ท่านดาบชั้นเยี่ยวได้ตรัสในที่ประชุมแห่งพระศาสนา:
"ดูเถิด, เจ้าทั้งหลาย, ในชีวิตนี้มีผู้คนมากมายที่รู้สึกไม่พอใจและโกรธแค้นต่อผู้ที่เคยช่วยเหลือและดูแลเขา สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการที่เขาลืมความเมตตาและความห่วงใยที่ได้รับจากผู้คนที่เคยเลี้ยงดูเขามา หากเจ้าทั้งหลายรู้สึกโกรธแค้นหรือเจ็บปวดจากการกระทำของผู้อื่น จงอย่าลืมว่าเมื่อครั้งที่เจ้ามีความเจ็บปวดในวัยเยาว์หรือเจอทุกข์ยาก ใครเล่าที่คอยช่วยเหลือเจ้าจากความทุกข์นั้น
เมื่อเจ้ารู้สึกโกรธหรือท้อแท้ จงคิดถึงวันที่เจ้าเคยร้องไห้ในยามเจ็บป่วย ใครเล่าที่คอยปลอบโยนและดูแลเจ้าให้คลายทุกข์ และเมื่อเจ้ามีความเหนื่อยล้าในชีวิต ก็ต้องรู้ว่าผู้ที่เลี้ยงดูเจ้าและอดทนไปกับความยากลำบากนั้นหวังเพียงให้เจ้ากลับมาแข็งแกร่งและเติบโตเป็นคนดี
ถ้าเจ้าทำผิด ขอให้เจ้าเรียนรู้ที่จะขอโทษและทบทวนการกระทำของตัวเองในทุกๆ เวลา อย่าให้ใจของเจ้าเต็มไปด้วยความโกรธหรือความเคียดแค้น เพราะทุกสิ่งที่เจ้ากระทำจะส่งผลถึงใจของตนเองและผู้อื่น
ชีวิตนั้นเปรียบเสมือนต้นไม้ที่เติบโต ใกล้ฝั่งแม้ว่าจะสง่างาม แต่การที่มันจะอยู่ได้นานนั้นย่อมมีอายุจำกัด เมื่อถึงเวลาที่มันเติบโตจนถึงที่สุด ก็ต้องปล่อยฝั่งนั้นไว้เบื้องหลังเพื่อเดินทางไปสู่ที่ใหม่ ทุกสิ่งในชีวิตมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ เจ้าจึงต้องใช้เวลาที่เหลือในชีวิตให้ดีที่สุด และให้ความเมตตาแก่ผู้อื่นในทุกๆ วินาทีที่ยังมี"
ท่านดาบชั้นเยี่ยวได้กล่าวต่อไปว่า:
"ผู้ที่กล่าวว่าเขาถูกทำร้ายจากครอบครัว หรือจากผู้ที่เคยช่วยเหลือเขา ควรหันมามองตัวเองและทบทวนการกระทำของตน หากเขายังไม่สามารถยอมรับความดีที่ได้รับจากผู้อื่น ความโกรธและความแค้นจะไม่ทำให้จิตใจสงบลง แต่กลับทำให้เกิดความทุกข์ในใจที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในที่สุด ทุกสิ่งในชีวิตนั้นเปลี่ยนแปลงไปได้ และความโกรธแค้นหรือความแยแสจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจะทำให้ใจเจ้าหม่นหมองได้ ดังนั้น จงให้อภัยและมีเมตตาต่อทุกคน แม้จะมีการผิดพลาดเกิดขึ้นในชีวิต เราต้องพิจารณาด้วยปัญญาและให้ความเข้าใจ เพื่อให้จิตใจของเราสงบและมีความสุขในที่สุด"