อันนี้แหล่ะที่โจมตีตัวบุคคล คือใครจะสอนอะไรมึงก็สบประมาทไปก่อนแล้วไม่ได้ผลไง สำหรับกูนะโรงเรียนมีพื้นฐานมาจาก Janisary โรงเรียนทหารสมัยก่อนมันตั้งขึ้นมาเพื่อปั้นพลทหาร มันจะสอนระเบียบวินัย,การอ่าน,การเขียน,การใช้อาวุธซ้ายหันขวาหันแค่นั้น และจะฝังหัวเลยว่าถ้าทำผิดจะโดนลงโทษอย่างรุนแรง เริ่มคุ้นๆไหมกับการที่โดนครูเรียกมาตอบคำถามแล้วถ้าตอบไม่ได้ต้องยืน. แล้วถ้าคนไหนมีสกุลดีหรือฉลาดจะคัดไปเรียนเป็นเสนาธิการ คือเอาคนฉลาดซัก5%มาเรียนวิชาขั้นสูงเอง แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอยู่ดี
ไอ้โรงเรียนของไทยหรือทั่วโลกมันก็สอนแบบนี้มาหมดหว่ะคือถ้าไม่โดดเด่นพอมึงก็ตามๆเขาไปรู้จักระเบียบวินัยสังคมให้ดี แล้วก็ป้อนเข้าระบบอุตสาหกรรมไป. แต่ถ้าพ่อแม่คนไหนเห็นศักยภาพเด็กจริงๆมึงจะสนับสนุนให้กลายเป็น นักกีฬา,ศิลปิน,ดารา,อัฉริยะคณิตศาสตร์,นักร้อง,นักดนตรีก็ต้องสอนแบบพิเศษเองนะ. ซึ่งไอ้พวกที่เป็นคนเก่งโลกดิจิตอลที่ว่ามาส่งนใหญ่มันก็โตมากับสภาพแวดล้อมพิเศษ อาจจะได้จับคอมพ์ฝึกCodingมาตั้งแต่เด็กและมีความสามารถอื่นๆอีกเยอะสนับสนุนด้วยไม่ใช่เป็นเนิร์ดเข้าสังคมไม่ได้แน่ๆ
สำหรับทางออกของกูนะกูว่าสอนโปรแกรมให้เด็กก็ต้องดูว่าสมองมันรับไหวไหมด้วยถ้า สอนพื้นฐานทั้งห้องแล้วจับคนฉลาดมาสอนแอดวานซ์ซักห้องละ2-3คนก็ได้ใช่ป่ะ. แต่เรื่องจริงคือมันเป็นการแบ่งชนชั้นอีก
แต่ถ้าพวกมึงยอมรับว่าเด็กมันฉลาดไม่เท่ากันก็สอนพื้นฐานกับคน100%แล้วจับคนมีแววจริงๆ1%มาสอนแอดวานซ์. เหมือนสอนพลทหาร1000คนมีเสธ.1คนก็ได้ใช่ป่ะ สอนละเอียดแล้วเด็กมันรับไม่ได้ก็เปลืองทรัพยากรอีก