วันนี้ start up Thai ต้องการอะไร..??
ในความคิดของผม ที่เน้นการเติบโตที่ยั่งยืน มากกว่าผลตอบแทนระยะสั้น
มองว่า สิ่งแรกที่Start up ต้องการมากกว่าทุน คือ product concept หรือ business model...หลังจากที่ผมได้คุยกับ start up มาสัก 7-80ราย มีเข้าตาจริงๆ 2-3บริษัทเท่านั้น...ที่ผมอยากลงทุนด้วย..แต่deal จนจบจริงๆแค่1บริษัทครับ..!!
แต่1บริษัทที่ว่า คือ บ.MEB เมื่อมาอยู่กับผมแล้ว มียอดขายที่เติบโตเกือบ500% ในช่วงเวลา2ปีเท่านั้น...และสำคัญกว่านั้น ทำกำไรได้ทุกปีครับ และมีแนวโน้มที่อัตราทำกำไรจะสูงขึ้นเรื่อยๆ.....ที่ผมพูดเสมอว่าธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายเราวัดกันที่ยอดขายและกำไร..!!
ในช่วงเร่งโต เรายอมรับการขาดทุนได้ แต่ต้องดูว่าอัตราการโตมันคู่ควรกับการขาดทุนขนาดนั้นหรือไม่..?? ถ้าโตมากก็จริง แต่ขาดทุนหนัก สุดท้ายก็ไปไม่รอดอยู่ดี เมื่อเงินทุนที่อัดฉีดเข้าไป เลิกสนับสนุน ก็ต้องขายกิจการกันในราคาถูกๆ เพราะบางครั้งค่าใช้จ่ายในการปิดธุรกิจสูงกว่าการขายธุรกิจออกไปในราคาซาก..!!
ที่พูดเรื่องproduct หรือ service concept สำคัญมากๆ เพราะเป็นด่านแรกเลย ที่invester ที่มีประสพการณ์ มองว่าเป็นไปได้หรือไม่...และส่วนใหญ่ มันไม่มีทางสมบูรณ์แบบแต่ต้นหรอกครับ...แต่ invester เก่งๆจะมองลึกไปกว่านั้นคือ founder หรือทีม มีcharacter ที่เปิดกว้างทางความคิด ที่จะฟังความเห็นอื่นในการพัฒนาหรือไม่..??
เพราะไม่มีทางที่สินค้านั้น เมื่อออกสู่ตลาดแล้วจะไม่มีการปรับจูนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมตลาด เมื่อกลุ่มลูกค้าmass ทดลองใช้
ดังนั้น start up รายไหนที่ ego สูงๆ หรือ over confidence ถ้าคุณไม่เก่งจริงๆ ระดับอัจฉริยะแบบ Steve Jobs...การเปิดใจรับฟังความเห็นอื่น เป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้เงินทุนสนับสนุนหรือไม่ได้รับการสนับสนุนกันเลยทีเดียว
และว่าไปแล้ว start up ในไทยประสพการณ์ทางธุรกิจ ไม่มากนักครับ
รายที่มีประสพการณ์สูงๆ และเก่งมากๆ อย่าง Jitta เป็นต้น พอลงมาทำ start up ผมมองว่าไปได้ไกลมากๆแน่นอน..พวกเก่งจริงๆพวกนี้ไม่ค่อยเดือดร้อนกับการหาเงินทุน เพราะนักลงทุนมีแต่แย่งกันเอาเงินไปให้
ผมมีโอกาสได้สัมผัสกลุ่ม start up ที่ฝรั่งเศษเกือบ200ราย พูดได้เลยว่าแตกต่างกับ start upไทยมากมายนัก...start up ที่โน่นอายุค่อนข้างมากครับ 30-40 เป็นส่วนใหญ่ ทุกคนเคยผ่านชีวิตการทำงานมาแล้วจนตกผลึก และทำสินค้า product concept หรือ business model ที่ใกล้เคียงความจริง และมีความเป็นไปได้สูงมากเป็นส่วนใหญ่เลย
เหมือนกับ start up ไทยที่เพิ่มประสพการณ์ไปอีก10ปี และทุกคนเปิดกว้างในการรับฟังความเห็นต่างกันดีมาก...egoน้อยแต่ยอดขายเยอะครับ..!!
เราทุกคนมีความฝัน เราทุกคนมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศ แต่ใจอย่างเดียวไม่พอครับ..!!
โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้น ต้องรับฟังความเห็นต่างให้มากๆ
เพราะคุณจะโตด้วยจุดแข็ง แต่คุณจะพังเพราะจุดอ่อนเสมอ..!!
คุณต้องหาให้เจอครับ ว่าจุดอ่อนคุณอยู่ตรงไหน..??
ถ้าหาไม่เจอ ตอนคุณล้มเผลอๆยังไม่รู้เลยว่าเราล้มเพราะอะไร..??
สู้ๆนะครับ start up ไทย...ที่เขียนมากก็หวังว่าจะเป็นการ ติเพื่อก่อ และอยากเห็น start up ไทยมีบทบาทเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจไทย ให้เป็นธุรกิจช่วย Added value ให้ประเทศได้อย่างแท้จริง...