"เห็นข่าวUber ปรับราคาเดินทางไป(หรือกลับ)จากสนามบินจาก 500บาททุกกรณี มาเป็น 300บาททุกกรณี แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ และอยากเล่าเรื่องที่อยากเล่ามานาน
ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ผมว่างๆอยากหาไรทำ(เงินก็หมด) เลยไปลองสมัคร UBER มาขับดู รถของผมเป็นรถ 1.5 ธรรมดา เลยได้เป็น Uber X สำหรับคนที่ไม่ทราบ Uber มีแบบ X กับ Black แบล็คคือรถประมาณแคมรี่ แอ็คคอร์ด บีเอ็ม เบ็นซ์ อะไรพวกนี้ ซึ่งราคาจะแพงว่าX 2เท่า ซึ่งก็แล้วแต่ทาง Uber กำหนดด้วย
ผมเป็นคนชอบขับรถอยู่แล้ว ขับแรกๆก็สนุกดี ได้เจอคนใหม่ๆ ไปเส้นทางใหม่ๆเยอะ รายได้แรกๆก็ถือว่าน่าพอใจ สัปดาห์นึงขับประมาณ 30 เที่ยว ได้ประมาณ 5-6000 บาท เห้ยก็ดีนี่หว่า แต่ก็เพราะมันมีอัดฉีดให้สำหรับคนขับใหม่ๆ แต่พอขับไปสักพักนึง ถ้าสัปดาห์นึงขับได้แค่นี้จะเหลือแค่ประมาณ 3000 บาทเท่านั้น และได้เข้าไปในกลุ่มคนขับที่เขาตั้งกรุ๊ปไว้คุยกัน ก็ได้รับรู้ถึงปัญหามากมาย
1. คนขับที่ทำพาร์ทไทม์ ถูกกดขี่มากๆ คือขับยังไงก็ไม่คุ้ม เพราะเรต UberX มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ คนขับโดนหักจาก Uber ถึง 20% เรตราคาก็ต่ำกว่าแทกซี่ บางวันขับสิบรอบได้มาแค่ไม่ถึง 600บาท
.
2. คนขับไม่มีทางรู้ว่าคนเรียกจะเรียกไปไหน คือพอคนขับได้รับงานแจ้งเข้ามาในแอพฯ คนขับเลือกได้แค่ว่าจะไปหรือไม่ไปแค่นั้น ไม่มีบอกปลายทาง(ต่างจากgrabซึ่งเลือกได้) ทำให้บางครั้งต้องไปในที่ที่ไกลมากๆ ถึงใกล้มากๆ ซึ่งต้องมารู้หลังจากโทรคุย หรือถึงผู้โดยสารแล้ว
.
3. ไกลมากๆหรือใกล้มากๆก็มีข้อดีข้อเสีย ไกลมากๆบางครั้งก็ดีเพราะคนขับได้เงินเยอะ แต่ปัญหาคือขากลับถ้าไม่มีคนเรียกจะซวยมากเพราะต้องตีรถเปล่ากลับ เคยครั้งหนึ่งต้องไปส่งคนถึงท่าอิฐ(สุดขอบแผนที่ที่Uberให้ไป)ตอนสี่ทุ่ม(เรียกจากทองหล่อ) ขากลับกูจะไปหาผู้โดยสารที่ไหนมากลับ T-T ส่วนถ้าใกล้มากๆ ก็อาจจะสบายๆได้เงินเร็วๆ แต่เงินก็น้อยมากๆตามไปด้วย และเราอาจจะต้องขับฝ่ารถติดในเมืองไปรับผู้โดยสารเพื่อแลกกับเงินเพียง 50-70 บาท นี่เป็นปัญหาของการคิดเงินของ Uber ที่ไม่มีค่าเสียเวลาให้คนขับเลยตั้งแต่เรียก คือต้องกดเริ่มคิดเงินตอนที่ผดส ขึ้นมาในรถเท่านั้น
.
4. ตัวคูณที่เห็นๆกันในโซนในเมืองช่วงชั่วโมงเร่งด่วน คือตัวคูณเพื่อ"ล่อ" ให้คนขับเข้ามา เนื่องจากโซนนั้นช่วงนั้น ผดส ต้องการเรียกเยอะ แต่รถน้อย ระบบก็เลยขึ้นเลขคูณค่าโดยสาร ทีนี้พอคนขับเห็น ก็จะรีบบึ่งเข้าไปในโซน พอคนขับเข้าไปพร้อมๆกันปุ๊ป ระบบแม่งก็จะเปลี่ยนกลับเป็นราคาเท่าเดิมหรือลดตัวคูณลง ซึ่งคนขับน้อยคนมากๆที่จะมีโอกาสรับผดส ที่ยอมเรียกตอนตัวคูณสูงๆ
.
5. คนขับจะมีการันตีรายได้ให้เช่นถ้าขับช่วงเวลานี้ๆจะได้การันตี 230 บาทต่อชั่วโมงแน่นอน ซึ่งเหมาะกับคนที่ขับเป็นประจำไม่เหมากับพาร์ทไทม์แน่ๆ เพราะช่วงการันตีสูงๆคือช่วงเช้าตั้งแต่ 6-10 โมง และช่วงเย็นค่ำๆซึ่งไม่ค่อยมีใครอยากขับกันเพราะรถติดมากๆ
.
6. คนขับBlack เมื่อก่อนสามารถเลือกเปิดระบบได้สองแบบคือ Black ก็ได้ หรือถ้าไม่มีผดส อยากจะไปขับในระบบ X ก็ได้ แต่ก็ต้องยอมรับในเรตราคาที่ต่ำกว่า แต่รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้Uber บังคับให้ Black ต้องเปิดทั้งสองระบบพร้อมๆกัน ทำให้คนที่ขับ Black ต้องจำใจรับลูกค้าในเรตของ x ที่ต่ำกว่ามากๆ และไม่คุ้มเลย
.
7. มาที่เรื่องสนามบิน เรื่องสนามบินนี่เป็นปัญหามาก เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่การท่าฯมาคอยควบคุม หากจับได้ว่าเป็นคนขับ Uber ก็จะถูกปรับและตักเตือน ถ้าตักเตือนแล้วยังมาอยู่ก็อาจถูกดำเนินคดี ริบใบขับขี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่บางคนก็จะแฝงตัวเป็น ผดส สมัครแอพมาเรียกเลย พอคนขับรับปุ๊ปก็เชิญไปปรับ ได้ยินมาว่าที่เป็นแบบนี้เพราะ เจ้าหน้าที่บางคนก็คุมรถลิโม่เองด้วย ซึ่งในส่วนนี้ Uber ไม่รับผิดชอบอะไรนะครับ โดนปรับก็โดนปรับ
.
8. แต่เดิมรายได้จากสนามบิน ไม่ว่าเรียกไป หรือเรียกกลับ จะคิดราคาเหมาคือ 500 บาท Uber หักไป 20% คนขับได้400 ราคานี้ผู้โดยสารอาจมองว่าแพงไป แต่สำหรับคนขับที่ได้แค่400 ถือว่าพอสมน้ำสมเนื้อเพราะบางทีต้องเสี่ยงกับการตีรถเปล่ากลับ แต่ตอนนี้Uber ลดลงมาเหลือแค่ 300 คนขับจะได้แค่ 240 เท่านั้น ซึ่งโหดมากๆ สมมุติคนเรียกจากปิ่นเกล้าไปสนามบิน นี่คนขับได้แค่ 240 นะครับ ทุเรศมากๆ
.
สรุป คนที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์ คือ
1. ผู้โดยสาร นะครับ เพราะราคาถูกถึงถูกมาก ดีกว่าแทกซี่ไม่ต้องวุ่นวาย
และ 2. คือUber ที่นอนกิน%กันไปสบายๆ
แต่คนที่โดนเอาเปรียบสุดๆคือคนขับครับ ตอนนี้ในกลุ่มคนขับจึงพยายามรณรงค์ออฟไลน์กันเพื่อเป็นการประท้วง แต่ก็นั่นแหละครับ Uber มันก็จะใช้วิธีทำตัวคูณเยอะๆออกมาเพื่อล่อให้คนขับออกมาขับ หลังจากการปรับราคาสนามบิน มาดูกันว่าคนขับUberที่รวมตัวกันจะมีท่าทีอย่างไรกันต่อ
(โดยส่วนตัวตอนนี้ผมเลิกขับมาพักนึงแล้วเพราะมีเปเปอร์งานปอโทต้องทำมากมาย ไม่มีเวลาออกมาขับ)
#ทุนนิยมนี่มันเหี้ยจริงๆ"