ไม่ว่า Work hard จะเป็นคำตอบมั้ยก็ตาม แต่ผมว่ามันชัดเจนมากเลยนะว่า การเดินออกไปบอกใครต่อใครว่าจง Work hard ซะจะได้รอด มันไม่เวิร์ค
คือต่อให้คุณจะเห็นด้วยกับการทำงานหนักก็เหอะนะ แต่ผมว่ามันชัดนะว่าคำพูดแบบนี้ ก็เห็นว่าไอ้คนที่ขยันอยู่แล้วก็ออกมาโวยวายว่าจะเอาอะไรเพิ่มจากฉันอีก ไอ้คนเก่งก็มีเหตุผลมากมายมาอธิบายว่าทำไมไม่ใช่คำตอบ ไอ้คนที่กินแรงคนอื่นมันก็ยิ่งได้ข้ออ้างเพิ่ม
ถ้าสมมติคุณเห็นว่า Work hard เป็นคำตอบจริงๆ วิธีการกระตุ้นแบบนี้มันชัดนะว่าไม่ได้ผล
ประเด็นของผมแม่งไม่ใช่เรื่องจะมา Hard จะมา Smart หรือจะมา Balance อะไรเลยนะ แต่สติและความเข้าใจกันและกันอ่ะสำคัญมาก
ผมเคยเจอองค์กรและทำทีมที่ Work hard โดยธรรมชาติมาพอประมาณนึง และทุกครั้งมันเกิดขึ้น มันไม่เคยเกิดขึ้นด้วยวิธีการเดินไปบอกว่าจงขยันขึ้นไม่งั้นคุณไม่รอดแน่นอนเลยครับ มันเกิดจากอย่างอื่นทั้งนั้นอ่ะครับ
ใครสามารถใช้วิธีนี้ทำให้คนขยันทำงานหนักต่อเรื่องเกิน 1 ปี ผมอยากเห็นเหมือนกันครับ เพราะที่ผมเห็นคือมันจะได้ไม่นาน แล้วพอไม่ได้ผลก็เลิกหรือหนีกันหมดแล้ว หรือไม่ก็เอาความโกรธแค้นไปใส่คนพูดแทน หรือไม่ก็กลายเป็นผิดหวังแล้วเข้าโหมดหน้าด้านไปเลย
ไว้วันหลังผมอยากจะบ่นเหมือนกันว่า Survival mechanism ของมนุษย์เนี่ยมันทำยังไง เพราะคนเราชอบเข้าใจผิดว่าถ้ามนุษย์เวลาหนีตายสามารถทำอะไรได้มหาศาลให้ทำอะไรก็ยอม งั้นก็กระตุ้นให้มันหนีตายเรื่อยๆ สิ จะได้เอาพลังแบบนั้นมาใช้ตลอดเวลา ซึ่งมันทำไม่ได้ครับ มันมีเหตุผลที่สมองมนุษย์เราออกแบบมาให้เซฟพลังงานแบบนั้นไว้ใช้ตอนหนีตาย ยิ่งพยายาม Hack เกินพอดี ก็ยิ่งพังครับ
ทำให้ผมนึกถึงช่วงหลังเราชอบเห็นความคิดที่ว่า มีมนุษย์มากมายเลยที่ต้องรอถึง Deadline ถึงจะทำงานได้เยอะ หมดจากที่คอย Procasinate ตลอดเวลา แล้วก็มีคนพยายาม Hack สร้าง Deadline ปลอมๆ ขึ้นมากระตุ้น แล้วผลที่ได้ในระยะยาวก็ตรงข้ามกันเลย กลายเป็นทีนี้แม้แต่มี Deadline ก็ขยันทำงานเยอะแยะแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะสมองจำแล้วว่าพวกนี้มันหลอก
จากที่อย่างน้อยเดิมทีก่อนหน้านี้ยังพอขยันได้ตอนมี Deadline กลายเป็นว่าตอนนี้ Deadline ก็ไม่ช่วยอีกแล้ว
คือสิ่งแรกที่ต้องมีคือความเข้าใจจริงๆ นะ มันไม่ใช่ว่าเราจะจัดการเรื่องแบบนี้ไม่ได้ครับ แต่ไอ้การพยายามเกรียนพยายาม Hack คนอื่นโดยไม่มีความเข้าอกเข้าใจเป็นพื้นฐานเนี่ย ผลระยะยาวไม่ค่อยดีหรอกครับ