รายนามกระทู้เก่า
วันศุกร์แรก https://fanboi.ch/lounge/68/
วันศุกร์ที่สอง https://fanboi.ch/lounge/216/
Last posted
Total of 1000 posts
รายนามกระทู้เก่า
วันศุกร์แรก https://fanboi.ch/lounge/68/
วันศุกร์ที่สอง https://fanboi.ch/lounge/216/
ไอ991มาเล่าต่อดิ
ใบลาออก เคยเขียนแค่หนเดียว กรอกลงไปต้องออกไปรับช่วงกิจการของที่บ้าน
เถ้าแก่เซ็นอนุมัติชัวะ แล้วก็เดินตัวปลิวออกมาอย่างง่ายดาย
ป.ล. เหตุผลนั่นกูตอแหล จริงๆ คือกูเบื่อเจ้านายหัวควย แค่นั้นล่ะ
ยังไม่เคยว่ะ แต่อาจจะได้เขียนเร็วๆนี้
ใบลาออก กูเขียนแล้วรู้สึกเป็นไทเลยนะ ประหนึ่งมึงได้แก้ไขสนธิสัญญาทาสปลดปล่อยชาติเลยทีเดียว
เหตุผลที่ลาออก "เตรียมสอบเข้ารับราชการ"
มีช่องหนึ่งให้กรอก ความรู้สึกด้านลบต่อบริษัท กูว่างไว้ พอHR ถามว่าทำไมไม่กรอกกูตอบไปว่า
"ช่องน้อยไปกรอกไม่พอครับ"
กูโดนขอร้องให้เขียน
เจ้าของกูปิดบริษัท พวกกูควรต้องได้ค่าชดเชยตามกม.แรงงาน กี่เดือนกี่ปีจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าถ้าลาออกเองจะได้ครึ่งเดียวจากที่ควรได้
เจ้าของขอร้องให้กูลาออก รับเงินค่าชดเชยเป็นก้อนไปครึ่งเดียวก่อน ที่เหลือแกจะผ่อนจ่ายแบบลับๆให้ทีหลัง
คือแกอยากจ่ายเต็มให้กูคนเดียว อีกสี่ห้าคนที่เหลือแกก็ไม่พอใจมานานแล้ว แกเต็มใจให้กูแต่ไม่เต็มใจให้พวกนั้น
พอพวกนั้นเห็นลูกรักอย่างกูยอมเซ็น ก็เลยเซ็นมั่ง เอาครึ่งเดียวก็ยังดี ดีกว่าฟ้องเอาเต็มแล้วไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่
ตอนหลังแกก็ทยอยจ่ายให้กูเป็นเดือนๆ จนครบ ช่วงที่กูว่างๆ ก็ยังเรียกไปช่วยเป็นฟรีแลนซ์ จนกูเรียนโทก็เลยเลิกรับงาน ไม่ได้คุยกันละ
เปิดกระทู้มาด้วยเรื่องลาออกเลยว่ะ กูรออ่านเป็นประสบการณ์ละกัน ที่กูทำอยู่ตอนนี้อะไรๆมันยังดีอยู่
กูคิดจะออกมาร่วมปีละ ปิดโปรเจคต์ได้เมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น
แต่โปรเจคต์แม่งท่าทางจะอีกสามสี่ปี OTL
เรื่องลาออกนี่ของที่ทำงานกูมีคนนึงแกหายไปดื้อๆเลย ไม่มาทำงาน ปิดมือถือ ผ่านไป2อาทิตย์ถึงเข้ามาออฟฟิสมาบอกลาออก แถมมถามถึงโบนัสด้วย
จาก 991 ในกระทู้นู่นนะ มันก็ไม่มีอะไรแค่ได้งานที่ดีกว่า คือไปสอบรัฐวิสาหกิจติด แล้วฟลุคสอบสัมภาษณ์ผ่านว่ะ(ตรงงนี้คือเตรียมใจไว้แหละแพ้เส้นแน่ๆเสือกผ่านซะงั้น) ที่เดิมเข้า8เลิก5 เสาร์ทำครึ่งวันวันหยุดราชการบางวันอาจไม่ได้หยุด(วันรัฐธรรมนูญนะที่ไม่ได้หยุด) ที่ใหม่เข้า8เลิก4 หยุดเสาร์-อาทิตย์ หยุดตามวันหยุดราชการที่มีให้หยุด คือที่เก่าหาทางโตไม่ได้ว่ะ ผจก.แม่มไม่ดัน จะเรียนต่อแม่มก็ขวาง เลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ที่ใหม่ยังพอได้เวลาให้ไปหาความรู้ต่อยอดเพื่อเอามาเสริมเพื่อความก้าวหน้าได้ แล้วที่เก่ามันไม่รับเป็นพนง.ประจำเลยต้องเป็นลูกจ้างรายปีไปเรื่อยๆแบบเนี้ย พอไปงานปีใหม่ที่บริษัท เจ้าของแม่งประกาศ "ผมให้โบนัส8เดือน" เยสแม่มคือผมไม่ได้เป็นพนง.ประจำไง เซ็งสัสอ่ะ แม่มได้กันแต่ผมไม่ได้แม่มเฮกันแต่ผมเฮไม่ออก จะไม่ไปมันก็ถือว่าขาดงาน แล้วพอผมเขียนใบเสร็จหัวหน้าก็พาไปคุยกับ ผจก.แผนก พี่แกบอกเดือนนี้ปรับเงินขึ้นแล้วนะได้เกินมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดขั้นต่ำด้วยนะ อยู่อีก1-2ปีได้ปรับเป็นพนง.ประจำ ได้โบนัสแบบคนอื่นด้วยนะ ในใจผมตอนนั้นนะ("ควย กูอยู่มาตั้งนานมิงไม่คิดจะปรับจะเพิ่มเหี้ยไรให้เลย พอกูจะออกมิงก็เสนอมาให้กูใหญ่ไอชิบหายยยยยย") แต่ผมก็ไม่เอานะ ออกคือออก ไม่สนไรแม่มแหละ แต่ผมก็สงสารหัวหน้าที่ผมสังกัดอยู่นะ เพราะแกรับผมเข้ามาสอนอะไรหลายๆอย่างให้ แต่มันก็อนาคตผมน่ะ ให้อยู่ต่อคงไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้เลยทำงานแบบชิลๆมากเพราะสิ้นเดือนนี้ก็ไปแหละ อยู่ให้ครบเดือนเพื่อเอาเงินเดือนให้ครบพอ สบายจริงๆ
ขอบใจที่รับฟัง(อ่าน)นะสหายโม่งทุกท่าน
ไอ้ข้อเสนอที่เพิ่มให้ตอนจะออกนี่ไม่จริงใจเลยว่ะ กูเห็นมาหลายรายละ
สัญญาเข้าไปเหอะว่าเดี๋ยวจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ทำงานงกๆ ต่อไปอีกกี่ปีแม่งก็ไม่บรรจุ
ตัีดสินใจได้ดีแล้วที่ไม่หลงลมปากมัน
หัวหน้าเจ้านายเฮงซวย มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ที่กูเคยเจอ คือมันเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัท แล้วบ้าอำนาจชิบหาย
มึงทำงานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องอยู่ในโอวาทด้วย
พอเจอบางเรื่องที่แม่งไม่สมเหตุสมผล กูไม่เห็นด้วยกูก็ค้าน
กลายเป็นว่ากูกระด้างกระเดื่อง ปกครองไม่ได้ ทีนี้แม่งกับพรรคพวกก็แกล้งกูสารพัด
ตั้งแต่เรื่องขี้หมาปัญญาอ่อนเหมือนเด็กประถม จนถึงขั้นขัดขาให้งานเสีย
กูก็ระเบิดดิ ว้ากใส่หน้าแม่งทั้งๆ ที่กูอายุอ่อนกว่ามัน 2-3 รอบ
เจอแบบนี้คงอยู่ด้วยกันได้หรอก เลยลาออกแม่มซะ ควย
หัวหน้ากูนิสัยโอเคแต่ทำงานไม่ได้เรื่องว่ะ คือต้องตามจี้ให้ทุกจุด ถามความเห็นหรือคำสั่งแก้ก็ไม่ชัดเจน
อย่างน้อยก็ดีที่แกรับฟังล่ะนะ
กูรักงานปัจจุบัน แต่กูเหนื่อย วันๆ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ลาหยุดก็ทำให้งานเลท แต่กูไม่อยากลาออก กูควรจะทำยังไงดีวะ
อีกไม่กี่ปีต้องสอบมหาลัยแล้วแต่ว่ายังไม่มีคณะที่สนใจอยากเข้าจริงจัง อาชีพที่อยากทำความฝันอะไรก็ไม่มี
โม่งในนี้ตอนสมัยเอ็นมหาลัยเครียดกันมากไหม
ก่อนไปเอนท์กูจำได้ว่าเล่นเกมโต้รุ่ง เสือกติดอีก แต่สละสิทธิ์ไม่ไป
ถ้าให้แนะนำคืออย่าเอาอย่างกู กูมันเหี้ย มึงต้องไปที่ๆดีที่สุด พยายามเรียนให้จบโดยข้องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามและอบายมุขให้น้อยที่สุด
หาเพื่อนหาผู้ใหญ่เยอะๆ ขยันตั้งใจสุจริตไม่ท้อแท้ พยายามหาสายงานที่ได้เงินดีที่สุด (แต่ไม่ถึงขนาดต้องไปเป็นทาสเขา)
ถ้าไม่มีความฝันอะไรเป็นพิเศษ ก็มีชีวิตอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาให้คนที่แหกเอามึงออกมาจากช่องคลอดหรือคนที่เลี้ยงดูมีความสุข
ทำให้คนอื่นมีความสุข ชีวิตมึงก็สมบูรณ์ ถ้าสมบุรณ์แล้วยังเสือกจะบ่นอีก ในกรุงเทพมีตึกให้โดดเยอะแยะ ไปใช้งานได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ
กูนี่แหละกำลังเอนท์อยู่ยังไม่ติดเลยด้วย แต่มีคณะที่เล็งๆไว้แล้ว
เพิ่งจะมารู้ว่าตัวเองอยากเข้าอะไรจริงจังก็ตอนม.5-6นี่แหละ แต่เผอิญกูเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีอยู่แล้วเลยพอเอาตัวรอดได้
คำแนะนำคือให้ค้นหาตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าอยากทำอะไรในอนาคตดูตัวเองว่าถนัดอะไร ชอบอะไร แล้วพยายามศึกษาสายงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลในเน็ตมีเยอะแยะ
แต่ถ้ามึงไม่มีความฝัน คิดแต่ว่าอยากจะอยู่สบายๆเล่นเกมเข้าบอร์ดโม่งไปวันๆ มึงก็ต้องมีอาชีพเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ก็ทำอย่างที่ >>23 บอกนั่นแหละ
เรื่องเครียดไม่เครียดมันก็อยู่ที่คณะที่มึงจะเข้า ถ้าหวังสูงๆก็ต้องขยันหน่อย หรือถ้าพ่อแม่รวยก็ให้ส่งเข้าเอกชนแทนก็ไม่มีปัญหา
เด็กๆมาอ่านกระทู้นี้จะไม่รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตเหรอวะ
...ชีวิตก็แบบนี้แหละเด็กน้อย กิน ขี้ ปี้ นอน
ร็อคสตาร์ นักบินอวกาศ ดารา ซูเปอร์ฮีโร่ ฯลฯ มึงเก็บไว้เป็นชาติหน้าละกัน
ม.ปลายอาจไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เอนท์คณะที่ตัวเองชอบนั่นแหละ เอาให้เต็มที่ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังดีสุด
กูได้อันดับ1ของประเทศของสาขากู ตอนเรียนกูยังรู้สึกเซ็งเลย ถ้าเป็นสาขาที่ไม่ชอบกูคงรู้สึกชีวิตไร้ค่าน่าดู
กูอยากย้อนเวลากลับไปเลือกคณะใหม่
ได้โควต้าสาขาที่ตัวเองอยากเรียนหลายที่ แต่กลับต้องเลือกเรียนคณะที่กูไม่อยากเรียนเลย...
ไม่มีความฝัน ก็ไปนอนซะ จะได้มีความฝัน
มีใครฝันอยากเป็น wizard 30 ไหมวะ
กูมากลางทางละ
>>22 กุเข้าใจมึง มึงอย่าไปเครียดเรื่องที่มึงไม่มีความฝันเท่ๆ มึงหาไประหว่างทางนั่นแหละ เอ็นท์เข้าไปแล้วมึงก็เข้าไปเรียน ไปทำกิจกรรม ไปเดินทาง ดูว่ามึงชอบอะไร รู้สึกชอบก็ลองโดดไปทำเยอะๆ เรียนจบแล้วหาไม่เจอมึงก็ไปหาต่อตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่สำคัญคือมึงต้องไม่ขดตัวเป็นก้อนอยู่แต่ในเปลือกสบายๆของมึง
>>29 กุไม่ได้อยากเป็นเลยไอ้เหี้ยแต่แม่งเป็นไปละ ต่อไปอะไรดี
ต้องไม่ขดตัวเป็นก้อนอยู่แต่ในเปลือกสบายๆของมึง <<<< นี่กุญแจสำคญเลยนะ กูสนับสนุนตรงนี้เต็มประตูเลย
อนาคตข้างหน้าถ้าจะดูแลตัวเองหรือเป็นผู้นำครอบครัว มึงต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก
กูได้โควต้าเข้าภาควิชาอันดับ 1 ของประเทศสายที่อยากได้อยู่แล้ว ชะละล่า! แถมเพื่อนกลุ่มเดิมตอนม.ปลายยกมาทั้งโขยง
กูก็อีกนิดเดียว 555และมีแววว่าอีกนาน
ไม่แน่กูอาจจะครองโลกได้ซักวัน
ไอ้เรื่องความฝันนี่กูก็เคยมีนะ พอทำงานแล้วก็เข้าใจ
มึงแค่มีงานทำ มีเมีย มีบ้านมีรถขับนี่ก็ถือเป็นความฝันสูงสุดของ
ซาลารี่แมนอย่างพวกกูแล้วว่ะ ...คิดว่านะ
มีโม่งซาลารี่คนไหนทำงานอยู่ใกล้ๆ เวทีชุมนุมบ้างป่าววะ เป็นยังไงบ้าง
หลังๆมันเปิดทางให้ไปได้เลนนึงซึ่งก็ไม่ช่วยห่าไรเท่าไร ดีที่บ้านกูใกล้กูเลยไปรื้อจักรยานสมัยเรียนมาใช้ไปได้
(ฝ่าม็อบไปเลยนั่นล่ะ แต่อันไหนลัดเข้าห้างได้ก็เข้า ปลอดภัยไว้ก่อน)
แต่ตอนนี้มันเริ่มย้ายไปที่อื่น(แต่ยังปิดอยู่ละ)เลยปั่นได้โล่งๆ ถ้ากูอยู่ตรงที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงตอนนี้กูคงเสียวปั่นไปเจอระเบิดเหมือนกันว่ะ
แต่กูว่าอยู่เป็นโสดมันก็สบายดีจนเคยตัวนะ ถ้ามีแฟนมาคอยจิกๆ ตามๆ ต้องเทคแคร์ซื้อโน่นซื้อนี่ให้จะไหวเหรอวะ...
ถ้ากุย้อนเวลาได้ กุจะไปเป็นนักบิน เงินดี เท่ มีเกียรติ มีสาวๆแอร์ให้เลือกสบาย
เสียงบนเวทีเข้าถึงบ.มึงบ้างป่าววะ ของกูแม่งเดี่ยวนี้เปิดลำโพงดังขึ้นได้ยินชัดแจ๋วเลย ได้ฟังเฮทสปีชทุกวันเลยกู ทั้งตอนทำงานทั้งกลับบ้าน โคตรเครียดรู้สึกป่วย
เป้าตุงๆ พกจุดสองห้อยไว้ จะเปิดดูมั้ยล่ะไอ้สัส
กูอยากเป็นนักเขียนเป็นศิลปิน ฝันไว้ตั้งแต่หัดจับดินสอวาดภาพหัดเล่นเครื่องพิมพ์ดีดแล้ว
พอเป็นจริงแม่งก็ไส้แห้งจริงๆว่ะ 55555 ตอนนี้ไม่อดตายเพราะมีคนช่วยอุปถัมภ์
ทำตรงอโศก เจอม็อบเต็มๆ
ข้อดี: ของกินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กูข้ามถนนสบายขึ้น
ข้อเสีย: กูหนวกหู
เอาจริงๆ ไม่ค่อยเจอการ์ดมาเรียกตรวจ หรือเพราะกูเป็นผู้หญิงเขาเลยปล่อยผ่านไปวะ
เร็วๆนี้จะไปสัมภาษณ์งาน โคตรตื่นเต้นเลย
พอจะมีคำแนะนำอะไรบ้าง
>>58 พูดจาฉะฉานมีความมั่นใจ คิดก่อนตอบได้ไม่ต้องรีบตอบ ตอนเค้าให้ถามอย่าถามปัญญาอ่อนแบบเรื่องที่ควรรู้อยู่แล้ว เช่น บ นี้ทำอะไร กูเป็นคนสัมภาษณ์กูเฉดหัวแม่งตอนนั้นเลย เรื่องพวกสวัสดิการวันหยุดถามได้ โอที โบนัส
ที่สำคัญคือ มึงห้ามโม้เด็ดขาด อันไหนทำไม่เป็น ไม่เคยทำ ก็ให้บอกไปตามตรงแล้วบอกว่าจะพยายามเรียนรู้
ถ้ามึงโม้ว่าทำได้พอรับเข้าไป เค้าโยนงานมาให้แล้วมึงทำไม่ได้ทีนี้ล่ะมึงเรื่องยาว
ความเห็นก่อนก็ใช่
ถ้าไปสัมภาษณ์ก็บริษัทญี่ปุ่น เพิ่มเติมว่าให้พูดสั้นๆ กระชับอย่าวกวนพายเรืออยู่ในอ่าง เพราะถ้าใช้ล่ามล่ามอาจเกลียดมึงแล้วแปลไปคนละทาง พยายามยกตัวอย่างผลงานที่จับต้องได้จริงๆ นำเสนอตัวเลขได้ยิ่งดี ราวๆ นี้มั้ง
>>60 เคยไป บ.ยุ่น อยู่สามสี่ที การเรียกเงินเดือนแม่งสำคัญสุดจริงๆ ทีแรกๆ ก็เรียก rate สูงหน่อย ก็ไม่เคยผ่านรอบแรก พอไปอีกที่ ลองเรียกน้อยๆดู ปรากฎว่าวันสัมภาษณ์รอบสองมีกูผ่านมาคนเดียวจาก 10 คน ไอ้เด็ก จบ ม. สีชมพูข้างๆ กูเห็นมันเรียกซะ... นี่มึงจบ ป.ตรี กล้าเรียกขนาดนี้เลยหรอวะ... กูจบโทมหาลัยหนึ่งในสามสีเหมือนกันยังไม่กล้าเรียกเลย....
ปล. ปัจจุบันกูไม่ได้ทำ บ.ยุ่นนะ พอดีสอบได้ MTโปรแกรม ของ บ.ๆหนึ่ง ได้เงินเยอะกว่าราวๆ 50% เลยเผ่นมา....
"ไม่เอาผม คุณก็พลาดแล้ว" "ผมทำได้ คนอื่นทำไม่ได้ดีเท่าผมละกัน" "ก็คนมันทุ่มเท" ประมาณนี้มั้ง
เงินเดือนก็เรียกตามฐาน ตรี 15000 โท 21000 ถ้ามีความสามารถพิเศษอะไรก็บวกบวกไปเอง
กูแอบชอบเพื่อนสนิทมากขึ้นเรื่อยๆจนช่วงนี้เริ่มเพ้อๆฝันถึงมันละ ไม่มีสมาธิทำอะไรเลยว่ะ ทำอะไรก็คิดถึงเขาไปหมด แย่จริง
ตอนช่วยตัวเองก็คิดสินะ อืมๆ
คิดถึงสมัยมอปลายจังว่ะ
มีเพื่อนสาวที่สนิทๆแล้วไม่ค่อยระวังตัว ก้มที ยกขาทีเห็นหมด
แล้วบางทีวันไหนใส่ทรงเอนะ(เป็นชุดประจำ รร ใส่วันจันทร์)
แล้วตอนเรียนแม่งเป็นโต๊ะ 8 เหลี่ยมไง นั่งหันหน้าเข้าหากัน
กูทำยางลบตกทั้งคาบอ่ะ
แต่พอไม่ได้เจอหน้ากันนี่ จิ้นไม่ออกแล้วนะ
สมัยม.ปลายกูก็ไม่ระวังตัวนะ แต่กูนุ่งขาสั้นไว้ใต้กระโปรงตลอดเลยเซฟ เตะกับเพื่อนในห้องได้แบบสบายใจ
กระโปรงนักเรียนแม่งสั้นขนาดก้มแล้วเห็นเลยเหรอวะ
กูจำได้สมัยเรียนถ้าไม่ใช่สั้นๆจริงๆตอนขึ้นบรรไดยังไงก็ไม่ได้เห็นเด็ดขาด
กูหมายถึงหน้าอก เพื่อนกูชอบคิดว่า ใส่ขาสั้นเซฟแล้วจะเฮฮายังไงก็ได้ เลยไม่ระวังตัว แล้วก็ชอบมาทำนมหกใส่กูประจำ
อืม... ถ้าเป็นอกนี่กูโนคอมเม้นต์ว่ะเพราะโตช้า แบนราบมาจนม.ปลาย
เพื่อนคนที่มาทำนมหกให้ดูก็ค่อนข้างแบน กูถึงได้เห็น
อกโต ๆ มันก้มก็เห็นแต่ยกทรงกับเนินอก
อกแบน ๆ ก้มทีเนี่ยเห็นศีรษะถันเลย
และนี่ก็คือประสบการณ์วัยใสของเหล่าซาลารี่แมน
สมัยกูเป็นนักเรียน ระหว่างทางไปกลับจะผ่านโรงเรียนพานิชย์หลายที่
แล้วกูชอบดูเนินท้องน้อยที่อยู่ใต้เข็มขัดของน้องๆ เด็กพานิชย์ แฮ่ก แฮ่ก
พอมาตอนแก่ มีโอกาสได้เห็นเด็กพานิชย์บ่อยๆ อีกครั้ง
แต่แม่งใครเป็นผู้นำเทร็นด์แฟชั่นดึงขอบกระโปรงขึ้นมาสูงๆ ไว้ใต้นมวะ
ทำแบบนั้นก็ไม่มีเนินน้อยๆ ใต้เข็มขัดให้กูดูสิวะ โคตรเสียจึยเลยสัส
ไหงกลายเป็นกระทู้หื่นวะ
ใต้กระโปรงเป็นกางเกงรัดรูปสีดำพออภัยให้ได้ กูจะหื่นยิ่งกว่า กกน. อีก
เคยสารภาพกับเพื่อนสนิทก่อนใกล้จบว่ากูชอบมองมึงมาก เห็นแล้วแข็งทั้งวันเลย แม่งขำกลิ้งลั่น
จนป่านนี้แม่งยังล้อกูเรื่องนี้อยุ่เลย ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วดว้วย
มีเรื่องน่าอายอยากมาระบายว่ะ
ขอเกริ่นก่อน เมื่อก่อนกูเป็นคนที่เพลย์บอยมาก ภาพลักษณ์ของกูในออฟฟิศก็คือเป็นหนุ่มแบดบอย
ปีใหม่ที่ผ่านมากูคิดจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ เลิกจีบคนนั้นฟันคนนี้แล้วเปลี่ยนมาพัฒนาตัวเอง ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายมาจีบกูแทน ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร
วันศุกร์ที่ผ่านมาตอนก่อนจะกลับบ้านมีเพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกับกูคนนึง อยู่คนละฝ่าย แต่กูเล็งมานานแล้วเพราะหน้าตาดีโปรไฟล์ก็ดี เข้ามาชวนคุย กูก็คุยเล่นทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ไปตามความเคยชิน
ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเขาก็ถามกูว่า นี่เจ้าชู้ใส่มุกหยอดจีบสาวไปทุกคนเลยใช่มั้ย อย่าคิดว่าเราไม่เคยได้ยินข่าวลือนะ
กูก็เลยตอบไปว่า ผมเลิกจีบผู้หญิงแล้วครับ
ตอนนี้กูพึ่งมานึกได้ กูพลาดไปแล้วใช่มั้ยวะเนี่ย เค้าจะเข้าใจผิดรึเปล่าวะเนี่ย เชี่ย
ไอสัส....กูขรรม 555555
เตรียมตูดไว้รอเลยมึง บานแน่ ถถถ
เวลาสารภาพรักแล้วผู้หญิงบอกให้รอนี่คือไม่รับรักเราใช่เปล่าวะ หรือเก็บไว้เผื่อเลือก ?
มองในแง่ดี.คือ เขายังสับสนอาจเห็รมึงเป็นเพื่อนเคียงข้างตลอด แล้วอยู่ดีๆมึงจะมาเลื่อนความสัมมันก็ต้องมึนเป็น ธรรมดา. ไม่ก็กลัวถูกมองว่าใจง่าย .อันนี้อิงจากตัวกูเองนะ ไม่รู้ผู้หญิงคนอื่นจะคิดแบบนี้รึเปล่า
ไอพวกสมบูรณ์พร้อมเอยยยยยยยยยย
กุสารภาพตอนจบม.ปลาย โดนบอกให้รอเพราะไปเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน คนละภาควิชา
ผ่านไปสามเดือนกูก็เลิกรอ... เพราะเดินไปเจอเธอควงหนุ่มใหม่กระหนุงกระหนิงที่ห้างใกล้มหาลัย สรุปว่าให้รอ เพราะอยากรอดูตัวเลือกใหม่
สามเดือนถัดมากูได้แฟนคณะข้างๆ หน้าตาสู้ไม่ได้ แต่นิสัยน่ารักกว่าร้อยเท่า
น่ารักแต่นิสัยเหี้ย+เรื่องมากก็ไม่ไหวเด้อ
เช่นคิริโนะ
กูว่าแล้วแต่คนนะ แต่ตอนแรกใครๆก็ดูหน้าตาก่อนทั้งนั้น ส่วนจะยืดรึเปล่านี่ก็ที่นิสัยต่อ
แต่สันดานผู้ชาย ถ้าเหี้ย+เรื่องมากสัด ไม่นานก็เลิก ได้ฟันทีนึงก็พอแล้ว
ยกเว้นคนที่ทนได้ไม่ก็เสือกเป็นมาโซ
จะว่าไปใครแถวนี้มีปัญหาเป็นผู้หญิงแต่เก่งงานจัดจนผู้ชายไม่กล้ามาจีบปะ
เป็นฝ่ายไม่กล้าจีบ -_-''
กูไม่ใช่ แต่กูรู้จักหลายคน เค้าก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่หว่า
ผู้หญิงเก่งจัดที่กูรู้จักมาทุกคน ไม่สนผู้ชายที่แย่กว่าตัวเองอยู่แล้ว
ผู้ชายที่เก่งกว่าผู้หญิงคนนั้นเขาก็กล้าจีบว่ะ
>>110 ถ้ากูจำไม่ผิด กูจำได้ว่ามันช่วยแก้ปัญหาฝ่ายหญิงด้วยนี่หว่า เพราะ เมียมันอีคิวต่ำมีเรื่องกับคนอื่นบ่อย
เหมือนในกระทู้พันทิปอันหนึ่ง กูไม่รุ้หรอกว่าแม่งมโนเองหรือว่าเรื่องจริง ที่แฟนแม่งเก่งกว่ามากๆเหมือนกัน
ฝ่ายหญิงทำงานหาเงินมาให้ ส่วนฝ่ายชายอยู่บ้านทำงานบ้านทำกับข้าว อะไรประมาณนี้
>>106 กูตอบได้มั้ย ไม่เชิงเป็นผู้หญิงเก่ง แต่งานที่ทำเสือกให้ผลตอบแทนดี เงินเดือนกูเลยสูงเมื่อเทียบกับคนอายุไล่ๆ กัน แล้วกูก็บ้ารับจ๊อบอีกพันห้าร้อยแปดประการ รู้สึกตัวอีกทีชีวิตกูแม่งมีแต่งานว่ะ แต่ที่ผู้ชายไม่มาจีบอาจเป็นเพราะกูขี้ริ้วเอง ไม่ได้เกี่ยวกับว่ากูเป็นผู้หญิงหาเงินเก่งก็ได้นะ orz
>>109 เพื่อนของมึงเค้าไม่ได้เป็นเกย์ แค่ต้องการจะสื่อความหมายเหมือน 88 รึเปล่า แนวคิดเหมือนกันเป๊ะ
>>110 กูไม่เคยเห็นคนทำงานเก่งแต่มี EQ ต่ำนะ พวกที่มีแค่ฝีมือในการทำงาน ทำงานออกมาแล้วดูดี แต่ประสานงานกับคนอื่นไม่ได้ กูไม่นับเป็นพวกทำงานเก่งว่ะ
เมื่อก่อนบริษัทกูก็เคยมีแบบนี้อยู่คนนึง ฝีมือดีจัด เก่งจัด อีโก้เลยสูงจัด ก็เลยเข้ากับใครไม่ได้เลย มีปัญหากับคนอื่นตลอด ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน ขนาดอีกฝ่ายเป็นลูกค้าก็ยังไปทะเลาะด้วย สุดท้ายก็โดนเชิญให้ออกไป
ครอบครัวที่ฝ่ายหญิงทำงานหาเงินมาให้ ฝ่ายชายอยู่บ้านทำงานบ้าน เดี๋ยวนี้ไม่แปลกว่ะ มีเยอะ
>>113 มึงก็หัดดูแลตัวเองบ้างสิวะ มึงไม่ต้องเกิดมาโครงหน้าสวยก็ได้ แค่มึงบุคลิกดี ผิวดี ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป ยังไงก็มีผู้ชายมาชอบมึงหลายคนแน่ ๆ
>>110
>>111
ไม่ได้แก้ปัญหานะ ก็แค่ฟังเธอบ่น ดูเธอทุบโต๊ะ ชงโกโก้ให้กิน หาวิธีปลอบ อะไรประมาณนั้นแหละ
ต้องเข้าข้าง ต้องตั้งใจฟัง ต้องจับใจความได้ ห้ามถามซ้ำเด็ดขาด ไม่งั้นกูจะโดนทุบแทน
ปัญหาก็เรื่องการเมืองภายในบริษัท ทางนี้ก็อีโก้แรงโคตรๆ กูจะแก้อะไรได้
แค่ช่วยให้อารมณ์เย็นลง ให้สบายใจเวลาที่อยู่บ้าน พอหลับสบายตื่นมาก็คิดวิธีแก้ปัญหาได้เอง
กูไม่ใช่คนที่โพสในพันทิพ แต่กูก็อยู่บ้าน แล้วกูก็ไม่ได้เกาะเมียมาตั้งแต่ตอนแต่งงานนะ กูออกจากงานมาปีก่อน
ตอนนี้ทำฟรีแลนซ์รอสอบข้าราชการ แล้วก็ไปบ้านใหญ่ช่วยดูแลย่า (ย่าของเมีย)
แต่ตอนที่ทำงานประจำ กูก็เงินเดือนน้อยกว่าเมียจริงๆนั่นแหละ
เรื่องเลี้ยงลูกถูบ้านทำกับข้าวขัดส้วมกูเก่งกว่าเว่ย (กูเป็นผู้ชาย)
>>88 กุว่าเมิงมาถูกทางแล้วว่ะ ถ้าแม่งไม่สนใจเมิงเลยแม่งไม่มาถามแบบนี้หรอก ที่ถามเพราะเพราะชอบเมิงแล้วแต่กลัวเมิงเจ้าชู้ตั่งหาก นี่ถ้าเมิงเดินไปลากคอมาจูบเลยนะ แม่งเหมือนในละครชัดๆ แบบนางเอกบอก อย่านะ อย่านะ แต่ก็ยอม (หรือไม่ได้จูบกันแล้วก็เก็บเอาไปนั่งฝันต่อ แม่งผู้ชายแบบนี้ชั้นเกลียดที่สุด แต่ก็นึกถึงเมิงตลอดเวลาแบบนั้น)
>>116 ถ้าอยู่กับผู้หญิงเก่งกว่นี่ต้องอีโก้โครตสูง ไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเวลาโมโหหรือปรี๊ดแตก แม่งจะเอาเรื่องนี้มาพูดกรอกหูแน่ๆ
กูอยากลาออก แต่กูบ่นให้ใครฟังไม่ได้ เลยมาบ่นในนี้
กูเซ็ง งานมันไม่ได้อะไร แต่กูไม่อยากทำงานแล้วอยากจะนอนนิ่งๆ เป็นนีทซัก 2-3 เดือน น่าจะไหวมั้ย
กูเบื่อ
โอเค
เป็นมาหลายเดือนแล้ว
เศร้าว่ะ
วันนี้เหนื่อยดีว่ะ จะทำงานที่รัฐวิสาหกิจมันก็เรื่องเยอะดีนะ ไปx-rayปอดตามโรงบาลที่หน่วยงานบอก ไปตรวจสารเสพติดโรงบาลเฉพาะ ไปทำประวัติที่กรมตำรวจ แต่ล่ะที่ก็เรื่องเยอะไปไหน x-rayปอดก็ไม่เท่าไหร่ แต่มันมาเรื่องเยอะตรงตรวจสารเสพติดนี้แหละ จะอยู่ๆเดินเข้าไปไม่ได้นะต้องโทรให้เจ้าหน้าที่ส่งคนมารับ ดีที่ไม่รีบเยี่ยวก่อนที่จะมา ก็ให้เยี่ยวขวดเพื่อไปตรวจโดนไปร้อยกว่าบาทสบายตัว แค่ก็ไม่เข้าใจว่าตึกนี้มันเป็นความลับอะไรนักหนาคนต่างชาติทำงานให้เพียบ แล้วก็รีบไปกรมตำรวจเพราะกลัวจะปิดให้บริการ พอถึงสยามแหละจะเดินไปเข้าประตูที่กรมตำรวจ มันให้ไปเข้าเกือบถึงรพ.ตำรวจมันก็ไม่ไกลหรอกแต่ร้อนและเหนื่อยพอเข้าไปแม่มก็เดินไปอย่างลึก ดีที่บริการไวปั้มลายนิ้วมือเหมือนโรงรับจำนำอ่ะ แต่เอาทุกนิ้วทั้ง2ข้างโดนไป100สบายตัวอีกรอบ ก็กะจะเดินเที่ยวแต่กลัวมันปาระเบิดเลยกลับบ้านดีกว่า
โอเคบ่นพอแหละ นอนดีกว่า
ถามที ถ้าหากสมมุติว่ามึงมีหลานเป็นญาติห่างๆ มึงเคยสนิทกับมันมาก
แต่อยู่มาวันหนึ่งหลายปีผ่านไปมึงมาเจอหลานอีกทีในสภาพที่มึงว่าอีกไม่เกินปีมันนีทแน่ๆ
เรียนก็ไปเรียน ทำงานก็ทำ แต่ทำแบบทำไปงั้น ทำเพราะอยากกลับบ้านเร็วๆ
มันมาเล่าให้มึงฟังว่ามันเบื่อชิบหาย เบื่อห่าเหวอะไรไม่รู้นั้นละ ไม่อยากทำเหี้ยอะไร
อยากอยู่บ้านเฉยๆแต่จิตใต้สำนึกมันรู้ว่าไม่ควรทำ มันเลยต้องไปเรียนไปทำงาน
ทั้งๆที่ไม่มีความสุข พ่อแม่มันบอกว่าไอนี่ไม่ยิ้มไม่หัวเราะอะไรมานานแล้ว
มึงคิดว่ามึงจะช่วยหลานยังไงดีวะ หรือปล่อยไว้แล้วเดี่ยวมันดีขึ้นเอง
ส่วนหนึ่งคือมันเป็นญาติห่างๆ เราไม่ควรไม่ยุ่งเรื่องของแม่งใช่ไหม
ตกลงมึงสนิทกับหลาน หรือง่าไม่สนิทกันแน่วะ
หาเมียให้?
ต้องให้มันห่างพ่อแม่มั่ง แบบเรียนมหาลัยต่างจังหวัดไรงี้ เผื่อจะได้หัดพึ่งตัวเองมั่ง
พ่อแม่เขาดูห่วงลูกด้วยวะ มีโอกาสสนับสนุนเป็นนีทสูง
แบบลูกไม่ต้องทำไรพ่อแม่เลี้ยงเอง ส่วนหนึ่งเพราะเป็นลูกสาวด้วยดูแลยากชิบหาย
อ้อ เป็นลูกสาว กูไม่ค่อยแปลกใจล่ะ
ชีวิตสบายเกินไป ไม่ค่อยได้ดิ้นรนอะไรเอง พ่อแม่กลัวลำบาก ตามเก็บตามช่วยตลอดเวลา
คิดว่าคงต้องให้ห่างพ่อแม่บ้าง ให้ช่วยเหลือตัวเอง แต่ดูทรงแล้วถ้าอยู่ในประเทศพ่อแม่ก็คงตามมาจุ้นอยู่ดี
ลองยุมันไปเรียนนอก หรือลง Work & Travel ดูสิ เผื่อมันจะติดใจชีวิตช่วยเหลือตัวเองแบบวัยรุ่นตปท.บ้าง
เป็นการเปิดหูเปิดตาด้วย ดีกว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ประเทศเดิมๆ
>>136 ให้เดาคือแกควเคยมี แต่พอนานเข้าสิ่งที่ทำกับสิ่งที่ฝฝันมันจะยิ่งห่างไกลกันออกไป เหมือนเวคเตอร์สองเส้นที่ทีแรกก็คิดว่ามาสายนี้น่าจะใกล้เคียงกัน แต่เส้นสองเส้นนั้นยิ่งวิงต่อไปก็มีแต่จะไกลกันออกไปเรื่อยๆ
ชีวิตประจำวันที่ดำเนินต่อไปก็รู้ๆอยู่แล้วว่าจะไปในเส้นทางที่ฝันไม่ได้ ครั้นจะกลับไปเริ่มใหม่ก็อาจจะช้าไปแล้ว วันเวลาที่มีอยู่ก็ทำไปแค่เพราะรู้ว่าต้องทำเฉยๆ หาใช่เป็นสิ่งที่ทำเพราะอยากทำเลยสักนิด ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกป่านี้คงปล่อยตัวให้เหลวแหลกไปกับความผิดหวังไปแล้ว
หักดิบได้มั้ย ลองไปลุยกับฝันที่ไม่คิดว่าจะทำได้ดู ถ้ามันไกลเกินเอื้อมขนาดนั้นต้องท่องกับตัวเองว่าชีวิตยังไม่มีอะไรสายเกินจะเริ่มใหม่
อย่าลืมว่าในโลกเรานี้ยังมีคนไปเรียนปริญญาตอนอายุ 70 นะเว้ย
เด็กสมัยนี้บางคนฝันไม่เป็นด้วยซ้ำไป พ่อแม่บังคับเรียน บังคับเลือกสาย บังคับให้เลือกคณะตามที่พ่อแม่สั่ง
นี่พูดจริงๆ ที่ทำงานกูเคยมีอยู่คน คิดเองไม่ได้ แถมขาดคอมม่อนเซนส์หลายเรื่องด้วย
อายุ 26 ให้ช่วยอยู่โอทีแม่งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วโทรถามที่บ้าน จะส่งไปอบรม สัมมนา รึไปออกหน้างานข้างนอก ต้องผ่านมติพ่อ
(แรกๆ แม่งให้กูโทรคุยกับพ่อมันเองด้วยซ้ำ เชี่ยเอ๊ย มันเป็นธุระอะไรของกูวะเนี่ย)
เรื่องส่งไปอยู่ไซท์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เคยเปรยขึ้นมาที แม่งทำอย่างกับโลกจะแตก อีกสองวันพ่อแม่งโทรมาขอคุยกับกู... ไอ้เหี้ย
แล้วทำงานก็ใช่จะดี ใบเกรดสวย มหาลัยแนวหน้า แต่อะไรที่จะต้องตัดสินใจด้วยตัวเองนี่แม่งไม่ทำเลย ถามคนอื่นหมด
เข้าสังคมในบริษัทไม่ได้ด้วย กระทั่งกลุ่มโอตาคุยังไม่เอามัน
พอครบปีดูท่าจะไม่ไหวเลยให้ออก ผลประเมินก็แย่ด้วย จริงๆ กูเป็นกรรมการสัมภาษณ์ก็ไม่อยากรับไว้แต่แรกแล้ว แต่แม่งมีผู้ใหญ่ข้างบนฝากมา
วันสุดท้ายมันบอกกูว่า มันก็ไม่อยากมาทำ แล้วเสือกขอบคุณที่กูให้ออก เพราะที่มาทำงานทุกวันไม่ขาดไม่ลาเนี่ย แม่บังคับมา... คุณพระ = =
มึงคิดว่าคนแบบนี้มันจะมีฝันอะไรวะ
>>143 อ่านจบร้อง "เหยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เลยว่ะ ไม่นึกว่าจะมีคนแบบนี้อยู่บนโลกจริงๆ ถ้าพ่อแม่แม่มตายห่าไปมันจะทำอะไรเป็นบ้างมั้ยว่ะ แล้วพ่อกับแม่กับเข้าทำนอง "พ่อแม่รังแกฉัน" ชัดๆเลย สั่งอย่างเดียวไม่ให้ลูกคิด ไม่ให้ลูกฝัน จะแปลกมั้ยว่ะถ้ากุบอกว่าสงสารมันน่ะ= =a
>>137 นี่... นี่มันชีวิตกูตอนนี้ชัดๆ
ไม่รู้ว่าคนอื่นเหมือนกูมั้ยนะ แต่เพื่อนกูที่เพิ่งเรียนจบแล้วเริ่มทำงานก็อารมณ์นี้กันหลายคน (โดยเฉพาะพวกยังไม่มีแฟน)
มันเหมือนเพิ่งเรียนจบมา เริ่มทำงานได้เจอว่าอะไรหลายๆอย่างไม่ได้สดใสสวยงามอย่างที่ฝันอารมณ์มันก็หู่ๆเซ็งๆ
เวลาผ่านไปกูว่าเดี๋ยวเจออะไรใหม่ๆ เจอคนใหม่ๆที่น่าสนใจพอที่จะทำให้กลับมามีไฟอีกครั้งอาการแบบนี้มันก็หายเอง
ตอนนี้กูก็ทำงานไปแบบเรื่อยๆ ถ้าหาที่เรียนต่อดีๆได้หรือได้งานอื่นที่เงินเยอะกว่าก็ไปไรงี้ มันแค่ยังเหมือนเคว้งๆอยู่ ของแบบนี้กูว่ามันต้องใช้เวลากันหน่อยว่ะ
ทำงานไปเคว้งไป เลิกมาต่อโท จะจบอยู่แล้วก็ยังเคว้งอยู่เลยว่ะ
ไฟตอนเลิกมาต่อโทนี่คุกรุ่น ไปๆมาๆแม่งมอด กูเรียนมาทำไมวะ...
กูทำงานเพื่อหาแดกอย่างเดียวเลย บ้านกูจน
ฝันเฝินห่าอะไรกูไม่รู้จักมานานแล้ว เคยมีฝันแค่ตอนเด็กเท่านั้นแหละ
เป็นผู้ใหญ่ชีวิตมันโหดร้าย ไหนจะหาแดกวันนี้ ไหนจะต้องเก็บไว้เผื่อป่วยเผื่อแก่วันหน้า เผื่อเลี้ยงพ่อแม่อีก จะเอาอะไรมาฝันวะ
กูถามหน่อย ไหนๆก็โม่งแล้วไม่ต้องอาย
ไอ้คำว่า "ฝัน" ที่บางทีหยิบยกกันพูดถึงเนี่ย
นิยามของพวกมึงแต่ละคนมันเป็นไงมั่งวะ
เอาจริงๆตอนนี้กูก็ไม่ได้มีอะไรที่เรียกว่าฝันเป็นพิเศษ
แต่ถ้าถามว่าอยากให้เป็นไง มันก็พื้นๆแบบ อยากมีเงินใช้เรื่อยๆโดยไม่ต้องทำงาน
ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าวันนึงกูไม่ต้องทำงาน กูมีเงินจากเหี้ยอะไรสักอย่าง กูก็คงรู้สึกย่ำแย่
เหมือนกัน เพราะถ้าไม่ทำอะไรเลยกูจะรู้สึกโคตรว่างเปล่าเลย
ปล. ครอบครัวกูไม่รวยไม่จน ไม่มีหนี้ ไม่มีอะไรลำบาก ญาติๆไม่มารีดไถ
แฟนก็มีแต่ไม่มีลูก+ไม่ได้แต่ง (กูกับแฟนก็ไม่ได้อยากแต่งงานด้วย)
ฝันของกูคือการไม่กลับไปลำบากเหมือนตอนสมัยเรียน
คือบ้านกูจน จนแบบพ่อแม่กูล้มแล้วฟื้นตัวไม่ได้ด้วยไง
กูเลยไม่ได้เรียนสายสามัญ ต้องไปเรียนสายพาณิชย์แทน เรียนให้มีอะไรก็ได้ขอให้มีงานทำ
ตอนแรกกูก็แอบปลงว่ากูอาจจะไม่ได้เรียนมหาลัยแล้ว แต่โชคดีที่อาจารย์เอ็นดูกู เลยทำให้กูขวนขวายมีกำลังใจไปสอบมหาลัย
ซึ่งแม่งก็ติด แต่ไม่ได้ทุน อาจารย์แม่งก็ช่วยกูอีก ช่วยให้กูกู้กยศ. มาได้
กูก็ตั้งใจเรียนนะ หวาดหวั่นว่าจะหลุดทุนสุดๆ
แม่งเป็นภาวะที่กูอยากเรียน อยากได้งานดีๆ เพื่อที่กูจะได้ไม่เห็นแม่กูลำบาก
แล้วตอนนี้เรียนจบแล้ว ได้งานทำ มีเงินส่งให้แม่ใช้ แม่กูแฮปปี้ เริ่มเก็บเงินซื้อคอนโดแล้วขยับขยายออกไปเรื่อยๆ
ไรงี้ ทำงานหาเงินหาความสุขให้ตัวเอง อยากกินอะไรก็ได้กินไม่ต้องเก็บความอยากไว้เมื่อตอนเรียน
อยากไปเที่ยวก็ได้ไปไรงี้
แค่นี้ก็เป็นฝันกูแล้วละ จบๆ
>>151 ฝันกุคือได้เป็นผู้บริหาร ตื่นมากินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ ตอนเด็กคิดแค่นั้นจริงๆ
แต่ตอนนี้ก็ได้เป็นจริงๆแต่ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์อ่านในคอมแทน
แต่อย่างนึงเกี่ยวกับเรื่องฝันนี่ถ้าใครคิดว่าทำไม่ได้ ต้องหาหนังสือ The Secret มาอ่านดูนะ
กุมีความเชื่ออย่างนึงว่า มนุษย์เราถ้าตั้งใจแล้วสามารถทำได้ทุกอย่างไม่ว่าเรื่องอะไร แต่ขั้นแรกตัวเมิงเองต้องเชื่อก่อนว่ะว่าจะสามารถทำได้ (ถ้าตัวเมิงเองยังไม่เชื่อเลยว่าทำได้ ในความเป็นจริงนี่ไม่มีทางเลยที่จะทำให้เป็นจริงได้)
ตอนเด็กๆกุโครตขี้เกียจเรียน แต่กุอยากเอ็นติดมาก คนอื่นเรียนกวดวิชากันเป็นปี กุอ่านหนังสือเดือนเดียวก็เอ็นติด (แต่ตอนนั้นอ่านทั้งวันทั้งคืนจริงๆ โครตตั้งใจอยากจะเข้าให้ได้)
อย่าขำกุ กุอยากจะเดินทางไปรอบโลกว่ะ ไปกับพวกred cross un unicefองค์กรการกุศลอะไรพวกเนี้ย อยากจะเห็นอะไรๆในโลกนี้อีกเยอะ ไม่ใช่มาอยู่แค่ในออฟฟิศ น่าเบื่อตายห่า
ถ้ามึงไม่ทำตัวยาก ก็ไม่น่าหายากนะ งานอาสาสมัคร
แต่กลัวว่าจะได้ไปเผชิญความจริงของโลกแทนน่ะสิ อย่างเช่น ช่วยเฉพาะศาสนานี้ หรือไม่ก็ต้องไปขอรับบริจาคทำยอด
กูเคยรู้สึกแย่มากกับการที่ขอสปอนเซอร์จากองค์กรนึงแล้วแม่งเอาผลงานพวกกูไปหมด(ให้เขียนโครงการให้ด้วย) แล้วมาตัดริบบิ้นอย่างเดียว
แต่มาคิดดูอีกที สิ่งที่กูและเพื่อนๆทำ มันก็ได้ประโยชน์ตามที่ตั้งใจน่ะนะ ไม่รู้จะทุกข์ร้อนกับเครดิตทำไม
>>142 ที่บอกมาใน >>137 ใช่เลยวะ อารมณ์มันดูผิดหวังประมาณที่มึงบอกนี่ละ
จนสุดท้ายแม่งก็คิดแค่ว่าแค่อยู่ไปวันๆแล้วรีบกลับบ้านมาก็พอแล้ว
ทั้งๆที่แม่งอายุยังน้อย วัยมันควรเป็นวัยแห่งความฝันอยากทำงานแท้ๆ
แต่แกดันชอบพูดประมาณว่า ให้ทนทำงานเดิมๆไปสิบปีแค่คิดก็ไม่เอาแล้ว
ถึงจะได้เงินเยอะก็เอามาทำอะไรไม่ได้ ไม่เห็นมีความสุข ห่าเหวอะไรประมาณนี้นี่ละ
กูเคยถามพ่อแม่มันนะว่ามีเพื่อนไหม เขาบอกมันก็มีแต่ดูไม่ค่อยสนิทเท่าไร
ปัญหาการเรียนก็มีแค่ขี้เกียจ ไม่ยอมตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานอย่างแต่ก่อน(แต่เกรดก็ไม่แย่)
ส่วนเรื่องความฝัน ถ้าอิงตอนประถมที่กูเคยเจอเมื่อนานมาแล้วมันบอกอยากทำงานในแลป
เป็นนักทดลอง นักวิทยาศาสตร์ อะไรแนวๆนี้ละ แต่ถ้าปัจจุบันมันบอกแค่ว่าได้กินๆนอนๆมีเงินก็พอ
กูบอกตรงๆว่ากูเห็นแล้วห่วงอนาคตมันจริงๆเลยวะ เรียนอยู่ยังคิดแบบนี้เกิดไปทำงานจริงๆมันจะขนาดไหน
ความฝันกูตอนเด็กๆก็เหมือนเด็กทั่วไปอ่ะนะ แบบอยากเป็นหมอมั่งนักบินมั่งไรงี้ ซึ่งพวกนี้ไม่ซีเรียสหรอก
โตขึ้นมาอีกหน่อยซักช่วง ม.ต้น-ขึ้น ม.ปลายก่อนจะถึงช่วงใกล้เอ็นก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิตแบบใหญ่โตมีชื่อเสียงระดับโลกในสายงานที่ตัวเองสนใจ
อารมณ์แบบบิลเกตส์ มาร์คซักไรงี้
พอใกล้ขึ้นมหาลัยเริ่มกลับมาเคว้ง มีโมเม้นแบบอยากเลิกเรียนเลิกอะไรออกมาทำอะไรเพื่อคนอื่นแบบไม่ต้องหวังเงินทอง สุดท้ายก็รู้ว่ามันไม่รอด
ฐานะทางบ้านกูมันไม่ได้ดีขนาดจะทำงานรายได้ไม่ดีไปตลอดได้ กูเองก็เป็นพวกรักสบาย ทนทำอะไรแบบนั้นไม่ได้จริงๆหรอก
พอขึ้นมหาลัยใหม่ๆยังแอบฝันว่าอยาประสบความสำเร็จใหญ่ๆอยู่บ้าง แต่ก็รู้ว่าแม่งเพ้อฝัน สุดท้ายก็ไม่ทำห่าอะไรนอกจากก้มหน้าก้มตาเรียน
มีสังคมมีเพื่อนบ้าง แต่พวกกิจกรรมไม่ได้ทำหลายอย่างที่อยาก แบบทุ่มกับการเรียนทั้งที่ไม่ได้อยาก เหมือนทำไปแบบฝืนๆ
ในที่สุดพอถึงช่วงกลางๆเริ่มรู้ว่าชีวิตกูไปไม่ถึงไหนหรอก สุดท้ายก็คงลงเอยที่ลูกจ้างบริษัทกากๆนี่แหละ
เอาว่ามีตังเลี้ยงพ่อแม่ลูกเมียได้ไม่ลำบากก็โอเคแล้ว อย่าไปอะไรมากมายกับชีวิตเลย
ช่วงใกล้จบลากยาวมาจนถึงปัจจุบันกูเริ่มค้นพบว่าจริงๆแล้วเรื่องสร้างครอบครัวอะไรนี่ก็ไม่เอาว่ะ กูไม่ใช่คนที่จะรักใครได้ขนาดอยู่ด้วยกันไปตลอดเป็นครอบครัวจริงๆจังๆแบบนั้น
ชีวิตสนุกอยู่กับโลกบนหน้าจอกูก็พอใจแล้ว ชีวิตกูลงท้ายมีเงินก็คงเอามาใช้เล่นหาความสุขปลอบใจตัวเองไปวันๆ
กูเริ่มกลับมาฝันอยากรวยแบบที่ไม่ต้องทำงาน อารมณ์แบบรวยฟลุคๆขอแค่ตัง ชื่อเสียงไม่อยากได้ อารมณ์แบบไอ้คนสร้าง Flappy Bird ไรงี้
และก็เริ่มจะเพ้อเจ้ออยากรีเซ็ตชีวิตตัวเองกลับไปเริ่มต้นชีวิตมหาลัยใหม่อีกซักครั้ง อยากย้อนเวลากลับไปตัวดีๆกับเพื่อนบางคน+ไม่ต้องไปสนใจเพื่อนเหี้ยๆบางคน
อยากใช้ชีวิตโดยไม่ต้องมาบ้าก้มหน้าก้มตาเรียนอย่างที่ทำมา สนุกกับการเที่ยวเล่นกับเพื่อนที่อยากอยู่ด้วยให้มากกว่านี้
สุดท้ายจบมาด้วยเกรดดีๆแม่งก็แค่นั้นเอง ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีค่าอะไรเลย นึกถึงแล้วกูเสียดายจริงๆ
กูมีฝันนะแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงว่ะ และถ้าเริ่มตอนอายุเท่านี้มันมีหลายๆอย่างให้กลัวว่ะ บ้านก็ฐานะไม่ได้ดีอะไร พลาดมาจะเป็นยังไง
กูแม่งเป็นพวกไม่กล้าฝันว่ะ
เพราะตัวเองขี้เกียจสัดๆ ไม่พยายามเหี้ยอะไร กลัวพยายามแล้วไม่สำเร็จ
แต่กูก็ว่ากูมีความสุขกับความฝันง่ายๆขอมีงานมีกินไปวันๆก็พอละ เครียดอย่างเดียวสมัยเด็กดันดวงดีสอบเข้ารร.ดีๆได้ เข้าคณะโคดเมพได้ แม่งเพื่อนๆแล้วก็วงสังคมรอบข้างมีแต่พวกทะเยอทะยานสัดๆ
คือพวกนี้แม่งก็เพื่อนกู แต่พอคิดว่าอนาคตต้องมาเจอแบบทุกคนรวยสัดประสบความสำเร็จสัด หัวใจที่เปราะบางดังแก้วของกูคงสลายเป็นเสี่ยงๆ
แต่กูก็ทำใจไว้แล้วอะนะว่าตัวเองเลือกเอง ทำตัวเองเอง
รายการฝันที่เป็นจริงขอมอบรถเข็นให้ท่าน
เรื่องมากว่ะพวกมึง ตื่นมาได้เล่น fanboi ก็คุ้มสัดๆแล้วชีวิตนี้ (อย่าถึงปิดหนีนะเว้ย)
แล้วพวกมึงบางตัวได้นอนแอร์นะอีเหี้ย ของกูแอร์เสียตั้งแต่เมื่อวานสัด...
พวกที่คนแฟนเป็นเด็กพวกมึงทนได้ไงว่ะ งี่เง่างุ้งงิ้งแถมคิดเนกาทีฟตลอดเวลา มองผู้หญิงคนอื่นก็ว่ากูนอกใจ
กูจะดูคลิปเพลงยูทุปที่เป็นผู้หญิงร้องก็ไม่ให้กูฟัง กูทำงานอยู่ตอบไลน์ช้าแมงก็มาดราม่ากู
แล้วแบบแม่งชอบคิดว่าตัวเองเก่งไงรู้ไปหมดทุกอย่างกูแนะอะไรก็ไม่ฟัง
แต่พอเวลาสอบแล้วก็บ่นว่าอ่านไปทันแล้ว(ทั้งๆที่กูบอกให้มันไล่อ่านตั้งแต่ก่อนสอบเป็นเดือน)
ก็บ่นว่าปัญหามันใหญ่มากหนักมากโลกแตกมากแต่มองในแง่กูมันรู้สึกจิ๊บไงๆมันก็บ่นว่ากูไม่เอาใจใส่อีกทะเลาะกันอีก
คือบางเวลากูก็เครียดไงทั้งเรื่องงานหลักทั้งเรื่องงานนนอกมีรายนี้เข้าไปอีกกูแทบอยากกรี๊ดเป็นภาษาตากาล็อก
เคยมีแม่นางคนหนึ่งบอกมา ว่าผู้หญิงบางคนไม่ชอบให้อีกฝ่ายมองปัญหาตัวเองเป็นเรื่องเล็ก
เหมือนกับ มันเครียดขนาดนี้มึงมามองเป็นเรื่องเล็กๆได้ไงช่วยก็ไม่ช่วยปลอบก็ไม่ปลอบเสือกตอกย้ำอีก
ประมาณนั้นล่ะมั๊ง
อ่านกระทู้นี้แล้วแม่งกูเครียดมากๆเลยนะ
พวกเรื่องจบไปทำงานไรเงี้ย
เหี้ย ทุกวันนี้ยังนั่งคิดอยู่ว่าจบไปกูจะทำงานอะไรดีวะ
แบบวิชาหลักๆที่เรียนๆมาแม่งไม่รู้สึกชอบซักอัน
ทั้งๆที่วิชา(หลัก)ที่เรียนแม่งโคตรจะจับฉ่ายมีเยอะไปหมด
เซ็งโว้ย—————————!!
ที่กูเคยเจอ กูพยายามทำตัวเป็นแฟนที่ดีตลอด
ไม่เจ้าชู้ ไม่นอกใจ(ทั้งๆ ที่มีให้นอกใจ)
อยู่ในโอวาท ไม่พยายามขัดใจ อยากได้อะไร ถ้าหาได้กูหาให้
แต่โดนหาเรื่องทะเลาะด้วย พอบ่อยๆ เข้า ชักทนไม่ไหวเลยจับมานั่งคุยตัวๆ
แม่นางตอบ อยู่กับกูสงบสุขเกิน น่าเบื่อ เลยหาเรื่องทะเลาะด้วย
กูก็เลยให้นางไปหาคนเหี้ยๆ ซะ ชีวิตจะได้ไม่เบื่อ
กูเจอเคสสลับกัน บอกว่ากูใส่ใจกับมันมากเกินไป มันไม่มีเวลาส่วนตัวไรงี้เลย บลาๆ
กูเลยโอเค ไม่ยุ่งกับเมิงก็ได้ เริ่มแบบไม่ได้ทำตัวงอแงใส่ไรงี้ ไม่เซ้าซี้
ไม่ไปก็ไม่ไป ไม่แบบน้อยใจอะไรงี่เง่าเหมือนแต่เก่าแล้ว
พอเสร็จ แม่งน้อยใจ บอกว่ากูอ่ะ ตีตัวออกห่างมัน ไม่รักมันแล้วใช่มั้ย บลาๆ
กูเลยแบบ เอ๊า! ไหนบอกว่าอยากได้เวลาส่วนตัวไงเล่า
ทำกูเอ๋อแดกไปหลายวันพอสมควรเลย
ปล. กูผู้หญิง และแฟนเป็นผู้ชาย
กูเพิ่งรู้จักคำว่าเรียลจูจากมีมวาเลนไทน์
กูกล้าพูดว่ากระทู้นี้เรียลจูที่สุดในเว็บ
เรียจู(リア充) จะเรียกเลียจู๋ก็ได้ จำง่ายดี
ย่อมาจากคำว่า リアル充実
หมายถึงคนที่มีพร้อมทุกอย่างในชีวิตความเป็นจริง(เรียล)
มีเงิน มีงาน มีแฟน มีความสุข
พูดง่ายๆ ก็คนปกติในสังคมนั่นล่ะ
リア充死ね
リア充爆発しろ ดิวะ
>>169 ก็แฟนกูไม่เป็นแบบนั้น
หึงงี่เง่ามีบ้าง แต่ไลน์ กูตอบช้าไปหลายชั่วโมงก็ไม่ว่าอะไร
เรื่องเรียนเรื่องสอบ มึงก็ต้องเข้าใจคนอื่นบ้าง สมัยเป็นนักเรียน เด็กนักเรียนที่ขยันอ่านหนังสือเตรียมสอบล่วงหน้านาน ๆ มันจะมีซักกี่คน
มึงมองว่าเรื่องสอบมันจิ๊บมันก็มีคนอื่นที่มองว่าเครียดเรื่องงานมันจิ๊บเหมือนกัน
กูไม่เคยเครียดเรื่องงานเลย
แต่กูดูนิสัยมึงแล้ว กูสงสารน้องเค้า
มึงอยากคบเด็ก แต่มึงรับไม่ได้กับนิสัยของเด็ก
แต่มึงไม่ยอมไปคบกับผู้ใหญ่
มึงไม่พอใจ แต่มึงก็ไม่แก้ปัญหา หรือพยายามแก้แล้วแต่ไม่มีปัญญาจะแก้ได้
แต่มึงก็ไม่ยอมเลิก เก็บน้องเค้าไว้เพราะเสียดาย แล้วก็เอาน้องเค้ามานินทาลับหลัง
มึงไม่แคร์ความรู้สึกของคนอื่น คิดถึงแต่ตัวเอง มองว่าปัญหาของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่
เด็กมันก็คือเด็ก ถ้ามึงอยากคบกับเด็ก มึงก็ต้องคอยนำเค้าให้ได้ ไม่ใช่มาโวยวายนินทาลับหลังแบบนี้
>>175 มึงทำถูกแล้ว รับไม่ได้ เข้ากันไม่ได้ ก็เลิก ไม่ใช่เก็บไว้ก่อนรอเจอคนใหม่ถูกใจแล้วค่อยเลิก
>>176 มึงก็ลองทำตัวแบบพอดี ๆ ดู
ไม่ต้องเซ้าซี้มากเกินไป แต่ก็ไม่ต้องเมินจนเขารู้สึกว่ามึงไม่สนใจเขา
リア充爆発しろ!
แฟนไม่ใช่เครื่องกลสารพัดนึก ก่อนจะคบก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าแฟนเป็นมนุษย์ ก็ต้องมีนิสัยเสีย มีความไม่มีเหตุผล มีปัญหาบ้างตามมาเป็นธรรมดา
ถ้าต้องเอาแฟนมาเมาท์แบบนี้ อย่ามีแฟนเลย
ถ้าเป็นกู กูคงไม่อยากเป็นแฟนกับคนอย่างพวกมึง ที่ไม่รู้จะเอาข้อเสียของกูไปโพนทะนาให้ใครฟังที่ไหนเมื่อไหร่แบบนี้
โม่งๆแล้วก็ระบายมั่งสิวะ ใช่ว่าเอ่ยชื่อเอารูปแปะซะที่ไหน
ไอ้ที่เล่าๆกันก็ฟังความข้างเดียวทั้งนั้น ให้แฟนมาเล่ามันก็หนังคนละม้วน มองคนละมุมอยู่แล้ว
จริงๆมันมีกระทู้แฟนๆหรือเปล่านะ แต่เหมือนกระทู้นั้นมันจะคุยกันแต่เรื่องปี้มากกว่า
กูตอบไลน์น้องกูช้าไปชั่วโมงมันยังทวิตมาด่ากูกระจายเลย
โถ่ เจ้าพระคุณรุนช่อง พ่อพระมาโปรด เอาใจเขาใส่ใจเรานะ โลกสงบสุข สัตว์โลกทั้งปวงล้วนเป็นเพื่อนกัน
ถึงคนฟังจะไม่รู้ว่ามันด่าใคร แต่คนด่ามันรู้อยู่แก่ใจว่ามันด่ากู
ต่อหน้าหรือลับหลังกูก็ไม่ชอบทั้งนั้น ที่ออฟฟิศนี่กูโดนประจำเลย
มีเพื่อนในออฟฟิศคนนึงรู้ว่ากูเป็นคุ
แล้วมันก็ชอบแอบเหน็บกูอยู่เป็นระยะ ๆ โดยที่คนอื่นไม่รู้ว่ามันเหน็บกู ถ้ากูโวยคนอื่นก็จะรู้กันหมดว่ากูเป็นคุ เซ็งมาก แต่ทำอะไรไม่ได้เลยว่ะ
การด่าคน จะด่าต่อหน้าหรือลับหลัง คนโดนด่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว มันก็แย่ทั้งนั้นล่ะว่ะ
กูโดนด่าเรียกชื่อในบอร์ดนี้กูยังไม่บ่นเหี้ยอะไรเลย
มึงนี่อ่อนหัดสิ้นดี
>>184 กุขอเรียกไอ้พวกพิทักษ์ความยุติธรรมแห่งบอร์ดโม่ง
ซึ่งกุมันใจว่าแม่งคือตัวเมียแน่ๆ เจอแบบนี้เลยจี๊ดใจดำ ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวก
To Admin กุว่าเปิดห้องสีขาว ให้พวกแม่งไปอยู่กันเลยนะ ห้ามด่า ห้ามพูดเรื่องไม่ดี โลกสวย ผีเสื้อ ดอกไม้ แม่งคงพอใจ (แต่ตัวแม่งก็คงไม่เล่นหรอกเพราะคนเราชอบแต่เรื่องเหี้ยๆ ไม่งั้น บอร์ดเหี้ยนิ่งมู้ไม่วิ่งไวแบบนี้หรอก )
ไม่ชอบการนินทา แล้วมาทำเหี้ยอัลไลอยู่ในบอร์ดโม่งวะครับ
มึงก็เหมือนกับเขาน่ะแหละ เก็บกดกับชีวิตเลยมาระบายด้วยการด่าคนอื่นในบอร์ดโม่งเหมือนกัน จะไปว่าอะไรเขาวะ
แต่กูเห็นด้วยนะว่าเรื่องครอบครัวเรื่องคนใกล้ชิด อย่าเอามาพูดข้างนอก
ถ้ากูอยู่ตระกูลมาเฟียกูสั่งเก็บเลยนะ เกลียดมาก
กูว่าระบายๆไปเหอะไม่มีใครว่า แค่อย่าใส่ประวัติข้อมูลให้สาวไปถึงตัวก็พอ
ระบายในนี้ดีกว่าเก็บกดจนไปลงไม้ลงมือกันข้างนอกนะมึง
ว่าแต่ตัวเมียแล้วไงวะ กูก็ตัวเมียแต่ไม่ได้คิดแบบที่มึงว่าว่ะตัวผู้5555
เหยดเข้ ไม่ได้เข้ามานานกำลังไฝ้ท์เรื่องไรกันว่ะ ใจเย็นๆกันดิว่ะ ใครอยากจะบ่นมึงก็บ่นไปแต่อยากลงข้อมูลส่วนตัวก็แค่นี้เอง อ่านอันไหนไม่เข้าตาพวกมึงก็ข้ามๆกันไป เจอเรื่องข้างนอกมาเครียดๆจะหาที่ระบายแบบเถื่อนๆได้ก็มีแค่ในนี้แหละ มึงจะตัวผู้จะตัวเมีย เครียดเหี้ยไรมาจากมึงก็มาบ่นกันในนี้ โม่งเป็นฝูงแม่งรออ่านและโม่งบางตัวแม่งก็ช่วยมึงคิดหาทางออกได้เว้ย ตามสะดวกเลยจะเมียทิ้งผัวเตะ แม่ยายตายพ่อตาไล่ยิง หางานไม่ได้ หัวหน้างี่เง่า มึงก็บ่นๆกันมากูรออ่านอยู่ กูว่ามีแต่ฝูงโม่งเท่านั่นแหละที่คอยฟังพวกมึงระบายแบบเถื่อนว่ะ
เท่าที่กูสังเกตุ ความเห็นมันแตกเป็นสองกลุ่มหลักคือ
กลุ่มแรกคิดว่า ที่นี่คือบอร์ดโม่ง คนเราสามารถแสดงออกอะไรยังไงก็ได้ไม่ผิด เพราะไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร
อีกกลุ่มคิดว่า ที่นี่คือบอร์ดโม่ง เป็นที่ที่ไว้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาโดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะรู้ แต่อะไรที่ผิดก็คือผิดอยู่ดี
เรื่องนินทานี่ถ้าเป็นคนอื่นคนไกล เช่น เพื่อนร่วมงานนินทากูนี่กูเฉยๆ นะ
แต่ถ้าเป็นคนที่กูรักเอากูไปนินทา ต่อให้จะพูดชื่อหรือไม่กูก็เสียความรู้สึกว่ะ
มันเสียความรู้สึกเพราะเรารัก เราไว้ใจ เราเชื่อใจไง
แต่กับเพื่อนร่วมงาน ลูกค้า หรือคนอื่น จะนินทากูนี่กูเฉยๆ ว่ะ
เพราะกูไม่ได้ให้ใจไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรให้เสียใจ
กูงงตรรกะบางคนในนี้
โม่ง A บนเรื่องแฟน คือโอเค ไม่เป็นไร
โม่ง B มาบ่นเรื่องโม่ง A กลายเป็นว่าผิด
กูว่าไอ้ที่สองคนนี้ทำมันก็เหมือนกันนะ
คนที่โม่ง A เอามาพูดถึง เป็นใครก็ไม่รู้ ไม่มีขอมูลอะไให้พวกมึงสาวถึงตัวได้ว่าในชีวิตจริงคือใคร
คนที่โม่ง B เอามาพูดถึง มันก็เป็นใครไม่รู้ ไม่มีขอมูลอะไให้พวกมึงสาวถึงตัวได้ว่าในชีวิตจริงคือใครเหมือนกัน
ถ้ามึงคิดว่าโม่ง A ไม่ผิด โม่ง B มันก็ไม่ผิด
ถ้ามึงคิดว่าโม่ง A ผิด โม่ง B มันก็ผิด
กูนี่ล่ะบ่นคนที่ไว้ใจตัวเอง(เพื่อนสนิท) เพราะมีเรื่องนึงของนิสัยมันที่กูรับไม่ได้ แต่นอกนั้นแม่งดีหมดไง
คือกูก็บอกมันอ้อมๆก็แล้ว ตรงๆก็แล้วก็ไม่เลิกนิสัยนี้ ให้บอกย้ำๆซ้ำๆแม่งก็จะเสียเพื่อนอีก จนกูปลงเลยต้องหาที่ระบายว่ะ
ไม่รู้พวกนายเถียงเรื่องห่าไรกันอยุ่แต่กูอยากบ่น
เพื่อนกูคนนึงเป็นคุ รู้จักกันเกือบปีสนิทกันมากรสนิยมตรงกัน
มันดีหมดอ่ะเสียงอย่างคือชอบเอาแฟนอาร์ตสวยๆ มาโพสให้ดูละบอกวิจารณ์หน่อย วาดเอง
กุเบื่อชิบหายมองแวบเดียวก็รู้ล่ะแฮบคนอื่นมา เพราะคาบดรออิ้งคะแนนมันห่วยแตก อนาโตมี่อย่างกะเด็กอนุบาล
อยากพูดตรงๆ นะเลิกเอาภาพชาวบ้านมาให้กุอวยเถอะแต่กลัวมันจะโกรธหนีหน้า กุยิ่งหาเพื่อนสนิทยากอยู่ด้วย
ในนี้เคยมีคนนินทากู แต่กู don't give a fuck ...
ดีซะอีก จะได้หาทางเอาคืนแม่งได้
>>212 พูดไปตรง ๆ เลยเถอะ บางคนเขาก็มีเหตุผลของเขา
กูก็เคยมีเพื่อนคนนึง เป็นผู้หญิง ชอบเอานิยายที่เขียนเองมาให้กูช่วยวิจารณ์
กูมารู้ทีหลังว่ามันเอานิยายมาจาก dek-d เพราะกูไม่อ่านนิยายตามเว็บ
แล้วตอนหลังกูก็ได้รู้ว่า มันชอบกู ที่ทำไปเพราะอยากหาเรื่องมาคุยด้วย และอยากให้กูชื่นชม
เพื่อนมึงอาจจะเป็นแบบเดียวกันก็ได้
แต่ถ้ามันใช่เพื่อนสนิทที่คิดว่ามึงหลอกได้ง่าย ก็เลยมาหลอกมึง
เพื่อให้มึงรู้สึกว่ามันเก่ง มันเหนือ เนี่ย อย่าคบเลย
เรื่องนินทานี่กูปลงแล้วว่ะ คือด้วยบุคลิกและนิสัยไม่สุงสิงชาวบ้านของกูทำให้กูเจอเรื่องแบบนี้บ่อย นี่เฉพาะที่รู้นะ ไอ้ที่ไม่รู้คงยิ่งเยอะกว่า
กูเคยเครียดมากๆอยู่ช่วงนึงเลยจนสุดท้ายได้ข้อสรุปว่าช่างแม่งเหอะ ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยแม่งพูดไปเหอะ ไม่ใช่เรื่องจริงมึงจะสนอะไร ถ้าเป็นเรื่องจริงมึงก็ต้องรับให้ได้เท่านั้นเอง พวกนี้เคลียร์กันตรงๆก็ไม่ได้ ไม่งั้นแม่งไม่เก็บเอามานินทาหรอก
สรุป ด้วยความคิดของกูที่ว่า อะไรที่เราถูกกระทำแล้วเราไม่ชอบเราก็ไม่ควรทำสิ่งนั้นกับคนอื่น ตอนนี้ก็สงบดีนะไม่ไปนินทาคนอื่น คนอื่นนินทาก็เข้าใจ เว้นแต่เจออะไรเหี้ยๆจริงๆก็จะจัดที
เรื่องนินทาเราเฉยๆ แต่เรื่องเหยียดคนอื่นเราไม่เห็นชอบนะ!
กุเคยเจอแบบคนที่รักนี่เอาไปนินทานี่แบบเจ็บชิบหาย สุดท้ายเลิกคบแม่งเลย สบายใจสาด 5555
>>217 เรื่องที่เมิงคิดว่าผิด นั่นจริงๆแล้วเมิงกำลังคิดไปเอง
แต่สำหรับคนอื่นๆอาจจะคิดว่าไม่ผิดก็ได้ เพราะไม่เช่นนั้นสังคมในความเป็นคนทุกคนคงมองและเข้าใจทุกอย่างเหมือนๆกัน บอร์ดโม่งแห่งนี้คงไม่เกิด
ส่วนเรื่องนินทากัน ก็เป็นกรรมของเมิงล้วนๆ ถ้าเมิงดีจริงเค้าก็คงไม่เอาเมิงไปนินทาแบบเสียๆหายๆ ซึ่งถ้าลองมองดูดีแล้วสิ่งที่เมิงคิดว่าคเมิงทำดีกับเค้า หวังดีกับเค้า เป็นห่วงเป็นไย แต่สำหรับเค้าอาจจะมองว่าเมิงก็หวังทำดีเพราะอยากจีบติด อยากได้เค้าเป็นแฟนก็ดี
อยู่ดีๆใครจะไปทำดีกับใครก็ไม่รู้ไม่รู้จัก แม่งก็หวังผลอะไรบางอย่างทั้งนั้นแหละ
งั้นพระพุทธเจ้าก็ไม่ดีจริงสินะ เพราะพระพุทธเจ้ายังโดนนินทาเลย
แทนที่คนนินทาจะเป็นคนทำผิด ทำไม่ดี ปากหมา กลายเป็นกรรมของคนถูกนินทาซะงั้น
แต่ถ้าจะว่าเป็นกรรมนี่ก็เห็นด้วยนะ กรรมที่ต้องมาพบพานและรู้จักกับคนเห้ๆ แบบนั้น
ไอคนถูกนินทามันแล้วแต่วะ บางทีโดนนินทามโน ถูกจินตนาการเรื่องเหี้ยๆมานินทา
แต่บางคนมันเหี้ยน่านินทาจริงๆไม่ต้องมโนก็มีให้ด่าพรึบๆ
แล้วเรื่องพระพุทธเจ้า เขาอาจเคยทำอะไรไม่ดีก็ได้เลยโดนนินทา
เพราะยังไงก็ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาดอยู่แล้ว
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.