กระทู้ที่แล้ว >>>/lounge/2198/
----------
BE CIVIL
Last posted
Total of 826 posts
กระทู้ที่แล้ว >>>/lounge/2198/
----------
BE CIVIL
รถไฟรางคู่มันได้เรื่องต้นทุนขนส่งหว่ะ ประเทศอุตสาหกรรม มีรถไฟรางคู่ส่งทรัพยากรเข้าโรงงานจากโรงงานเข้าโกดัง โกดังเข้าท่าเรือ.
ถ้าไอ้ความเร็วสูงนี่ ส่งระหว่างจังหวัดอุตฯ ชานเมืองเข้าเมืองเพื่อทำงานก็พอแล้ว หรือจะหวังท่องเที่ยว
สรุปคือถ้าเน้น อุตฯ รางคู่ดีกว่า. ถ้าเน้นท่องเที่ยวหรือมีแผนขยายเมืองให้คนอยู่รอบนอกเดินทางมาทำงานก็ทำเร็วสูงก่อน
พูดแล้วนึกถึงเส้นความเร็วสูงหัวหิน-กรุงเทพ ยังคิดทำอยู่รึเปล่า
เห็นโครงการรถไฟจีนพัฒนาฮวบๆขนาดนี้ กูคิดถึงชัชช่าขึ้นมาเลยว่ะ
รถไฟรางคู่แม่งควรจะมีมาตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว ถ้ามึงมีโรงงาน แล้วมีวิธีขนของคราวละเยอะๆได้ตรงเวลาแถมจ่ายไม่แพง ปลายทางไปรับขึ้นรถเล็กกระจายต่อได้เลย มึงก็ต้องเอาอยู่แล้ว ไอ้ที่รถไฟไทยมันไม่มีคนสนใจเพราะไม่ตรงต่อเวลานี่แหละ กูเคยนั่งไปเรียนเช้า รถดีเลย์ไปสามชั่วโมง ถึงมหาลัยบ่ายสอง หลังจากนั้นมากูก็ไม่เหยียบรถไฟไทยอีกเลย ถ้ามีรางคู่ ไม่ต้องรอสับรางหลบรถ คนในการรถไฟแม่งก็อยากได้เหอะ แต่ที่ยังดักดานอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะพวกเหี้ยๆที่ยังแดกกันไม่เลิกนั่นแหละ เรื่องรถไฟจีนนี่ก็เหมือนกัน แม่งเน่าตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มแล้ว
แล้วประเทศนี้จะจบยังไง ถ้ามันมาถึงจุดที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป
รางคู่=ขนส่งสินค้า เสริมความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ
ความเร็วสูง=ขนส่งคน เสริมการเดินทางท่องเที่ยว
ถ้าดูจากพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้ว การมีรถไฟรางคู่จำเป็นกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจกว่า ทั้งยังสามารถใช้รถไฟขนคนระหว่างชานเมืองได้
>>2 รถไฟความเร็วสูงมีราคาแพงเกินกว่าจะใช้เป็นการเดินทางสาธารณะประจำวัน แม่แต่ญี่ปุ่นหรือฝรั่งเศสก็ใช้รถไฟธรรมดาในการเดินทางชานเมือง
การส่งเสริมอุตสาหกรรมคือการส่งเสริมการสร้างงานนวัตกรรมในประเทศ ทำให้เราเป็นประเทศผู้ผลิต มีองค์ความรู้ในประเทศ ขยายการจ้างงานที่ใช้ความชำนาญ รวมถึงส่งเสริมSMEในด้านต่างๆ แค่ผลประโยชน์แค่นี้ก็เหนือกว่ารถไฟความเร็วสูงแค่ไหนแล้ว
รถไฟความเร็วสูงเน้นส่งคนไม่เน้นส่งสินค้า จึงไม่ส่งเสริมอุตสาหกรรมมากเทีารถไฟรางคู่ ต่อให้ส่งเสริมการท่องเที่ยวก็ไม่ได้สร้างนวัตกรรมเท่าภาคอุตสาหกรรม เมื่อดูจากตัวอย่างของญี่ปุ่นและฝรั่งเศส การสร้างรถไฟความเร็วสูงทำเพื่อเชื่อมมหานครเข้าด้วยกัน แต่ไทยตอนนี้ยังไม่มีเมืองไหนเป็นมหานครไกล่เคียงกรุงเทยเลย
พูดอย่างถึงที่สุด รถไฟความเร็วสูงไม่ได้ทำเพื่อการท่องเที่ยว แต่ทำเพื่อการขนย้ายคนระหว่างมหานครที่สะดวกสะบายและรวดเร็วกว่าเครื่องบิน การสร้างรถไฟความเร็วสูงควรมองจุดนี้เป็นหลัก
พูดอีกแง่ การสร้างรถไฟความเร็วสูงควรตามหลังจากที่รถไฟรางคู่กระจายรากฐานเศรษฐกิจสู่ต่างจังหวัดเรียบร้อยแล้ว และเกิดเมืองมหานครที่ไกล้เคียงกรุงเทพจึงสร้างรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน
กูมองมุมนี้ถึงคิดว่ารถไฟรางคู่มีความจำเป็นมากกว่ารถไฟความเร็วสูง อย่างน้อยที่สุด กูต้องการให้ไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมเข้มข้นก่อนเป็นประเทศท่องเที่ยว ทำคู่ก็นก็ได้ แต่ควรเน้นอุตสาหกรรมแล้วดึงแรงงานภาคการเกษตรให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อให้คนมีเงินพอกินพอใช้ พอคนมีเงินเกลือใช้แล้วเศรษฐกิจก็จะโตตามไปเอง นี่คือเหตุผลทั้งหมดของกู
มันมีมุมที่ว่าเมืองใหม่จะเกิดขึ้นจากพื้นที่ขนาบข้างรถไฟความเร็วสูงด้วยนะคุณ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีการวางแนวทางพัฒนาให้ชัดเจนไปพร้อมกันทุกหน่วยงาน ไม่ใช่โยนให้แต่คมนาคมหรือหน่วยงานไหนทำอยู่เดี่ยวๆ
ถ้ารอให้เกิดมหานครใหม่ที่เทียบเท่ากรุงเทพ ก็รอไปเถอะ ไม่ได้เห็นใน 50 ปีนี้หรอก ไม่มีที่ไหนใกล้ความจริงเลย กระจายความเจริญเราทำกันมากี่ปีแล้ว
อีกมุมนึงคือ ถ้ามีรถไฟความเร็วสูงเมื่อไหร่ เจ๊เกียวและ สายการบินแห่งญาติ ลงหลุมแน่นอนครับ
แล้วรถไฟรางคู่ไม่ทำให้เกิดชุมชนเหรอ ลองดูสถานีรถไฟฟ้าสิ สร้างที่ไหนคนก็ไปที่นั่น ใช้เหตึผลนี้มาอ้างไม่ได้หรอกว่าต้องสร้างรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น เพราะรถไฟรางคูก็สร้างได้
อีกจุดนะ รถไฟความเร็วสูงตัวสถานีจะห่างกันมาก อาจจะเลยจังหวัดด้วยซ้ำ แต่สถานีรางคู่ถ้าเทียบกับรถไฟรางเดี่ยวในไทย แทบจะมีทุก10กิโลหรือน้อยกว่าด้วยซ้ำ ถ้าชุมชนเกิดขนาบรางรถไฟและหนาแน่นแถบสถานี รถไฟรางคู่ก็ได้เปรียบกว่าเห็นๆ
เมืองไทยแทบไม่กระจายความเจริญเพราะการควบคุมจากส่วนกลาง แต่ลองปล่อยอำนาจนี้ดูสิ ตัวอย่างคือสุพรรณกับบุรีรัมย์ที่ถูกปกครองโดยตระกูลเดียวนี่ละที่เจริญจริงๆ อำนาจของผู้ว่าไม่นับกทม.ก็เป็นแค่แม่บ้านคอยปัดกวาดให้สะอาด มีความเป็นอิสระน้อยกว่ากำนันอีก
จะเกิดมหานครมึงต้องมีงานอุตสาหกรรมให้ทำด้วยคนมันถึงจะย้ายไปอยู่กันเยอะๆ
ไปสร้างความเร็วสูง ก็เหมือนรถไฟฟ้า คือแม่งมีแต่คอนโดฯกับห้างฯช็อปปิ้ง ยิ่งถ้าค่าโดยสารแพงกินความรู้สึกก็จบเห่
สร้างรางคู่มันส่งเสริมอุตสากรรมเหนือกว่าความเร็วสูง ทั้งยังทำให้เกิดการจ้างงานอุตสาหกรรมโดยรวม การขนส่งสินค้าก็ไม่ด้อยกว่าความเร็วสูงทั้งยังได้ปริมาณและราคาที่คุ้มทุนกว่าความเร็วสูงที่ต่อเที่ยวมี่ค่าโดยสารที่สูง
ปัญหาคือแรงงานไทยแม่งเรื่องมาก คนเลยไปจ้างต่างด้าวมาแทนทำให้ ศก.ไทยที่ควรจะไหลหมุนเวียนจึงสะดุดเพราะเงินมันไหลออกไปกับแรงงานต่างด้าว
สังเกตดูว่าจีนเวลาจะก่อสร้างอะไรมันใช้จ้างคนจีนสร้างเองทั้งนั้น ตอนนี้คนจีนมาเที่ยวแม่งก็เอาคนจีนไปจอง,ซื้อพื้นที่ให้คนจีนไปกินไปพักอยู่กันเองเงินก็หมุนเข้าคนจีน ซึ่งประเด็นคนจีนนี้เริ่มเห็นชัดใน ไทยและญี่ปุ่น(ข่าวคนจีนไปซื้อที่พักแถวฟูจิ)
อีกทั้งค่านิยมคนไทยนิยมขับไปเองมากกว่าโดยสารยานพาหนะอื่นๆไป
การมีรถไฟจึงได้แค่แชร์ส่วนแบ่งจากคนนั่งพาหนะมากกว่า ส่วนรถยนต์ยังนิยมขับเองมากกว่าต่อไป จนกว่าจะถึงจุดเปลี่ยนความนิยมซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร
มหานครกับเขตอุตสาหกรรมนี่มันควรจะแยกกันนะ รางคู่กับความเร็วสูงก็เหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่ว่ารางคู่ก็ทำให้เกิดเมืองได้ สนามบินก็ทำได้ ทางหลวงก็ทำได้ ทำได้หมดแหละ ขึ้นกับว่าจะโฟกัสอะไรเพียงแต่ลักษณะของเมืองที่เกิดขึ้นจะต่างไป ยิ่งถ้าอยากให้คนลดการใช้รถยนต์ ก็ยิ่งต้องสร้างค่านิยมใหม่ ทำให้การเดินทางด้วยวิธีอื่นมันสะดวกสบายจนคนเลิกใช้รถ ซึ่งไอ้ที่ควรจะทำที่สุดคือการพัฒนาระบบรางที่นิ่งสนิทมาเป็นร้อยปีนี่ไง
นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องขนผักนะ
กูว่าเอารางคู่กอนดีกว่าเมิง ทำให้ทั่วประเทศก่อน
กรุงเทพเป็นมหานครในลักษณะที่มีอุตสาหกรรม ล้อมรอบจังหวัดอีกชั้นหนึ่ง (การกระจายผลิตภัณฑ์ วัตถุดิบ ก็มีทั้ง ทางรถ ทางเรือ รถไฟ) ส่วนกรุงเทพก็กลายเป็นพวกตึกออฟฟิค สาขาใหญ่ไว้ควบคุมอีกทอด
ขณะที่จังหวัดอื่นๆที่ใหญ่รองลงมาเราจะรู้สึกแค่ว่าโตเพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยว หรือศูนย์รวมของภาคนั้นๆ
ส่วนตัวกูรู้สึกว่าไทยเรายังมีอุตสาหกรรมน้อยเกินไป ยิ่งไม่มีปัญญาผลิตเอง ไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเองยิ่งแย่ต่อภาพรวมศก.(กูไปลองเล่นพวก gadget เห็นพวกที่มียี่ห้อเกาหลี จีน ผลิตเองได้แล้ว เข้าไปตีตลาดยุ่นกระเจิง ติดตลาดนอก ติด Topขายดี แล้วได้แต่เสียดายทำไมไทยเราผลิตเองไม่ได้สักทีทั้งทีก็บ้าของพวกนี้มานานไม่แพ้กัน)
จริงๆมันควรทำเป็นลำดับขั้นที่รองรับอนาคต แต่ก็ยากเพราะรุ่นต่อๆมามันคิดหลักกูคนละแบบ(เช่นเก็บพื้นที่ไว้พัฒนาในอนาคต พอรุ่นมาก็เสือกขายทิ้งให้เอกชน) ก็เลยพัฒนาลำบากอีก
เพราะจะมาพัฒนารางมันก็ทับบ้านคน ทับถนน งบบานทั้งนั้น
>>14 กูพิมพ์ตกไปหน่อยเรื่องแบรนด์ ไทยเราชอบให้คุณค่าแบรนด์เกษตรกรรม,หัตถกรรม,ของกิน สูงมากไปวะ (ขณะที่ฝั่งไอที-เทคโนโลยี นี้เงียบแดกสัส ยังดีด้านการสุขภาพ-แพทย์ยังมีชื่อเสียงบ้าง)
บางอันนี้ก็เวอร์สัส ต้องยกราคาได้ระดับแบรนด์เนมยุโรปอเมริกา
ทั้งที่เรายังส่งออกวัฒนธรรมแย่กว่าญี่ปุ่น จีน เกาหลีแต่เหมือนหลงตัวเองคิดว่าเราเจ๋งกว่าแต่เสือกไม่สั่งสมชื่อเสียงไต่จากล่างขึ้นบนแต่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเลย(กูด่าถึง otop ด้วยอ่ะ)
>>14 กูพิมพ์ตกไปหน่อยเรื่องแบรนด์ ไทยเราชอบให้คุณค่าแบรนด์เกษตรกรรม,หัตถกรรม,ของกิน สูงมากไปวะ (ขณะที่ฝั่งไอที-เทคโนโลยี นี้เงียบแดกสัส ยังดีด้านการสุขภาพ-แพทย์ยังมีชื่อเสียงบ้าง)
บางอันนี้ก็เวอร์สัส ต้องยกราคาได้ระดับแบรนด์เนมยุโรปอเมริกา
ทั้งที่เรายังส่งออกวัฒนธรรมแย่กว่าญี่ปุ่น จีน เกาหลีแต่เหมือนหลงตัวเองคิดว่าเราเจ๋งกว่าแต่เสือกไม่สั่งสมชื่อเสียงไต่จากล่างขึ้นบนแต่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนเลย(กูด่าถึง otop ด้วยอ่ะ)
งานศิลปะบางอย่างขายได้แพงนะมึง พวกเซรามิค,เครื่องจักสาน,เฟอร์นิเจอร์ไม้,ไม้แกะสลัก พวกนี้มันได้ราคาแต่ใช้แรงงานฝีมือ ให้พวกโง่ๆทำเยอะๆไม่ได้
เอางานเครื่องเงินเครื่องถมทำเป็นกระเป๋าไปขายออกงานได้นะมึง. คนอื่นต้องกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อดีไซน์เนอร์ดัง ถ้ายกเป็นกระเป๋าเครื่องเชี่ยนหมากโลหะออกงานกูว่าโคตรเก๋
ซื่อเมืองนอกก็เหี้ยไม่ต่างจากสื่อไทยเท่าไหร่นะ
http://i.imgur.com/SHtY3cl.jpg
http://i.imgur.com/4s3RFrI.png
Topic has been locked by moderator.
No more posts could be made at this time.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.