Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 24th quotes

Last posted

Total of 949 posts

753 Nameless Fanboi Posted ID:OL+3uwgw+T

เวลาผมได้ยินคนพูดว่า “ต้องปรับตัวสิ” ในบทสนทนาเกี่ยวกับการแข่งขันในกิจการต่างๆ อันที่จริงผมก็ไม่ได้เถียงหรอกว่าคำพูดนี้ไม่จริง แต่ผมก็มีอะไรสงสัยตามมาอีกเป็นพรวนเช่น

- เราจะปรับตัวยังไงภายใต้เงื่อนไขที่กฎกติกามันเอื้อแค่เฉพาะคนบางกลุ่มได้ประโยชน์สูงสุด

- ต้องปรับตัวให้ถึงจุดไหนถึงจะเรียกว่ารอด เพราะคำว่ารอดและเป้าหมายของการปรับตัวแต่ละคนนั้นน่าจะแตกต่างกัน

- safety net ของแต่ละคนไม่เท่ากัน ทำให้ขีดความสามารถและข้อจำกัดการปรับตัวแต่ละคนไม่เท่ากัน และ ไม่เหมือนกันอีกด้วย

- ในหลายกรณี เช่น เกษตรกรที่ทำการเกษตรบนผืนที่ตัวเองมาตั้งแต่ปู่ย่าตาทวด ปลูกพืชขาดทุนทุกปีแต่ก็ยังต้องทำต่อไปด้วนเหตุผลอื่นๆที่ไม่ใช่เรื่องการคำนวน cost-benefit ทางเสดสาดอย่างเดียว เราจะสามารถตำหนิคนกลุ่มนี้ได้มั้ยว่าไม่ยอมปรับตัว ?

เป็นต้น

ถ้าเราถกเถียงคำว่าปรับตัว-ไม่ปรับตัวด้วยท่าทีทางทฤษฎีตลาดเสรีแบบที่ชอบทำกันมาตลอด ผมคิดว่าการถกเถียงระหว่างบรรทัดอาจจะ miss the point ไปหลายอย่าง อย่างน้อยก็ 3-4 ข้อที่ผมยกมาด้านบน

ส่วนตัวผมเลยไม่ค่อยอินกับการถกเถียงในลักษณะนี้มานานพักใหญ่ๆแล้ว

ผมเห็นว่าการเอาทฤษฎีตลาดเสรีว่าด้วยปรับตัว-ไม่ปรับตัวในสนามแข่งขัน บ่อยครั้งไม่ได้สะท้อนโลกแห่งความเป็นจริงอีกหลายมิติตามที่ทฤษฎีนำเข้ามาจากดัทช์สมัยศตวรรษที่ 17-18 ได้นำเสนอเอาไว้แล้วคนมาเรียนท่องกันตามมหาวิทยาลัยนำมาพูดต่อ

แค่ไปเจอคนทำกิจการเจ๊งแล้วเจ๊งอีกแต่ก็ยังต้องทำต่อไป ทฤษฎีนี้ก็อธิบายไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพราะ by logic ทางทฤษฎี ถ้ามึงเจ๊ง มึงต้องปรับตัวสิ ถ้าทำแล้วเจ๊งแสดงว่าไม่ปรับตัว ต้องแพ้ออกจากสนามไป แต่ดันทำต่อไม่เคยหยุด ไม่ออกจากสนาม ผมเห็นคนเป็นแบบนี้จากชีวิตจริงมาแล้วหลายครอบครัว เจอด้วยตัวเองครับ

มันก็ตัองมีอะไรมากกว่านั้น จึงเป็นที่มาว่าผมถึงมีคำถามตามมาเป็นพรวนแทบทุกครั้งเมื่อเจอข้อถกเถียงแบบนี้

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.