊อปปี้อีเมล์เก่าๆที่คนอื่นเคยส่งหาลูกค้ามาแก้นิดแก้หน่อยให้เป็นอีเมล์ที่มันร่างเองแล้วส่งให้หัวหน้ากูตรวจ ปรากฎแม่งไปก๊อปปี้อีเมล์ที่เป็นคนละเรื่อง(ไม่เกี่ยวเหี้ยอะไรกับเรื่องที่มันจะส่งหาลูกค้าคราวนี้เลย) หัวหน้ากูเลยให้มันกลับมาแก้ แทนที่แม่งจะรู้ตัวว่าต้นฉบับที่มึงไปก๊อปมาแม่งผิด เสือกเอาอันที่ผิดนั่นแหละมาแก้ซ้ำ (อีห่าแก้อีกร้อยรอบมันก็ไม่ถูกเพราะแม่งคนละเรื่องกัน) จนสุดท้ายหัวหน้ากูทนไม่ไหวใช้ให้กูแก้ให้มัน
พอกูอ่านเมล์มันกูเลยเรียกตัวมันมาคุยกันทันที ว่านี่มึงทำอะไรลงไป มึงไปก๊อปเมล์คนละเรื่องส่งไปให้หัวหน้าตรวจเนี่ยนะ มันตอบกูแบบหน้าด้านๆว่ายังไงๆก็ต้องโดนหัวหน้าแก้ก็ไม่เห็นต้องเสียเวลาทำให้ถูกเลย กูถึงกับเงิบพูดอะไรไม่ออกเลย นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาดูแลสอนงานคนแบบนี้ จะไม่สอนมันก็ไม่ได้เพราะด้วยพฤติกรรมแบบนี้เลยไม่มีใครอยากยุ่งกับมัน ถ้ากูไม่สอนก็ไม่มีใครยอมสอนมันแล้ว กูก็กลัวเสียงานเสียการเลยจำใจ
ทุกวันนี้กูลาออกจากที่นั่นมานานละ แต่ก็ยังได้ยินว่ามันยังคงอยู่สร้างความเดือดร้อนให้เพื่อนร่วมงานต่อไป
ไอ้ร่าง contract google translate นี่กูก็เจอบ่อยนะ แต่เป็นฝรั่งทำ แม่งแปลจากภาษาอื่นเป็น eng มักง่ายเหี้ยๆ นึกว่าคนอื่นอ่านไม่รู้เหรอวะ
สมัยนี้แม่งยังมีเด็กเส้นอีกเหรอเนี่ย แสรสสส
>>406 กูบ่นเพราะมันเพิ่มภาระให้กูโดยไม่จำเป็นไง ใช้ให้กูร่างใหม่หมดกูจะไม่ว่าเลย แต่ให้กูมานั่งแก้ google translate นี่กูเคืองจริงๆอ่ะ
ส่วนที่ถามว่าจะรู้ได้ไงว่าสัญญาที่กูร่างครอบคลุมหมดรึเปล่าขอตอบดังนี้
1. มึงต้องใช้จินตนาการ มโนเยอะๆ ว่าสัญญาที่มึงร่างอยู่เนี่ยเป็นเรื่องอะไร คู่สัญญามันทำอะไรกัน มีกฎหมายอะไรที่เกี่ยวข้องบ้าง ฝ่ายมึงจะมีความเสี่ยงยังไงบ้าง เขียนเป็น flow chart ได้เลยยิ่งดี ยิ่งมึงจินตนาการออกมากเท่าไหร่ มึงจะยิ่งมองเห็นช่องโหว่ของสัญญามากขึ้นเท่านั้น แล้วมึงก็เขียนข้อสัญญาลงไปเพื่อปิดช่องโหว่หรือความเสี่ยงพวกนั้น (ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อสัญญาที่มึงเขียนต้องไม่ขัดกับกฎหมายด้วยนะ)
2. หาสัญญาเก่าๆที่เป็นเรื่องเดียวกันมาอ้างอิง อันนี้เป็นตัวช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น ไม่ต้องมโนมาก มีตัวอย่างอยู่แล้วว่าควรจะต้องเขียนอะไรลงไปบ้าง แต่ยังไงก็ละทิ้งข้อ 1 ไม่ได้เพราะสัญญาคนละฉบับคนละงานบางทีข้อเท็จจริงมันไม่เหมือนกัน ข้อความบางอย่างมันก็ต้องแก้ไข
3. เอาข้อผิดพลาดมาแก้ไข บางครั้งกูก็ร่างสัญญาพลาดบ้างแหละ แบบว่าเขียนข้อสัญญาที่ควรเขียนไม่ครบหรือยังมีความเสี่ยงหลงเหลืออยู่บ้าง(บางเรื่องแม่งเหนือจินตนาการกูเกินไป กูนึกไม่ถึง) ถ้ามารู้ทีหลังก็ต้องจดจำไว้ แล้วงานหน้าก็เขียนไอ้เรื่องพวกนั้นลงไปซะ ส่วนไอ้สัญญาที่ร่างพลาดแต่เสือกเซ็นไปแล้วก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเกิดเรื่องขึ้นนะมึง แล้วก็รอวันดีคืนดีที่มีการขอแก้ไขสัญญากูก็จะได้แอบเพิ่มไอ้ข้อที่กูไม่ได้เขียนทีแรกลงไป
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อ 3 ต้องทำข้อ 1 กับข้อ 2 เยอะๆ
แต่ทำงานร่างสัญญามาสี่ห้าปีสัญญาที่กูร่างยังไม่เคยถูกฟ้องนะ มีแต่ไปนั่งแก้สัญญาให้คนอื่นที่แม่งโดนฟ้องไปแล้วคราวหน้าจะได้ไม่โดนฟ้องอีก (เอ๊ะ กูก็เก่งเหมือนกันนี่หว่า 5555)
พักนี้ปิดเทอมหรือยัง กูรู้สึกว่ารถติดน้อยลง
Ah... ใส่เครื่องแบบแล้วโดนตำรวจเรียกจับหมวกกันน็อก แต่ไม่โดนปรับ
รู้สึกเป็นอภิสิทธิ์ชนแท้
ก่อนหน้านั้นที่กูใช่ชุดธรรมดาแม่งเอากูเต็มที่เลย
ทำงานจะมา 1 ปีแล้วไม่รู้ว่าจะได้เลื่อนเป็นพนักงานประจำหรือยัง ถ้าไม่ได้เลื่อนกูคงบายว่ะแม่งเข้ามาให้กูรับงานใหญ่แล้วนี่ก็เพิ่งยัดให้กูแีกอะน แต่กูเป็นแค่พนงชั่วคราวนะครัช ไม่มีสวัสดิการนะครัช ผนกอื่นเข้ามาได้คอมได้พักร้แนืกูคอมก็ต้องแบกมาเอง พักร้อนคืออะไร แถมม็อบหัวยย้ายมาแหกปากหน้าออฟฟิศกูอีก แม่ง
วันนี้แม่งโคตรจะไม่อยากทำงานแต่ก็ต้องลากสังขารไปอยู่ดี จะทำตัวเป็นเด็กๆก็ไม่ได้ เบื่อว่ะ
ทำงานที่ไม่ได้ชอบทุกวันๆเพื่อรอเงินออกปลายเดือน(ซึ่งก็ไม่ได้มากมาย)นี่แม่งเป็นอะไรที่บั่นทอนวิญญาณหลายๆ
>>415 ผมเหมือนกันแต่ผมทำงานเกือบได้2ปี ไม่บรรจุให้เป็นพนักงานประจำซักที ย้ายเลย ได้ที่ใหม่ที่ดีกว่าเดิมด้วย พวกพี่แกคงนึกอ่ะ ว่าหน้าอย่างผมคงงานที่ดีๆไม่ได้ เงิบกันเป็นแถบๆ แล้วไม่อยากจะโม้ ผมทำงานได้อย่างเมพแหละ เก็บเวลมาเยอะ งานหนักๆยากๆมาจัดให้ เลยได้วิชาติดตัวมามากพอ ที่จะไปโลกกว้างได้ ที่เก่าเลยเหลือ ไอพวกโง่ๆที่ทำงานไม่เป็น ฮาๆๆๆๆๆ
กูเคยทำงานในบริษัทนึงซึ่งพนักงานในบริษัทต้องใช้ความรู้ทางเทคนิค แต่จริง ๆ แล้วพนักงานไม่ค่อยมีความรู้
บริษัทเลยจ้างกูไปเป็นที่ปรึกษาให้พนักงานเวลาพนักงานมีปัญหา
พอเข้าไปกลายเป็นว่าที่จริงแล้วระบบการทำงานของมันโบราณมาก คนในบริษัทก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ไม่มีความรู้เฉพาะทางในงานของตัวเอง มีเรื่องอะไรก็คอยเรียกให้กูช่วยตลอด
กูเลยปรับปรุงระบบแล้วก็เขียนซอฟท์แวร์พิเศษขึ้นมาใช้ช่วยงานพวกมัน พวกมันเลยทำงานกันเองได้ แต่หลังจากกูทำให้แล้วกลายเป็นเริ่มไม่เห็นหัวกู นินทากูลับหลังว่ากูไม่มีประโยชน์อะไร และเอาไปนินทาให้เจ้าของบริษัทฟังด้วย
สุดท้ายทางบริษัทก็พิจารณาว่าไม่ต้องการที่ปรึกษา เนื่องจากพนักงานทำงานกันเองได้แล้ว แล้วก็ให้กูออก
หลังจากกูออกมาแล้วในบริษัทที่ชอบนินทากูบางคนก็ยังส่งกำหนดการทำงานมาให้กูอยู่เรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่กูออกมาแล้ว เหมือนตั้งใจจะอวดว่า
ตอนนี้ถึงไม่มึงพวกกูก็ทำงานกันเองได้ทันกำหนดเวลานะ
วันนึงกูทนไม่ไหวก็เลยรีโมทเข้าระบบไป ลบระบบที่กูทำไว้ แล้วย้ายข้อมูลทั้งหมดกลับมาเป็นระบบเดิมหมดเลย
หลังจากกูลบไปแล้ว กูเข้าไปดูทีไร มันก็กลับไปทำงานช้า ทำไม่ทันกำหนดกันเหมือนเดิม กูสะใจมาก
สัญญาการทำงานระบุไว้ให้กูเป็นที่ปรึกษา ไม่มีการจ้างให้ทำระบบให้ ระบบที่กูลบไปตามกฎหมายควรจะถือเป็นทรัพย์สินของกู แต่ระบบอยู่ในคอมของบริษัท ซึ่งกูมีสิทธิ์ในการเข้าระบบและมันยังไม่ได้ถูกเพิกถอน กูไม่ได้แฮคเข้าไปแต่กูล็อคอินเข้าไปแบบธรรมดา แบบนี้ถือว่ากูทำผิดกฎหมายไหมวะ
...บริษัทมันไม่มีฝ่าย IT เหรอวะ ลืมลบ account ได้ไง
แล้วกำหนดการณ์ที่ยังไง ส่งมาเป็น email รวมๆทั้งแผนก แต่ลืมลบเมลแกออกจากลิสท์ ?
>>419 ถ้าด้วยตามสิทธ์แล้วเมิงเป็นเจ้าของระบบ แต่เมิงไม่ได้เป็นเจ้าของ Content เมิงไม่สามารถเข้าไปลบข้อมูลได้ ถ้าเค้าเอาไปสืบเมิงก็ผิดเต็มๆ
จริงๆเมิงอาจทำได้แค่ล็อคระบบในวันที่เมิงยังทำงานอยู่ แต่ตอนนี้เมิงพ้นสภาพพนักงานแล้วก็น่าจะเข้าข่ายบุกรุก
ทั้งนี้ถ้าเป็นกุนะ ไอ้ตอนที่คุยเรื่องที่ปรึกษาเมิงต้องทำลักษณะเป็น Project Based ว่ะ คือไปผ่าตัด เซ็ทระบบ สงมอบเอกสาร จบ
ไม่งั้นเมิงก็ต้องโดนเขี่ยแบบนี้แหละ แล้วถ้าเมิงทำเป็น Project Based นะ เมิงก็ไม่จำเป็นต้องเข้างานทุกวันด้วย
>>421 บริษัทมีฝ่าย IT แต่ไม่ได้เปิดระบบรีโมทไว้ กูเป็นคนไปเปิดเอง
ใช่ มันมาเป็น CC และหลังจากกลับไปทำงานช้าเหมือนเดิมแล้วก็ไม่มีมาอีกเลย
>>422 กูไม่ได้ลบข้อมูลงานนะ ข้อมูลงานยังอยู่ กูแค่ลบซอฟท์แวร์ที่กูเขียนขึ้นมา
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ก่อนเข้าไปนี่กูไม่รู้ว่าระบบมีปัญหา ที่ทางนั้นบอกมาคือต้องการที่ปรึกษาไปช่วยให้ข้อมูลกับพนักงานเวลาพนักงานทำงานไม่ได้
แรก ๆ กูก็ทำตามนั้นแหละ แต่มันมาเยอะ ๆ ซ้ำ
กูอ่านแล้วมีเรื่องสงสัย สิ่งที่พนักงานเอามาใส่ในคอมของบริษัท ถือเป็นของพนักงานหรือของบริษัท
ถ้าพนักงานเขียนโปรแกรมขึ่้นมาเอง นอกเวลางาน แต่ตัวโปรแกรมอยู่ในคอมของบริษัท ข้อมูลเหล่านี้จะถือเป็นของพนักงานหรือของบริษัท เฉพาะตัวข้อมูลนะ ไม่ได้ถามถึงลิขสิทธิ์ในตัวงาน
แล้วถ้าพนักงานโหลดเพลงเถื่อนผิดกฎหมายมาใส่ในคอมของบริษัท เมื่อตำรวจมาจับ จะนับว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นของพนักงานหรือของบริษัท
จริงๆกูก็เคยทำนะ ของกูเป็นแบบ วาง gimmick เล็กๆไว้ใน excel มันจะทำให้น้ำหนักของสินค้าที่ได้เหลื่อมไปทีละ .01 กิโล/ตัน ป่านนี้ไม่รู้มันจับได้ยัง 55555+
ปล. ที่ทำงานเก่ากูของเข้าวันละ 100 ตันได้
แม่งวางยากันโหดสัดๆ
>>424 กุเข้าใจตามนี้นะ
อุปกรณ์ในการทำงานนั้นบริษัทจัดหาให้เพื่อทำงานให้บรรลุสำเร็จ ฉะนั้นจริงๆแล้วไม่ควรมีข้อมูลหรือไฟล์อื่นๆอยู่ในคอมที่ใช้ทำงานให้บริษัท
ซึ่งถ้ามีไฟล์อื่นไฟล์ใด นั่นก็คือพนักงานเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ถ้าบริษัทเกิดมาไล่เช็คขึ้นมาก็มีความผิดคือเอาอุปกรณ์บริษัทไปใช้ในงานส่วนตัว ซึ่งโทษหนักหรือไม่ก็แล้วแต่บริษัท
สมมุติถ้าเป็นบริษัท Software แต่พนักงานเขียนโปรแกรมไปขายส่วนตัว แถมยังจับได้ว่าทำในเวลางานก็อาจจะไล่ออกไปเลย (เค้าไม่ได้จ้างเมิงมาทำงานส่วนตัว)
แต่สำหรับผลงานส่วนตัวของเมิงที่อยู่ในเครื่องนั้นบริษัทก็ไม่สามารถเอาไปขายหรือทำอะไรต่อไปเพราะเมิงคือเจ้าของ ทำได้อย่างเดียวคือลบทิ้งไป
帰りたい
ตอนกูไปกู้ซื้อบ้าน กูโดนพนักงานชวนไปทำบัตรเครดิต
เขาบอกว่าจะติดต่อกลับมา แล้วที่นี้กูติดต่อกลับไป เขาทำเสียงมึนใส่กู
รู้สึกเสียเชฟล์มาก ขอมาระบายในนี้หน่อย แม่งเอ๊ญ
>>428 หมายถึงถึงกรณีที่พนักงานไม่ได้ทำผิดต่อบริษัท
งานอาจจะทำมาจากที่บ้าน แต่ก๊อปมาเก็บไว้ในคอมบริษัทเผื่อไว้เป็นแบ็คอัพ หรือไว้เพื่อใช้ทำงานในบริษัท
สมมุติเช่น บริษัทจ้างนาย A มาเพื่อหา หรม. กับ ครน.
เมื่อนาย A กลับไปถึงบ้าน นาย A ก็เลยเขียนโปรแกรมสำหรับการหา หรม. กับ ครน. แล้วก๊อปมาใส่ในคอมบริษัท เพื่อใช้ทำงาน
เมื่อบริษัทเห็นโปรแกรมนี้ ทางบริษัทจึงให้นาย A ออก เนื่องจากไม่มีความจำเป็นต้องใช้นาย A แล้ว ใช้โปรแกรมแทน
ถ้าบริษัทลบโปรแกรมทิ้ง จะผิดไหม ถ้าผิด ผิดเพราะอะไร
ถ้าพนักงานคนที่เป็นคนเขียนโปรแกรมนี้ลบโปรแกรมนี้ทิ้ง จะผิดไหม ถ้าผิด ผิดเพราะอะไร
ผิดมั้ยนี่คือพูดในแง่กฎหมายนะ ว่าทำแล้วเป็นความผิดทางกฎหมายไหม
ส่วนเรื่องทำแล้วจะโดนจับได้มั้ย จะโดนฟ้องมั้ยเป็นอีกเรื่อง
>>432 กุไม่ใช่ทนาย แต่ขอตอบตามที่กุคิด
กฏหมายเวลาตีความจะดูที่เจตนาเป็นหลัก แล้วเมิงต้องแยกประเด็รออกมาเป็นส่วน ค่อนข้างชัดเจนคือ บริษัทให้เมิงมาหา หรม. ครน.
ฉะนั้นโปรแกรมหา หรม. ครน. ที่เมิงคิดได้ บริษัทก็สามารถเอาไปใช้ได้ แต่ไม่สามารถเอาไปขายต่อได้ เพราะเมิงเป็นเจ้าของลิขสิทธ์ ทั้งนี้เมิงก็สามารถเอาโปรแกรมดังกล่าวไปหากินต่อได้
ทั้งนี้บริษัทสามารถให้เมิงออกได้ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเรื่องโปรแกรมของเมิงหรือไม่แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า
ถ้าบริษัทลบโปรแกรมผิดมั้ย - กุว่าไม่ผิด เพราะเมิงใช้ของๆบริษัทในการทำงานนี้ขึ้นมา
ถ้าเมิงลบโปรแกรมนี้ผิดมั้ย - กุว่าผิด เมิงบริษัทก็มีสิทธ์ในการเอาไปใช้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากเมิง แต่เมิงมีสิทธ์ที่สามารถเอาไปขายคนอื่นต่อได้เพราะเมิงเป็นเจ้าของลิขสิทธ์
ถ้าทำแล้วมีความผิดมั้ย - กุว่าผิด แต่ถ้าเค้าจะมายุ่งยากเอาเรื่องทำดำเนินคดีมั้ย กุไม่รู้ว่ามันจะทำเพื่ออะไร
เท่าที่อ่านหลายครั้ง กุว่าเมิงตัดใจซะเถอะ ตอนนี้เหมือนใจไอ้ฝั่งบริษัทไม่อยากได้เมิงแล้วเมิงจะโน่น นี่ นั่นก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
กุมาคิดอีกทีกุว่าโปรแกรมที่เมิงทำมากุว่าแม่งเอาไปขายต่อได้ว่ะ ไม่น่าผิด
ตรงนี้ต้องมาดูสัญญาจ้างอีกที ว่าเป็นยังไง
แต่ถ้าเอาตามข้อมูลที่พูดมา มันเขียนโปรแกรมที่บ้าน ไม่ได้ใช้คอมบริษัทเขียน
และบริษัทก็ไม่ได้จ้างให้มัน 'เขียนโปรแกรมหา หรม. ครน.' แต่บริษัทจ้างให้มัน 'หา หรม. ครน.'
ถ้าบริษัทจ้างพนักงานมา คิดเลข
พนักงาน เอาเครื่องคิดเลขมาจากบ้าน
พนักงาน โดนไล่ออก เพราะบริษัทเห็นว่าใช้เครื่องคิดเลขแทนได้
พนักงาน ไม่ได้เอาเครื่องคิดเลขกลับไป
แบบนี้ ตามกฎหมายแล้ว
1.บริษัทไม่มีสิทธิ์เอาเครื่องคิดเลขไปขาย
2.บริษัทไม่มีสิทธิ์เอาเครื่องคิดเลขไปใช้ด้วย ตามกฎหมาย ทรัพย์สินของผู้อื่น แม้จะอยู่ในพื้นที่ของเรา ก็ไม่ใช่ของเราอยู่ดี
เช่น ถ้ามึงไปจอดรถของมึงในห้าง แล้วมึงเมาอาละวาด โดนยามไล่ออกไปจากห้าง รถของมึงที่ยังอยู่ในห้าง ก็ยังคงถือเป็นของมึง เจ้าของห้างจะเอาไปขับเล่นไม่ได้
3.พนักงานยังเป็นเจ้าของเครื่องคิดเลข แต่พนักงานไม่มีสิทธิ์บุกเข้าบริษัทไปเอาเครื่องคิดเลขคืน
แต่เรื่องการเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์แบบที่ >>419 นี่กูไม่รู้ว่ะ มันไม่เคยมีกรณีตัวอย่าง
โดยความรู้สึกมันน่าจะผิด แต่กฎหมายมันระบุไว้ว่า 'ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน' เมื่อมันล็อกอินเข้าไปตามปกติ แสดงว่า วิธีนั้นมีไว้สำหรับมัน ไม่ได้เข้าโดยมิชอบ สรุปไม่ได้ว่ะ
อีกมาตราก็เขียนไว้กำกวมว่า 'ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ'
ตรงคำว่า 'ของผู้อื่น' ไม่รู้มันเป็นคำขยายของคำว่า 'คอมพิวเตอร์' หรือคำขยายของคำว่า 'ข้อมูล'
ถ้ามันเป็นคำขยายของ 'คอมพิวเตอร์' มันก็ผิด ที่ลบ ข้อมูลของตัวเองใน 'คอมพิวเตอร์ของผู้อื่น'
แต่ถ้ามันเป็นคำขยายของ 'ข้อมูล' มันก็ไม่ผิด เพราะมันไม่ได้ลบข้อมูลของผู้อื่น มันลบ 'ข้อมูลของตัวเอง' ในคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
กูลืมตอบ
>>424 ข้อมูลที่พนักงานเอามาใส่ในคอมพิวเตอร์ของบริษัท ถือเป็นของพนักงาน เว้นแต่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เกิดจากการทำงานให้บริษัทตามสัญญาจ้างงาน จะถือเป็นข้อมูลของบริษัท
ถึงแม้กระทั่งว่ามึงจะแอบเอางานนอกมาทำในเวลางาน โดยใช้คอมพิวเตอร์ของบริษัททำ สิทธิ์ในตัวงานก็เป็นของมึงอยู่ดี บริษัทสามารถเอาผิดมึงได้ที่มึงอู้งาน จะหักเงินเดือน ปรับ ไล่ออก หรืออะไรก็ว่าไป ตามแต่สัญญาที่ระบุไว้ บริษัทจะคิดค่าเสื่อมมูลค่าของคอมพิวเตอร์ที่มึงใช้ทำงานนอกตามช่วงเวลาที่มึงใช้ทำงานไปด้วยก็ยังได้ แต่บริษัทเอางานของมึงไปจากมึงไม่ได้ มันเป็นคนละเรื่อง
เพราะฉะนั้น ถ้าพนักงานเขียนโปรแกรมขึ่้นมาเอง นอกเวลางาน แต่ตัวโปรแกรมอยู่ในคอมของบริษัท ข้อมูลถือเป็นของพนักงาน บริษัทเอาไปทำอะไรไม่ได้
แล้วถ้าพนักงานโหลดเพลงเถื่อนผิดกฎหมายมาใส่ในคอมของบริษัท เมื่อตำรวจมาจับ ข้อมูลพวกนี้ก็ถือว่าเป็นข้อมูลของพนักงาน ต้องจับพนักงานเช่นกัน
มึงอธิบายได้เคลียร์ดี แต่กูขำที่มึงใช้ภาษาทางการปนกับคำว่ามึงกู มันไม่เข้ากันยังไงก็ไม่รู้
เวลากูปรึกษาเพื่อนที่เป็นทนายก็อารมณ์ประมาณนี้แหละ ตลกเหรอเนี่ย
มึงมีเพื่อนเป็นทนายมึงอาจจะชิน
แต่กูไม่เคยเจอไง กูรู้สึกว่ามันขัดกัน
ไม่มีอารมณ์ทำงานว่ะ แต่งานเพียบเลย ทำไงดีวะ
นอน
มีอารมณ์ทำงาน แต่ไม่มีงานทำว่ะ
เหลืองานนิดหน่อยแต่อยากอู้แล้วว่ะ
รับงานทำต่อจากชาวบ้านที่แม่งชอบส่งหลังเดดไลน์นี่มันเซ็งจริงๆ
บางทีตอนกูอยู่ว่างๆในที่ทำงานก็แอบฟุ้งซ่านนะ ยิ่งเฉพาะตอนที่คนอื่นๆมันยังมีงานทำอยู่เนี่ย
ใครโดนญาติๆมันไซโคมั่ง เมื้อไหร่จะมีเมีย มีแฟนยัง หนักๆเข้าเป็นเกย์รึเปล่า
โธ่....แม่งเอยยยยยยยย คือเข้าใจม่ะผมยังไม่25ด้วยซ้ำ ถึงการงานจะมั่นคงก็เถอะ แล้วญาติคนที่ถามมันมีเมียมีลูกตอนเรียนไม่จบด้วยซ้ำ แล้วญาติผู้ใหญ่บางตัวมันก็ชอบถามเหมือนกันนะ จะแต่งเมื้อไหร่ อะไรกับพวกคนแก่ว่ะ เพิ่งทำงานมาได้2ปีจะให้แต่งเมียให้มีหลานให้อุ้มแหละ บ้าป่าวว่ะ ยังอาศัยอยู่กับพ่อกับแม่อยู่เลย มาถามเรื่องการมีเมียมีลูก คือโดนถามมากไปมันก็เซ็ง+รำคาญนะเว้ยยยยยยยยยย
ถามเหมือนสวัสดีน่ะ นานๆเจอกันทีก็ไม่รู้จะคุยอะไร ต่อให้มึงมีเมีย มันก็จะถามเมื่อไหร่จะมีลูกแทน ขอให้ได้ถามเหอะ
โม่งโรงงาน
กุเป็นโม่งโฆษณา
กูเป็นโม่งนีท...
กูโม่งไอที+บัญชี
กูโม่งเด็กเอนท์.....
กูเป็นโม่งเพิ่งรอดจากทีสิส...
กุโม่งพ้นF
ไม่แน่ เทอมหน้าอาจกลายเป็น โม่งใต้F
ทำไมหลังๆโม่งวัยเรียนมันเยอะจังวะ แรกๆกูจำได้ว่ามีแต่โม่งแก่
อยากพิมพ์ว่า กูโม่งม.ปลาย แต่กลัวถูกมองว่าปีนเกลียวโม่งอาวุโส
เอาเป็น ผมโม่งมัธยม ละกัน
โม่งการตลาดจับฉ่าย
โม่งเมืองนอก
โม่งโอที
กูโม่งติด I เหี้ยเอ๊ย อาจารย์แม่งเสือกไปมาเลย์อีก สัด
โม่งช่าง
โม่งป.ตรี
กระทู้ซาลารี่แมนแต่โม่งัวยเรียนเยอะดีนะ
กูโม่งกราฟฟิก
ส.ข.นี่ไรวะ สูบขี้?
โม่งโปรแกรมเมอร์
ขอระบายอะไรหน่อยละกัน
กูสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าทำไมโปรแกรมเมอร์บ้านเรา ทั้ง senior ทั้งจบใหม่ทำไมคุณภาพมันต่ำกันจังวะ
คือตามความรู้สึกกูมันคือเต็มไปด้วยคนที่เขียนโปรแกรมได้ แต่แก้ปัญหาไม่เป็น
เจอ error นิดหน่อยก็ถามแล้วว่าแก้ยังไง ทั้งๆ ที่บางทีมันก็เขียนบอกไว้ชัดเจนว่าทำไมมันรันไม่ผ่าน
กูเบื่ออออออ
เพราะพวกแก้ได้และเก่งจริง มันไม่อยู่ให้มึงเจอ ไม่ก็ย้ายงานกันแล้ว
โปรแกรมมิ่งไม่เคยมีสอน debug
พวก debug ได้มีแต่ชอบเขียนโปรแกรมทั้งนั้นแหละ
มันไม่ต้องถึงขั้นสอน debug หรอกว่ะ
กูเคยสั่งให้ไปทำให้ใส่ category ได้มากกว่า 1 แล้วเจอมันสร้าง column category2_id category3_id ... category9_id กูก็จะร้องไห้แล้ว
มาช้า ตอบมั่ง กูโม่งไอที+โปรแกรมเมอร์โรงงาน
ตอบช้า กูเป็นโม่งไอที
>>478 ทำให้กูนึกถึงตอนเรียกว่า หลายคนจำแต่คำสั่ง แต่ประยุกต์ใช้ไม่เป็น
คือถ้าถามว่าคำสั่งนี้ทำไรได้บ้าง ตอบได้
แต่พอให้มาเขียนเป็นโปรแกรมโครงใหญ่ๆ ทำไม่ได้ ประยุกต์ไม่เป็น
กูจำได้ว่าในรุ่นกูที่เรียนมา พวกเก่งโปรแกรมมิ่งก็เก่งไปเลย เก่งแบบลอยฟ้าแล้วมันต่างจากพวกแปะโค้ดลอกแลปกัน เพราะพวกนี้มันจะคิดเอง เขียนเอง ดีบั๊คด้วยตัวเองไรงี้
เรียนจบ IT มานี่กูบอกเลยว่ารุ่นกูจบมาเกือบๆ 150 คน
เขียนโปรแกรมได้จริงๆจังๆไม่ถึง 20 คนว่ะ
ส่วนคนที่เขียนไม่ค่อยได้บางคนก็ยังดีที่มันไปเรียนรู้ตอนทำงานแล้วค่อยๆเป็นขึ้นมาได้ หรือบางคนมันก็ไปทำงานสาย Tester หรือ IT Support
แต่ที่ตอนเรียนรอดมาได้ก็เกาะเพื่อนตอนทำโปรเจค+ท่องทฤษฏี+นิยามไปทำข้อสอบ (แถมข้อสอบก็เสือกถามทฤษฏีซะเยอะอีก ทั้งที่ตอนทำโปรเจคเขียนโปรแกรมกันแทบอ้วกเสือกไม่มีถาม)
พวกที่ว่านี่มีคนที่ได้เกียรตินยมอันดับ 1 ด้วยนะเว้ย
กูเสียใจที่ตอนเรียนไม่ตั้งใจเรียนชิบหาย จบมาทำงาน แม่งใช้แต่ไอ้ที่เรียนมาทั้งนั้น ยังดีที่มีอากู๋ให้ถามได้
กูโชคดีที่เข้ามาที่ทำงาน เขามีโปรแกรมเมอร์คนนึงสอนให้ ช่วยสอนวิธีเขียนที่ถูกต้องให้ เขียนตามไกด์งี้นะ
เวลาเจอบั๊คให้แทรคตามแบบนี้นะ ไรงี้ กูปริ่มเลย มันคือสิ่งที่ควรสอนในตอนเรียนนะเว้ยแบบนี้
ปล. โปรแกรมเมอร์ที่สอนกูเป็นคนอังกฤษ
เรียน DB แต่ไม่เคยออกแบบมั้ง มันถึงออกมาเป็น column cat1 cat2 cati ...
>>488 กูไม่เชื่อว่ะว่าพูดสั้นไป เวลาทำงานกับฝรั่งกูก็เขียนแค่นี้ประจำ
เรื่องสร้าง table ใหม่มึงบอกว่ามันเรื่องใหญ่ กูไม่เห็นด้วยว่ะ โปรเจคมันเป็น Django ใช้ South migration
เวลามึงจะเพิ่ม table ใหม่ มึงแค่สร้างไฟล์ migration ใหม่ หรือจะเพิ่ม column ยังไงมึงก็ต้องสร้างไฟล์ migration ใหม่อยู่ดี
เพราะงั้นมันไม่ได้ต่างอะไรกันเลย
กูลืมเล่าไปตอนแรก คือกูเป็นฟรีแลนซ์รับงานจากบริษัทฝรั่งเป็นหลัก
บริษัทที่กูรับงานอยู่ตอนนี้มันจ้างเอาท์ซอร์สบริษัทในไทย แล้วงานออกมาไม่ได้อย่างที่หวังเลยจ้างให้กูไปช่วยดู (เขาเคยจ้างกูมาก่อนหนนึง)
เวลาสั่งงานจะสั่งเป็น user stories เช่น As an article author, I want to assign multiple categories to the article
พอเขียนเสร็จจะโดนเอาไปรีวิวใน Gerrit ถ้าผ่านถึงจะได้ส่งโค้ดขึ้น testing
manager ของบริษัทเอาท์ซอร์สแม่งคุยชิบหายเลย ว่าประสบการณ์มากมาย แต่งานมันออกมาระดับนี้
กูเลยไม่รู้จะพูดยังไงดี
ไม่รู้จัก soulth migration นี่ควรร้องไห้ดีรึเปล่าวะ
กูอยากอัญเชิญพวกมึงไปหมวด IT จริงๆ หมวดนั้นแม่งอย่างร้าง หรือตั้งกระทู้โปรแกรมเมอร์ในนี้ก็ได้
หมวด IT แม่งป่าช้าชัดๆ
งั้นกูลองตั้งกระทู้โปรแกรมเมอร์ในหมวด IT ดูละกัน
https://fanboi.ch/tech/333/l5/
กทม ร้อนสัด
บ้านกูเหม็นควันไฟมาหลายวันละ แม่ง... ไอ้ไฟไหม้ที่บ่อขยะแพรกษาป่านนี้ยังดับกันไม่ได้เลย
ปวดเอวโว้ย
มีเรื่องมาถามเพื่อนโม่งหน่อย
ถ้าพวกมึงแต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว แล้วดันมีผู้หญิงน่ารักๆมาอ่อยมึงทั้งๆที่รู้ว่ามึงมีลูกมีเมียอยู่แล้ว มึงจะทำไงวะ
ถ้า*
ูกูถามลูกถามเมียก่อนอะ ถ้าเค้าโอเคกูก็เอา แต่ถ้าเค้าคิดเล็กคิดน้อยก็ยอมอดก็ได้ ดีกว่าให้มันกลายเป็นชนวนปัญหาภายหลัง แม่งไม่คุ้ม
ก่อนถามกูนึกว่าจะมีแต่คนบอกให้ซัดเลยๆซะอีก กลายเป็นว่ามีโม่งนิสัยดีเยอะเหมือนกันนะเนี่ย
คือเวลามีหญิงเข้ามากูก็ทำท่าทีไม่เล่นด้วยตลอดอ่ะแหละ แต่แม่งมีมาเรื่อยๆจนกูชักจะหวั่นไหวว่ะ
ถ้ายังไม่แต่ง กูก็จะเชียร์ให้มึงจัดเต็มล่ะนะ ถ้ามึงเสือกซวยเลิกกับแฟนนั่นก็ยังไม่เดือดร้อนใครมาก แฟนมึงก็จะได้เจอคนที่ดีกว่าด้วย 555
แต่นี่แต่งแล้ว มีลูกแล้ว ไอ้ความคิดแบบนี้มันไม่ควรจะมีเลยว่ะ มันไม่ควรจะมีคนถึงสองคน คนนึงเป็นคนที่รักมึงอีกคนอีกคนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของมึงด้วย มารับกรรมที่มึงกำลังจะก่อเพราะความเงี่ยนเลยนะ
พี่ที่มีลูกเมียแล้วคนนึงบอกกูว่าถ้าเป็นเด็กๆหน่อยมาอ่อยผู้ชายที่มีลูกเมียแล้วเนี่ย
ถ้าเป็นพวกที่หวังเป็นเมียน้อยจริงจังส่วนมากเป็นเพราะผู้ชายคนนั้นมันเหมือนถูกผ่านการรับรองแล้วว่ามีปัญญาดูแแลผู้หญิง+เด็กน่ะ
เมิงก็พาเมียไปทำสวยจนไม่อยากซัดคนอื่นซะสิ
แต่คิดแล้วก็ตลกดีนะ สมัยเรียนนี่แม่งต้องพยายามแทบตายเพื่อจะจีบหญิงให้ติดซักคน พอเข้าวัยทำงานไม่ต้องทำไรเลยเดี๋ยวก็มีหญิงมาอ่อยใส่เรื่อยๆ แต่กูเสือกแต่งงานแล้วอ่ะดิ ปัดโธ่
ทำไมโม่งแถวนี้แม่งมีจริยธรรม มโนธรรมในจิตใจสูง กูซึ้งใจ T^T หวังว่าจะได้บังเอิญเจอพวกมึงในความเป็นจริงมั่ง
กูว่าหญิงที่ชอบหลอกชายมีครอบครัวแล้วเพราะมึงผ่านการคัดกรองมาแล้วระดับนึงไง แบบว่าเฮ้ยๆ ดูแลครอบครัวได้
มีภาพพจน์อบอุ่นดูดีชวนฝัน รักลูกรักครอบครัว ดูแล้วพวกนางๆ เลยเสี้ยนอยากแย่งมาครอบครองมั่ง
โม่งที่นี่คนดีๆ ทั้งนั้นเลยไม่ค่อยมีใครเอาไง
กูคือ >>507 ไอ้ที่พิมพ์สำหรับกูคือตอนคบกันก่อนแต่งกูจะตกลงให้เรียบร้อยตอนนั้นไปเลยน่ะ (โอเคกูพลาดที่พิมพ์ลูกเมียพ่วงกันเอง ซอรี่)
ถ้าพอใจกันทั้งสองฝ่ายก็ดีลและสัญญาที่ว่าจะมีผลผูกมัดตลอดชีวิต หรือถ้าแม่งเห็นละว่าปัญหามาอินี่ติสจัดกูก็อาจค่อยๆเฟดตัวแล้วเป็นโสดไป
(ที่กูเคยคบก็มีแต่ผู้หญิงแนวลุยๆคุยเรื่องนี้ได้ตรงๆอยู่แล้วอะ ถึงตอนนี้แม่งจะเลิกกันแล้วก็เหอะ)
ทีนี้ถ้าเมียกูเป็นพวกไม่เครียดกับเรื่องแบบนี้ แบบยอมให้กูเอาคนอื่นยอมให้กูลงอ่าง(แบบไม่ได้พูดประชด) กูก็เอา แต่ถ้าเมียกูซีเรียสกูก็ไม่เอา(ก็ได้วะ)
เรื่องของเรื่อง อะไรที่ส่อแววจะเป็นต้นเหตุของปัญหาในอนาคตกูก็ไม่อยากวุ่นวายว่ะ แกแล้วต้องมาทะเลาะกันอีกเหนื่อยใจตายหอง
>>525
ท่าทางจะไม่เคยรู้จักผู้หญิงซะแล้ว เนี่ยแหละน้า เขาเรียกผู้ชายแม่งชอบคิดอะไรง่ายๆ
ทำมาเป็นดงเป็นดีล สัญญาผูกมัดห่าเหวส้นตีนอะไรนั่น
บอกได้เลยถ้าวันไหนเขารมณ์ไม่จอยเมนมา ดีลที่คุยไว้ของมึงเตรียมตัวปิ๋วได้เลย
เมื่อไหร่มึงจะแต่งงานมึงลองไปถามเมียมึงดูละกันว่าเขายอมให้มึงไปเที่ยวกะหรี่ มีกิ๊กได้รึเปล่า
ถามให้ตรงๆเลยนะ ให้รู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังว่ามึงจะไปซั่มผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เค้า
มีด้วยเหรอวะที่เขาจะไม่เครียด คิดมาได้
ถามย้อนมุมกลับถ้าเมียมึงมาถามก่อนแต่งงานว่าขอไปนอนกับผู้ชายคนอื่นบ้างนานๆที มึงจะให้รึเปล่า ?
ไอ้พวกที่ไปเที่ยวได้ เมียไม่เคร่ง ผู้หญิงเขารู้กันทั้งนั้นแหละ
แต่เขาหยวนๆเพราะมึงยังไม่ทำให้โจ่งแจ้ง แต่ถ้าออกหน้าออกตาเมื่อไหร่เขาจะถือว่าไม่ให้เกียรติกันแล้ว
เขาก็จะไม่ไว้หน้ามึงเหมือนกัน
ไม่งั้นเขาไม่สอนกันมาหรอก "ทำก็อย่าให้รู้ รู้ก็อย่าให้เห็น เห็นก็อย่าให้โดนจับ โดนจับก็อย่าไปรับ ถ้าจะรับให้รับแค่ครึ่งเดียว"
ในนี้มีใครเป็นผู้นำแฟชั่นวะ กูหาไรใหม่ๆใส่อยู่
กูอยากได้รองเท้าผ้าใบแคชชวล มีที่ไหนลดราคาบ้างไหม
แปะ ๆ มาให้ดูหน่อย ไม่ได้ซื้อใหม่นานล่ะ
กูเข้าบอร์ดโม่งมากูรู้สึกดีจัง บอร์ดนี้แม่งไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันไม่ต้องวางท่า ไม่ต้องแอ๊บว่าเป็นคนดีเพราะทำไปก็ไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว เพราะงั้นกูเลยรู้สึกว่าความเห็นของพวกมึงนี่มาจากใจกันจริงๆ พออ่านแล้วแม่งโคดรู้สึกดีเลยว่ะ หลายความเห็นนี่แม่งนิสัยดีกันชิบหายกูนึกว่าไม่มีคนแบบนี้เหลือแล้วนะเนี่ย สงสัยกูอยู่ในโลกเหี้ยนานไปหน่อย
กูว่าเมียกูชักเบื่อๆ เซ็กส์แล้ว แต่ก็นะ กูยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์
อยากลองอะไรแปลกๆ มั่ง เผื่อว่าชีจะมีอารมณ์มากขึ้น ว่าจะเริ่มจากพวกของเล่น แนะนำแหล่งหน่อยสิ
ของเล่นเมียมึงจะไมีตกใจเหรอวะลองเริ่มจากคอนดัอมแปลกๆหรือเจลก่อนไหม
เพื่อนโม่งทั้งหลายกูมีเรื่องจะปรึกษา
คือกูลาออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนกลับมาช่วยกิจการที่บ้าน เพราะที่บ้านมีเรื่อง
ตอนนี้ก็ปีนึงได้แล้ว กูอยากกลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนต่อ แต่ที่บ้านไม่ให้ไป อยากให้ช่วยงานที่บ้านต่อไปเรื่อยๆ
พอกูอธิบายเหตุผลไปก็ไม่ฟัง ทะเลาะกัน พูดขู่ถึงขั้นว่าถ้าไปจะตัดแม่ตัดลูก
กูต้องจะทำยังไงถึงจะออกจากบ้านได้โดยไม่บาดหมางกันวะ
>>538 แย่จังกูก็คิดไม่ออก อยู่ในสถานการณ์คล้ายมึงเลย แต่ไม่แรงเท่า ของกูแม่กูบังคับให้รับราชการอ่ะอยากให้อยู่บ้านทำงานราชการจนเกษียน แต่กูอยากเป็นศิลปินชื่อก้องโลกอยากออกจากบ้านทำตามฝัน พูดถึงเรื่องนี้ทีไรทะเลาะกันทุกที กูพูดไรแม่ชอบบอกว่าอย่าเถียงแม่คิดถูกแล้วไรงี้ แงแง้
ชีวิตเป็นของมึง ใช้ซะ
สหายโม่ง ตอนนี้กูกะลังรู้สึกเหมือนเพื่อนที่ทำงานกะกูกะลังโกงกูอยู่ เพราะปกติกูไม่เคยเจอลูกค้า ให้เพื่อนติดต่อตลอด
แต่กูบังเอิญไปรู้มาว่า เพื่อนกูมันเก็บเงินจากลูกค้ามากกว่าที่มันบอกกะกูอ่ะ ดูๆแล้วมันน่าจะได้มากกว่ากูประมาณเดือนละห้า หกพัน
กูควรจะคุยกะมันเลยป่ะวะ รึยอมมันไป เพราะกูทำงานกะมันมาสองปีละ งานมันก็ได้เงินโอเคไม่เดือดร้อนอ่ะ ตอนนี้กูอึดอัดมากกกกก
ป.ล กูเป็นฟรีแลนซ์ มีกระทู้โม่งฟรีแลนซ์ป่ะวะ
>>538 กิจการที่บ้านมึง ถ้ามึงไม่ทำ มีคนอื่นทำแทนมั้ย
ถ้าไม่มี มึงลองคิดว่า
พ่อแม่มึงอายุเท่าไหร่แล้ว มันถึงวัยที่ควรเกษียณแล้วรึเปล่า ถ้าถึงแล้ว แล้วเค้าอยากได้คนช่วย ก็ช่วยเค้าเถอะ
แล้วถ้าวันนึงพ่อแม่มึงเป็นอะไรไป จะมีคนทำแทนมึงมั้ย หรือมึงจะรอเค้าตายก่อนแล้วค่อยกลับมา?
กูคิดว่ามึงอยู่กับที่บ้านต่อไปน่ะดีแล้ว
>>539 เรื่องของมึงคนละสถานการณ์กับ >>538 คือถึงมึงจะไม่ทำงานราชการ ก็ไม่มีคนอื่นเดือดร้อนแทน กูแนะนำให้ออก
กูคาดว่าที่เค้าห้าม น่าจะเพราะว่าเค้าห่วงเรื่องความมั่นคงในชีวิตมึง มากกว่าความฝันของมึง
ที่มึงควรทำคือ ทำให้ที่บ้านเชื่อได้ว่ามึงมีปัญญาดูแลตัวเองไม่ให้ลำบากได้ แล้วเค้าจะปล่อยมึงไป
กูบ่นทีนึงดิ๊
อินเตอร์เฟสเฟซบุ๊คอันใหม่เห่ยบรมว่ะ
>>542 เรื่องช่วยกิจการที่บ้าน กูว่ายังไงก็ต้องคุยกันดีๆ ไม่ใช่ว่าทำเพราะสงสารพ่อแม่อย่างเดียว ชีวิตยังไงก็เป็นของมัน แค่มันทำให้พ่อแม่สบายใจโดยกลับมาทำงานที่บ้านซะ กูว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง โอเค มันก็อาจจะดี ในแง่ว่าพ่อแม่มันสบายใจ แต่อย่าลืมว่ามันเอง็ต้องอยู่กับกิจการกับงานที่มันไม่ชอบไปอีกชั่วชีวิตที่เหลือของมันนะ
กูเห็นมาแล้ว คนที่เอาใจพ่อ กลับมาับร้านของพ่อทั้งที่ตัวเองมีทางไปทางอื่นที่ชอบมากกว่า สุดท้ายก็จบไม่สวย ทำต่อไม่ไหว เพราะไม่ใช่ทางของเขา ก็ต้องปิด ต้องขายทิ้ง ทีนี้พออายุปูนนั้นจะกลับไปทำงานแบบตอนหนุ่มๆมันก็ช้าไปแล้วไงมึง การตอบแทนพ่อแม่ด้วยการพลีกาย มันอาจจะโอเคกับมึง มึงอาจจะถนัด มึงอาจจะไหว แต่คนไม่ไหวจริง คนที่ไม่ใช่ทางของมันจริงก็มีนะโม่ง
แล้วต่อให้พ่อแม่มันตาย มึงคิดว่ามีเหตุผลอะไรที่มันต้องกลับมาทำกิจการของบ้านวะ เพราะเหตุผลหลักที่มันต้องทำกิจการของบ้านก็เพื่อให้พ่อแม่สบายใจไม่ใช่เหรอ ตัวมันเองอะอยากทำอย่างอื่นอยู่แล้วนี่
กูว่าลองคุยกันหใ้รู้เรื่องว่ะ มึงมาช่วยงานของบ้านแล้วถ้ามึงต้องทนแบบนั้นไปตลอดชีวิตกูว่าแม่งก็ไม่แฟร์กับชีวิตมึงเองละ
กูก็กลับมาช่วยที่บ้านนะ ถึงไม่ใช่สายที่กูเรียนมาแต่กูก็โอเค
ตอนเป็นลูกจ้างเขา กูทุ่มเทแรงเต็มที่ ก็ได้สองหมื่นกว่าๆต่อเดือน นั่นคือค่าแรงที่เขาหักไปตั้งเท่าไหร่ก็ไม่รู้จากกำไรที่หาได้
สู้กูเอาแรงงานความตั้งใจที่ว่าไปทุ่มใส่กิจการที่บ้านไม่ดีกว่ารึ ? กำไรก็ของมึงเต็มๆ
ทรัพย์สินเดี๋ยวก็เป็นของมึงจนได้ ทำดีก็เจริญรุ่งเรืองมีอะไรเหลือไว้ให้ลูกหลานต่อไป
ถ้ามันไม่เอาก็ให้มันขายไปแล้วเอาเงินไปทำอย่างอื่นที่มันเห็นว่าดี
ถามว่าเป้าหมายของกูคืออะไร เอาเต็มๆแบบไม่ซึน
กูอยากขี้เกียจในระดับนึง แต่ถึงเวลาทำกูก็ใส่เต็มที่เพราะกูก็อยากเห็นกิจการบ้านกูเจริญรุ่งเรืองต่อไปเหมือนกัน
ปล. ถึงจะทำที่บ้าน แต่อีกซักพักถ้ามึงสะสมทุนได้ และกิจการที่บ้านมันรันไปได้สะดวกโดยที่มึงไม่ต้องนั่งคุมตลอดเวลาแล้ว
มึงก็อาจจะแบ่งเวลาไปทำธุรกิจที่มึงชอบอีกซักอย่างก็ได้นี่หว่า สมัยนี้คนเรามันต้องมีรายได้หลายทางดิวะ
>>546 เหมือนกูเลย
สมัยเห่อหมอยกูก็อยากติสต์ อยากทำงานที่ใจรักบ
พอจบมาเจอความเป็นจริงว่ากูทำงานบริษัทได้เงินน้อยกว่าทำกิจการที่บ้านสิบเท่า กูก็ต้องยอมทำงานที่บ้านว่ะ
ปัจจุบันกูติสต์ได้ไม่ลำบาก เงินเก็บเหลือเยอะ เวลาว่างก็มีพอสมควร พนักงานบริษัทกูไม่มีใครรู้ซักคนว่าเจ้าของบริษัทรับงานวาดรูปใน DA
กูคิดว่ากูเลือกทางถูกแล้วนะ
กูว่าอันนี้มันเป็นปัญหาทัศนคตินะ บางคนคิดว่าจะต้องทำงานที่ตัวเองมีใจรักเท่านั้น ไม่งั้นชีวิตจะไม่มีความสุข
กูเคยเจอกับตัวมาแล้ว เอาสิ่งที่ใจรักเป็นงานหลัก แต่สุดท้ายพอมันมีความเครียด มีเรื่องการแข่งขัน มีเรื่องปัญหาเข้ามามากๆ แถมรายได้ไม่พอยาไส้
มึงเชื่อมะ ในที่สุดขนาดงานที่กูใฝ่ฝันอยากทำมาตลอด มันยังกลายเป็นสิ่งที่กูเกลียดไปได้เลย
กูเลยคิดว่าการที่มึงกลับมาทำงานที่บ้านเนี่ย มันไม่ได้ทำให้ชีวิตมึงสิ้นหวังเพราะไม่ได้ใช้ชีวิตตามใจฝันเลยซักนิด
คนเราแม่งต้องยืนอยู่บนความเป็นจริง มีหน้าที่มีความรับผิดชอบก็ทำไป แต่มึงก็ยังมีช่องว่างเยอะแยะที่จะทำตามใจฝันมากมายนี่หว่า
ยิ่งสมัยนี้แล้ว เทคโนโลยีช่วยอะไรมึงได้มากมาย กลางวันมึงทำงานที่บ้าน แต่มึงอาจจะเปิดร้านขายของในเน็ตไปด้วยก็ได้
อย่าง >>547 นี่กูยกนิ้วให้เลย ชอบว่ะ 555
ตูโชคดี ที่งานที่บ้านเป็นงานที่ตูชอบ แถมได้ทำตูนได้อีก โอย ฟิน
เซ็งวุ้ยไฟดับวันเสาร์ หม้อแปลงแม่งระเบิดมั้ง
ดับตั้งแต่ 10โมงแล้ว จะออกไปข้างนอกก็เสือกยังไม่ได้อาบน้ำ ไฟดับปั้มน้ำไม่ทำงาน
อ่านกระทู้นี้แล้วกูจับใจความได้ว่า
ถึงมึงจะเลือกทำงานที่มีความมั่นคงมากกว่างานที่มึงรัก มึงก็มีความสุขกับชีวิตได้ และมึงก็ยังสามารถทำสิ่งที่มึงรักได้ เผลอ ๆ อาจจะทำได้สบายกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ
ถ้ามึงใช้ชีวิตเป็น จัดระเบียบชีวิตเป็น วิธีของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะสบาย ไม่ต้องทำอะไรมาก บางคนอาจจะลำบากหน่อย ต้องใช้หัวคิดในการวางแผนมากกว่าคนอื่นหน่อย แต่ไม่ว่าแบบไหน ถ้ามึงวางแผนชีวิตถูก มึงก็จะได้ทั้งสองอย่าง
แต่ถ้ามึงยังทำตัวเหมือนเด็ก ไม่คิดไม่วางแผนอะไร งอแงจะเอาแต่สิ่งที่มึงอยากได้อยากทำ ไม่สนใจเรื่องอื่นรอบข้าง มึงก็จะเลือกเอาได้แค่อย่างเดียว
จากประสบการทั้งชีวิต ผมก็ได้ค้นพบว่าปัจจัยที่คนเราใช้เพื่อเลือกทำอะไรสักอย่าง มันมีแค่สามอย่างเท่านั้นล่ะ
1. ความสามรถ ความถนัด ทักษะ เมื่อทำอะไรสักอย่างแล้วทำได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ติดขัด ทำได้ดีกว่าคนอื่น เราย่อมอยากทำสิ่งนั้นมากกว่า
2. ความชื่นชอบ ความอยาก ทำแล้วมีความสุข ได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้ผลงานจะแย่กว่าคนอื่น แย่กว่าคนส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยๆก็รู้สึกสบายใจเพราะได้อย่กับสิ่งที่เราอบ
3. เป้าหมาย เงิน ตำแหน่ง ศักดิ์ ความมั่นคง ชัยชนะ เราทำเพื่อบรรลุสิ่งที่ต้อง ทั้งที่จำเป็น และไม่จำเป็น
ซึ่งถ้าใครได้งานที่มีครบทั้งสามปัจจัยนั้น โคตรโชคดีเลยครับ แต่คงเป็นส่วนน้อยแบบสุดๆ อย่างตัวผมก็มีแค่ข้อแรกกับข้อสุดท้าย ข้อที่สำคัญมากๆอย่างข้อสองนั้นผมไม่ได้พบเจอในงานของผมเลย และที่เสียใจที่สุดก็คือ ไม่ได้เลือกงาน งานนี้ด้วยตัวเอง
แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีงานทำ ก็อดทนอยู่กับมันต่อไป
>>555 ไม่เสมอไปว่ะ 2.แบบนั้นมันก็อาจจะไม่ใช่2ที่ต้องการจริงๆ แล้ว2.บางอย่างมันไม่ใช่ว่าจะทำเป็นเวลาว่างได้ ตัวอย่างเช่น อยากเป็นนักบินอวกาศ อยากเป็นหมอ หรือที่เด็กๆชอบพูดก็เช่นอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน
บางคนมันอยากได้ทุ่มเท ได้ใส่เต็มกับความฝัน ความชอบจริงๆ เป็นอาชีพหลัก เป็นมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จจากการทำ2.เลย
ไอ้2.ที่ทำเป็นงานอดิเรกนี่มันก็ทำเพราะว่าตัวเองทำ2.เป็นอาชีพหลักไม่ไหว ก็เลยต้องพยายามหาอะไรที่ใกล้เคียงมาเยียวยาความผิดหวังของตัวเอง กูเชื่อว่าหลายคนตอนเด็กอาจจะเคยอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนนะ แล้วมีหลายคนที่ไปทางนั้นไม่ได้(ไม่ว่าจะเหตุผลทางบ้านต้องกลับไปช่วยกิจการ มือไม่ถึง ต้องบลาๆๆ) ก็เลยมาทำเป็นงานเสริมแทน เช่นวาดโดลงเน็ต รับจ้างวาดการ์ตูนตามโอกาส แต่กูเชื่อว่าต้องรู้สึกเสียดายกันมั่งแหละที่ไม่ได้ทำ2.แบบเต็มแรง ไม่มีโอกาสได้ทุ่มเทกับ2.อย่างสุดความสามารถ พอมองคนที่ได้ทำ2.อย่างสุดความสามารถ แม้มันจะไม่รวยเท่ามึง แต่มันได้ทำานที่มึงใฝ่ฝันมาตลอด มึงต้องอิจฉาแหละ
บางคนมันก็ให้ความสำคัญกับ2.มากกว่า1. แค่มันได้2.กับ1.หน่อยๆมันก็มีความสุขแล้ว กูเองค่อนข้างจะเชื่อว่าควรจะไปในทางที่ตัวเองเลือก ถ้ามึงมีความสามารถพอ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันนะ ว่าสุดท้ายมึงจะล้มเหลวเละเทะรึเปล่า
เลือก1.กับ3.ไปมันก็ดีกับชีวิตมึงนะ มีหลักประกัน ปลอดภัย และอาจจะมีเวลาว่างไปทำสิ่งที่ชอบได้แบบที่ข้างบนบอก แต่กูว่าการที่มึงมองไปเห็นคนอื่นได้ทำสิ่งที่มึงฝันแต่มึงไม่ได้ทำเองเพราะไปเลือกอย่างอื่น ทั้งๆที่มึงเชื่อว่ามึงทำได้ดีกว่าไอ้พวกนั้น มัเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากเลยว่ะ เพราะชีวิตมึงเกิดมาเป็นมึงคาชาตินี้ ไม่มีโอกาสหน้าให้ลองแล้ว
>>556 กูไม่อิจฉาพวกที่ทำ 2. นะ
ถ้ากูจะอิจฉาพวกนั้น กูก็ไม่เลือก 1. กับ 3. หรอก
กูไม่มั่นใจว่า กูจะทำ 2. ให้ประสบความสำเร็จได้อยู่แล้ว กูถึงไม่เลือก
หมออาจจะพอเป็นไปได้ง่ายหน่อย แต่นักเขียนการ์ตูน กับนักบินอวกาศ มันมีแค่กี่ % วะ จากคนทั้งหมดที่อยากทำอาชีพพวกนั้นในไทย
ให้กูซื้อหวยยังมีโอกาสถูกมากกว่าเลย ถ้านับคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก เลี้ยงตัวเองได้นะ ส่วนที่ทำงานไปด้วยแล้ววาดการ์ตูนเป็นอาชีพเสริมแบบ >>547 ไม่นับ
อาชีพหลาย ๆ อาชีพ ใช้ความสามารถอย่างเดียวไม่พอ ต้องพึ่งดวงด้วย
นิยายหลายเรื่อง สนุก แต่ไม่ดัง เพราะได้คนวาดภาพปกไม่ดี ไม่ดึงดูดใจ
และอาจมีนิยายอีกหลายเรื่อง ที่สนุก ถ้าได้ตีพิมพ์อาจขายได้นับล้านเล่ม แต่ก็ไม่ได้ตีพิมพ์ด้วยซ้ำ เพราะคนที่เอาต้นฉบับไปพิจารณาอ่านแล้วไม่ถูกใจ
การ์ตูนบางเรื่อง ลอกคนอื่นมา ก็ดังได้ ถ้าคนของทางสำนักพิมพ์และคนอ่านกลุ่มแรก ๆ เป็นคนประสบการณ์น้อย ไม่รู้ว่าเขาลอกมา
ชีวิตมันก็แบบนี้
มึงไม่อิจฉา แต่คนอิจฉามี นั่นคือกูเอง ถ้ากูกลับไปเลือกได้กูคงเปลี่ยน
เป็นกูก็คงเลือก 1. กับ 3.
ชีวิตที่ผ่านมากูไม่ได้ต้องการการเติมเต็มความฝันอะไรขนาดนั้น ที่กูต้องการคือความมั่นคงปลอดภัย
จะว่ากูขี้ขลาดก็ได้ จะให้เดินไปตามความความฝันแบบ 2. เพียวๆ จนไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางสุดท้ายจะเป็นยังไงกูก็คงรับความเสี่ยงไม่ได้เหมือนกัน
กูนับถือคนที่เลือก 2. นะ รู้สึกว่าคนที่ไปตามความเชื่อของตัวเองนี่เจ๋งชิบหาย มึงกล้ามาก มึงเจ๋งว่ะ
แต่นั่นแหละ เพราะกูขี้ขลาดและต้องการหลักประกันในชีวิตไว้ก่อน กูคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกว่ะ
จะว่ากูเสียชาติเกิดก็ได้ แต่เกิดชาตินี้หรือชาติหน้าถ้านิสัยกูเป็นแบบนี้อยู่ กูก็คงเลือกเหมือนเดิมอยู่ดี
แต่กูก็มีความทรงดีๆในช่วงนึงที่ได้ลองทำตามความฝันตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายนะ
อย่างน้อยก็ได้ลองแล้วก็รู้ว่ามันล้มเหลว มันไม่เป็นไปตามนั้น แค่นั้นกูก็พอใจแล้วล่ะ
กูอยากเปิดอะไรแบบคาเฟ่อัลฟ่าโดยไม่ต้องใส่ใจกับเรื่องเงินทองมากนักได้... เปิดไว้เฉยๆ ไม่มีคนเข้าก็ได้ อะไรงี้
กูอยากเป็นนักฆ่ากับโจรว่ะ เน้นฆ่าคนเลวๆปล้นคนโกงๆ วางระเบิดบ้านมาเฟีย
อยากเป็นจอมมาร นอนนีทเสพสุขอยู่ในปราสาท
กูก็ไม่มีความฝัน... แต่ก็ยังดีที่มีเมียให้ดูแล อย่างน้อยก็ยังพอมีเป้าหมายอยู่บ้างแค่ไม่ยิ่งใหญ่เหมือนคนอื่น
อยากเป็นเจ้าหญิงนอนกลิ้งๆบนเตียงนิ่มๆกับแอร์เย็นๆ
วันๆก็นอนกับแดกอย่างเดียว โม่งในนี้สนใจรับไปเป็นภาระบ้างไหมวะ
กูอยากเป็นจอมเวทย์ ไม่เอา 30 อัพคลาสนะสัส
>>นึกถึงเกม Fat Princess เลยหว่ะ ขุนให้อ้วนๆคนอื่นจะได้อุ้มไปลำบาก
มีเตียงนิ่มกับแอร์เย็นนะเอามั้ย? แต่เรื่องกินอย่างเดียวจนอ้วน มีการออกกำลังบนเตียงกับพาไปว่ายน้ำลดหุ่น กูชอบสาวในชุดว่ายน้ำ สาวฟิตเนสก็ชอบ
>>574 กูก็กินเยอะแล้วไม่อ้วนว่ะ กินยังไงก็หุ่นแค่นี้ หนักประมาณสี่สิบกว่าๆ แถมงานที่ทำก็งานออฟฟิศนั่งโต๊ะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ตรวจร่างกายประจำปีของบริษัทก็ปกตินะ เอาจริงกูอยากอ้วนกว่านี้อีกหน่อย กูเบื่อพวกที่ชอบคิดว่ากูพยายามผอมตามแฟชั่น แฟชั่นพ่องเถอะ มึงมาเห็นตอนกูแดกก่อนเถอะแล้วมึงจะซึ้ง
แฟนเก่ากูคนนึงระบบเผาผลาญดีมาก แม่นางเหมาพิซซ่าคนเดียวสองถาดสบาย แต่หุ่นนี่แม่งโคตรขี้ก้างเลย
กู >>538 นะ กลายเป็นประเด็น ตามฝัน vs ความจริงจนได้ เอาเถอะกูผิดเองแหล่ะที่ไม่อธิบายให้ละเอียดตั้งแต่แรก คือเรื่องมันยาวไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี
กิจการบ้านกูขนาดไม่ใหญ่มาก เงินหมุนเดือนนึง 7-8แสนได้ กำไรก็......ไม่รู้ว่ะ
แม่กูเป็นคนไทยเชื้อสายจีน single mom ลูกสาว2 ลูกชาย1 กูเป็นลูกชายคนเล็ก
ตัวกิจการต้องมีคนที่มีวุฒิเฉพาะทางซึ่งตอนนี้คนที่มีคือแม่ และพี่สาวคนรองไปเรียนอยู่ อีก4-5 ปีจะจบ
ดังนั้นตอนนี้คนที่ดูแลกิจการคือแม่ พี่คนโต และกูที่กลับมาช่วยได้ประมาณปีนึง
ความคิดของแม่กับพี่คนโตคือ ที่สุดแล้วอยากให้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า 4 คน ...มั้ง มีติดนิดนึงว่าแม่แอบหวังให้พี่คนโตแต่งงานออกเรือนมากกว่า(ตัวเจ๊แกเองก็ดูจะต้องการงั้นด้วย แต่ติดว่าไม่มีคนดูแลกิจการ แกเลยอยู่ต่อไปเรื่อยๆ) เพราะพี่บริหารไม่เป็น ให้ทำเองนี่เจ๊งเห็นๆ เลยจะเป็นอารมณ์ว่าให้กูกับพี่คนรองช่วยกัน
ตรงนี้แหล่ะที่กูว่าเป็นปัญหา เพราะถึงจะไม่รู้ตัวเงินชัดๆ แต่ด้วยกำไรเท่านี้ไม่พอสำหรับ 2 ครอบครัวแน่ๆ ยกเว้นกูกับพี่จะอยู่เป็นโสดอะนะ คือกูคิดแบบนี้มาตั้งแต่ตอนยังเรียนอยู่แล้ว กูเลยหางานทำตั้งแต่แรก พอเป็นแบบนี้คือจะช้าจะเร็ว ที่สุดแล้วกูต้องแยกออกไปทำอะไรเองอยู่ดี
แต่สายงานที่กูทำตอนเป็นมนุษย์เงินเดือนเนี่ยมันอัพเดทตลอดเวลา ถ้ากูออกจากวงการไป 2 ปี กลับมาอีกทีกูจะไม่รู้เหี้ยอะไรแล้ว เริ่มใหม่หมดเหมือนเด็กเพิ่งจบ คือทางเลือกกูไม่ค่อยมากเท่าไร ตอนกลับมาแรกๆกูก็หาลู่ทางเรื่อยๆว่าหลังจากนี้จะไปทำอะไรได้บ้าง
ถึงตรงนี้เหมือนปัญหาของกูคือตามฝัน vs ความจริงใช่ปะ
แต่กูทำใจไว้แล้ว อาจเหมือนโกหกแต่กูรู้และรับได้ตั้งแต่ตัดสินใจลาออกกลับมาแล้ว ตอนนั้นกูเดาอนาคตกูไม่ออกเลย ไม่รู้เลยว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อ จะหาอะไรทำได้มั้ยยังไง โบ๋หมด แต่สถานการณ์มันเป็นแบบนี้ยังไงก็ต้องกลับ ความฝงความฝันไม่ต้องสนแล้ว อีก 4-5 ปีค่อยว่ากัน
อ่อ กิจการนี่เปิดตี5 ปิด 2 ทุ่ม หนักกว่ามนุษย์เดือนเยอะ เลิกหวังเรื่องตามฝันในเวลาว่างได้เลย
เหตุผลจริงๆที่กูอยากออกไปจากตรงนี้ คือ
กูไม่มีสิทธิ์ออกความเห็น
ความเห็นทั้งหมดของกูไม่มีความหมาย ไม่มีใครรับฟัง
กรุณาจินตนาการถึงอาซิ่ม single mom CEO ultimate ruler
ตอนกลับมาอยู่แรกๆ แม่กูกำลังวุ่นกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยปล่อยให้กูกับพี่ดูแล กูเห็นอะไรที่มันไม่เวิร์คไม่เข้าท่ากูก็ไปปรับไปแก้ไข วางแผนไว้โคตรเยอะ ไอ้นั่นจะทำงั้น ไอ้นี่จะทำงี้ มีอะไรที่ต้องทำเยอะมาก ส่วนพี่กูก็.....ขี้เกียจ โอเคกูเข้าใจว่าดูแลคนเดียวมาหลายปี เหนื่อย อยากพัก กูก็อธิบายว่าทำไมต้องทำไอ้พวกนี้ เค้าก็ช่วยบ้างไม่ช่วยบ้าง
แล้วพอเรื่องมันเริ่มคลี่คลาย แม่กูก็มาดูแลเต็มตัว แลัวไอ้ที่กูพยายามเปลี่ยนมาทั้งหมด ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมในเวลา 1 เดือน....
ที่กูทำทุกวัน 3 ทุ่มถึง 5 ทุ่มตลอด 4 เดือนเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น......
กูพยายามอธิบายแล้ว แต่แม่บอกว่าเค้าทำมาก่อน แบบที่เค้าทำดีที่สุดอยู่แล้ว กูไม่ต้องออกความเห็น ทำตามที่บอกแล้วจะเห็นเอง
ที่กูเห็นคือ ข้อผิดพลาดเดิมๆเริ่มกลับมาอีก ปัญหาอะไรที่ช่วงเดือน-2 เดือนหลังเริ่มหายไปกลับมา พอกูบอกว่า นี่ไงเห็นมั้ยว่าพอไม่ทำแล้วมันจะเป็นแบบนี้ ก็โกรธกู
หลังๆบานปลาย ถึงขั้นว่าความเห็นทุกอย่างผิดหมด เค้าจะพยายามทำตรงข้ามกับความเห็นกูทุกอย่าง
ถึงขั้นว่าไม่ฟังกูแต่ฟังลูกจ้าง พูดอย่างเดียวกัน เหตุผลเดียวกัน แต่ลูกจ้างพูดแล้วเชื่อ จนกูต้องฝากลูกจ้างไปพูด
เฮิร์ทว่ะ เหี้ยจะร้องไห้ ไม่น่าพูดถึงเลย
กูเลยเห็นว่าแบบนี้ไม่ไหวแล้ว อยู่ด้วยกันแต่คุยกันดีๆยังไม่ได้แบบนี้มันไม่ใช่ เสียสุขภาพจิต กูไม่เท่าไร แต่แม่ก็เสียด้วย กูเลยปล่อยๆเงียบๆไม่ค้านไม่อะไร ให้เค้าทำอย่างที่อยากทำ กูกลายเป็นเหมือนลูกจ้างกินนอนมากกว่าลูกเจ้าของที่จะสืบทอดกิจการ ได้ผลนะ สุขภาพจิตแม่ดีขึ้น แต่กูเหมือนเดิม
อ้อ ตอนนี้กูอายุ 29 กำลังจะกลายเป็นจอมเวทย์
>>584 ก็ช่างหัวแม่มึงเหอะ หวังดีแต่ไม่รับฟัง มึงออกมาฟรีสไตล์ จะแคร์ไมว่ะ มึงพยายามแล้ว เค้าไม่ฟังเอง มึงก็ปล่อยเค้าทำไป มึงแยกไปทางที่มีอนาคตดีกว่าไปเหอะ ถึงตอนนั้นถ้าครอบครัวมึงล้มมึงยังช่วยประคองได้ แต่ถ้าร่วมหัวจมท้ายเวลาพังก็พากันพังหมดไม่มีใครคอยฉุดนะมึง
>> 583
เหมือนกูตอนกลับมาทำงานกับพ่อกูเลยว่ะ
ส่งกูไปเรียนสูงถึงปอโท แต่ความเห็นกูมีค่าเป็นศูนย์
ถ้าจะเอาแค่นั้น ให้กูเรียนแค่ม.ปลายแล้วมาทำงานก็ได้ ไม่ต้องเปลืองเงินส่งเรียนสูงหรอก
เจ็บปวดตอนเถียงกับพ่อตัวเองแล้วเจอแถใส่เนี่ยแหละ
เหี้ย ถ้าเป็นคนอื่นเถียงเหตุผลแพ้แล้วมาแถใส่กู ป่านนี้กูชกร่วงแล้ว
นี่เสือกเป็นพ่อกูเอง ความนับถึอแม่งสั่นคลอนสัดๆ
กูเลยเฟดออกมา ทำในส่วนที่ไม่ยุ่งกับพ่อกูแทน
แต่ก็ยังหงุดหงิดเรื่องการบริหารที่ไม่เคยวางแผน ไม่สนใจห่าอะไรทั้งนั้น คิดอยากทำก็ทำ
ไม่เคยคำนวนค่าใช้จ่าย ไม่เคยคิดถึงผลกระทบ แถมดื้อไม่ฟังใคร
ดีที่ตอนนี้เขาอ่อนแรงลงไปเยอะแล้ว ไม่มีแรงมาบังคับกูมากมายเหมือนก่อน
และกูกับแม่วางแผนจำกัดขอบเขตความเสียหายที่จะเกิดจากเขาได้
ตั้งแต่เริ่มทะเลาะกันมา กูก็เข้าหน้าเขาไม่ค่อยได้แต่เขาก็ยังเป็นพ่ออยู่ดีอ่ะนะ
กูยังอาจจะโชคดีกว่ามึงที่แม่เข้าข้าง และมีคนคอยให้คำปรึกษาด้วยประสบการณ์
บางทีมึงอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวเองให้ใช้ประโยชน์ในสิ่งที่มึงมีอยู่ แล้วเมินในสิ่งที่เป็นปัญหา
คิดซะว่าซักวันเขาก็ต้องอ่อนแรงไปตามอายุ ไม่มีแรงมาไฝ้ว์กับมึงตลอดไปหรอก
ถ้าทำได้ก็เลือกที่จะไปคุมงานในส่วนที่เขาจะให้มึงเป็นอิสระเลย แล้วมึงก็ค่อยๆแก้ไป
พยายามเข้าล่ะ กูจะเอาใจช่วย
>>586 นั่นแหล่ะ แม่กูก็อย่างพ่อมึงเลย
กิจการบ้านกูมันเล็กว่ะ งานมันมีไม่กี่อย่างหรอก แล้วแม่กูเข้าถึงหมด ต่อให้ให้กูดูแล วันดีคืนดีเค้าก็มาดู แล้วก็เข้าสเต็ปเดิม ถามกูว่าทำไมไม่ทำแบบที่เค้าเคยทำ อธิบายไปไม่ฟัง แล้วเค้าก็จัดการทำให้มันเหมือนเดิม จบเห่ ตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรที่กูไม่เคยพยายามปรับแก้แล้วด้วย ลองมาเกือบหมด โดนเปลี่ยนกลับหมด
ที่ว่าให้รอ คือกูต้องรอถึงเมื่อไรวะ ตอนนี้เค้า 60 คนเราจะหมดแรงเมื่อไร 70? 80?
แล้วไม่ใช่แค่แม่ พี่คนโตอีก ขานี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้าขยันขึ้นมาก็ทำตามกูบอกอยู่หรอก แต่ปกติคือขี้เกียจ วันไหนที่กูกับแม่ไปธุระ 2 คนนี่ความรับผิดชอบสูงปรี๊ด ทำดีไม่มีที่ติ แต่ถ้าแม่ไปธุระคนเดียว กราฟแม่งดิ่งลงเหว กลายเป็นตัวสลอต คือนอกจากรอแม่วางมือต้องมาลุ้นให้พี่ขายออกไวๆอีก
ต่อให้พี่คนกลางกลับมากูก็ไม่มั่นใจว่าอะไรๆจะดีขึ้น ต่อให้ช่วยกันบริหารได้ดีขึ้น แต่โอกาสที่รายได้ไม่พอรายจ่ายก็ยังมี กูไม่อยากเห็นศึกชิงมรดกในบ้านตัวเองหรอกนะ
อ่านชีวิตของเพื่อนโม่งแล้วรู้สึกโชคดีพ่อแม่สนับสนุนกูว่ะ อ่านแล้วชักอยากกลับบ้านไปช่วยกิจการบ้านเลยเนี่ยT T กูนี่มันโชคดีจริงๆที่มีพ่อแม่เป็นคนหัวใหม่
ส่วนใหญ่ใช้เว็บสมัครงานเว็บไหนกันหรือเคยใช้งานบริษัทจัดหางานกันไหมขอแชร์ประสบการณ์หน่อยนะเพื่อนโม่ง
เคยใช้แต่ของ JOBTOPGUN หาว่ามีงานอะไรบ้างแล้วก็เว็บอื่นๆ แบบ jibthai jobdb แล้วก็ยื่นส่งเมล์ตามรายละเอียดเอา
แต่คือให้ระวังๆกันด้วย พวกบริษัทขายประกันชอบโทรมา ทำเป็นพูดนั่นพูดนี้ สุดท้ายแม่มจะชวนเราไปขายประกัน
>>541 มาตอบช้าไป ซึ่งกุทำงานกับพวกนี้เยอะ
กุว่าเมิงก็ทำเป็นปิดตาข้างนึงไป สิ่งที่ยากของการทำงาน Freelance คือการให้ได้งานมาอย่างต่อเนื่องและเรื่องการคุยกับลูกค้าเนี่ยแหละ
แล้วถ้ามีโอกาสเมิงก็หาทางออกไปรับงานตรงเองได้ แล้วเมิงจะรู้ว่าไม่ง่าย
ทั้งนี้ทำไมเมิงถึงเป็น freelance วะ โครตลำบาก
1. โดนกดราคาเหมือนที่เมิงโดนอยู่ ค่าแรงต่ำ
2 .เวลาลูกค้าจะเอางานก็จะเร่งๆ Brief วันนี้ ขอพรุ่งนี้ (ถ้างานที่แม่งทำเองได้ทันคงไม่โดนงานให้เมิง)
3. ด้วยตามข้อ 2 เมิงจะก็บริหารเวลาตัวเองได้ยาก ไม่รู้งานจะเข้าเมื่อไร
4. โอกาสเติบโตก็ไม่มี ความมั่นคงก็ไม่มี เมิงป่วยทีรายได้ก็ไม่เข้า
เป็นธนาคารโทรมาก็ไม่เอาแล้ว ตำแหน่งผู้จัดการนี่มีแต่ขายประกัน
ผมมีทุนสำรองว่ะ แต่ก็เอาทุนสำรองมาใช้ทุกเดือนๆ แฟนนี่ล่ะตัวเปลือง แต่เค้าก็ดีกะเรา
ลูกค้าสั่งงานตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่าถ้าว่างๆ มาช่วยแก้ส่วนนี้หน่อย
วันนี้เจอทักว่าที่สั่งไปอาทิตย์ที่แล้วขอในวันพุธนะ… เชี่ยยยยยยยยยยยย
กูทำงานอื่นอยู่ ยังไม่ว่างดูให้ เลยไม่ได้แตะเลย แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรกว่ารีบเอา
ได้ศัพท์ใหม่ "พ่อมาโดกะ"
ผู้ชายกินผักเหอะ
ฮากับศัพท์ใหม่ พ่อมาโดกะ จะครีเอทไปไหนครับ ฮาๆๆๆ
อา ฝรั่งหัวหมอ ถ่ายรูปของมา 5 โล จะเคลม 50โล มันก็เอารูปเดิมมาflip แทรกเป็นอีกรูป ฉลาดสุดๆ
พ่อมาโดกะนี่คือฮาจิมังที่หาแฟนได้สินะ
ลูกจ้างแม่งนึกอยากจะออกก็ลาออกแล้วไปเดี๋ยวนั้นเลย เฮ้อ สมัยนี้มันอะไรว้า แต่ก็ทนกับมันมานานละ ปากเสีย ขี้วีน ทำงานไม่เอาอ่าว แถมกินแรงตูอีก ยังนึกๆว่าจ้างมันมาเฝ้าร้านอย่างเดียวรึเปล่าเนี่ย ต้องมาประกาศหาคนใหม่แบบด่วน แต่ไม่รู้จะเป็นไงต่อ ถึงหาได้แต่ไม่รู้จะแย่กว่าเก่ารึเปล่าเนี่ยสิ เฮ้อออ
อธิบายหน่อย มันเป็นไงวะพ่อมาโดกะ มาโดกะ มากิก้า? ไม่ได้ดูอะ
ขอถามนิดนึง
ผู้ชายกินพืชนี่ไม่ได้หมายถึงผู้ชายประเภทที่เน้นสนใจรักษารูปร่างหน้าตาตัวเองให้ดูดี แต่ไม่ได้สนใจการไปไล่จีบผู้หญิง (เมโทรเซ็กชวล) หรอกหรอ
ซึ่งมันน่าจะคนละอย่างกับผู้ชายที่แต่งงานแล้วอยู่เหย้าเฝ้าเรื่อนแทนเมียนะ
อีก 3 วัน
กูออกจะชอบ อิคุเมงเนี่ย น่ารักจะตาย
ลุ้นว่าเงินจะออกวันศุกร์หรือจันทร์
แต่ไม่ว่าวันไหนออกมาก็หมดเลยอยู่ดี เศร้าว่ะ
ออกมาก็ไปหมดกับงานหนังสือว่ะ เศร้า
น่าจะออกพฤหัส
มีหนังสืออะไรแนะนำบ้างไหมวะงานหนังสือครั้งนี้(อาจออกมานานแล้วแต่มึงแนะนำก็ได้ จะไปหาอ่าน)
แบบที่เป็นไวรัลคนไทยด่าครั้งแรกนั่นกูก็ลงลิสต์ละ แนวที่กูชอบก็ประมาณวินทร์ เลียววาริณ, แทนไท ประเสริฐกุลอะ
ถ้างานหนังสือกับหนังสือมากระทู้นี้ดีมะ ร้างละ https://fanboi.ch/lounge/195/recent/
วันนี้หัวหน้าผมไม่มาว่ะ ปกติก็สบายอยู่แล้ว ไม่มายิ่งสบายเข้าไปใหญ่ อ่าส์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ซาลารี่แมนสู้หน่อยโว้ย อย่าปล่อยให้ไอ้พวกคอสเพลย์ครองบอร์ด มีแต่กระทู้คิโม่ยเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ สัด!!
ใครเงินเดือนออกแล้วบ้างวะ แต่ท่าทางจะหมดไปกับสัปดาห์หนังสือแน่ๆ T_T
รอวันจันทร์ว่ะ กูเศร้า
กูก็ออกวันจัน ยังดีที่เดือนนี้พอมีกินมั่ง
ช่วงนี้มู้คอสเพลย์แม่งดุเดือดจริงๆ (แต่กูก็ตามอ่านนะ)
สัปดาห์หนังสือพวกมึงกันเงินไว้ประมานเท่าไหร่วะ
กูเว้นไปสองงาน น่าจะโดนขั้นต่ำ 2-3 พัน จะไปหาพวกบิ๊กบุ๊คที่ขาดอยู่ด้วย
กูละลายเงินที่ร้านเมดไปแล้ว.........
ของกูกันไว้ 3 พัน แต่ไม่น่าใช้ถึง
ส่วนมากกูเจอของหมดตลอด ไม่ก็ไปถึงหน้าบู๊ทแล้วเกิดขี้เกียจเบียดคนขึ้นมาซะเฉยๆ
ของกูไม่เกินครึ่งหมื่น
ไลท์น้อย แต่นิยายไทยออกเยอะว่ะ
ตอนแรกกะกันไว้พันนึง เพราะกะไปตามเก็บนิดๆหน่อยๆ
แต่กูก็เกินงบแม่งทุกปีเลย 555
ข้องใจเวลาซื้อส้มตำ ทำไมเวลาบอกเอาไม่เผ็ดจะใส่พริกให้เม็ดสองเม็ดอยู่เรื่อย
กรูบอกไม่เผ็ดนะเว้ย ไม่ใช่เผ็ดนิดนึง
กูเคยสั่งไม่เผ็ดโดนไปไม่เผ็ดของแม่ค้านี่ไส้แทบขาด
ไม่ใส่พริกแล้วจะกินส้มตำทำไมวะ
กูสั่้งตำไทย พริก 1 เม็ด แค่นั้นพอ
มึงต้องเข้าใจเขาก่อนว่า สำหรับแม่ค้าส้มตำ สองเม็ดคือไม่เผ็ด
สำหรับพวกมึง พริกน้ำปลากับซอสพริกใน KFC เผ็ดไหม?
สำหรับกูมันเผ็ด
โชยุไทยรสแม่งโคตรกะเหรี่ยงเลย กูแดกไม่ลง บางเจ้านี่กูไม่อยากเรียกว่าโชยุด้วยซ้ำ
บ้านกูไทย-จีน ซีอิ๊วขาวเห็ดหอมตราเด็กสมบูรณ์เท่านั้น
กูขอแช่งให้พวกมึงเป็นโรคไต
กูว่าน้ำปลาเมกาเชฟเวิร์คสุด
อยุ่นอกบ้านกูกินเปรี้ยวมากกว่าเค็มว่ะ แล้วซีอิ๊วนี่กูใส่เฉพาะตอนกินข้าวที่บ้าน ซึ่งอาทิตย์นึงกูกินข้าวที่บ้านแค่ 2-3 มื้อ
ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น ศรีราชาเท่านั้น
มึงไม่อยากเผ็ด มึงต้องสั่งแม่ค้าบอกล้างครกก่อน แล้วไม่ใส่พริก เชื่อกู
มึงบอกไม่ใส่พริกเฉย ๆ แต่ไม่ล้างครก เกิดครกก่อนหน้ามึงเค้าตำมาห้าสิบเม็ด มึงก็แสบตูดอยู่ดี
ไอสัส กูนึกว่ามู้โม่งปรุงยา
พวกมึงลองทำน้ำปลาพริกแต่ใส่โชยุดิไอสัสกูลองมาแล้ว
ม้าบินเท่านั้นนนนนนนนนนนน
ม้าบินเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนสูตรใหม่แล้วว่ะ
ทำงานเหนื่อยๆ มานอนอ่านบอร์ดจนวูบ เผลอหลับไปอีกแล้ว...
เป้งๆๆๆๆ //เคาะกระทะ
ตื่นๆๆๆ วันศุกร์แล้ววว
วันนี้ที่รอคอย /me ร้องเพลงป๋าเบริด
วันเสาร์ก็ทำงานว่ะ saddd
เงินยังไม่ออกโว้ยยยยยย
/กูเค็ม = อร่อย
วันนี้ไปเบียดงานหนังสือกันป่ะ
อยากไปสอยหนังสือแต่ไม่มีเงินโว้ย T_T
กูเอาโบนัสไปลงกับชุดเกียรใหม่จักรยานกูเรียบร้อยแล้ว กับถอยมาม่ามา1ลัง
โบนัสออกหลังงานหนังสือ Orz
เอาว่ะ คิดว่าเอาไปใช้เที่ยวสงกรานต์
โห วันนี้เข้ามาแล้วรู้สึกดีจัง มีบอร์ดกามแยกออกไปแล้วเล้าจน์ดูดีขึ้นเยอะชิบหาย ไม่ได้รังเกียจแต่เห็นด้วยกับแบบนี้ ให้มันอยู่เป็นที่เป็นทางไปพวกเงี่ยนขึ้นหัวตลอด24ชมจะได้ไปเงี่ยนของมันไม่มาเพ่นพานคนจะคุยเรื่องปกติ
ว่าแต่โบนัสออกกันช่วงนี้เหรอวะ ของกูสิ้นปีแฮะ
อะไรคือโบนัสว่ะ เกิดมาไม่เคยสัมผัส แม่งเอยร้องไห้แปป
กูโบนัสน้อยมาก แต่พอเห็นมึงบอกว่าไม่มีแล้ว
กูไม่รู้ว่าจะร้องกับมึงดีรึกูควรจะพอใจกับมันดีวะ
โบนัสออกช้ากูว่าดีออก คำนวณภาษีง่าย
คือแบบกูประมาณแล้วว่าสิ้นปีจะได้เงินเท่านี้ กูก็ไปซื้อ LTF ซื้อประกัน บลาๆจนมันพอดี
แล้วโบนัสก็ออกมาตู้ม
เหี้ย ปีนี้เสือกเยอะ ส่วนที่เกินกูก็ไม่ได้ภาษีคืนอะดิ
หรือ สัดปีนี้ไม่มีโบนัส แล้วไอ้ที่กูซื้อๆไปแล้วจะเอาคืนได้ยังไงงงง
อะไรงี้
อ่านมาหลายศุกร์แล้วไม่อยากโตเลยวะ อยากเกาะพ่อแม่กินตลอดไปจัง
กูทำงานแล้วและอยากกลับไปเกาะพ่อแม่เหมือนเดิมมาก 555
วันนี้ไปไหนกันโหม๊ดดดด
ไปงานหนังสือหมดแหง
อยากกลับไปเรียนมัธยมจัง
มันสุขกันคนละแบบว่ะ ตอนเป็นเด็กแค่เรียนหนังสือแบเงินขอพ่อแม่ก็สบายดี เครียดเรื่องเรียนบ้างตามประสาแต่ไม่เครียดเท่าทำงานแน่นอน
แต่เป็นผู้ใหญ่มันมีความสุขจากการหาเงินได้เอง ความภูมิใจที่ได้เป็นฝ่ายจุนเจือพ่อแม่ พาพ่อแม่ไปกินอาหารดีๆ ซื้อข้าวของให้
ตัวเองก็ได้ซื้อของที่อยากได้สนองกิเลสโดยไม่ต้องเกรงใจใคร เพราะเป็นเงินที่หามาเอง
ถามว่าเป็นผู้ใหญ่เหนื่อยมั้ย แม่งโคตรรรเหนื่อยยยยย เบื่ออออ เซ็งงงง สาดดดด เกลียดเพื่อนร่วมงานนนน รำคาญลูกค้าาาา
แต่ถ้าถามว่าให้กลับไปเป็นเด็กเอามั้ย ไม่เอาว่ะ เป็นผู้ใหญ่น่ะดีแล้ว อย่างที่บอก มันก็มีมุมความสุขความภาคภูมิใจในแบบของมัน
อีกอย่างขืนเป็นเด็กไปทั้งชาติคงสงสารพ่อแม่น่าดู
กุอยากทำงานละเนี่ย
เรียนอย่างเดียวมันก็โอเคนะ แต่แบบ
ฝึกงานหนักชิบหาย ตังไม่ได้สักบาท เวลาว่างไม่มี สอบก็ยาก ชีวิตแม่งเครียดเหี๊ยๆ
ให้กุเรียนจบไปทำงาน ใช้ชีวิตของกุเองดีกว่า
กูอยากทำงานและก็ไสหัวตัวเองออกจากบ้านไปเลย กูเกลียดบ้านตัวเองมาก ณ ตอนนี้ ไม่ไหวจริงๆ ประสาทจะแดกทุกวัน รู้สึกเป็นเหมือนพลเมืองชั้นต่ำที่ไม่สามารถกำหนดและตัดสินใจเหี้ยไรได้แม้แต่การใช้ชีวิตหรือความเชื่อ อึดอัดจนอยากจะวิ่งให้รถชนตายวันละหลายหนแต่ก็รักตัวเองมากเกินกว่าจะทำอะไรแบบนั้นได้ สัด กูก็ทำได้แค่อดทนอ่ะแหละใช้ชีวิตอยู่กับความกลัว
ไอ้เหี้ย พี่เน live in ch 5 ว่ะ เมื่อกี้ได้ยินแว่บๆ
ตอนกูได้งานที่ปัจจุบัน (ที่บ้านกูอยากให้รับงานที่บ้านต่อแต่กูไม่ฟัง) กูบอกที่บ้านว่ากูจะย้ายไปอยู่ห้องเช่า เพราะที่ทำงานมันไกลบ้านชิบหาย กูโดนพ่อด่าเสียหมาเลยว่ามึงออกไปก็เอาตัวเองไม่รอด ถ้าออกไปแล้วมึงไม่ต้องกลับมาเลยนะ ฯลฯ
กูยอมรับเลยว่าออกมาอยู่คนเดียวแม่งลำบากจริง แต่ทนพ้นปีแรกได้กูก็ชินละ ลำบากก็จริงแต่อิสระที่กูได้มันมีค่ากว่าความลำบากนั่นเยอะว่ะ
ที่สำคัญ ตอนนี้พ่อกูต้องกลับมาง้อกู... กูไม่รู้คนอื่นนะ แต่สำหรับกูกูคิดว่าที่กูไม่ฟังพ่อตอนหนีไปสมัครงานนี่กูตัดสินใจถูกว่ะ
กูท้องเสียกินน้ำส้มได้ป่าววะ กูติดน้ำส้มอะ
กูขอมาระบายหน่อย บังเอิญกูมีแฟนอยู่คนนึง ฝ่ายผู้หญิงเขาเฟรนลี่มาก กอดแขนสนิทชิดเชื้อกับเพื่อนผู้ชายไปทั่ว ไม่ได้ถึงกับขั้นอย่างว่านะ แต่แม่งกูเจ็บว่ะ เพราะไอ้ที่เขาทำกับเพื่อนคนอื่นเขาไม่เคยทำกับกูเลย จับมือ ถือแขน กอด หอมแก้ม แรกๆกูก็รับได้หรอกเพราะเค้าบอกแล้วว่าเค้าเป็นแบบนี้ พอนานๆไปกูเริ่มลำบากใจขึ้นเรื่อยๆ กูรีบเลิกตอนนี้เลยดีไหมวะ นานๆไปกูจะได้ไม่เจ็บไปมากกว่านี้
แล้วมึงแน่ใจหรือเปล่าว่าแฟนมึงมีมึงคนเดียว กูว่ามันแหม่งๆว่ะ
พรุ่งนี้ 1 เมษา
เขาบอกเหตุผลมั้ยว่าทำไมทำกับเพื่อนได้ทำกับมึงไม่ได้?
แต่ถ้าเป๋นกูกูจะทำมั่งว่ะ มึงก็ไปกอด หอมแก้มผู้หญิงคนอื่นแทนก็จบ
เพื่อนกั๊นเพื่อนกัน ผู้หญิงออฟฟิสกูก็มีนะ สนิทกับพนักงานชาย สนิทมาก
เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวกันไปกินข้าวกัน แฟนก็มีแล้วทั้งคู่ 55 เพื่อนกันก็มันส์ดี
กูรู้ว่าเค้าไปไหนกันเพราะแฟนของพวกนี้เป็นเพื่อนกู
ไม่กระโดดกอดอะ กูจะกระโดดชกแม่ง อีร่าน แฟนมึงยืนหัวโด่แล้วยังทำตัวกะหรี่อีก
ไม่รีบคุมตอนนี้ มันจะเห็นมึงเป็นของตาย เป็นควาย จำคำกูไว้
ไม่ก็เลิกดีกว่า อยู่ไปก็ไม่สบายใจ
เมิงไปห้ามไม่ได้หรอกของแบบนี้ แม่งต้องสำนึกและคิดได้เอง
ฉะนั้นเมิงก็แค่ชัดเจนบอกว่าไม่ชอบ ซึ่งหลังจากที่แม่งรับรู้แล้วว่าเมิงไม่ชอบแต่ก็ยังทำ
นั่นแสดงว่าแฟนเมิงแม่งจงใจทำให้เมิงรู้สึกไม่ดี ซึ่งปกติคนรักกันเค้าไม่ทำกัน
ท้ายสุดถ้าไม่ปรับตัวก็เลิกกันไปเถอะ
รู้ว่ามึงไม่ชอบยังจะทำ หยามกันชัดๆ เป็นกูจับถ่วงอ่าวไทยแล้ว ไม่เก็บไว้ทำเมียหรอก
เลิกเถอะ แสดงว่าแกไม่อยากให้นายเป็นแฟน แล้ว แต่พอจะบอกเลิกก็ไม่กล้าคบกันมานาน
เป็นตูบอกเลิกเลยแม่ง มีอย่างที่ไหน เป็นแฟนแล้วแตะเนื้อต้องตัวไม่ได้ ตูเสียเวลากับผู้หญิงแบบนี้มาหนึ่งปีเต็มตูแทบจุกอก เพราะแม่งไม่บอกเลิกตูเอาเวลาตูหนึ่งปีคืนมาเลยสาด หลังจากนี้ตูเลยเป็นพวกสุขนิยมไปล่ะ แม่ง
กูเป็นโม่งคนนึงที่เคยบ่นๆในกระทู้นี้ว่าชอบเพื่อนมหาลัยมากกว่าเพื่อนมัธยมนะ
แล้วทีนี้เมื่อวันก่อนกูเดินอยู่แถวที่ทำงานอยู่ดีๆมีคนทักกูก็นึกว่าจะเป็นคนในออฟฟิซ
พอหันกลับไปเสือกเป็นเพื่อนสมัยมัธยมที่เคยสนิทกันพอควร แม่งก็บ่นชิบหายเลยว่าทำไมกูหายหัวไปเป็นปีๆ ทำเป็นยุ่งมีธุรกิจพันล้านหรือไง เพื่อนเป็นห่วงกันนะ บลาๆๆๆ
หน้ากูตอนนั้นก็แบบคงเป็นหน้าคนห็นผีอ่ะ เพราะกูไม่คิดเลยซักนิดว่าอยู่ๆจะมาเจอ แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเดินสวนกันนิดเดียวคนไม่เจอกันนานๆจะจำกูได้ตั้งแต่แว่บแรกที่เห็น
แม่งโคตรซวยเลย คือก็ไม่ได้เกลียดหรืออะไรนะ แต่กูไม่ได้ติดต่อกันนานจนไม่รู้จะเจอแล้วทำหน้ายังไงดีอ่ะ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกคิดถึงอยากเจออะไรเลยด้วย
แบบช่วยลืมๆไปซะว่าเคยรู้จักกูทีได้มั้ย ;_;
เป็นกูนี่เอาพุงบั๊มกันแล้ว
อ้ายเหี้ย นั่งร้อนทั้งวันฝนไม่ลง พอจะออกไปเท่านั้นล่ะ
ซ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ควย
กุทำงานกับพวกนี้มานาน กุยังไม่เคยเห็นอะไรเน่าหนอนน่าร้องไห้เท่านี้เลยว่ะ
http://pantip.com/topic/31856497
แฉกันเองเหรอวะ ยอดเลยอาจารย์
ยิ่งกว่าหนัง Incestion
หลังหักเลยมึง เน่าสัดๆ
เน่าสัดๆเลยว่ะ เหี้ยเอ๊ย กูกลัวแล้ววว
พักนี้รถมันติดกว่าปกติหรือเปล่าวะ
ติดมานานละ
กูชักไม่แน่ใจแล้วว่าทำรถไฟฟ้าเสร็จหมดทั้งเมืองแล้วมันจะหายติด รถตู้เหี้ย ๆ ก็คงจอดแดกเลนเหมือนเดิม
นี่มันปิดเทอมอยู่นะ
มันก็ติดอยู่แต่เมิงสบายขึ้นไง อัดบนรถไฟ ยังหงุดหงิดน้อยกว่า บนถนนฟะ
http://pantip.com/topic/31844887 แด่ซาลารี่แมนผู้ยังโสด เตรียมตัวกันได้แล้ว
ท่าทางจะเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์กับกูมาก
ทำไมกูคิดว่าเป็นโสดวางแผนชีวิตง่ายกว่าแต่งงานอีกวะ เป็นโสดหาเงินคนเดียวใช้คนเดียว ดูวิธีการใช้เงินของตัวเอง ดูอัตราเงินเฟ้อ คำนวณอายุตัวเองไว้เผื่อๆ มึงก็ประมาณได้แล้วว่ามึงต้องหาเท่าไหร่ ต้องใช้เท่าไหร่ ต้องเก็บเท่าไหร่
แต่มีลูกมีเมียนี่ประเมินยากมาก ไม่รู้ว่ามันจะพากันรุ่งเรืองหรือฉุดลงต่ำ ไม่รู้แม่งจะหาเอาอะไรมาใส่หัวให้บ้าง อีกอย่างยังไงมึงก็ต้องเก็บเงินเผื่อเลี้ยงดูตัวเองถ้ามันโตไปมันสะบัดตูดทิ้งมึงอยู่ดี
กูไม่ได้บอกว่าการมีลูกเมียมันไม่ดีนะ มันมีความสุข ความอบอุ่น ฯลฯ แต่ถ้าพูดเรื่องความเสี่ยงกูว่ามันเสี่ยงและผันผวนกว่าเป็นโสดเยอะ ทำให้ยากที่จะวางแผน เป็นโสดสิวางแผนง่าย
x หาเอา
o หาเหา
>>722 เก็บเงินสิครัช ถ้ามึงมีเงินและมึงบอกว่าไม่กลัวเหงามึงไม่ต้องกลัวเลย โรงบาลเอกชนห้องพิเศษและพยาบาลสาวสวยพร้อมดูแลเสมอ ถ้าไม่ติดว่าการป่วยมันทรมานด้วยตัวโรคเนี่ยนะ การไปนอนโรงบาลมันเป็นโมเม้นที่ชิวและสบายที่สุดแล้ว เหมือนไปพักผ่อนว่ะ
โลกสมัยนี้นะอะไรก็ซื้อได้ด้วยเงินเกือบทั้งนั้น กะอีแค่คนดูแลน่ะไม่ต้องห่วงหรอก ยกเว้นแต่มึงต้องการคนจริงใจ ต้องการคนเข้าใจ ต้องการความอบอุ่น เป็นคนขี้เหงา ก็ควรจะมีครอบครัวมีคนรักอะไรไป แต่ถ้ากลัวตอนแก่ตอนเจ็บไม่มีใครดูแลนี่ไม่ต้องกลัวเลย ถ้ามีเงินซะอย่าง จะเจ็บจะแก่ยังไงก็มีคนดูแล
เงินซื้อคนจริงใจได้ฟะ
แหม่ พี่น้องมันก็ต้องมีไว้แบบนี้แหละ ดูแลกันบ้างยามเจ็บไข้
ตอนพี่น้องมีลูก กูก็ช่วยดูช่วยเลี้ยง พาไปเที่ยว พาไปกินข้าว
มันก็ต้องช่วยๆ กัน ใช่ว่าจะเกาะกันกินซะที่ไหน บ้านกูก็มี เงินกูก็ไม่ได้ขัดสน
แต่อาการเจ็บป่วยมันมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวได้เสมอ
วันดีคืนดีมึงตื่นขึ้นมา ไม่มีแรงลุกจากเตียง แล้วจะทำไง?
ก็ต้องหวังให้พี่น้องถามไถ่กันบ้างนั่นละ
หรือให้เจาะจงกว่านั้นก็ได้ เวลาอยู่คนเดียวแล้วเกิดอุบัติเหตุ ประมาณลื่นล้มหัวฟาดพื้น
กูเป็นลูกคนเดียว ทำไงวะนั่น
เงินซื้อกูไม่ได้
แต่เช่ากูได้
เงินซื้อกูไม่ได้
ถ้าไม่มากพอ
>>726 หวังให้คนมาถามไถ่นี่มึงขี้เหงาแล้วว่ะ
อย่ามาพูดว่าไม่เหงาเลย คนอย่างมึงไปหาผัวหาเมียปั๊มลูกซะเถอะ ไม่เหมาะกับการเป็นโสดแม้แต่น้อย
กูอยู่คนเดียว มีเบอร์รถโรงบาลไว้เผื่อฉุกเฉิน มีเงินสำรอง
แต่ถ้ามันจะสุดวิสัยจริงๆ ก็แค่ตาย กูก็ไม่ได้ซีเรียส คนเรามันก็มีเจ็บมีตายอยู่แล้ว
อ่านดูนี่มึงไม่คิดเตรียมการหอกอะไรสำหรับตัวเองเลย ถามหาแต่คนอื่น
ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรว่ะ เพียงแต่คนอย่างมึงอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก ไปหาผัวหาเมียซะเถอะ
แต่ความจริงกูว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะ ต่อให้หาเมียได้ ปั๊มลูกเป็นโหล ถึงเวลาเมียเสือกตายก่อนหรือหย่ากันไป ลูกหลานแม่งก็แต่งงานออกไปบ้าง ไปทำงานนอกบ้านบ้าง สุดท้ายก็อาจจะล้มหัวฟาดพื้นตายห่าอยู่คนเดียวในบ้านไม่มีใครรู้ใครเห็นอยู่ดีนั่นหล่ะ จะไปกะเกณฑ์อะไรนักหนากับชีวิต เจอคนอยากแต่งด้วยก็แต่งไป แต่อย่าไปคาดหวังอะไรนักหนาเลย สุดท้ายตนก็ต้องเป็นที่พึ่งของตนละวะ
โม่งใจร้ายว่ะ ทำกูเสียความมั่นใจในอนาคตเลย
กูไม่เหงาถ้าต้องอยู่คนเดียวจริงๆ นา............... แต่จิตใต้สำนึกกูอาจจะไม่คิดยังงั้นก็ได้มั้ง กูไม่รู้ฟ่ะ
แต่ที่รู้ๆ กูไม่อยากตายเป็นซากในบ้านตัวเองแบบไม่มีคนมาเจอ (ถึงตายแล้วจะไม่รู้เรื่องก็เหอะ)
แต่กระทู้มันจะเบี่ยงเบนไปแล้วรึเปล่าฟะ
เหงาไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีแฟนบอยให้เม้าเล่น
ผัวเก่าโทรมา พ่อมึงตาย กูเกลียดมึง ออกไปจากชีวิตกูแล้วจะโทรมาอีกทำหีอะไร
ฮือ ไอเหี้ย T_T ไม่โว้ย คนเราโง่ครั้งเดียวพอ
ที่แฟนเก่าจะโทรมานะ ตอบในฐานะผู้ชายที่เคยทำตัวแบบนี้นะ คือโดนหญิงคนใหม่ทิ้งเลยโทรหาคนเก่าเพราะคิดว่าเป็นของตาย หวังว่าคงได้แน่นอน แนะนำพี่อย่างเดียวนะ ใจแข็งเถอะว่ะ อย่าไปยอมให้แม่งง่ายๆ อย่างที่พี่บอกอ่ะโง่ครั้งเดียวพออย่างไปโง่ซ้ำโง่ซาก
หน่า ใจร่มๆ แฟนเก่าโทรมา ขอคืนดี เชื่อดีพอหายหงอยไปได้ ก็หากิ๊กใหม่อีก สันดานมันขุดยากนะเธอว์
ทำเป็นคุยๆไป ฐานะคนเคยรู้จักไป แต่ให้คบ คงผ่านฟะ
กูไม่มีผัว......555
กูอยากไปสตอร์คแฟนเก่า เอาให้แม่งหลอนจนขี้แตกเลยอีเหี้ย
>>746
มึงมีปัญญาแก้แค้นแฟนแค่นี้เหรอ
กูแก้แค้นแฟนด้วยการทำให้มันเสียดาย รู้สึกว่าคิดผิดที่เลิกกับกูไป
เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อิจฉาแฟนคนปัจจุบันของกู
แฟนเก่ากูก็พยายามทักมาแทบทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ก่อนเลิกกันไปแม่งพูดเองว่าอย่ามาคุยกันอีกเลย กูก็ตอบแบบส่ง ๆ ไป สะใจชิบหายเลยว่ะ
กูถามพวกมึงหน่อยดิ่ว่ะ ถ้ามีผู้หญิงที่ฐานะดีกว่ามึงมาชอบ พวกมึงจะรู้สึกยังไงวะ 1. ดีใจเป็นหนูตกถังข้าวสาร 2. น้อยเนื้อต่ำใจศักดิ์ศรีลูกผู้ชายถูกทำร้าย 3. ไว้ลายทรนง ไปก่อร้างสร้างตัวให้เท่าเทียมกันแล้วค่อยกลับมาจีบ
เฉยๆอ่ะ ดูนิสัยกับความชอบมากกว่าน่ะ
กูคงระแวงอ่ะ
แรกสุดต้องดูก่อนเลยว่ากูชอบเขาไหม ถ้ากูไม่ชอบเขาก็ไม่มีทั้ง 1 2 และ 3 น่ะแหละ
ถ้ากูชอบเขาแล้วเป็นแฟนกัน แฟนจนกูก็ไม่สน ทำไมแฟนรวยกูต้องสน
แต่ต้องดูนิสัยด้วย ถ้ารวยแล้วนิสัยเสียเป็นเด็กเอาแต่ใจก็ไม่ไหว
วันจันทร์หยุดโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เสาร์กูทำงาน สรัสสสส!!
เสาร์กูก็ทำงาน....
เสาร์กูก็ทำงาน....วันจันทร์ก็ด้วย
ขอให้โชคดี กูนอน3วัน
หยุดถึงวันศุกร์หน้า โทษที
หยุด3วันเช่นกันว่ะ ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เด๋วอยู่เป็นเพื่อนใ้หกับโม่งที่ทำงานล่ะกันนะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
จันทร์มันวันอะไรทำไมมีหยุดกันด้วย
ชดเชยวันจักรี
วันจันทร์ไปทำงาน ฟรัค
วันหยุดนี้กูทำงานเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ สามวันรวดเลยว่ะ...
อยากจะร้องไห้
ได้หยุด3วันแต่สงกรานต์ทำงานทั้ง5วัน ; ;
แถมต้องหาชุดไว้เปลี่ยนตอนเดินทางอีก orz
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นายAซึ่งเป็นชาวต่างชาติและนายB ได้ตกลงจะก่อตั้งบริษัทขึ้นมาบริษัทหนึ่ง ชื่อว่าบริษัทF ซึ่งเป็นเอเยนต์ขนส่งสินค้าข้ามชาติ
นายBนั้น เดิมทีก็เป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตมีพนักงานหลายร้อยคนในธุรกิจเดียวกัน จึงได้วางให้บริษัทFใช้บริการอำนวยความสะดวกทั้งหมดของบริษัทตัวเองและหักค่าใช้จ่ายเข้าบริษัทตัวเองไปเป็นรายเดือน
ส่วนนายAนั้น ถึงจะฉลาดหลักแหลม แต่ก็ไม่ค่อยมีระเบียบในการชำระหนี้สักเท่าไหร่ แถมยังสร้างปัญหาอยู่เนืองๆ เช่นหาเรื่องทะเลาะกับศุลกากรที่เก็บภาษีของที่ตัวเองนำเข้าแพงเกินไป จึงดำเนินการฟ้องศุลกากรในstationที่ตัวเองเอาของไปลง เพื่อให้ศุลกากรชดใช้ค่าเสียหายที่เก็บเงินเกิน ทำทุกวิถีทางกระทั่งปลอมหลักฐานจากประเทศต้นทางไปอ้างในศาลประเทศตัวเอง หมดค่าทนายค่าดำเนินการไปมากมาย ก็ไม่ชนะสักที แถมโดนเพ่งเล็งจนต้องเปลี่ยนชื่อบริษัทปลายทางหนีไปสองสามรอบ
บริษัทขนส่งนั้น นอกจากจะมีเงินแล้ว ยังจำเป็นต้องมีคอนเนคชั่นและเครดิตที่น่าเชื่อถือเพื่อใช้ในการต่อรองทำสัญญากับsupplierผู้ผลิตและจัดหาสินค้า
บริษัทF ก่อตั้งมาหลายปี สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ทั้งนายAและนายB
เวลาผ่านไปนานเข้า ความไร้วินัยของนายA ก็เริ่มแสดงให้เห็นชัด ยอดหนี้ที่เคยชำระคืนsupplierเป็นเที่ยวต่อเที่ยวก็เริ่มกลายเป็น สามเที่ยว สี่เที่ยว ห้าเที่ยว จนนายBเริ่มทนไม่ไหว ต้องออกมาตรการใหม่มาเพื่อบังคับให้นายAจ่ายเงินให้ตรงเวลา
ด้วยการกำหนดเพดานหนี้ และให้นายAโอนเงินเที่ยวต่อเที่ยวก่อนจะส่งของ
นายAเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย ว่าทำธุรกิจด้วยกันมาหลายปีแท้ๆ ทำไมถึงไม่ไว้ใจกันแบบนี้ แต่ก็ยอมรับฟังและทำตามแต่โดยดี
และในระหว่างนั้น นายB ก็ตั้งบริษัทแห่งใหม่ขึ้นมาอีกแห่ง โดยมีกรรมการบริษัทเป็นคนชาติเดียวกับนายA ดำเนินธุรกิจแบบเดียวกันกับบริษัทF แถมยังใช้บริการจากบริษัทของนายBเหมือนกันอีก ที่ต่างกันก็มีแค่รายชื่อของsupplier
นายA ไม่เคยคิดจะใช้หนี้ก้อนโตที่ค้างsupplierไว้ที่บริษัทFอยู่แล้ว ที่รับคำนายBไปก็เหมือนต่อเวลาให้ตัวเองเดินธุรกิจไปได้แบบไม่ขาดตอน ก็เท่านั้นเอง ดังนั้น พอนายAเห็นบริษัทใหม่ของนายB ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
นายA เริ่มออกไปหาสินค้ามาส่งเองโดยไม่ผ่านsupplierเพื่อจะได้ไม่ต้องหักservice charge เข้าบริษัทFที่ตัวเองถือหุ้นอยู่ จนฝ่ายบัญชีของบริษัทFยื่นคำขาดว่า ถ้าทำแบบนี้จะไม่ยอมให้ส่งของออก
แล้ววันนั้นเอง นายA ก็ขนของไปส่งโดยใช้บริการจากบริษัทใหม่ของนายB ปล่อยให้บริษัทFและเหล่าsupplierที่ร่วมธุรกิจกันมาทำหน้างง
นายBเอง ไม่ค่อยมีเวลาให้ธุรกิจของตัวเองสักเท่าไหร่นัก พอทราบเรื่องก็เชิญผู้เกี่ยวข้องและsupplierที่ดีลงานกับบริษัทFมาร่วมรับประทานอาหารเย็น เพื่อแจ้งว่านายAนั้น ได้ย้ายไปส่งให้บริษัทอื่นที่ไม่ใช่บริษัทF และปฏิเสธที่จะจ่ายหนี้ทั้งหมดแล้ว
นายK หนึ่งในsupplierคู่ค้าของบริษัทF ถามนายBไปคำหนึ่ง ว่านายA ย้ายไปส่งที่ไหน
และนายBก็ตอบว่า "บริษัทลูกกูเอง"
นายK ก็ไม่พอใจ เพราะนายAยังไม่ได้สะสางหนี้เก่าที่ค้างไว้ แถมยังย้ายไปส่งกับบริษัทใหม่ ภายใต้เอเยนต์ใหม่คนเดิมอย่างนายBที่ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา จึงตัดสินใจว่าจะไม่ส่งสินค้าให้นายAอีก
ส่วนนายA ก็ได้แต่พูดเรียบๆว่า บริษัทที่ติดหนี้พวกยู มันเจ๊งไปตั้งนานแล้วไม่ใช่รึ (เป็นผลจากการเปลี่ยนชื่อบริษัทปลายทางที่อ้างว่าทำเพื่อลดแรงเสียดทานจากศุลกากร)
เรื่องมีเท่านี้ กูมาระบายเฉยๆ ใครจะเอาไปเขียนนิยายต่อก็เชิญตามสบาย
วันนี้ไปเชงเม้งมา ใครเจอคำถามยอดฮิต "เมื่อไหร่จะแต่ง" "เมื่อไหร่จะมีข่าวดี" มั่ง
แสดงตัวหน่อยเร้ววว
กูได้รับซองงานแต่งมาอีกแล้ว....
ปีที่แล้วเพื่อนกูแต่งไป 5 ปีนี้กำลังจะอีก 4 ;;
อย่าตกเป็นจำเลยของสังคม
บ้านกูมีหลายแม่ ลูกหลายคน ตอนนี้กูเฟลมาก
แม่กูโทรมาพูดว่าอีอีกแม่นึงมันได้เงินเดือนมากกว่ากู
เค้าไม่ได้พูดตรงๆ แต่โดยรวมที่เค้าทำ มันบอกว่ากูมันสู้เค้าไม่ได้
เงินเดือนน้อยกว่าเค้า ไม่มีปัญญาทำได้เท่าเค้า
แม่งเอ๊ย กูวางหูเสร็จ กูนั่งร้องไห้เลยเหี้ยเอ๊ย เจ็บชิบหาย
กูรู้กูเหี้ยกูมันแย่ กูไม่รู้จะทำไงแล้วว่ะ
ทางนั้นแม่งก็ดีกว่ากูทุกอย่างเลยแม่งเอ๊ย
ถ้าชนะเค้าแล้วจะได้ไอเท็มหรือสกิลอะไรใหม่ป่าววะ
แม่มึงก็แค่อยากไปแข่งกับบ้านอื่น แต่ไม่ได้สนใจว่าอะไรคือความสุขจริงๆ
มันเฮงซวยทั้งหมดแหละ ทั้งพ่อหลายเมีย แม่เอาแต่แข่งไม่สนใจความรู้สึกมึง
และตัวมึงด้วยที่เอาความสุขของตัวเองไปวางไว้กับเรื่องแบบนั้น
มึงทำงานแล้วใช่ป่ะ แล้วท่าทางไม่ได้อยู่กับแม่มึงแล้วใช่มะ
น่าจะใช้ชีวิตตามใจอยากมึงได้ละไม่ต้องแคร์ห่าอะไรทั้งสิ้น ดีชั่วตัดสินใจเอง
เกิดอีกบ้านมึงแม่งมีลูกชื่อ mark zuckerberg มีทางเดียวที่จะชนะก็คือดักอัดตูดแม่งแล้วว่ะ
เงินเดือนมากกว่าอีกแม่นึงมึงจะได้โทรฟี่ทิง ตรึ๊ง! "Mama Beater"
โม่งในนี้ชอบอ่านหนังสือที่ไหนบ้าง อยากได้สถานที่เงียบๆสบายๆนอกบ้าน
ช่วงนี้เบื่อๆที่บ้าน วันหยุดแม่งน่าเบื่อสัสๆเลยวะ
หน้าทีวีคือสวรรค์ของกู
ในนี้มีโม่งชายที่เป็นพ่อบ้าน อยู่บ้านเลี้ยงลูกทำงานบ้านเยอะป่ะวะ กุอยู่บ้านเลี้ยงลูกเพราะเมียไม่อยากจ้างคนเลี้ยงว่ะห่วงลูก กุเลยลาออกมาเพราะเมียกุเงินเดือนเยอะกว่ากูมาก
แต่ตอนนี้กุกำลังเฟลมากว่ะ พึ่งไปงานรวมญาติเมียมารู้สึกว่าตัวเองตกเป็นจำเลยสังคมฉิบหาย
เจอรุมถามว่าจะไม่ไปหางานทำเหรอ สงสารเมียกูจะเหนื่อยบ้างล่ะ สัดดดด
แม่งไม่คิดว่ากูเสียสละบ้างเหรอวะ กูก็อยากไปทำงานเหมือนกันนะโว้ยยยย อีพวกห่านี่ กุละไม่อยากนับญาติกะพวกแม่งเลยว่ะ
ทำไมต้องไปด้วยว่ะงานรวมญาติกูนี่เกลียดตั้งแต่เด็กยันโตเลยว่ะ น่าเบื่อชิบหาย
ลูกๆลุงป้าน้าอากูน่าเย็ดอ่ะ กูเลยชอบไป
กูก็เบื่อญาติๆ นะ เจอกันก็แค่ตอน ป่วย แต่งงาน งานบวช งานศพ เท่านั้นเอง
เออ ตอนพวกมันมีปัญหา มาขอความช่วยเหลือด้วย
ตายไปก็ใช่ว่ากูจะได้มรดกจากไอ้พวกนี้ซะเมื่อไหร่
ตั้งแต่ย้ายที่ทำงานมาอยู่จังหวัดอื่น สุขภาพจิตกูดีขึ้นเยอะเลย ไม่ต้องเจอดราม่าลุงป้าน้าอาแล้ว
ถ้ามันไม่เสือกโทรมาฟ้องหดาพวกไร้สาระน่ะนะ
>>786
สถานะคล้ายกันทั้งเรื่องงานและเรื่องเมีย แต่กูไม่มีลูก ไม่ได้เลี้ยงเด็ก กูเลี้ยงคนแก่ฝ่ายเมีย
เรื่องไม่ทำงาน อาจจะเพราะก่อนหน้านี้กูสะสมภาพลักษณ์มาดีด้วย คือกูเคยโดนจองตัวตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ
ตอนนี้กูบอกคนอื่นว่าทำฟรีแลนซ์ (ซึ่งก็ทำบ้างนิดหน่อยเดือนละห้าหกพัน) เขาก็ไม่สงสัยอะไร
ส่วนเรื่องญาติต้องดูเป็นคนๆไปว่ะ คนไหนนิสัยดีไม่ดี
ใครดีเราก็มีน้ำใจให้จริงๆ ใครไม่ดีเราก็ยังนับญาติด้วย แต่ดีแบบใส่หน้ากากตามนั้นหละ แล้วขี้ปากพวกนี้จะยังไงก็ช่างมันดิ ไม่สำคัญไรอยู่แล้ว
พรุ้งนี้ทำงานแล้วว่ะพวกนาย วันหยุดมันผ่านไปเร็วจริงๆ
3วันแม่งไวชิบหายเลยสัด
เดี๋ยวหยุดยาวก็กำลังจะมาแล้วนะ
สงกรานต์แม่งน่าเบื่อตรงแถวบ้านร้านอาหารปิดหมดเหลือแต่เซเว่นนี่แหละ เฮ้ออออ ไม่งั้นก็ต้องแดกแต่mc kfc pizza ไรพวกนี้
กลับต่างจังหวัดว่ะ รถติดแหงๆ
กูรอสั่งพิซซ่าละสงกรานต์นี้ อยากเห็นพนักงานเปียก แฮ่กๆ
สงกรานต์กูเบื่อญาติๆ มาหวะ
คือปรกติเค้าไม่มาบ้านกูหรอก แต่มาบ้านญาติอีกคนซะมากกว่า แล้วทีนี้ก็โบ้ยมาให้พวกกูต้องช่วยรับแขก กูก็เกรงใจญาติที่มานะอย่างน้อยเค้าก็เดินทางมาเยี่ยม
สหายโม่ง ผมมีเรื่่ิองปรึกษาหน่อย คือลุงผมจะขายบ้านต่อให้พ่อผม3ล้าน แล้วพ่อผมแกจะบอกจะเอา แล้วมันติดตรงที่พ่อผมอีก5ปีเกษียณ แล้วเค้าคิดจะเอาเงินที่เกษียณแล้วได้อ่ะ ผมไม่รู้ว่าเรียกว่าบำเน็ตหรือบำนานนะ ไปโป๊ะบ้านที่จะซื้อใหม่ แล้วพอผมถามว่าจะไม่เก็บไว้ใช้ตอนแก่หรอ เค้าบอกให้ผมเลี้ยง คือให้เลี้ยงมันก็ไม่ใช้ปัญหาหรอก และเค้าไม่คิดว่าจะมีเหตุอะไรที่ต้องใช้เงินฉุกเฉินมั้งหรอว่ะ พอผมไปพูดผมก็โดนโกรธมาอีก คือมีบ้านอยู่แล้วนะที่อยู่ปัจจุบันนี้นะ ผมแม่งไม่เข้าใจความคิดพ่อผมเลยว่ะ อะไรที่ทำให้เค้าคิดแบบนี้ว่ะ ไม่กลัวว่าผมจะตายก่อนเค้ารึไง ผมแม่งอยากให้เค้าเก็บไว้ใช้ตอนแก่มากกว่ามาซื้อบ้านแบบนี้ว่ะ ถ้าเค้าผ่อนไม่ไหวภาระมันก็ต้องตกมาที่ผม คือผมจะไม่ได้อยากจะเห็นแก่ตัวนะแต่แบบนี้แม่งเหมือนต้องเตรียมใจมีหนี้เลยว่ะ
มันขึ้นกับว่าบ้านที่ซื้อมันอยู่ไหน ทำเลดีหรือเปล่า resale value ขนาดไหน
ถ้าประเด็นพวกนี้เคลียร์ได้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้เท่าไหร่ในความคิดกูนะ
แต่เบรคพ่อหน่อยก็ดีว่าอย่าโปะหมด
เหลือเงินไว้เลี้ยงตัวเองบ้าง บ้าน-ที่ดินมันไม่ใช่สินทรัพย์หมุนเวียนนะโยม
ถ้าทำเลไม่ดี ขายต่อไม่ได้ อยู่อาศัยลำบาก มันก็ภาระดีๆนี่เอง
ภาษีที่ดินมึงก็ต้องจ่ายทุกปี ดอกเบี้ยกู้แบงค์ก็ต้องจ่ายใช่ไหมล่ะ ?
แต่ถ้าทำเลดี ขายง่าย กะเก็งกำไร ก็ซื้อไปเลย
แต่กูดูๆแล้ว พ่อมึงคงคิดจะย้ายไปอยู่เอง ไม่ก็กะซื้อไว้เป็นมรดกให้
เหมือนบ้านกุเดี๊ยแม่ก็จะให้ซื้อไว้ คงอารมณ์เหมือนอยากมีอะไรไว้ให้ลูกหลานมั๊ง
สิ่งที่ต้องทำคือต้องคุยจริงจัง คุยก่อนเลยว่าจุดประสงค์ของการซื้อคืออะไร?
- ซื้อเพื่ออยู่อาศัย
- ซื้อเพื่อเก็งกำไร
- ซื้อเพื่อช่วยลุง
ซึ่งถ้าซื้อจะจัดการยังไงเอาเงินก้อนไปลง แล้วต้องผ่อนอีกเดือนละเท่าไร? ใครจะผ่อน? ผ่อนไหวแค่ไหน?
คือถ้าไม่แจกแจงเป็นประเด็น บางทีเค้าจะหลงประเด็นแล้วกลายเป็น Emo กัน ซึ่งถ้าแจกแจงออกมาแล้วผ่อนไม่ได้เยอะแล้วมันมีทิศทางเพื่อขายต่อเก็งกำไรได้ก็ไม่เลว
แต่ถ้าต้องผ่อนเยอะก็บอกไปว่าเราก็อยากได้ แต่ผ่อนไม่ไหวจะให้ทำยังไง
ต้องคุยด้วยตัวเลข ไม่ใช่คุยด้วยความรู้สึก
สหายโม่ง กูอยากจีบผู้หญิง กูขับรถไม่เป็น กูเจอกระทู้นี้เข้าไปแล้วห่อเหี่ยว ทำไงดีวะ
http://pantip.com/topic/31754681
กูตั้งกระทู้ได้ไหมว่าผู้หญิงที่ผมกำลังคบเอะอะอะไรก็ตั้งกระทู้ถามในพันทิป คิดอะไรไม่เป็น ต่อไปเค้าจะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตนเองบ้างไหม้
เพื่อนโม่ง กูมีปัญหาว่ะใครใช้ office 2013 บ้างวะ
พอดีกูจะแก้ค่าสถิติ Data ของชาร์ท ปกติกูแก้ใน 2007 ได้เลย แต่ใน 2013 กูแก้ไม่ได้ว่ะ กูต้องทำไงวะ
http://i.imgur.com/eRcGgKT.png
กูแก้ตันทางไม่ได้ว่ะ มันเหมือนโดนตัดขาดจากกัน แต่ไว้กูจะลองใหม่ยะเพื่อนโม่ง
>>807 กุว่าฐานะพวกแม่งคู่นั่นคงต่างจากกุมากแน่ๆเลยว่ะ กุเงินเดือนหมื่นต้นๆ ค่าผ่อนมิงไม่ต้องพูดถึงเลย ค่าน้ำมันอย่างเดียวคงไม่พอแดกแน่ๆ แล้วจากที่ทำงานและที่บ้านก็ลาดพร้าวกับท่าพระ ชิบหายเอยยยยยยยยย อยากมีรถไว้อวดสาวเหมือนกัน แต่สู้ภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวว่ะ กุคงตุ๊ดซินะ ซินะ ซินะ
สำหรับตู ตูชอบปั่นจักรยานมากกว่าฟะ ฟินกว่าเยอะ
ถามในนี้ได้ใช่ไหมวะ
กูปวดเยี่ยวบ่อย แต่เยี่ยวทีออกนิดเดียว
แล้วระหว่างอาบน้ำกูเยี่ยวไปประมาณ5-6ที กูเป็นโรคไรเปล่าวะ
เป็นฟะ ไปตรวจซะ มีสิทธิ์เป็นหลายโรค
โรคไต ก็ใช้่ ินิ่วก็ใช่ เกาท์ยังได้เลย
>>807 กูผู้หญิง ไม่ใช่อีจขกท.นะเว้ย แต่เข้าใจความรู้สึกมันนิดหน่อย
คือมันก็ต้องมีโมเมนต์ที่อยากเป็นตุ๊กตาหน้ารถ นั่งสบายๆ มีความรู้สึกว่ามีผู้ชายมาเทคแคร์มั่งป่ะ
ถ้ากูต้องบริการขับรถไปรับไปส่งบริการแฟนกูตลอดเวลา ต่อไปมันมิให้กูออกค่าโรงแรม ค่าข้าวให้ด้วยเลยเหรอวะ
ฮุๆ พวกเมิงหนิ่ สาวๆออฟฟิสกู เค้ามีผู้ชายมารับมาส่ง
ไปไหนมาไหน ชวนไปต่างประเทศออกเงินให้ แต่ผู้หญิงบอกว่าไม่ใช่แฟนก็เยอะแยะไป 555
>> โดนหลอกแดกว่ะ
คนเป็นแฟนกัน ผู้หญิงเรียกเพื่อน ผู้ชายเรียกเด็กกู
คนเป็นผัวเมียกัน ผู้หญิงเรียกแฟน ผู้ชายเรียกแม่จ๋า
กุว่าพวกเมิงก็ตัดสินเร็วไป
ถ้าเมิงพาไปต่างประเทศแล้วได้ซั่มก็ win win ป่าววะ ถ้าสาว Profile ดีคุณหนู บ้านมีตังค์ก็ต้องลงทุน
แต่ถ้าสาวที่พาไปแนวหาได้ตามผับ เมิงก็ขาดทุนโดนหลอกแดก
แต่ทั้งนี้คำว่าต่างประเทศถ้าแค่ฮ่องกง สิงคโปร์ก็ไม่เท่าไร แลกกับได้ซั่มยาวๆก็ไม่เลวป่ะ
ที่บอกคนอื่นว่าไม่ใช่แฟน แล้วได้การ์ดงานแต่งเนี่ย บ่อยออก
คงเพราะคำว่าแฟนสมัยนี้มีความหมายว่า "เย็ดกันแล้ว" ด้วย
เลยยังไม่กล้ารับเต็มๆ ถ้าไม่ชัวร์ ยังไงค่านิยมอย่างไทยมันยังมีอยู่
ทำงานวันสุดท้าย ก่อนจะได้ลันล้าหยุดยาวแล้วเว้ย
กูดีใจด้วย
เห้ย พี่โม่ง salary man ทั้งหลาย มีเรื่องถามว่ะครับคือตอนนี้ ชีวิต ม.ปลายกูแม่งจบลง มหาลัยก็หาที่เรียนได้ละ(มก.) คืออยากถามพี่โม่งผู้มากประสบการณ์ว่า การร่วมกิจกรรมกับพวกรุ่นพี่ หรือ ว้าก sotus นี่มันจำเป็นมากปะวะ แล้วกูต้องแกร่งขนาดไหนถึงจะไม่จำเป็นต้องพึ่ง ระบบเหี้ยนี่ กุไม่ได้เป็นคนไม่ชอบสังคมน่ะเว้ยแต่ ประมาณว่าถ้าแม่ง สั่ง ทำโน่น นี่ จนเสียการเรียน นี่กูไม่ยุ่งแม่งเลยจะเป็นไรปะ เรื่องรับน้องเหนื่อยๆนี่กูไม่กลัวว่า กูว่าร่างกายกูพร้อม แต่กูเป็นพวกไม่ชอบ การกดขี่ไง แต่ถ้าออกมาแบบ เพิ่มความสามัคคีโดนไม่เว่อ เสียเวลากุก็เห็นชอบ ถ้ากุเจอแบบแรกนี่กุคง บาย ว่ะ แต่กุจะลำบากไหมวะชีวิต ใน ม เนี่ย
อันนี้มันขึ้นอยู่กับคณะที่เรียน อย่างที่เจอมาเป็นคณะสายภาษาที่ผู้หญิงเยอะก็รับเบาหน่อย มีเรียกรวมมีเข้าซ้อมเชียร์บ้างแต่ไม่หนักเป็นโซตัส ส่วนถ้าเป็นคณะผู้ชายเยอะๆนี่ไม่รู้ ไม่เคยผ่าน
กับอีกเรื่องก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคล จะว่าโม้ก็ได้แต่กูถือว่าอยู่ในระดับค่อนข้างเทพของชั้นปีเลยไม่ต้องพึ่งการอ่านหนังสือทบทวนหรืออ่านหนังสือสอบอะไรนัก เลยเอาเวลาไปทำกิจกรรมได้โดยไม่เสียการเรียน
ถ้าเอาตามความเห็นส่วนตัว เข้าไปรู้จักกับรุ่นพี่ไว้ก็ดี ถ้าสนิทกันมันจะทำให้เวลาคิดกิจกรรมหรือแผนอะไรไปปรึกษากับพวกรุ่นพี่พวกนี้ จะได้แรงเสริมไปช่วยเสนออาจารย์อีกที
ของผม วิศวะ ว่ะพี่แต่คงไม่น่ามีปัญหาเพราะดูจาก มหาลัย + หน้าตารุ่นพี่ละไม่น่าเถื่อน
>>836 รุ่นพี่มีผลกับการใช้ชีวิตมึงมั้ยล่ะ ไม่มีก็ช่างหัวมัน ระบบ Sotus สมัยมหาลัยนี่กุไม่สนใจ ไปเรียนกลับ บ้าน นอน ไปเที่ยว ไม่มีประโยชน์ห่านอันใดกับชีวิต
กุผ่านระบบ Sotus มาตั้งกะสมัยเรียนรร.ประจำ ซึ่งมันจำเป็นต่อการใช้ชีวิต เพราะคนหมู่มากมาอยู่รวมกันกับตลอด 24 ชม. จึงต้องมีกฏมีระเบียบ มี Seniority มีสิทธิที่แลกมาด้วยหน้าที่ ซึ่งกุผ่านมันมาและคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี
แต่กับมหาลัย รุ่นพี่พวกนั้นไม่ดีมีประโยชน์มีคุณมีโทษอันใด เพราะงั้นช่างหัวแม่งอย่าได้ไปแคร์
sotus กุไม่ชอบแค่เข้าไปทำกับเพื่อนแค่นั้นแหละ คือเพื่อนกุเอากุก็เอา พอดีเพื่อนรร.กุเยอะด้วยในคณะตอนนั้น
อ้อ แต่ถ้าทุเรศมากกุก็บายนะ ของกุนี่รุ่นพี่เท่สัดๆ อ่ะเรื่องโง่ๆ ไม่เคยมี มันทำการบ้านมาดี
สงกรานต์กูได้หยุดสองวันเหมือนเดิม
กู9วัน
ปกตินอนกันวันละกี่ชั่วโมงวะ
ปกติ 7
ประมาณ 7-9 ไม่ค่อยแน่นอน
วันทำงาน 5-7 วันหยุด 10+
กูนอนวันละ 5-6 ชั่วโมงประจำ ไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุกอะไร น้อยไปมั้ยวะ
มันตื่นของมันเอง นอนตีสองก็ตื่นเจ็ดโมง นอนตีสามก็แปดโมง
ถ้านอนแค่นั้น เวลาตื่นไม่เหนื่อยไม่เพลียไรก็โอเค http://pantip.com/topic/31673049
อิจฉาคนนอนน้อยแล้วโอเคว่ะ ของผมนอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
เทอมินอลเอกมัยเปิดกี่โมงวะ
นอนเท่าไรก็ง่วงว่ะ
หยุดพรุ่งนี้ ทำต่อวันอังคาร
วันที่ต้องตื่นมาทำงานนอนเยอะแค่ไหนก็ไม่รู้สึกพอ
วันหยุดนอน 6 ชั่วโมงแต่ตื่นมาสมองแจ่มใสสัสๆ
ทำไงดีวะ ตั้งแต่ตกงานกูเป็นกึ่งนีทกึ่งฮิคคี้มาประมาณเกือบอาทิตย์ได้
อยู่บ้านกินน้ำกับมาม่าเปิดคอมดูนู่นนิดนี่หน่อยแล้วนอน วนแบบนี้มาสองสามวันแล้ว
กูมีความรู้สึกว่ากูอยากนอน นอนแบบนอนไปเลยทั้งชีวิต ไม่อยากลุกไปทำอะไร
เว้นจากตอนหิวหรือเข้าห้องน้ำ ซึ่งพอเสร็จแล้วก็หัวทิ่มเตียงต่อ คือวันๆกูไม่ทำเหี้ยไรเลยนอกจากนอน
ฟังดูน่าเบื่อแต่กูรู้สึกมีความสุขมาก อยากนอนแบบนี้ตลอดไปไม่อยากหาเงินแล้วไม่อยากทำงานแล้ว
อยากกินๆนอนๆแบบนี้ไปตลอด
คือกูรู้ว่ามันเหี้ย อายุกูก็ไม่เยอะควรมีความคิดที่ดีกว่านี้ แต่คือมันน่าเบื่ออะ มันเหนื่อยอะ ไม่อยากทำอะ
กูไม่ชอบทำเหี้ยไรเลยกูแค่อยากนอนอะ
กูทำไงดีวะ ให้ตัวกูเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ มีแรงบันดาลใจ ให้กูมีแรง มีกำลัง ไม่เหนื่อยไม่เบื่อ บวกความสุขด้วย
มันคงฟังดูแปลกๆ อันที่จริงมึงอาจจะคิดว่า ในเมื่อมึงคิดได้มึงก็เลิกนอนไปหาไรทำสิวะ กูขอบอกเลยกูไม่รู้จะทำเหี้ยไรที่สุขเท่านอนวะ
>>865 มึงเป็นแค่เกือบอาทิตย์ มันเป็นเรื่องปกติมากว่ะ เดี๋ยวมึงก็เบื่อเองเชื่อกู
ตอนกูออกจากงานใหม่ๆกูแม่งมีความสุขมาก เพราะกูมีเงินเก็บเยอะ
ไม่ต้องทำงาน ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องเหนื่อยใจกับเรื่องต่างๆ ในที่ทำงาน
กูนอน เล่นเกม อ่านการ์ตูน ดูเมะ มีความสุขชิบหาย กูคิดว่ากูพอใจตัวเองแค่นี้ กูไม่ต้องการอะไรแล้ว
แต่พอผ่านไปซัก 1-2 เดือนนี่แหละกูชักเดือดร้อนละ เงินมันลดลงทุกวัน
ถึงอีกหลายปีกว่ามันจะหมดก็เถอะ แต่พอไม่มีรายรับ จะจับจ่ายอะไรก็ต้องคิดหนักละ ผลาญทิ้งขว้างแบบเมื่อก่อนไม่ได้
ประกอบกับความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า รู้สึกผิด สมัยเราเป็นเด็กพ่อแม่เราแม่งไม่เคยนั่งๆ นอนๆ แบบนี้ ทำงานทุกวันเพื่อเลี้ยงเรา
สุดท้ายกูก็กระเสือกกระสนออกไปหางานทำและก็กลับมาทำงานตามปกติ
อาทิตย์เดียวของมึงคือช่วงพักผ่อน คือการโหยหาการนอนหลับเต็มอิ่ม การได้พักผ่อนยาวโดยไม่ต้องนับถอยหลังหมดวันหยุด
เดี๋ยวพอมึงพักจนพอมึงก็หาย หาทางดิ้นรนกลับไปทำงานเองแหละ ตอนนี้มึงพักให้เต็มที่ไปก่อนเถอะ
เพราะพอกลับมาทำงานแม่งก็จะไม่มีโอกาสแบบนั้นอีกแล้ว i_i
เอาไว้มึงเป็นหลายเดือนแล้วไม่หาย มึงยังพอใจกับชีวิตแบบนี้อยู่จริงๆ อันนั้นล่ะมึงต้องเดือดร้อนละ
แต่ถ้ามึงเป็นซักเดือนสองเดือนกูว่าปกติว่ะ คนเป็นกันเยอะ
ไม่ว่ะ กูว่ากูตอนนี้ไม่ปกติเอามากๆ เพราะนอกจากเปิดโน๊ตบุ๊คบนเตียงเข้ามาดูบอร์ด กูนอนแบบไม่ทำเหี้ยอะไรเลยจริงๆทั้งวัน
อย่างดีแค่ลุกเข้าส้วมไม่ก็หาไรแดก นอกนั้นคือนอนเลยว่ะ กูคิดว่าเออแค่สามวันแรกกูคงเบื่อแต่มันดันเกินกว่านั้นมาแล้ว
คือกูไม่รู้หรอกว่าตอนนี้มันผ่านมากี่วันแล้วกูเลยเดาว่าเออน่าจะเกือบอาทิตย์หนึ่ง แต่กูว่ามันนานเกินไปแล้วว่ะ
กูกลัวว่ามันถ้าปล่อยให้นานเกินไปกว่านี้เงินเก็บกูจะหมดก่อน เลยคิดว่ากูควรทำอะไรสักอย่างกับตัวเอง
ไม่รู้ว่าร่างกายกูมันผิดปกติด้วยรึเปล่า เพราะตอนกูนอนถ้าไม่มีอะไรน่าสนใจหรือจำเป็นจริงๆนี่กูแทบจะไม่อยากมีสติเลย
ยิ่งนอนแล้วยิ่งอยากนอนอยากนอนต่อไปเรื่อยๆ กูคงไม่ได้เป็นโรคใช่ไหมว่ะ
งั้นที่กูเคยเอื่อยเฉื่อยไม่ทำห่าเป็นเดือนไม่ยิ่งกว่าเรอะ แต่ตอนนี้กูก็กลับมาทำงานปกติแล้วนะ เกิน 2 ปีละ
ส่วนถ้าห่วงเรื่องเงินหมดยังไงมึงก็ต้องไปทำงานนั่นแหละ ไม่ต้องคิดเรื่องอยากไม่อยากหรอก ยังไงมันก็ต้องทำ
ทุกวันนี้กูก็ใช่ว่าจะอยากทำงาน แต่ทำเพราะรู้ว่าต้องทำก็แค่นั้น ถ้าถามความอยาก กูก็อยากนอนเหมือนมึงนั่นแหละ
เพียงแต่กูคิดว่าการจะพักมั่งแม่งก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ตราบใดที่ยังมีกิน ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น
พอพักถึงจุดที่หายอยาก หรือเงินหมด เดี๋ยวสัญชาติญาณมันก็บังคับให้มึงออกไปทำงานเอง
ยกเว้นพวกที่บ้านรวยคอยซัพพอร์ตนั่นแหละถึงจะอยู่เป็นนีทได้ คนธรรมดาอยากไม่อยาก เบื่อไม่เบื่อ ก็ต้องทำมาหาแดก
ขึ้นอยู่กับงานด้วยมั้งว่าน่าทำมั้ย คนเราถ้าได้ทำอะไรที่ชอบๆมันก็อยากทำไปเองอะ
นอนให้พอแล้วออกมาทำ ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นเว้ย
กลับถึงกรุงเทพแล้วววววววววววววววววววววววววววววว
งานรวมญาติแม่งก็สนุกดี แต่ทำไมต้องถามว่า"มีแฟนรึยัง"รำคาญจริงๆ= =a
หาคำถามอื่นก็ได้ เจอกี่คนๆก็ถามแบบเดิมๆ เบื่อตรงนี้แหละแม่ง
แล้วก็มีเมื่อไรจะหาแฟน เมื่อไรจะแต่งงานพ่วงตาม
ตอบว่าเลิกไปแล้วสิ ง่ายดี ไม่มีใครกล้าถามอะไรกูอีกเลย
ไอ้เรื่องเมื่อไหร่จะหาแฟนนี่กูโคตรเซ็งค่านิยมที่สอนสั่งกันมาชิบเป๋งเลยว่ะ
ตอนเรียนก็บอกให้ตั้งใจเรียน เรียนอย่างเดียวห้ามมีแฟน
ไอ้ตอนเรียนจบเริ่มทำงานแล้วก็หันร้อยแปดสิบองศา มาถามเมื่อไหร่จะแต่งเมีย
>>881 พูดเป็นเล่นไป ถถถถ กูเป็นแบบนั้นเลย สมัยเรียนพ่อแม่ห้ามมีแฟนเด็ดขาด กูก็เชื่อนะ ไม่ว้อนท์ด้วยแหละตอนนั้น สมัยเรียนมีอะไรให้ทำเยอะค่อนข้างติดเพื่อนติดเกม และคิดด้วยว่าเดี๋ยวเรียนจบมาทำงานก็หาได้เอง เอาไปเอามา เหยดด จบมากี่ปีแล้ววะยังหาไม่ได้เลย i_i จนตอนนี้เริ่มปลงละ เปลี่ยนมาวางแผนการเก็บเงินและเตรียมตัวตอนแก่สำหรับชีวิตโสดแทน
บ้านกูก็ไม่รวย กูไม่เห็นขี้แตก
แค่ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ต้องไปกินอาหารมื้อละสองสามร้อย ไม่ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องละสองหมื่น ฯลฯ มึงก็เหลือเงินเก็บมากมายแล้ว
ช่วงที่กูเก็บเงินเตรียมทำธุรกิจ กูใช้เงินแค่เดือนละแค่ไม่กี่พัน เหลือเก็บเดือนละตั้งหลายหมื่น
เอาสิ
บ้านกูไม่รวยไง แล้วนี่กูกำลังพูดถึงวิธีการใข้ชีวิต
กูใช้เงินเดือนนึงไม่เคยถึงหมื่น ยกเว้นเวลามีเหตุจำเป็นเช่น เข้าโรงพยาบาล
>>889 มึงบอกรายละเอียดของมึงมาด้วยสิวะ ที่อยู่ รายได้ รายจ่ายแบ่งตามประเภท และเงินที่เหลือเก็บ
ตอนนี้เอาคร่าว ๆ ก่อน
อย่างแรกมึงต้องแยกรายจ่ายที่จำเป็นกับไม่จำเป็นออกจากกันก่อน อะไรไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งไปเลย
คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้วว่าอะไรจำเป็น อะไรไม่จำเป็น แต่ไม่ยอมตัด
ถ้ามึงอยากได้มือถือเครื่องละสองหมื่น รถคันละสี่แสน ให้มึงคิดว่า เงินจำนวนนั้น ถ้าเอาไปลงทุนถูกวิธี ปีเดียวมึงก็ได้คืนกลับมาแล้ว
และอีกอย่างคือมึงควรจะทำบัญชีด้วย แล้วมึงจะรู้ว่ารายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ครั้งละยี่สิบสี่สิบบาทหลาย ๆ รายการทั้งเดือน รวมกันแล้วมันเยอะขนาดไหน
แต่ก่อนตูบ้าชาเขียวมาก แดกทุกวัน จนตอนนี้แม่งคุมน้ำหนักเลย อดแดกเงินเหลือบานเลยเมิง
>>890 คือตอนนี้กูเป็นนักศึกษาอยู่ไม่มีงานพิเศษ ได้อาทิตย์ละพันห้า พยายามเก็บอาทิตย์ละ 500 แต่บางอาทิตย์ก็เก็บไม่ได้ ใจจริงนะกูอยากเก็บอาทิตย์ละพันเลยแล้วใช้แค่500 แต่ทำไงก็ใช้ไม่พออ่ะ ค่าข้าวแถวหอกู 40 บาทขึ้นไป ยังไม่รวมพวกค่าของจิปาถะอย่างอื่นนะ กูกำลังหาวิธีให้ตัวเองสามารถจัดสรรเงินให้อยู่ได้ทั้งอาทิตย์ด้วยเงิน 500 อ่ะ มันพอจะมีความเป็นไปได้มะ
มื้อละ 40 วันละสามมื้อก็ 120 ห้าวันก็ 600 แล้ว
มึงมีทางเลือกคือกินวันละสองมื้อกับทำอาหารกินเอง
ไอ้การทำอาหารกินเองมันมีปัจจัยอีกหลายอย่างเช่น แหล่งขายวัตถุดิบใกล้ที่พักมึงขายแพงแค่ไหน ใช้เตาแก๊สได้ไหม ถ้าต้อง
ใช้เตาไฟฟ้า ค่าไฟฟ้าหอมึงยูนิตละเท่าไหร่ ฯลฯ บางครั้งทำเองอาจจะแพงกว่าซื้อก็ได้
แล้วค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างอื่นของมึง ที่เป็นรายจ่ายประจำ ต้องจ่ายทุกสัปดาห์มีอะไรบ้าง
จะมีพวกค่ากระดาษร้อยปอนด์ที่มันแผ่นละสี่สิบกว่าบาท ค่ารถวันละ20 ค่าน้ำดื่มวันละ 14บาท แล้วก็พวกจิปาถะที่ต้องจ่ายเป็นรายเดือนก็พวก ยาสีฟัน น้ำยาขัดห้องน้ำ จริงๆมันมีมีเยอะนะแต่กูจำไม่ได้แล้วมันไม่ได้จ่ายบ่อยขนาดนั้น แล้วก็จะมีพวกฉุกเฉินอ่ะ เงินเก็บรวมของคณะที่ทุกคนต่องจ่ายอาทิตย์ละ 40 หรือบางทีจะมีจัดงานเลี้ยงส่งคนนั้น คนนี้ งานวันเกิดเพื่อนก็รวมเงินกันคนละ100-200 ค่าเครื่องแบบนักศึกษา(คืออาจานกูชอบให้ใส่เสื้อผ้าสวยๆเลอะนิดเลอะหน่อยก็ให้ซื้อใหม่ละ เซ็งแต่อันนี้นานๆทีจะซื้อ)
>>894 ไปหาตู้กรองน้ำ ลิตรละบาทอ่ะ กดใส่ขวดแช่ตู้เย็นไว้แล้วพกไปกิน จะได้ไม่ต้องซื้อ
ค่ารถวันละ20นี่มอไซหรือไรวะ ถ้ามอไซลองให้ที่บ้านส่งจักรยานมาให้ดิ ถ้ารถเมล์ไปไกลๆก็อีกเรื่อง
ค่าเลี้ยง บางทีมึงก็อ้างไม่ไปไม่ว่าง แล้วก็จ่ายเพื่อนแค่ครึ่งนึงของที่เพื่อนมึงจ่ายไป ไม่ก็บอกเลยว่าไม่มีตังจริงๆ
ค่าเสื้อ มึงเก็บเสื้อสะอาดๆตัวนึงไว้เรียนกับอาจารย์คนนั้นเลย จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อยๆ
ข้าวแพงลองหาของกินเซเว่น 29 30 35ก็พอมี ปต่น้อยหน่อย ไม่ก็แดกมาม่าไม่ก็โจ๊กซองบ้าง อาทิตย์ละ3-4มื้อ
ปล พรุ่งนี้กูทำงานแล้วว่ะเหี้ยเอ๊ย หยุด4วันเอง
เซ็งคนจากภาคนั้นว่ะ เทศกาลทีก็ตั้งวงเปิดเพลงเสียงดัง กูจะหยุดอยู่บ้านสบายๆเงียบๆก็ไม่ได้ พวกเหี้ย
กูยังไม่อยากทำงานเลยพรุ่งนี้ แค่คิดก็เซ็งๆๆ
อยากข้ามเวลาไปวันเสาร์เลย
รถไฟหยุดหลายขบวน กูไปสายอีกสัดดดดดดดดดดดดดดด
ถนนโล่งเหี้ยๆ
กูเห็นถนนโล่งแล้วรู้สึกดีจัง อาห์
คนนั่งหลังกูแม่งถอดรองเท้า เหม็นเหี้ยเลยสัด
ดีนะกูกลับเมื่อวาน
ทำงานชิวๆ หัวหน้าไม่มา เยสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
กระทู้จะตันแล้ว
ใจเย็น อีกตั้งเกือบร้อยเม้น
ปกติมู้นี้ก็ไม่ได้วิ่งไวมากอยู่แล้ว
อะไรที่มึงคิดว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตการทำงานของพวกมึงวะ
อินโนเซ้นหวังดีอยากให้งานออกมาดีแล้วกลายเป็นต้องเสียเวลา+เปลืองตัวไปเถียงกับเพื่อนร่วมงานเหี้ยๆคนนึง ที่ตรรกะและความคิดแม่งโคตรพิลึกผิดตรรกะมนุษย์ แต่เสือกนึกว่าตัวเองเก่งเทพจนคนอื่นไม่เข้าใจมัน ขนาดหัวหน้ายังเอือมแต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
คือการตัดสินใจมาทำงานแทนที่จะเป็นนีทอยู่บ้าน
เลือกที่จะแสดงความสามารถให้เห็นจนต้องเหนื่อยกว่าชาวบ้าน ในขณะคนที่สั่ง และคนที่ขอให้ช่วยนั่งเลียนายสบายใจ
อยากได้เดสตินี่แพลน กูจะได้ไม่ต้องหางานที่กูไม่ชอบทำ
ถ้ากุมีเงินเก็บเดือนละ 2-3 หมื่นนี่ กุจะหาแฟนได้สวยแค่ไหนวะ
>>916 ถ้ามึงจะใช้วิธี จีบผู้หญิงด้วยเงิน กูแนะนำให้มึงใช้เงินเดือนละสองสามหมื่นแทน
ผู้หญิงเค้าไม่ค่อยมาละลาบละล้วงหรอกว่ามึงมีเงินเก็บแค่ไหน เค้าดูฐานะจากเงินที่มึงใช้
กูกับเพื่อนร่วมงานเงินเดือนเท่ากัน เพื่อนร่วมงานเอาเงินส่วนใหญ่ไปใช้จ่ายอย่างเมามัน ส่วนกูเอาเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนหลาย ๆ อย่าง
เวลาได้ไปพบเจอไปรู้จักคนใหม่ ๆ คนเค้าก็มองว่าเพื่อนกูรวยกว่ากูเยอะกันเป็นส่วนมากนะ
จีบผู้หญิงประเภทที่จะมาใช้เงินแทนมึงดิ แบบพวกชอบพาเที่ยวพาแดก
มีเงินแต่ใช้ชีวิตจนๆนี่เกิดมาคุ้มเหรอวะ เอาเปรียบโลกนี้บ้างก็ได้เว้ย
เอาเงินไปลงทุนแล้วแบ่งมาตีกระหรี่ไม่คุ้มกว่าหรอวะ
ช่วงนี้กูแม่งรู้สึกเหงาว่ะ มีมั้ยวะแฟนที่แบบ
ปล่อยให้กูมีโลกส่วนตัวของกู ไม่มาตัวติดกันมาก
กูรับรองเลยว่ากูจะไม่ไปมีใครแน่นอน แต่เว้นที่ให้กูมีโลกส่วนตัวบ้างไรงี้
มานั่งกินข้าวสองคน ต่างคนต่างกดมือถือ ?
เผลอแป๊บๆ ก็วันศุกร์ที่สามอีกแล้วสินะ..
เตรียมมู้ศุกร์ที่4รอเลย
9-16 ม.ไฮโซใกล้ห้างดัง แต่ส่วนใหญ่ถ้ากุเรียนแล้วเบื่อกุก็เดินออกเลยว่ะ ถ้าสอนเกินเวลากุก็เดินออกตอน 16
นี่จะจบละยังไม่รู่สึกว่าได้อะไรเท่าไหร่เลย 555
สมัยนี้คนเรียนป.โทกันเยอะจังว่ะ ขยันจัง กูกว่าจะจบตรีได้แทบตายห่าไม่อยากเรียนอะไรอีกแล้วว่ะ ชอบทำงานมากกว่า สนุกกว่า มันเหมือนเรียนไปด้วยแต่ได้ตังค์ไปด้วย เอาจริงๆกูว่ากูมาเรียนรู้อะไรจริงๆตอนทำงานนี่แหละ สี่ปีในมหาลัยนี่เหมือนเป็นแค่โรงเรียนเตรียมอนุบาลปูพื้นฐานไปเลย แต่ป.โทนี่มันเป็นไงวะอยากรู้ เรียนแล้วมีประโยชน์มากมั้ย
กุเรียนปี 5 แล้วยังไม่จบเลย อยากจบละเนี่ย
หรือจะเรียนต่อก็ยังไม่รู้ชีวิตตัวเองเลย เหนื่อยก็เหนื่อย ตังก็ไม่มีใช้
บางคนเรียนเอาไว้อัพเลเวลในที่ทำงาน บางคนเรียนเพื่อหาคอนเน็คชั่น ส่วนใหญ่พวกนี้จะเรียนสายสังคมโปรเจ็คไม่ค่อยหนักมาก แต่ก็มีพวกเนิร์ดหลายคนต่อสายวิทย์เพราะอยากหาความรู้ก็มีแต่โปรเจ็คแม่งยากสัดๆ(แล้วแต่ดวงด้วย)บางทีก็เอาผลงานไปต่อเอกเลย
แต่ส่วนใหญ่ๆเลยเรียนเพราะขี้เกียจทำงาน แต่หารู้ไม่ว่า ป.โทบางคณะแม่งนรกกว่าทำงานอีก ก๊ากกกกก
กุว่าส่วนใหญ่ที่ต่อ ป โท เพราะขี้เกียจหางาน ขี้เกียจไปแข่งกับคนเยอะๆ
เลยพยายามอัพเกรดตัวเองให้เป็นที่ต้องการของคนอื่นมากกว่าว่ะ จะได้ไม่ต้องไปแข่งกับใคร แต่มีคนมาง้อ มาแย่งตัวกันแทน
เรียนโทเพราะว่า
1. อยากรู้ลึก เลือกสาขาเฉพาะทางสุดๆ (มันไม่ได้มีประโยชน์ในวงกว้าง แต่ก็เกี่ยวกับสายงานแล้วก็ความชอบส่วนตัวมากพอสมควร)
2. อยากให้พ่อดีใจ ตอนป.ตรีสอบเข้าม.เดียวกับพ่อไม่ได้ ป.โทสอบติดแล้ว
3. ใกล้จะ 30 แล้ว อัพเลเวลรอหางานใหม่จะได้สตาร์ทสูงๆไปเลย
เรียนสบายกว่าเหรอวะ เทียบกันแล้วกูชอบตอนทำงานมากกว่าเยอะ หาเงินได้เองจับจ่ายใช้สอยสะดวกใจจะตายไป
หรืออาจเป็นเพราะงานที่กูทำอยู่มันความลับบริษัทเอาออกไม่ได้ด้วยมั้ง
เพราะงั้นกูเลยไม่เคยต้องเอางานไปทำที่บ้าน มันห้ามเอาออกเด็ดขาด
ถ้ากูอยู่ทำงานต่อกูก็ได้โอที ถ้ากูกลับบ้านก็คือว่าง ไม่มีการเอางานไปทำที่บ้าน
กูเลยรู้สึกว่าชีวิตกูสบายกว่าสมัยเรียนที่แม่งมีการบ้านมีรายงานมีธีสิสเยอะ
คำต้องห้ามเวลาคุยกับพวกเรียนป.โทคือ "วิทยานิพนท์ถึงไหนแล้ว?"
>>934 ต่อจากอันนี้นะ คือที่เรียนเพราะที่บ้านอยากให้เรียนเห็นว่างๆไม่ได้ทำอะไรให้บ้านเท่าไหร่ ทั้งๆที่มีงานแล้วแท้ๆหยุดเสาร์-อาทิตย์ ยังโดนให้เรียน ก็ตามใจผู้สนับสนุนทุนกันไป แล้วคือสงสัยนะ มันยังไงอ่ะที่หาคอนเน็คชั่น เผื่อจะได้มีไรช่วยๆกันหรอประมาณนี้ม่ะ คือเรียนโทสายวิทย์อ่ะไม่ได้สายบริหาร เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
น้องๆ ตูโทหมด มีแต่ตูไม่รู้จะโทไปทำไม แบบว่าอยากทำงานมากกว่าฟะ
โดนขยั้นขยอให้ต่อเอก ไม่มีหัวข้อ ใครจะไปต่อเนี่ย ...
ก็ไปต่อสิวะ บ้านมีปัญญาส่งมึงเรียนเอกนี่มีบุญแค่ไหนแล้วห่า
สำหรับกู กูว่าถ้าบ้านมึงไม่ได้มีธุรกิจไร
ไปทำงานได้อ่ะไรเยอะกว่าเรียนต่อว่ะ
ถ้าเงินเดือน 40k up อะ ถึงไม่ต้องต่อ แต่ถ้าแค่ขั้นต่ำโท 20000 กว่านี่คือระดับแค่พอแดกนะ อัพเกรดตัวเองดีกว่า
40k นี่เยอะแล้วเหรอวะ คือ เมื่อก่อนกุก็ว่าเยอะนะ แต่ตอนนี้กุก็ได้ 40k แล้ว แค่ผ่อนคอนโดเดือนละ 10k ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยมีเงินเก็บแล้วว่ะ นี่ขนาดโสดนะเนี่ย
ไม่มีหนี้ไม่มีอะไรต้องผ่อน ถ้าได้ 40k กูนี่เก็บได้ 30k ต่อเดือนเลยมั้ง
ทำงานมาห้าปีแล้วยังได้ไม่ถึง 20kเลยว่ะ
โดนบิลกันเดือนเท่าไหร่มั่งวะ บิลกู
ค่าไฟ 2,000
ค่าน้ำ 300
ค่าเน็ตบ้าน 700
ค่าโทรมือถือ 1,200
ทรู 1,500
CTH 900
ไม่รวมค่าน้ำมัน ค่า่กิน ก็ ตกขั้นต่ำ 6,600 ไม่มีหนี้ ส่วนรายได้ฟรีแลนซ์
เน็ต 1200
โทรศัพท์ 1200
ไฟ 3000
น้ำ 200
ค่าสมาชิกเวปนิโกะ 200
ค่าสมาชิกเวปโอสติ้ง 700
ฟรีแลนซ์ too
ค่าไฟ 2500
ค่าน้ำมันรถ 3500
ผ่อนรถ 11500
ค่าน้ำ 300
เน็ตบ้าน 650
ค่ามือถือ 500
ค่ากิน ประเมินไม่ได้
นอกนั้นก็อื่นๆ จิปาถะ
ค่าเนต 300
ค่าซักผ้า 500
ยังเรียนไม่จบเลยกุ
ค่าคอนโด 20,000
ค่าเน็ต 2 เส้น 7,000
ค่าบริการในเน็ตต่างๆ ที่ใช้อยู่ 3,000
ค่าไฟ 2,000
ค่าน้ำ 300
ค่าโทรศัพท์ 200
ไอ้สัส บ้านกูค่าไฟ8,000 ;___;
อากาศร้อนเปิดแอร์แม่งทั้งวันทั้งคืนสาสสส
ไม่ได้ใช้แอร์ประหยัดไฟเหรอวะ ของกูสองเครื่องยังแค่ 4000
เน็ต 1400
มือถือ 900+200
น้ำ ไฟ ฟรี
ประกัน 3300+3500
ผ่อนรถ 7300
คอนโด 11000 ล่ะมั้ง
แต่ที่เหลือก็ยังจ่ายเยอะอยู่ดี
พยายามไม่เปิดแอร์ เพื่อกดดันตัวเองที่ยังไม่มีงาน
ยังอยู่กับบ้านเดิม บิลน้ำไฟเน็ทเหมาจ่ายเข้าบ้านเดือนละหกพัน
ผ่อนรถหมดแล้ว อีกสองสามปีจะเริ่มผ่อนบ้าน
ประกันกูทำรายปี เป็นประกันสุขภาพ ปีละ 16k
ตั้งแต่ทำมากูไม่เคยป่วยเลย บริษัทประกันมันเล่นของแน่ๆ
ไอ้ที่หนังๆ อีกก็ประกันรถยนต์ ปีละ 60k
ดังนั้นถึงบิลจะไม่เยอะ (ประมาณเดือนละหมื่น) แต่ก็ต้องคำนวนเงินเหลือให้ดี
โถๆ วันอาทิตย์กู แค่อาบน้ำซื้อกับข้าวล้างรถก็หมดไปละครึ่งวัน
เหมือนกูเลยยยย นี่ยังเหลือต้องซักผ้าเช็ดเท้ากัยผ้าขี้ริ้วอี๊กก
กูซักผ้าทิ้งไว้แล้วหลับ ตื่นมาอีกทีผ้าแห้งกรอบอยู่ในเครื่อง สาสสสสสส
มันคงมีพวกที่หยุดยาวเกือบสิบวันแล้วบ่นว่าทำงานวันแรกอีกและ อยู่ด้วยสินะ
ไม่บ่นเรื่องทำงานวันแรกหลังหยุดยาวหรอก
แต่อยากบ่นพวกหยุดแถม21ที่ทำให้กูต้องมานั่งฟังหัวหน้าบ่นมากกว่า
(โต๊ะกูติดหัวหน้า)
http://pantip.com/topic/31946241/comment17
อ่านแล้วกุคงแดกน้ำบ๊วยไม่ลงไปอีกนาน
บางครั้งก็อยากพิมพ์เมลล์ภาษาหยาบๆด่ายูสเซอร์ขี้มั่วชิบหายเลยวะ พวกทำงานใช้แต่ปากชี้นิ้วสั่งนึ้มัน.....
ขณะนี้กูอยากพิมพ์เมล์หยาบๆ ด่าลูกค้าเหมือนกัน เหี้ยเอ๊ย สุดจะทน
กูอยากพิมพ์เมลหยาบๆ ด่าฝ่ายบัญชี ได้ทีขี่แพะไล่จริงๆ พวกเหี้ยนี่ เวลาตามงานก็หายหัว ทีงานมันละโยนพวกกูจัง แล้วมาด่วนๆ ดีออก
เหี้ยยยยย ประเด็นมึงตรงใจกูมาก กูกำลังอยู่ในฟีลนั้นเลย
กูเคยทำด้วยนะ พิมพ์ด่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คนที่กูดีลงานด้วยในเมล์แม่งให้หยาบคายสุดๆ ระบายทุกการกระทำของมันที่กูเกลียด
..............................................แล้วกูก็ลบว่ะ ;_; ไม่สามารถส่งไปจริงๆ ได้ เพราะยังไม่อยากตกงาน
แต่มึงอย่าทำให้มันเรียลมากโดยการใส่อีเมล์แอดเดรสในช่องก่อนพิมพ์เนื้อหาเมล์ล่ะ
เกิดเผลอกดส่งไม่รู้ตัวจะซวยไป คงไม่มีใครโง่ทำแบบนั้นหรอกใช่มั้ย...กูไม่เคยพิมพ์แอดเดรสตอน simulation เมล์ด่าหรอกนะ
แต่สมัยก่อนกูโง่ ชอบพิมพ์แอดเดรสก่อนพิมพ์เนื้อหาเมล์ บางทีมือไปโดนนิดเดียวเมล์แม่งไปละแบบขาดๆ เกินๆ ต้องไปส่งใหม่ ต้องไปขอโทษ
พอโง่แล้วเพิ่งคิดได้ว่าก็พิมพ์เนื้อหาให้เสร็จก่อนสิวะค่อยย้อนกลับไปพิมพ์แอดเดรส
1. แนบไฟล์ก่อน
2. เขียนหัวข้อ
3. เขียนเนื้อหา
4. กรอกเมล์
สินะ
วันนี้หลงเข้าพันทิป ควรจะเปลี่ยนชื่อเป็น โลกสวย.com ได้แล้วนะ
กูคุยงานกับลูกค้ามาก คือจะว่าไงดีวะ แม่งเป็นคนแบบ กร่างสัดดดดดด แต่กูคุยกับมันนี่กูก็แกล้งยอๆมันไปนะ แล้วเอามันมาด่าให้เพื่อนฟังแทนเป็นการแก้แค้น 55
วันก่อนวันลานี่แม่งงานเยอะจริงๆ แงแงแง
บริษัทกูจะปิดละ กูได้ค่าทำขวัญด้วยล่ะ
แต่ไม่ต้องห่วงกูหรอกนะ กูยังทำงานที่เดิม
ปิดบริษัทเก่า แล้วเปิดใหม่ เปลี่ยนกรรมการ
คือถ้าไม่มีบริษัทกู มันจะมีคนเดือดร้อนไง เค้าเลยต้องโละของเก่าที่มีปัญหาทิ้งแล้วจ้างพวกกูทำงานต่อ เพื่อไม่ให้พวกกูได้หยุดงานฟ้องบริษัทเอาค่าชดเชย
เหลืออีก 5 โพส ขอตั้งเลยละกัน
วันศุกร์ที่สี่ ของเหล่าซาลารี่แมน
https://fanboi.ch/lounge/408/
เอ้าวันศุกร์ว้อยยยยยยยย
เสาร์ทำงาน
อีก 9 ครั้งจะถึงศุกร์ที่ 13
1000
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.