รายนามกระทู้เก่า
วันศุกร์แรก https://fanboi.ch/lounge/68/
วันศุกร์ที่สอง https://fanboi.ch/lounge/216/
Last posted
Total of 1000 posts
รายนามกระทู้เก่า
วันศุกร์แรก https://fanboi.ch/lounge/68/
วันศุกร์ที่สอง https://fanboi.ch/lounge/216/
ไอ991มาเล่าต่อดิ
ใบลาออก เคยเขียนแค่หนเดียว กรอกลงไปต้องออกไปรับช่วงกิจการของที่บ้าน
เถ้าแก่เซ็นอนุมัติชัวะ แล้วก็เดินตัวปลิวออกมาอย่างง่ายดาย
ป.ล. เหตุผลนั่นกูตอแหล จริงๆ คือกูเบื่อเจ้านายหัวควย แค่นั้นล่ะ
ยังไม่เคยว่ะ แต่อาจจะได้เขียนเร็วๆนี้
ใบลาออก กูเขียนแล้วรู้สึกเป็นไทเลยนะ ประหนึ่งมึงได้แก้ไขสนธิสัญญาทาสปลดปล่อยชาติเลยทีเดียว
เหตุผลที่ลาออก "เตรียมสอบเข้ารับราชการ"
มีช่องหนึ่งให้กรอก ความรู้สึกด้านลบต่อบริษัท กูว่างไว้ พอHR ถามว่าทำไมไม่กรอกกูตอบไปว่า
"ช่องน้อยไปกรอกไม่พอครับ"
กูโดนขอร้องให้เขียน
เจ้าของกูปิดบริษัท พวกกูควรต้องได้ค่าชดเชยตามกม.แรงงาน กี่เดือนกี่ปีจำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าถ้าลาออกเองจะได้ครึ่งเดียวจากที่ควรได้
เจ้าของขอร้องให้กูลาออก รับเงินค่าชดเชยเป็นก้อนไปครึ่งเดียวก่อน ที่เหลือแกจะผ่อนจ่ายแบบลับๆให้ทีหลัง
คือแกอยากจ่ายเต็มให้กูคนเดียว อีกสี่ห้าคนที่เหลือแกก็ไม่พอใจมานานแล้ว แกเต็มใจให้กูแต่ไม่เต็มใจให้พวกนั้น
พอพวกนั้นเห็นลูกรักอย่างกูยอมเซ็น ก็เลยเซ็นมั่ง เอาครึ่งเดียวก็ยังดี ดีกว่าฟ้องเอาเต็มแล้วไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่
ตอนหลังแกก็ทยอยจ่ายให้กูเป็นเดือนๆ จนครบ ช่วงที่กูว่างๆ ก็ยังเรียกไปช่วยเป็นฟรีแลนซ์ จนกูเรียนโทก็เลยเลิกรับงาน ไม่ได้คุยกันละ
เปิดกระทู้มาด้วยเรื่องลาออกเลยว่ะ กูรออ่านเป็นประสบการณ์ละกัน ที่กูทำอยู่ตอนนี้อะไรๆมันยังดีอยู่
กูคิดจะออกมาร่วมปีละ ปิดโปรเจคต์ได้เมื่อไหร่ไปเมื่อนั้น
แต่โปรเจคต์แม่งท่าทางจะอีกสามสี่ปี OTL
เรื่องลาออกนี่ของที่ทำงานกูมีคนนึงแกหายไปดื้อๆเลย ไม่มาทำงาน ปิดมือถือ ผ่านไป2อาทิตย์ถึงเข้ามาออฟฟิสมาบอกลาออก แถมมถามถึงโบนัสด้วย
จาก 991 ในกระทู้นู่นนะ มันก็ไม่มีอะไรแค่ได้งานที่ดีกว่า คือไปสอบรัฐวิสาหกิจติด แล้วฟลุคสอบสัมภาษณ์ผ่านว่ะ(ตรงงนี้คือเตรียมใจไว้แหละแพ้เส้นแน่ๆเสือกผ่านซะงั้น) ที่เดิมเข้า8เลิก5 เสาร์ทำครึ่งวันวันหยุดราชการบางวันอาจไม่ได้หยุด(วันรัฐธรรมนูญนะที่ไม่ได้หยุด) ที่ใหม่เข้า8เลิก4 หยุดเสาร์-อาทิตย์ หยุดตามวันหยุดราชการที่มีให้หยุด คือที่เก่าหาทางโตไม่ได้ว่ะ ผจก.แม่มไม่ดัน จะเรียนต่อแม่มก็ขวาง เลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ที่ใหม่ยังพอได้เวลาให้ไปหาความรู้ต่อยอดเพื่อเอามาเสริมเพื่อความก้าวหน้าได้ แล้วที่เก่ามันไม่รับเป็นพนง.ประจำเลยต้องเป็นลูกจ้างรายปีไปเรื่อยๆแบบเนี้ย พอไปงานปีใหม่ที่บริษัท เจ้าของแม่งประกาศ "ผมให้โบนัส8เดือน" เยสแม่มคือผมไม่ได้เป็นพนง.ประจำไง เซ็งสัสอ่ะ แม่มได้กันแต่ผมไม่ได้แม่มเฮกันแต่ผมเฮไม่ออก จะไม่ไปมันก็ถือว่าขาดงาน แล้วพอผมเขียนใบเสร็จหัวหน้าก็พาไปคุยกับ ผจก.แผนก พี่แกบอกเดือนนี้ปรับเงินขึ้นแล้วนะได้เกินมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดขั้นต่ำด้วยนะ อยู่อีก1-2ปีได้ปรับเป็นพนง.ประจำ ได้โบนัสแบบคนอื่นด้วยนะ ในใจผมตอนนั้นนะ("ควย กูอยู่มาตั้งนานมิงไม่คิดจะปรับจะเพิ่มเหี้ยไรให้เลย พอกูจะออกมิงก็เสนอมาให้กูใหญ่ไอชิบหายยยยยย") แต่ผมก็ไม่เอานะ ออกคือออก ไม่สนไรแม่มแหละ แต่ผมก็สงสารหัวหน้าที่ผมสังกัดอยู่นะ เพราะแกรับผมเข้ามาสอนอะไรหลายๆอย่างให้ แต่มันก็อนาคตผมน่ะ ให้อยู่ต่อคงไม่ไหวจริงๆ ตอนนี้เลยทำงานแบบชิลๆมากเพราะสิ้นเดือนนี้ก็ไปแหละ อยู่ให้ครบเดือนเพื่อเอาเงินเดือนให้ครบพอ สบายจริงๆ
ขอบใจที่รับฟัง(อ่าน)นะสหายโม่งทุกท่าน
ไอ้ข้อเสนอที่เพิ่มให้ตอนจะออกนี่ไม่จริงใจเลยว่ะ กูเห็นมาหลายรายละ
สัญญาเข้าไปเหอะว่าเดี๋ยวจะบรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่ทำงานงกๆ ต่อไปอีกกี่ปีแม่งก็ไม่บรรจุ
ตัีดสินใจได้ดีแล้วที่ไม่หลงลมปากมัน
หัวหน้าเจ้านายเฮงซวย มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ที่กูเคยเจอ คือมันเป็นคนเก่าคนแก่ของบริษัท แล้วบ้าอำนาจชิบหาย
มึงทำงานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องอยู่ในโอวาทด้วย
พอเจอบางเรื่องที่แม่งไม่สมเหตุสมผล กูไม่เห็นด้วยกูก็ค้าน
กลายเป็นว่ากูกระด้างกระเดื่อง ปกครองไม่ได้ ทีนี้แม่งกับพรรคพวกก็แกล้งกูสารพัด
ตั้งแต่เรื่องขี้หมาปัญญาอ่อนเหมือนเด็กประถม จนถึงขั้นขัดขาให้งานเสีย
กูก็ระเบิดดิ ว้ากใส่หน้าแม่งทั้งๆ ที่กูอายุอ่อนกว่ามัน 2-3 รอบ
เจอแบบนี้คงอยู่ด้วยกันได้หรอก เลยลาออกแม่มซะ ควย
หัวหน้ากูนิสัยโอเคแต่ทำงานไม่ได้เรื่องว่ะ คือต้องตามจี้ให้ทุกจุด ถามความเห็นหรือคำสั่งแก้ก็ไม่ชัดเจน
อย่างน้อยก็ดีที่แกรับฟังล่ะนะ
กูรักงานปัจจุบัน แต่กูเหนื่อย วันๆ แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ลาหยุดก็ทำให้งานเลท แต่กูไม่อยากลาออก กูควรจะทำยังไงดีวะ
อีกไม่กี่ปีต้องสอบมหาลัยแล้วแต่ว่ายังไม่มีคณะที่สนใจอยากเข้าจริงจัง อาชีพที่อยากทำความฝันอะไรก็ไม่มี
โม่งในนี้ตอนสมัยเอ็นมหาลัยเครียดกันมากไหม
ก่อนไปเอนท์กูจำได้ว่าเล่นเกมโต้รุ่ง เสือกติดอีก แต่สละสิทธิ์ไม่ไป
ถ้าให้แนะนำคืออย่าเอาอย่างกู กูมันเหี้ย มึงต้องไปที่ๆดีที่สุด พยายามเรียนให้จบโดยข้องเกี่ยวกับเพศตรงข้ามและอบายมุขให้น้อยที่สุด
หาเพื่อนหาผู้ใหญ่เยอะๆ ขยันตั้งใจสุจริตไม่ท้อแท้ พยายามหาสายงานที่ได้เงินดีที่สุด (แต่ไม่ถึงขนาดต้องไปเป็นทาสเขา)
ถ้าไม่มีความฝันอะไรเป็นพิเศษ ก็มีชีวิตอยู่อย่างเชิดหน้าชูตาให้คนที่แหกเอามึงออกมาจากช่องคลอดหรือคนที่เลี้ยงดูมีความสุข
ทำให้คนอื่นมีความสุข ชีวิตมึงก็สมบูรณ์ ถ้าสมบุรณ์แล้วยังเสือกจะบ่นอีก ในกรุงเทพมีตึกให้โดดเยอะแยะ ไปใช้งานได้ตั้งแต่ตอนนี้เลยครับ
กูนี่แหละกำลังเอนท์อยู่ยังไม่ติดเลยด้วย แต่มีคณะที่เล็งๆไว้แล้ว
เพิ่งจะมารู้ว่าตัวเองอยากเข้าอะไรจริงจังก็ตอนม.5-6นี่แหละ แต่เผอิญกูเป็นเด็กเรียนค่อนข้างดีอยู่แล้วเลยพอเอาตัวรอดได้
คำแนะนำคือให้ค้นหาตัวเองตั้งแต่ตอนนี้เลยว่าอยากทำอะไรในอนาคตดูตัวเองว่าถนัดอะไร ชอบอะไร แล้วพยายามศึกษาสายงานที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลในเน็ตมีเยอะแยะ
แต่ถ้ามึงไม่มีความฝัน คิดแต่ว่าอยากจะอยู่สบายๆเล่นเกมเข้าบอร์ดโม่งไปวันๆ มึงก็ต้องมีอาชีพเพื่อหาเงินมาเลี้ยงตัวเองและครอบครัว ก็ทำอย่างที่ >>23 บอกนั่นแหละ
เรื่องเครียดไม่เครียดมันก็อยู่ที่คณะที่มึงจะเข้า ถ้าหวังสูงๆก็ต้องขยันหน่อย หรือถ้าพ่อแม่รวยก็ให้ส่งเข้าเอกชนแทนก็ไม่มีปัญหา
เด็กๆมาอ่านกระทู้นี้จะไม่รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตเหรอวะ
...ชีวิตก็แบบนี้แหละเด็กน้อย กิน ขี้ ปี้ นอน
ร็อคสตาร์ นักบินอวกาศ ดารา ซูเปอร์ฮีโร่ ฯลฯ มึงเก็บไว้เป็นชาติหน้าละกัน
ม.ปลายอาจไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก เอนท์คณะที่ตัวเองชอบนั่นแหละ เอาให้เต็มที่ไม่ต้องมาเสียดายทีหลังดีสุด
กูได้อันดับ1ของประเทศของสาขากู ตอนเรียนกูยังรู้สึกเซ็งเลย ถ้าเป็นสาขาที่ไม่ชอบกูคงรู้สึกชีวิตไร้ค่าน่าดู
กูอยากย้อนเวลากลับไปเลือกคณะใหม่
ได้โควต้าสาขาที่ตัวเองอยากเรียนหลายที่ แต่กลับต้องเลือกเรียนคณะที่กูไม่อยากเรียนเลย...
ไม่มีความฝัน ก็ไปนอนซะ จะได้มีความฝัน
มีใครฝันอยากเป็น wizard 30 ไหมวะ
กูมากลางทางละ
>>22 กุเข้าใจมึง มึงอย่าไปเครียดเรื่องที่มึงไม่มีความฝันเท่ๆ มึงหาไประหว่างทางนั่นแหละ เอ็นท์เข้าไปแล้วมึงก็เข้าไปเรียน ไปทำกิจกรรม ไปเดินทาง ดูว่ามึงชอบอะไร รู้สึกชอบก็ลองโดดไปทำเยอะๆ เรียนจบแล้วหาไม่เจอมึงก็ไปหาต่อตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่สำคัญคือมึงต้องไม่ขดตัวเป็นก้อนอยู่แต่ในเปลือกสบายๆของมึง
>>29 กุไม่ได้อยากเป็นเลยไอ้เหี้ยแต่แม่งเป็นไปละ ต่อไปอะไรดี
ต้องไม่ขดตัวเป็นก้อนอยู่แต่ในเปลือกสบายๆของมึง <<<< นี่กุญแจสำคญเลยนะ กูสนับสนุนตรงนี้เต็มประตูเลย
อนาคตข้างหน้าถ้าจะดูแลตัวเองหรือเป็นผู้นำครอบครัว มึงต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก
กูได้โควต้าเข้าภาควิชาอันดับ 1 ของประเทศสายที่อยากได้อยู่แล้ว ชะละล่า! แถมเพื่อนกลุ่มเดิมตอนม.ปลายยกมาทั้งโขยง
กูก็อีกนิดเดียว 555และมีแววว่าอีกนาน
ไม่แน่กูอาจจะครองโลกได้ซักวัน
ไอ้เรื่องความฝันนี่กูก็เคยมีนะ พอทำงานแล้วก็เข้าใจ
มึงแค่มีงานทำ มีเมีย มีบ้านมีรถขับนี่ก็ถือเป็นความฝันสูงสุดของ
ซาลารี่แมนอย่างพวกกูแล้วว่ะ ...คิดว่านะ
มีโม่งซาลารี่คนไหนทำงานอยู่ใกล้ๆ เวทีชุมนุมบ้างป่าววะ เป็นยังไงบ้าง
หลังๆมันเปิดทางให้ไปได้เลนนึงซึ่งก็ไม่ช่วยห่าไรเท่าไร ดีที่บ้านกูใกล้กูเลยไปรื้อจักรยานสมัยเรียนมาใช้ไปได้
(ฝ่าม็อบไปเลยนั่นล่ะ แต่อันไหนลัดเข้าห้างได้ก็เข้า ปลอดภัยไว้ก่อน)
แต่ตอนนี้มันเริ่มย้ายไปที่อื่น(แต่ยังปิดอยู่ละ)เลยปั่นได้โล่งๆ ถ้ากูอยู่ตรงที่เกิดเหตุการณ์รุนแรงตอนนี้กูคงเสียวปั่นไปเจอระเบิดเหมือนกันว่ะ
แต่กูว่าอยู่เป็นโสดมันก็สบายดีจนเคยตัวนะ ถ้ามีแฟนมาคอยจิกๆ ตามๆ ต้องเทคแคร์ซื้อโน่นซื้อนี่ให้จะไหวเหรอวะ...
ถ้ากุย้อนเวลาได้ กุจะไปเป็นนักบิน เงินดี เท่ มีเกียรติ มีสาวๆแอร์ให้เลือกสบาย
เสียงบนเวทีเข้าถึงบ.มึงบ้างป่าววะ ของกูแม่งเดี่ยวนี้เปิดลำโพงดังขึ้นได้ยินชัดแจ๋วเลย ได้ฟังเฮทสปีชทุกวันเลยกู ทั้งตอนทำงานทั้งกลับบ้าน โคตรเครียดรู้สึกป่วย
เป้าตุงๆ พกจุดสองห้อยไว้ จะเปิดดูมั้ยล่ะไอ้สัส
กูอยากเป็นนักเขียนเป็นศิลปิน ฝันไว้ตั้งแต่หัดจับดินสอวาดภาพหัดเล่นเครื่องพิมพ์ดีดแล้ว
พอเป็นจริงแม่งก็ไส้แห้งจริงๆว่ะ 55555 ตอนนี้ไม่อดตายเพราะมีคนช่วยอุปถัมภ์
ทำตรงอโศก เจอม็อบเต็มๆ
ข้อดี: ของกินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กูข้ามถนนสบายขึ้น
ข้อเสีย: กูหนวกหู
เอาจริงๆ ไม่ค่อยเจอการ์ดมาเรียกตรวจ หรือเพราะกูเป็นผู้หญิงเขาเลยปล่อยผ่านไปวะ
เร็วๆนี้จะไปสัมภาษณ์งาน โคตรตื่นเต้นเลย
พอจะมีคำแนะนำอะไรบ้าง
>>58 พูดจาฉะฉานมีความมั่นใจ คิดก่อนตอบได้ไม่ต้องรีบตอบ ตอนเค้าให้ถามอย่าถามปัญญาอ่อนแบบเรื่องที่ควรรู้อยู่แล้ว เช่น บ นี้ทำอะไร กูเป็นคนสัมภาษณ์กูเฉดหัวแม่งตอนนั้นเลย เรื่องพวกสวัสดิการวันหยุดถามได้ โอที โบนัส
ที่สำคัญคือ มึงห้ามโม้เด็ดขาด อันไหนทำไม่เป็น ไม่เคยทำ ก็ให้บอกไปตามตรงแล้วบอกว่าจะพยายามเรียนรู้
ถ้ามึงโม้ว่าทำได้พอรับเข้าไป เค้าโยนงานมาให้แล้วมึงทำไม่ได้ทีนี้ล่ะมึงเรื่องยาว
ความเห็นก่อนก็ใช่
ถ้าไปสัมภาษณ์ก็บริษัทญี่ปุ่น เพิ่มเติมว่าให้พูดสั้นๆ กระชับอย่าวกวนพายเรืออยู่ในอ่าง เพราะถ้าใช้ล่ามล่ามอาจเกลียดมึงแล้วแปลไปคนละทาง พยายามยกตัวอย่างผลงานที่จับต้องได้จริงๆ นำเสนอตัวเลขได้ยิ่งดี ราวๆ นี้มั้ง
>>60 เคยไป บ.ยุ่น อยู่สามสี่ที การเรียกเงินเดือนแม่งสำคัญสุดจริงๆ ทีแรกๆ ก็เรียก rate สูงหน่อย ก็ไม่เคยผ่านรอบแรก พอไปอีกที่ ลองเรียกน้อยๆดู ปรากฎว่าวันสัมภาษณ์รอบสองมีกูผ่านมาคนเดียวจาก 10 คน ไอ้เด็ก จบ ม. สีชมพูข้างๆ กูเห็นมันเรียกซะ... นี่มึงจบ ป.ตรี กล้าเรียกขนาดนี้เลยหรอวะ... กูจบโทมหาลัยหนึ่งในสามสีเหมือนกันยังไม่กล้าเรียกเลย....
ปล. ปัจจุบันกูไม่ได้ทำ บ.ยุ่นนะ พอดีสอบได้ MTโปรแกรม ของ บ.ๆหนึ่ง ได้เงินเยอะกว่าราวๆ 50% เลยเผ่นมา....
"ไม่เอาผม คุณก็พลาดแล้ว" "ผมทำได้ คนอื่นทำไม่ได้ดีเท่าผมละกัน" "ก็คนมันทุ่มเท" ประมาณนี้มั้ง
เงินเดือนก็เรียกตามฐาน ตรี 15000 โท 21000 ถ้ามีความสามารถพิเศษอะไรก็บวกบวกไปเอง
กูแอบชอบเพื่อนสนิทมากขึ้นเรื่อยๆจนช่วงนี้เริ่มเพ้อๆฝันถึงมันละ ไม่มีสมาธิทำอะไรเลยว่ะ ทำอะไรก็คิดถึงเขาไปหมด แย่จริง
ตอนช่วยตัวเองก็คิดสินะ อืมๆ
คิดถึงสมัยมอปลายจังว่ะ
มีเพื่อนสาวที่สนิทๆแล้วไม่ค่อยระวังตัว ก้มที ยกขาทีเห็นหมด
แล้วบางทีวันไหนใส่ทรงเอนะ(เป็นชุดประจำ รร ใส่วันจันทร์)
แล้วตอนเรียนแม่งเป็นโต๊ะ 8 เหลี่ยมไง นั่งหันหน้าเข้าหากัน
กูทำยางลบตกทั้งคาบอ่ะ
แต่พอไม่ได้เจอหน้ากันนี่ จิ้นไม่ออกแล้วนะ
สมัยม.ปลายกูก็ไม่ระวังตัวนะ แต่กูนุ่งขาสั้นไว้ใต้กระโปรงตลอดเลยเซฟ เตะกับเพื่อนในห้องได้แบบสบายใจ
กระโปรงนักเรียนแม่งสั้นขนาดก้มแล้วเห็นเลยเหรอวะ
กูจำได้สมัยเรียนถ้าไม่ใช่สั้นๆจริงๆตอนขึ้นบรรไดยังไงก็ไม่ได้เห็นเด็ดขาด
กูหมายถึงหน้าอก เพื่อนกูชอบคิดว่า ใส่ขาสั้นเซฟแล้วจะเฮฮายังไงก็ได้ เลยไม่ระวังตัว แล้วก็ชอบมาทำนมหกใส่กูประจำ
อืม... ถ้าเป็นอกนี่กูโนคอมเม้นต์ว่ะเพราะโตช้า แบนราบมาจนม.ปลาย
เพื่อนคนที่มาทำนมหกให้ดูก็ค่อนข้างแบน กูถึงได้เห็น
อกโต ๆ มันก้มก็เห็นแต่ยกทรงกับเนินอก
อกแบน ๆ ก้มทีเนี่ยเห็นศีรษะถันเลย
และนี่ก็คือประสบการณ์วัยใสของเหล่าซาลารี่แมน
สมัยกูเป็นนักเรียน ระหว่างทางไปกลับจะผ่านโรงเรียนพานิชย์หลายที่
แล้วกูชอบดูเนินท้องน้อยที่อยู่ใต้เข็มขัดของน้องๆ เด็กพานิชย์ แฮ่ก แฮ่ก
พอมาตอนแก่ มีโอกาสได้เห็นเด็กพานิชย์บ่อยๆ อีกครั้ง
แต่แม่งใครเป็นผู้นำเทร็นด์แฟชั่นดึงขอบกระโปรงขึ้นมาสูงๆ ไว้ใต้นมวะ
ทำแบบนั้นก็ไม่มีเนินน้อยๆ ใต้เข็มขัดให้กูดูสิวะ โคตรเสียจึยเลยสัส
ไหงกลายเป็นกระทู้หื่นวะ
ใต้กระโปรงเป็นกางเกงรัดรูปสีดำพออภัยให้ได้ กูจะหื่นยิ่งกว่า กกน. อีก
เคยสารภาพกับเพื่อนสนิทก่อนใกล้จบว่ากูชอบมองมึงมาก เห็นแล้วแข็งทั้งวันเลย แม่งขำกลิ้งลั่น
จนป่านนี้แม่งยังล้อกูเรื่องนี้อยุ่เลย ผ่านมาสิบกว่าปีแล้วดว้วย
มีเรื่องน่าอายอยากมาระบายว่ะ
ขอเกริ่นก่อน เมื่อก่อนกูเป็นคนที่เพลย์บอยมาก ภาพลักษณ์ของกูในออฟฟิศก็คือเป็นหนุ่มแบดบอย
ปีใหม่ที่ผ่านมากูคิดจะเปลี่ยนตัวเองใหม่ เลิกจีบคนนั้นฟันคนนี้แล้วเปลี่ยนมาพัฒนาตัวเอง ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายมาจีบกูแทน ซึ่งมันก็ได้ผลพอสมควร
วันศุกร์ที่ผ่านมาตอนก่อนจะกลับบ้านมีเพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกับกูคนนึง อยู่คนละฝ่าย แต่กูเล็งมานานแล้วเพราะหน้าตาดีโปรไฟล์ก็ดี เข้ามาชวนคุย กูก็คุยเล่นทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ไปตามความเคยชิน
ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านเขาก็ถามกูว่า นี่เจ้าชู้ใส่มุกหยอดจีบสาวไปทุกคนเลยใช่มั้ย อย่าคิดว่าเราไม่เคยได้ยินข่าวลือนะ
กูก็เลยตอบไปว่า ผมเลิกจีบผู้หญิงแล้วครับ
ตอนนี้กูพึ่งมานึกได้ กูพลาดไปแล้วใช่มั้ยวะเนี่ย เค้าจะเข้าใจผิดรึเปล่าวะเนี่ย เชี่ย
ไอสัส....กูขรรม 555555
เตรียมตูดไว้รอเลยมึง บานแน่ ถถถ
เวลาสารภาพรักแล้วผู้หญิงบอกให้รอนี่คือไม่รับรักเราใช่เปล่าวะ หรือเก็บไว้เผื่อเลือก ?
มองในแง่ดี.คือ เขายังสับสนอาจเห็รมึงเป็นเพื่อนเคียงข้างตลอด แล้วอยู่ดีๆมึงจะมาเลื่อนความสัมมันก็ต้องมึนเป็น ธรรมดา. ไม่ก็กลัวถูกมองว่าใจง่าย .อันนี้อิงจากตัวกูเองนะ ไม่รู้ผู้หญิงคนอื่นจะคิดแบบนี้รึเปล่า
ไอพวกสมบูรณ์พร้อมเอยยยยยยยยยย
กุสารภาพตอนจบม.ปลาย โดนบอกให้รอเพราะไปเรียนมหาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน คนละภาควิชา
ผ่านไปสามเดือนกูก็เลิกรอ... เพราะเดินไปเจอเธอควงหนุ่มใหม่กระหนุงกระหนิงที่ห้างใกล้มหาลัย สรุปว่าให้รอ เพราะอยากรอดูตัวเลือกใหม่
สามเดือนถัดมากูได้แฟนคณะข้างๆ หน้าตาสู้ไม่ได้ แต่นิสัยน่ารักกว่าร้อยเท่า
น่ารักแต่นิสัยเหี้ย+เรื่องมากก็ไม่ไหวเด้อ
เช่นคิริโนะ
กูว่าแล้วแต่คนนะ แต่ตอนแรกใครๆก็ดูหน้าตาก่อนทั้งนั้น ส่วนจะยืดรึเปล่านี่ก็ที่นิสัยต่อ
แต่สันดานผู้ชาย ถ้าเหี้ย+เรื่องมากสัด ไม่นานก็เลิก ได้ฟันทีนึงก็พอแล้ว
ยกเว้นคนที่ทนได้ไม่ก็เสือกเป็นมาโซ
จะว่าไปใครแถวนี้มีปัญหาเป็นผู้หญิงแต่เก่งงานจัดจนผู้ชายไม่กล้ามาจีบปะ
เป็นฝ่ายไม่กล้าจีบ -_-''
กูไม่ใช่ แต่กูรู้จักหลายคน เค้าก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไรนี่หว่า
ผู้หญิงเก่งจัดที่กูรู้จักมาทุกคน ไม่สนผู้ชายที่แย่กว่าตัวเองอยู่แล้ว
ผู้ชายที่เก่งกว่าผู้หญิงคนนั้นเขาก็กล้าจีบว่ะ
>>110 ถ้ากูจำไม่ผิด กูจำได้ว่ามันช่วยแก้ปัญหาฝ่ายหญิงด้วยนี่หว่า เพราะ เมียมันอีคิวต่ำมีเรื่องกับคนอื่นบ่อย
เหมือนในกระทู้พันทิปอันหนึ่ง กูไม่รุ้หรอกว่าแม่งมโนเองหรือว่าเรื่องจริง ที่แฟนแม่งเก่งกว่ามากๆเหมือนกัน
ฝ่ายหญิงทำงานหาเงินมาให้ ส่วนฝ่ายชายอยู่บ้านทำงานบ้านทำกับข้าว อะไรประมาณนี้
>>106 กูตอบได้มั้ย ไม่เชิงเป็นผู้หญิงเก่ง แต่งานที่ทำเสือกให้ผลตอบแทนดี เงินเดือนกูเลยสูงเมื่อเทียบกับคนอายุไล่ๆ กัน แล้วกูก็บ้ารับจ๊อบอีกพันห้าร้อยแปดประการ รู้สึกตัวอีกทีชีวิตกูแม่งมีแต่งานว่ะ แต่ที่ผู้ชายไม่มาจีบอาจเป็นเพราะกูขี้ริ้วเอง ไม่ได้เกี่ยวกับว่ากูเป็นผู้หญิงหาเงินเก่งก็ได้นะ orz
>>109 เพื่อนของมึงเค้าไม่ได้เป็นเกย์ แค่ต้องการจะสื่อความหมายเหมือน 88 รึเปล่า แนวคิดเหมือนกันเป๊ะ
>>110 กูไม่เคยเห็นคนทำงานเก่งแต่มี EQ ต่ำนะ พวกที่มีแค่ฝีมือในการทำงาน ทำงานออกมาแล้วดูดี แต่ประสานงานกับคนอื่นไม่ได้ กูไม่นับเป็นพวกทำงานเก่งว่ะ
เมื่อก่อนบริษัทกูก็เคยมีแบบนี้อยู่คนนึง ฝีมือดีจัด เก่งจัด อีโก้เลยสูงจัด ก็เลยเข้ากับใครไม่ได้เลย มีปัญหากับคนอื่นตลอด ไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน ขนาดอีกฝ่ายเป็นลูกค้าก็ยังไปทะเลาะด้วย สุดท้ายก็โดนเชิญให้ออกไป
ครอบครัวที่ฝ่ายหญิงทำงานหาเงินมาให้ ฝ่ายชายอยู่บ้านทำงานบ้าน เดี๋ยวนี้ไม่แปลกว่ะ มีเยอะ
>>113 มึงก็หัดดูแลตัวเองบ้างสิวะ มึงไม่ต้องเกิดมาโครงหน้าสวยก็ได้ แค่มึงบุคลิกดี ผิวดี ไม่อ้วนไม่ผอมเกินไป ยังไงก็มีผู้ชายมาชอบมึงหลายคนแน่ ๆ
>>110
>>111
ไม่ได้แก้ปัญหานะ ก็แค่ฟังเธอบ่น ดูเธอทุบโต๊ะ ชงโกโก้ให้กิน หาวิธีปลอบ อะไรประมาณนั้นแหละ
ต้องเข้าข้าง ต้องตั้งใจฟัง ต้องจับใจความได้ ห้ามถามซ้ำเด็ดขาด ไม่งั้นกูจะโดนทุบแทน
ปัญหาก็เรื่องการเมืองภายในบริษัท ทางนี้ก็อีโก้แรงโคตรๆ กูจะแก้อะไรได้
แค่ช่วยให้อารมณ์เย็นลง ให้สบายใจเวลาที่อยู่บ้าน พอหลับสบายตื่นมาก็คิดวิธีแก้ปัญหาได้เอง
กูไม่ใช่คนที่โพสในพันทิพ แต่กูก็อยู่บ้าน แล้วกูก็ไม่ได้เกาะเมียมาตั้งแต่ตอนแต่งงานนะ กูออกจากงานมาปีก่อน
ตอนนี้ทำฟรีแลนซ์รอสอบข้าราชการ แล้วก็ไปบ้านใหญ่ช่วยดูแลย่า (ย่าของเมีย)
แต่ตอนที่ทำงานประจำ กูก็เงินเดือนน้อยกว่าเมียจริงๆนั่นแหละ
เรื่องเลี้ยงลูกถูบ้านทำกับข้าวขัดส้วมกูเก่งกว่าเว่ย (กูเป็นผู้ชาย)
>>88 กุว่าเมิงมาถูกทางแล้วว่ะ ถ้าแม่งไม่สนใจเมิงเลยแม่งไม่มาถามแบบนี้หรอก ที่ถามเพราะเพราะชอบเมิงแล้วแต่กลัวเมิงเจ้าชู้ตั่งหาก นี่ถ้าเมิงเดินไปลากคอมาจูบเลยนะ แม่งเหมือนในละครชัดๆ แบบนางเอกบอก อย่านะ อย่านะ แต่ก็ยอม (หรือไม่ได้จูบกันแล้วก็เก็บเอาไปนั่งฝันต่อ แม่งผู้ชายแบบนี้ชั้นเกลียดที่สุด แต่ก็นึกถึงเมิงตลอดเวลาแบบนั้น)
>>116 ถ้าอยู่กับผู้หญิงเก่งกว่นี่ต้องอีโก้โครตสูง ไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเวลาโมโหหรือปรี๊ดแตก แม่งจะเอาเรื่องนี้มาพูดกรอกหูแน่ๆ
กูอยากลาออก แต่กูบ่นให้ใครฟังไม่ได้ เลยมาบ่นในนี้
กูเซ็ง งานมันไม่ได้อะไร แต่กูไม่อยากทำงานแล้วอยากจะนอนนิ่งๆ เป็นนีทซัก 2-3 เดือน น่าจะไหวมั้ย
กูเบื่อ
โอเค
เป็นมาหลายเดือนแล้ว
เศร้าว่ะ
วันนี้เหนื่อยดีว่ะ จะทำงานที่รัฐวิสาหกิจมันก็เรื่องเยอะดีนะ ไปx-rayปอดตามโรงบาลที่หน่วยงานบอก ไปตรวจสารเสพติดโรงบาลเฉพาะ ไปทำประวัติที่กรมตำรวจ แต่ล่ะที่ก็เรื่องเยอะไปไหน x-rayปอดก็ไม่เท่าไหร่ แต่มันมาเรื่องเยอะตรงตรวจสารเสพติดนี้แหละ จะอยู่ๆเดินเข้าไปไม่ได้นะต้องโทรให้เจ้าหน้าที่ส่งคนมารับ ดีที่ไม่รีบเยี่ยวก่อนที่จะมา ก็ให้เยี่ยวขวดเพื่อไปตรวจโดนไปร้อยกว่าบาทสบายตัว แค่ก็ไม่เข้าใจว่าตึกนี้มันเป็นความลับอะไรนักหนาคนต่างชาติทำงานให้เพียบ แล้วก็รีบไปกรมตำรวจเพราะกลัวจะปิดให้บริการ พอถึงสยามแหละจะเดินไปเข้าประตูที่กรมตำรวจ มันให้ไปเข้าเกือบถึงรพ.ตำรวจมันก็ไม่ไกลหรอกแต่ร้อนและเหนื่อยพอเข้าไปแม่มก็เดินไปอย่างลึก ดีที่บริการไวปั้มลายนิ้วมือเหมือนโรงรับจำนำอ่ะ แต่เอาทุกนิ้วทั้ง2ข้างโดนไป100สบายตัวอีกรอบ ก็กะจะเดินเที่ยวแต่กลัวมันปาระเบิดเลยกลับบ้านดีกว่า
โอเคบ่นพอแหละ นอนดีกว่า
ถามที ถ้าหากสมมุติว่ามึงมีหลานเป็นญาติห่างๆ มึงเคยสนิทกับมันมาก
แต่อยู่มาวันหนึ่งหลายปีผ่านไปมึงมาเจอหลานอีกทีในสภาพที่มึงว่าอีกไม่เกินปีมันนีทแน่ๆ
เรียนก็ไปเรียน ทำงานก็ทำ แต่ทำแบบทำไปงั้น ทำเพราะอยากกลับบ้านเร็วๆ
มันมาเล่าให้มึงฟังว่ามันเบื่อชิบหาย เบื่อห่าเหวอะไรไม่รู้นั้นละ ไม่อยากทำเหี้ยอะไร
อยากอยู่บ้านเฉยๆแต่จิตใต้สำนึกมันรู้ว่าไม่ควรทำ มันเลยต้องไปเรียนไปทำงาน
ทั้งๆที่ไม่มีความสุข พ่อแม่มันบอกว่าไอนี่ไม่ยิ้มไม่หัวเราะอะไรมานานแล้ว
มึงคิดว่ามึงจะช่วยหลานยังไงดีวะ หรือปล่อยไว้แล้วเดี่ยวมันดีขึ้นเอง
ส่วนหนึ่งคือมันเป็นญาติห่างๆ เราไม่ควรไม่ยุ่งเรื่องของแม่งใช่ไหม
ตกลงมึงสนิทกับหลาน หรือง่าไม่สนิทกันแน่วะ
หาเมียให้?
ต้องให้มันห่างพ่อแม่มั่ง แบบเรียนมหาลัยต่างจังหวัดไรงี้ เผื่อจะได้หัดพึ่งตัวเองมั่ง
พ่อแม่เขาดูห่วงลูกด้วยวะ มีโอกาสสนับสนุนเป็นนีทสูง
แบบลูกไม่ต้องทำไรพ่อแม่เลี้ยงเอง ส่วนหนึ่งเพราะเป็นลูกสาวด้วยดูแลยากชิบหาย
อ้อ เป็นลูกสาว กูไม่ค่อยแปลกใจล่ะ
ชีวิตสบายเกินไป ไม่ค่อยได้ดิ้นรนอะไรเอง พ่อแม่กลัวลำบาก ตามเก็บตามช่วยตลอดเวลา
คิดว่าคงต้องให้ห่างพ่อแม่บ้าง ให้ช่วยเหลือตัวเอง แต่ดูทรงแล้วถ้าอยู่ในประเทศพ่อแม่ก็คงตามมาจุ้นอยู่ดี
ลองยุมันไปเรียนนอก หรือลง Work & Travel ดูสิ เผื่อมันจะติดใจชีวิตช่วยเหลือตัวเองแบบวัยรุ่นตปท.บ้าง
เป็นการเปิดหูเปิดตาด้วย ดีกว่าอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ประเทศเดิมๆ
>>136 ให้เดาคือแกควเคยมี แต่พอนานเข้าสิ่งที่ทำกับสิ่งที่ฝฝันมันจะยิ่งห่างไกลกันออกไป เหมือนเวคเตอร์สองเส้นที่ทีแรกก็คิดว่ามาสายนี้น่าจะใกล้เคียงกัน แต่เส้นสองเส้นนั้นยิ่งวิงต่อไปก็มีแต่จะไกลกันออกไปเรื่อยๆ
ชีวิตประจำวันที่ดำเนินต่อไปก็รู้ๆอยู่แล้วว่าจะไปในเส้นทางที่ฝันไม่ได้ ครั้นจะกลับไปเริ่มใหม่ก็อาจจะช้าไปแล้ว วันเวลาที่มีอยู่ก็ทำไปแค่เพราะรู้ว่าต้องทำเฉยๆ หาใช่เป็นสิ่งที่ทำเพราะอยากทำเลยสักนิด ถ้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกป่านี้คงปล่อยตัวให้เหลวแหลกไปกับความผิดหวังไปแล้ว
หักดิบได้มั้ย ลองไปลุยกับฝันที่ไม่คิดว่าจะทำได้ดู ถ้ามันไกลเกินเอื้อมขนาดนั้นต้องท่องกับตัวเองว่าชีวิตยังไม่มีอะไรสายเกินจะเริ่มใหม่
อย่าลืมว่าในโลกเรานี้ยังมีคนไปเรียนปริญญาตอนอายุ 70 นะเว้ย
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.